๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 25, 2024, 02:21:48 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 783 784 785 [786] 787 788 789 ... 812
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน  (อ่าน 948627 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอก@ดอยฯ
ปฏิบัติอย่างถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 183
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9463


Do it right the first time


« ตอบ #11775 เมื่อ: กันยายน 21, 2015, 09:38:04 AM »

 ไหว้  สวัสดีครับ  ปี้น้องจาวน่าน  ต๋อนนี้ เหลือก๊า จาวน่าน  ตี่เข้ามาผ่อ จาวจั่งหวัดอืื่นหายแซ่บ  อ๋อย
บันทึกการเข้า

SPSC No.057       THPSA No.A-331
หน่อไม้ส้ม-รักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 1316
ออฟไลน์

กระทู้: 5332



« ตอบ #11776 เมื่อ: กันยายน 21, 2015, 09:53:58 AM »

 Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11777 เมื่อ: กันยายน 23, 2015, 06:26:06 PM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง




วันชโลมเลือด ตอนที่ 13 ผลงาน สยมภู ทศพล
“ไอ้พวกเหี้ยนี่มันได้ใจ เพราะทหารของเราไม่เคยออกปฏิบัติการในเวลากลางคืนอย่างเด็ดขาด ข้อนี้ข้าศึกรู้และรู้มานานแล้ว พวกมันก็เลยประมาท และถ้าผมเดาไม่ผิด ทหารชุดนี้จะต้องเป็นทหารลาวแดงทั้งชุด และถ้าลองเป็นทหารลาวแดงจริงๆ ประเดี๋ยวพวกมันก็จะตั้งวงดูดฝิ่นดูดกัญชากันให้มั่วไปหมด ต่อจากนั้นก็จะหลับเป็นตายจนกระทั่งรุ่งเช้า ถ้าทหารของเรากล้าซะอย่าง พยายามปฏิบัติการตอนกลางคืนมากๆซะหน่อย ป่านนี้พวกมันถูกจวกถอยกลับทุ่งไหหินไปหมดแล้ว”
“ลูกพี่ ความคิดของลูกพี่ก็ถูก ผมไม่เถียง แต่เหตุการณ์และสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงมันไม่ใช่ภาพพจน์อย่างที่ลูกพี่คิด พวกเราเป็นทหารรับจ้างก็ต้องรบแบบทหารรับจ้าง ไม่สั่งก็ไม่ทำ ถึงสั่งบางครั้งก็แอบเลี่ยงๆ ไปอย่างข้างๆคูๆ ทหารรับจ้างเรารบเพื่อเงิน ทหารอาชีพที่มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเงิน บางครั้งเงินก็ทำให้พวกเราไม่กล้าเสี่ยงตายได้เหมือนกันนะครับ แต่ถ้าไปรบกันในพื้นที่ที่อยู่ในเขตของประเทศไทยแล้ว ถึงไม่มีเงินดอลล่าร์ จะมีแต่เงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงที่แทบจะไม่พอยังชีพ แต่ทุกคนก็มีสิ่งที่เคารพเทิดทูนอยู่เหนือเกล้า ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ คือสรณะประจำใจที่ยึดมั่น อยู่ในดวงใจของทหารทุกคน แล้วทำไมพวกผมจะยอมตายไม่ได้ แบะหัวใจพูดกันเสียเลยลูกพี่ งานนครั้งนี้ ถ้าไม่มี “คำคม” เป็นผบ.พัน ป่านนี้ผมโยนไอ้สากกะเบือสองลูกนี้ทิ้งตั้งแต่ตีนเขาโน่นแล้ว พับผ่า”
ทหารรับจ้าง ของ ผบ.หมวด จากศูนย์สงครามพิเศษคนหนึ่งแบะหัวใจของชายชาติทหารกระซิบพูดออกมาอย่างน่าสนใจ
หมู่สมพรนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขายิ้มเล็กน้อย กระซิบกระซาบออกมาอีกครั้ง
“ถูกต้อง น้องชาย บางครั้งผมอาจจะลืมตัวไป ผมคงจะมีวิญญาณนักรบจากศูนย์สงครามพิเศษมากเกินไป มากเกินไปจนลืมนึกถึงความจริงตามที่น้องชายพูด ความลืมตัวและความเคยชินทำให้ผมรบอย่างบ้าบิ่น จะตายโหงตายห่าก็หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่”คำคม” ผมก็เห็นทีจะเปิดหมวกอำลาไอ้สงครามห่าเหวนี่เหมือนกัน แต่หยั่งว่านั่นแหละครับ พอฉุกละหุกเข้าจริงๆ ผมมักจะลืมตัวเข้าเชิดฉิ่งกับพวกมันชนิดเลือดท่วมปฐพี ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”
ต่อจากนั้นพวกผมก็เงียบ และเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง อากาศเริ่มปิดอีกแล้ว สายหมอกครอบคลุมยอดเนิน สกายไลน์-วัน แล้วเริ่มลามเลียลงมายังภูมิประเทศทีผมซุกซ่อนอยู่จนโพลนไปหมด เมื่อผมหันหลังกลับไปมองดูยอดเนิน “เถิดเทิง”ก็ปรากฏว่ามืดมิดไปทั้งขุนเขา ผมค่อยๆเปลี่ยนอิริยาบถจากท่าหมอบขึ้นมานั่งเอนหลังพิงไปกับก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งระเกะระกะอยู่ทั่วๆไปในบริเวณป่ารวกนั้น และถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย ข้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก้อนหินเหล่านนี้จะเป็นบังเกอร์ธรรมชาติให้กับพวกผมเป็นอย่างดี
เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังแรงขึ้นทุกที ภาษาลาวที่สัปดี้สัปดนด้วยเรื่องลามกจกเปรตดังติดต่อกันไม่ขาดระยะ บางเรื่องที่พวกมันผลัดกันเล่าสู่กันฟังนั้นก็ทำให้พวกผมต้องกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นเสียงหัวเราะที่จะเล็ดลอดออกมาด้วยความลำบากยากเย็น
กลิ่นกัญชา และกลิ่นแม่ทองดำ อบอวลอยู่เบื้องหน้า แสงไฟจากวงกัญชาถูกบดบังด้วยสาบหมอกที่หนาทึบจนมองไม่เห็นความผิดปกติใดทั้งสิ้น เสียงพูดคุยเงียบหายไปชั่วขณะ นิทานสัปดี้สัปดนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้เรื่องราวพิลึกกึกกือจนผมต้องฟุบหน้าลงกับพื้นพร้อมกับหัวเราะอึกอักอยู่ในลำคอด้วยความขบขันแทบขาดใจ
ผมจะถ่ายทอดเป็นภาษาไทยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังสักเรื่องนึงก่อนนะครับ คิดเสียว่าเป็นอาหารก่อนจะถึงอาหารค่ำก็แล้วกัน
หลายร้อยปีล่วงมาแล้ว สมัยก่อนโน้นไม่ว่าคนหรือสัตว์จะพูดภาษากันรู้เรื่องทั้งนั้น ยังมีชายคนหนึ่งได้ลงทุนตั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาอย่างใหญ่โต มีทั้งหมู ไก่งวง นกยูง และไก่นานชนิด “ไอ้โต้ง” ซึ่งเป็นพระเอกในนิทานทะเล้นเรื่องนี้ รับหน้าที่ไก่พ่อพันธุ์
“ไอ้โต้ง” เป็นไก่รุ่นที่มีอารมณ์รักรุนแรงผิดปกติ ไก่ในเล้าทุกๆตัวเล้า ไอ้โต้งจับปี้จนหมดสิ้น ไอ้โต้งชักย่ามใจข้ามรุ่นไปข่มขืนไก่งวง นกยูง จนแทบหมดเล้า ครั้งสุดท้ายไอ้โต้งกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปในคอกหมู หวังจะเคลมหมูสาวหน้าตาเข้าทีตัวหนึ่ง เจ้าของซึ่งคงจะสังเกตดูพฤติกรรมของไอ้โต้งอยู่นานแล้วก็เรียกไอ้โต้งไปพบและกล่าวปรามขึ้นอย่างหวังดีว่า
“ไอ้โต้งเอ๋ย เอ็งอย่าข้ามรุ่นให้มากนัก จงมีบันยะบันยังซะบ้าง รูปร่างของเอ็งชักผอมลงๆทุกวันแล้ว ถ้าเอ็งไม่เชื่อข้า วันหนึ่งเอ็งต้องหมดแรงตายแหงๆ” ไอ้โต้งยืดขอขันเสียงวิเวกเหมือนกับจะแสดงอาการลำพองใจพร้อมกับโอ่ขึ้นมาอย่างหยิ่งๆ
“ยาก...เจ้านาย แรงดีซะอย่าง ถ้าเป็นไปได้ โต้งอยากจะสูสีกับคนใช้สาวๆของนายดูบ้าง แต่กลัวโดนเตะ แฮะ แฮะ”
จากนั้นไอ้โต้งก็แสดง ”กามกิจ” กับสัตว์ทุกชนิดไม่เว้นแต่ละวัน
วันเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ วันหนึ่งเจ้าของสังเกตเห็นไอ้โต้ง นอนนิ่งอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้าน บนท้องฟ้าเหนือร่างของไอ้โต้งมีอีแร้งบินวนเวียนอยู่หลายตัว เจ้าของใจหายวาบคิดในใจว่า ไอ้โต้งพ่อพันธุ์ตัวโปรดของแกตายเสียแล้ว ความเสียใจทำให้เจ้าของวิ่งเข้าไปนั่งรำพันอย่างเสียอกเสียใจแถมร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา
“โธ่เอ๋ย...ไอ้โต้ง...เพราะเอ็งไม่เชื่อข้าแท้ๆ ออกแรงทำงานทุกวันอย่างเอ็ง มันก็ต้องตายแบบนี้ ไม่น่าเลย...ลูกกู”
ไอ้โต้งลืมตาแป๋ว ลุกขึ้นสะบัดปีก ส่งสายตามองดูอีแร้งบนท้องฟ้าซึ่งกำลังบินหนีผละไป แล้วตัดพ้อออกมาอย่างฉุนๆ”
“ไม่น่าเลย...เจ้านาย โต้งกำลังวางแผนทำเป็นนอนตายเพื่อจะหลอกให้อีแร้งสาวๆ ที่บินอยูโน่นลงมาซะหน่อย อยากลองอีแร้งดูสักทีว่ามันจะมีทีเด็ดอย่างพวกเราหรือเปล่า ไม่น่าเลย...มันหนีหมด”
เห็นไหมครับนิทานสัปดนของทหารลาวแดงเอร็ดอร่อยขนาดไหน นี่ขนาดผมแปลเป็นภาษาไทยแล้วนะครับ ถ้าท่านผู้อ่านฟังภาษาลาวขนานแท้ออกละก้อ เป็นได้ฮากันตึงเมื่อนั้น
“ผมอยากจะเลื้อยเข้าไปเชือดพวกมันจริงๆ ถ้าไม่ติดงานของคำคมป่านนี้ผมเจี๋ยนพวกมันหมดแล้ว”
หมู่สมพรพูดพลางหัวเราะ เสียงอึกอักอยู่ในลำคอด้วยความขบขัน
เสียงเล่านิทานสัปดี้สัปดนของทหารลาวแดงเงียบลงไปแล้ว เสียงไอถี่ๆของทหารที่เป็นหวัดลงคอก็ค่อยๆห่างลง แล้วก็เงียบเป็นปลิดทิ้งเมื่อเวลา 23.00 น.พอดิบพอดี
“หลับหมดแล้วครับ ลองล่อทั้งฝิ่นทั้งกัญชาแบบนี้ ต่อให้ช้างมาเหยียบพวกมันก็ไม่รู้สึก ถ้าไม่ห่วงงาน ผมจวกมันตายห่าหมดแล้ว ผมขอนอนซักงีบหนึ่งนะครับ ง่วงเหลือเกิน ตอนตีสองคุณบิ๊กแมนช่วยปลุกผมหน่อยก็แล้วกัน”
หมู่สมพรกระซิบกระซาบพร้อมกับขยับตัวลงนอนงอก่องอขิงระบายลมหายใจออกมาด้วยท่าทางแสดงออกถึงความง่วงจัด
หมู่สมพรหลับไปแล้ว รองผบ.หมวดทั้งสองคนที่นอนเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดานอยู่ข้างๆก็เลยพลอยหลับตามลงไปด้วย
ผมนอนพังพาบคว่ำหน้าลงกับพื้น ใช้หลังมือทั้งสองประสานกันรองคางเอาไว้ ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลงจ้องเขม็งไปเบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง
มีเสียงวิทยุติดต่อเป็นภาษาเวียดนามดังกังวานอยู่ในความมืดมิดข้างหน้า มันคงเป็นวิทยุจากหน่วยเหนือที่เรียกเข้ามายังจุดซุ่มโจมตีเพื่อสอบถามสถานการณ์ เสียงวิทยุเรียกถามสถานีอยู่ชั่วอึดใจ เมื่อไม่มีเสียงตอบจากชุดซุ่มโจมตี ภาษาดังกล่าวนั้นก็เปลี่ยนเป็นภาษาลาวด้วยน้ำเสียงที่เอ็ดตะโรดังสนั่นด้วยอาการฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
“บักหมาสี่แม่มึง บักห่า...จอบนอนอีกแล้ว ระวังเด้อ ทหารไทยซิขึ้นมาตัดหำพวกมึงเด้อ”
มีเสียงอู้อี้ๆ เหมือนกับคนเพิ่งจะตื่นนอน ดังแทรกซ้อนวิทยุข้นมาอย่างถนัดหู
“บ่ได้นอน บักฮูขี่ มึงซิใส่ความข้อยหลาย พวกข้อยจอบไปดูพื้นที่ข้างหน้าโว้ย บ่มีหยังดอก ทหารไทยบ่มีน้ำยาดอก ขืนขึ้นมา ข้อยซิถีบให้หน้าทิ่มดินโลด อย่าวิทยุมาหลายเด้อ มีเหตุการณ์ร้ายแรงข้อยซิเรียกไปเอง”
พนักงานวิทยุลาวแดง ซึ่งเพิ่งจะตกใจตื่นขึ้นมารีบส่งวิทยุแหกตาพรรคพวกกลับไป พร้อมกับคุยโอ่ทับถมทหารไทยเสียอย่างไม่มีชิ้นดี
“ไอ้สัตว์...เอาซะดีมั้ง”
หมู่สมพรซึ่งผมคาดว่าหลับผุดลุกขึ้นอย่างลืมตัว คำคุยโอ่ของทหารลาวแดง คงทำให้ผู้หมู่เพชฌฆาตคนนี้เดือดดาลจนกระทั่งลืมตัวไปชั่วขณะ ผมใจหายวาบ พลิกตัววูบเข้าไปกอดคอหมู่สมพร ออกแรงดึงลงมานอนนิ่งอยู่กับพื้น กระซิบคำพูดเตือนสติกรอกเข้าไปในหูอย่างชนิดเร็วปรื๋อแทบจะไม่หายใจ
“ใจเย็นน่า สมพร ถ้าคุณโมโหลืมตัวแบบนี้ แผนของเราก็พังหมดเท่านั้น ปล่อยมัน ปล่อยให้มันโม้ของมันไปตามลมตามแล้ง อย่างช้าเย็นพรุ่งนี้มันก็ตายโหงหมดแล้ว”
หมู่สมพรเอื้อมมือมาบีบมือของผมแน่น ปากก็พึมพำออกมาเหมือนกับเพิ่งสำนึกได้ ถึงความเผลอเรอของตัวเอง
“ขอโทษ...ขอโทษครับบิ๊กแมน ผมบังเอิญตกใจตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงมันดูถูกทหารไทยเข้าพอดี โมโหจนลืมตัว เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ไม่นอนไม่เนินมันละ โอ้โฮ...เผลอแผล็บเดียวล่อเข้าไป ตั้งตีหนึ่งแล้วหรือครับนี่”
ตกลงพวกผมทั้งสี่คนเลยต้องตื่นขึ้นมารับน้ำค้างจากสายหมอกจนชุ่มไปหมดทั้งตัว
04.30 น สายหมอกที่ครอบคลุมเริ่มจางหายไปเหมือนกับปาฏิหาริย์ มันจางหายไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า ผมก็สามารถมองเห็นแสงไฟจากบุหรี่วอมแวมอยู่ในความมืดเบื้องหน้าอย่างถนัดชัดเจน
ทหารลาวแดงเหล่านั้น ส่วนมากตื่นขึ้นมาล้อมวงสูบกัญชากันอย่างสุขารมณ์ ทั้งบุหรี่ ทั้งฝิ่นและกัญชาล่อกันให้เปรอะไปหมด
อนิจจา ทหารลาวแดงผู้น่าสมเพช ระเบียบวินัยไม่ต้องพูดถึงกันเลยละ มันแทบจะไม่มีเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
05.00 ทหารลาวแดงเริ่มถอนตัวกลับ พวกมันเริ่มส่งเสียงเอะอะเหมือนกับจีนตื่นไฟ มีการด่าทอกระเซ้าเย้าแหย่กันเหมือนกับอยู่ใน “ที่ตั้งปกติ”
พวกเราคืบคลานลงจากเนินเตี้ยๆ ที่ใช้ซุกซ่อนอยู่ทั้งคืนด้วยอาการเงียบเชียบ แล้วเริ่มแกะรอยตามขบวนทหารลาวแดงที่เดินเรียงเดี่ยวหายลับเข้าไปในแนวป่าเสือหมอบที่มองเห็นทึมๆอยู่เบื้องหน้า
โปรดติดตามตอนต่อไป ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของทหารรับจ้างในเรื่อง  ถล่มเนินสกายไลน์-วัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 23, 2015, 06:31:24 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11778 เมื่อ: กันยายน 24, 2015, 02:29:55 PM »

   
อัพเดทราคาปืนใหม่และกระสุนปืน เดือนตุลา-พฤศจิ 58 - ฝนไม่ยอมตกเลย
http://2013.gun.in.th/index.php?topic=60569.0  (ถ้ายังไม่สมัครสมาชิก สมัครด้วย)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11779 เมื่อ: กันยายน 25, 2015, 12:01:33 PM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง



ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่1 ผลงานของ สยมภู ทศพล
พวกผมคืบคลานลงจากเนินเตี้ยๆที่ใช้ซุกซ่อนอยู่ทั้งคืนด้วยอาการเงียบเชียบแล้วแกะรอยตามขบวนทหารลาวแดงที่เดินเรียงเดี่ยวหายลับเข้าไปในแนวป่าเสือหมอบที่มองเห็นทมๆอยู่เบื้องหน้า
หมู่สมพรขึ้นไปนำอยู่หน้าแถว ความสามารถในการกู้ระเบิดของเขา สร้างความอบอุ่นใจให้กับผมพอสมควร
หลายต่อหลายครั้งที่ทหารลาวแดงเบนออกจากเส้นทางแล้วลัดเลาะเข้ไปในเส้นทางเล็กๆที่ขนานกับเส้นทางดังกล่าว จากสภาพดังกล่าวนี้ ทำให้ผมรู้ว่า “กับระเบิด”ของข้าศึกได้ถูกวางเอาไว้อย่างถี่ยิบบนเส้นทางแห่งนี้
หมู่สมพรพยายามสังเกตุจุดที่ทหารลาวแดงเลี้ยวหลบ “กับระเบิด” ลงไปข้างๆทางอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ชั่วครู่ ก็ชี้มือให้ผมมองดูเศษผ้าร่มสีขาวที่ขาดห้อยรุ่งริ่งอยู่เหนือกิ่งไม้ พร้อมกับพยักพะเยิดให้ผมเคลื่อนที่หลบลงไปยังเบื้องล่าง
เศษผ้าร่มสีขาวเหล่านั้นคือจุดสังเกตุที่แสดงถึงพื้นที่ของ “กับระเบิด” ทั้งหมดของเส้นทางดังกล่าว
ถ้ามองดูอย่างผิวเผิน พวกเราอาจจะนึกว่าเป็นเศษผ้าร่มที่ “แอร์อเมริกัน” ได้ “ดร็อป” ของลงมาแล้วบังเอิญกระแสลมพัดออกมานอกเส้นทาง แต่ที่ไหนได้ พวกมันดัดแปลงใช้เศษผ้าร่มเหล่านี้บอกทิศทางของ “กับระเบิด” ได้อย่างแนบเนียนจนพวกผมคาดไม่ถึง
ตลอดเส้นทางพวกเราพบเศษผ้าร่มไม่น้อยกว่า 10 ชิ้น และแต่ละชิ้นของมันก็ต้องทำให้พวกผมตาลีตาเหลือกลงไปเดินอยู่ข้างๆทางด้วยความเย็นยะเยือกไปทั่วไขสันหลัง
“โฮจีมินส์”
เสียงห้าวลึกตะโกนก้องออกมาจากความมัวซัวเบื้องหน้า พร้อมกับมีเสียงกระชากลูกเลื่อนปืนดังเกรียวกราว
พวกผมทั้ง 4 คนฟุบลงนอนกับพื้นเหมือนกับนัดเอาไว้ ประสาทเขม็งเกลียว ปืน M-16 ถูกยกขึ้นมากระชับอยู่ในอ้อมแขน ใจเต้นตึ๊กๆๆ
ความรู้สึกที่บอกกับตัวเองเหมือนกับกำลังจะพบหัตถ์ของพญามัจจุราชที่เอื้อมเข้ามาฉุดกระชากพวกผมลงไปยังขุมนรกอเวจี
“โง เหวียน เกี๊ยบ”
คนหนึ่งจากทหารลาวแดงขานรหัสผ่านออกไปด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและมั่นใจ
มีเสียงทักทายกันเป็นภาษาเวียตมินส์ดังขึ้นไม่ได้ศัพท์ เสียงสัพยอก และข้อความที่พูดกันพาดพิงมาถึงทหารรับจ้างชาวไทย กองพัน 617 ในทำนองที่ไม่กล้าปีนขึ้นมาบนแนวของพวกมัน ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่บาดใจของพวกผมดังขึ้นเกรียวกราว
“ฉิบหายแล้ว บิ๊กแมน เราหลวมตัวตามมันเข้ามาถึงฐานอาวุธหนักของมันแล้ว ขืนเดินต่อไปเป็นเสร็จแน่ ถอยหลังกลับออกไปก่อนครับ”
หมู่สมพรกระซิบกระซาบพร้อมกับหันหลังกลับ คลานสี่ตีนตามผมออกมาจากเส้นทางดังกล่าวด้วยความรีบร้อนแทบจะไม่หายใจ
หลังจากห่างฐานอาวุธหนักของมันพอสมควรแล้ว พวกผมก็ฉากแวบเข้าไปในป่าเสือหมอบที่อยู่ข้างๆปรึกษาหารือกันถึงแผนการที่จะดำเนินต่อไปอย่างเคร่งเครียด หมดหนทางที่จะฝ่าแนวของพวกมันเข้าไปเสียแล้ว
ถึงแม้ พวกผมจะรู้รหัสผ่านของพวกมันเข้าอย่างบังเอิญก็ตามที แต่อีขากลับนี่สิครับ พวกผมจอดแน่ๆ
สำหรับเส้นทางอื่นๆ มันก็เสี่ยงเกินไป สำหรับการปฏิบัติงานในเวลาเช้ามืดเช่นนี้
“ผมคิดว่าที่นอร์แมนออกคำสั่งให้วาง เรด้าห์พ้อคเก็ต ให้อยู่ห่างจากแนวข้าศึกประมาน 1 กม.นั้น มันคงจะมีความเข้าใจผิดอะไรกันอยู่บ้าง พวกเราไม่ได้รายงานถึงอาวุธหนักของมันซึ่งเคลื่อนที่ลงมาจากฐานเกือบ 3 ก.ม. ให้นอร์แมนและบาวเดอร์ คอนโทรล ทราบจากสภาพที่เป็นจริงถ้าเรานับฐานที่ตั้งอาวุธอาวุธหนักของข้าศึกที่เห็นอยู่ในขณะนี้ พวกเราเดินทางเข้ามาใกล้เกินไปเสียแล้ว จุดที่เราควรจะวาง เรด้า ก็คือจุดที่เราพักแรมเมื่อคืนนี้ นั่นเอง”
ถูกต้องครับ บิ๊กแมน ถ้าเริมวาง เรด้า ตั้งแต่จุดซุ่มโจมตีของมัน อำนาจระเบิดจาก B-52 ก็อาจจะทำลาย กับระเบิด และฐานอาวุธหนักของมันพังพินาศไปด้วย ว้า หลงโง่อยู่ตั้งนาน ถอยกลับเถอะครับ”
ด้วยความเข้าใจผิดของคำสั่ง ทำให้พวกผมเสียเวลาไปโดยไม่ใช่เหตุ เกือบ 6 ชั่วโมงเต็มๆ
อย่างไรก็ดี จากการแกะรอยทหารลาวแดงเข้าไป ทำให้พวกผมล่วงรู้ เส้นทางที่ปลอดจากกับระเบิดเข้าอย่างบังเอิญ และจากการบังเอิญนี้ มันจะมีคุณประโยชน์ต่อกองพันของผมอย่างมหาศาล
พวกผมถอยกลับมา ณ จุดซุ่มโจมตีอีกครั้ง แล้วเริ่มติดตั้ง เรด้าห์-พ็อคเก็ต อย่างเร่งด่วน
แสงอาทิตย์เริ่มฉายรัศมีขึ้นมาบ้างแล้ว พวกผมต้องทำงานแข่งกับเวลาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งสายเท่าไหร่ อันตรายจากการค้นพบของพวกมันก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
การติดตั้ง เรด้า-พ็อคเก็ต ก็ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนัก เพียงแต่เอาปลายที่แหลมเปี๊ยบของมันทิ่มลงไปในดิน แล้วออกแรงกดลงไปจนกระทั่งถึงสวิทช์สีแดง ต่อจากนั้นก็กดสวิทช์จากตำแหน่ง “ออฟ” ไปที่ “ออน” ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว
เรด้า-พ็อคเก็ต 8 อัน ถูกวางเป็นแนวยาวพาดไหล่เขาอันกว้างใหญ่ไพศาลของเนินสกายไลน์-วันด้วยระยะต่อที่ห่างกัน 50 เมตร
พวกผมใช้เวลาติดตั้งสกายไลน์ถึง 2 ชั่วโมงเต็มๆ หลังจากพราง เรด้า-พ็อคเก็ต ให้พ้นจากการตรวจการณ์ของชุดลาดตระเวณของข้าศึกเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็เคลื่อนที่ลงจากเนินสกายไลน์สกายไลน์ด้วยความสะดวกสะบายยิ่งกว่าทุกครั้ง
3 ชั่วโมงต่อมาผมก็เดินทางขึ้นมาถึงยอดเนินเถิดเทิงได้อย่างปลอดภัย
ทหารกองร้อยที่ 1 ทำหน้าที่คุ้มกัน บก.พัน กำลังจัดรูปขบวน เพื่อจะลงไปกวาดล้างทหารเวียดนามเหนือซึ่งอาจจะตกค้างอยู่บนหมู่บ้าน 50 หลังแห่งนั้น
“พวกเราจะต้อนให้มันกระเจิงขึ้นไปบนเนินสกายไลน์-วันให้หมด ก่อนเวลา 17.00 น. จะถล่มมันทั้งทีก็ขอล้างมันให้เกลี้ยงทั้งกองพันเลยทีเดียว บิ๊กแมนทานอาหารกลางวันแล้วนอนพักผ่อนเสียก่อนครับ เฮ้ย สมพร พักผ่อนเสียก่อน ไอ้น้อง ปล่อยให้ทหารร้อย 1 เขาแสดงไปพลางๆก่อน พรุ่งนี้เช้าเอ็งได้เป็นพระเอกแน่ๆ”
ประโยคสุดท้าย คำคมหันไปสัพยอกลูกน้องคนโปรด พร้อมกับชี้มือไปที่กล่องเบียร์ตราสิงห์ กล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
“นอร์แมนส่งมาให้พวกลื้อทั้ง 4 คน มีอยู่ 1 โหลพอดี คนละ 2 ขวด เหลือติดกล่องเอาไว้ 4 ขวดนะโว้ย อย่าเสือกล่อหมดเสียล่ะ”
หลังจากอาหารกลางวันผ่านพ้นไปแล้ว ผมก็หลับเหมือนตาย หลับทั้งๆที่เสียงอาวุธยิงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหวอยู่เช่นนั้น ความเหน็ดเหนื่อยบวกกับความอดหลับอดนอน ทำให้ผมสลบไสลจนกระทั่งถึงเวลา 16.30 น.
อา..เวลามรณะได้คลืบคลานเข้ามาทุกขณะแล้ว ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามแผน 17.58 น. คือเวลาแห่งกาลมรณะที่จะบันดาลให้เนินสกายไลน์-วันย่อยยับเป็นผุยผง อีกไม่นานเกินรอเราคงจะได้เห็นกัน
พอผมลืมตาขึ้นมา ผบ.ร้อย 1 ก็นำทหารรับจ้างที่ลงไปกวาดล้างหมู่บ้าน 50 หลังขึ้นมาพอดี จากผลของการกวาดล้าง ทหารเวียตนามเหนือวิ่งกระเจิงเผ่นกลับเนินสกายไลน์-วันโดยทิ้งศพเอาไว้ 3 ศพ และผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ทหารรับจ้างอุตส่าห์หามเชลยศึกกลับมาฐานปฏิบัติการบนยอดเถิดเทิงเพื่อหวังผลในด้านข่าวกรอง
ทหารเวียตนามเหนือทนบาดเจ็บจากกระสุน M-79 ที่ทะลวงเข้าไปบริเวณสะโพกได้เพียง 45 นาทีก็สิ้นใจระหว่างทางนั่นเอง
ทหารกองร้อย 1 ปลอดภัย ไม่มีบาดเจ็บแม้กระทั่งรอยแมวข่วน
หลังจากทหารรับจ้างทุกคนเข้าประจำแนวเรียบร้อยแล้ว คำคมก็ได้รับคำสั่งเป็นรหัสสั้นๆจากนอร์แมน
“วัน-เวลาเดิม”
17.00 น. ด้วยการออกคำสั่งของพลนำสารทหารรับจ้างทุกคนก็ออกมาจากบังเกอร์ที่มีหลังคาแล้วซุกตัวหมอบอยู่ในร่องสนามเพลาะที่ขุดวกวนอยู่บนไหล่เขาเถิดเทิงด้วยอาการสงบเงียบ ทหารรับจ้างชั้นลูกแถวยังไม่มีใครทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เมื่อได้รับคำสั่งจาก ผบ.พันทุกคนก็ปกิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
17.00 น. เหลืออีก 8 นาทีจะถึงหมายกำหนดการ ผมนั่งตัวเย็นเฉียบอยู่ใกล้ๆคำคม หมู่สมพรกับรอง ผบ.หมวดทั้งสองเดินพล่านไปมาเหมือนกับหนูติดจั่น ความตรึงเครียดและความตื่นเต้นแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน จนกระทั่งคำคมต้องปรามออกมาเบาๆ
“ใจเย็นๆน่า ประเดี๋ยวเอ็งจะได้เห็นเป็นขวัญตา อย่าไซ้รท์ให้มันมากนัก ไอ้ห่า อั๊วไม่เคยเห็นลื้อไซ้รท์แบบนี้มาก่อนนี่หว่า”
“โธ่ ผู้พันครับ ในชีวิตผมเคยเห็นกับตาเสียเมื่อไหร่ละครับ วันนี้มันเสือกมาคลอดใกล้ๆแทบจะเอื้อมมือถึงแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ผมตื่นเต้นยังไงไหว เอ...ถ้าหูของผมไม่ฝาด รู้สึกว่าผมจะได้ยินเสียงของมันมาแล้วนะครับ ผู้พัน”
พอพูดจบหมู่สมพรก็แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า กวาดสายตาเหมือนหนึ่งจะสังเกตสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยความพินิจพิจารณา
ประสาทหูของทหารหน่วยลาดตระเวนระยะไกลย่อมจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคนธรรมดามากมายหลายเท่านัก ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินชนิดหนึ่งจริงๆเสียงของมันดังใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อผมยกนาฬิกาข้นมาดุก็ปรากฏว่าเป็นเวลา 17.57 น. พอดิบพอดี
ดวงตะวันลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว บรรยากาศเริ่มสลัวลงอย่างรวดเร็ว ผม, คำคม ใช้กล้องสนามแรงสูงส่องกราดขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยฉับพลัน รัศมีลำสุดท้ายของดวงอาทิตย์ทำให้ผมตรวจการณ์มันได้ชัดพอสมควร ลำตัวอันยาวเหยียด สีขาววับ ปีกลู่มาทางด้านหลังเกือบ 70 องศา บินอยู่สูงลิบลิ่วจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น จุดเล็กๆสองจุดที่เคลื่อนที่ติดตามอยู่ใกล้ๆ ถ้าผมเดาไม่ผิดมันก็คือเครื่องบินไอพ่น F-105 ที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง หรือช่วยบินคุ้มกันเครื่องบิน B-52 ลำนี้นั่นเอง ห่างออกไปด้วยระยะต่อพอสมควร B-52 ลำที่สองก็บินเกาะกลุ่มติดตามมาด้วยระดับความเร็วที่สม่ำเสมอกัน รัศมีลำสุดท้ายของแสงอาทิตย์ลับหายไปแล้ว ท้องฟ้ามืดสลัว ภาพของเครื่องบิน B-52 หายลับจากโฟกัสของกล้องสนามแรงสูงไปชั่วขณะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 25, 2015, 12:17:50 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11780 เมื่อ: กันยายน 27, 2015, 07:59:44 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง



 ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่ 2 ผลงาน ของสยมภู ทศพล
เครื่องบิน B-52 บินผ่านศรีษะของผมมุ่งหน้าไปยังเนินสกายไลน์วัน ชั่วอึดใจ ภาพที่ทำให้ผมบังเกิดอาการตื่นตาตื่นใจที่สุดในชีวิตก็ได้บังเกิดขึ้น ถึงแม้จะเคยเห็นมาหลายครั้งหลายครา แต่ผมก็ยอมรับกับตัวเองว่า การทิ้งระเบิดของ B-52 ครั้งนี้ “มันส์”ที่สุดในชีวิต
ประกายไฟสีเขียวปนส้มสว่างแวบขึ้นมาบนไหล่เขาของเนินสกายไลน์วัน ประกายดังกล่าววิ่งปร๊าดเข้ามารวมกลุ่มกันเหมือนกับระเบิด “นาปลาม”
ตั้งแต่ตีนเขาขึ้นไปจนถึงยอดสูงสุดของเนินสกายไลน์-วันสุกปลั่งเหมือนกับทองคำ บัดดลนั้น เสียงกระหึ่มที่ดังเหมือนโลกถล่มก็ได้บังเกิดขึ้น ความดังและความรุนแรงของมันเหมือนกับอสุนีบาตที่ฟาดลงมาพร้อมๆกันนับพันนับหมื่นครั้ง
ความกดของอากาศบังเกิดขึ้นโดยฉับพลัน ยอดภูเขาเถิดเทิง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดเพียง 2.5 ก.ม.บังเกิดอาการเหมือนกับแ(นดินไหว หลังคาบังเกอร์ถล่มทลายวายวอดไม่มีชิ้นดี ผ้าเต๊นท์สนามที่คลุมอยู่บนร่องสนามเพลาะ ปลิวหายไปกับกระแสลมเหมือนกับปุยนุ่น
เสาอากาศ “PRC-77” แบบ ทรี ทร็อพ ถอนรากถอนโคนปลิวหมุนขึ้นไปลอยค้วางอยู่กลางอากาศ
ทหารรับจ้างที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อนโวยวายออกมาอย่างคนขวัญเสีย
เสียงระเบิดคำรามติดต่อกันไปอย่างไม่มีหยุดยั้ง ไฟลุกท่วมเนินสกายไลน์-วัน แดงฉานไปหมดท้องฟ้า ความสว่างไสวของมันทำให้ยอดเถิดเทิงสว่างโพลนไปหมดทั้งขุนเขา
เกือบ 15 นาทีเต็มๆที่เนินสกายไลน์-วัน ต้องตกอยู่ท่ามกลางไฟบรรลัยกัลป์ แรงระเบิดของมันทำให้ประสาทของพวกผมขาดการบังคับไปชั่วขณะ
ยังไม่ทันจะตั้งตัวติด B-52 อีกเครื่องนึงที่บินคุมเชิงอยู่ตลอดเวลาก็เทกระจาดลูกระเบิดขนาด 500 ปอนด์ลงมาอีกครั้ง ลูกระเบิดที่ทิ้งด้วยระบบอิเล็คโทรนิค ชั้นซุปเปอร์สตาร์ดิ่งลงไปบนเป้าหมายอย่างไม่มีวันผิดพลาด
เสียงระเบิดและความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงได้จู่โจมเข้ามาหาผมอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าครั้งแรกหลายเท่านัก
แรงสั่นสะเทือนทำให้อาวุธหนักทุกชนิดที่ตั้งฐานยิงอยู่บนยอดเนินเถิดเทิง เอียงกระเท่เร่พังคลืนลงมากับพื้น และยอดเนินซ้ายมือสุดที่เคยโดนถล่มด้วย ปรส.ของข้าศึกมาก่อนแล้ว เมื่อมาโดนแรงสั่นสะเทือนซ้ำเข้าไปอีกก็เลยถล่มทลายลงทั้งกะบิ
นับว่าเป็นความโชคดีที่ทหารหมวดอาวุธหนักได้หลบลงมาอยู่ในร่องสนามเพลาะเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วยอดสูญเสียของกองพันผมจะต้องบังเกิดขึ้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 คนขึ้นไปเลยทีเดียว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เสียงระเบิดที่ดังสะท้อนไปสะท้อนมาได้เงียบสงบลงแล้ว แต่ความตื่นเต้นยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของทหารรับจ้างตลอดไป ระเบียบวินัยที่เคร่งครัดและเข้มงวดกวดขันหายไปชั่วขณะ ทหารรับจ้างทุกคนลืมตัวส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าววิพากษ์วิจารณ์กันแซ่ดไปหมดทั้งแนว
ยังคงมีเสียงระเบิด ซึ่งผมคาดว่า คงจะเป็น กับระเบิด ที่ตกค้างอยู่บนไหล่ครับเขาสกายไลน์-วันระเบิดตูมตามขึ้นมาไม่ขาดระยะ อำนาจของลูกระเบิดจาก B-52 ทำให้บังเกิดไฟไหม้ป่าลุกลามเลียออกไปอย่างกว้างขวาง
ข่ายวิทยุซึ่งเคยสงบเงียบ เริ่มเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้ง พนักงานวิทยุ BC.604 ซึ่งอยู่ทางหัวเนินชาร์ลี-ชาร์ลี ปากคอสั่นรายงานสถานการณ์เข้า บก.ล่องแจ้งแทบไม่เป็นภาษาคน
ฟังยอดจำหน่ายกำลังพลตามคำรายงานของพนักงานวิทยุ 604 แล้วผมอดขำไม่ได้
ปืน ค.4.2 หกคะเมนลงไปนอกฐานบังเกอร์ชนิดพิเศษที่ “วิเศษ” ผบ.ร้อย 3 BC.604 เคยคุยนักคุยหนาว่าสามารถทนต่ออาวุธหนักทุกชนิดของข้าศึกได้ บัดนี้ถล่มทลายไม่มีชิ้นดี
ทหารประสาทหูพิการ 5 คน สติสัมปชัญญะมีเค้าว่าจะต้องกลายเป็นคนไม่เต็มเต็งเกือบ 10 คน และประการสุดท้าย ทหารกองพัน 604 กองร้อย 3 พูดจากันไม่รู้เรื่อง เนื่องจากประสาทหูอื้อไปชั่วขณะจนฟังอะไรแทบไม่ได้ยิน
นี่คือฤทธิ์เดชของ B-52 ที่ทิ้งห่างจากฐานปฏิบัติการของฝ่ายเราในระยะห่าง 1.5 กม.
คำคมสั่งซ่อมแซมฐานบนยอดเนินเดเทิงโดยด่วนที่สุด
ทหารหมวดอาวุธหนักประจำ ค. 4.2 โชคร้ายกว่าเพื่อน โดนกระบอกคออันหนักอึ้ง กลิ้งลงมาทับกระดูกแตก นอนร้องครวญครางจนต้องฉีดมอร์ฟีนให้หนึ่งเข็ม อาการเจ็บปวดดังกล่าวจึงค่อยทุเลา
หลังคาซึ่งทำด้วยผ้ากันฝน ปลิวข้ามไปตกที่ไร่ฝิ่นด้านหลังเขา
สองชั่วโมงผ่านไปทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลับเข้าสู่สภาพเดิม
ก่อน 24.00 น. เล็กน้อย นอร์แมนส่งรหัสมาให้กองพันผมสั้นๆว่า
“ดอกไม้บานยามรุ่งอรุณ”
อา...กำหนดวัน ว. หรือวันดีเดย์ ได้ถูกประกาศิตขึ้นแล้ว
เพื่อความเรียบร้อย คำคมสั่งทหารเตรียมการเคลื่อนที่ทันที อุปกร์ที่ม่ำเป็นทุกชิ้นถูกทิ้งเอาไว้บนฐานปฏิบัตการจนหมดสิ้น ผ้าห่ม หม้อสนาม ถังน้ำขนาดใหญ่ และอุปกรณ์การหุงต้มถูกแพ้ครวมเอาไว้แล้วขนขึ้นไปวางกองอยู่บนยอดเถิดเทิงเพื่อรอการขนย้ายทางชอปเปอร์ต่อไป อาวุธหนักถูกถอดออกเอา เหมือนกับเมื่อคราวเคลื่อนย้ายเข้าตี บ้านเถิดเทิง
พอเวลา 02.30 น. คำคมก็ตัดสินใจเคลื่อนย้ายกำลังพลทั้งหมดลงจากยอดเนินเถิดเทิงอย่างเงียบเชียบ และในขณะเดียวกันก็ทำแผนลวงด้วยการสั่งให้ทหารจุดไฟทิ้งเอาใว้บนฐานเกือบตลอดแนว
แสงไฟที่วอมแวมอยู่บนยอดเถิดเทิง จากสภาพดังกล่าวคล้ายๆกับพวกเราจะจุดไฟขึ้นมาเพื่อตรวจตราความเสียหายของฐานปฏิบัติการอันเนื่องมาจากการสั่นสะเทือนของลูกระเบิด B-52 นั่นเอง
ทหารรับจ้างเกือบทั้งหมด เคลื่อนที่ลงจากยอดเถิดเทิงอย่างช้าๆเงียบเชียบ และระมัดระวัง เส้นทางซึ่งถูกเคลียร์มาก่อนแล้วจากฝีมือของหมู่สมพร ทำให้ส่วนหน้าสุดเคลื่อนที่ไปได้อย่างสะดวกสบายยิ่งกว่าทุกครั้งของการเข้าตีที่ผ่านมา
3 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ก่อน 05.30 น. กองร้อย 2 ซึ่งเป็นส่วนหน้าสุดก็ยึดหมู่บ้าน 50 หลัง เอาไว้ได้ด้วยความปลอดภัย
คำคมสั่งให้ทหารรับจ้างพาเหรดขึ้นหมู่บ้าน 50 หลังทันที และใช้พื้นที่ดังกล่าวตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวในการเข้าตีครั้งนี้ อาวุธหนักทุกชนิดถูกติดตั้งอย่างรีบเร่ง แผนการเข้าตีซึ่งได้ถูกวางเอาไว้อย่างแนบเนียน ถูกกองร้อยต่างๆปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน
กองร้อยที่ 1 ขึ้นโอบปีกซ้าย
กองร้อยที่ 2 ขึ้นโอบทางปีกขวา
ส่วนกองร้อย 3 บุกตลุยขึ้นไปตรงช่องกลางอันเป็นเส้นทางที่ผมกับหมู่สมพรได้เคลียร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยก่อน 05.45 น
เหลืออีก 13 นาทีจะถึงหมายกำหนดการเข้าตี
จากการดักฟังข่าววิทยุจาก BC.603 ซึ่งจะตีโอบทางเนินชาร์ลี-ชาร์ลี ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่สุดของเนินสกายไลน์-วันก็ปรากฏว่า ชุดซุ่มโจมตีกลางคืนของ BC.603 ดังกล่าวตรวจการณ์พบแสงไฟบนยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี เข้าให้แล้ว
“ฉิบหายแล้ว บิ๊กแมน พวกมันส่วนมากยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ B-52 ถล่มมันขนาดไหนก็ตามที พวกมันก็ยังเหลือรอดชีวิตอยู่จนได้ ผมคิดว่าพวกมันจะต้องขุดอุโมงค์ขนาดยักษ์เจาะพื้นยอดเขาเข้าไปตั้งกองบัญชาการอยู่แน่ๆ รุ่งอรุณของเช้าวันนี้ ชักจะไม่โสภาเสียแล้ว สกายไลน์-วันคงจะเป็นเนินมรณะสำหรับพวกเราหรือพวกมัน อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ก็คงจะได้รู้กัน”
คำคมกระซิบกระซาบกับผมแล้วหันไปออกคำสั่งกำชับหมวดอาวุธหนักอีกครั้ง
“อาวุธหนัก ยิงให้คลุมพื้นที่ตั้งแต่เนินอานม้าขึ้นไปจนกระทั่งเนิน ชาร์ลี-กอล์ฟ อย่าให้เลยไปถึงเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี เป็นอันขาดนะโว้ย ประเดี๋ยวพลาดจากยอดเนินลงไป โดน BC.603 ก็แหลกเท่านั้น อีก2 นาที ระดมยิงทันที”
05.58 น. พลุสีเขียวสดใส 3 ช่อถูกยิงมาจากที่ใดที่หนึ่งสว่างโร่ อยู่เหนือเนินสกายไลน์-วัน
บัดดลนั้นเอง อาวุธหนักทุกชนิดก็คำรามขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว ที่หมายคือไหล่เขาสกายไลน์-วัน ที่กำลังเด่นชัดขึ้นมาทุกขณะด้วยรัศมีอันเรืองรองของดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ
“พรึ้ง...วี้ด...บึ้ม”
“พรึ้ง...วี้ด...บึ้ม”
เสียงกระสุนปืนใหญ่ 155 มม.จากฐานแคนเดิ้ลและเฮอคิวลิสต์ ที่ตั้งฐานบังคับการยิงอยู่บนเนินเขาเยื้อง บก.สิงหะ (บก.ล่องแจ้ง) เริ่มถล่มกระสุนสังหารเข้าใส่เนินสกายไลน์-วัน ด้วยการยิงชนิดต่อเนื่องกันอย่างไม่หยุดยั้ง
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ฐานปืน “แคนเดิ้ล” และ “เฮอร์คิวลิส” ต้องกลายเป็น “ฐานบอด” ชั่วคราว เนื่องจากยิงเนินสกายไลน์-วันมิได้ผล
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ ถ้าจะพูดกันด้วยเหตุผลที่เป็นจริงแล้ว มันก็น่าเห็นใจฐานปืนใหญ่ทั้งสองแห่งนี้เหมือนกัน ผลการยิงแต่ละนัด แต่ละชุด เท่าที่ผมตรวจการณ์ด้วยกล้องสนาม มันถล่มลงบนยอดเนินสกายไลน์-วันเหมือนกับจับวาง
แต่พอการระดมยิงเสร็จสิ้นลง ทหารปิศาจเหล่านั้นก้ออกจากรูขึ้นมาเดินเพ่นพ่านกันให้มั่วไปหมด
และเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ จะบังเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อการยิงปืนใหญ่เสร็จสิ้นลง อำนาจปืนใหญ่ทั้งสองฐาน ทำอะไรฐานปฏิบัติการของมันไม่ได้เสียแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แคนเดิ้ลกับเฮอคิวลิสก็เลยงดการระดมยิงยอดเนินดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
ด้วยแผนการเข้าตีของ ซีไอเอ ก็เลยทำให้แคนเดิ้ลกับเฮอคิวลิสต้องเปิดฉากระดมยิงยอดเนินดังกล่าวต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2015, 08:02:01 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11781 เมื่อ: กันยายน 27, 2015, 08:20:42 AM »

อัพเดต ตลาดอุปกรณ์ ส่วนควบ อาวุธ ปืน  วันนี้ http://2013.gun.in.th/index.php?board=21.0  (ถ้ายังไม่ได้สมัครสมาชิกให้สมัครด้วย)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11782 เมื่อ: กันยายน 30, 2015, 09:05:08 AM »

ตลาดปืนมือ สอง วันนี้มีร้านปืนชื่อดัง ลงมาขาย ปืน มือ2 สวยๆ ราคาสวยๆ http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.0  ถ้ายังไม่สมัครสมาชิก ให้สมัครด้วย)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11783 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2015, 12:01:20 PM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง






 ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่ 3 ผลงานของสยมภู ทศพล
BC. 603 ซึ่งใช้รหัส “เห่าดง” หมุน “ฟรีเควนซี่” (ความถี่วิทยุ) เข้ามาร่วมกับข่ายวิทยุกองพันผมแล้ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กองพันแต่ละกองพันที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการ “เข้าตี” สามารถรู้ถึงสถานะการณ์ในปัจจุบันซึ่งกันและกันได้อย่างสบาย
อาวุธหนักกองพันของผมซึ่งตั้งฐานอยู่ ณ. บริเวณหมู่บ้าน 50 หลัง เริ่มสลุตกระสุนไล่เดี๊ยตั้งแต่ตีนเขาสกายไลน์ขึ้นไป จนกระทั่งถึงฐานที่ตั้งอาวุธหนักของทหารเวียตนามเหนือ ด้วยการยิงสลับขึ้นสลับลงอยู่ตลอดเวลา
ทหารกองร้อย 3 เริ่มเคลื่อนที่ออกจากหมู่บ้าน 50 หลัง ด้วยรูปขบวนแถวตอนเรียงเดี่ยว เคลื่อนที่ขึ้นไปในขณะที่ลุกกระสุนปืน ค.และ ปรส. วิ่งผ่านศรีษะเสียงดังหวีดหวิว ทหารรับจ้างบางคนแหงนหน้าขึ้นมองดูวิถีกระสุนด้วยท่าทางกริ่งเกรงอย่างเห็นได้ชัด
อย่าว่าแต่ทหารเหล่านั้นเลยครับ ตัวของผมเองก็เถอะน่า อุจจาระแทบจะพาเหรดขึ้นมาอยู่บนหัวสมองอยู่แล้ว
เล่นกับอะไรไม่เล่น พิเรนไปเล่นกับลูกปืนครก เจอะเฉียดๆมันก็เกมกันเท่านั้น
ท่านผู้อ่านลองคุยๆกับทหารราบดูเถอะครับ แล้วเขาจะบอกคุณเองว่า ในขณะเคลื่อนที่แล้วมีกระสุนปืนครกยิงข้ามหัวอยู่นั้น มันเสี่ยงตายพอๆกับวิ่งเข้าหากระสุนปืนเลยทีเดียว
จับพลัดจับผลู เชื้อประทุของลูก ค. เกิดเสื่อมขึ้นมา แล้ว ชอร์ท โครมลงบนกลุ่มของพวกผมเข้า ก้เห็นจะร้องเพลง “ยมบาลเจ้าขา” ของคุณบุปผา สายชล ไปเท่านั้น
...และก็ขอโทษที อุบัติเหตุแบบนี้ก็มักจะมีอยู่เสมอๆ เสียด้วยซีครับ
อย่าว่าแต่ปืนครกเลยครับ แม้กระทั่งปืนใหญ่ที่ว่ายิงนิ๊งๆเหมือนกับจับวางนี่แหละ พี่แกก็ยังทำให้ผมวิ่งขี้หดตดหายมาแล้ว
นึกถึงวันนั้นแล้วผมใจยังฝ่อไม่หาย
เย็นวันหนึ่งของเดือนธันวาคม ที่ค่อนข้างจะเยือกเย็น ผมนั่งล้อมวงกินข้าวกับทหารรับจ้าง 6-7 คนบนยอดเนิน “ชารลี-แทงโก้” ซึ่งเป็นยอดที่สูงที่สุดบนเนินสกายไลน์-ทู ขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยกับลาบเนื้อวัวที่เพิ่งจะแบ่งออกมาจากทหารลาวอยู่นั้น กระสุนปืนใหญ่จากการร้องขอ “เดฟคอล” ของกองพันที่อยู่เบื้องหน้าผมก็เกิด “ชอร์ท” หล่นตูมลงมากลางวงพอดิบพอดี
เหมือนกับปาฏิหารย์ ลุกกระสุนปืนใหญ่นัดนั้นบังเอิญด้าน แต่ขนาดด้านๆนี่แหละครับ ทหารรับจ้างบางคนยังขี้แตกออกมาเต็มกางเกงเลยครับ
ส่วนผม ขอยืมฝีเท้าอาณัติ รัตนพล วิ่งโกยแน่บ เข้าไปซุกอยู่ข้างๆรั้วลวดหนาม เกือบจะโดนกับระเบิดตายซะแล้ว
เมื่อมาเดินลอดวิถีกระสุนของปืนครกแบบนี้เข้า ผมก็เลยเสียวสันหลังวูบวาบ เดินล่อกแล่กๆ จนหมู่สมพรที่เดินขนาบข้างผมถึงกับหยุดดูด้วยความแปลกใจที่มองเห็นผมปอดลอยถึงขนาดนั้น
กองร้อยของผมเคลื่อนที่ขึ้นมาถึงแนวทิ้งระเบิดของ B-52 แล้ว หลุมระเบิดขนาดยักษ์ เรียงรายยาวสุดสายตาปรากฏอยู่เบื้องหน้า กลิ่นกำมะถัน,ฟอสฟอรัส คละคลุ้งอบอวลทั่วบริเวณ
ป่าเสือหมอบและพืชล้มลุกถูกอำนาจระเบิดพลิกขึ้นมากระจุยกระจาย และส่วนที่เหลือก็โดนไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญไม่มีชิ้นดี
ต้นไม้ขนาดสองคนโอบ ยอดขาดกระเด็นเหมือนกับโดนขวานจาม บางต้นที่โดนลูกระเบิดเข้าอย่างจังๆ ก็ถึงกับล้มโค่นลงมากองระเกะระกะอยู่ทั่วบริเวณ ควันไฟและรอยไหม้เกรียมยังครุกกรุ่นอยู่ตลอดทาง
ทหารรับจ้างบางคนชะโงกหน้าลงไปมองดูหลุมระเบิดของ B-52 แล้วทำสีหน้าเหมือนกับจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง มันก็ไม่น่าเชื่อจริงๆนี่ครับ ทั้งลึกทั้งกว้าง เท่าที่สายตาของผมกะๆดูแล้ว มันลึกไม่น้อยกว่า 20 เมตรเลยจริงๆ หลุมระเบิดห่าเหวอะไรไม่รู้...ลึกระยำ
คำคมสั่งแปรขบวนออกเป็นรูปแถวหน้ากระดานเรียงเดี่ยว ด้วยช่วงระยะต่อคน คนละสองเมตร ทหารรับจ้างกระชับปืนประจำกาย เคลื่อนที่ขึ้นไปบนไหล่เขาอย่างระมัดระวัง พื้นที่...ที่ต้องสงสัยถูกยิงเคลียร์ด้วยระบบออโตซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระสุนปืนดังเกรียวกราวไม่ขาดระยะ เสียงวิทยุสนามสั่งการโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์
ผมเคลื่อนที่ผ่านบริเวณที่ติดตั้งเครื่อง “เรด้าห์-พ็อคเก็ต” ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำให้ผมเตร่เข้าไปยังพื้นที่-ที่ได้ทำเครื่องหมายเอาไว้
ปรากฏว่า “เรด้าห์-พ็อคเก็ต” ถูกอำนาจระเบิดถล่มทลายทับถมไม่มีชิ้นดี บางพื้นที่ก็โดนไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญมอดไหม้เป็นธุลีดินจนหมดสิ้น
เนื่องจากเวลาของผมมีไม่มากนัก ผมก็เลยไม่สามารถที่จะตรวจค้น “เรด้า-พ็อคเก็ต” อันอื่นๆต่อไปอีกได้
หลุมเพลาะของจุดซุ่มโจมตี ทหารลาวแดงที่ผมนั่งเฝ้าดูพฤติการณ์ของมันทั้งวันทั้งคืน กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว
“อินทรีจากเห่าดง ขณะนี้ เห่าดงกำลังได้รับการยิงปะทะอย่างรุนแรงจากข้าศึกบนเนิน “ชาร์ลี-ชาร์ลี” โปรดระวัง ข้าศึกมี 12.7 วิถีราบ หลายกระบอกอยู่บนนั้น...เปลี่ยน”
เสียงพนักงานวิทยุของกองพัน 603 ส่งข่าวมาให้กองพันผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเอาการ และในเวลาเดียวกันนั้น ผมก็ได้ยินเสียงกระสุนกระทบแตกชนิดที่ใช้ต่อสู้อากาศยาน แต่พวกมันมาดัดแปลงเป็นปืนวิถีราบดังเกรียวกราวเป็นข้าวตอกแตกอยู่บนยอดเนิน ตรงข้ามกับทิศทางที่พวกผมกำลังเคลื่อนที่เข้าไป
ทหารรับจ้างบางคนชะงักงัน และทำท่าหันรีหันขวางอย่างไรพิกล คำคมมองเห็นเข้าก็เลยตะโกนกรอกลงไปในวิทยุสุดเสียง
“เฮ้ย....ไอ้น้อง เคลื่อนที่ขึ้นไปเป็นรูปหน้ากระดาน อย่าให้แถวขาดตอนลงแบบนั้น ประเดี๋ยวเวลาเคลียร์พื้นที่ หรือเกิดปะทะกับข้าศึกได้ยิงกันเองตายห่า ...เร็วๆเข้าโว้ย ขนาดอั๊วแก่ๆยังสบายนี่หว่า ยึดยอดเนินชาร์ลี-กอล์ฟได้ อั๊วให้ลาคนละ 10 วัน”
คำพูดของคำคมออกอากาศไปทั่วแนว
คำว่า “ถ้ายึดยอดเนินชาร์ลี-กอล์ฟได้ จะให้ลาคนละ 10 วัน” คือกำลังใจและจิตวิทยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาวการณ์เช่นนี้
เสียงไชโยโห่ร้องดังแซดขึ้นมาอีกครั้ง ทหารรับจ้างทุกคนสีหน้าชุ่มชื่น และบังเกิดกำลังใจขึ้นมาอย่างท่วมท้น เร่งฝีเท้าเดินตามพรรคพวก แล้วกราดกระสุนเข้าเคลียร์พื้นที่เบื้องหน้าอย่างฮึกเหิม
แนวกระสอบทรายของฐานปฏิบัติการบนยอดเนิน ชาร์ลี-กอล์ฟ ปรากฏลิบๆอยู่เบื้องหน้า
“ปึง...ปึง...ปึง...ปึง…ปึง”
ปืนต่อสู้อากาศยาน 12.7 ที่ดัดแปลงเป็นปืนกระสุนวิถีราบ เปิดฉากโจมตีพวกเราเข้าให้แล้ว แนวกนระสุนกระทบแตกของมันฉีกพื้นดินเป็นแนวยาว แล้วระเบิดส่งสะเก็ดออกไปรอบทิศทาง ทหารรับจ้าง 2-3 คนที่เดินอยู่ข้างๆผม ล้มผลอยเหมือนกับใบไม้ร่วง
ผมกับคำคมเผ่นพรวดเดียวตกลงไปในหลุมระเบิดแห่งหนึ่ง มูลดินซึ่งเกิดจากแรงระเบิดถูกกระสุนกระทบแตก 12.7 มม. พังทลาย ไม่มีชิ้นดี
อึดใจต่อมา พนักงานวิทยุกองร้อย 3 ที่ผมจำชื่อได้ว่า “ส.อ. ทศพร” ก็กระเด็นลงมาในหลุมเดียวกับผม
เมื่อคำคมเหลียวมองไปเห็นเข้าก็ร้องอุทานออกมาสุดเสียง
“เฮ้ย...ไอ้น้อง ทำไมลื้อโชคร้ายแบบนี้วะ”
ผมหันขวับกลับไปมองดูพนักงานวิทยุคนนั้น อนิจจา...ร่างกายของหมู่ทศพรเหลือเพียงครึ่งตัวเท่านั้น เมื่อผมกวาดสายตาขึ้นไปมองที่ปากหลุมก็เห็นร่างกายส่วนล่าง ตั้งแต่บั้นเอวลงไปค้างเติ่งพาดอยู่บริเวณปากหลุมนั่นเอง
“เร็ว บิ๊กแมน ขึ้นจากปากหลุมจวกกับมัน”
คำคมพูดพลางดึงแขนผมลุกขึ้น ผมลาก PRC-77 ที่กลิ้งอยู่ข้างๆขึ้นมาสะพายเอาไว้เบื้องหลัง แล้วคอน M-16 ปีนหลุมระเบิดข้นมานอนหมอบอยู่ข้างขอนไม้ขนาดใหญ่ที่โค่นล้มกลิ้งอยู่ข้างๆ
เสียงปืนเอ็ดอึงเหมือนกับฟ้าพิโรธ แนวยิงของพวกเราถูกอาวุธหนักกดหัวจนกระทั่งไม่สามารถรุกคืบหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว
“M-72 ที่หมายปืน 12.7 บนเนินชาร์ลี-กอล์ฟ ชุดแรก 5 นัด ยิง”
เสียง ผบ.ร้อย 3ดังกังวานอยู่ข้างๆ คำคมผละจากผม คลานสี่ตีนมุ่งหน้าเข้าไปหาลุกน้องอย่างรวดเร็ว ผมขยับตัวตามไปติดๆ พระเจ้าช่วย พอผมเคลื่อนที่พ้นขอนไม้ดังกล่าวไปได้เพียง 20 เมตร จรวด RPG ลูกหนึ่งของมันก็วิ่งปร๊าดถล่มเข้ามาพอดิบพอดี
เศษหิน เศษกิ่งไม้ กระเด็นใส่วิทยุที่อยู่บนหลังผมดังเกรียวกราว เมื่อผมเอี้ยวคอกลับไปมองดูก็เย็นเยียบเข้าไปถึงไขสันหลัง
ขอนไม้แหว่งออกไปครึ่งหนึ่ง และส่วนที่เหลือก็บงเกิดไฟลุกโขมง ทหารรับจ้างอีกคนที่หมอบอยู่ข้างๆคำคม ร่างกายแหลกเหลวเหมือนกับหมูบะช่อ ความกลัวตายทำให้ผมคลานเสียเร็วจี๋ แพล็บเดียว ผมก็แซงคำคมขึ้นไปนั่งหอบ เป็นหมาบ้าแดดอยู่เบื้องหลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ร.ท. ชัยสิทธิ์ นายทหารจากกองพันทหารสื่อสาร สะพานแดง หันมายกนิ้วโป้งให้ผมพร้อมทักทายอย่างคุ้นเคย
“ยอด...ยอด...บิ๊กแมน คลานเร็วจี๋หยั่งกับมือมีตีนทีเดียวครับ ช้านิดเดียวคุณจอดแน่ๆ”
“บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม” M-72 อันทรงอานุภาพของเราเริ่มคายพิษสงเข้าใส่ข้าศึกเข้าให้แล้ว
M.60 เพิ่งจะเริ่มโปรยม่านกระสุนเข้าหาฐานปฏิบัติของข้าศึก เสียงระรัวที่เป็นจังหวะจะโคนของมัน ทำให้ผมต้องเหลียวไปมองดูด้วยความทึ่งใจ ไม่ใช่ใครหรอกครับ “หมู่สมพร อ่ำนาดิน” เพชฌฆาตมือดีของกองพัน 617 นั่นเอง เขานอนหมอบอยู่ทางด้านซ้ายมือห่างจากผมออกไปประมาน 15 เมตร และข้างๆตัวปืน M.60 ร่างของพลยิงตัวจริงนอนคว่ำหน้า เลือดทะลักออกมาจากต้นคอเป็นสาย
“ไอ้หอก จะตายก็ไม่ตะโกนบอกกูด้วย กูก็สงสัยว่าทำไมมึงจึงไม่ซัดกับมันด้วยปืนกล...หนอย ...เสือกนอนหลับซะนี่ หลับให้สบาย เพื่อนกู...กูจะล้างโคตรมันให้สิ้น...
หมู่สมพร พูดไป..ยิงไป..หัวเราะไปอย่างบ้าคลั่ง
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11784 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2015, 08:16:14 AM »

อัพเดตราคา ปืนและกระสุนเดือน ตุลาคม-พศจิกายน  2558  http://2013.gun.in.th/index.php?topic=60569.0  ถ้ายังไม่ได้สมัครสมาชิกให้สมัครด้วยครับ
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11785 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2015, 09:20:41 AM »

ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่ 4 ผลงาน สยมภู ทศพล
หมู่สมพร พูดไป..ยิงไป..หัวเราะไปอย่างบ้าคลั่ง ผมใจหายวาบ จากลักษณะดังกล่าว หมู่สมพรกำลังเข่ขั้นจะวิกลจริตอยู่แล้ว ผมหันกลับมาก็มองเห็นคำคมคลานเข้ามาพอดี
“ผู้พัน...หมู่สมพร เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่า....”
ผมพูดยังไม่ทันจบ คำคมก็เผ่นพรวดเดียวเข้าไปประชิดตัวหมู่สมพรเสียแล้ว สันมือขวาที่หนักอึ้งฟาดฉับลงไปบนต้นคอที่กระชับแน่นอยู่กับพานท้าย M.60 นั่นเอง
หมู่สมพรฟุบหน้าลงกับพื้น นิ่งสนิท! คำคมปราดเข้าลากร่างของหมู่สมพรขึ้นไปพิงกับหลังก้อนหินพร้อมสะบัดหลังมือตบหน้าลูกน้องคู่ใจ 2 ทีซ้อนๆ
“เร็ว! บิ๊กแมน ช่วยยิง M.60 ปะทะเอาไว้ก่อน”
เสียงของคำคมที่ร้องตะโกนอยู่ใกล้ๆ เรียกให้ประสาทของผมที่กำลังจะเขม็งเกลียวกลับคืนมาในบัดดล ผมถลาเข้าไปในประทับ M.60 เหนี่ยวไกสาดกระสุนไปเบื้องหน้าอย่างเมามัน ยิง ยิง ยิงจนลำกล้องร้อนแดงแทบจะลุกเป็นไฟ
“แคร๊ง”
เสียงลูกเลื่อนกระทบรังเพลิงดังสนั่น ความรู้สกบอกกับตัวเองว่า กระสุนมันขัดลำเสียแล้ว และผมก็ไม่มีความสามารถที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวนี้เสียด้วย ปัญหาเฉพาะหน้าทำให้ผมร้องตะโกนบอกคำคมเสียงหลง
“ผู้พัน...กระสุนขัดลำ”
“สมพร...สมพร”
คำคมไม่สนใจผม เขาตะโกนกรอกหูลูกน้องคู่ใจ พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงเขย่าศีรษะอยู่ไปมา
สมพรลืมตาโพลง ผมเห็นเขาสะบัดหน้าอยู่สองสามครั้ง เสียงกระสุนปืนที่ดังเซ็งแซ่อยู่รอบทิศ คงจะเรียกความรู้สึกที่แท้จริงของเขากลับมาเป็นของตัวเองได้อีกครั้ง
คำคมตะโกนสั่งทางวิทยุให้ทหารทุกคนประสานการยิงอย่าให้ขาดระยะ
หมู่สมพรปราดเข้ามาแก้ไข ปืน M.60 อยู่ชั่วครู่ก็เสร็จเรียบร้อย ชั่วอึดใจเขาก็เริ่มส่ายปากกระบอกปืน เหนี่ยวไก ยิงกราดเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของข้าศึกเป็นห่าฝน
“ผู้พัน แบบนี้เราขึ้นไปไม่ถึงยอดชาร์ลี-กอล์ฟแน่ครับ BC-603 ก็เริ่มถอนตัวลงมาแล้ว...ผมจะลองขอ T-28 จากนอร์แมนดูนะครับ”
“เอาเลย น้องชาย สงสัยว่าใต้ยอดเนินจะต้องมีอุโมงค์ใต้ดินอยู่แน่ๆ ขนาด B-52 ยังเอามันไม่อยู่ แสดงว่าอุโมงค์มันจะต้องอยู่ลึก และแข็งแรงมากทีเดียว”
ผมรีบติดต่อเข้า เบาว์เดอร์-คอนโทรลเพื่อขอการสนับสนุนพร้อมกับแจ้งรายละเอียดการปะทะให้หน่วยเหนือทราบ
หลังจากรับข่าวขอความช่วยเหลือจากผมแลบ้ว ทางเบาว์เดอร์ ก็เงียบหายไปชั่วขณะ
เกือบ 5 นาทีที่เบาว์เดอร์เงียบหายไปเฉยๆ
มันเป็น 5 นาทีที่ทรมานใจผมอย่างแสนสาหัส เบาว์เดอร์จะสนับสนุนหรือว่าปฏิเสธก็น่าจะตอบให้ผมทราบ ไม่น่าที่จะทรมานด้วยการปล่อยให้รอคอยกันแบบนี้
“บิ๊กแมน จากนอร์แมน…T-28 3 เครื่อง ออน เดอะ เวย์”
คำพูดประโยคสั้นๆ ของเจ้านายที่ยังคงไม่ทอดทิ้งผม ดังแว่วๆอยู่ในหูฟังของ PRC-77
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก นอนหงายลงไปกับพื้น แสงอาทิตย์ที่ส่องกระทบกับใบหน้าช่างสดชื่นและสว่างไสวยิ่งกว่าทุกครั้ง
“เป็นอะไรไป...บิ๊กแมน”
หมู่สมพรซึ่งคงจะหันมาพบผมนอนนิ่งเข้าโดนบังเอิญ ร้องตะโกนถามมาอย่างร้อนรน ผมพลิกตัวกลับคลานจี๋เข้าไปที่วิทยุ HT-2 อันเป็นวิทยุประจำตัวของคำคมซึ่งวางอยู่ใกล้ๆยกขึ้นมาตะโกนกรอกลงไปที่ปากพูดเต็มเสียง
“อินทรีทั้งหลายจากบิ๊กแมน จวกมันเข้าไปครับ T-28 กำลังบินมาช่วยเราแล้ว”
เสียงไชโยโห่ร้องแซ่ดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ห่ากระสุนที่เว้นระยะลงไปก็ประสานเซ็งแซ่ถี่ยิบขึ้นมาอีกครั้ง
“T-28 มาแล้ว”
เสียงหึ่งๆของมันดังแว่วมาก่อน ชั่วอึดใจลำตัวอันขาววับของมันก็บินเกาะหมู่ข้ามเนินสกายไลน์ไปอย่างรวดเร็ว
“บิ๊กแมน บรูสเตอร์ จาก T-28 กรุณาโชว์สโม๊คแสดงที่ตั้งของคุณด้วย เปลี่ยน”
“T-28 จากบีกแมน ขอบคุณมากครับ คุณมาทันเวลาพอดี”
ในขณะที่พูดวิทยุ ผมก็หยิบควันสัญญาณสีแดงออกมาจากสายรัดทึบ ดึงสลักนิรภัยข้วางมันลงไปที่พื้นทันที
“เพลี๊ย”
ควันสัญญาณสีแดงพวยพุ่งออกมาแล้วรวมตัวลอยขึ้นเบื้องบนเป็นสาย
“บิ๊กแมน สีแดงของคุณใช่ไหม”
นักบินย้อนถามลงมาอีก
“โรเจอร์”
ผมตอบเป็นรหัสขึ้นไปว่า ถูกต้อง
ยังไม่ทันขาดคำพูดทางวิทยุของผม T-28 เครื่องหนึ่งก็ดิ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ปืน 12.7 ของทหารเวียตนามเหนือเงียบเสียงลงเป็นปลิดทิ้ง และยิ่งไปกว่านั้นเสียงปืนชนิดอื่นๆก็พลอยหยุดยิงตามลงไปด้วย
เหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นทำให้คำคมถึงกับต้องหันมาสบตากับผมด้วยความแปลกใจ
ลูกระเบิดขนาด 250 ปอนด์ลอยละลิ่วลงมาจากใต้ปีกของ T-28 มองเห็นถนัดตา ทุกลูก...หล่นโครมลงบนเป้าหมายเหมือนกับผีจับยัด T-28 เครื่องที่ 2 และเครื่องที่ 3 ต่างก็ทะยอยบินเข้าโจมตี ระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่มีเสียงปืนยิงตอบโต้จากข้าศึกแม้แต่นัดเดียวเหมือนเช่นเคย
“บิ๊กแมน ไอ้แกวมันหายจากสนามเพลาะไปใหนหมดก็ไม่รู้ ปืน 12.7 ที่เคยระดมยิงพวกผมก้ไม่รู้ว่า พวกมันเอาไปซ่อนไว้ที่ใหนกันแน่...ผมตรวจการณ์ไม่เห็นมันเลย จะให้ผมทำงานอีกไหมครับ”
นักบินส่งวิทยุลงมาถามผมอย่างคลางแคลงใจ ที่เขาตรวจการณ์ไม่พบทหารเวียดนามเหนือแม้แต่คนเดียว
คำคมกัดกรามแน่น เขาทำอากัปกริยาเหมือนอย่างจะคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้เอ่ยคำพุดขึ้นมาอย่างชนืดที่ผมเย็นวาบเข้าไปถึงหัวใจ
“ติดดาบ...บิ๊กแมน ติดดาบปลายปืน เคลื่อนที่เข้าหาฐานปฏิบัติการของมันในขณะท่พวกมันกำลังหลบเครื่องบินอยู่ในอุโมงค์ คุณพยายามหาทางถ่วงเวลาให้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่พวกมันนานๆจนกว่าเราจะเคลื่อนถึงฐานมัน จากระยะนี้ ผมคิดว่าไม่ถึง20 นาทีก็จะถึงแนวลวดหนามของมันแล้ว”
ผมไม่มีทางเลือก! กองร้อย 1 กองร้อย 2 ซึ่งโอบอยู่ทางปีกทั้งสองข้าง ต้องตกอยู่ในสถานะการณ์เดียวกับกองร้อยของผมทุกประการ ผมอธิบายเหตุการณืให้นักบิน T-28 ทราบ นักบินกำชับให้พวกผมระวังสะเก็ดระเบิด แล้วเริ่มเปิดฉากโจมตีถ่วงเวลาทันที
ด้วยรหัสวิทยุอย่างสั้นๆ ทหารรับจ้างทุกคนติดดาบปลายปืนแล้วลุกขึ้นยืน กระชับปืนอยู่ในท่าเตรียมแทง เคลื่อนที่เข้าหาแนวกระสอบทรายซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 200 เมตร สายตาจ้องเขม็งไปเบื้องหน้า เหงื่อกาฬผุดขึ้นมาเต็มดวงหน้าที่หยาบกร้านและเปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่าไฟ ควสมรู้สึกของผมในขณะที่เคลื่อนที่เข้าหาแนวของข้าศึก ก็คือความตื่นเต้นอย่างสุดขีด ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ ต่างๆเหล่านี้ผมจะเคยเห็นและเคยผ่านมาก่อน ก็ตามที ครั้งนั้น ผมถูกความจำเป็นบังคับให้สู้...ถ้าไม่สู้ก็ตาย! ผมก็เลยสวมวิญญาณหมาบ้าไล่จวกพวกมันเสียกระเจิงไป
แต่ครั้งนี้ ทั้งๆที่กองพันของผมมีทางเลือก ! มีทางเลือกที่เสี่ยงน้อยกว่านี้มากนัก! แต่ทว่าความเป็นผู้บังคับบัญชาที่กล้าได้กล้าเสีย อ่านแผนของข้าศึกทะลุปรุโปร่งเหมือนกับเล่นไพ่เผ ทำให้คำคมต้องเลือกวิธีที่แปลกและแหวกแนวกว่าวิธีใดๆของผบ.พันที่ผมเคยพบเห็นมาในสมรภูมิลาว มันเป็นวิธีที่ผมเองต้องขนหัวลุกมาจนกระทั่งแทบทุกวันนี้ บอกกับท่านผู้อ่านอย่างไม่อายเลยครับ หัวใจของผมก็แทบจะหลุดลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มอยู่รอมร่อแล้ว
ความคิดบ้าๆทีพุ่งขึ้นมาก็คืออยากจะทำปืนลั่นใส่ตัวเอง แล้วนอนรอพรรคพวกให้ “เข้าตี” ฐานข้าศึกจนเสร็จแล้วจึงค่อยปีนเขาขึ้นไปสมทบทีหลัง แต่เมื่อมองเห็นทหารรับจ้างที่เดินอกตั้งอยู่ข้างๆ ผมก็บังเกิดความละอายแก่ใจขึ้นมาทันที ความอาย! ทำให้ผมบังคับจิตใจได้อย่างแปลกประหลาดที่สุด และแล้วความคิดบ้าๆอีกชนิดหนึ่งก็บังเกิดขึ้นมาแทกซ้อน
ผมอยากจะเป็นพระเอกหนังไทยหรือว่าพระเอกในนวนิยายโชกเลือดทั้งหลาย ที่มีความสามารถเข้าห้ำหั่นกับข้าศึกด้วยตัวเพียงคนเดียว ยิงปืนก็แม่น ปืนหมดกระสุนก็ยังใช้มีดพกขว้างเสียบลุกกระเดือกได้อย่างแม่นยำ แถมยังตะลุมบอนด้วยหมัดลุ่นๆเสียจนผู้ร้ายนอนระเนระนาดเกลื่อนสมรภูมิ
ผมอยากจะให้พ่อพระเอกทั้งหลายแหล่เหล่านี้ ลองหลุดเข้ามาเจอะสถานะการณ์อย่างเดียวกับผมดูบ้างเป็นไร เชื่อผมเถอะ พี่แกอาจจะต้องลืมบทบาทที่เคยแสดงอยู่ในจอเงินอย่างแน่นอน บางทีอาจจะเปลี่ยนอาชีพเป็นนักวิ่งทีมชาติ ชวน “อาณัติ รัตนพล” วัดฝีเท้ากันไปเท่านั้น
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11786 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2015, 08:38:22 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง



 ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่ 5 ผลงานของสยูมภู ทศพล
เสียงระเบิด ตึงตังโครมครามดังใกล้เข้ามาทุกที เอ๊ะนี่ผมคิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้ฐานปฏิบัติการของข้าศึกแล้วหรือนี่?
ความคิดบ้าๆบวมๆของผมสะดุดลงเมื่อประสาทหูได้ยินเสียงแว้ดยาวๆดังแหวกอากาศออกมาจากฐานเบื้องหน้า มันเป็นเสียงจรวด RPG ของข้าศึก และก็ทิศทางของมันก็คือถล่มทหารที่เดินเรียงแถวเป็นหน้ากระดานอยู่นั้น
ผมโดนเตะข้อเท้าทางด้านหลังล้มค่ำหน้าลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้สึกตัว ผงกหน้าขึ้นไปดู ก็มองเห็นหมู่สมพรเจาะลวดหนามที่ถล่มทลายอยู่ก่อนแล้ว ด้วย M-72 อันทรงอานุภาพเข้าพอดี
ทหารเวียตนามเหนือเพิ่งจะอ่านแผนการของพวกเราออก และพวกมันก็ไม่รั้งรอ ที่จะเปิดฉากดวลกับกระสุนกับเราอย่างชนิดยอมตายคารังปืน
กองร้อย 1,2 ตะลุยรั้วลวดหนามเข้าไปถึงฐานปฏิบัติการของทหารเวียตนามเหนือเข้าให้แล้ว เนื่องจากฐานปฏิบัติการบนยอดเนิน ชาร์ลี-กอล์ฟมีพื้นที่ไม่ค่อยจะกว้างเท่าใดนัก ดังนั้น เมื่อทหารรับจ้างจากกองร้อย 1 และกองร้อย 2 เคลื่อนที่จากไหล่เขาขึ้นมาถึงพื้นที่หน้าตัดบนยอดเนินก็เลยมองเห็นซึ่งกันและกันด้วยสายตาเต็มพรืดไปหมด
T-28 ทั้ง 3 คันหมดภารกิจบินกลับไปแล้ว ทหารเวียตนามเหนือพรั่งพรูออกมาจากแห่งใดแห่งหนึ่งที่ผมยังตรวจการณ์ไม่เห็น...
...พวกมันติดดาบปลายปืน วิ่งเข้ามาสกัดพวกเราอย่างบ้าคลั่ง
และก็มีอีกจำนวนหนึ่ง หามปืน 12.7 วิ่งปร๊าดเข้ามาทางด้านบริเวณที่พวกผมกำลังวิ่งควบเข้าไปพอดี หมู่สมพรวิ่งแซงผมออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่มีโอกาสรู้ มองเห็นอีกที หมู่สมพรก็กำลังเสือกดาบปลายปืนเข้าไปยังช่องท้องของพลปืน 12.7 คนหนึ่งอย่างเมามัน
ผมอยู่ห่างจากหมู่สมพร 20 กว่าเมตร
คนที่โดนหมู่สมพรแทงผงะล้มนอนหงายลงไปกับพื้น พรรคพวกของมันที่ติดอยู่กับตัวปืนอีกคนชักมีดขาววับออกมา
พระเจ้าช่วย! แทนที่มันจะช่วยเพื่อนของมันที่นอนตาเบิกโพลงอยู่นั้น มันกลับใช้มีดอันนั้นฟาดฉับลงไปบนข้อมือซ้ายของมันเองเต็มแรง
มือขาดกระเด็น! เลือดพุ่งกระฉูดออกมาเหมือนกับน้ำพุ มันเบิ่งตามองดูมือที่ขาดอยู่ชั่วอึดใจก็วิ่งควบถอยหลังไปรวมกลุ่มกับพรรคพวกของมันที่กำลังชุลมุนอยู่ ณ บริเวณกึ่งกลางฐาน พอดิบพอดี
ผมไม่เข้าใจ... ทำไมมันถึงตัดข้อมือตัวเอง
หมู่สมพรใช้เท้าเหยียบลงไปบนหน้าอกของทหารเวียตนามเหนือผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น แล้วออกแรงกระชากดาบปลายปืนเต็มแรง
ไม่มีรอยเปรอะเปื้อนบนดาบปลายปืนที่ขาววับนั้นแม้แต่นิดเดียว
ผมวิ่งปร๊าดเข้าไปที่ตัวปืน 12.7 หวังจะยึดและอาศัยอำนาจของปืนกระบอกนั้นยิงถล่มพวกมันให้ราบเป็นหน้ากลอง
พระเจ้าช่วย! สายตาของผมไม่ฝาดอย่างแน่ๆ ผมมองเห็นข้อมือมนุษย์ที่เพิ่งจะถูกตัดขาดอย่างสดๆร้อนๆ ห้อยติดอยู่กับตัวปืน โดยมีโซ่เส้นเล็กๆห้ามเอาไว้อย่างแข็งแรง
และทหารเวียดนามเหนือที่ตายจากน้ำมือของหมู่สมพรก็มีโซ่ล่ามติดข้อมือเอาไว้เช่นกัน จากข้อสงสัยที่พวกมันฟันข้อมือตัวเองขาด ปลิวหายออกไปจากความคิดของผมในบัดดล
ฟันข้อมือตัวเองเพียงเพื่อจะให้หลุดจากเครื่องพันธนาการ ยอมเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ยอมพิการไปจนชั่วชีวิต เพื่อช่วยให้พ้นจากความตายเท่านั้น
อา! ชีวิตของใคร-ใครก็รัก ทหารเวียดนามเหนือมิใช่คนกล้าตายเสทอไปหยั่งที่เขาร่ำลือกันเสียแล้ว
ฉากการประจัญบานกันอย่างท่วมเลือดปรากฏอยู่แค่เอื้อม ทหารเวียดนามเหนือถูกไล่ต้อนเข้าไปจนมุมรวมกันเป็นกระจุกอยู่กลางฐานปฏิบัติการ
ทั้งขวาและซ้าย และด้านหน้าซึ่งตีโอบขึ้นไปพร้อมๆกัน ทำให้ทหารเวียตนามเหนือส่วนหนึ่ง (ซึ่งตามสายตามีจำนวนน้อยจนผิดสังเกตุ) ถอยร่นเข้าไปจนมุมอยู่ในบังเกอร์แห่งหนึ่ง
และบังเกอร์แห่งนั้นก็มีความใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าบังเกอร์บนฐานปฏิบัติการใดๆที่ผมเคยเห็นมา จากการสังเกตุคร่าวๆ สภาพของยอดเนินชาร์ลี-กอล์ฟ กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาไปเสียแล้ว ร่องสนามเพลาะบังเกอร์และแนวกระสอบทรายกระจุยกระจายเหมือนกับโดนไต้ฝุ่น
ทำไมบังเกอร์มโหฬารอันนั้นถึงรอดพ้นจากอำนาจระเบิดของ B-52 ไปได้
กระสุนปืน M-16 ที่เหลือค้างแม็กกาซีน ถูกทหารรับจ้างระดมยิงการดเข้าไปยังหน้าบังเกอร์แห่งนั้นเป็นจักรผัน
ร่างของทหารเวียดนามเหนือที่เต้นผงะอยู่เบื้องหน้า ทำให้ประสาทผมชาดิกเหมือนกับโดนไฟช็อท
ประตูบังเกอร์เปิดผางออกมา ทหารเวียตนามเหนือที่ถอยร่นเข้าไปจุกอยู่หน้าประตูผลุบหายลงไปเหมือนกับปิศาจ
พวกที่ลงไปไม่ทัน ก็โดนยิงตายเกลื่อนอยู่หน้าประตูนั่นเอง ชั่วพริบตาพวกมันก็หายลงไปในช่องประตูลึกลับแห่งนั้นจนหมดสิ้น
หมู่สมพรกับทหารรับจ้างอีก 6-7 คน เป็นชุดแรกที่เคลื่อนที่ถึงช่องประตูที่เปิดท้าทายเอาไว้นั้น เขาพาตัวเองหายเข้าไปเป็นคนแรก ทหารรับจ้าง 6-7 คนที่ติดตามทำอาการรีรออยู่ชั่วครู่ก็เผ่นตามเข้าไปด้วยความผลีผลาม
ผมใจหายวาบ ขยับจะร้องห้ามออกไป ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
“เฮ้ย! ออกมาสมพร! อย่าเข้าไป ระวังกับระเบิด”
คำคมร้องเสียงหลงออกมาจากกลุ่มทหาร ชั่วอึดใจผู้พันใจถึงก็วิ่งควบแซงผมขึ้นไปเบื้องหน้า
“บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...ๆๆๆๆ”
เสียงระเบิดที่ดังประหนึ่งขุนเขาทลายได้กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง แรงระเบิดของมันทำให้แผ่นดินที่พวกผมยืนอยู่โยกไปโยกมาเหมือนกับแผ่นดินไหว ทหารรับจ้างบางคนที่อยู่ใกล้ๆกับบังเกอร์ดังกล่าวกระเด็นลอยขึ้นจากพื้นดินเหมือนกับโดนพายุหมุน
ทุกคนฟุบตัวลงตามสัญชาติญาณอันเคยชิน และก็มีจำนวนไม่น้อยที่ตาลีตาเหลือกกระโดดเผ่นลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในหลุมระเบิด B-52 ที่ระเกะระกะอยู่นั้น
บังเกอร์มหึมายุบตัวเองลงกองกับพื้น ช่องประตูที่เปิดท้าทายอยู่นั้น หายไปจากสายตาโดยสิ้นเชิง
ก่อนที่ทุกคนจะตั้งสติเป็นของตัวเองก็ได้บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เสียงระเบิดดังสะท้อนเป็นลูกโซ่อยู่ไต้พื้นดินเป็นระยะเวลานานกว่า 5 นาที เสียงระเบิดเริ่มขึ้น ณ จุดบังเกอร์ที่พังพินาศแล้วดังสะท้อนห่างออกไปบนเส้นทางที่มุ่งขึ้นหายอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 400 เมตรเท่านั้น
สิ้นเสียงระเบิดที่รุนแรงนั้น กระสุนทุกชนิดบนยอดเนินชาร์ลี-กอล์ฟก็เงียบสนิทลงเป็นปลิดทิ้ง
คำคมยืนตะลึงอยู่กับที่เหมือนโดนสาป
ผมเข่าอ่อนยวบล้มลงก้นกระแทกพื้น การสูญเสียชีวิตของหมู่สมพรและทหารรับจ้างอีก 6-7 คนที่บังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทำให้ผมบังเกิดอาการ “แหยง”ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน
ทหารรับจ้างบางคนที่มีสติตี ต่างก็ปลดเป้ออกจากหลังแล้วกระชากพลั่วสนามวิ่งปราดเข้าไปขุดคุ้ยซากหินเหล่านั้นเป็นพัลวัน ความหวังเพียงเพื่อต้องการขุดคุ้ยเอาร่างของหมู่สมพรและพรรคพวกออกจากอุโมงค์เท่านั้น
ออกมาทั้งๆที่สภาพกาลก็มองเห็นอยู่แล้วว่า โอกาสที่บุคคลเหล่านั้นจะรอดชีวิตไม่มีเหลืออยู่เลยแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว ถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีหวัง ทหารรับจ้างเหล่านั้นก็เฮโลกันเข้าไปขุดคุ้ยด้วยท่าทางเหมือนกับคนวิกลจริต บางคนร่ำไห้น้ำตาไหลพราก บางคนก็ร้องโฮออกมาสุดเสียง
น้ำตาของลูกผู้ชาย น้ำตาของนักรบซึ่งยากนักที่จะไหลออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ
“หมู่สมพร อ่ำนาดิน” ได้พิสูจน์แล้วว่า ตัวของเขาเป็นหัวใจของกองพันทหารรับจ้างกองพัน 617 อย่างแท้จริง
คำคม ผบ. พันใจเพชร กัดกรามน้ำตาไหลซึมออกมาเป็นทาง
ผมหันหน้าหนี จากภาพสะเทือนใจดังกล่าว ลุกข้นเดินโผเผไปยังวิทยุ PRC-77 ซึ่งหลุดจากหลังของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้สึกตัว
“บิ๊กแมนจากนอร์แมน...บิ๊กแมนจากนอร์แมน...บิ๊กแมนจากนอร์แมน คุณเป็นอะไรไป ได้ยินเสียงของผมหรือเปล่า บิ๊กแมนจากนอร์แมน”
เสียงกระหืดกระหอบของเจ้านายผมดังแว่วๆอยู่ในปากพูดหูฟังซึ่งกลิ้งอยู่ที่พื้น
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11787 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2015, 11:37:22 AM »

อัพเดตตลาดปืนมือ 2 วันนี้ http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.0 ถ้าไม่ได้สมัครสมาชิกให้สมัครด้วย
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11788 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2015, 07:49:45 AM »

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง


 ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่ 6
ผมหยิบปากพูดหูฟังขึ้นนมาอย่างเนือยๆ รอจังหวะให้นอร์แมนพูดจบลงแล้วก็กรอกคำพูดตอบกลับไปอย่างยืดยาว
“นอร์แมน จาก บิ๊กแมน ขณะนี้เนินชาร์ลี-กอล์ฟ ที่พวกคุณ ให้สมญานามว่า “เนินมรณะ” ได้ถูกยึดโดยทหารกองพัน 617 เรียบร้อยแล้ว มันเป็นการรบที่โหดเหี้ยมและทารุณยิ่งกว่าการรบใดๆที่ผมได้เคยเห็นมาในสมรภูมิลาว ผมอยากจะบอกกับคุณซักอย่างหนึ่ง แต่บางทีคุณอาจจะไม่เชื่อ ทำไม B-52 ที่ทรงอานุภาพของรัฐบาลคุณจึงหยุดยั้งพวกมันไม่ได้ โปรดฟัง...นอร์แมน ใต้พื้นของยอดเนิน “สกายไลน์-วัน” ทั้งหมดมีอุโมงค์ใต้ดิน...ทหารเวียตนามเหนือได้ขุดอุโมงค์ติดต่อกันตลอด จากเสียงระเบิดใต้พื้นดินเมื่อกี๊ยืนยันให้ผมทราบว่า จากเนิน ชาร์ลี-กอล์ฟ ถึงเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี มีอุโมงค์เชื่อมติดต่อกันโดยตลอด ทหารเวียดนามเหนือเท่าที่ผมกะคร่าวๆด้วยสายตา เสียชีวิตบนเนินชาร์ลี-กอล์ฟไม่น้อยกว่า 90 คน ซึ่งตามความจริงแล้วยอดสูญเสียมันควรจะมากกว่านี้ แต่ทว่าพวกมันหลบเครื่องบินอยู่ในอุโมงค์เสียก่อน อุโมงค์บนชาร์ลี-กอล์ฟ ผมคาดว่ามันคงทำลายทิ้งแล้ว แต่อุโมงค์ที่ชาร์ลี-ชาร์ลี จะต้องเป็นปัญหาที่คุณจะต้องขบคิดไปอีกนานเลยทีเดียว...ที่ยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี สถานะการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ประโยคสุดท้าย ผมย้อนถามผลการปฏิบัติงานของ BC.603 ที่ขึ้นตีเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี ออกไปด้วยความสนใจ
“มายก็อด...มันเป็นไปได้เชียวหรือนี่ ระยะเวลาที่ทหารเวียดนามเหนือยึดครองยอดเนินสกายไลน์-วัน มันก็ไม่น่าที่จะเนรมิตอุโมงค์ได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ ถ้าไม่ไช่คุณรายงายผมจะไม่เชื่อเป็นอันขาด ยอดเนินชาร์ลี่-ชาร์ลี กำลังซีเรียส สูญเสียทหารไปไม่ใช่น้อยแล้ว ผมกำลังส่ง T-28 ไปสนับสนุนอีก 6 เครื่อง F.A.G. 603 ได้รับบาดเจ็บ...ขณะนี้ผมสั่งสมอลแมนขึ้นไปแทนแล้ว จะให้ผมสนับสนุนอะไรก็บอกมา แล้วก้ฝากบอกคำคมด้วยว่า ผมขอฝากความระลึกถึงมาด้วยความจริงใจ...โชคดี บิ๊กแมน”
บูสเตอร์ F.A.G. ประจำ BC.603 ได้รับบาดเจ็บ ทหารรับจ้างสูยเสียชีวิตเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย จนกระทั่งนอร์แมนต้องส่ง T-28 มาสนับสนุนถึง 6 เครื่อง
บา...สงครามชิงภูเขานี่ มันออกรสชาดสะเด็ดสะเด่าหยั่งนี้เองหนอ
คำคมสั่งยุติการขุดอุโมงค์ เพราะจากสภาพอุโมงค์ที่ขุดลงไปก็ปรากฏว่ามีแต่ก้อนหินมหึมาถล่มทลายทับทางเข้าออกจนไม่สามารถที่จะขุดคุ้ยทะลุเข้าไปได้
อนิจจา! ที่ฝังศพของวีระบุรุษนิรนามจากศูนย์สงครามพิเศษอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินบนยอดเนินสกายไลน์-วันนี่เอง
คำคมสั่งทหารประจำแนวอย่างเร่งด่วน ทหารกองร้อยต่างๆถูกแบ่งยอดกำลังออกซ่อมแซมฐานปฏิบัติการอย่างรีบเร่ง
ศพทหารเวียดนามเหนือถูกลากมารวมกันกองเป็นพะเนินเทินทึกอยู่ ณ. บริเวณหน้าหลุมระเบิดของ B-52 นั่นเอง
จากนั้นก็ถึงเวลาเช็คยอดสูญเสียของแต่ละกองร้อย
ร.ท.ชัยสิทธิ์(แดง) นายร้อยพิเศษจากกรมการทหารสื่อสาร เสียชีวิตจากการประจัญบานอันเลือดท่วมครั้งนี้ อย่างสมศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร
“ชัยสิทธิ์” ผบ.ร้อย 3 โดนรุมแทงจากข้าศึกอย่างชนิด 5 ต่อ 1
ซากศพทหารเวียดนามเหนือที่นอนสุมกันอยู่รอบๆตัว แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน
แน่นอนเหลือเกิน ก่อนเสียชีวิต ผู้กองชัยสิทธิ์ได้แลกชีวิตของเขากับทหารเวียดนามเหนือได้อย่างคุ้มค่าแล้ว
เท่าที่ผมทราบ “ชัยสิทธิ์” สำเร็จการศึกษาจากวิยาลัยพลศึกษา เคยเป็นนักฟุตบอลและนักรักบี้ฝีมือดีของทางวิทยาลัยมาก่อน
อุปนิสัย รักการต่อสู้และผจญภัย ทำให้ “ชัยสิทธิ์” เปลี่ยนอาชีพจากครูพละเบนเข็มมาเข้านายร้อยพิเศษรุ่นเดียวกับ “ร.ท. อาณัติ รัตนพล”
จบการศึกษาจาก จปร. หลักสูตรเร่งรัดก็ถุกบรรจุเข้ารับราชการที่กรมทหารสื่อสารทันที
ด้วยความอยากผจญภัย และหาความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ทำให้ “ชัยสิทธิ์” สมัครเข้ามาร่วมรบในสมรภูมิลาว สมัครมาท่ามกลางการทัดทานของญาติพี่น้อง
ด้วยการรบที่ห้าวหาญ “แดง” หรือ “ชัยสิทธิ์” ก็ต้องสละชีวิตเพื่อสังเวยความบ้าคลั่งของสงครามที่ปราศจากกติกาใดๆทั้งสิ้น เขาจากไปท่ามกลางความอาลัยรักของผู้ใต้บังคับบัญชา และญาติพี่น้องที่อยู่ทางเบื้องหลัง
จะไม่มีความเสียใจหรือความโศกกสลดใดๆบนสนามรบ!
นิยามข้อนี้ ดูเหมือนจะเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่พ้นจริงๆ
ภาระกิจที่หนักอึ้งและเหตุการณ์ที่ตรึงเครียดทำให้ทหารรับจ้างทุกคนลืมผู้เสียชีวิตจากการรบไปในวันเวลาอันรวดเร็ว
ศพของทหารรับจ้างถูกหามมาวางบนเสื้อฝน “ปันโจ” แล้วจัดแจงห่อหุ้มอย่างมิดชิด พร้อมกับทำป้ายชื่อ, ยศ และกองพันต้นสังกัดผูกติดเอาใว้อย่างเรียบร้อย
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการเยียวยาอย่างรีบเร่ง
15.30 น. ชอปเปอร์ 3 ตัวก็บินข้ามเนินเถิดเทิงตรงมายังฐานปฏิบัติการของผมเพื่อทำการขนย้ายทหารผู้ได้รับบาดเจ็บกลับไปยังสนามบินล่องแจ้งต่อไป...
ทหารรับจ้างจำนวนหนึ่งของแต่ละกองร้อยถูกเคลื่อนย้ายลงไปขนทหารรับจ้างที่เสียชีวิตบนไหล่เขาในขณะเข้าตีเนินสกายไลน์-วัน
ชอปเปอร์จากล่องแจ้งทะยอยบินมาส่งสัมภาระและอาวุธยุทโธปกรณืไม่ขาดระยะ
ทหารหมวดอาวุธหนักและอาวุธทุกชนิดที่ตั้งฐานการยิงอยู่ที่หมู่บ้าน 50 หลัง ได้รับการขนย้ายทางอากาศในครึ่งชั่วโมงต่อมา
ทหารเวียตนามเหนือสูยเสียชีวิตทั้งหมด 89 คน บาดเจ็บสาหัส 8 คน ถูกจับเป็นเชลยศึก 15 คน
อาวุธที่ยึดได้ นอกจากจะมีอาวุธประจำกายจำพวกปืนกลอาก้า,ระเบิดสากกะเบือ,ปืนพก,จรวด RPG แล้ว ก็ยังมีปืนต่อสู้อากาศยาน 12.7 ซึ่งพลยิงได้ตัดข้อมือของตัวเองแล้วทิ้งปืนเอาไว้ หนีเตลิดลงไปในอุโมงค์ได้อย่างหวุดหวิดเต็มที
นอร์แมนส่งวิทยุเข้ามาเพื่อขอรับปืน 12.7 ดังกล่าวไปเก็บเอาไว้ที่ “เบาวเดอร์คอนโทรล”
แต่คำคมปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลว่าต้องการปืนชนิดนี้เอาไว้ป้องกันฐานปฏิบัติการ แถมตบท้ายด้วยการขอร้องให้นอร์แมนจัดหากระสุนของปืน 12.7 มาให้โดยด่วน...
ซี.ไอ.เอ. ซะอย่าง ไม่มีอะไรใต้ดวงอาทิตย์ที่ซี.ไอ.เอ.จะทำไม่ได้ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง กระสุน 12.7 จำนวน 20 หีบจาก “วังเวียง” ก็บินตรงมาทิ้งร่มให้อย่างเรียบร้อย
ทหารรับจ้างชาวไทยเสียชีวิตบนไหล่เขาในขณะเข้าตี 8 คน บาดเจ็บสาหัส 6 คน
เสียชีวิตจากการประจัญบานด้วยดาบปลายปืน 4 คน...โดนกับระเบิดตายในอุโมงค์ 8 คน บาดเจ็บ 3 คน
รวมยอดสูยเสียทั้งหมด ตาย 20 คน บาดเจ็บ 9 คน พอดิบพอดี
เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทหารรับจ้างที่เสียชีวิตในขณะเข้าตีทั้ง 8 คนนั้น เป็นทหารจากกองร้อย 3 ซึ่งกระทำหน้าที่เป็นหน่วยเข้าตีหน้าสุด เสีย 6 คน...และทุกคนโดนกระสุน 12.7 แขนขาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง จนเหลือความสามารถที่จะค้นหามาได้
ลวดหนามที่เพิ่งจะถูก “ฮ้อย” มาอย่างสดๆร้อนๆจากเครื่อง “สกายเครน” ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์ (ชอปเปอร์) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกทหารรับจ้างวางขึงเป็นแนวยาวอ้อมฐานปฏิบัติการเอาไว้ทุกด้าน
แฟลร์สะดุด...เคลย์โมว์-ไมน์(กับระเบิด) ถูกติดตั้งเอาใว้พร้อมเสร็จ
ก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน ทุกสิ่งทุกอย่างก้เรียบร้อย และทหารรับจ้างก็เพิ่งจะเสร็จจากอาหารเย็นซึ่งเอร้ดร่อยที่สุดในชีวิต
“คืนนี้ ไม่จำเป็นต้องจัดชุดซุ่มโจมตีกลางคืนออกไปนอกฐาน พื้นที่ติดต่อจากเนินชาร์ลี-กอล์ฟออกไป เรายังไม่ได้เคลียร์ และพวกมันก็คงยังไม่กล้าบุกเข้ามาหาพวกเราแน่ๆ เพราะภาระกิจที่พวกมันกำลังหาทางยับยั้งทหารกองพัน 603 อยู่ในขณะนี้ก็หนักอึ้งอยู่แล้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด คืนนี้ทั้งคืน พวกมันจะต้องถ่างตาคอยพวกเราอยู่ในบริเวณปากทางเข้าเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี โน่นแล้ว พวกมันจะต้องนึกว่าพวกเราจะต้องเข้าตีพวกมันในเวลากลางคืนแน่ๆ”
คำคมพูดพลางส่งถ้วยกาแฟกลิ่นหอมฉุยที่เหลืออยู่ค่อน “รองใน” กระติกน้ำมาให้ผม พร้อมกับกล่าวต่อไปอีกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเบื่อหน่ายต่อสภาพการในปัจจุบัน
“ลูกน้องของผมตายเยอะเหลือเกิน การรบครั้งนี้ ทำให้เซ็งและเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก คุณรู้ไหม บิ๊กแมน อีกไม่กี่วันผมก็จะบินไปเรียนโรงเรียน ผบ.พันที่สหรัฐอยู่แล้ว ผมได้รับการขอร้องให้มาที่นี่... ทั้งๆที่ผมสมควรจะปฏิเสธ... แต่ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนไหนมันดลใจให้พลั้งปากรับงานห่าเหวนี่ออกไปจนได้... ผมสงสารสมพรมัน... มันตายต่อหน้าต่อตาผม เพราะความเผลอเรอของมันแท้ๆ ผมก็เกือบไป บิ๊กแมน เจอะพานท้ายอาก้าเข้าโครมเบ้อเร่อที่ต้นคอ หน้ามืดไปวูบหนึ่ง... ถ้าไม่ได้ทหารเข้ากันไว้... ป่านนี้ผมเห็นทีจะข้ามไปเรียนโรงเรียนผบ.พัน ที่เมืองนรกโน่นแล้ว”
พอพูดจบ คำคมก็หัวเราะหึหึ เหมือนจะประชดประชันชีวิตตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 10, 2015, 07:52:47 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11789 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2015, 10:14:43 AM »

ถล่มเนินสกายไลน์-วัน ตอนที่ 7 (ตอนจบ)
ผมครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่กับเป้สนามที่วางอยู่ข้างแนวกระสอบทราย สายตาเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับเหลี่ยมเขาด้วยอาการเลื่อนลอย ความคิดที่สับสนอยู่ในสมองที่วุ่นวายและอลเวงจนผมลืมไปอย่างสนิทใจว่า ผมได้ตอบคำพูดของคำคมออกไปหรือยัง ความมัวซัวของบรรยากาศ ทำให้ผมเผลอหลับลงไปจนได้
21.30 น. ผมตกใจตื่นขึ้นมาก็มองเห็นคำคมกำลังนั่งรับฟังข่าว จาก บก.ล่องแจ้งอยู่พอดี
“ผมเห็นคุณนอนหลับ ไม่อยากกวน พอดีทาง เบาว์เดอร์-คอนโทรล มีข่าวด่วนถึงคุณ ผมก็เลยรับเอาไว้ให้ รีบถอดรหัสด้วยครับ ผมขอตัวออกไปตรวจแนวก่อน”
นอร์แมนส่งข่าวลับสุดยอดมาให้ผม โดยอ้างว่า หน่วยอินเตอร์เซฟ ของ ซี.ไอ.เอ เพิ่งจะดักข่าวได้ตอน 21.00 น. ข้อความของข่าวบอกเอาไว้ว่า ข้าศึกได้รับการขนย้ายขึ้นมาตั้งอาวุธหนักอยู่บนเนิน “ทันเดอร์” เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะยิงสนับสนุนพวกมันในตอน 23.30 น. เป้าหมายก็คือฐานปฏิบัติการของผม และฐานขั่วคราวของกองพัน 603 ซึ่งตั้งอยู่ตีนเขาสกายไลน์-วัน มันเป็นข่าวกรองที่แน่นอน และมีประสิทธิภาพอย่างยอดเยี่ยมของซี.ไอ.เอ. และเวลาที่จะพิสูจน์ก็เหลืออยู่เพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้น
ผมให้ทหารไปตามคำคมอย่างเร่งด่วน พอทราบข่าวจากผม คำคมไม่ปริปากพูดซักคำ เขานั่งลงกับพื้น งัดแผนที่ออกมาวางกับลังกระสุน คำนวณระยะอยู่ชั่วครู่ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมอย่างเครียดขรึม
“ระยะจาก เนินทันเดอร์ มายังยอดเนินของเราห่างกัน 4.5 กม.(ทางตรง) ผมจะเสี่ยงเอาปืน ค. 4.2 ยิงถล่มพวกมันดู..เมื่อรู้ว่ามันจะจวกพวกเราในตอน 23.30 น. ผมก็จะเล่นงานมันก่อนในเวลา 23.00 น. ตรง เล่นงานมันด้วยอาวุธหนักทุกชนิดเท่าที่มีอยู่บนฐานของเขา พลนำสารคำสั่งของอั๊วไปให้ ผบ.ร้อยทุกคน กำชับอย่าให้ใช้วิทยุอย่างเด็ดขาด”
ประโยคสุดท้าย คำคมหันไปออกคำสั่งกับพลนำสารพร้อมกำชับให้ ผบ.ร้อยต่างๆเข้มงวดในการใช้วิทยุสนาม สองชั่วโมง ก่อนถึงหมายกำหนดการยิงของข้าศึก ทหารรับจ้างทุกคนรีบขุดหลุม “ชนิดพิเศษ” ขึ้นมาอย่างเร่งด่วน
“หลุมพิเศษ” จากการออกแบบของคำคมก็คือใช้พลั่วสนามแซะเข้าไปจากบริเวณก้นหลุมเพลาะให้เป็นโพรงให้กว้างพอที่จะซุกตัวเข้าไปหลบซ่อนในขณะข้าศึกระดมยิงอาวุธหนักเข้ามา
จากลักษณะดังกล่าว ทหารทุกคนก็จะ “ปลอด” จากอำนาจสะเก็ดระเบิดไปอย่างสิ้นเชิง
แม้กระทั่งผมก็ต้องช่วยตัวเอง ด้วยการเร่งขุดหลุมเสียจนมือไม้พองไปหมด เล่นเอา “เอียน” สนามเพลาะไปนานแสนนานเลยทีเดียว
23.00 น. แฟลร์จาก ค. 4.2 ก็ถูกยิงโด่งขึ้นไปสว่างโร่อยู่เหนือเนิน “ทันเดอร์”
บัดดลนั้นเอง กระสุนจากอาวุธหนักทุกชนิด ที่อยู่บนฐานของผมก็ถล่มเข้าใส่เนิน “ทันเดอร์” ซึ่งมองเห็นเด่นชัดท่ามกลางแสงแฟลร์ที่สว่างไสวนั้น... ด้วยการยิงอย่างต่อเนื่องกันอย่างไม่หยุดยั้ง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็ยังไม่มีการยิงตอบโต้จากอาวุธหนักของข้าศึกที่อยู่บนเนินทันเดอร์แม้แต่นัดเดียว หนึ่งชั่วโมงผ่านไป คำคมก็เลยออกคำสั่งให้หมวดอาวุธหนักยุติการยิงเนิน “ทันเดอร์” อย่างสิ้นเชิง
24.00 น. มันเลยหมายกำหนดการของข้าศึกมาแล้วครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ซี.ไอ.เอ. โดนต้มเป็นครั้งแรก หน่วยงานที่มีประสิทธิภาพสูงถูกต้มจากทหารเวียดนามเหนืออย่างเจ็บแสบเข้าไปถึงหัวใจ
“ผมบอกคุณแล้วบิ๊กแมน บางทีข่าวกรองของ ซี.ไอ.เอ. ก็มักจะเชื่อไม่ได้เหมือนกัน... ซี.ไอ.เอ.อาจจะโดนซ้อนแผนจากไอ้แกวก็ได้ เชื่อผมเถอะ คืนนี้ทั้งคืน บางทีอาจจะมีอะไรต่ออะไรที่เราคาดไม่ถึงบังเกิดขึ้นมาอีกก็ได้”
ผมซึ่งเป็นคนรับข่าวจากนอร์แมน พูดอะไรไม่ออกหรอกครับ ทั้งๆที่ความรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจยังเชื่อมั่นประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมทางด้านข่าวกรองของ ซี.ไอ.เอ. ว่า แน่นอน ถูกต้อง ไม่มีวันผิดพลาด แต่สำหรับครั้งนี้ ซี.ไอ.เอ.ชักจะทำให้ผมเสื่อมศรัทธาลงไปแยะเลยทีเดียว ผมขยับตัวจากท่านั่งขัดสมาธิ เอนหลังลงไปพิงเป้สนาม ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างประสานกันรองศีรษะ นอนหลับตานิ่งด้วยความขุ่นเคืองใจ
24.55 น. ข่าววิทยุจาก F.A.G. ซึ่งเคยเซ็งแซ่อยู่ตลอดเวลานั้น บัดนี้เงียบสนิท มันเงียบเสียจน บางครั้งผมนึกว่า ความถี่ดังกล่าวจะถูกยกเลิกการใช้ติดต่อไปเสียแล้วละกระมัง ในขณะที่ผมกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น ประสาทหูของผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังแว่วๆออกมาจากลำโพงชนิดพิเศษที่ผมเสียบติดเอาไว้ข้างๆตัววิทยุนั้น
“บิ๊กแมนจากไฮโล...โปรดไปที่ความถี่ที่ผมเคยติดต่อกับคุณมาแล้ว โปรดไปเดี๋ยวนี้...ผมมีเวลาจำกัด”
ประสาทผมกระตุกพรวดขึ้นมาเหมือนกับโดนไฟช็อต ความทรงจำในอดีตแล่นปร๊าดขึ้นสมองในฉับพลัน
อา...ผมจำได้แล้ว “ไฮโล” มิตรยามยากซึ่งเคยติดต่อกับผมบนเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี ก่อนที่ฐานปฏิบัติการของผมจะพังพินาศนั่นเอง
และก็ “ไฮโล” คนนี้มิใช่หรอกหรือที่แอบส่งข่าวการเคลื่อนไหวของข้าศึกมาให้ผมทราบล่วงหน้าอยู่เสมอๆ...จนทำให้พวกผมมีโอกาสเตรียมตัวและรอดพ้นจากการสูญเสียย่อยยับมาได้อย่างหวุดหวิดมาแล้ว
“ความถี่ที่ผมเคยติดต่อกับคุณมาแล้ว” จริงสินะ ถ้าผมจำไม่ผิด เจ้าความถี่ดังกล่าวนั้นก็คือ 60.45 นั่นเอง
ผมหมุนความถี่ไปยังหมายเลข 60.45 อย่างรวดเร็ว คำคมคลานเข้ามานอนตาแป๋วอยู่ข้างๆ
“บิ๊กแมนจากไฮโล...ขณะนี้ผมเคลื่อนที่ลงจากยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี เรียบร้อยแล้ว เคลื่อนที่ลงมาทางอุโมงค์ใต้ดินที่ขุดทะลุออกมาทางเบื้องหลังของเนินอานม้า เคลื่อนที่ผ่านทหารของคุณที่โอบล้อมอยู่ตามบริเวณตีนเขาไปได้อย่างปลอดภัย...ทหารเวียตนามเหนือต้องสูญเสียชีวิตจาก B-52 ไปเกือบครึ่ง และที่เหลือก็ตายจากการปะทะก็โดน M-72 จากทหารของคุณที่ติดตามเข้ามาในอุโมงค์จนกระทั่งอุโมงค์ถล่มทลายไม่มีชิ้นดี ผมก็เป็นคนหนึ่งซึ่งรอดชีวิตจากเนินชาร์ลี-กอล์ฟอย่างหวุดหวิด ผมขอบอกกับคุณอีกครั้ง ขณะนี้ทหารเวียตนามเหนือจำนวนสุดท้าย 30 คนได้ถอนตัวออกจากยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี หมดแล้ว ขอให้ทหารของคุณขึ้นไปยึดก่อนเช้ามืด และรีบทำลายปากทางเข้าอุโมงค์โดยเร็วที่สุด ปากทางเข้าอุโมงค์อยู่บริเวณใกล้ๆกับหลุมระเบิด B-52 สองหลุมที่ปรากฏอยู่กึ่งกลางฐานพอดี... สำหรับทางออกอยู่หลังบริเวณเนินอานม้า ข้อควรระวังเมื่อจะทำลายอุโมงค์ ควรจะให้ทหารออกเคลียร์พื้นที่หาทางออกของอุโมงค์โดยด่วน
ประการสุดท้าย เป็นข่าวส่วนตัวที่ผมจะขอบอกกับคุณบิ๊กแมนโดยเฉพาะ พลยิงทั้งสองคนที่ถูกร้อยโซ่ติดตัวกับปืน 12.7 แล้วโดนพวกคุณฆ่าตายนั้น เป็นทหารไทยเช่นเดียวกับคุณ! และเช่นเดียวกับผม! พวกเราโดนจับเป็นเชลยศึก แล้วโดนบังคับให้กระทำหน้าที่ดังกล่าวอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงใดๆทั้งสิ้น คนที่ฟันข้อมือตัวเองขาดเป็นทหารราบลพบุรียศสิบเอก...เขาปรารภกับผมว่า ถ้าไม่ฟันข้อมือก็ต้องโดนทหารไทยด้วยกันฆ่าตาย เขาเสียใจที่จะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเดียวกันก็เลยตัดสินใจฟันข้อมือตัวเอง ขณะนี้เขาปลอดภัย และเดินอยู่ข้างหน้าผมนี่เอง...ลาก่อนบิ๊กแมนและเพื่อนๆทหารไทยทุกคน ขอให้โชคดี...และถ้าไม่โชคร้ายจนเกินไปนัก ไฮโลจะคอยส่งข่าวให้พวกคุณทราบอยู่เสมอๆ”
จบคำพูดอันยืดยาวของไฮโล ผมตัวชาดิกไปทั้งร่าง คำคมซึ่งเคยได้ทราบเรื่องราวของตัวไฮโลจากกองสิงห์มาแล้ว ถึงกับอุทานออกมา...
“ผมบอกแล้ว...ว่า แผนซ้อนแผน ทหารเวียดนามเหนือปล่อยข่าวการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักเพื่อที่จะให้กองพัน 603 พะวักพะวงไม่กล้าเข้าจู่โจมขึ้นไปยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี และในเวลาเดียวกันพวกมันก็ถอนตัวออกจากฐานอย่างเงียบเชียบ ถ้าคำพูดของไฮโลเชื่อถือได้ ประเดี๋ยวพวกเราก็คงจะได้เห็นกัน”
“ผมเชื่อข่าวของไฮโลยิ่งกว่าข่าวกรองของซี.ไอ.เอ.เสียอีกครับ ผู้พัน เมื่อครั้ง BC 616 ถอนตัวลงมาจากสกายไลน์ ถ้าไม่ได้ไฮโลส่งข่าวล่วงหน้ามาก่อน ป่านนี้ “กองสิงห์” เพื่อนของผู้พันคงจะพบกับการสูญเสียอย่างย่อยยับยิ่งกว่านั้นมากมายนัก”
คำคมติดต่อวิทยุเป็นการส่วนตัวกับ ผบ.พัน 603 ด้วยความถี่พิเศษอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง
ต่อจากนั้นกองพันของผมก็ได้รับการร้องขอให้ยิงแฟลร์ขึ้นไปยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี เป็นระยะ อย่างชนิดต่อเนื่องกัน
กองพัน 603 พาเหรดขึ้นยอดเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี แบบสายฟ้าแลบ! บุกตะลุยขึ้นไปโดยมิได้เสียเลือดเนื้อแม้แต่คนเดียว
เสียงกระสุนนานาชนิด ที่ยิงเคลียร์ออกไปรอบๆฐานปฏิบัติการในขณะที่ส่งกำลังเข้ายึด สร้างความตื่นเต้นให้กับ บก.ล่องแจ้งจนต้องสอบถามกันให้วุ่นวายทางวิทยุสนาม
อา...เนินสกายไลน์-วัน ขุนเขามรณะ ที่กลืนชีวิตทหารรับจ้างและทหารเวียตนามเหนือมาแล้วอย่างเหลือคณานับ บัดนี้ตกอยู่ในความยึดครองของทหารรับจ้างอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ทหารเวียดนามเหนือถอนตัวลงไปจากเนินสกายไลน์จนหมดสิ้น บางส่วนที่เหลือรอดชีวิตจากการโจมตีของ B-52 ก็ต่างพากันไปตั้งฐานอยู่บนเนินทันเดอร์ แล้วคอยใช้อาวุธหนักคอยยิงพวกเราไม่เว้นแต่ละวัน และแล้วแผนการอันใหญ่หลวงที่จะรวบรวมกำลังพลทหารลาว, และทหารรับจ้างทั้งหมดพาเหรดเข้ายึดเนินทันเดอร์...สนามบินซำทอง, และกวาดล้างดะขึ้นไป จนกระทั่งถึงบริเวณทุ่งไหหินก็ได้เริ่มต้นขึ้น



ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ “พ็อคเก็ตบุ๊ค” ที่ผมนำเสนอผลงานออกมาตามลำดับนั้น บัดนี้ได้จบพฤติการณ์ตอนหนึ่งของทหารรับจ้างลงแล้ว ถ้าผลงานของผมยังคงเป็นที่ต้องการของท่านผู้อ่าน ผมจะกลับมาพบท่านอีกครั้ง ขอได้รับความปรารถนาดีอย่างจริงใจ จากผม ... สยุมภู ทศพล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 11, 2015, 10:25:55 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 783 784 785 [786] 787 788 789 ... 812
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.252 วินาที กับ 24 คำสั่ง