๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 09, 2024, 04:56:08 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศิริราชเผยผลวิจัยขนหัวลุก ติดเชื้อตายในรพ.4 หมื่นคนต่อปี  (อ่าน 4231 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 12:50:06 AM »

 ตะลึง! ข้อมูลคณะวิจัยศิริราชพบผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลทั่วประเทศสูงถึง 4 แสนราย ตาย 4 หมื่นต่อปี หมดค่ารักษาปีละ 2 หมื่นล้าน เผยเมื่อ 10 ปีก่อนตายเฉียดหมื่นติดเชื้อเกือบล้าน ระบุมีเชื้อดื้อยาอีกเพียบที่ไม่มียาวิเศษที่ไหนรักษาได้ วอนรัฐใส่ใจให้งบซื้ออุปกรณ์แพทย์ไม่ใช่รีไซเคิลเหมือนทุกวันนี้ ฟันธง ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพเอเชียไม่ได้แน่ ถ้าไม่แก้ปัญหา “หมอสุชัย” แนะประชุมเวิร์คช็อปโรงพยาบาลทั่วประเทศให้ความรู้บุคลากรสธ.ตั้งรับ หวั่นเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่รับมือไม่ทัน
       
       ศ.นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล รมช.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลครั้งที่ 19” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2548 จัดโดยชมรมผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลศิริราช ร่วมกับโรงพยาบาลบบำราศนราดูร โดยมีการนำเสนองานวิจัยที่จัดทำโดยทีมวิจัยจากโรงพยาบาลศิริราชนำโดย ศ.เกียรติคุณ นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ประธานศูนย์ควบคุมโรคติดเชื้อศิริราชพยาบาล และคณะได้นำเสนองานวิจัยการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล จากการวิจัยพบว่า โรคติดเชื้อในโรงพยาบาลทำให้มีผู้ป่วยปีละ 4 แสนราย เสียชีวิตปีละ 4 หมื่นราย เสียค่าใช้จ่ายปีละ 2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.4% ของการควบคุมการแพร่ระบาดการติดเชื้อ ลดลงจากเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลสูงถึงปีละ 8 แสน ราย เสียชีวิต 8 หมื่นราย คิดเป็น 11.4%
       
       ศ.นพ.สมหวัง กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลมาถึง 19 ปีพบว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงเวลานี้ก็คือเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลเริ่มเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ป่วยไม่มียารักษาก็ต้องเสียชีวิต ที่เคยตกเป็นข่าวครึกโครมก่อนหน้านี้ต้องเรียนว่าเป็นเพียงเปอร์เซ็นต์ปัญหาเพียงน้อยนิดเท่านั้น เมื่อเทียบกับเชื้อดื้อยาที่มีทั้งหมด บริษัทที่ผลิตวัคซีนมาป้องกันก็ไม่อยากผลิตเพราะไม่คุ้มกับเชื้อที่ดื้อยาอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนในเรื่องวัสดุอุปกรณ์และบุคลากรยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้องใช้อุปกรณ์ที่ใช้แล้วซ้ำหลายครั้ง ซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศที่เขาใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งการติดเชื้อในโรงพยาบาลจึงค่อนข้างต่ำเช่น เยอรมัน สหรัฐอเมริกา รวมถึง ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยในโรงพยาบาลเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากกระบวนการรักษา วัสดุอุปกรณ์ อาหารที่รับประทาน ขยะมูลฝอย น้ำเสียที่มีเชื้อโรคในโรงพยาบาล ฯลฯ อย่างไรก็ตามถ้าเทียบกับอัตราการติดเชื้อในโรงพยาบาลถือว่าประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ต่ำเกือบที่สุดในโลกเพราะมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

 
 
 
 
       
       
       ประธานศูนย์ฯ กล่าวด้วยว่า การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาลบาลต้องการการสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ 5 ด้าน คือ 1.การพัฒนาคน แพทย์ พยาบาล ฯลฯ 2.การพัฒนาระบบงาน 3.การเฝ้าระวังโรคและพัฒนาเครือข่าย 4.การทำวิจัย และ 5.การควบคุมคุณภาพ พร้อมทั้งชี้ถึงผลเสียของการไม่ควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลด้วยว่า ผู้ป่วยและประชาชนที่เกิดจากการติดเชื้อโรคจะฟ้องร้องสถานพยาบาล โรคระบาดจะเกิดขึ้นในวงกว้าง สิ้นเปลืองงบประมาณในการรักษาอย่างมหาศาล และที่สำคัญต่างชาติจะไม่ยอมรับมาตรฐานของประเทศไทย
       
       “โอกาสที่ประเทศไทยจะเป็น Medical Hub Of Asia หรือศูนย์กลางสุขภาพแห่งเอเซีย ตามที่รัฐประกาศนโยบายไว้คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หากไม่สามารถควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลได้ เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในภูมิภาคนี้เขาดูแลดีกว่าเราไม่ใช่เขาเก่งกว่าแต่เพราะเขารวยและใส่ใจสุขภาพมากกว่า” ศ.นพ.สมหวัง กล่าว และว่านอกจากนี้หากมีการควบคุมการติดเชื้อได้ดีจะทำให้ผู้ป่วยและประชาชนปลอดภัย ทั้งยังสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อชนิดอื่นได้เช่น ไข้หวัดนก ซาร์ส ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ รวมทั้งสามารถประหยัดงบประมาณในการรักษาต่อปีด้วย ประการสำคัญทำให้ประชาชนและนานาประเทศไว้วางใจในมาตรฐานการรักษาของประเทศไทยด้วย
       
       ศ.นพ.สุชัย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านและประเทศไทย มีความร่วมมือกันเฝ้าระวังปัญหาโรคอุบัติใหม่-อุบัติซ้ำ เช่น โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก อย่างเข้มข้น ซึ่งแม้ล่าสุดจะมีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนกที่ประเทศเวียดนาม แต่ในส่วนของประเทศไทยจนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้สถานพยาบาลทุกแห่งเข้มงวดการปฏิบัติ 3 มาตรการคือ 1.การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติตนให้ห่างไกลจากโรคไข้หวัดนก 2.การเฝ้าระวังควบคุมโรค โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เมื่อพบผู้ต้องสงสัยให้มีการซักประวัติและส่งรักษาต่อตามคู่มือที่แจกไว้ทุกหมู่บ้าน และ 3.การให้การรักษาที่รวดเร็วเมื่อพบผู้ป่วย
       
       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ 20 ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เพื่อใช้ดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา การควบคุมป้องกันโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ เช่น โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมในกลุ่มประเทศอาเซียน บวก 3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี)
       
       ศ.น.พ.สุชัย กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลโรคซาร์สในฮ่องกง เมื่อปี 2546 พบว่าแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้อง เป็นบุคคลเสี่ยงอันดับต้นๆ ที่จะได้รับเชื้อขณะดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาล หากมีมาตรฐานการควบคุมโรคติดเชื้อที่ไม่ดีพอ และจะกลายเป็นพาหะนำโรคไปสู่ผู้ป่วยคนอื่นหรือบุคคลใกล้ชิดได้ การพัฒนาระบบงานด้านการควบคุมการ ติดเชื้อในโรงพยาบาล จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยลดปัญหาในเรื่องการติดเชื้อจากคนสู่คน
       
       ศ.น.พ.สุชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาการควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ เป็นการจัดการเฉพาะด้านตามความเสี่ยงในกลุ่มงานนั้นๆ แต่หลังจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับโรคติดต่อที่รุนแรง เช่น โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก หรือเหตุการณ์ธรณีพิบัติ(สึนามิ) ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดต่างๆ การควบคุมโรคติดเชื้อจึงเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องให้ความสนใจและดำเนินการอย่างเข้มงวด ซึ่งนอกจากจะเกิดความปลอดภัยทั้งของตนเองและผู้ป่วย รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาพยาบาลแล้ว ยังจะช่วยให้มาตรฐานการควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลของไทย เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศเหมือนกับการดำเนินงานสาธารณสุขหลายๆ ด้านที่ผ่านมา
       
       นอกจากนี้ ผลวิจัยระบุด้วยว่า การติดเชื้อโรคในโรงพยาบาลที่พบมากที่สุดคือ แผนกศัลยกรรม อายุรกรรม กุมารเวชกรรม และศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ (ร้อยละ 9.1,7.6,6.1 และ 5.Cool ตามลำดับ ตำแหน่งที่มีการติดเชื้อมากได้แก่ ทางเดินหายใจส่วนล่าง ทางเดินปัสสาวะ แผลผ่าตัด และผิวหนังและเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนัง (ร้อยละ 34.1,21.5,15.0 และ 10.5 ของจำนวนการติดเชื้อทั้งหมด)ตามลำดับ
 
ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันนะคับค่ายาเดียวนี้แพงมากๆๆพี่สาวผมเป็นดีเทลยาวันนี้ผมกวนให้ซื้อยาให้เพื่อนเพราะคุณยายเค้าติดเชื้อที่ปอดเล่นเอากระเป๋าตังแห้งกันเลยคับขนาดได้ราคาพิเศษนะเนี้ย...........มีบางคนบอกว่าทำงานแทบตายเข้าโรงพยาบาลทีเดียวจนเลย      พี่ๆๆที่มีอายุแล้วในเวปอย่าล้มนะคับแม่ผมล้มไปผ่าตัดกระดูกสันหลังมานี้ หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตารินเล่นหมดไปหลายแสนขนาดรู้จักอาจาร์ยและเข้าโรงพยาบาลรัฐบาลยังเล่นเอาแย่เลยคับดูแลสุขภาพกันหน่อยนะคับผม
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
Nakin
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 115
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3905


รักทุกคนเลย ......


« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 01:19:29 AM »



This   is   worrisome   matter  ,  so   many   times   I   saw   some   staffs  ,  nurses   and   doctors   in   the   hospitals   ignored   the   hygienics  .      Angry

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2005, 01:23:05 AM โดย Nakin » บันทึกการเข้า

Happy   shooting    ......   

พูดจริง     ก็หาว่า    โกหก     ........     พูดตลก    ก็หาว่า     หลอกลวง
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1990
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22741


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 01:25:14 AM »

 Cool ความจริงบางครั้งก็โหดร้ายคับ...

แล้วลองคิดดูสิคับว่าใครที่ต้องเผชิญหน้ากับเชื้อโรคเหล่านี้อยู่ทุกวัน...

คนไข้ ญาติผู้ป่วย หรือบุคลากรทางการแพทย์ ที่กินนอนทำงานอยู่ในโรงพยาบาลทุกวัน...

เรื่องเหล่านี้ในวงการแพทย์ทราบกันดีอยู่แล้ว...

มีแต่ผู้บริหารที่ทำเป็นไม่ทราบ แค่อยากออกทีวีอย่างเดียวคับ... Cool
บันทึกการเข้า
Nakin
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 115
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3905


รักทุกคนเลย ......


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 01:41:52 AM »


Yes  ,  the   doctors  ,  nurses   and   staffs   in   the   hospitals   are   in   the   risk   as   well .

All   Thai   politicians   must   focus   on   this   matter   seriously   !     Angry


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2005, 01:43:38 AM โดย Nakin » บันทึกการเข้า

Happy   shooting    ......   

พูดจริง     ก็หาว่า    โกหก     ........     พูดตลก    ก็หาว่า     หลอกลวง
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16168


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 10:50:59 AM »

มีวิดวะเขาบอกว่า ตึก รพ. ในเมืองไทยไม่ได้สร้างเพื่อการกักเชื้อ เชื้อจะแพร่ไปอยู่ในระบบอากาศของตึกได้ง่ายครับ...... หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
berm
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 14
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1194



« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 11:10:15 AM »

มีหลายข้อมูลที่พอทราบแล้วขนลุกครับ เช่นในกรุงเทพ จะพบศพลอยน้ำเฉลี่ยเดือนละ 5 ศพ (ถ้าไม่ผิด) ฯลฯ ผมว่าใครรู้ข้อมูลสถิติที่ว่าน่ากลัวมาเล่าสู่กันฝังบ้างก็ดีครับ
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 11:44:52 AM »

 มีข้อสังเกตนิดนึงครับ คือสมัยนี้ถ้าใครจะออกมาให้ข้อมูลหรือเสนอแนวใดๆก็ตามให้รัฐฯ จะต้อง"นำเสนอข้อมูลเชิงผลประโยชน์อยู่ด้วยเสมอ"เช่น

ผู้ป่วยและประชาชนที่เกิดจากการติดเชื้อโรคจะฟ้องร้องสถานพยาบาล โรคระบาดจะเกิดขึ้นในวงกว้าง สิ้นเปลืองงบประมาณในการรักษาอย่างมหาศาล และที่สำคัญต่างชาติจะไม่ยอมรับมาตรฐานของประเทศไทย
       
       “โอกาสที่ประเทศไทยจะเป็น Medical Hub Of Asia หรือศูนย์กลางสุขภาพแห่งเอเซีย ตามที่รัฐประกาศนโยบายไว้คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หากไม่สามารถควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลได้
ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้รับความสนใจจากผู้กุมอำนาจเอาเสียเลย

  และที่สำคัญต่างชาติจะไม่ยอมรับมาตรฐานของประเทศไทย ท่านเล่นเกมส์บริหารประเทศด้วยระบบบริษัทหนักข้อไปหน่อยกระมังครับ ถ้าไม่ได้นำเสนอข้อมูล ว่ามีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าแล้วท่านจะไม่ต้องแยแสสนใจหรือครับ ?
 
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 12:10:57 PM »

  ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- ปิดฉากโรงแรมเมืองใหม่พร้อมโรงหนังฟ้าธานี ย่านถนนห้วยแก้วของ "เรืองวิทย์ ลิกค์" ส.ส.กำแพงเพชร ที่ทิ้งร้างและประกาศขายมานานกว่าทศวรรษ ลือสะพัด "ชินวัตร" ทุ่มทุนถึง 500 ล้านบาท ซื้อพร้อมสั่งทุบทิ้งทั้งหมด เพื่อสร้างโรงพยาบาลในเครือพญาไท
       
       แหล่งข่าววงการพัฒนาที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในระยะที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวในวงการที่ดินของจ.เชียงใหม่ ว่า มีการกว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่ กลางเมืองเชียงใหม่เกิดขึ้น ของกลุ่มคนในตระกูล "ชินวัตร" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
       
       ทั้งนี้ ที่ดินที่มีการติดต่อซื้อขายกัน คือ ที่ดินขนาด 9 ไร่ ที่เคยเป็นที่ตั้งของโรงแรมเมืองใหม่ - โรงภาพยนตร์ฟ้าธานี อดีตโรงภาพยนตร์ชั้นแนวหน้าของเชียงใหม่ยุคกว่า 10 ปีก่อน บริเวณริมถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่เคยเป็นของกลุ่มนายเรืองวิทย์ ลิกค์ ส.ส.เขต 1 กำแพงเพชร พรรคไทยรักไทย แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มีการตกลงซื้อขายกันในราคาเท่าใด
       
       แหล่งข่าว ระบุอีกว่า ทั้งนี้หลังการซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโรงแรมเมืองใหม่ - โรงภาพยนตร์ฟ้าธานีครั้งนี้ กลุ่มทุนเจ้าของที่คนใหม่ได้ว่าจ้างบริษัท นิ่มซี่เส็ง จำกัด ของตระกูลใหญ่ในจ.เชียงใหม่ คือ "สุวิทย์ศักดานนท์" เข้าดำเนินการทุบอาคารทั้งในส่วนของโรงแรม - โรงภาพยนตร์ทิ้ง เพื่อเคลียร์พื้นที่รองรับโครงการ ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ในเครือพญาไท ซึ่งมีนายวิชัย ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท ซึ่งเดิมเป็น ทนายความชื่อดัง ที่รับว่าความในคดีซุกหุ้นให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือหุ้นใหญ่อยู่
       
       แหล่งข่าวจากวงการที่ดินในเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ที่ดินผืนดังกล่าว ถือว่าเป็นผืนที่งามที่สุดของเชียงใหม่ก็ว่าได้ เพราะมีถนนตัดผ่านหลายสายเดินทางเข้าออกได้หลายทาง สะดวกต่อการคมนาคมที่สุดประกอบกับมีแหล่งธุรกิจใหญ่ ๆ อยู่รอบ ๆ และถือว่าเป็นทำเลที่เหมาะจะสร้างเป็นแหล่งธุรกิจ หรือโรงพยาบาลก็ได้ สำหรับสนนราคาที่มีการซื้อกันนั้น ราคาทั้งหมดไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ล้านบาท
       
       อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันดีลการซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างคราวนี้ นับว่า เป็นราคาที่ไม่สูงมากนัก หากเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน ในยุคที่ดินเมืองเชียงใหม่บูม เนื่องจากขณะนี้ราคาที่ดินในย่านดังกล่าวมีราคาประมาณตารางวาละ4-5 หมื่นบาทเท่านั้น จากเดิมตารางวาละ 1.2 แสนบาทขึ้นไป
       
       สำหรับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว นายเรืองวิทย์ เข้าเทกโอเวอร์ต่อจากบริษัท เมืองใหม่ธุรกิจ ของกลุ่มนางวาสนา โพธิ์พูนสวัสดิ์ เมื่อปี 2534 ที่ผ่านมาหลังจากที่โรงแรมดังกล่าวได้ปิดกิจการลงได้ประมาณ 6 เดือน ในราคากว่า 300 ล้านบาท โดยมีกลุ่มบ้านฉาง เข้าร่วมถือหุ้นด้วยในสัดส่วน 30% และมีโครงการที่จะลงทุนก่อสร้างคอนโดเทลขนาดใหญ่แทนโรงแรมเมืองใหม่ ที่เคยเป็นโรงแรมชั้นนำของเชียงใหม่ขนาด 205 ห้อง และมีอาบอบนวดอยู่ภายในอีก 60 ห้อง พร้อม ๆ กับความพยายามที่จะรื้อฟื้นโครงการลงทุนในที่ดินผืนนี้ในหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น
       
       ในส่วนของโรงภาพยนตร์ฟ้าธานี ในช่วงแรกยังคงให้นาย วีรศักดิ์ จุลนิพิฏฐ์วงค์ หรือ กำนันนั้ม นครปฐม คนดังในแวดวงโรงหนังภูธร - ร้านเช่าวิดีโอ ที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เช่าดำเนินการแบบไม่มีสัญญา ซึ่งสัญญาเช่าดังกล่าว ก็ต้องสิ้นสุดลงในเวลาไม่นานนัก
       
       อย่างไรก็ตามตลอด 14 ปีเศษที่ผ่านมา กลุ่มนายเรืองวิทย์ ก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการปรับปรุง หรือฟื้นฟูกิจการโรงแรมเมืองใหม่ - โรงภาพยนตร์ฟ้าธานีขึ้นมา รวมถึงโครงการลงทุนใหม่ของพวกเขาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ออกมาตลอดระยะเวลา หลังจากที่เข้าซื้อกิจการต่อจากเจ้าของเดิม จะมีเพียงความพยายามในการติดต่อหานักลงทุนรายอื่น เข้ามาซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยมีการกำหนดราคาขายไว้ตั้งแต่ 14 ปีก่อนที่ 400 ล้านบาท หรือตารางวาละ 1.2 แสนบาท แต่ก็ไม่มีนักลงทุนรายใดที่ตัดสินใจเข้าซื้อ
จะเกี่ยวกะอันนี้ไหมเนี้ย อ่านของพี่อีเมลทำให้นึกขึ้นมาได้เลยเอามาให้อ่านคับ
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20775



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 04:01:46 PM »

...เชื่อว่าจริงครับ  เชื้อในโรงพยาบาลยิ่งดื้อยาแบบหน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าที่ไหน  หายามาปราบยาก  นอนโรงพยาบาลนานๆ ถ้าไม่หายก็จะแย่เพราะเชื้อพวกนี้  Tongue Embarrassed
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
MedCadet
Sr. Member
****

คะแนน 14
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 529



« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 04, 2005, 09:29:32 PM »

เชื้อดื้อยามีให้เห็นเป็นปกติอยู่แล้วครับ ยิ่งในรพ.ของรัฐ ที่ได้ไปเห็นมา จะติดเชื้อมันก็ไม่แปลกหรอกครับ รพ.ศูนย์แห่งหนึ่ง ที่หอผู้ป่วยรับผู้ป่วยได้ สามสิบห้าคน แต่ว่ามีความจำเป็นต้องรับผู้ป่วยมากถึงห้าสิบคน เตียงก็เบียดๆกัน เสริมกันแทบจะทุกตารางนิ้ว
ห้องแยกสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้ง่ายก็ไม่ค่อยมี ห้องแยกสำหรับผู้ป่วยที่มีเชื้อดื้อยาแล้วก็ไม่มี

เวลาเดินตรวจคนไข้ตอนเช้า พอตรวจเสร็จหนึ่งเตียง ก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ แต่ว่ามันก็ช่วยได้ไม่เท่าไหร่ เห็นแล้วก็ได้แต่เศร้าใจกับคุณภาพชีวิตของคนไทย พอเชื้อเริ่มดื้อยาแล้ว สามสิบบาทก็เริ่มจะไม่รักษาทุกโรคแล้วสิ... Tongue Tongue Undecided
บันทึกการเข้า

True success is not in the learning, but in its application to benefit mankind.
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 05, 2005, 10:52:01 AM »

เท่าที่ทราบโครงการ30บาทนี้ใช้ยาในประเทศนะคับและยาบางตัวนี้สู้ยาต่างประเทศไม่ได้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.177 วินาที กับ 22 คำสั่ง