๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
มีนาคม 19, 2024, 06:42:52 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถามจริง ประเทศนี้ มีปืนกี่กระบอก ? 485 ใบอนุญาตค้าอาวุธ ขายปีละล้านกระบอก กระสุน  (อ่าน 2582 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 07:35:55 PM »

ถามจริง ประเทศนี้ มีปืนกี่กระบอก ? 485 ใบอนุญาตค้าอาวุธ ขายปีละล้านกระบอก กระสุนอีก 3 ล้านนัด/ปี

วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 13:11:04 น.
Share  



 
 

หนุ่มใต้คลั่งฆ่าตำรวจ-แท็กซี่ ยิงแพทย์หญิง


ยิงถล่ม ผู้ใหญ่ไข่ เมืองนครดับ


สิบเอก เมายิงในผับภูเก็ตดับ  ๑


พิจิตรดุยิงกันเจ็บ  ๒


โฆษกตำรวจ เตือนห้ามยิงปืนขึ้นฟ้า


นี่เป็นข่าว อาชญากรรมที่ใช้ปืนเป็นอาวุธ ในวันที่  14 เมษายน  เพียงวันเดียว


เอาเข้าจริง คนไทยตายและบาดเจ็บ จากอาวุธปืน เพิ่มมากขึ้นทุกปี


อาจเป็นเพราะคนไทย พกปืนกันมากขึ้น


ร้านปืนขายปืนได้มากขึ้น  ข้าราชการใช้สิทธิ"สวัสดิการ"ซื้อปืนอย่างเอิกเกริก  ทั้งๆ ที่หลายหน่วยไม่จำเป็นต้องใช้ปืน


ชาวบ้านเองก็ซื้อปืนได้ง่าย ทั้งในระบบและนอกระบบ

..................


เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อมูลอาวุธปืนและกระสุนปืนที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นข้อมูลเป็นทางการและอัพเดทสุด
เป็นข้อมูลที่  นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบกระทู้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส. ประชาธิปัตย์


ใน ๕ คำถาม คือ


๑. ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้มีการติดตามการจำหน่ายกระสุนปืนอย่างไร


๒. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๓ ร้านจำหน่ายกระสุนปืนได้แจ้งจำนวนการจำหน่ายกระสุนปืนแต่ละประเภทเป็นจำนวนเท่าใด


๓. กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายใช้บาร์โค้ตกำกับการซื้อกระสุนปืนเพื่อป้องกันอาชญากรรมหรือไม่ อย่างไร


๔. ขอทราบสถิติร้านจำหน่ายปืนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงปัจจุบันว่ามีจำนวนเท่าใด มีการอนุมัติเพิ่มมากขึ้นปีละกี่ร้านมีหลักเกณฑ์อย่างไร


๕. ขอทราบรายละเอียดของอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งหมดที่อนุญาตให้บุคคลครอบครองมีกี่ชนิดกี่ประเภท เป็นจำนวนเท่าใด ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงปัจจุบัน และมีการอนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืนจากพ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบันกี่ชนิด จำนวนเท่าใด

 

ล่าสุด นายชวรัตน์ ตอบคำถาม ข้อที่  ๑. ว่า   กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งที่ ๒๘๙/๒๕๕๒ เรื่อง การออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืนร้านประกอบ ซ่อมแซมเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนและกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับ การค้า ลงวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อวางระเบียบการจำกัดจำนวนร้านค้าอาวุธปืน  เครื่องกระสุนปืน ร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนและจำกัดจำนวนอาวุธปืน  และเครื่องกระสุนปืน โดยได้กำหนดให้ร้านค้าอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนแต่ละใบอนุญาตจำหน่าย
อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามที่กำหนดไว้ดังนี้
๑. อาวุธปืนยาวทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ ๕๐ กระบอก
๒. อาวุธปืนสั้นทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ ๓๐ กระบอก

 

๓. เครื่องกระสุนปืน แยกเป็น
- กระสุนปืนลูกโดดทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ ๒,๐๐๐ นัด
- กระสุนปืนลูกซองทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ ๗,๕๐๐ นัด
- กระสุนปืนลูกกรดทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ ๑๐,๐๐๐ นัด
- กระสุนปืนอัดลมทุกชนิด ทุกขนาด ไม่เกินใบอนุญาตละ ๓๐,๐๐๐ นัด

 

ในการติดตามการจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนนอกจากการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตให้ร้านค้าจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนต่อใบอนุญาตได้ตามจำนวนดังกล่าวข้างต้นแล้ว ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจะต้องรายงานยอดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่คงอยู่และที่จำหน่ายไปให้นายทะเบียน   ท้องที่ทราบทุกเดือนตามแบบ ป.๘ (แบบบัญชีสำหรับลงรายการยอดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนของผู้รับใบอนุญาต) รวมทั้งมีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจติดตามการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่อง  กระสุนปืน ไปดำเนินการตรวจสอบเป็นประจำทุกเดือน

 

 

นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการจัดทำโครงการฐานข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) ซึ่งระบบดังกล่าว  สามารถตรวจสอบข้อมูลติดตามการจำหน่ายกระสุนปืนได้อย่างเป็นระบบทั่วประเทศ


 

ข้อ๒. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๓ ร้านจำหน่ายกระสุนปืนได้แจ้งจำนวนการจำหน่ายกระสุนปืน  แต่ละประเภทดังนี้
- กระสุนปืนลูกโดด จำนวน ๒๔๐,๐๐๐ นัด
- กระสุนปืนลูกซอง จำนวน ๑,๐๖๗,๖๖๔ นัด
- กระสุนปืนลูกกรด จำนวน ๓๙๖,๐๐๐ นัด
- กระสุนปืนอัดลม จำนวน ๑,๒๖๐,๐๐๐ นัด

 

๓.กระทรวงมหาดไทย ไม่มีนโยบายใช้บาร์โค้ตกำกับการซื้อกระสุนปืนแต่มีโครงการจัดเก็บข้อมูล หัวกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืน เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลประวัติอาวุธปืนที่นายทะเบียนได้ออกใบอนุญาตให้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียม  อาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยการนำอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตไปทำการยิงเก็บหัวกระสุนปืนและปลอก
กระสุนปืน
 

 จากนั้นนำไปบันทึกข้อมูลด้วยเครื่องตรวจหัวกระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนอัตโนมัติ IBIS  (Integrated Ballistic Identification System) สำหรับใช้ในการตรวจสอบประวัติการกระทำผิด  เพื่อเป็นการสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนและการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ   และสอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงมหาดไทยในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายใน

 

๔. กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งที่ ๑๐๙/๒๕๓๕ เรื่อง การออกใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน  ร้านประกอบ ซ่อมแซมเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนและกำหนดจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนสำหรับ  การค้า ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยจำกัดการเพิ่มร้านค้าอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน  และร้านประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนมิให้เพิ่มจำนวนขึ้น และหากเห็นสมควรให้ลด
จำนวนลงได้
  
 ก่อนที่จะมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑๐๙/๒๕๓๕ จำกัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนนั้น มีจำนวนร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาต จำนวน ๓๓๕ ใบอนุญาต และ หลังจากที่มีการออกคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๒๘๙/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒  สามารถขอใบอนุญาตร้านค้าอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนได้ มีจำนวนร้านค้าที่ขอออกใบอนุญาตเพิ่มขึ้น จำนวน ๑๕๐ ใบอนุญาต รวมถึงปัจจุบันมีร้านค้าที่ได้รับใบอนุญาต จำนวนทั้งสิ้น ๔๘๕  ใบอนุญาต แยกเป็นในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน ๓๖๗ ใบอนุญาต ในจังหวัดอื่น จำนวน ๑๑๘  ใบอนุญาต


๕.   ปัจจุบันอาวุธปืนที่อนุญาตให้บุคคลครอบครองทั่วประเทศมี ๒ ประเภท คือ
อาวุธปืนสั้น จำนวน ๓,๖๗๕,๓๒๐ กระบอก
อาวุธปืนยาว จำนวน ๒,๔๕๐,๒๑๔ กระบอก
รวมจำนวน ๖,๑๒๕,๕๓๔ กระบอก
 


การ อนุมัติให้นำเข้าอาวุธปืนจาก พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน จำนวน ๒ ชนิด คืออาวุธปืนสั้น และอาวุธปืนยาว จำนวนทั้งสิ้นแยกเป็นรายปีดังนี้
ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ จำนวน ๖๑,๑๑๒ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๔๘,๐๖๓ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๓,๐๔๙ กระบอก

 ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๖๔,๗๙๘ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๔๕,๘๒๖ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๘,๙๗๒ กระบอก

 ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๓๕,๕๘๙ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๑๕,๙๓๓ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๙,๖๕๖ กระบอก

ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๘๐,๗๓๐ กระบอก แยกเป็น
- ปืนสั้น จำนวน ๖๕,๑๙๓ กระบอก
- ปืนยาว จำนวน ๑๕,๕๓๗ กระบอก

 


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1302847302&grpid=01&catid=&subcatid=
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 15, 2011, 07:52:17 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 07:56:25 PM »

ข่าวนี้แถมครับ  เพิ่งรู้มีค่าแต่งตัวให้ข้าราชการด้วย Cheesy

เปิดค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ ค่าแต่งตัวสูงสุด 6 หมื่น ค่าเช่าที่พักหมื่นบาท เบี้ยเลี้ยง 3,100 บาทวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 16:15:21 น.
Share 
 
ก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพียงไม่กี่วัน  ระเบียบกระทรวงการคลัง  ว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ 2 )พ.ศ.  2554   มีผลบังคับใช้   ความน่าสนใจคือแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายในการเดินทางไปราชการให้เหมาะสมและสอดคล้องกับประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน
   

       

ระเบียบใหม่ที่ใช้แทนระเบียบเดิมปี 2550 มีการแก้ไข 6   ประการสำคัญ  ดังนี้
   
   

1.  กรณีผู้เดินทางไปราชการถึงแก่ความตายระหว่างไปราชการโดยเหตุแห่งความตายมิได้เกิดจากการประทุษร้ายด้วยเหตุส่วนตัวหรือการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงของตน ให้บุคคล  ในครอบครัวของผู้ถึงแก่ความตายหรือผู้จัดการศพมีสิทธิเบิกค่าพาหนะในการเดินทางเพื่อไปปลงศพ  หรือค่าพาหนะและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับการส่งศพกลับภายในวงเงินและเงื่อนไข ดังนี้
     
 

 

 กรณีเดินทางเพื่อไปปลงศพ ให้บุคคลในครอบครัวเบิกค่าพาหนะได้ไม่เกินสามคน และให้เบิกได้เฉพาะค่าพาหนะไปกลับเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินอัตราตามเส้นทางจากท้องที่ที่ผู้ถึงแก่ความตายรับราชการไปยังท้องที่ที่ถึงแก่ความตายตามสิทธิของผู้ถึงแก่ความตาย เว้นแต่บุคคลในครอบครัวของผู้ถึงแก่ความตายมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการสูงกว่าสิทธิของผู้ถึงแก่ความตาย ให้เบิกค่าพาหนะไปกลับตามสิทธิของผู้นั้น แต่ถ้าผู้ถึงแก่ความตายไม่มีบุคคลในครอบครัว หรือมีแต่บุคคลในครอบครัวมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้จัดการศพ ให้ผู้จัดการศพเบิกค่าพาหนะได้เพียงคนเดียว
   
   

 

กรณีการส่งศพกลับ ให้เบิกค่าพาหนะในการส่งศพกลับได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราค่าพาหนะในเส้นทางจากท้องที่ที่ถึงแก่ความตายไปยังท้องที่ที่ผู้ถึงแก่ความตายรับราชการ และให้เบิกค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นที่เกี่ยวกับการส่งศพกลับได้เท่าที่จ่ายจริง”

   

 

 

2.   ค่าเช่าที่พัก ให้เบิกตามบัญชีหมายเลข 3   โดยจะเบิกค่าเช่าที่พักในลักษณะจ่ายจริง  หรือในลักษณะเหมาจ่ายก็ได้ แต่ถ้าเป็นการเดินทางไปราชการเป็นหมู่คณะต้องเลือกเบิกค่าเช่าที่พักในลักษณะเดียวกันทั้งคณะ


   

 

 3.   การเดินทางโดยรถไฟ ให้เบิกค่าพาหนะเดินทางได้เท่าที่จ่ายจริง สำหรับการเดินทางโดยรถด่วนหรือรถด่วนพิเศษ ชั้นที่ 1 นั่งนอนปรับอากาศ (บนอ.ป.) ให้เบิกได้เฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไประดับชำนาญงาน ขึ้นไป ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการ ขึ้นไป ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ตำแหน่งประเภทบริหาร หรือตำแหน่งระดับ 6 ขึ้นไป หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า
หรือข้าราชการตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 1 ขึ้นไป หรือข้าราชการอัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 2 ขึ้นไปหรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพันโท นาวาโท นาวาอากาศโท ขึ้นไป หรือข้าราชการตำรวจซึ่งมียศพันตำรวจโท ขึ้นไป

   

 

4.   การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับหัวหน้าคณะผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ขึ้นไป ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง ตำแหน่ง  ประเภทบริหาร หรือตำแหน่งระดับ 9 ขึ้นไป หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 3  ขั้นต่ำ ขึ้นไป หรือข้าราชการอัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 4 ขึ้นไป หรือข้าราชการทหาร
ซึ่งมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก อัตราเงินเดือนพันเอกพิเศษ นาวาเอกพิเศษ นาวาอากาศเอกพิเศษ ขึ้นไป หรือข้าราชการตำรวจซึ่งมียศพันตำรวจเอก อัตราเงินเดือนพันตำรวจเอกพิเศษ ขึ้นไป ทั้งนี้ ต้องไม่เกินสิทธิของหัวหน้าคณะนั้น


   

 

5.   ผู้ซึ่งเคยได้รับค่าเครื่องแต่งตัวในการเดินทางไปราชการต่างประเทศตามระเบียบนี้มาแล้วหรือเคยได้รับค่าเครื่องแต่งตัวจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามกฎหมายหรือระเบียบอื่นใด ไม่ว่าจะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ เงินนอกงบประมาณ หรือเคยได้รับความช่วยเหลือค่าเครื่องแต่งตัวจากหน่วยงานใด ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีสิทธิเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ เมื่อการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวครั้งใหม่มีระยะห่างจากการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวครั้งสุดท้ายที่ได้รับค่าเครื่องแต่งตัวเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่เดินทางออกจากประเทศไทย หรือเมื่อการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวครั้งใหม่มีระยะเวลาเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยสำหรับผู้ที่รับราชการประจำในต่างประเทศ

   

 

6.   ให้ยกเลิกความในบัญชีหมายเลข 2  บัญชีหมายเลข 3  บัญชีหมายเลข 6  บัญชี หมายเลข 7 บัญชีหมายเลข 8  และบัญชีหมายเลข 10  ท้ายระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิก ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2550  และให้ใช้ความตามบัญชีหมายเลข 2 บัญชีหมายเลข 3 บัญชีหมายเลข 6 บัญชีหมายเลข 7 บัญชีหมายเลข 8  และบัญชีหมายเลข 10 ท้ายระเบียบใหม่แทน

       

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นใหม่ที่น่าสนใจคือ อัตราเบี้ยเลี้ยงไปราชการทั้งในราชอาณาจักรและต่างประเทศ  อัตราค่าเช่าที่พักในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักรและต่างประเทศ    ค่าเช่าที่พักในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ  ค่าแต่งตัวสำหรับผู้เดินทางไปราชการต่างประเทศ

     

 

ทั้งนี้ อัตราสูงสุดที่น่าสนใจคือ เช่น


 

อัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปราชการต่างประเทศ กรณีเลือกเบิกในลักษณะเหมาจ่าย   กรณี ผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ขึ้นไป ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง ตำแหน่งประเภทบริหาร หรือตำ แหน่งระดับ 9 ขึ้นไป หรือตำ แหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 3 ขั้นต่ำ ขึ้นไป หรือข้าราชการอัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 4 ขึ้นไป หรือข้าราชการทหารซึ่งมียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก อัตราเงินเดือนพันเอกพิเศษนาวาเอกพิเศษ นาวาอากาศเอกพิเศษ ขึ้นไป หรือข้าราชการตำรวจ ซึ่งมียศพันตำรวจเอก อัตราเงินเดือนพันตำรวจเอกพิเศษ ขึ้นไป  อัตรา ไม่เกิน 3,100 บาท/วัน/คน

 

 

 

 ผู้ดำรงตำแหน่งกลุ่มนี้ หากเบิกค่าเช่าที่พักในการเดินทางไปราชการต่างประเทศแบบชั่วคราว จะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาท


 

สำหรับค่าแต่งตัวของกลุ่มนี้ในกรณีไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จะได้รับ 9,000 บาท / คน 


 แต่หากผู้เดินทางไปไปราชการประจำในต่างประเทศ   จะได้รับแบบเหมาจ่าย  45,000 บาท /คน  คู่สมรส ได้ 30,000 บาท บุตร ได้ 15,000 บาท


 

สำหรับ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง หรือตำแหน่งระดับ 10  ขึ้นไป หรือตำแหน่งที่เทียบเท่า หรือข้าราชการ ตุลาการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 3  ขั้นสูง ขึ้นไป หรือข้าราชการ อัยการซึ่งรับเงินเดือนชั้น 5  ขึ้นไป หรือข้าราชการทหาร ซึ่งมียศพลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี ขึ้นไป หรือข้าราชการ  ตำรวจซึ่งมียศพลตำรวจตรีขึ้นไป  จะได้รับค่าแต่งตัวในกรณีเดินทางไปราชการประจำต่างประเทศ 60,000 บาท คู่สมรส 40,000 บาท  บุตร 18,000 บาท

  

  (เปิด ดูระเบียบใหม่  และบัญชีท้ายระเบียบ ได้ที่ www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/E/042/1.PDF )
 
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10057



« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 08:56:25 PM »

น่าจะถามต่อว่าจริงๆแล้วผู้ทีอวป.ในครอบครองโดยถูกกฎหมายกี่คน คิดว่าน้อยกว่าจำนวนปืนเยอะ
คนที่สามารถจัดหาโดยถูกต้องตามกฎหมายเบื้องต้นคือคนดีเพราะไม่เช่นนั้นจะขอป.3ไม่ได้ ในใบรับรองการทำงานยังต้องมีข้อความว่าเป็นคนดีเลย
บันทึกการเข้า
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10979


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 09:32:24 PM »

สุดท้ายอาวุธปืนก็ตกเป็นจำเลยของนักข่าวที่หวั่งแต่จะขายข่าว  เศร้า
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
Earthworm
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 211
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1359


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 09:46:25 PM »

สุดท้ายอาวุธปืนก็ตกเป็นจำเลยของนักข่าวที่หวั่งแต่จะขายข่าว  เศร้า

     ของนักการเมืองด้วยครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23203



« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 10:44:44 PM »

น่าจะถามต่อว่าจริงๆแล้วผู้ทีอวป.ในครอบครองโดยถูกกฎหมายกี่คน คิดว่าน้อยกว่าจำนวนปืนเยอะ
คนที่สามารถจัดหาโดยถูกต้องตามกฎหมายเบื้องต้นคือคนดีเพราะไม่เช่นนั้นจะขอป.3ไม่ได้ ในใบรับรองการทำงานยังต้องมีข้อความว่าเป็นคนดีเลย

ในความเป็นจริงคนไม่ดีมีปืนมากกว่าคนดีอีกครับ  คนดีขอป.๓ แสนยาก  คนไม่ดีแค่เอ่ยปากป.๓ ก็มาล่ะมั้ง  Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 11:34:21 PM »

ข่าวพาดหัวข่าวนี้ อ่านแล้วก็ยังงงครับ สั้น+ยาว=80กระบอก ต่อ1ใบอนุญาต 80กระบอกX485ใบ=38,800 กระบอก

แต่ไหงนำเข้าไปปีละ6-8หมื่นกระบอก  คงจะรวมพวกปืนสวัสดิการต่างๆด้วย

พาดหัวซะเป็นล้านกระบอก ไม่รู้ใครบวกเลขให้   คิก คิก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2011, 10:20:38 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
ต่อครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 216
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4088


(** ^0^ **)


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 18, 2011, 09:21:31 AM »

นักข่าวเพื่อชีวิต...ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ค่อยนำเสนอด้านดีๆของเรื่องราวต่างๆ...เขียนแล้วต้องขายได้

ใบอนุญาต 485 ใบ หมุนกันได้เต็มที่ สั้น-ยาว ปีละ 77,600 - 100,000 กระบอก


บันทึกการเข้า

________________________________________

เพื่อชาติ<>ราชบัลลังค์.....ร่วมปกป้องสถาบัน.....
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6882


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 18, 2011, 09:43:46 AM »

ข่าวแบบนี้   เขียนได้มั่วดี
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
Earthworm
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 211
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1359


« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 18, 2011, 12:38:30 PM »



       ใบอนุญาตกับจำนวนปืนมันไม่เท่ากันหรอกนะครับผมว่า เพราะปืนผมเองกระบอกเดียวเห็นๆก็มีใบอนุญาต(ทั้งป๓.และ ป๔.) มาสามชุดแล้วครับ คือปืนเก่าโอนจากร้านเป็นชื่อลูกชาย เพื่อนไปซื้อมา ผมซื้อต่อมาจากเพื่อน ตอนที่ผมไปเอาปืนมา(ซื้อสองกระบอกพร้อมๆกัน) ใบป๔. ของปืนซื้อร้าน กับปืนซื้อต่อ ก็รันนัมเบอร์เกือบจะเรียงกันเลยครับ

         เพราะฉะนั้นการเช็คจำนวนปืนจากต้นขั้วใบอนุญาตผมว่ามันไม่ได้บอกถึงจำนวนปืนที่มีอยู่แล้วสักเท่าไหร่ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
R2D2
ท้าเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
Hero Member
*****

คะแนน 370
ออฟไลน์

กระทู้: 6107



« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 18, 2011, 02:31:33 PM »

แล้วแต่ละปีรถยนต์ชนคนตายกี่คน ชนกันเองตายกี่คน บาดเจ็บกี่คน ทรัพย์สินเสียหายกี่ล้านบาท แต่ละบ้านมีรถกี่คัน คนตายเพราะผู้ขับขี่เป็นเยาวชนอีกเท่าไหร่  การซื้อรถยนต์ต้องขออนุญาตหรือเปล่า ?  
บันทึกการเข้า
cz_dee *รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 236
ออฟไลน์

กระทู้: 893



« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 02:22:16 PM »

แล้วแต่ละปีรถยนต์ชนคนตายกี่คน ชนกันเองตายกี่คน บาดเจ็บกี่คน ทรัพย์สินเสียหายกี่ล้านบาท แต่ละบ้านมีรถกี่คัน คนตายเพราะผู้ขับขี่เป็นเยาวชนอีกเท่าไหร่  การซื้อรถยนต์ต้องขออนุญาตหรือเปล่า ?  
เห็นด้วยครับ อย่างมาก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.156 วินาที กับ 22 คำสั่ง