สหายเก่า..พันธสัญญา ๖๖/๒๕๒๓..กับความรู้สึกของแม่ผู้ชรา

<< < (3/7) > >>

Pandanus:
http://www.innnews.co.th/innexct/oct49_v12/p4.php


"ลุงคำตัน" และคำสั่งเสีย ดูแล "สหาย" ของพ่อ

"ลุงคำตัน" หรือ "พล.ท.พโยม จุลานนท์" ผู้บัญชาการกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) เป็นลูกของ พ.อ.พระยาวิเศษสิงหนาถ (ยิ่ง จุลานนท์) กับคุณหญิงเก๋ง จุลานนท์ และเป็นลูกเขยของ พ.อ.พระยาศรีสิทธิสงคราม (เมื่อแต่งงานกับ น.ส.อัมโภช ท่าราบ) อดีตกบฏบวรเดช (ตุลาคม ๒๔๗๖)

ก่อนเข้าป่า "พ.ท.พโยม" เป็นนายทหารใหญ่มีบทบาทสำคัญระดับ "นายทหารเสนาธิการ" และเป็นทหารที่มีความฝักใฝ่ในการเมืองด้วย เมื่อมีความใกล้ชิดกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงได้ร่วมทำการรัฐประหารเพื่อล้มล้างรัฐบาลของ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ต่อมาขัดแย้ง จอมพล ป. โดยเข้าร่วมกบฏโรงเรียนเสนาธิการ
(กบฏเสนาธิการ) เมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๑ ไม่สำเร็จ ถูกปราบจนต้องลี้ภัยการเมืองไปศึกษาที่สถาบันลัทธิมาร์กซ์ - เลนิน ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

๘ ปี (๒๕๐๐) จึงกลับไทยพร้อมลงสมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส ในสังกัดพรรค "สหภูมิ" และได้เป็น ส.ส.เพชรบุรี ก่อนที่ในปีถัดมามีการเปลี่ยนแปลงการเมืองต้องหลบลงใต้ดินอีก

สามปีผ่านยิ่งถูกรัฐบาลทหารรุกหนัก ถึงขั้นประหารชีวิต รวม วงศ์พันธ์ สมาชิกกรมเมือง ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดของ พคท. ทำให้มุ่งหน้าสู่ราวไพรเพื่อเตรียมการสู้รบด้วยอาวุธในเขตป่าเขา ถัดมาอีกสองปี "สหายคำตัน" ในฐานะคณะกรรมการกลางการพรรค ได้ตัดสินใจเข้าป่าที่ ต.ดงหลวง อ.นาแก จ.นครพนม หลังจากนั้นไม่มีใครได้ข่าวอีกเลย จนกระทั่งปี ๒๕๑๐-๒๕๑๑ ที่กลับมาอีกครั้งในฐานะผู้นำคนหนึ่งของ "แนวร่วมรักชาติแห่งประเทศไทย" ซึ่งเขาประกาศตัวเป็นแกนนำที่ปักกิ่ง (เป็นองค์กรแนวร่วม พคท.ที่พรรคคอมมิวนิสต์ จีนให้การยอมรับอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับ พีแอลโอ.ของปาเลสไตน์)

"สหายคำตัน" ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งแกนนำของพรรคคนหนึ่ง จนปี ๒๕๑๘

กรมการเมืองของพรรคได้มอบหมายให้รับผิดชอบงานด้านเสนาธิการของกองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย (ทปท.) ซึ่งเป็น "กองกำลังติดอาวุธ" ของพรรค และใช้ชีวิตอยู่ในเขตงานรอยต่อชายแดนไทย-ลาว และมีส่วนร่วมในการวางแผนโจมตีฐานปฏิบัติการห้วยโก๋น จ.น่าน อันเป็นการทดสอบกลยุทธ์ทางการทหารครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของ พคท.

ช่วงหลังที่ พคท. ต้องกลับมาตั้งหลักยังฐานที่มั่นในเขตน่านเหนือ น่านใต้ ทว่า "ตู้คำตัน" ยังคงอยู่ที่หลวงน้ำทา กระทั่งจีนส่งไปปักกิ่งเพื่อรักษาสุขภาพ ในปี ๒๕๒๑ และทรุดหนักในปี ๒๕๒๓

ในปีนั้นเองที่ "ลุงคำตัน" ที่กลายเป็น "ชายชรา" ที่มีหลายโรครุมเร้า ทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน เกาต์ และอัมพฤกษ์ เนื่องจากตกช้าง ทำให้เส้นประสาทในไขสันหลังทำงานไม่ปกติ ได้มีโอกาสพบหน้าลูกชาย หลังจากไม่เจอกันร่วม ๒ ทศวรรษ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก "ป๋าเปรม" ให้ "พล.อ.สุรยุทธ์" เดินทางไปกับคณะ "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ"

ทั้งคู่ก็ใช้เวลา ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันประสาพ่อลูก โดย "ลุงคำตัน" ได้ถ่ายรูปกับลูกด้วย เพื่อให้ลูกเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมมีคำสั่งเสียให้ "ลูกทำตัวดีๆ เพราะคงเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝากให้ช่วยดูแลบรรดาสหายของพ่อ" ที่อยู่ในเขตงานต่างๆ ที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ทั้งที่ จ.น่าน และ แถบอีสานใต้ ซึ่งเรื่องนี้ "พล.อ.สุรยุทธ์" ได้พูดไว้กับอดีตสหายหลายคน ว่าเขาต้องสานต่อสิ่งที่พ่อสั่งเสียให้ได้

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น "ลุงคำตัน" วัย ๗๐ ปี ก็เสียชีวิตโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดงานศพให้ แต่ทางครอบครัวไม่ได้ไปร่วมงานด้วย มีเพียงอัฐิของบิดาที่คืนกลับมาสู่ผืนแผ่นดินไทย เก็บไว้ยังวัดเพชรพลี จ.เพชรบุรี โดยมีการทำบุญทุกปี

"สหายของพ่อ"

บรรดาสหายของ "ลุงคำตัน" นั้นหาใช่หมายถึงแต่สหายรุ่นราวคราวเดียวกันที่บางคนก็อำลาจากโลกนี้ไปแล้วด้วยวัยสูงอายุไม่ หากแต่หมายถึงบรรดา "สหาย" ที่เข้าป่าตั้งแต่เป็นนักศึกษา เมื่อครั้ง ปี ๒๕๑๖ และ ๒๕๑๙ ทั้งในพื้นที่อีสานเหนือ อีสานใต้ โดยบางคนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ "ลุงคำตัน" ในกองทัพปลดแอก บางคนก็เป็น "สหาย" สาย "ปัญญาชน" ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวในปัจจุบันทั้งทางเปิดและปิด โดยเฉพาะหลายคนใน "สโมสร ๑๙" ขณะที่บางคนก็เป็นทหารบ้านที่เข้าร่วมและให้การนับถือ "ลุงคำตัน" ทั้งในด้านอุดมการณ์ ความกล้าหาญ และการใช้ชีวิตแบบพอเพียง

สำหรับสหายที่น่าจะเป็นรุ่นใกล้เคียงกับ "ลุงคำตัน" ทั้งที่ร่วมศึกษาในสถาบันลัทธมาร์กซ์-เลนิน และเคยร่วมเป็นฝ่ายนำ ในคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ อาทิ ส.ชัด หรือ มิตร สมานันท์ (เจริญ วรรณงาม) เป็นเลขาธิการใหญ่ คุมงานพรรคฯ และเป็นผู้บัญชาการกองทัพปลดแอกฯ (ทปท.) "จางหย่วน" หรือ ส.ธาร (วิรัช อังคถาวร) เป็นฝ่ายจัดตั้งคุมงานในเมือง และงานในกรุงเทพฯ "ส.สู้ หรือ อุดม สีสุวรรณ" อดีตกรรมการกลาง พคท. "ผิน บัวอ่อน" "รวม วงศ์พันธุ์" "สหายดิน" "ธง แจ่มศรี" "สหายจำรัส" "เปลื้อง วรรณศรี" "ทรง นพคุณ" "สหายด่าง" "ดำริห์ เรืองสุธรรม" "สหายห่ง" "ประสิทธิ์ ตะเพียนทอง" "สหายไฟ" "อัศนี พลจันทร์" "สหายประวัติ" สิน เติมลิ่ม สหายเกษม ศักดิ์ สุภาเกษม สหายสุรีย์ นิตย์ พงศ์ดาบเพชร ฯลฯ

พันธะสัญญา๖๖/๒๓
จากแม่ทัพสู่นายกฯ

สำหรับพันธะสัญญาที่รัฐเคยมีต่อ "สหาย" ที่เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแล้วต่อมาได้เข้ามอบตัวต่อทางการตามนโยบาย ๖๖/๒๓ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๖๖/๒๓ ซึ่งออกมาในสมัย "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย) กลายเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)ส่วนใหญ่เป็น ปัญหาของชาวบ้านตกค้างถูกหมักหมมมาช้านาน ที่ภาครัฐเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดการแต่รัฐบาลก็ไม่เคยแก้ไขตามที่รับปาก เช่น ปัญหาการจัดสรรที่ดินทำกิน ปัญหาการจัดสรรโคกระบือ ปัญหาแหล่งน้ำ ฯลฯมาในยุคของ "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" นายกฯนอกจากจะจับปัญหานี้ตั้งแต่สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ ๒ แล้ว สมัยเป็น ผบ.ทบ.ก็เคยมีรายงานว่าเขาให้ความสนใจกับปัญหานี้เหล่านี้แต่ไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากรัฐบาล

" ยืนยันอีกครั้งว่าจะพยายามเร่งสะสางทุกอย่างที่คั่งค้างมาตั้งแต่ที่ผมเป็นแม่ทัพภาคที่ ๒ ขอให้ทุกคนสบายใจ สิ่งที่พูดไว้ทุกอย่างจะเป็นจริง ไม่เคยลืมทุกคนที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทย ไม่ต้องเป็นห่วงและพร้อมรับฟังข้อห่วงใยทุกอย่าง ...ในเบื้องต้นได้พูดถึงการจัดสรรที่ดินทำกินให้ แต่ก็ไม่มีที่ดิน พูดการจัดหาโคกระบือให้แต่โครงการดังกล่าวก็ยังไม่บรรลุผล และในที่สุดก็พูดถึงเรื่องเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง แต่ตกค้างมาหลายปียังไม่สามารถดำเนินการได้ "

พล.อ.สุรยุทธ์เคยเป็นแม่ทัพภาค ที่๒

ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาก่อนและทราบว่าผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ยังไม่ได้รับสิ่งที่รัฐบาลได้สัญญาไว้ว่าจะให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องค้างมาตลอด ที่สำคัญเมื่อครั้งพรรคความหวังใหม่ที่มี"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในผลิตผล๖๖/๒๓ ไปรับปากชาวบ้านไว้แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ ทำให้ ปี ๒๕๓๗-๒๕๓๘ ผรท.ได้มีการจัดตั้ง กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรประชาชนอีสาน(กพอ.)ทำการยื่นข้อเรียกร้องขอที่ดินทำกิน และปัจจัยการผลิต เช่นวัว เงินทุนหมุนเวียนประกอบอาชีพ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองและมีการเคลื่อนไหวเรื่อยมา นอกจากนี้ยังพบ ว่า ผรท.ส่วนใหญ่ที่ออกจากป่าในหลายจังหวัด ยังไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินและบางส่วนก็ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลชุดที่ผ่านมาด้วย
 

Southlander:
ถ้ามันมีที่ไปที่มาและอธิบายได้รวมถึงมีพันธะสัญญาแต่ก่อนเก่ามาอย่างนี้คนรับได้ครับถ้าดำเนินโดยภาครัฐจริงก็ควรไปรักษาสิทธิ์ครับ

Pandanus:
บิงโก!!  เจอแล้ว

http://web.parliament.go.th/parcy/sapa_db/committee-upload/1-20100917124950_62.pdf

เบิ้ม:
ยินดีด้วยครับ งั้นตามเรื่องให้แม่พี่เลยครับ ท่านจะได้สบายใจ  ::002::

ต้นหนาว:
 ::002:: ::002:: ::002::

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว