คอปืน..คุยกันเรื่อง Hi-Def

[วัฒน์]

  ยังมีหลายๆท่านยังเค้าใจผิดคิดว่า ยิ่งจอ LCD หรือ Plasma TV ที่มีขนาดใหญ่จากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ได้รับชมภาพได้ชัดเจนขึ้นมากเท่านั้น แต่จริงแล้วมันจะต้องขึ้นอยู่กับระยะในการรับชมของท่านด้วยนะครับ ถึงจะได้การรับชมภาพที่ดีที่สุด

ผมมีตารางตัวอย่างให้ดูด้านล่างนะครับว่า LCD หรือ Plasma TV ขนาดต่างๆควรมีระยะในการรับชมเท่าไหร่กันนะครับ

ขนาดหน้าจอ (นิ้ว)         ระยะนั่งใกล้ที่สุด              ระยะนั่งไกลที่สุด
        26                                0.98                                1.95
        32                                1.25                                2.50
        42                                1.58                                3.15
        47                                1.76                                3.53
        50                                1.88                                3.75
        55                                2.06                                4.13
        60                                2.25                                4.50
        70                                2.63                                5.25
        80                                3.00                                6.00

*** ระยะนั่งชมหน่วยเป็น "เมตร" ***

หลังจากดูตารางนี้แล้วก็จะทำให้ท่านรู้ได้ว่า LCD หรือ Plasma TV ที่จะเหมาะกับห้องของท่านควรจะมีขนาดเท่าไหร่แล้วนะครับ อยากไปซื่อที่ใหญ่เกินไปนะครับแล้วจะเสียใจที่เสียเงินไปตั้งเยอะแต่ได้ภาพที่ไม่ประทับใจ หรืออย่าซื้อที่เล็กจนเกินไปนะครับ เพราะจากคำบอกเล่าของผู้ใช้ LCD หรือ Plasma TV มักจะบอกว่าดูไปดูมาจอมันหดลงเอง

[wasanami]

ผมเองยังไม่ได้ซื้อ TV เลยครับ กะจะเอา plasma เหมือนก้น 
สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไม่ได้ 

[วัฒน์]

ผมเองยังไม่ได้ซื้อ TV เลยครับ กะจะเอา plasma เหมือนก้น 
สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไม่ได้ 

  จะซื้อ plasma หรอครับคุณ.เอ๋ ถ้าอย่างนั้นมารู้จักเพื่อนคนสนิทของ Plasma TV ที่ชื่อ Burn in กัน

ท่านที่กำลังจะซื้อ Plasma TV หรือเป็นเจ้าของ Plasma TV แล้ว คงอาจจะมีความรู้สึกหวั่นๆบ้างเล็กน้อยกับอาการ Burn-In
ของ Plasma TV, Burn In แปลง่ายๆก็คือ “ภาพค้างติดหน้าจอ” จะเกิดขึ้นกับ Plasma TV ก็ต่อเมื่อเราเปิดภาพนิ่งทิ้งไว้นานๆ ทำให้ภาพนิ่ง
เหล่านั้นไหม้ค้างติดหน้าจอ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณีคือภาพไหม้ค้างติดหน้าจอแบบชั่วคราวและแบบถาวร ตัวอย่างที่เห็นอย่างชัดเจนก็อาทิ เช่น
โลโก้ช่อง 3,5,7,9 โลโก้ True Vision, เมนูของทีวีหรือเครื่องเล่นดีวีดี, การกด Pause ค้างไว้นานเกินไประหว่างการเล่นเกมส์,
การดูหนังอัตรา ส่วน 4:3 ในจอภาพอัตราส่วน 16:9 ทำให้มีแถบสีดำด้านซ้ายขวา ภาพเหล่านี้สามารถไหม้ติดหน้าจอ Plasma TV ได้ครับ


และที่สำคัญ โดยปกติแล้ว อาการ “Burn In” อยู่นอกเหนือ Warranty ครับ ดังนั้นจึงสรุปง่ายๆว่า Plasma TV ไม่เหมาะกับ
การเปิดภาพนิ่งทิ้งไว้นานๆนะครับ

อาการ Burn In มันเป็นยังไงหนอ...




สำหรับ Plasma TV เครื่องใหม่แกะกล่องนั้น ฟอสเฟอร์หรือสารเคลือบให้ความสว่างจะให้ความสว่างสูงสุดทุกๆเม็ดพิกเซลของจอ
(ก็แน่สิของใหม่นี่ครับ)

แต่เมื่อเราใช้งานไปเรื่อยๆ อายุการใช้งานของฟอสเฟอร์ก้เสื่อมตามอายุขัยและระดับความสว่างของจอก็จะลดลง ซึ่งอย่าเพิ่งตกใจไปนะครับ เพราะปกติผู้ผลิต Plasma TV ก็จะระบุอายุการใช้งานของ Plasma TV เครื่องนั้นๆอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น 60,000 Hrs (Half Brightness) ก็จะถึงครึ่งชีวิตของมัน กล่าวคือ ระดับความสว่างของจอก็จะลดไป 50% เมื่อผ่านการใช้งานไป 60,000 ชั่วโมง ซึ่ง Plasma TV เครื่องนั้นๆ ก็ยังใช้ได้อยู่ตามปกตินะครับ เพียงแต่ว่าแค่สว่างน้อยลงแค่นั้น สำหรับเรื่องอายุการใช้งานที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่ถือว่าเกี่ยวกับการ Burn In โดยตรงนะครับ




แต่ทีนี้ ถ้าเราดูหนัง อัตราส่วน 4:3 ในจอภาพสัดส่วน 16:9 ดูบ้าง จะสังเกตุว่าจะมีแถบสีดำด้านข้างซ้ายและขวาครับ ถ้าดูแบบนี้บ่อยๆ ขอย้ำว่า ไม่ดีนะครับ เพราะอายุการใช้งานของแถบด้านข้างจะเหลือเยอะกว่า ถ้าเรามาดูหนัง 16:9 อีกครั้งหนึ่ง ตรงแถบด้านข้างอาจจะสว่างกว่าเพราะอายุการใช้งานเหลือเยอะกว่าครับ




กลับกัน ถ้าเราดูหนังอัตราส่วน 1.85:1/2.35:1/ 2.40:1 ซึ่่งเป็นอัตราส่วนหนังทั่วไปของหนังแผ่น DVD ก็จะทำให้เกิดแถบสีดำที่ด้านบนและด้านล่าง ถ้าดูหนังแบบนี้ในจอ Plasma TV บ่อยๆ จะทำให้อายุการใช้งานของแถบบนและแถบล่างเหลือมากกว่าส่วนตรงกลางจอครับ
ซึ่งในระยะยาวไม่ได้เป็นผลดีแน่ๆ




ทีนี้ลองจินตนาการดูสิว่าถ้า 2 กรณีนี้มารวมกันจะเกิดอะไรขึ้น




โลโก้ TV เช่นโลโก้ ช่อง 3,5,7,9 โลโก้ True Vision, หรือเวลาเราดู DVD แล้วกด Pause เลยทำให้โลโก้โชว์ค้างที่หน้าจอนานๆ
สาเหตุเหล่านี้ ทำให้ Plasma TV เกิดอาการ Burn In เป็นรูปโลโก้ติดหน้าจอได้ครับ


ทำไม Plasma TV ต้องเจอกับอาการ Burn In ด้วยล่ะ?

ไม่ใช่ Plasma TV อย่างเดียวนะครับที่จะต้องมาเจอกับปัญหา Burn In แต่ทีวีหรือจอแสดงผลที่ใช้ฟอสเฟอร์ซึ่งเป็นสารเรืองแสงก็จะมีโอกาส
เจอกับปัญหา Burn In ได้เหมือนกัน เช่น CRT TV นี่แหละครับ แต่จะไม่ได้เป็นง่ายเท่ากับ Plasma TV นะครับ Burn In เกิดขึ้นเพราะ
ปริมาณฟอสเฟอร์ไม่เท่ากันในจอนั้นๆ เช่น ดูหนัง Big Cinema ของช่อง 7 ในหนังมีแต่ฉากมืดๆซะส่วนใหญ่ แต่โลโก้ช่อง 7 นั้นสว่างตลอด
พอดูนานๆเข้า โลโก้มันก็ค้างติดหน้าจอครับ ส่วน LCD TV, Projector, Projection TV จะไม่เจอปัญหาเรื่อง Burn In ครับ สบายใจได้


แล้วเราจะป้องกัน Burn In อย่างไรดีล่ะ

1.สำหรับ Plasma TV ใหม่แกล่อง อย่าปรับ Contrast & Brightness ให้สูงเกินไป เพราะจะเป็นการเร่งการใช้งานฟอสเฟอร์ไปในตัวครับ
ดังนั้นการปรับ Contrast & Brightness ในระดับที่เหมาะสม นอกจากเราจะดูทีวีสบายตาขึ้นแล้ว ยังจะช่วยป้องกันการ Burn In ด้วยครับ
โดยเฉพาะพวกโลโก้ต่างๆ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น Logo ช่อง 7 ถ้าเร่ง Contrast ให้สีจัดๆจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็น แดง เขียว น้ำเงิน ขาว
โอกาสภาพโลโก้ค้างติดหน้าจอก็มากขึ้นเท่านั้น

2.พยายามอย่าเพิ่งดูรายการหรือหนังที่มีอตราส่วน 4:3 และ 2.35:1 ใน 100 ชั่วโมงแรกของการใช้งาน อันนี้เป็นปัญหาที่หลายๆ คน
มองข้ามนะครับ เพราะว่า Plasma TV นี่แหละจะเกิดอาการ Burn In ง่ายสุดในช่วง 100 ชั่วโมงแรก และจะเกิดเอาการ Burn In น้อยลง
หลังจากผ่านไปแล้ว 1,000 ชั่วโมงครับ

3.เลือกอัตราส่วนภาพให้เต็มจอเสมอ เนื่องจากจอ Plasma TV ส่วนใหญ่มีอัตรส่วน 16:9 ครั้นเราจะเปิด Free TV ช่องธรรมดาดูด้วย
อัตราส่วน 4:3 ซึ่งข้อดีก็คือจะทำให้สัดส่วนไม่เพี้ยน หรือ ดูหนังแผ่นที่มีอัตรส่วน 2.35:1 ซึ่งทั้ง 2 อย่างจะทำให้เกิดแถบทำที่ด้านข้างและ
ด้านบนล่างตามลำดับ และจะทำให้ปริมาณฟอสเฟอร์ที่ถูกใช้ในระยะแรกของพิกเซลทั้งจอไม่เท่ากันด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการ Burn In
ได้งายขึ้น ดังนั้นในชาวงระยะแรก จึงควรเลือกปรับให้ภาพมันเต็มจอจะดีกว่าครับ

4.เปลี่ยนช่องบ่อยๆเพื่อป้องกันโลโก้ Burn In ติดหน้าจอ อย่างที่บอก โลโก้นี่แหละคือตัวปัญหาเรื่อง Burn In ของจริงเลย (โดนมากะตัวหุหุหุ)
พยายามเปลี่ยนช่องให้บ่อยๆ นะครับ หลีกเลี่ยงพวกโลโก้สีขาวด้วย นี่แหละตัวดีเลย เด๋วนี้เมืองนอกเค้าพัฒนาโลโก้ช่องให้เป็นสีเทาเพื่อป้องกัน
การ Burn In ด้วยนะครับ

5.ใช้แถบสีเทาแทนที่แถบสีดำ แต่ปัจจุบันนนี้ Plasma TV แทบทุกยี่ห้อ เวลาเราปรับอัตราส่วนจอเป็น 4:3 ตรงแถบด้านข้างซ้ายขวา
มันจะโชว์เป็นแถบสีเทาให้อัตโนมัติครับ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ผู้ผลิตเอาใจใส่ได้อย่างดีเยี่ยมแต่ถ้าเป็นสีดำแบบในอดีต ป่านนี้คง Burn In กัน
กระจายไปแล้ว

6.เปิดโหมดป้องกันแบบ Active ที่เรียกว่า Active เพราะเป็นการป้องกันก่อน Burn In เกิดนะครับ เปิดโหมดป้องกันการ Burn In
โดยให้ Pixel เคลื่อนตัวเป็นช่วงๆ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะรู้จักฟังก์ชั่น Orbiter นะครับ มันจะทำให้เม็ดพิกเซลขยับไปประมาณ 2 พิกเซล
(ซ้าย ขวา บน ล่าง) ทุกๆ 2 นาที เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งของพิกเซลเพื่อไม่ให้อยู่กับที่นานเกินไปจนเกิด Burn In ซึ่งเราจะสังเกตุการเคลื่อนตัวได้
แต่จัดได้ว่าเคลื่อนตัวได้เนียนจนไม่รำคาญตาจนเกินไปนัก ดังนั้นถ้าใช้ Plasma TV จงเปิด Orbiter ไว้ตลดนะครับ ช่วยได้เยอะเลย

7.ใช้โหมดป้องกันแบบ Reactive เมื่อเกิด Burn In ภาพค้างติดหน้าจอ: ส่วนใหญ่มี 2 แบบก็คือ White Wash แบบนี้ทั้งจอจะเป็น
สีขาวทั้งหมดเลย ทำให้ทุกเม็ดพิกเซลสว่างและถูกใช้งานเท่ากัน จะช่วยลบรอย Burn In แบบชั่วคราวได้ และอีกแบบก็คือ Inversion
ซึ่งจะกลับภาพเป็นสีตรงข้ามเช่น ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ก็จะช่วยลบรอย Burn In ได้เช่นกันครับ 


สรุป
เมื่อถอย Plasma TV มาใหม่ จง….
1. ลด Contrast ลง
2. หลีกเหลี่ยงอัตรส่วนที่ไม่เต็มจอเช่น 4:3 หรือ 2.35:1
3. เปลี่ยนช่องบ่อยๆ
4. เห็นภาพค้างติดหน้าจอ ให้ใช้โหมดป้องกันการ Burn In แบบ Reactive ทันที

และสิ่งที่ต้องทำตลอดเวลาเพื่อป้องกันการ Burn In
1. ใช้แถบข้างสีเทาแทนสีดำ
2. เปิด Orbiter ให้ Pixel ไม่อยู่กับที่
3. ปรับ Contrast และ Brightness ให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป

ในปัจจุบันนี้ Plasma TV มีการพัฒนาที่ช่วยป้องกัน Burn In ได้ดีเยี่ยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลจนเกินไป
แน่นอนว่าคุณภาพของภาพของ Plasma TV นั้นจัดได้ว่าดีเยี่ยม สีสันสมจริง และดูสบายตากว่า LCD TV แต่จุดอ่อนจุดเดียวที่ยังไม่สามารถ
แก้ไขได้ 100% ก็คือ Burn In นี่แหละครับ ดังนั้นถ้าเราคิดว่า “เราใช้ทีวีเป็น…และดูแลรักษาเป็น…..” Plasma TV ก็จะเป็นคำตอบสุดท้ายของคุณครับ

  เครดิต : http://www.lcdtvthailand.com

[Southlander]

ผมเองยังไม่ได้ซื้อ TV เลยครับ กะจะเอา plasma เหมือนก้น 
สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไม่ได้ 

  จะซื้อ plasma หรอครับคุณ.เอ๋ ถ้าอย่างนั้นมารู้จักเพื่อนคนสนิทของ Plasma TV ที่ชื่อ Burn in กัน


4.เปลี่ยนช่องบ่อยๆเพื่อป้องกันโลโก้ Burn In ติดหน้าจอ อย่างที่บอก โลโก้นี่แหละคือตัวปัญหาเรื่อง Burn In ของจริงเลย (โดนมากะตัวหุหุหุ)
พยายามเปลี่ยนช่องให้บ่อยๆ นะครับ หลีกเลี่ยงพวกโลโก้สีขาวด้วย นี่แหละตัวดีเลย เด๋วนี้เมืองนอกเค้าพัฒนาโลโก้ช่องให้เป็นสีเทาเพื่อป้องกัน
การ Burn In ด้วยนะครับ



  เครดิต : http://www.lcdtvthailand.com

  ตรงนี้ท่าจะมีปัญหาเพราะแฟนไม่ยอมให้เปลี่ยนช่องบ่อยๆ เธอบอกว่าเดียวเวลาเสียมันจะทำให้ทุกช่องเสียไปหมด
ใหดูทีละช่องให้มันเสียเป็นช่องๆไป











จริงๆ แล้วผมพ่ายแพ้ศึกชิงเจ้ารีโมตต่างหาก

[วัฒน์]

Top 5 Realtek based HD player

- Mede8er MED500X
- Xtreamer
- DVICO TViX M-6600N
- A.C.Ryan PlayOn!HD
- HMB Movie Palace
That's the five units we reviewed recently and that's how we feel they stack up in my personal TOP 5... and here's the reason why...


Mede8ter MED500X: The simple presentation includes a carrying bag, Wireless N USB stick (for Europe) and a complete package from A to Z. A big fan, very silent, NFS and SMB both integrated and overall features are well done and mature. It can still use a tune up here and there but overall the Mede8er is inside my top 2 personal RealTek based players. Thanks to it's price of €150 it made the top position over DViCo and thanks to it's more mature options and package in general including NFS and Samba, it made it on top of the Xtreamer as well. (review comes later this week 

Xtreamer: Obviously has the best bang for buck at €99 but the current issues with streaming performance makes it end up as a runner up to Mede8er which does cost more, but is in general more mature. The fan noise doesn't help it either. The interface is better than the Mede8er however not good enough to make us forget about all else. A firmware update might change it but this is simply how I feel today.

DvICo TViX M-6600N: Only the price is responsible for this as the M-6600N is the most robust and mature player amongst the RealTek players so far in our humble opinion. At €269 it's however the most expensive RealTek player out there but with a fully reworked interface, NFS and Samba and until today still the only one that completely passed our reference testing with heavy HD files. Integrated wireless and almost noiseless operation (just like Mede8er) still make it a good option, but pricy. Extendeable as recorder is a benefit too however it will still cost you extra again...
 
A.C.Ryan: Interface wise some enhancements have been made but still overal RealTek can be seen on the unit too much. The recent questions marks placed around DTS downmix not being possible on units purchased before August is of concern to us. Other than that, the A.C.Ryan needs to get some updates out to compete at a higher level with the competition. The brand has open communication and has always come across as willing to move forward and delivering good support however that does not make the player better and this is still about the player.

HMB Movie Palace: Pure, and I do mean pure RealTek based player which comes out very poor in many tests except audio and video which somewhat were ok. The main core however is video and if that fails... oh well... you end up at the end of a list like this...

All reviews are available in the review section. With DvICo and Mede8er we really see the Sigma competition kicking into place however Mede8er comes closer as real competition as it's affordable at the same time. Also Xtreamer would be a very serious competition once it reaches FW level 2 with the streaming in order.

So why does Xtreamer have Editor's choice and not the mede8er?
Well, we award players when they arrive and Xtreamer was the first released and showing extreme value for money. Today, we still feel it earns that title despite the flaws it has...

Well... i'm sure people will now look forward reading the Mede8er review so stick around. We'll be releasing it soon... Probably on Wednesday... You can use this discussion as a way to launch your own top or idea about these players if you've seen them... or simply tell us how you experience yours...


  ที่มา :  http://www.mpcclub.com/forum/showthread.php?t=21322

[วัฒน์]

  คู่มือสำหรับ Xtreamer Pro ครับ

http://gator884.hostgator.com/~xtreamer/Xtreamer_Pro_UserManual_English.pdf

[วัฒน์]

  HD หรือ High Definition คืออะไร?

ระบบภาพแบบธรรมดาในปัจจุบันที่อยู่ในรูปแบบของ DVD มาตรฐาน จะมีความละเอียดเส้นแนวนอนที่ 480 เส้นในระบบ NTSC และ 576 เส้นในระบบ PAL ซึ่งมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Standard Definition (SD) มีสัดส่วนภาพทั้งแบบ Full Screen 4:3 (ภาพแบบที่เราเห็นในทีวีจอแก้วสมัยก่อน) และ Widescreen (ภาพที่เราเห็นจากทีวี LCD จอแบนสมัยใหม่)

แต่หากว่าระบบภาพที่มีความละเอียดสูงกว่านี้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม High Definition (Hi-Def หรือ HD) เช่น 720 เส้น (1280 x 720 พิกเซล), 1080 เส้น (1920 x 1080 พิกเซล) เป็นต้น โดยจะใช้สัดส่วนภาพแบบ Widescreen ทั้งหมดด้วยอัตราบิตเรท ที่ส่วนใหญ่จะสูงกว่ารูปแบบ DVD แบบเดิม

ดังนั้นวิดีโอในรูปแบบของ HD จึงให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่า DVD ทั่วไปเป็นอย่างมาก เช่นที่ความละเอียด 1080i หรือ 1080p จะมีจำนวนจุดที่แสดงภาพมากกว่า 5-6 เท่า เมื่อเทียบกับภาพที่ได้จาก DVD ระบบ NTSC ซึ่งไม่เพียงแต่ด้านรายละเอียดของภาพที่ดีกว่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านสีสันและความลื่นไหลของภาพอีกด้วย

หากเปรียบเทียบ ภาพยนตร์หนึ่งเรื่องในรูปแบบของ SD (Standard Definition) ที่ความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงไฟล์ข้อมูลอาจจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 GB และสามารถบรรจุลงบน DVD ที่ 1 แผ่นได้สบายๆ แต่ด้วยความละเอียดภาพที่สูงกว่าของรูปแบบ HD (High Definition) ทำให้ขนาดข้อมูลต่อระยะเวลาของวิดีโอนั้นใหญ่มากตามไปด้วย โดยภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนี้เฉพาะในส่วนของข้อมูลวิดีโออาจมีขนาดไฟล์ข้อมูลได้มากกว่า 20 GB (เทียบได้ประมาณ 5 แผ่น DVD5) ด้วยเหตุนี้ แผ่น DVD ปกติทั้งชนิด DVD5 และ DVD9 จึงมักไม่เพียงพอในการใช้งานสำหรับภาพยนตร์ทั่วๆ ไปเพราะขนาดข้อมูลที่สูงของฟอร์แมท HD นั่นเอง

[วัฒน์]

  HDMI




HDMI ย่อมาจาก High Definition Multimedia Interface เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เนื้องจาก HDMI เป็นระบบที่สามารถถ่ายถอดสัญญาณแบบดิจิตอลทั้งภาพและเสียงในสายเส้นเดียวโดย ไม่ผ่านการบีบอัดเหมือนกับการใช้สายแบบธรรมดาทั้งแบบ DVD Component หรือ สายAV ที่จำเป็นต้องใช่สาย Audio cable เพิ่มเติม ซึ่งทำให้สัญญาณภาพและเสียงถูกบีบอัดลดไป ทำให้เราได้รับความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ ไม่จำเป็นต้องมีสายอะไรไม่รู้มากมายเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังได้คุณภาพของภาพและเสียงที่ดีกว่าด้วย HDMI เป็นระบบที่รองรับระบบภาพได้ทั้ง SXGA (1280x1024 พิกเซล)  UXGA (1600x1200 พิกเซล) SDTV (480i 480p 576i 576p) แสดงผล 4:3 HDTV (720p 1080i 1080p) แสดงผล16:4

อีกทั้งในปัจจุบันยังมีเครื่องเล่น DVD ที่สามารถจะปล่อยสัญญาณดิจิตอลวีดีโอเอาท์พุธ Resolution ตั้งแต่ 480i 480p 576i 576p 720p และ 1080i เริ่มมีการแพร่หลายมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะกับเครื่องเล่น DVD ที่มีวงจร UP Scaler ภายในสามารถเพิ่มรายละเอียดของภาพจาก 480i และ 576p ขึ้นเป็น 720p และ 1080i การพัฒนาของระบบ HDMI ในปัจจุบันนั้นจะเป็น The HDMI  1.3 ซึ่งได้เริ่มออกจำหน่ายมาตั้งแต่มิถุนายน 2006 โดยในเวอร์ชั่นใหม่นี้มีการปรับปรุงในเรื่องของแบนด์วิดธ์ของสัญาญาณจากเดิม ที่อยู่ที่ 165 MHz มาเป็นกว่า 225 MHz ซึ่งทางเทคนิคนั้นสามารถจะขึ้นไปถึง 450 MHz อีกทั้งยังรองรับความละเอียดของสีจากเดิม 24 บิต มาเป็นสูงสุด 48 บิต ซึ่งสามารถแสดงผลได้ถึงระดับหนึ่งพันล้านสี รองรับระบบ 1080p ค่า Refresh rate ระดับ 90 MHz  แล้วจากการเพิ่มค่าสัญญาณของแบนด์วิดธ์ มันมีผลอย่างไรนั้น มันจะมีผลในตอนที่เราดูภาพยนตร์ เมื่อมีการเคลื่อนไหวที่เร็วๆ มีรายละเอียดของภาพเยอะนั้น เราสามารถจะสังเกตเห็นการแตกของภาพได้เลย



ที่มา http://www.techoops.com/webboard/index.php?topic=5741.0

[Padang]

ขอประทานโทษครับ ตัวนี้เป็น HDMI V1.4 หรือไม่ครับ ทราบมาว่าถ้าจะใช้งาน 3D ต้อง V1.4 ครับ

[วัฒน์]

ขอประทานโทษครับ ตัวนี้เป็น HDMI V1.4 หรือไม่ครับ ทราบมาว่าถ้าจะใช้งาน 3D ต้อง V1.4 ครับ

  ใช่ครับ ถ้าจะใช้งาน 3D ต้อง HDMI 1.4


HDMI 1.3 และ 1.4 แตกต่างกันอย่างไร

สาย V 1.4 จะมีการเข้าขั้วและลักษณะสายภายในที่ต่างกัน ไม่เพียงแต่ ความถี่เท่านั้น (ไม่งั้นสาย 1.3c ทุกเส้นก็จะกลายเป็น 1.4 ได้ทั้งหมด เพราะ 1.3c ที่supportความถี่ได้ถึง 10.2 Gbit/s อยู่แล้วซึ่งก็จะผ่านมาตรฐานขั้นต้นของ HDMI 1.4)

สาย HDMI 1.4 ตามมาตรฐาน ต้อง support ความถี่ 10.2 Gbit/s ซึ่งเพียงพอให้ส่งสัญญาณภาพความละเอียด  4K x 2K แต่จะสามารถส่งได้เพียงแค่ 8 bit @ 30Hz

แต่สาย 1.4 บางรุ่น จะสามารถรองรับความถี่ได้สูงขึ้นไปอีกทำให้สามารถใช้ ความละเอียด 4K x 2K ได้ practical ขึ้น เช่น สาย Merrex HDMI-2 จะรองรับได้ 15.8 Gbit/s ทำให้สามารถรองรับความละเอียด 4K x 2K ได้ถึง ระดับ 12 bit และ รองรับ 1080p 120Hz 3D ได้ถึง 14 bit

[dignitua-รักในหลวง]

ผมขอเรียนถามพี่วัฒน์นิดนึงครับ...

เคยได้ยินมาว่าจอพลาสม่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ fail เนื่องจากอาการจอไหม้ตามที่พี่วัฒน์บอก และผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้... จริงเท็จประการใดครับ...

[วัฒน์]

ผมขอเรียนถามพี่วัฒน์นิดนึงครับ...

เคยได้ยินมาว่าจอพลาสม่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ fail เนื่องจากอาการจอไหม้ตามที่พี่วัฒน์บอก และผู้ผลิตไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้... จริงเท็จประการใดครับ...

  ไม่ได้เป็นถึงกับผลิตภัณฑ์ที่ fail หรอกครับ คุณ.ตั้ว

โดยหลักการแล้ว ไม่ใช่ Plasma TV อย่างเดียวนะครับที่จะต้องมาเจอกับปัญหา Burn In แต่ทีวีหรือจอแสดงผลที่ใช้ฟอสเฟอร์ซึ่งเป็นสารเรืองแสงก็จะมีโอกาสเจอกับปัญหา Burn In ได้เหมือนกันครับ 

Plasma TV รุ่นใหม่ๆจะมีฟังค์ชั่น screen burn protection ป้องการการเกิด burn in บนจอภาพครับ

[Sig228-kolok]

ไปสอยมาแล้ว ขอบคุณลุงวัฒน์มากครับที่แนะนำ 

[dignitua-รักในหลวง]

แล้วเกี่ยวกับเรื่อง 1080p ล่ะครับ... ทำยังไงถึงจะได้ดูความละเอียดขนาดนั้น ผมดูยังไงก็ได้ที่ 1080i... มันเป็นเพราะเครื่องเล่น หรือว่าทีวีเรามีความสามารถได้แค่นั้นครับ...

[วัฒน์]

ไปสอยมาแล้ว ขอบคุณลุงวัฒน์มากครับที่แนะนำ 

  ด้วยความยินดีครับ

แล้วเกี่ยวกับเรื่อง 1080p ล่ะครับ... ทำยังไงถึงจะได้ดูความละเอียดขนาดนั้น ผมดูยังไงก็ได้ที่ 1080i... มันเป็นเพราะเครื่องเล่น หรือว่าทีวีเรามีความสามารถได้แค่นั้นครับ...

  คุณ.ตั้ว ใช้อะไรเป็นตัวเล่นครับ และไฟล์เป็นชนิดใด ครับ