๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 28, 2024, 10:19:04 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 787 788 789 [790] 791 792 793 ... 812
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน  (อ่าน 948932 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11835 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2015, 06:29:34 PM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 16

พายุฝนที่กระหน่ำลงมาหยั่งกับท้องฟ้ารั่วเริ่มซาลง แต่ทว่ายังไม่สนิทเลยที่เดียวนัก มันยังคงตกปรอย ๆ อยู่ไม่ขาดระยะฟ้าที่แลบแปร๊บ ๆ อยู่ตามขอบฟ้าทำให้กลุ่มของผู้กองอังคารสามารถมองเห็นความผิดปกติของผู้ที่เดินอยู่เบื้องหน้าได้อย่างบังเอิญ

ไอ้แสบจ้ำพรวด ๆ เดินตามไอ้โล้นไปติด ๆ พอทันกันมันก็กัดกรามกระซิบออกไปอย่างเหี้ยมเกรียม

" - ไอ้โล้น ของมึงคนซ้าย ของกูคนขวา พอพ้นกอหญ้าข้างหน้านั่นล่อแม่มันเลย "

ไอ้โล้นไม่ตอบ มันชะลอฝีเท้าลงนิดนึง แล้วหันกลับมาบอกพรรคพวกทั้งสองที่กำลังหิ้วปีกผู้กองอังคารอยู่ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

" - เฮ้ย พออั๊วกับไอ้แสบเคลื่อนที่ถึงกอหญ้าข้างหน้าโน่น ให้ลื้อพาผู้กองหมอบลงทันที...อย่าเสือกโงหัวขึ้นมานะมึง โดนยิงตายห่าไม่รู้ด้วย...หัวหน้าคุ้มกันข้างหลังด้วยนะครับ "

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นหันมาพูดกับนอร์แมน แล้วจ้ำพรวด ๆ ตามไอ้แสบขึ้นไปโดยไม่ยอมฟังคำตอบจากนอร์แมนอีก

ฟ้าแลบ แปร๊บ...พร้อม ๆ กับที่ไอ้โล้นกับไอ้แสบเคลื่อนที่ถึงกอหญ้าพอดิบพอดี !

ผู้กองอังคารถูกผลักลงกับพื้นน้ำ... นอร์แมนกระโจนพรวดออกไปซุกกายนิ่งอยู่ที่กอหญ้าทางซ้ายมือ ส่วนไอ้โล้นกับไอ้แสบงัดปากกระบอกปืน เอ็ม. 16 ซึ่งถือเอาปากกระบอกทิ่มลงเบื้องล่างตลอดเวลา เพื่อกันน้ำฝนเข้าขึ้นมาเสมอแนวตะโพก แล้วใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนปุ่มบังคับการยิงไปที่ตำแหน่งอัตโนมัติเต็มตัว เหนี่ยวไกสาดกระสุนเข้าใส่ร่างทั้งสองที่เดินมุ่งหน้าเข้ามาด้วยความรวดเร็วจนมองดูแทบไม่ทัน

" -ปัง...ปัง...ปัง...ปัง...ปัง...ปัง...ปัง"

ประกายไฟสีเขียวปนส้มแลบออกมาเป็นทางพร้อม ๆ กับเสียงเกรี้ยวกราดของทูตมฤตยูคำรามขึ้นมาเหมือนกับฟ้าพิโรธ ร่างทั้งสองซึ่งเดินย่ามใจอยู่เบื้องหน้าผงะเด้งขึ้นสุดตัวแล้วกระเด็นแวบไปคนละทางาองทางจมหายไปในความหนาทึบขอกอหญ้านั้น...

ไอ้แสบขยับตัว ทำท่าเหมือนกับจะวิ่งชาร์ทออกไปเบื้องหน้า ไอ้โล้นซึ่งยืนจังก้าอยุ่ข้าง ๆ ยกเท้าถีบตะโพกเต็มแรง

ร่างของไอ้แสบเซถลาออกไปอย่างเสียหลัก แล้วล้มคะมำลงกับพื้นน้ำ ซึ่งพร้อม ๆ กับที่ไอ้โล้นทุ่มตัวลงไปนอนอยู่ข้าง ๆ กัดกรามกระซิบออกมาอย่างเหรี้ยมเกรียม

" - ใจเย็น...ไอ้เหี้ยมแสบ...ประเดี๋ยวก็โดนพวกมันที่รถโน่นจวกตายห่าหรอกมึง เร็ว - คลานออกไปทางซ้ายมือ กูจะแยกไปทางขวา ระวังไอ้สองตัวที่เรายิงเมื่อกี้นี้ด้วย" ไอ้โล้นพูดพลางหันกลับมามองทางเบื้องหลัง แล้วผิวปากเป็นอาณัติสัญญาณเบา ๆ

นอร์แมนชะโงกศีรษะขึ้นมาดูนิดนึง...ไอ้โล้นยกฝ่ามือชูขึ้นเหนือศีรษะแล้วลดมือลงเสมอระดับเอวเป็นสัญญาณให้กลุ่มของนอร์แมนหมอบรออยู่ก่อน ต่อจากนั้นมันก็หันมาพยักหน้ากับไอ้แสบแล้วคลานแยกออกไปทางขวามืออย่างระมัดระวัง

ไอ้แสบล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อหยิบปลอกพลาสติกออกมาสวมปากลำกล้องปืนแล้วคลานแหวกกอหญ้ามุ่งหน้าเข้าไปหาบริเวณที่มือสังหารของ เค.จี.บี. ที่เพิ่งจะโดนกระสุนปืนล้มหายลงไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ

เกือบห้านาทีเต็ม ๆ ไอ้แสบก็คลานเข้าไปถึงร่างที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นน้ำบริเวณที่ติดกับขอบถนนของหมู่บ้านจัดสรรพอดิบพอดี

เพียงแว่บเดียวที่มองเห็นลักษณะท่าทางของมือปืน เค.จี.บี. ... มันก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าขณะนี้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายได้ออกจากร่างที่ยับเยินไปด้วยกระสุนนั้นแล้ว

ด้วยความรอบคอบ...ไอ้แสบถอดปลอกพลาสติกที่ปากลำกล้องออกแล้วจี้หมับเข้าไปที่ท้าทอย ต่อจากนั้นก็กระทุ้งลำกล้องลงไปค่อนข้างแรง เมื่อไม่มีปฏิกริยาตอบรับก็ใช้มือขยุ้มลงบนปอยผมที่เป็นกระเซิงดึงขึ้นมาเต็มแรงแล้วพลิกร่างของเพชฌฆาต เค.จี.บี ให้หงายขึ้น ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อไป ก็ได้ยินเสียงดีดมือเบา ๆ อยู่ทางด้านขวามือบริเวณที่เพื่อนคู่หูเพิ่งคลานหายเข้าไปหยก ๆ

ไอ้แสบค้นร่างกายมือปืนผู้เคาระห์ร้ายอย่างลวก ๆ เมื่อไม่พบหลักฐานที่สำคัญก็คลายเร็วจี๋เข้าไปหาไอ้โล้น ซึ่งมองเห็นวอมแวมอยู่ในความสลัวทางขวามือนั้น

" ไอ้แสบมึงดูที่ท้องแขนของไอ้นี่ซิวะ...เสือกมีหมายเลข " 174 " สักอยู่ด้วย...มึงรีบคลานกลับไปดูศพโน่นเร็วเข้า ถ้ามีแบบเดียวกันล่ะก็เป็นข่าวใหญ่ที่เดียวแลยมึง "

ไอ้โล้นพูดพลางบุ้ยใบ้ให้เพื่อนค่หูทำตามคำสั่งของมัน...

ไอ้แสบหันกลับบ่นพึมพำ แล้วคลานลุยน้ำกลับไปที่ศพมือปืน เค.จี.บี. อย่างรวดเร็ว

ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ ไอ้แสบก็ตาลีตาเหลือกกลับมาพร้อมละล่ำละลักพูดแทบไม่เป็นภาษาคน

" - ชัดเลย ไอ้โล้น ไอ้ศพเหี้ยโน่นสักตัวเลข " 174 " ที่ท้องแขนด้านซ้ายเหมือนกับไอ้ห่านี่ไม่มีผิด กูว่ามันจะชักจะยังไง ๆ เสียแล้วนาเพื่อน "

ไอ้โล้นไม่ตอบมันชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็เอี้ยวตัวชักมีดออกจากซองพกแล้วฟาดฉับลงไปบนแขนของศพ เค.จี.บี. สุดแรงเกิด

" ฉัวะ "

แขนขวาสะบั้นออกจากกันเหมือนโดนขวานจาม...ไอ้โล้นหยิบแขนข้างที่ขาดยัดลงไปในกระเป๋ากางเกงใต้หัวเข่า ปากก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

" - ไอ้สองตัวนี่เป็นทหารเวียดนามเหนือจากกองพันที่ 174 ที่เคยไล่จวกทหารรับจ้างแหลกลาญมาแล้วในสมรภูมิลาว กูเคยฆ่าพวกมันที่สนามบิน ซำทอง...ทุกคนมีรอยสักหมายเลข " 174 " แบบนี้ กูขี้เกียจรายงานก็เลยตัดแขนที่มีรอยสักไปให้ฝรั่งมันดู...มันจะได้หายโง่เสียที่ว่าขณะนี้พวกเราไม่ได้รบกับคนไทยด้วยกันอีกแล้ว...พวกเรากำลังรบกับทหารเจนศึกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวียดนามเหนือ ไปโว้ย...เคลื่อนที่เข้าไปที่รถโน่นได้แล้ว กูว่าอย่างน้อยที่สุดจะต้องมีพวกมันเหลืออยู่ไม่น้อยกว่าสองคนขึ้นไป"

" - มึงจะเดินโท่ง ๆ ขึ้นไปแบบนี้...ละรึไอ้โล้น...พอเข้าแสงไฟข้างหน้าโน่น...ถ้าพวกมันมีจริงหยั่งที่มึงคาดการณ์เอาไว้ละก้อ กูกับมึงป่นแน่...ไอ้โล้นมึงมองเห็นร่องน้ำที่ขนานกับขอบถนนนั่นมั้ย...กูว่าทางที่ดีบุกเข้าหามันทางนั้นดีกว่า "

ไอ้แสบแย้งขึ้น พร้อมกับเสนอแนะวิธีที่น่าเลื่อมใส

" - กูว่าขณะนี้พวกมันรู้ตัวแล้ว...เสียงปืนที่สนั่นอยู่เมื่อกี้นี้มันคงจะมองเห็นเหตุการณ์อีตอนที่พรรคพวกของมันโดนยิงได้ชัดเจนพอสมควร...ไอ้ห่า กูก็ร้อนไม่เข้าท่า นี่ถ้ามึงไม่เตือนมันคงล่อกูเละหน้าดูชม...เฮ้ย..ถ่วงเวลาดูท่าทีมันก่อน "

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นตัดบทขึ้นอย่างห้วน ๆ

" - กูสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง...ไอ้โล้น...ไอ้สัตว์สองตัวที่พวกเราฆ่าตายเมื่อกี้นี้...ทำไมไม่ดักเล่นงานเราอยู่ที่รถโน่น...ทำไมมันถึงเดินฝ่าสายฝนเข้ามาในบึงห่าเหวนี่...กูสงสัยจริง ๆ พับผ่าวะ "

ไอ้แสบไม่วายที่จะซักต่อไปอีกด้วยความกังขาใจ

" - ซักจริ๊ง ไอ้กร๊วกนี่...ก็ส่วนล่วงหน้าของมันเคลื่อนที่เข้าไปตอกผู้กองของเราที่สถานีโน่นอยู่ก่อนแล้ว...พวกมันคงจะติดต่อประสานงานกันไม่ได้ ก็เลยตามเข้ามาหวังจะเป็นส่วนหนุน ดีนะมึงนะ ที่เราหยุดซุ่มอยู่กลางทางเสียก่อน...แต่เอ๊ะ ทำไมพวกมันยีดรถเราได้ โดยที่ไม่ได้ยินเสียงปืนแม้แต่นิดเดียว

" - ก็ไหนว่ามึงคาดการณ์ได้ทุกสิ่งทุกอย่างยังไงเล่า...ไอ้โล้น...มึงก็น่าจะรู้ขีดความสามารถของไอ้พวกทหารเวียดนามเหนือกลุ่มนี้ดีกว่าพวกมันถนัดในการ "ฆ่า" เงียบขนนาดไหน...กูคิดว่า...ไอ้คำ กับ ไอ้...ป่านนี้โดนเชือดคอหอยเป็นผีเฝ้ารถไปแล้วทั้งสองคน...ไปโว้ย ขืนถ่วงเวลาแบบนี้ผู้กองอังคารเสร็จแน่ "

ไอ้แสบไม่พูดพล่ามทำเพลง...มันฉากแว่บขึ้นไปบนถนนแล้วคลานข้ามไปหมอบอยู่ในหุบร่องน้ำฝั่งตรงกันข้ามทำให้ไอ้โล้นต้องตาลีตาเหลือกคลานตามไปติด ๆ พร้อมกับบ่นพึมพำไปตลอดทาง

แสงไฟบนนเสาที่สว่างไสวอยู่ท่ามกลางสายฝนสาดให้เห็นรถโฟล์คตู้ทึบที่จอดซุ่มอยู่ในเงามืดของหน้าบ้านหลังหนึ่งอย่างถนัดชัดเจน

ไอ้โล้นกับไอ้แสบใช้เวลาชั่วครู่ใหญ่ ๆ ก็คลานเข้ามาหมอบอยู่ไม่ห่างจากตำแหน่งรถจอดเท่าใดนัก

" - ทำไมมันถึงเงียบยังงี้วะ...กูว่าจวกแม่มันเข้าไปเลยรึยังไง...ไอ้โล้น "

ไอ้แสบกระซิบกระซาบ พลางดึงขอรั้งลูกเลื่อนปืนถอยหลังนิดนึง แล้วกดปากกระบอกให้น้ำที่อาจจะค้างอยู่ในลำกล้องให้หยดลงที่พื้นเป็นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุปากลำกล้องปืนแตกในขณะยิงปืน

" - อย่าเพิ่ง...โน่น...กูเห็นแล้ว ไอ้ฉิบหายยืนหลบอยู่ที่ขอบรั้วหลังรถนั่นคนนึง...พอฟ้าแลบมึงกระหน่ำมันเลยไอ้แสบ...กูจะชาร์ทเข้าไปที่รถนั่นเอง "

ไอ้โล้นพูดพลางดึงขอรั้งปืนออกมาจนสุดแล้วค่อย ๆ ปล่อยให้ลูกกระสุนเข้ารังเพลิงด้วยความระมัดระวัง

ไอ้แสบยกปืนขึ้นประทับ เล็งศูนย์ไปที่ขอบรั้วซึ่งมองเห็นร่างลับ ๆ ล่อ ๆ ของชายผู้หนึ่งอย่างเลือนลาง

ฟ้าแล็บแพร็บ ๆ ...แสงสว่างจากขอบฟ้าสาดให้เห็นร่างของชายดังกล่าวอย่างถนัดชัดเจน...ไอ้แสบเหนี่ยวไกสาดกระสุนเข้าใส่ด้วยความประณีตกว่าทุก ๆ ครั้ง

" ปัง "

แม่นเหมือนกับจับวาง...ร่างที่ยืนพิงขอบรั้วอยู่ผงะเด้งตะกายเริดขึ้นแล้วล้มคว่ำกับพื้นในบัดดล

แสงไฟสีเขียวปนส้มสว่างแว่บจากท้านรถ แล้ววิ่งปร๊าดเกือบจะเป็นเส้นตรงพุ่งเข้าหาตำแหน่งที่เพชฌฆาตรับจ้าง ซี.ไอ.เอ. นอนหมอบอยู่นั้น พร้อม ๆ กับเสียงครางระงมของปืนอาร์ก้าดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว

"ปรอด...ปรอด...ปรอด...ปรอด"

เสียงดังแหลมเล็กผิดกับเสียงปืน "เอ็ม. 16" จนสังเกตุเห็นได้ชัด กระสุนส่องแสงสีเขียวสุกใสวิ่งไล่ตามกันเป็นหาง...และตำแหน่งกระสุนตกที่พอจะสังเกตได้อยู่ห่างจากไอ้โล้นและไอ้แสบไม่มากนัก

" - กูว่าแล้ว พวกมันมีสองคนจริง ๆ ไอ้แสบมึงยิงแล้วกลิ้งตัวข้ามถนนไปฝั่งโน้น...พอถึงฝั่งโน้นยิงอีกที่แล้วรีบคลานกลับมาอยู่ที่นี่...กูจะซุ่มดูเหตุการณ์เฉย ๆอยู่ก่อนเอาเลยพรรคพวก "

ยังไม่ทันจะขาดคำพูดไอ้โล้น...ไอ้แสบก็ยกปืนขึ้นกราดในระบบกึ่งอัตโนมัติ แล้วคลานขึ้นจากหุบร่องน้ำข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว...

พอถึงฝั่งตรงกันข้าม ไอ้แสบก็ยกปืนขึ้นกราดอย่างหูดับตับไหม้ แล้วคลานเร็วจี๋กลับเข้ามาหมอบหายใจฟืดฟาดอยู่ข้างไอ้โล้น

มีเสียงอาร์ก้ายิงโต้ตอบมาจากท้ายรถโฟล์ค และคราวนี้ตำแหน่งกระสุนตกเปลี่ยนทิศทางไปยังถนนด้านตรงกันข้ามที่ไอ้แสบเพิ่งจะคลานกลับมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ นั่นเอง

" - ได้ผล...คราวนี้มึงค่อย ๆ คลานเข้าไปที่รถ...กูจะล่อให้มันยิงทางฝั่งโน้น...ระวัง"

ไอ้โล้นกำชับ แล้วคลานขึ้นไปบนถนน คงจะเป็นด้วยความซวยของไอ้โล้นก็เหลือเดา ฟ้าเกิดแลบ แพรบขึ้นมา ในจังหวะดังกล่าวพอดิบพอดีแสงสว่างของมันสาดให้เห็นร่างของไอ้โล้นที่กำลังคลานกระดุ๊บ ๆ อยู่บนถนนเข้าอย่างถนัดชัดเจน

กระสุนส่องแสงสีเขียวสุกใส วิ่งปร๊าดเข้าหาไอ้โล้นเป็นสาย...พื้นถนนซึ่งเจิ่งไปด้วยน้ำข้าง ๆ ตัวไอ้โล้นกระจุยกระจายอย่างน่าหวาดเสียว...ไอ้โล้นคลานส่ายเป็นงูเลื้อยกลิ้งตัวลงไปในหุบร่องน้ำฝั่งตรงกันข้ามได้อย่างจวนแจเต็มที

ไอ้แสบเห็นได้จังหวะก็คืบคลานเข้าหารถโฟล์ค...พอเคลื่อนที่ไปได้นิดเดียวก็โดนระดมยิงดักหน้าจนต้องถอยกลับมาซุกร่างอยู่ ณ ที่เดิมอีกครั้ง...

ไอ้โล้น, ไอ้แสบ เอาเถิด เจ้าล่ออยู่เกือบห้านาทีก้ไม่สามารถที่จะฝ่าแนวกระสุนคืบคลานเข้าไปยึดรถโฟล์คดังกล่าวนั้นได้ มิหนำซ้ำยังโดนระดมยิงจนแทบโงศีรษะไม่ขึ้น

"แวด...บึ้ม"

ทั้งสองมีความรู้สึกเหมือสนกับอากาศเหนือศีรษะโดนแรงอัดวิ่งผ่านโดยกะทันหัน...สัญชาตญาณเอาตัวรอดทำให้ทั้งคู่ซุกหน้าลงกับพื้นดินเป็นอัตโนมัติ มือทั้งสองละจากปืนคู่มือ ขึ้นมาอุดหูแน่น

ถึงกระนั้นประสาทหูของทั้งสองก็ยังกึกก้องไปด้วยเสียงกระหึ่มของระเบิดแผดสนั่นขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน

แสงเพลิงที่สว่างโพลนโชติช่วงขึ้นอยู่เบื้องหน้า ทำให้เพชฌฆาตรับจ้างทั้งสองผงกศีรษะขึ้นมองดูรถโฟล์คตู้ทึบซึ่งขณะนี้ไฟลูกท่วมด้วยความตื่นเต้นสุดขีด

" - เอ็ม. 72...ใคร...ใครยิงเอ็ม. 72ใส่รถโฟล์คของเราวะ "

ไอ้แสบตะกุกตะกักขึ้นมาฟังแทบไม่เป็นภาษาคน

" - โน่น...พ่อของมึงโน่น...ไอ้แสบ...ไอ้ขุนช้าง นอร์แมนเล่นจัญไรเข้าให้แล้ว...ไอ้ห่า ไม่รู้ว่ามันย่องเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน...ฉิบหายวายวอดหมดแล้ว ทั้งพวกมันและพวกเรา"

ไอ้โล้นพูดพลาง ขยับตัวเอี้ยวคอหันไปมองทางเบื้องหลัง

ฝนหยุดตกสนิท...ท้องฟ้าที่มัวซัวเริ่มสว่างไสว...ดวงจันทร์ซึ่งหลบอยู่ในก้อนเมฆเริ่มปรากฏออกมาราง ๆ ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ ก็โผล่ออกมาสาดรัศมีสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยแสงดาวระยิบระยับนั้น

ร่างของนอร์แมนที่ยืนจังก้าอยู่ ไม่ห่างจากตำแหน่งที่บุคคงทั้งสามหมอบอยู่เท่าใดนัก ก้าวสวบ ๆ เข้ามาโดยมีร่างของผู้กองอังคารที่ถูกพยุงอย่างทุลักทุเล ตามเข้ามาติด ๆ

" - เป็นอย่างไงบ้างครับ...ผู้กอง "

ทั้งไอ้โล้นและไอ้แสบ ต่างก็ผวาเข้าไปหาร่างของผู้กองอังคาร ละล่ำละลักถามออกมาพร้อม ๆ กัน หยั่งกะนัดกันเอาไว้

ผู้กองอังคาร กัดกรามกรอด แต่ไม่มีเสียงตอบผ่านออกมาจากไรฟัน ไอ้โล้นเข้าไปตรวจดูบาดแผลอยู่ครู่หนึ่งก็กระซิบออกมาด้วยเสียงเครียด ๆ

" - ลูกกระสุนฝั่งอยู่ที่ไหปลาร้า...มีอยู่ทางเดียวต้องผ่าออกเดี๋ยวนี้...เฮ้ย เอาผู้กองนั่งลง...แล้วมึงรีบเข้าไปในบ้านหลังนั้น...เอารถที่จอดอยู่ในโรงนั่นออกมาให้ได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น...ขืนช้า...ผู้กองจอดแน่...นั่น...ๆ ห้องนอนเปิดไฟแล้ว...ปีนเข้าไปเลยไอ้แสบ "

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นกำชับออกมาด้วยเสียงห้วน
ไอ้แสบเงยหน้าขึ้นไปมองดูตัวตึกสองชั้นที่เพิ่งจะมีแสงไฟปรากฏอยู่ที่ห้องนอนชั้นบนอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวสวบ ๆ ไปที่รั้วด้านข้าง แล้วปีนไปหมอบอยู่ชั่วอึดใจก็กระโดดตุ๊บลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

" - ถอดเสื้อผู้กองออก แล้วลื้อทั้งสองคนยึดแขนของผู้กองเอาไว้ให้แน่น..."

ไอ้โล้นสั่งอย่างเฉียบขาด แล้วดึงมีดออกจากซองยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตรงไปที่ซากรถโฟล์ค ซึ่งกำลังมีไฟลุกโชนอยู่นั้น

ไอ้โล้นอาศัยความพยายามอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถเผาปลายมีดพกจนเนื้อเหล็กเปลี่ยนเป็นสีหมากสุก ต่อจากนั้นมันถือมีดตรงเข้าไปหาผู้กองอังคาร ด้วยท่าทางรีบร้อน

นอร์แมน ซึ่งพอจะเข้าใจอะไรต่ออะไรได้ราง ๆ ปราดเข้ามาที่ปลายเท้าของผู้กองอังคาร แล้วใช้มือทั้งสองยึดข้อเท้าเอาไว้แน่น

ไอ้โล้นยืนค้ำกบาลผุ้กองอังคารอยู่ชั่วอึดใจ ก็ก้มลงไปดึงเสื้อกล้ามของผู้กองขาดดังแคว้ก ต่อจากนั้นก็ขยุ้มเสื้อกร้ามเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วถืออยู่ในมือข้างซ้าย ปากก็กระซิบบอกเจ้านายของมันเบา ๆ

" อ้าปากเต็มที่ผู้กอง "

ผู้กองอังคารพยายามอ้าปากอย่างลำบากยากเย็นไอ้โล้นไม่ทันใจก็เลยยัดขยุ้มเสื้อกล้ามลงไปในปาก แล้วใช้ชายเสื้อที่ขาดรุ่งริ่งอ้อมไปผูกเป็นเงื่อนเอาไว้หลังศีนษะอีกทีหนึ่ง

" - ทนเอาหน่อยนะผู้กอง...ผมเคยโดนผู้กองผ่าสด ๆ หนหนึ่งที่เมืองลาว...ผมยังทนได้...เฮ้ย จับมือผู้กองเอาไว้แน่น ๆ "

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นเลยหน้าขึ้นไปกำชับลูกสมุนสองคนที่ยึดแขนผู้กองอังคารอยู่เบื้องหลัง เพื่อความมั่นใจเป็นครั้งสุดท้าย แล้ววางปลายมีดลงบนปากแผลบ่าขวาของผู้กองอย่างใจเย็น

ผู้กองอังคารสะดุ้งเฮือก ความร้อนจากปลายมีดที่ถูกเผาไฟ สัมผัสกับเนื้อเสียงดัง " แฉ่ " เหมือนกับเนื้อย่างถูกไฟไม่มีผิด

ไอ้โล้นกรีดมีดเป็นรูปกากบาทอย่างรวดเร็ว...ร่างของผู้กองอังคารแอ่นขึ้นมาเหมือนกับเป็นตะคริวโดยกะทันหัน เสียงร้องอึกอัก ๆ ดังอยู่ในลำคอ ดวงหน้าหงายเริดและสั่นเกร็งไปหมดทั่วร่างกาย เหงื่อเริ่มทะลักออกมาตามใบหน้าเหมือนกับสายน้ำ... นอร์แมนและลูกน้องทั้งสองที่ยึดแขนต่างก็เบือนหน้าหนีด้วยความสยดสยองใจ

ชั่วครู่ไอ้โล้นก็ใช้ปลายมีดเขี่ยหัวทองแดงหลุดออกมาจากซอกไหปลาร้าได้เป็นผลสำเร็จ มันรีบดึงก้อนผ้าออกมาจากปากของผู้กองอังคาร แล้วกดปากแผลที่โลหิตทะลักออกมาเหมือนกับสายน้ำเอาไว้แน่น

ไม่มีเสียงครวญครางจากผู้กองใจเพชร นอกจากคางที่สั่นกระทบกันเหมือนกับคนเป็นไข้มาเลเรียขนาดหนักเท่านั้น ไอ้โล้นหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาแล้วยัดบุหรี่พรวดเข้าไปที่ปากของผู้กองอังคาร

นอร์แมนสลัดไลท์เตอร์ออกมาจากกระเป๋าเล็ก ๆ ที่เย็บติดอยู่เหนือแขนซ้าย แล้วกดแก๊สจุดบุหรี่ให้กับผู้กองอังคารด้วยท่าทางรีบร้อนเหมือนหยั่งจะรู้ใจกัน

ผู้กองอังคารสูบควันบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วระบายควันออกมาด้วยท่าทางและอาการที่สดชื่นขึ้นอย่างทันตาเห็น

มีเสียงรถยนต์สตาร์ทดังกระหึ่มขึ้นในบริเวณบ้านพร้อม ๆ กับลำแสงไฟหน้ารถออกมาเป็นทางชั่วอึดใจ " ซีตรอง " รุ่นพระเจ้าเหาก็วิ่งมาจอดที่ประตู...ไอ้แสบลงมาเปิดประตูแล้วกลับเข้าไปขับรถออกมาที่หน้าบ้าน ปากก็ยื่นออกมาตะโกนค่อนข้างดัง

" - เร็ว ๆ หน่อยโว้ย...กูมัดเจ้าของบ้านเอาไว้ในห้องน้ำ... ได้เกิดดิ้นหลุดละก้อ ซวยตายห่า ไอ้โล้น...ไอ้ฉิบหาย เจ้าของบ้านเป็นนายพันตำรวจซะด้วย...หวิดซวยมั้ยล่ะกู..."

ประโยคสุดท้าย ไอ้แสบบ่นพึมพำท่ามกลางเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่ของกลุ่มเพชฌฆาตรับจ้างซึ่งกระวีกระวาดเปิดประตูขึ้นไปนั่งแออัดยัดเยียดอยู่ในรถด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง...

รถซีตรองรุ่นพระเจ้าเห่าพุ่งปร๊าดออกจากหมู่บ้านเสรีเหมือนกับติดปีกบิน ชั่วไม่กี่นาทีต่อมาก็ออกถนนใหญ่แล้ววิ่งหายลับเข้าไปในความอึกทึกครึกโครมยามราตรีที่น่าเวียนหัวของกรุงเทพพระมหานคร

เสียงเครื่องปรับอากาศที่ครางหึ่ง ๆ อยู่เหนือศีรษะทำให้ผู้กองอังคารค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความแปลกใจ... ความรู้สึกอันดับแรกที่คืบคลานเข้ามาก็คือ รู้สึกเจ็บแปร๊บที่บริเวณบ่าขวาจนต้องเอี้ยวคอไปมองด้วยความลำบากยากเย็น

ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันอยู่หนาเตอะไปหมดทั้งหัวไหล่ เมื่อเขามองผ่านลงไปที่ปลายเท้าก็ปรากฏว่าชุดโชกเลือดที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างชนิดละเลงเลือดได้ถูกลอกคราบไปจนหมดสิ้นแล้ว มีชุดคนป่วยสีฟ้าสะอาดตาสวมเข้ามาแทนอย่างพอเหมาะพอเจาะ

มีเสียงหัวเราะ คิกคัก ๆ ดังอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อผู้กองหันไปมองเห็นไอ้โล้น, ไอ้แสบ สวมชุดพยาบาลสีเดียวกันครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียงที่ยกพนักพิงขึ้นสูงนั้น...

" - สวัสดีครับ...ผู้กอง...อาการเป็นยังไงบ้างครับ "

ไอ้โล้น เอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าซีดเซียวเหมือนกับคนจะใกล้ตาย...ส่วนไอ้แสบหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่เหมือนกับจะขำอะไรขึ้นมาอย่างกะทันหัน

" - ไอ้สัตว์ มึงนั่นแหละตัวดี... ยังจะเสือกมีหน้ามาหัวเราะอีก ไอ้ห่า...ดันเสือกชวนกูไปกินด๊าย "

ไอ้โล้นหันไปแช่งชักหักกระดูกเพื่อนคุ่หูพร้อมกับบ่นพึมพำไม่ขาดระยะ

" - ลื้อทั้งสองเป็นอะไรวะ นี่อั๊วไม่เข้าใจอะไรเลยจริง ๆ ก็ตอนที่ลื้อผ่าอั๊วเอาลูกปืนออกลื้อทั้งสองคนก็ยังดี ๆ อยู่นี่หว่า แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นมาวะนี่ "

ผู้กองอังคารคิ้วขมวดเอ่ยถามลูกน้องทั้งสองอย่างเคลือบแคลงใจ

" - ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ หลังจากเอาผู้กองมาที่กองบัญชาการนี่แล้ว ผู้กองก็สลบไปหนึ่งวันเต็ม ๆ ...ผมก็เลยชวนไอ้โล้นไปกินก๋วยเตี๋ยวญวณที่สะพานขาวโน่น...พอกลับมาก็อาเจียนกันยกใหญ่...อาเจียนไม่อาเจียนเปล่า ไอ้จู๋ของพวกผมดันเกิดไม่ยอมทำงานเสียนี่นับชั่วโมงยิ่งหดลงไปเรื่อย ๆ คุณหมอก็เลยจับผมนอนพักผ่อนอยู่ที่นี่ พร้อมกับถ่ายท้องเอาเศษอาหารไปวิจัยแล้วครับ...จุ๊...จุ๊...คุณหมอสวยเป็นบ้าไปเลยผู้กองนั่น ๆ มาแล้ว-ผู้กอง " ประโยคสุดท้ายไอ้แสบลดเสียงลงกระซิบกระซาบเบา ๆ

ประตูห้องเปิดเอี๊ยดออกเบา ๆ พร้อม ๆ กับร่างอันได้สัดส่วนของหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมโผล่เข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่น ริมฝีปากที่บางเจี๊ยบและสายตตาเฉี่ยวอย่างร้ายกาจ พุ่งแน่วมาที่ผู้กองอังคารแล้วตวัดฉับไปมองไอ้โล้นกับไอ้แสบ น้ำเสียงเหมือนกับระฆังเงินกังวานออกมาเบา ๆ

" - คุณโมฮาหมัด กรุณาเข้าไปตรวจเช็คในห้องตรวจโรคอีกครั้ง" (หญิงสาวเรียกชื่อจริงของไอ้โล้น) " - โธ่ คุณหมอครับ...จะรักษาหรือว่าจะให้ยาผมก็กรุณาเถิดครับ...ขืนชักช้าผมตายแน่...โธ่...ยิ่งปล่อยเอาไว้นานเท่าใด ยิ่งหดแบบนี้ให้ผมฆ่าตัวตายดีกว่าครับ "

ไอ้โล้นพูดพลางกระย่องกระแย่งลงไปจากเตียงแล้วเดินตามคุณหมอรูปร่างได้ส่วนสัดไปด้วยท่าทางเหมือนคนจะใกล้ตาย...

ผู้กองอังคารมองดูส่วนหลังของคุณหมอแล้วขมวดคิ้วย่น-เหมือนกับจะคิดอะไรอยู่ในใจ ครู่หนึ่งเขาก็ยิ้มออกมาพร้อม ๆ กับพึมพำเหมือนกับจะพูดกับตัวเอง

" - ถ้าความจำของฉันไม่ผิด เธอก็คือหญิงท้องแก่ที่เดินตามหลัง ซิลเวีย-อึ้ง มาอย่างติด ๆ ที่สนามบินดอนเมืองนั่นเอง...ยอดเยี่ยมจริง ๆ น้องสาว ที่เธอสามารถปลอมแปลงร่างกายจนกระทั่งผ่านสายตาของจารชน เค.จี.บี. มาได้อย่างตลอดรอดฝั่ง "

ประตูห้องเปิดอีกครั้ง...ไอ้โล้นโผล่เข้ามาก่อนตามติด ๆด้วย คุณหมอทรงดีที่อธิบายอะไรต่ออะไรไม่ขาดปาก

" - คุณโมฮาหมัดคงจะลืมนึกถึงขนมโก๋ที่คุณเคยพบเห็นในสมรภูมิลาวมาก่อน...ตามปกติขนมโก๋เป็นอาหารสนามของทหารเวียดนามเหนือ...ขนมโก๋มีตัวยาที่สกัดความรู้สึกทางเพศผสมอยู่เกือบ ๘๐ เปอร์เซ้นต์... คุณคงจะสังเกตเห็นได้ว่าทหารเวียดนามเหนือทุกคนไม่มีความรู้สึกทางเพศทั้งชายและหญิง ตามความเห็นของหมอ ชาวญวณคงจะนำตัวยาดังกล่าวนี้เข้ามาทดลองในประเทศไทย เพื่อค้นหาข้อมูลอะไรบางสิ่งบางอย่าง... และคุณก็เลยตกเป็นเครื่องทดลองเข้าอย่างบังเอิญ...และผลจากการวิจัยเศษอาหาร หน่วยงานของเราค้นพบตัวยาสกัดความรู้สึกทางเพศแบบเดียวกับที่ผสมอยู่ในขนมโก๋ของเวียดนามเหนือไม่มีผิด...ประเดี๋ยวคุณหมอจะฉีดยาให้คุณ"

คุณหมอพูดพลางเดินเข้าไปที่กล่องอลูมิเนียม เปิดออกแล้วหยิบ " สลิงค์ " ขึ้นมาด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว

" - ฉีด... ฉีด...ฉีดแล้วมันจะยึดเหมือนอย่างเดิมหรือเปล่าครับคุณหมอ "

ไอ้โล้นถามตะกุกตะกัก เหมือนกับคนติดอ่าง เล่นเอาไอ้แสบซึ่งนอนตาแป๋วอยู่ข้าง ๆ ถึงกับหัวเราะก๊ากออกมาสุดเสียง

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11836 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2015, 07:41:21 PM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 17

คำพูดที่เหมือนกับคนติดอ่างของไอ้โล้นถึงกับทำให้คุณหมออมยิ้มออกมาด้วยความขบขัน...ขยับปากจะพูด ก็พอดีนอร์แมนเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน

"-เป็นยังไงหมอ " อาเกไนซ์ " ที่หน่วยเหนือส่งเข้ามาทดลอง...หมอฉีดให้มิสเตอร์โล้นแล้วหรือยังครับ"

นอร์แมนพูดพลางชำเลืองดูสลิงค์เปล่าที่ถืออยู่ในมือของหญิงสาวด้วยคววามเคลือบแคลงใจ

ไอ้โล้นกระโจนผึ่งลงมาจากเตียง มือทั้งสองข้างดึงกางเกงที่ยาวรุ่มร่ามให้พ้นจากพื้น ปากก็ละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน

"-ไม่ต้องฉีด...ฉีดให้ผมหรอกครับ...หมอ เล่นเอาอาเกไนซ์ มาทดลองกับผมแบบนี้ ผมว่าไม่โสภาแน่ ๆ ...ผมกับไอ้แสบรบอยู่ในลาวมาเกือบสี่ปีเต็ม ๆ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าอาเกไนซ์มันแปลว่าอะไร...นี่เห็นผมเป็นหนูตะเภาหรือยังไง...คุณหมอ ?"

ประโยคสุดท้ายไอ้โล้นหันหน้าไปต่อว่าหญิงสาวซึ่งยืนอมยิ้มอยู่อย่างอารมณ์ดี

" - คุณเข้าใจผิดค่ะ...คุณโมฮาหมัด ยาที่จะฉีดให้คุณขนานนี้ทางหน่วยเหนือสกัดออกมาจาก " อาเกไนซ์ " โดยเฉพาะเรายังไม่ได้ตั้งชื่อ ก็เลยขอยืมชื่อของอาเกไนซ์มาใช้ก่อน "

คุณหมอพูดพลางเดินไปที่ตู้ยาแล้วเปิดออก ต่อจากนั้นก็หยิบขวดยาขนาดขวด "โปรเคน" ออกมา แล้วใช้เข็มปักลงไปที่จุกยางพร้อม ๆ กับดึงสลิงค์ให้ถอยหลังกลับเพื่อดึงน้ำยาสีเขียวอ่อนลงในกระบอกสลิงค์ด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว

ไอ้โล้นหันไปขยิบตากับไอ้แสบ แล้วพยักหน้าบุ้ยปากไปที่ประตู ปากก็พูดออกไปอีกด้วยท่าทางฉุน ๆ

" อาเกไนซ์ คือตัวยาที่สกัดความรู้สึกทางเพศ...ไอ้แกวผสมในขนมโก๋..ผมกับไอ้แสบลองกินดูมาแล้ว ไม่นึกอยากสบึมส์ไปตั้งหลายอาทิตย์ หน่วยเหนือจะมีกรรมวิธียังไง ๆ ผมก็เห็นไม่ขอเสี่ยง...ไปโว้ยไอ้แสบ ปล่อยให้มันจู๋อยู่ยังงี้ดีแล้ว "

ไอ้โล้นพูดไม่ทันขาดคำ...ไอ้แสบซึ่งนอนคอยจังหวะอยู่ก่อนแล้วรีบกระโจนผึ๋งลงจากเตียง แล้ววิ่งโครมครามออกไปจากห้องอย่างขวัญเสีย ตามติด ๆ ไปด้วยเพื่อนคู่หูที่วิ่งชนนอร์แมนเซแซ่ด ๆ ไปติดข้างฝาเหมือนกับจะมีเจตนาและจงใจที่จะแกล้งชนอยู่ก่อนแล้ว

" - มายก๊อด...นี่พวกคุณเล่นเกมพิเรน ๆ อะไรกันนี่ ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ"

นอร์แมนร้องอุทานเสียงหลง...แล้วหันไปพูดกับหญิงสาวที่ยืนหัวเราะคิกคักอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

" - คุณดาหลา ตามพ่อเจ้าประคุณสองคนนั่นไปก็แล้วกัน...พยายามฉีดอาเกไนซ์ ให้กับคนทั้งสองให้ได้ ผมมีธุระส่วนตัวกับผู้กองอังคาร"

หญิงสาวเจ้าของนาม "ดาหลา" หันมาสบตากับผู้กองอังคาร ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นอยู่ตลอดเวลาเปลี่ยนเป็นเฉยเมยและเคร่งขรึม ดวงตาที่คมกริบประสานนิ่งเสมือนหนึ่งจะจ้องทะลุเข้าไปข้างในอยู่ชั่วอึดใจก็ตวัดกลับแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว...

" - ดาหลา..."ดาหลา - สุมาลิน" เพชฌฆาตรับจ้างคนที่หกในขบวนการของพวกเรา...ผู้กองลองนีกให้ดี ๆ ซิครับ...ผู้กองกับดาหลาดูเหมือนว่าจะเคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่สนามบินดอนเมือง "

นอร์แมนพูดพลางเดินเข้ามานั่งที่ขอบเตียงแล้วใช้มือข้างหนึ่งคลำที่หน้าผากของผู้กองอังคาร เมื่อมองเห็นผู้กองนิ่งไม่พูดอะไร เขาก็เลยกล่าวต่อไปอีก

"รู้สึกว่าไข้จะไม่มี...อาการขนาดนี้ผมคาดว่าไม่เกินสองอาทิตย์ ผู้กองก็คงจะออกปฏิบัติงานได้...เป็นยังไงครับ...ลักษณะท่าทางของเพชฌฆาตคนใหม่ในความรู้สึกของผู้กอง"

ผู้กองอังคารขยับตัวขึ้นมา พิงหมอน สายตามองไปที่กระเป๋าถือสีน้ำตาลของหมอดาหลาที่วางลืมอยู่บนโต๊ะแล้ว พูดออกมาอย่างไม่มีอาการลังเลใจใด ๆ ทั้งสิ้น

" - ตั้งแต่ผมเห็นแกปลอมตัวเป็นผู้หญิงท้องแก่เดินตามหลัง "ซิลเวีย-อึ้ง" ที่ห้องโดยสารขาเข้าที่ดอนเมืองแล้วผมก็เห็นไม่ต้องวิจารณ์ความสามารถอะไรของเธอต่อไปอีก...ผมกลัวอยู่อย่างเดียว...ถ้าข่าวกรองของพวกเราพลาดและหมอดาหลาเกิเป็นคนของ เค.จี.บี. ย้อนรอยเข้ามาในรังของเราละก้อ...ผมกับหัวหน้าก็คงจะเหลือแต่ชื่อกันละอีทีนี้ "

" - ความกลัวของคนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง...ผู้กอง...หมอดาหลา...เคยเป็นคนของ เค.จี.บี. มาก่อน...หมอดาหลา เคยเป็นคอมมิวนิสต์ระดับชั้นบริหาร"

นอร์แมนหยุดพูดชั่วขณะ...ผู้กองอังคารอ้าปากหวอเหมือนกับไม่เชื่อหูของตัวเอง ขยับปากจะพูดแต่นอร์แมน ยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดต่อไปอย่างยืดยาว

" - ผมรู้จักครอบครัวของหมอดาหลาดี...เมื่อหมอดาหลาอายุ 14 ปี เคยขึ้นศาลเยาวชนในคดีฆ่าคนตาย เนื่องจากอายุยังน้อย จึงถูกสั่งเข้าโรงเรียนดัดสันดาน เธอไม่มีญาติพี่น้องใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีสรณะและเครื่องยึดเหนี่ยว นอกจากวิญญาณที่ต้องดิ้นรนและขวนขวายเพื่อความอยู่รอดไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้นเอง...หมอดาหลาเกิดปมด้อยชนิดหนึ่งที่ฝั่งลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ และประกอบกับถูกครอบด้วยเพื่อนร่วมโรงเรียนดัดสันดานที่มีหัวเอียงซ้ายเข้าไปอีกด้วยอีกเธอก็เลยถลำตัวถูกเสี้ยมสอนและบ่มเสียจนเซลล์ในร่างกายดูดซึมเอาลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าไปจนอิ่มตัว...หมอดาหลา แหกโรงเรียนดัดสันดานออกมาเมื่อเข้าไปได้เพียง 8 เดือน จากสายใจของเค.จี.บี. เธอได้รับการช่วยเหลือให้ออกนอกประเทศไทยทางพรมแดนลาว แล้วจับเครื่องบินรวดเดียวถึงมอสโคว์...ต่อจากนั้น หมอดาหลาก็ได้รับการอบรมในแขนงจารกรรมอย่างแตกฉานไม่ว่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม การลอบสังหารบุคคลสำคัญที่เป็นภัยต่อ เค.จี.บี. การแทรกซึมหาข่าวกรองจากฝ่ายตรงข้าม...และในที่สุด หมอดาหลา ก็ถูกส่งเข้ามาทำงานที่เบอร์ลินตะวันตก...ผลงานชิ้นแรกของหมอดาหลาก็คือลอบขุดอุโมงค์ใต้ดิน จากเบอร์ลินตะวันออกเข้ามาพ่วงชุมสายโทรศัพท์ของหน่วยงาน ซี.ไอ.เอ. จนแผนงานของเราฉิบหายวายวอดไปตั้งหลายครั้งหลายหน...หมอดาหลาชะล่าใจข้ามพรมแดนเข้ามาในเขตยึดครองของพวกเราจึงโดนจับ ผมเป็นคนชี้แนะให้เธอเห็นสภาพที่เป็นจริงของโลกเสรีว่ามีอิสระภาพทางกายและใจผิดกับคอมมิวนิสต์อย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ชี้ให้เห็นความเหี้ยมโหดทารุณของ เค.จี.บี. มีแต่การประหัตประหารกันเองระหว่างชนชั้นปกครองที่ชิงอำนาจทางการเมือง ทรยศหักหลังลอบฆ่าแม้กระทั่งสายลับของตัวเอง สายลับ เค.จี.บี. ทุกคนถูกเสี้ยมสอนให้จับผิดซึ่งกันและกัน ทุกคนตกอยู่ในแดนสนธยาหรืออาณาจักรแห่งความกลัว ไม่มีใครวางใจใครได้อย่างสนิทมีแต่ความหวาดระแวง...ในที่สุด หมอดาหลาก็เริ่มเอนเอียงมาทางฝ่ายเรา คราวแรกเราก็ยังไม่แน่ใจในตัวเธอเท่าใดนัก...หลังจากจับตาดูพฤติการณ์ของเธออยู่เกือบ 6 เดือน ผมก็ลองเสี่ยงส่งเธอย้อนกลับเข้าไปในเขตยึดครองของรัสเซียอีกครั้ง ส่งเข้าไปท่ามกลางความวิพากษ์วิจารณ์ของหน่วยเหนือที่พร้อมจะปลดผมทันทีที่ผลงานของหมอดาหลาล้มเหลวลง... เหมือนกับโชคช่วย...แผนงานของผมสำเร็จ...หมอดาหลาลอบฆ่าบุคคลระดับหริหารของรัสเซียได้ 3 คน แล้วหนีข้ามเขตเบอร์ลินเข้ามายังเขคยึดครองของเราเป็นผมสำเร็จพร้อมด้วยเครื่องถอดรหัสอันเป็นเครื่องที่รัสเซียเพิ่งจะสร้างขึ้นมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ หมอดาหลาถูกยิงได้รับบาดเจ็บ "

" - แล้วหัวหน้าไม่กลัวว่า ทาง เค.จี.บี. จะวางแผนย้อนรอยด้วยการส่งหมอดาหลาเข้ามาทำจารกรรม "สองหน้า" กับพวกเราอีกหรือครับ...เราทำได้ เค.จี.บี. ก็น่าที่จะทำได้เช่นกัน"

ผู้กองอังคารสอดขึ้นมาด้วย เหตุผลที่น่าสนใจ

" - ครับ...ผู้กอง...คราวแรกหน่วยเหนือก็คิดเหมือนอย่างที่ผู้กองคิดไม่มีผิด...แต่หลังจากที่เรามาเช็คเครื่องถอดรหัสที่หมอดาหลาหิ้วติดมือมาจากเบอร์ลินตะวันออก เราก็เลยมีข้อพิสูจน์ว่า หมอดาหลาหนีเข้ามาหาเราด้วยจิตสำนึกของคนที่ตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวอย่างแท้จริง ถึงกระนั้นคนของเราก็ยังไม่ค่อยจะสนิทใจในตัวเธอเท่าใดนัก...ยังมีการประกบตัวและแกะรอยเธออยู่ตลอดเวลา...ในที่สุดหมอดาหลาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ เคลียร์ว่าขณะนี้เธอคือหนึ่งในองค์การสืบราชการลับของทบวง ซี.ไอ.เอ. "

" - แล้วหัวหน้าส่งเธอมาประจำอยู่ที่สิงค์โปร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็แกะรอย ซิลเวีย - อึ้ง มาติด ๆ ทำไมเธอจึงไม่รู้ว่านักร้องคนนั้นเป็นคนของ เค.จี.บี. "

ผู้กองอังคารถามขึ้นมาอีก อย่างเคลือบแคลงใจนอร์แมนอมยิ้ม พร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วพูดอย่างหน้าตาเฉย

" - ทำไมเธอจะไม่รู้...กรณี " ซิลเวีย - อึ้ง " เป็นแผนที่วางกันเอาไว้อย่างรอบคอบ...เพื่ออ่อยเหยื่อไอ้พวกนักข่าวอาหรับ...แต่พวกมันก็ไม่โง่จนเกินไปนัก กลับส่งมือสังหารระดับมหากาฬไปแทน...หมอดาหลาแกะรอย ซิลเวีย - อึ้ง ตั้งแต่ร้องเพลงอยู่ที่สิงคโปร์ " ซิลเวีย - อึ้ง " เป็นจารสตรีที่มีความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยงกับหมอดาหลาทีเดียวและรู้สึกว่าจะผ่านคอร์ดจารกรรมที่มอสโคว์รู่นเดียวกันซะด้วย...อ้อ...ผมจะขอบอกข่าวดีให้ผู้กองรู้ไว้เป็นเครื่องประดับความรู้ทางอามณ์ขณะนี้ " ซิลเวีย - อึ้ง" ถูกปล่อยออกจากโรงพักหัวหมากแล้ว ถ้ายังติดใจ ไปหาเธอได้ที่ " สีดาคลับ " ใต้ถุน " โรแยล...โฮเต็ล " โชคดี...ผู้กอง"

พอพูดจบ นอร์แมนก็พาตัวเองออกจากห้องพักฟื้นไปอย่างรวดเร็ว...

ผู้กองอังคาร ขยับตัวลงไปนอนพร้อมกับหลับตาลง...ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ ประสาทหูก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออกเบา ๆ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยเข้ามาก่อนแล้วก็ปรากฏเสียงรองเท้า เดินย่ำพื้นไปที่โต๊ะ ซึ่งวางเครื่องอุปกรณ์การแพทย์นั้น

ผู้กองอังคารค่อย ๆ หรี่มองด้านหลังหมอดาหลาซึ่งกำลังหยิบสลิงค์ดูดยาจากขวดยาชนิดหนึ่งที่สายตาของเขามองไม่ค่อยจะถนัดเท่าใดนัก

พอดูดยาเข้าสลิงค์เสร็จเธอก็หันกลับแล้วเดินตรงเข้ามาที่เตียง...ผู้กองอังคารลืมตาแป๋วคล้ายกับจะถาม หมอดาหลาเก๊กสีหน้าเครียด แต่ทว่าดวงตามีแววยิ้มจนสังเกตเห็นได้ชัด

" - ไม่ใช่อาเกไนซ์หรอกค่ะ...ยานอนหลับอย่างอ่อน ๆ ...ดิฉันจะฉีดให้กับคนช่างซักคนช่างถาม เป็นไงค่ะประวัติของดิฉันจากปากของหัวหน้านอร์แมน...หายสงสัยรึยังค่ะ...ผู้กอง ? ! ! "

ประโยคสุดท้ายหมอดาหลาย้อนถามผู้กองอังคารเสมือนหนึ่งจะล่วงรู้ข้อความที่เขากับนอร์แมนได้พูดคุยกันไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ

ผู้กองอังคารจ้องหน้าหมอดาหลาเขม็ง แล้วชำเลืองไปที่กระเป๋าสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะ ต่อจากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง แล้วมาหยุดอยู่ที่ร่างอันได้สัดส่วนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงด้วยความพินิจพิจารณาอยู่ชั่วอึดใจ ก็จ้องนิ่งอยู่ที่กระเป๋าเสื้อคลุมที่มองเห็นปากกาเสียบอยู่

" - เชิญเลยครับ...หมอ"

ผู้กองอังคาร...ยิ้ม พลางขยับแขนให้หมอดาหลาทำกริยาเหมือนกับจะให้หมอฉีดยาอยู่ในที

หมอดาหลายิ้ม...พร้อมกับกดสลิงค์ให้ตัวยาพุ่งออกนิดหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ใช้สำลีทาท้องแขนอยู่ไปมาด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว

ในจังหวะเดียวกันนั่นเอง ผู้กองอังคารก็พลิกแขนนซ้ายขึ้นโอบสะเอวของหมอดาหลา แล้วออกแรงกระชากร่างลงมาบนหน้าอกเต็มแรง จนหญิงสาวเซถลาคว่ำหน้าลงมาอย่างไม่เป็นท่า

เข็มฉีดยาหลุดกระเด็นลงไปที่พื้น พร้อม ๆ กับที่ปลายมือของผู้กองอังคารคว้าปากกาที่เสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อคลุมของหมอดาหลาติดมือมาได้อย่างพอดิบพอดี

หมอดาหลาดิ้นอึกอัก...อึกอัก พอผู้กองอังคารปล่อยมือ เธอก็ตบเปรี้ยงลงไปบนแก้มเต็มเหนี่ยว

" - เพียะ "

ผู้กองอังคาร...สะบัดหน้าไปตามแรงตบแล้วยิ้มต่อจากนั้นก็ค่อย ๆ ชูปากกาให้เธอดู ปากก็พูดต่อไปด้วยเสียงเรียบ ๆ คล้าย ๆ กับไม่ยินดียินร้ายในความฉุนเฉียวของหมอดาหลาที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความโมโหสุดขีดอยู่นั้น

" - ผมสงสัยหมอตั้งแต่ลืมกระเป๋าไว้ที่โต๊ะนั่นแล้ว...ทำไมต้องใช้วิทยุดักฟังกันด้วย ผมไม่ชอบวิธีดังกล่าวนี้...หัวหน้านอร์แมนเล่าประวัติความเป็นมาของคุณให้ผมฟัง...มันเป็นความจำเป็นเพราะคุณกับผมจะต้องร่วมงานกันตลอดไป...ผมไม่อยากจะเสี่ยงเอาคอเข้าไปติดแร้วของใครง่าย ๆ...คุณหมอดาหลา ถ้าไม่มีเครื่องวิทยุ รับ-ส่ง แบบปากกาเหมือนกับที่ผมถืออยู่นี่ ในกระเป๋าใบนั้นของคุณ...ผมยอมรับผิด...คุณจะทำอะไรผมก็ได้ยิ่งกว่าการตบหน้าผมเมื่อกี้นี้..เชิญครับ...นี่วิทยุของคุณ "

ผู้กองอังคารจบคำพูดอันยืดยาว พร้อม ๆ กับวางวิทยุปากกาลงบนเตียงข้าง ๆ ตัว หมอดาหลาเม้มปากนิ่งแล้วหันไปมองกระเป๋าที่วางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะอยู่ครู่หนึ่งก็หันกลับมามองผู้กองอังคาร...ใบหน้าที่เครียดเผยออมยิ้มออกมาเหมือนกับเด็ก ๆ ที่ทำผิดแล้วโดนจับได้...

" - ค่ะ...ผู้กอง...ถูกต้องตามที่ผู้กองพูดทุกอย่าง...ดิฉันเป็นคนใหม่ที่นี่...ดิฉันก็ต้องรอบคอบและระมัดระวังพอสมควร...ผู้กองเป็นคนรอบคอบและละเอียดที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยร่วมงานด้วยกันมา ขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันรุนแรงกับผู้กองเมื่อกี้นี้...ฉีดยาก่อนนะคะ "

หมอดาหลาพูดพลางเอื้อมมือมาหยิบปากกาวิทยุไปเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อคลุม...ต่อจากนั้นก็ก้มลงไปหยิบสลิงค์ขึ้นมาเปลี่ยนเข็มฉีด แล้วจัดแจงฉีดยาให้กับผู้กองอังคารด้วยความชำนิชำนาญ

พอถอนเข็มออก ผู้กองอังคารก็โอบร่างอันได้สัดส่วนลงแนบอก...คราวนี้หมอดาหลาไม่ขัดขืนแต่อย่างใดเธอปล่อยสลิงค์ลงกับพื้น แล้วค่อยวางแขนลงบนหน้าอกของผู้กองอังรคาร ต่อจากนั้นก็ใช้คางวางทับลงบนแขน ดวงตาที่คมกริบจ้องประสานอยู่เอื้อมเสมือนหนึ่งจะท้าทายอยู่ในที...

" - ไม่น่าเชื่อ...ผมฟังประวัติของหมอจากหัวหน้าแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงหน้าตาสวย ๆ แบบนี้จะมีจิตใจเข้มแข็งถึงขนาดนั้น...นี่รึมือที่เคยห้ำหั่นชีวิตมนุษย์มาแล้วอย่างเหลือคณานับ...ไม่น่าเชื่อจริง ๆ "

ผู้กองอังคารพูดพลางเอื้อมมือหยิบนิ้วมือที่อ่อนนุ่มขึ้นมากำเอาไว้ด้วยท่าทางเผลอไผล

หมอดาหลาหลบตาผู้กองอังคารแล้วซุกหน้าลงกับหน้าอกด้วยความอุทธัจ...ผู้กองอังคารคลายมือที่กำมือหมอดาหลาออกแล้วยกขึ้นมาจับคางพลิกหน้าหมอดาหลาขึ้น พอขยับหน้าลงไปจะจูบ สติสัมปชัญญะก็หลุดลอยออกจากร่างเนื่องจากอำนาจของยานอนหลับ นอนคอพับอยู่ในลักษณะโอบกอดนั่นเอง

หมอดาหลาขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วจัดหมอนให้ผู้กองอังคารหนุน สายตที่มองดวงหน้าของผู้กองใจเพชรแวววาวเหมือนกับต้องมนต์สะกด เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ก้มลงจุมพิตริมฝีปากที่มีคราบโลหิตเนื่องจากแรงตบของน้ำมือตัวเอง แล้วพึมพำออกมาเหมือนกับจะให้ร่างที่นอนสลบไสลอยู่นั้นรับรู้ด้วย

" - ฉัยทำร้ายเธอด้วยมือของฉัน...คราบโลหิตที่ทะลักออกมาเป็นสาย เหมือนกับวิญญาณของฉันโดนฉุดกระชากลงขุมนรก อังคารที่รัก...ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นรูปของเธอที่สิงคโปร์ ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงสารเลวที่เปิดหัวใจให้ผู้ชายรู้...ฉันช็ดคราบโลหิตให้เธอแล้ว...อังคาร...เช็ดด้วยรอยจุมพิตจากหญิงที่เพิ่งจะพบกับความรักเป็นครั้งแรก "

หมอดาหลาก้มลงจุมพิตผู้กองอังคารอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าสีน้ำตาล ต่อจากนั้นก็พาตัวเองออกไปจากห้องพักฟื้นอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องตรวจสอบแผนกศพอาบยาขององค์การ ซี.ไอ.เอ...ซึ่งตั้งอยู่ทางปีกขวาของห้องใต้ดินบริเวณสถานทูตชาติมหาอำนาจแห่งหนึ่งในย่านถนนวิทยุ

ท่อนแขนซ้ายซึ่งโดนของมีคมตัดขาด แค่ข้อศอกวางอยู่บนแผ่นพลาสติคซึ่งปูทับผ้าปูโต๊ะที่ขาวสะอาดอยู่ท่ามกลางแสงฟลูออนริเซ่นอันสว่างไสวอยู่เหนือโต๊ะดังกล่าวนั้น

ท่อนแขนซ้ายดังกล่าวถูกแช่เย็นจนดูขาวซีดเหมือนกับขาหมูไม่มีผิด...รอบ ๆ โต๊ะมีนายแพทย์ชาวต่างประเทศที่ไม่ทราบสัญชาติที่แน่นอนสองคนยืนจ้องมองหมายเลข "174" ซึ่งสักอยู่บนท้องแขนที่ขาดแค่ข้อศอกด้วยท่าทางสนใจ

" - หัวหน้านอร์แมนสั่งให้ผ่าตัดรอยสัก "174" เพื่อค้นหา "ของที่อาจจะซ่อนอยู่ข้างในเราจะเริ่มด้านไหนก่อนดี...เบอร์นาด "

ชาวต่างประเทศที่รูปร่างสูงใหญ่ กล่าวขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงแปร่ง ๆ...

" - ก็แซะมันลงไปบริเวณใต้รอยสักนั่นเลย ผมคิดว่าบริเวณอื่นคงไม่มีแน่...ว่าแต่ว่า...แขนนี่เป็นของใครกันช่วงสั้นแบบนี้ผมคิดว่าเป็นคนทางเอเชียแน่ ๆ รึคุณว่ายังไงเบอรูตี้ "

ชาวต่างประเทศรูปร่างล่ำปึ๊กกล่าวออกมาพร้อมกับใช้ถุงยางซึ่งสวมอยู่ในมือ พลิกท่อนแขนสำรวจไปมาด้วยความสนใจ

" - เป็นแขนทหารเวียดนามเหนือ...หน่วยงานของเราตัดเอามาจากการต่อสู้ที่หัวหมากลงมือกันเลย...พรรคพวก "

นายแพทย์เบอร์นาด..ใช้มีดชำแหละรอยสักหมายเลข "174" อย่างระมัดระวังอยู่ ชั่วอึดใจก็คีบแผ่นโลหะบาง ๆ ออกมาวางบนจานอลูมิเนียมที่วางอยู่บนโต๊ะ

" - เจอะแล้ว ไมโครฟิล์ม บรรจุในกล่องแบนเรียบขนาดแสตป์...คุณเอา "ของ" ไปให้หัวหน้าก็แล้วกันแล้วก็ขอคำสั่งเรื่องท่อนแขนนี้ด้วย จะให้ทำลายหรือว่าแชร์เย็นเอาไว้อย่างเดิม"

นายแพทย์เบอร์รูดี้ ไม่พูดว่าอะไร เขาถือแผ่นไมรโครฟิล์ม เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางรีบร้อน

" - ผมตรวจดูแผ่นไมโครฟิล์มแผ่นนี้แล้วชอบกลผู้กอง...ไม่มีข่าวอะไรเหมือนกับแผ่นที่แล้ว ๆ มา นอกจากข่าวสอบถามถึงจำนวนข้าวสารที่อยู่ในโกดัง "ย่งเส็ง" ถนนเดชอุดม หนองไผ่ล้อมจังหวัดนครราชสีมา เท่านั้นมันชักจะยังไง ๆ อยู่นาผู้กอง "

นอร์แมนพูดพลางยื่นข่าวที่ขยายจากแผ่นไมโครฟิล์มให้ผู้กองอังคาร ซึ่งครึ่งนั่งครึ่งนอน อยู่บนโซฟาร์ภายในห้องพักผ่อนขององค์การ ซี.ไอ.เอ.

" - หนองไผ่ล้อม...โคราช...บ้านเกิดของดิฉันเอง "

หมอดาหลา ซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้าม ทำตาโต พึมพำออกมาด้วยท่าทางดีใจ สายตาที่มองกระดาษเขียนข่าวมีท่าทีตื่นเต้นจนสังเกตเห็นได้ชัด

ผู้กองอังคารยื่นกระดาษเขียนข่าวส่งต่อให้ดาหลาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง

" - คุณดาหลาอยู่โคราช คงจะสันทัดภูมิประเทศแถบนั้นดี...เอาเลยครับ "

"...นานเหลือเกิน...ผู้กอง...ดิฉันเกิดที่นั่นก็จริง แต่ทว่ามันตั้งสิบกว่าปีแล้วที่ดิฉันไม่ได้กลับบ้าน แต่ชื่อโกดังย่งเส็งนี่รู้สึกว่าจะคุ้นหูเหลือเกิน...ถ้าจำไม่ผิดมันตั้งอยู่ในซอยทองหล่อข้าง ๆ สนามบินพาณิชย์แน่ ๆ...บางที่...บางที่นะคะ พวกเราอาจจะได้อะไรจากที่นั่นไม่มากก็น้อย"

ดาหลาพูดพลางเหม่อมองไปทางเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด

" - แล้วรูปถ่ายที่ผู้กองยึดได้จากเรือนคนใช้ที่สถานีที่ 10 ในซอยข้างโรงงานโคล่า...ว่าไง"

นอร์แมนย้อนถามขึ้นอีกอย่างเอาการเอางาน

" - เปียกปอนหมดอีตอนผมโดนยิงตกลงไปในน้ำ...มันเป็นรูปข้าราชการสำคัญ ๆ ในจังหวัดนครราชสีมาที่ถูกแอบถ่ายในระยะไกล ๆ ด้วยกล้องติดซูม คนถ่ายเป็นชาวญวนอพยพชื่อ "ถิ่น-ฟง-วัน" ดีครับ...ไปโคราชคราวนี้ผมจะได้คิดบัญชีกับมันเสียเลย...จากข่าวกรองของเราครั้งล่าสุดรู้สึกว่าขบวนการ "แซปเปอร์" ของเวียดนามเหนือลักลอบเข้ามาชุมนุมอยู่ที่โคราชมิใช่น้อย โดยได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากพ่อค้าชาวญวนหลายสิบคนในจังหวัดนครราชสีมา...สายของเราคนนึงเพึ่งจะโดนเก็บที่สถานีจีระ "เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว" เนื่องจากแกะรอยไอ้ช่างภาพเจ้าเล่ห์ดังกล่าวนี้ไป โอเคครับ ตามล่ามันให้ถึงถิ่นเลยที่เดียว...ถ้ารีดข่าวจากช่างภาพญวนคนนั้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกขณะ นี่ก็เหลืออีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดที่เวียดนามเหนือจะมาส่งอาวุธที่ทุ่งหมาหอนแล้ว...ผมว่าทิ้งงานทางกรุงเทพ ฯ นี่เอาไว้ก่อนดีกว่าครับ...หัวหน้า"

ผู้กองอังคารเสนอแนะขึ้นมาด้วยเหตุผลที่น่าเลื่อมใส...และเมื่อได้พิจารณากันอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนก็วางเป้าหมายพุ่งเข้าหาโกดัง "ย่งเส็ง" และช่างภาพชาวญวน เพื่อหาข่าวกรองมุ่งเข้าใจกลางสายใยขององค์การ เค.จี.บี. ต่อไป

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11837 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2015, 08:39:01 AM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 18

" - เชิญครับ ท่านพ่อแม่พี่น้องชาวโคราชที่เคารพรักทั้งหลาย เชิญเร่เข้ามาดูการแสดงที่น่าระทึกใจที่สุดในรอบปี...นานทีปีหนที่คณะของผมจะแวะผ่านเมืองโคราช เชิญครับ...สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา การแสดงจะเริ่มขึ้นแล้ว ณ บัดนี้ "

เสียงเครื่องขยายดังลั่น พร้อม ๆ กับมีเสียงฉาบและกลองตีสลับกันอย่างหูดับตับไหม้ ทำให้ประชาชนที่สัญจรอยู่ตามถนนหยุดมองดูด้วยความสนใจแล้วค่อย ๆ เกร่เข้ามาล้อมคณะแสดงอนาถา ซึ่งมีผู้ร่วมแสดงอยู่เพียง 3 คนเท่านั้นเอง...

สามล้อซึ่งจอดเป็นตับอยู่ใต้ร่มไม้หน้าศาลากลางจังหวัดพยักพะเยิดให้กันด้วยท่าทางยิ้มหัว แล้วทยอยเข้าไปล้อมวง ทำให้จำนวนคนดูมองดูหนาตาขึ้นอย่างทันตาเห็น...

ชายรูปร่างเตี้นสวมกางเกงขาสั้นบลูยีนส์กระดำกระด่าง ใส่รองเท้าแตะฟองน้ำ ใบหูข้างซ้ายห้อยตุ้มหูรูปร่างพิสดารเป็นห่วงวงกลมขนาดใหญ่ แถมที่ปลายห่วงล่างสุดก็ยังมีระฆังเล็ก ๆ ห้อยติดอยู่อีกหนึ่งอัน เวลาเดินเสียงระฆังดังกุ๊งกิ๊ง ๆ ตลอดเวลา

เครื่องขยายถูกเร่งเสียจนสุด ชายร่างเตี้ยถือไมค์ ฯ ลากสายลำโพงไปยืนตะเบ็งเสียงอยู่กลางวงด้วยคำพูดที่ออกสำเนียงแปร่ง ๆ คล้ายคนอินเดียเพิ่งจะหัดพูดไทย

" - งูดินกินงูเห่า...ไข่เต่ากินมันดี อีกสิบนาที...พวกพ่อแม่พี่น้องจะได้ดูงูเห่าสู้กับพังพอน...ตื่นเต้นระทึกใจ...เฮ้ย ไอ้ยูซุป เอ็งลากกล่องใส่งูมากลางวงเดี๋ยวนี้ "

ประโยคสุดท้าย ชายร่างเตี้ยหันไปกำชับพรรคพวกร่วมทีม ซึ่งกำลังสาละวนจัดอุปกรณ์การเล่นกลง่วนอยู่ใกล้ ๆ เครื่องขยายเสียง ด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง

" - งูเห่ายังนอนไม่ตื่น...พี่หมุด เมื่อคืนมันหนีไปเที่ยวอาบอบนวดดึกไปหน่อย...รออีกซักเดี๋ยวเป็นยังไงพี่ ! "

ลูกเล่นของยูซุปเล่นเอาประชาชนที่ล้อมวงดูอยู่พากันฮาออกมาครืนใหญ่ด้วยความขบขัน

" - ขออภัยครับ...ขออภัย ไอ้งูเห่าชีกอของผมยังนอนไม่ตื่น ขอเวลาซักสี่ห้านาทีแล้วท่านพ่อแม่พี่น้องจะได้ชมการต่อสู้ระดับโลกที่เหนือกว่า โมฮำหมัด อาลี กับ โจ ฟราเซียเลยที่เดียว...ในช่วงเวลาที่ว่าง กระผมใคร่จะขอประชาสัมพันธ์ถึงความมหัศจรรย์ของยาตำรับพิเศษจากประเทศอินเดียให้พ่อแม่พี่น้องฟัง "

บังหมุดหยุดพูดชั่วขณะ แล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องขยายเสียงซึ่งมีขวดโหลขนาดใหญ่บรรจุน้ำอยู่เกือบเต็มวางอยู่...เขาหยิบกล่องเล็ก ๆ ขึ้นมาจากถุงทะเลที่อยู่ใต้ใต๊แล้วเปิดออกหยิบวัตถุสีแดงคล้ำก้อนกลม ๆ ขนาดเท่ากับเม็ดสมอออกชูขึ้นเหนือศีรษะ มือข้างที่ถือไมโครโฟนก็พูดออกมาอย่างน้ำไหลไฟดับ

" - พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ โดยเฉพาะท่านชายที่ผมห่วงเป็นพิเศษ...ขณะนี้ผมมีข่าวร้ายที่จะแจ้งให้พวกท่านทราบไม่ใช่เรื่องโกหกพกลมที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์บางสิ่งบางอย่าง...มันเป็นเรื่องจริง...เรื่องจริงที่ก่อความหวาดผวาไปหมดทั้งโลก...ผมไม่อยากจะนำมากล่าวในที่นี้เลยจริง ๆ...มันน่ากลัวและน่าวิตก "

" บังหมุด " หยุดพูด แล้วเดินไปหยิบแก้วน้ำที่โต๊ะยกขึ้นดื่มช้า ๆ เหมือนกับจะเจตนายั่วยุให้ประชาชนที่ล้อมวงฟังอยู่รอบ ๆ เกิดความกระหายอยากจะรู้เรื่องต่อไปอยู่ในที

" - ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าต้องพูด...ขณะนี้โรค จู๋ ได้เดินทางมาถึงเมืองโคราชเรียบร้อยแล้ว ! "

ประโยคสุดท้าย " บังหมุด " ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วชำเลืองไปรอบ ๆ ด้านอย่างพินิจพิจารณา

บังหมุดยิ้มกับตัวเอง เมื่อมองเห็นประชาชนทุกคนนนิ่งตะลึงไปด้วยความตื่นเต้นต่อข่าวใหม่เอี่ยมอ่องที่เพิ่งจะได้รับฟังอย่างสด ๆ ร้อน ๆ จากนักต้มระดับชาติเช่นเขา...

" - ขณะนี้ โรค จู๋ ได้ระบาดไปเกือบจะทุกภูมิภาคของประเทศไทศ เช่น หนองคาย,...อุดร,..สกลนคร,...นครพนม,...ขอนแก่น,...และแหล่งสุดท้ายอันเป็นประตูหน้าด่านก่อนเข้าสู้ภาคกลางก็คือ จังหวัดนครราชสีมาอันเป็นเมืองใหญ่โตที่สุดในภาคอีสานนี้ ประชาชนทุกคนโดนยาที่ฉีดหรือโรยลงไปในอาหารทุกชนิดแล้ว จะบังเกิดอาการปวดแถวช่องท้องและที่อวัยวะเพศ...ต่อจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงอวัยวะเพศจะหดลง หดลงขนาดที่สามารถจะเอาวัตถุชนิดใดชนิดหนึ่งวางทับบนเครื่องเพศโดยที่บริเวณปลายสุดของเครื่องเพศไม่ได้สัมผัสกับวัตถุนั้นแต่อย่างใดหรือจะพูดให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ก็คือ ตัวอวัยวะเครื่งเพศถูงดึงผลุบหายเข้าไปในช่องท้องนั่นเอง...ขณะนี้ยังไม่มีหมอหลวงคนใดรักษาโรคจู๋นี้ได้...ผมขอย้ำอีกครั้งขณะนี้ยังไม่มีหมอหลวงคนใดรักษาโรคจู๋ แม้กระทั่งในวงการแพทย์ทั่วโลกก็ได้วิพากษ์วิจารณ์โรคจู๋ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยกันอย่างอึกทึกครึกโครม ผมขอบอกกับท่านพ่อแม่พี่น้องอีกครั้ง...โรคจู๋นี้มีมานานนมแล้ว...ครั้งแรกเกิดในประเทศเวียดนามใต้ พวกญวนแดงได้ตัวยามาจากรัสเซีย แล้วเริ่มนำออกมาทดลองอย่างลับ ๆ...ผลการทดลองประสบความสำเร็จ ข้าราชการในเมืองไซง่อนจู๋กันเป็นแถว...ทุกคนต่างเรียกโรคชนิดนี้ว่าโรค "ดอกไม้หลับ" หรือ "บุปผาหุบ" แต่จากแฟ้มสืบราชการลับของอเมริกาแจ้งว่า แท้ที่จริงโรคจู๋นี้เกิดจากสารเคมีชนิดหนึ่งที่รัสเซียหวังจะใช้เป็นอาวุธลับในสงครามเวียดนาม มันเป็นเชื้อโรคประเภทไวรัส...รัสเซียวางแผนจะโปรยเชื้อไวรัสนี้ในสงครามเวียดนาม แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะพวกญวนเหนือกลัวจะโดนเชื้อไวรัสสูญพันธ์หมดทั้งประเทศ ก็เลยแอบขโมยเชื้อดังกล่าวนี้ซุกซ่อนเอาไว้เสียก่อน...พอสงครามสงบ ญวนเหนือก็ลอบส่งคนเข้ามาทดลองใช้ยาดังกล่าวนี้ในประเทศไทย ดังที่พวกเราได้สดับรับฟังอยู่ในขณะนี้...พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ ผมเป็นห่วงจริง ๆ...เป็นห่วงว่าพวกท่านบางคนอาจจะเผอเรอรับเชื้อไวรัสเข้าไปอย่างไม่รู้สึกตัว...แต่...พวกท่านไม่ต้องวิตกขณะนี้ท่านฤษี " โกฑัญญะ " แห่งประเทศอินเดีย ได้คิดค้นยาทำลายไวรัสได้เป็นผลสำเร็จแล้ว ท่านฤษี " โกฑัญญะ " ใช้สูตรพิเศษจากเลือดและสมุนไพรบางชนิดนำมาผสมกัน...และนี่คือตัวยาที่แสนจะมหัศจรรย์นั้น..."

บังหมุด หยุดพูด แล้วหยิบวัตถุสีแดงคล้ำที่มีขนาดเท่ากับเม็ดสมอหย่อนลงไปในขวดโหล พร้อมกับพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงห้าวลึกเหมือนกับเสียงพ่อมด

" - ของจริงจะมีสายเลือดพุ่งออกมาจากก้อนยาเป็นสาย...ดู...ทุกคนดู....เห็นหรือยัง...นี่คือ เลือด....เลือด ที่ไหลออกจากยาอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านฤษีโกฑัญญะ"

" บังหมุด " พูดยังไม่ทันจบ " ยูซุป " ก็ตีฉาบขัดจังหวะขึ้นมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เล่นเอาลูกพี่ซึ่งกำลังฝอยเป็นต่อยหอยอยู่นั่นสะดุ้งเฮือกหันไปด่าออกมาดัง ๆ

" - ไอ้หอก...โครสั่งให้มึงตีวะประเดี๋ยว โดนถีบหรอกมึง "

ยูซุปตีหน้าแหย รีบวางฉาบลงกับพื้นแล้วแกล้งเดินไปพยักพะเยิดให้ลูกน้องอีกคนช่วยลากกรงพังพอนซึ่งวางอยู่อีกด้านหนึ่งให้เข้ามากลางวง

บังหมุดหันไปชี้ให้ประชาชนทุกคนมองดูก้อนยาซึ่งลอยอยู่เหนือน้ำ ซึ่งขณะนี้บังเกิดสายเลือดพุ่งออกมาแล้วผ่านสายน้ำลงไปก้นโหล มองเห็นเป็นสายอย่างถนัดชัดเจน

" - นี่คือยามหัศจรรย์ที่แก้โรคจู๋ได้ผลที่สุดในปัจจุบัน...ทางสถานทูตได้ให้ผมมาเผยแพร่กับพี่น้องชาวโคราชในราคาต้นทุน...ตามปกติเราจะขายก้อนละ 10 บาท แต่ครั้งนี้เป็นการเผยแพร่กิตติคุณของท่านฤษี " โกฑัญญะ " พวกผมคิดเพียงก้อนละห้าบาทเท่านั้น ผมจะไม่พูดอะไรมากเพราะเวลามีน้อย...เชิญครับ...ของเรามีจำกัด ใครซื้อก่อนก็ได้ก่อน...เห็นไหมครับ...แม้กระทั่งหมอสอนศาสนาชาวต่างประเทศก็ยังสนใจในยามหัศจรรย์อันศักดิ์สิทธิ์ของผม "

ประโยคสุดท้าย บังหมุดพูดพลางมองไปที่ชาวต่างประเทศรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งเข้ามายืนอยู่กลางกลุ่มประชาชนตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่ทันสังเกตเห็น

หมอสอนศาสนาดังกล่าวก็คือ "นอร์แมน" หัวหน้าข่าวกรองของค่ายรามสูรนั่นเอง...ศีรษะที่ล้านครึ่งกบาลถูกวิกสวมคลุมทับลงไปจนมองดูเหมือนกับฮิปปี้ไม่มีผิด

นอร์แมนล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม แล้วหยิบธนบัตรใบละห้าดอลลาร์ขึ้นมา ต่อจากนั้นก็แหวกฝูงชนซึ่งเบียดเสียดเยียดยัดแย่งกันซื้อยาจาก " ยูซุป " เข้ามาหาบังหมุดพร้อมเอ่ยขึ้นเบา ๆ

" - ขอยาผม 2 ก้อน...นี่เงิน...แล้วห่อให้ผมด้วย"

บังหมุดสะดุ้งเฮือกขึ้นสุดตัว สายตาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของนอร์แมนแล้วชำเลืองไปที่ศีรษะ ต่อจากนั้นก็เหลือบดูชุดสอนศาสนาเหมือนกับไม่เชื่อสายตาของตัวเองริมฝีปากที่เผยอขยับจะพูด แต่ก็ถูกสายตาที่มีแววบังคับของนอร์แมนตรึงเอาไว้เสียก่อน

" - นี่เงิน...ไม่ต้องทอน...ขอบใจมาก"

นอร์แมนส่งเงินให้ พร้อมกับกำชับไม่ให้ทอนเงินต่อจากนั้นก็รับห่อยาพาตัวเองเดินออกไปจากสนามหญ้าหน้าศาลากลางเมืองโคราชอย่างรวดเร็ว

บังหมุดกำเงินดอลลาร์แน่น ริมฝีปากที่ถูกเย็บแน่นสนิทพึมพำออกมาเหมือนกับจะพูดกับตัวเองเบา ๆ

" - หนีไม่พ้นซักทีซีน่า...ไอ้ห่า กูอุตสาห์มาหาแดกทางหลอกต้มถึงเมืองโคราชนี่ เจ้าพ่อ ซี.ไอ.เอ. ก็ยังตามมารังควานกูอีกจนได้...พอ...พอ...ไอ้ยูซุป...พอแล้ว...ไม่เขยไม่ขายมันหรอกโว้ย...มึงกับไอ้เด๊ดแบ่งเงินกันแล้วก็กลับโก-ลคคืนนี้เลย...กูมีงาน"

ประโยคสุดท้าย บังหมุดหันไปสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว แล้วเดินแหวกฝูงชนออกไปอย่างรวดเร็ว...

ห้านาทีต่อมา บังหมุดก็นั่งสามล้อมาถึงโรงแรมโพธิทอง ซึ่งตั้งอยู่สี่แยกหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ตรงมุมสวนรักพอดิบพดี เขาจ้ำพรวด ๆ ขึ้นไปบนโรงแรมโดนไม่สนใจต่อเสียงทักทายของบ๋อยโรงแรม ซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเนื่องจากคณะเล่นกลของเขามาพักเป็นประจำ

พอแหย่ลูกกุญแจเข้าที่ลูกบิดประตู บังหมุดก็หยุดชะงัก สายตาที่มองดูกุญแจลูกบิดมีอาการเคลือบแคลงใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อย ๆ ล้วงมมือไปในกระเป๋ากางเกงขาสั้นหยิบ "คิงส์คอบร่า" แบบสองนัด (ปืนไฟแช็ก) ขึ้นมาง้างไก ต่อจากนั้นก็บรรจงถอดตุ้มหูออกมาถือเอาไว้ในมืออย่างระมัดระวัง แล้วไขกุญแจเปิดประตูผลัวะออก พร้อม ๆ กับโยนตุ้มหูซึ่งมีระฆังขนาดเล็กห้อยอยู่เข้าไปข้างในเต็มแรงห่วงตุ้มหูกระทบพื้นเสียงระฆังกระทบดังกุ๊งกิ๊ง ๆ พร้อม ๆ กับมีเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่ดังลั่นอยู่ในห้อง

" - เข้ามา...ไอ้หมุด...ประสาทกินรึไงเพื่อนกู...ไอ้ห่ เสือกโยนไอ้ห่วงบ้า ๆ นี่เข้ามาได้...คราวแรกกูนึกว่าอาวุธลับของหวังหยู่ซะอีก มึงนี่น่ากลัวจะดูหนังจีนเอามาก ๆ ...เฮ้ย เข้ามาซิวะ นี่กูไอ้โล้นกับไอ้แสบ รอมึงเกือบชั่วโมงแล้วโว้ย "

บังหมุดอ้าปากหวอ ทำกริยาเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองแล้วถลันพรวดเข้ามาในห้องปากก็ละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน

" - มึง...ไอ้เห้...โล้น...ไอ้เหี้...แสบ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเค้าลงข่าวว่ามึงแหกคุกแล้วตกลงไปตายในแม่น้ำเจ้าพระยา...พวกมึงรอดมาได้ยังไงกันวะนี่...ฉิบหายเมื่อกี้นี้ถ้ามึงไม่ให้สัญญาณก่อนกูซดมึงแน่"

" - ทำไมมึงรู้ว่ากูอยู่ในห้อง "

ไอ้แสบซึ่งนอนแทะแอปเปิ้ลอยู่บนเตียงเอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างเคลือบแคลงใจ

" - ก็กูเอายาหม่องอุดรูกุญแจไว้ก่อนนิ่หว่า...พอจะไขกุญแจเห็นรูกุญแจโบ๋ออกแบบนั้นกูก็รู้ได้ทันทีว่าห้องของกูโดนไขกุญแจก่อนแล้ว...เฮ้ย เมื่อกี้นี้หัวหน้านอร์แมนเจอะกูที่หน้าศาลากลางโน่น "

บังหมุดเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วลดเสียงลงกระซิบกระซาบเบา ๆ ...

" - ตามสบายไอ้หมุดห้องข้าง ๆ ห้องมึงกูเคลียร์หมดแล้ว พวกกูแกะรอยมึงตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่มีโอกาสไอ้กร๊วกนี่ ตั้งแต่กลับจากเมืองลาวมึงก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม...ยังหลอกต้มชาวบ้านเขาแดกอยู่เรื่อยนะมึงนะ"

ไอ้โล้นพูดพลางเดินออกไปเปิดหน้าต่างด้านที่ติดกับถนนแล้วมองลงไปในบริเวณสวนรัก ปากก็พูดต่อไปอีกอย่างเอาการเอางาน

" - เงินดี...งานเสี่ยง...ก่อนอื่น ไอ้หมุดกูขอแบะหัวใจถามมึงอีกนิด...สมมติว่าขณะนี้มีอเมริกันกับรัสเซียและไทยจ้างให้มึงทำงานชิ้นหนึ่ง"

"ค่าจ้างเท่าไรวะไอ้โล้น ? "

บังหมุดเอ่ยขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

" - อเมริกัน หนึ่งล้านบาท...รุสเซียสองล้านบาทไทยห้าแสนบาท มึงจะทำงานให้ใคร ? "

ไอ้โล้นพูดพลางเดินกลับมานั่งบนขอบเตียง

บังหมุดสบตาไอ้โล้นแว่บหนึ่ง แล้วหันไปมองดูไอ้แสบ ต่อจากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า จัดแต่งเปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดเล่นกลออก ปากก็พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

" - กูรู้...ไอ้โล้น...ว่ามึงจะพูดอะไรกับกู กูเดาทุกสิ่งทุกอย่างทะลุปรุโปร่งเมื่อเจอะกับหัวหน้านอร์แมนเมื่อกี้นี้แล้ว...แบ็คกราวนด์ของกูมันจะเลวชาติขนาดไหน ? แต่สิ่งหนึ่งที่กูไม่เคยประพฤติและไม่คิดที่จะกระทำก็คือการขายชาติ...กูเป็นไทยอิสลาม...กูรักผืนแผ่นดินไทยที่ให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวของกู ขอให้มึงนอนใจได้ไอ้โล้น ไหน ๆ มึงจะแบะหัวใจออกมาก็พูดออกมาตรง ๆ อย่าอ้อมค้อมมึงมีงาน...ถ้าเงินดี...กูสน...แต่ถ้างานของมึงเกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติไทย และงานนั้นบ่อนทำลายชาติไทยหัวเด็ดตีนขาดกูไม่เอา...แล้วพร้อมกับขอเชิญพวกมึงเสด็จออกไปจากห้องของกูด้วย"

ไอ้โล้นหันไปยิ้มกับไอ้แสบแล้วหันกลับมาพูดกับบังหมุดต่อไปอีก

" - งานของ ซี.ไอ.เอ. และเกี่ยวกับความปลอดภัยของชาติไทย...ขณะนี้จารชนของญวนเหนือเต็มเมืองโคราชไปหมดแล้ว ไอ้หมุด กูรู้ว่ามึงชำนาญ และทะลุปรุโปร่งในภูมิภาคแถบนี้ หน่วยเหนือต้องการคนมีฝีมือหยั่งมึง "

" - ก็ไอ้งานฆ่าคนเหมือนอย่างเดิมนั่นแหละว้า...กูหนีไม่พ้นซักที นิสัยคนไทยลืมง่ายจะตายไป ไอ้โล้นเมื่อตอนญี่ปุ่นบุกไทยมึงจำได้มั้ย ก่อนญี่ปุ่นบุก พวกทหารญี่ปุ่นทยอยเข้ามาในประเทศไทยแล้วสวมรอยอยู่ในคราบของพ่อค้าหน้าซื่อ ๆ วันหนึ่ง ๆ ก็ตระเวนไปตามเขตหวงห้ามของทางราชการเพื่อแสวงหาข่าวกรองและถ่ายรูปสถานที่สำคัญส่งไปให้หน่วยข่าวกรองของประเทศญี่ปุ่น พอถึงกำหนดเข้าตีประเทศไทย...พวกพ่อค้าญี่ปุ่นเหล่านั้นก็สลัดคราบพ่อค้าออก แต่งทหารกันพรึ่บพรั่บ เอาอาบซามูไรเชือดคอหอยพวกเราเป็นศพไปมิใช่น้อย...คราวนี้ก็อีกเช่นกัน...คนไทยลืมง่าย...มึงคอยดู ไอ้โล้น พอญวนเหนือเหิมเกริมบุกประเทศไทยเมื่อไหร่...ไอ้พวกพ่อค้าชาวญวนที่อยู่ในประเทศไทยมันจะต้องแต่งเครื่องแบบทหารกระซวกพวกเราป่นไปเท่านั้น...นี่คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่เวียดนามเหนือหน่วงเหนี่ยวการส่งตัวพวกญวนอพยพกลับถิ่นเดิมของมัน มันจะถ่วงเอาไว้เป็นไส้ศึก กูว่าอีกไม่นานเกินรอ พวกมันข้ามโขงบุกเข้ามาแน่ ๆ เอากันอย่างง่าย ๆ... ไอ้พวกศูนย์จัญไรที่หนีเข้ามาฝั่งโน้นขณะนี้ถูก " วางแผน " ให้หนีข้ามกลับเข้ามาฝั่งไทยในลักษณะเห็นผิดเป็นชอบ...คนไทยให้อภัยเสมอ...โอ๋กันใหญ่...ยังไม่เข็ด...ถ้าเป็นกู...กูจะหั่นคอไอ้พวกเดรัจฉานเหล่านี้ให้เกลี้ยงแผ่นดิน...ถ้ามึงพอที่จะมีอำนาจพูดกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลขอให้มึงช่วยแนะนำด้วยว่า พวกศูนย์จัญไรที่หนีกลับมายังไทยคือ " ดาบสองคม " ...จารชนสองหน้าหรือหมาสองร่าง...ใครใหญ่-ใครชนนะ กูเอาด้วย...ใครล้ม ใครแพ้...กูเหยียบซ้ำ...กูอาจจะเพ้อเจ้อไปหน่อยโว้ยเพื่อนฝูง แต่มันช่วยไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องจริง "

บังหมุดจบคำพูดอันยืดยาวลงดัวยท่าทางเหมือนกับจะมีความกดดันบางสิ่งบางอย่างอยู่ในจิตใจ...ไอ้โล้นซึ่งนั่งขรึมฟังสหายร่วมสงครามพูดถึงกับอ้าปากหวอด้วยความตื่นเต้นสุดขีด

" - ไอ้หมุด...มึงรู้มากเกินไปซะแล้ว...มึงได้ข่าวบ้า ๆ แบบนี้มาจากไหนกันวะ ขนาดกูใกล้ชิดกับหัวหน้าข่าวกรองของค่ายรามสูรอันเป็นค่ายที่ดักฟังข่าวกรองของประเทศต่าง ๆ ในแหลมอินโดจีนทั้งหมด กูก็ยังไม่รู้ดีเท่ากับมึง "

ไอ้โล้นตีหน้าตายหยั่งเชิงเหมือนกับจะ "ล้วง" ข่าวกรองตามวิธีของ "การหาข่าว" ต่อไปอีก

" - มึงมันพวกอึ่งในกระลาครอบ มีแต่เครื่องอีเล็คโทรนิค นั่งกระดิกหัวแม่ตีนแอบฟังวิทยุเค้า...กูเล่นของจริงโว้ย...ไอ้โล้น...กูข้ามไปเล่นกลถึงเวียงจันทร์โน่น คนสองสัญชาติหยั่งกูไปไหนก็สบายไปแปดอย่าง...ขอบอกให้มึงรู้สำนึกเอาไว้...ในขณะที่ลาวออกข่าวว่าขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง...ในตอนกลางวันก็เปิดเผยให้เห็นภาพการเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อรับปั่นส่วนน้ำมันตามปั้มนั้น...มึงอย่าไปเชื่อ นั่นคือกลลวง...กูเห็นด้วยตามาแล้ว พอตกตอนกลางคืนรถบรรทุกน้ำมันจากจีนแดงวิ่งผ่านเส้นทางโฮจิมินห์เข้าหาเมืองเวียงจันทร์นับเป็นพัน ๆ คัน...ขณะนี้ ลาว, เวียดนาม, สะสมน้ำมันและอาวุธขนานใหญ่ ปืนใหญ่ขนาด 130 มม. ซึ่งยิงไกลกว่าปืนใหญ่ของไทยเท่าตัวตั้งเรียงรายอยู่ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง..."เรด้าร์" สร้างเสร็จอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ไปแล้วแล้วสามสถานี ของไทยมีแต่จะถอน...รบกับลาวมันไม่เท่าไหร่หรอกเพื่อน...แต่รบกับเวียดนามเหนือที่มีจีนแดงและรัสเซียสนับสนุนอยู่นี่ซิมันปวดกระดองใจ เลือดไทยน่ะเข้มข้นทุกคน...สู้จนใจขาด แต่ไม่มีอาวุธชั้นดีจะไปรบกับเขา รัฐบาลชุดก่อนเสนอขอซื้ออาวุธเพิ่ม แต่ก็ถูก สส. หัวเอียงซ้ายรวมหัวกันคัดค้านตกไปอย่างน่าสมเพช กูบ่นมามากแล้ว มึงจะให้กูทำงานห่าเหวอะไรสั่งมาเลยกูเอาทั้งนั้น "

ประโยคสุดท้าย บังหมุดอดีตเสือพรานเดนตายรุ่นเดียวกับไอ้โล้นและไอ้แสบตัดบทขึ้นมาอย่างห้วน ๆ

" - ฆ่าคน...ไอ้หมุด..."เหงี่ยน-วัน-บาย" พ่อค้าญวนอพยพ สายลับ เค.จี.บี. โดนจับอยู่ที่ "กองเมืองหนึ่ง" หัวหน้านอร์แมนสั่งให้มึงเข้าไปฆ่าในห้องขังให้ได้ในคืนนี้ฆ่าแบบให้ตำรวจเอาผิดกับมึงไม่ได้ แล้วก็ตรวจดูแขนซ้ายของมันด้วยว่า มีรอยสักเป็นหมายเลขอะไรหรือเปล่า ? "

ไอ้แสบซึ่งนั่งเงียบอยู่ตลอดเวลาสอดขึ้นมาด้วยท่าทางเอาการเอางาน

" - ถุย กูนึกแล้ว - ไอ้งานเส็งเคร็งฆ่าคนแบบนี้มึงสองคนก็ทำได้นี่หว่า ทำไมหัวหน้านอร์แมนต้องจำเพาะเจาะจงมาที่กูด้วยวะไอ้โล้น "

บังหมุดไม่วายที่จะสอบถามด้วยความเคลือบแคลงใจต่อไปอีก

" - ถ้ากูสองคนขืนหลวมตัวหลุดเข้าไปในห้องขังเพื่อฆ่า ไอ้ เหงี่ยน-วัน-บาย ตำรวจก็หัวเราะก๊ากไปเท่านั้น...กูกับไอ้แสบแหกคุกถึงแม้จะมีข่าวตาย แต่รูปถ่ายของกูก็ติดหราอยู่ตามโรงพักทั่วพระราชอาณาจักรหมดแล้วโว้ย...นี่ขนาดกูใส่วิกยังเดินเสียว ๆ หนังหัวอยู่เลย "

ไอ้โล้นพูดพลางเอื้อมมือขึ้นไปลูบวิกผมฮิปปี้ด้วยความเผลอตัว

" - เอ้า แล้วกูล่ะ...ทำยังไงถึงจะเข้าไปในห้องขังกองเมืองหนึ่งได้ มึงนึกว่ามันง่าย ๆ รึยังไง...พรรคพวก "

บังหมุดพูดพลางก้มลงใต้เตียง แล้วลากลังไม้ฉำฉาออกมากลางห้อง...

" - อะไรของมึงวะ - ไอ้หมุด "

ไอ้แสบผงกศีรษะพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง

ไอ้หมุดไม่ตอบ มันก้มลงเปิดสลักที่ฝาลังแล้วดีดมือผิวปากออกมาเบา ๆ ชั่วอึดใจงูเห่าก็ค่อย ๆ โผล่หัวออกมา แผ่แม่เบี้ยส่งเสียงขู่ดังฟ่อ ๆ เล่นเอาไอ้โล้นกับไอ้แสบเผ่นขึ้นไปยืนบนเตียงแทบไม่ทัน

" - มึงยังไม่ตอบกู...ไอ้โล้น ทำยังไงกูถึงจะเข้าไปในห้องขังได้ โดยที่กูไม่ต้องออกแรงไปตีกะบาลใครให้เอิกเกริกเหมือนเมื่อกูกับมึงยังอยู่ในอาณาจักรอันธพาลที่ปักษ์ใต้โน่น "

" -- มึงไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ไอ้หมุด ขณะนี้หัวหน้านอร์แมนจัดการให้มึงเรียบร้อยแล้ว เวลานี้หัวหน้าคงจะแจ้งตำรวจให้มาจับมึงในข้อหาหลอกลวงเอาสลอดผสมยาแดงให้ชาวบ้านกิน มึงดังแน่ ๆ นักข่าวคงจะถ่ายรูปมึงกันยกใหญ่ ไอ้หอกหัก กะล่อนเหลือกินเลยมึงนี่"

" - ช่วยไม่ได้นี้หว่า ตื่นโรคจู๋มันก็ต้องโดนหลอกแบบนี้แหละ...เสือกโง่เองทำไม...ของกล้วย ๆ ก็ "รางจืด" กับต้นทองพันชั่ง ยากลางบ้านของไทย ๆ นี่แหละ เจอะสองอย่างนี้ขี้คร้านจะยืดออกเหมือนเดิม ! "

บังหมุดพูดพลางใช้เท้าเขี่ยให้งูเห่าลงไปในลังแล้วปิดสลัก ต่อจากนั้นก็ผลักลังไม้ฉำฉาเข้าไปใต้เตียงเหมือนเดิม...

" - โอเค. ประเดี๋ยวกูจะเดินออกไปให้ตำรวจซิว...กูจะฆ่าไอ้ เหงี่ยน-วัน-บาย ด้วยกรรมวิธีที่แปลกที่สุดในโลกไม่เชื่อมึงคอยฟังข่าวก็แล้วกัน...มึงสองคนไปได้แล้ว"

บังหมุดเอ่ยปากไล่สหายร่วมสงคราอินโดจีนอย่างห้วน ๆ ในขณะที่ทั้งสองพาตัวเองออกไปจากห้อง บังหมุดก็ลากลังไม้ฉำฉาออกมาจากใต้เตียงอีกครั้ง เปิดสลักผิวปากชั่วอึดใจงูเห่าชูคอแผ่แม่เบี้ยส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ ส่ายหัวไปมาอย่างน่าสะพึงกลัว

" - ไอ้ลูกแก้ว คืนนี้พ่อมีงานให้เอ็งทำอีกแล้ว...นอนหลับซะอีก 6-7 ชั่วโมงค่อยตื่นขึ้นมา"

บังหมุดพึมพำเหมือนกับคนเสียสติ เขาเดินไปเปิดกระเป๋าส่วนตัว หยิบ "สลิงค์" ขึ้นมาดูดยาจากขวดยาที่ปราศจากสลากปิคแล้วดีดนิ้วเรียกงูให้ขึ้นจากลัง จัดแจงฉีดยาสลบให้งู ชั่วอึดใจ เจ้างูเห่าสีดำสนิทก็แน่นิ่งไปกับพื้น

อา ! งานฆ่าคนที่วิตถารที่สุดในโลกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว...
"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11838 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2015, 08:44:09 AM »

 ขึ้น ชั้น 2 แล้วครับ













"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 27, 2015, 11:06:34 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11839 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 09:22:38 AM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 19

บังหมุดหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตรงไปทีตู้เสื้อผ้า - เปิดฝาตู้ออกแล้วหยิบหมวกทรงประหลาดหิ้วติดมือมานั่งที่ขอบเตียง จ้องสายตามองดูงูเห่าซึ่งนอนสลบเนื่องจากอำนาจยาฉีดอยู่ที่พื้นแล้วพึมพำออกมาเหมือนกับคนไม่เต็มเต็ง

" - นอนหลับให้สบาย - ลูกพ่อ ประเดี๋ยวก็จะถึงเวลาทำงานของเอ็งแล้ว...รึว่าอยากเที่ยว ไอ้ลูกแก้ว...มา...ไปกับพ่อ...พ่อจะพาเอ็งทัศนาจรตลาดเมืองโคราชในยามราตรี"

บังหมุดพูดพลางค่อย ๆ วางหมวกทรงประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนกับฝาชีกรวยแหลมลงบนที่นอนแล้วพลิกด้านล่างของหมวกขึ้นมาพร้อม ๆ กับล้วงมือเข้าไปกดบริเวณขอบด้านในของหมวกค่อนข้างแรง

ทันใดนั้นเองฝาปิดชั้นในของหมวกทรงประหาดก็เปิดผลัวะออกมาเป็นช่องตลอดถึงปลายสุดด้านใน

บังหมุดก้มตัวลงไปช้อนงูเห่าขึ้นมาขดเป็นรูปวงกลมแล้วค่อย ๆ ยัดลงไปในช่องบนสุดของหมวก ต่อจากนั้นก็ปิดช่องลับ ยกหมวกขึ้นครอบศีรษะขยับให้เข้ารูปทรงอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นไปเก็บอุปกรณ์และกระเป๋าเดินทางที่ระเกะระกะอยู่ที่พื้นโยนเข้าไป ซุกอยู่ใต้เตียงแล้วเปิดประตูห้องล็อคกุญแตพาตัวเองเดินออกไปจากห้องพักอย่างรวดเร็ว

18.45 น. พอดิบพอดี...ท้องฟ้าที่สว่างไสว เริ่มสลัวลงอย่างรวดเร็ว...ในไม่ช้า ทั่วทั้งเมืองโคราชก็ถูกม่านสีเทารูดลงมาปกคลุมมืดมิดไปหมดทั้งอาณาบริเวณ

"ฟลูออเรสเซ่น" ตามเสาไฟสว่างพรึ่บเป็นแนวยาวเหมือนกับนัดกันเอาไว้ ความอึกทึกครึกโครมซึ่งเงียบสงัดมาตั้งแต่ตอนกลางวันเริ่มแซ่ดขึ้นมาอีกครั้ง

เครื่องขยายเสียงจากรถแห่โฆษณาภาพยนตร์และรถโฆษณาการแข่งขันชกมวย ส่งเสียงโหวกเหวกประชันขันแข่งจนฟังไม่ได้ศัพท์ รถยนต์เริ่มติดกันเป็นแถว การจราจรคับคั่งเหมือนกับกรุงเทพ ฯ ไม่มีผิด

บังหมุดโฉบแว่บไปยืนอยู่หน้าโรงแรมชั่วอึดใจก็ข้ามถนนเข้าไปเตร่อยู่ในบริเวณสวนรัก ซึ่งขณะนี้กำลังคึกคักไปด้วยกะหรี่รุ่นดึกดำบรรพ์ที่แต่งหน้าเสียจนมองดูเหมือนกับแรดที่ถูกย้อนสี

"เที่ยวมั้ย...บัง"

กะหรี่รุ่นสงครามโลกครั้งที่สองคนนึงโฉบแวบเข้ามาเกาะแขนบังหมุดชักชวนไปทำธุระกิจเอาอย่างดื้อ ๆ

" - วันนี้ขอตัว...ป้า...บังไม่มีเงินขายยาไม่ออกอย่าไปล้วงเลยในกระเป๋านั่นไม่มีเงินหรอก...ป้า"

บังหมุดพูดพลางยกมือขึ้นไปจับมือข้างหนึ่งของกะหรี่รุ่นเดอะ ซึ่งกำลังคีบกระเป๋าธนบัตรออกมาจากกระเป๋าหลังของบังหมุดอยู่พอดี...

"วุ้ย...บังก็...ไม่มีเงินก็เซ็นได้นี่ยะ แหมทำเป็นไม่เคยมีอะไร ๆ กับหนูยังงั้นแหละ หนูไม่ยอมมาเรียกเค้าว่าคุณป้า"

โสเภณีค้างปีพยายามตื้อ บังหมุดอย่างเต็มความสามารถ...แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังลั่นจากคิวรถป้ายดำที่จอดอยู่หน้าอนุสาวรีย์

" เฮ้ย ตำรวจโว้ย"

ยังไม่ทันสิ้นเสียงตะโกน กะหรี่ ทุกรุ่นทุก พ.ศ. ที่ชุมนุมกันอยู่ในสวนรักต่างก็สวมวิญญาณนักกีฬาโอลิมปิคยืมฝีเท้า ผู้กองอาณัติ รัตนพล วิ่งกระเจิงกันออกมาจากแหล่งธุรกิจอย่างชนิดตัวโครตัวมัน...ชั่วพริบตาก็หายลับไปเหมือนกับปีศาจ

จ่านายสิบตำรวจ 2 คน กับพลตำรวจ 3 คน แปรขบวนเข้ามาในสวนรัก...ตามติด ๆ ด้วยฝรั่งในชุดหมอสอนศาสนาผมฮิปปี้ยาวประบ่า

หมอสอนศาสนาชี้มือให้จ่านายสิบตำรวจ แล้วพูดอะไรกันครู่หนึ่ง ต่อจากนั้นกลุ่มตำรวจก็เดินตรงเข้ามาหาบังหมุดอย่างรวดเร็ว...

" อย่าหนี ไอ้บัง...มีคนเค้าไปแจ้งว่า มึงเอาสลอดผสมยาแดงไปหลอกขายชาวบ้านจนท้องร่วงกันเป็นแถว...เข้าไปเล่นกลในคุกเถอะมึง"

จ่าสีเหลือบพูดพลางปราดเข้าประชิดตัวบังหมุดกุญแจมือขาววับสับเฉาะเข้าไปที่ข้อมือด้วยความรวดเร็วจนมองดูแทบไม่ทัน

" เอ๊ะ...เอ๊ะ...นี่จับผมเรื่องอะไรกันจ่า...ผมทำผิดอะไรหรือครับนี่...อนิจจา ผืนแผ่นดินไทยนี่โหดร้ายแม้กระทั่งนักเล่นกลผู้ยากไร้อย่างผมเชียวหรือนี่ ? "

บังหมุดยืนตีหน้าเซ่อ แต่สายตามองดู "นอร์แมน" ซึ่งอยู่ในคราบของหมอสอนศาสนาเหมือนกับจะส่งอาณัติสัญญาณอะไรบางสิ่งบางอย่าง

"มึงไม่ต้องตีฝีปากไอ้บัง...ชาวย้านเขาร้องเรียนมาหลายครั้งแล้ว คราวก่อนมึงก็หลอกเอาน้ำประปาผสมสีขายเค้าหนนึงแล้ว...ไอ้หอกมึงนี่จับไม่มั่นคั้นไม่ตายเล่นงานมึงไม่ได้ซักที...คนนี้แน่ใช่ไหมครับ"

ประโยคสุดท้ายจ่าสีเหลือบหันไปถามนอร์แมนเป็นภาษาไทยด้วยนน้ำเสียงนอบน้อม

"ถูกต้อง คุณตำรวจ ชายผู้นี้หลอกเอาเงินผมไปห้าดอลล่าร์"

นอร์แมนตอบเป็นภาษาไทยอย่างชัดถ้อยชัดคำ

" โกหก...ไอ้ฝรั่ง...กูไม่รู้จักมึง ไอ้ห่าขอเตะปากฝรั่งซักที่เถอะวะ "

บังหมุดสบถออกมาอย่างฉุนเฉียว แล้วกระโจนพรวดเข้าหานอร์แมนทั้ง ๆ ที่ข้อมือทั้งสองโดนสวมกุญแจมือติดกัน

นอร์แมนยกมือทั้งสองขึ้นตะปบข้อมือของบังหมุดเอาไว้แน่นแล้วผลักร่างของบังหมุดเซถลาออกไป พร้อมกับหยิบเศษกระดาษในอุ้งมือของบังหมุดติดมือมาอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครในกลุ่มสังเกตเห็น

" ปล่อยผม...จ่า...ขอผมกระแทกหน้าไอ้ฝรั่งโกหกคนนี้ซักที่เถอะน่า "

บังหมุดพยายามจะเข้าไปทำร้ายนอร์แมน อีกครั้งแต่ก็ถูกกลุ่มตำรวจหิ้วพาเดินออกไปจากสวนรักเสียก่อน

อีกสิบนาทีต่อมา บังหมุดก็ถูกนำตัวมาถึง " กองเมืองหนึ่ง " หลังจากโดนสอบปากคำอยู่ ชั่วครู่อาบังเจ้าเล่ห์ก็ถูกต้อนเข้าไปในห้องขังทันที...

อาศัยความกะล่อนระดับชาติ...บังหมุดไม่ยอมถอดหมวกท่าเดียว...อ้างโน่นอ้างนี่จนกระทั่งตำรวจเวียนหัวยอมให้บังหมุดสวมหมวกทรงประหลาดเข้าไปในห้องขังด้วยท่าทางรำคาญ

พอก้าวแรกที่บังหมุดพาตัวเองพ้นลูกกรงห้องขังเข้าไปก็เจอะกับพระภูมิเจ้าที่ ยืนขวางอยู่หน้าห้องพอดิบพอดี

" โทษอะไรวะ...ไอ้บัง "

ชายฉกรรจ์ตัดผมเกรียน รูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวซีดเหมือนกับชาวจีนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างห้วน ๆ ด้วยท่าทางนักเลงเต็มตัว

" แฮ่ะ...แฮ่ะ...เค้าหาว่าผมหลอกลวงขายยาลูกพี่...ขอโทษครับ...ขอผมเข้าไปข้างใน"

บังหมุดพูดพลางทำท่าจะมุดลอดแขน ชายร่างยักษ์ที่ยืนท้าวประตูลูกกรงอยู่นั้น

" จ่ายมาก่อน สิบบาท...ไอ้บัง...ถ้าไม่จ่ายก็ต้องทำพิธีต้อนรับน้องใหม่ด้วยการกระทืบ"

บังหมุดสะดุ้งเฮือกตีหน้าแหยแล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละยี่สิบบาทออกมายื่นให้กับพระภูมิเจ้าที่ด้วยท่าทางลนลาน แต่ทว่าสายตาอันคมกริบของมันเหลือบมองไปที่แขนซ้ายของชายร่างยักษ์ อย่างพินิจพิจารณา

บังหมุดยิ้มกับตัวเองด้วยความลิงโลดที่มองเห็นท้องแขนซ้ายของอันธพาลในห้องขังมีพลาสเตอร์ขนาดเล็กปิดทับผิวหนังบริเวณหนึ่งเอาไว้

" ประเดี๋ยวก็รู้...ไอ้...ขอเวลากูอีกซักนิด แล้วกูจะพิสูจน์ให้มึงดูว่า ระหว่างญวนกับแขกใครจะมีพิษสงกว่ากัน"

บังหมุดพึมพำอยู่ในใจพร้อมกับมุดเข้าไปในห้องขังด้วยท่าทางจ๋อง ๆ

" ไอ้แห้ง...ลุกขึ้นมา...ให้ไอ้บังนี่นอนตรงนั้น...มันจ่ายแล้ว มึงยังไม่จ่าย โน่นไปนอนมุมสุดโน่น "

อันธพาลในห้องขังแสดงอิทธิพลด้วยการ สั่งผู้ต้องหารูปร่างผอมกะหร่องคนหนึ่งให้สละที่ให้กับบังหมุดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

" ครับ...พี่เหงียน-วัน-บาย ผมจะลุกเดี๋ยวนี้ "

ไอ้แห้งกระย่องกระแย่งขึ้นมาด้วยท่าทางเหมือนกับคนใกล้จะลงแดงตาย

" ไอ้...กูชื่อวันชัย...กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วไอ้แห้งให้เรียกกูว่า วันชัย...ปากเสียแดกซ่นตีนเถอะมึง "

" เหงียน-วัน-บาย" ตวัดเท้าซ้ายขึ้นเบา ๆ ร่างของไอ้แห้งก็กระเด็นปลิวหวือไปซุกแน่นิ่งอยู่ที่มุมห้องทำท่าจะตายเอาในบัดดล...

" อย่าไปยุ่งกับมัน ไอ้เห้ นี่เป็นญวณอพยพ เป็นนักเลงอยู่ที่หนองไผ่ล้อม...นั่นหมวกอะไรของลื้อวะบัง "

ผู้ต้องขังคนหนึ่งซึ่งครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ บังหมุดกระซิบ แล้วชำเลืองดูหมวกทรงประหาด ซึ่งสวมอยู่บนศีรษะของแขกเจ้าเล่ห์ด้วยความเคลือบแคลงใจ

" หมวกของ "ตวนรายา" ให้อั๊วเมื่อครามเล่นกลที่อีโปร์-มาเลเซีย อั๊วถือว่าเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตไปไหนต้องเอาไปด้วย....ไอ้เหี้ยนี่มันกินรังแตนมาจากไหนกันวะ ดุฉิบหายเลย "

ประโยคสุดท้าย บังหมุดลดเสียงกระซิบกับเพื่อนผู้ต้องหาเบา ๆ พร้อมกับถอดหมวกลงวางบนหัวนอน ด้วยความระมัดระวัง...แล้วเอนกายลงนอน หันหลังให้กับเพื่อนผู้ต้องหาเหมือนกับจะตัดบทสนทนาอยู่ในที

" เฮ้ย...ไอ้แห้ง แดกตีนเข้าไปหน่อยทำเป็นสำออยลุกขึ้นมานวดให้กูหน่อยโว้ย...เมื่อยฉิบผายเลยว่ะ "

"เหงียน-วัน-บาย" ญวนอพยพนักเลงหนองไผ่ล้อม ซึ่งนอนอยู่คนเดียวทางด้านซ้ายมือสุดของห้องขังร้องเรียกไอ้แห้งที่นอนเงียบอยู่ให้ลุกขึ้นไปนวด เล่นเอาไอ้แห้งต้องซังกะตายคลานกระย่องกระแย่งขึ้นมาด้วยความเกรงกลัว

ระฆังเพิ่งจะตีบอกเวลาเที่ยงคืนไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ บังหมุดซึ่งนอนกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วลอบชำเลือง ดูเหตุการณ์ภายในห้องขังด้วยความระมัดระวัง เสียงกรนซึ่งดังเป็นจังหวะจะโคนก็ยังคงดังต่อไปอย่างไม่เป็นที่ผิดสังเกต

ทุกชีวิตในห้องขังกำลังนอนหลับอย่างสุขารมณ์บังหมุดถ่วงเวลาอยู่ครู่หนึ่งก็ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพิงผนังลูกกรง สายตาลอบชำเลืองไปนอกห้องขังเพื่อความรอบคอบอีกครั้งแล้วยกหมวกพลิกขึ้น เปิดช่องลับดึงงูเห่าซึ่งนอนสลบไสลออกมาวางข้าง ๆ ตัวด้วยความระมัดระวัง

ชั่วอึดใจร่างของงูเห่าก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วค่อย ๆ ชูหัวเล่นแสงไฟส่ายไปส่ายมาอย่างน่าสะพึงกลัว

บังหมุดผิวปากแล้วดีดมือเบา ๆ พร้อมกระซิบด้วยน้ำเสียงลึก ๆ

" ลูกพ่อ...กัดมัน...กัดไอ้คนที่นอนอยู่โน่น...มันเป็นศัตรูของพ่อ...กัดแล้วหนีออกไป เข้ากรงที่ซ่อนอยู่หน้าโรงพัก...กัดมัน...ลูกพ่อ"

บังหมุดกระซิบ กระซาบพูดกับงูเห่าเหมือนกับคนวิกลจริต และก็เหมือนกับปาฏิหาริย์ เจ้างูเห่าเลื้อยปราด ๆ เข้าไปหาร่างของ "เหงียน-วัน-บาย" แล้วฉกลงไปบนน่องอย่างรวดเร็วจนมองดูแทบไม่ทัน

"เหงียน-วัน-บาย" สะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งพร้อมกับกระตุกขาแล้วก็พลิกตัวนอนหลับต่อไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"หนีเร็ว...ลูกพ่อ...ออกไปหน้าโรงพักโน่น...หนีเร็ว ! "

บังหมุดกระซิบอย่างร้อนรน เจ้างูเห่าแสนรู้เลื้อยปราดออกจากห้องขังแล้วหายลับออกไปทางโต๊ะสิบเวรหน้าโรงพักอย่างรวดเร็ว...

ไม่ถึงสองนาทีร่างของเหงียน-วัน-บาย ก็แอ่นตะกายขึ้นสุดตัว...บังหมุดเผ่นพรวดเดียวเข้าไปประชิดมือข้างหนึ่งดึงพลาสเตอร์ที่ติดอยู่บริเวณท้องแขนซ้ายของเหงียน-วัน-บาย ออกด้วยท่าทางรีบร้อน

พระเจ้าช่วยหมายเลข "174" สักด้วยอักษรสีดำอยู่ใต้พลาสเตอร์ตามคำบอกกล่าวของนอร์แมนไม่มีผิด

"เหงียน-วัน-บาย" เริ่มร้องครวญครางแอ่นร่างกายไปมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสาหัส...ลักษณะที่มองเห็นเหมือนกับคนติดยาเสพติดไม่มีผิด เสียงอึกทึกครึกโครมทำให้ผู้ต้องขังตกใจตื่นขึ้นมามุงดูเหตุการณ์แน่นขนัดไปหมด

"...-ไอ้เหงียน...ลงแดง...อีกรึยังไง ไอ้ห่าหนวกหู ประเดี๋ยวร้อยเวรเล่นงานตายห่าหรอกมึง...เฮ้ยช่วยจับมันมัดกับลูกกรงหน่อยวะ..."

สิบเวรสูงอายุเข้ามายืนเกาะลูกกรงพร้อมกับขอแรงให้ผู้ต้องขังช่วยกันจับ "เหงียน-วัน-บาย" มัดกับลูกกรงเนื่องจากเข้าใจผิดว่านักเลงหนองไผ่ล้อม "เซียน" ยากำลังจะลงแดงตาย

เรื่องมันก็เลยเข้าล็อค...บังหมุดใช้ผ้าขาวม้ามัดร่างของ เหงียน-วัน-บาย ติดกับลูกกรงจนไม่สามารถที่จะดิ้นหลุดได้...ต่อจากนั้นก็พากันนอนหลับต่อไปอย่างสุขารมณ์

พอรุ่งเช้า...ไอ้แห้งก็ร้องโวยวายออกมาสุดเสียงเมื่อมองเห็นลูกพี่ของมันนอนตาย น้ำลายฟูมปากอยู่ข้าง ๆ เล่นเอาวุ่นวายไปหมดทั้งโรงพัก กว่าจะลงเอยกันได้ก็ต้องสอบสวนผู้ต้องหากันเป็นโกลาหล...

"เหงียน-วัน-บาย"...สิ้นชีวิตในห้องขังอย่างน่าเคลือบแคลงใจ !

บังหมุด ถูกประกันตัวออกมาในเช้าของวันรุ่งขึ้นด้วยฝีมือของบุรุษลึกลับผู้หนึ่ง ต่อจากนั้นก็ถูกส่งตัวขึ้นรถทัวร์มุ่งหน้าขึ้นกรุงเทพ ฯ อย่างปัจจุบันทันด่วนภานในครึ่งชั่วโมงที่หลุดออกมาจากห้องขังนั่นเอง

ลังงูเห่าของบังหมุด ถูกวางอยู่บนโต๊ะขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่ภายในห้องที่มิดชิดพอสมควรของบ้านเช่าขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งทุกคนในละแวกหนองไผ่ล้อมต่างก็รู้เป็นเลา ๆ ว่าบ้านหลังนั้นเป็นที่พักอาศัยของหมอศาสนาชาวอเมริกันผู้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนบ้านพอสมควร

นอร์แมน หัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูร ซึ่งอยู่ในคราบของหมอสอนศาสนาใช้ไม้เขี่ยงูเห่า ซึ่งขณะนี้นอนนิ่งเหมือนกับใกล้จะตายด้วยความเคลือบแคลงใจ

"-ทำไมงูของไอ้หมุดมันถึงซึม ๆ เหมือนกับจะตายแบบนี้เล่าครับ...หัวหน้า...ผมดูท่าทางของมันแล้วรู้สึกว่าไม่รอดแน่ ๆ"

ไอ้แสบซึ่งยืนกินผลไม้อยู่หน้าตู้เย็นเอ่ยถามออกมาเบา ๆ

"-ผมก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน...เห็นมันซึม ๆ ตั้งแต่บังหมุดไปกรุงเทพ ฯ แล้ว...ชอบกลเหมือนกัน...ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ "

นอร์แมนตอบพลางใช้ไม้เขี่งูเห่าต่อไปอีกด้วยความแปลกใจ

" - ไอ้หมุดส่งกระดาษอะไรให้หัวหน้าตอนอยู่ในสวนรัก "

ไอ้โล้นซึ่งยืนมือไขว้หลังมองดูงูเห่าอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง

" - บังหมุดส่งข่าวให้ผมนำลังงูจากห้องพักที่โรงแรมไปซุ่มอยู่หน้าโรงพักตอนเที่ยงคืน...สั่งให้เปิดลังเอาไว้...พองูเลื้อยลงจากโรงพักเข้าลังให้รีบพาลังหนีทันที"

นอร์แมนหยุดพูด หันไปเขี่ยงูเห่าอีก ส่วนไอ้โล้นเดินหายเข้าไปในห้องส่วนตัวชั่วอึดใจก็หยิบห่อกระดาษเล็ก ๆ ถือติดมือออกมาด้วย ต่อจากนั้นก็แก้ห่อกระดาษหยิบวัตถุสีดำ ๆ เหมือนกับยางมะตอยโยงเข้าไปในลังงูเห่าทันที...

งูเห่างับวัตถุสีดำเหมือนยางมะตอย แล้วกลืนเข้าไปอย่างช้า ๆ...เหมือนกับปาฏิหาริย์ ชั่วอึดใจมันก็ดิ้นทุรนทุรายแล้วมีอาการคึกคักขึ้นมาอย่างทันตาเห็น

" - ยาอะไร...มิสเตอร์โล้น "

นอร์แมนถามขึ้นมาด้วยท่าทางแปลกใจ

" - ฝิ่น ครับ หัวหน้า...ผมสงสัยไอ้หมุดต้องเลี้ยงงูเห่าตัวนี้ด้วยฝิ่นแน่ ๆ ก็เลยลองดู "

" - มายก๊อด...ผมนึกแล้วเชียว...มิสเตอร์หมุดเอาฝิ่นใส่ไว้ในลังงูที่ผมซ่อนเอาไว้หน้าโรงพัก...พองูเห่ากัด เหงียน-วัน-บย เสร็จก็เลื้อยออกมาหาลังของมันทันทีเพราะถึงเวลากินฝิ่น..."มายก๊อด" มิสเตอร์หมุด เป็นนักเลี้ยงงูที่น่าพิศวงที่สุดในโลก...ผมเพิ่งได้ไมโครฟิล์มจากแขนของ "เหงียน-วัน-บาย" เมื่อเย็นนี้เอง เราได้รับความร่วมมือจากผู้ใหญ่ของทางตำรวจ เอ๊ะ นี่ ผู้กองอังคารกับหมอดาหลาไปไหนครับนี่ ? "

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนหันไปถามไอ้แสบด้วยท่าทางกังวล

" - ออกไปส่ง ไอ้หมุดกับหมอดาหลาที่ "ดาราทัวร์" ยังไม่กลับเข้ามาเลยครับ ผมลองติดต่อวิทยุไป ผู้กองส่งสัญญาณตอบกลับมาว่า สงสัยคลื่นวิทยุที่เรากำลังใช้อยู่อาจจะถูกดังฟัง...บอกให้เลิกติดต่อโดยสิ้นเชิง ต่อจากนั้นผู้กองก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย "

ไอ้แสบตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางกังวลพอ ๆ กัน

นอร์แมนเม้มริมฝีปากแน่น เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

" - ย้านสถานี...ถ้าคลื่นวิทยุถูกดักฟัง สถานีชั่วคราวของเราที่นี่ไม่ปลอดภัยแน่...มิสเตอร์โล้นตั้งระเบิดเวลาแบบ " กระทบ-ระเบิด " เอาไว้ทุกจุด แล้วเปลี่ยนป้ายหมายเลขหน้าบ้านตามรหัสที่ได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว...เมื่อผู้กองอังคารกลับมาจะได้รู้ว่าข้างในบ้านมีระเบิดเวลา...เคลื่อนย้ายเดี๋ยวนี้เลย "

ในขณะที่นอร์แมน กับไอ้แสบ ตาลีตาเหลือกขนอุปกรณ์เครื่องใช้ขึ้นรถ...ไอ้โล้นก็วางระเบิดเวลาเอาไว้รอบ ๆ บ้าน...ต่อจากนั้นก็เปลี่ยนหมายเลขบ้านจากหมายเลข 183 เป็นหมายเลข 193 อันเป็นหมายเลขมรณะที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว่า หมายเลขดังกล่าวก็คือ รหัสการย้ายสถานีอย่างเร่งด่วน เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามจับทิศทางการเคลื่อนไหวของฝ่ายเราได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

ทั้งสามคนก็เคลื่อนย้ายออกจาก " รัง " ชั่วคราวไปได้อย่างปลอดภัย

คล้อยหลังไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถจี๊ปสีทึบ ๆ เปิดประทุนบรรทุกชายฉกรรจ์แน่นเอี๊ยดวิ่งเข้ามาจอกอยู่หน้าบ้านแล้วเปิดฉากซัลโวด้วยปืนนานาชนิดอย่างหูดับตับไหม้

พอสิ้นเสียงปืน...สองคนบนรถก็กระชับปืนวิ่งชาร์ทบุกตะลุยเข้าไปในบ้าน ก็เลยถูก "กับระเบิด" จากฝีมือของไอ้โล้นเละเทะอยู่หน้าประตูบ้านนั่นเอง...

ในขณะที่เสียงระเบิดและเสียงปืนกำลังเซ็งแซ่อยู่ ณ บริเวณสถานีชั่วคราวขององค์การ "ซี.ไอ.เอ." นั้น ผู้กองอังคารกับหมอดาหลากำลังห้อรถเหยียดอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายโชคชัย-โคราชด้วยความเร็วสูง...

จากคลื่นวิทยุที่ "แจมมิ่ง" เข้ามาในวิทยุรับส่งของ ซี.ไอ.เอ. อย่างบังเอิญทำให้ผู้กองอังคารจับความผิดปกติได้...สัญชาตญาณและประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผู้กองอังคารเบนรถที่กำลังจะมุ่งหน้าเข้าหาสถานีชั่วคราวมุ่งออกถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ที่เปลี่ยวที่สุดเพื่อเป็นการ "ลวง" หน่วยแกะรอยของ เค.จี.บี. ที่อยู่ในคราบของรถบรรทุกน้ำมัน ซึ่งติดตามมาห่าง ๆ อย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา

พอรถของผู้กองอังคารเลี้ยวโค้ง ซึ่งถนนสองฟากเป็นท้องนาที่เจิ่งไปด้วยน้ำก็มองเห็นตะเกียงรั้วสว่างโร่อยู่ถึงกลางถนน

" ด่านตรวจ...ค่ะ...อังคาร"

หมอดาหลาเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับซุก .357 ไพร่อนลงไปในซอกเบาะข้าง ๆ ตัว

ผู้กองอังคารลดความเร็วรถลงแล้วชะลอจอดที่หน้าแผงรั้ว กลุ่มตำรวจไม่น้อยกว่า 3 คนยืนถือไฟฉายส่องกราดเข้ามาทางกระจกหน้าเป็นสัญญาณให้รถหยุด

ตำรวจ 2 คน เคลื่อนที่เข้ามาประกบหน้าต่างรถทั้งสองด้านแล้วใช้ไฟฉายส่องจ้าเข้ามาอย่างผิดมรรยาทของตำรวจด่านตรวจทั่ว ๆ ไป

" - จะไปไหนไม่ทราบ "

สำเนียงแปร่งหูเริ่มถามขึ้นเป็นประโยคแรก สัญชาตญาณบอกให้ผู้กองอังคารรู้ว่าสำเนียงและกริยาดังกล่าวนั้นผิดแผกไปจากระเบียบวินัยของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างสิ้นเชิง และยิ่งแสงไฟฉายสาดกระทบดาวโลหะสีเงินบ่งบอกความเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรของผู้พูดด้วยแล้ว ยิ่งสร้างความเคลือบแคลงใจให้กับผู้กองอังคารเป็นทวีคูณ

ผู้กองอังคารลอบชำเลืองเครื่องแต่งกายของนายตำรวจที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านข้างรถอย่างลวก ๆ ก็พบกับความผิดปกติขึ้นมาทันที...

เข็มขัดที่คาดอยู่เป็นเข็มขัดของพลเรือน !

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11840 เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 11:20:27 AM »

วันต้นปี 1/1/59 ขออัพเดตโครงการหน่อยครับ







"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 01, 2016, 11:21:58 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11841 เมื่อ: มกราคม 03, 2016, 11:30:14 AM »

อัพเดต ตลาดปืนมือ 2 วันนี้หน่อยครับ http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.0  ถ้ายังไม่ได้สมัครสมชิก ให้สมัครด้วย ครับ
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11842 เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 11:00:57 AM »

อัพเดตแหล่งกระสุน ปืนใหม่ ราคา และอื่นๆที่ข้องเกี่ยว  http://2013.gun.in.th/index.php?topic=63413.0  (ถ้าคลิ๊กเข้าไปแล้ว ยังไม่ได้สมัครสมาชิก ให้สมัครด้วยครับ)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11843 เมื่อ: มกราคม 09, 2016, 06:48:31 PM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 20

แสงไฟฉายทั้งสามดวงที่ส่องกราดเข้ามาอย่างไร้มารยาท ทำให้ผู้กองอังคารต้องหยีตาลงชั่วขณะแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบ "ดันฮิลล์" จากตู้คอนโซลขึ้นมาจุดสูบด้วยความใจเย็น พร้อมกับย้อนถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

" - ที่กรุงเทพ ฯ ก็ยังให้เวลาถึงหกทุ่มนี่ก็เพิ่งสี่ทุ่มกว่า ๆ ผมว่าผู้หมวดตั้งด่านตรวจผิดที่กระมังครับ..."

ในขณะที่พูด ผู้กองอังคารก็ชำเลืองดูหมอดาหลา เขาใจหายวาบที่เห็นแม่เสือสาวขยับตัวเสมือนหนึ่งจะเอื้อมมือลงไปในซอกข้างประตูรถ สมองแทบจะไม่ต้องสั่งการ ผู้กองใช้ข้อศอกซ้ายกระทุ้งชายโครงเตือนสติเธอเบา ๆ

หมอดาหลาชะงักแล้วค่อย ๆ ใช้มือขวาขยับกระเป๋าแฮนแบ็คผ้ายีนส์ที่วางอยู่บนตักให้หันข้างให้ โดยที่ไม่มีใครในกลุ่มนั้นสนใจ นอกจากผู้กองอังคารผู้กำลังใจเต้นระทึกอยู่ข้าง ๆเท่านั้น

" - คุณไม่ต้องตีฝีปากกับผม...ผมเป็นเจ้าหน้าที่...ผมมีสิทธิสอบถามประชาชนที่ต้องสงสัยได้ทุกเวลา"

นายตำรวจคนที่คาดเข็มขัดพลเรือนตอบด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวพร้อม ๆ กับขยับตัวจากหน้ารถเข้ามาทางด้านขวามือตรงบริเวณที่ผู้กองอังคารนั่งอยู่พอดิบพอดี

" - ครับ...ผมเป็นประชาชนย่อมเคารพกฎหมายแต่นี่พวกคุณเล่นเอาปืนมาจี้ มองดูเหมือนกับผู้ร้ายไม่มีผิด"

" - ในนามของกฎหมาย...ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้...ผมต้องการค้นอาวุธภายในรถคุณ "

นายตำรวจตัดบทขึ้นมาด้วยเสียงเฉียบขาดพร้อมกับขยับไฟฉายในมือเป็นสัญญาณให้ผู้กองอังคารลงจากรถ

ผู้กองอังคารหันไปสบตากับหมอดาหลานิดหนึ่งแล้วค่อย ๆ เปิดประตูลงไปยืนข้าง ๆ รถ

พลตำรวจอีกคนซึ่งยืนขนาบข้างอยู่ด้านซ้ายมือสุดก้มลงมองดูสาวทางช่องหน้าต่างที่ลดบานกระจกลงจนสุดอยู่ครู่หนึ่งก็เอื้อมมือเข้ามาจับแก้มเอาดื้อ ๆ แถมสำรอกออกมาด้วยน้ำเสียงกักขฬะ

" - ลงมาด้วยอีกหนู "

หมอดาหลาไม่ตอบ เธอใช้มือข้างหนึ่งกดลงไปบนปุ่มสีแดงที่อยู่บนแผงคอนโซลเต็มแรง

ด้วยระบบอัตโนมัติ กระจกด้านข้างซึ่งซ่อนตัวอยู่ในร่องประตูพุ่งปล๊าดขึ้นหาหลังคารถ จนมองดูแทบไม่ทันและจำเพาะเจาะจงกระทบกับข้อมือของพลตำรวจชีกอที่ยื่นมือเข้ามาในรถ แล้วกระแทกติดกับขอบหลังคาด้านบนเต็มแรง

" - โอย...พี่สุข...ผม...ผม"

พลตำรวจชีกอ แหกปากร้องออกมาสุดเสียง...ปืนที่ถือยู่ในมือข้างหนึ่งร่วงลงไปที่พื้นแล้วงอตัวด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

สิบตำรวจเอกที่ยืนอยู่ทางขวามือกระโจนพรวดเข้ามาพร้อมกับกระชากบานประตูรถเปิดอ่ออกทำให้ข้อมือของพลตำรวจหลุดออกจากขอบหลังคาด้านบนทันที ความเจ็บปวดทำให้พลตำรวจผู้เคาระห์ร้ายยืนตัวงอ ปากก็ครวญครางออกมาไม่ขาดระยะ

หมอดาหลา ยังไม่ทันจะขยับตัวก็โดนฝ่ามือของสิบตำรวจเอกซัดเปรี้ยงเข้าไปที่ใบหน้า แล้วถูกกระชากออกจากรถอีกด้านหนึ่ง กระเป๋าแฮนแบ๊คซึ่งวางอยู่บนตักถูกหญิงสาวฉวยติดมือออกไปได้ทันท่วงที

หมอดาหลาถูกสิบตำรวจเอกจับต้นแขนเอาไว้แน่นแล้วหล่อนก็ยืนนิ่งเฉยไม่ขัดขืนเสมือนหนึ่งหมดพิษสงโดยสิ้นเชิง

ผู้กองอังคาร ยืนประจัญหน้าอยู่กับนายตำรวจที่ถือปืนจ่อห่างอกเขาแระมาณศอกเศษ ๆ แล้วปรายหางตาไปทางหมอดาหลาซึ่งขณะนี้ยืนหน้าบึ้งด้วยท่าทางฉุนจัด

" - คุณ...นี่พวกคุณเล่นพิเรนอะไรกันนี่...หลอกชั้นออกมาจากไนท์คลับ แล้ววางแผนระยำกันแบบนี้เองรึ..."

หญิงสาวร้องถามออกไปอย่างฉุนเฉียว

ผู้กองอังคารแอบยิ้มในใจ ที่หมอดาหลาฉลาดและทันต่อเหตุการณ์เกินกว่าที่เขาจะคาดถึง

" - ขอโทษ...คุณนูล...ผมไม่มีเจตนาที่จะหลอกคุณจริง ๆ ...บังเอิญมาเจอะพรรคพวกเข้าเสียก่อน...เอ้า ! มึงจะเอายังไงก็เอากัน...ไอ้ตำรวจปลอมทั้งหลาย"

ประโยคสุดท้ายผู้กองอังคารหันไปตัดบทกับกลุ่มตำรวจที่ยืนขนาบอยู่ข้าง ๆ

คนที่แต่งเป็นตำรวจแสยะยิ้ม

" - ลื้อตาถึงนี่หว่า...จะเอายังไง หะเดี๋ยวมึงก็รู้...เฮ้ย...ไอ้สุข มึงส่งสัญญาณไฟให้รถน้ำมันที่จอดอยู่ข้างหลังโน่น ให้เคลื่อนที่เข้ามาได้แล้ว"

ประโยคสุดท้าย นายตำรวจหันไปออกคำสั่งกับสิบตำรวจเอกที่ยืนจับต้นแขนหมอดาหลาอยู่อีกด้านหนึ่งของตัวรถ

สิบตำรวจเอกปล่อยมือออกจากต้นแขนของหญิงสาว แล้วใช้ไฟฉายส่องเป็นจังหวะสั้นยาวสั้นยาวสามครั้งไปยังมุมถนนซึ่งอยู่ห่างออกไปจากด่านตรวจประมาณ 50 เมตร

ชั่วอึดใจ ก็มีแสงไฟคู่กระพริบตอบ แล้วเริ่มเคลื่นที่มองเห็นไฟสูงสาดเข้ามาบนถนนสว่างจ้าเป็นทาง

" - จะเล่นระยำ ๆ แบบนี้ก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก...ไอ้สามสี่คนแค่นี้ชั้นไม่ยี่หระหรอก ฝรั่งหนองไผ่ล้อมเป็นกองร้อย ๆ ก็เคยผ่านมาแล้ว...ไอ้บรรลัยจักรชิงสุนัขเกิดตายห่าเสียเถอะมึง "

ยังไม่ทันสิ้นประโยคสุดท้ายของหมอดาหลา...ผู้กองอังคารก็ทิ้งตัวฮวบลงไปนอนกับพื้นด้วยอาการรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ และพร้อม ๆ กันนั้นเอง เสียงกัมปนาทของชิฟสเปเชียล จากแฮนด์แบ๊ค ผ้ายีนส์ที่ถืออยู่ในมือของหมอดาหลา ก็แผดสนั่นขึ้นสามนัดซ้อน ๆ

"ปัง...ปัง...ปัง"

ประกายไฟสีเขียวปนส้มสว่างแวบออกมาจากรอยขาดของแฮนด์แบ๊ค มองเห็นถนัดหูถนัดตา

แม่นเหมือนกับผีจับยัด ชายคนที่แต่งเป็นนายตำรวจที่ยืนถือปืนจ้องอยู่เบื้องหน้า แหกปากร้องออกมาสุดเสียงแล้วกระดอนถอยหล้งลงมาทับแผ่นหลังของผู้กองอังคาร ซึ่งขณะนนี้ กระตุก .44 แมคนั่ม ซึ่งมาจากซองพหที่หน้าแข้งเรียบร้อยแล้ว

ผู้กองอังคารผลักร่างนายตำรวจปลอมลงไปนอนตัวงอกุมหน้าท้องอยู่บนพื้นข้าง ๆ รถ แยกเขี้ยวจ่อปลายกระบอก .44 แมคนั่ม ลงไปที่กกหูด้านหนึ่งของนายตำรวจที่นอนอยู่ข้าง ๆ แล้วเหนี่ยวไกอย่างใจเย็น

" ปัง "

กระสุนเจาะเกราะจากปืนพกที่มีอานุภาพมากที่สุดในโลกปัจจุบัน ทะลุกกหู แล้วฉีกกระโหลกศีรษะด้านตรงข้ามออกเป็นรูโหว่ชนนิดกำมือรอดได้มองเห็นอย่างถนัดหูถนัดตา

ตำรวจปลอดสองคนที่เหลือ กระโจนพรวดเข้าไปหาขอบถนนด้วยสัญชาตญาณเร้นภัย

ผู้กองอังคารวาดปืนตาม แล้วเหนี่ยวไกอย่างใจเย็น

" ปัง...ปัง "

กระสุนเจาะเกราะพุ่งเข้าหาร่างของตำรวจปลอมทั้งสองเหมือนกับผีจับยัด พลตำรวจซึ่งแยกวิ่งออกไปทางซ้ายมือโดนกระสุนที่บริเวณกลางหลังกระเด็นไปนอนค้างอยู่บนขอนไม้ที่กลิ้งอยู่บริเวณขอบถนนพอดิบพอดี...

ส่วนสิบตำรวจเอก ซึ่งวิ่งแหกออกไปทางขวามือร้องจ๊ากออกมาสุดเสียงแล้ว กระดอนออกไปนอนแผ่หราอยู่กลางถนนห่างจากจุดที่โดนกระสุนเจาะเกราะเกือบ 15 เมตร

" ปัง...ปัง...ปัง...ปั ง "

เสียวปืนคำรามแหวกความมืดมาจากเบื้องหลัง 4 นัด ซ้อน ๆ พร้อม ๆ กับแสงไฟและเสียงเร่งเครื่องยนต์ดังสนั่นหวั่นไหว

ผู้กองอังคารขยับตัวลุกขึ้น แล้ววิ่งชาร์ทเข้าหาหมอดาหลา มือข้างหนึ่งคว้าเอวกระชากลัมกลิ้งลงไปในคูข้างถนน ซึ่งเจิ่งไปด้วยน้ำเกือบครึ่งตัว

พริบตานั้นเอง รถบรรทุกน้ำมัน ซึ่งตามรถผู้กองอังคาร มาอยู่ตลอดเวลาก็กระโจนพรวดพุ่งเข้าชนท้ายรถเก๋งสปร์ต อันเป็นตำแหน่งที่เขาและหมอดาหลายืนอยู่เมื่อพริบตาที่แล้วอย่างชนนิดที่พลขับจงใจจะพุ่งเข้าชนให้แหลกยับทั้งสองคน

" โครม "

รถสปร์ตกระเด็นยวบไปเบื้องหน้าแล้วพุ่งเข้าชนรั้วด่านตรวจปลิวออกไปเค้เก้อยู่ที่ขอบถนน ตะเกียงรั้วแตกกระจายยับไม่มีชิ้นดี

รถบรรทุกน้ำมันเสียจังหวะนิดนึงก็ทรงตัวได้ พลขับเหยียบคันเร่งจนมิด พารถวิ่งราวกับธนูออกจากตำแหล่งที่หมายก็คือ อำเภอโชคชัย ที่อยู่ห่างออกไปเกือบยี่สิบกิโลเมตร

ผู้กองอังคารกระโจนแผล็วขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นถนนในลักษณะท่านั่งยิง มือทั้งสองกระชับปืน เหยียดยื่นออกไปเบื้องหน้า เหนี่ยวไกปล่อยไกหล่อยกระสุนนัดที่ 4 ออกไปด้วยความประณีตกว่าทุกครั้ง

" ตูม " คราวนี้เสียงกระสุนหนักแน่นยิ่งกว่าทุก ๆ ครั้ง ด้วยอำนาจของกระสุนเจาะเกราะที่ทะลวงผ่านถังน้ำมันเข้าไปทำให้บังเกิดปฏกริยาจากน้ำมันที่เหลืออยู่ระเบิดขึ้นมาทันที

ประกายไฟสีเขียวสุกใสสว่างแวบขึ้นมาพร้อม ๆ กับบังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ช่วงท้ายของรถบรรทุกน้ำมันก็แปรสภาพเป็นรถอาบไฟขึ้นในบัดดล

" บึ๊ม "

เสียงระเบิดกระหึ่มขึ้นมาเป็นคำรบที่สอง คราวนี้รถบรรทุกน้ำมันชะงักเหมือนกับถูกตรึง ชิ้นส่วนของรถกระจุยกระจายออกไปรอบ ๆ ทิศ มองดูเหมือนกับดอกไม้ไฟที่จุดในงานเฉลิมฉลองไม่มีผิด

คนขับซึ่งเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในรถกระโจนผลุงออกมาในสภาพที่หน้าหวาดเสียว คือมีไฟลุกเสื้อผ้าโชน์ไปทั้งตัว

หมอดาหลาซึ่งขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ผู้กองอังคารเมื่อไร ไม่ทันสังเกตเห็น เหยียดแขนเล็งปืนไปข้างหน้าอยู่ชั่วอึดใจก็บรรจงเหนี่ยวไกอย่างช้า ๆ ปากก็พึมพำออกมาเบา ๆ

"คนใจร้าย...ปล่อยให้ไฟคลอกทรมานเค้าอยู่ได้"

ยังไม่ทันจะสิ้นคำพูดของหมอดาหลา ลูกกระสุนขนาด 158 เกรนจาก "ชิฟสเปเชียล-แอร์เวท" ก็แผดเสียงขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว เป้าหมายก็คือร่างแบไฟของพลขับรถน้ำมัน ซึ่งวิ่งกระเซอะกระเซิงสว่างจ้าอยู่เบื้องหน้านั้น

"ปัง"

พลขับผู้เคาระห์ร้ายเซถลาลงกับพื้นมองเห็นไฟลุกท่วมเสื้อผ้าสว่างจ้า ถนัดหูถนัดตา

ไม่ถึง 10 นาที สี่ชีวิตก็กลายเป็นผีเฝ้าถนนซูเปอร์ไฮเวย์ไปอย่างน่าสยดสยอง

"คุณคุ้มกันผมให้ด้วย...ผมจะไปดูรถบางทีอาจจะขับได้"

ผู้กองอังคารพูดพลางวิ่งซิกแซ็กเข้าไปหารถสปอร์ดเมื่อตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็ติดเครื่องยนต์กระหึ่มพร้อมกับยื่นหน้าออกไปผิวปากเรียกหมอดาหลาเบา ๆ

ชั่วอึดใจต่อมาทั้งสองก็พารถวิ่งย้อนเข้าเมืองโคราชทิ้งเหตุการณ์อันน่าสยดสยองเอาไว้เบื้องหลังอย่างไม่ไยดี

กว่าผู้กองอังคารและหมอดาหลาจะหาทางเข้าสถานีที่สองของ "นอร์แมน" ได้ก็ต้องขี่รถวนเวียนอยู่ในตลาดเมืองโคราชหลายตลบ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถติดตามทั้งคู่ก็จอดรถทิ้งเอาไว้ที่ "ฮอลลิเดย์คอฟฟี่ช็อพ" แล้วนั่งสามล้อมุ่งหน้าไป "จอมสุรางค์โฮเต็ล" อันเป็น "รัง" ชั่วคราวที่นอร์แมนเช่าล่วงหน้าเอาไว้ในนามของหมอสอนศาสนาตั้ง 3 เดือนมาแล้ว

" ผู้กอง รถดาราทัวร์โดนจี้...ไอ้หมุดโดนซิวไปแล้ว"

ไอ้โล้นละล่ำละลัก รายงานแทบหายใจไม่ทัน เมื่อทุกคนพากันพร้อมหน้าในห้องชุดของโฮเต็ลชั้นหนึ่งในภาคอีสาน

ผู้กองอังคารก้มลงดึง .44 แมคนั่มที่ซองพกหน้าแข้ง ออกมาปลดล๊อคลูกโม่เทปลอกกระสุนร่วงพื้นดังกราวแล้วหยิบกระเป๋ากระสุนจากกระเป๋าหลังขึ้นมาเปิด หยิบกระสุนชุดใหม่บรรจุเข้าไปในลูกโม่อย่างคล่องแคล่วว่องไว

" - ผู้กองกับคุณหมอไปฟัดกับใครมาครับนี่...เสื้อผ้ามอมแมมหยั่งกับลูกแมวตกน้ำแบบนี้ ผมว่าผู้กองคงจะหวดไปหลายศพแน่ ๆ ...ที่ไหนครับผู้กอง ? "

ไอ้แสบซึ่งยืนพิจารณาดูเสื้อผ้าของลูกพี่อย่างเงียบ ๆ เอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างเคลือบแคลงใจ

" - ของอั๊วสอง...ของหมอ...สอง ที่ถนนสายโชคชัยโน่น...ไอ้...มีรถบรรทุกน้ำมันตามอั๊วตั้งแต่หัวทะเลแล้ว-เกือบไป...เดี๋ยวเล่าเรื่องไอ้หมุดก่อน "

ผู้กองอังคารตัดบทขึ้นมาอย่างห้วน ๆ ด้วยความใจร้อน...แล้วชำเลืองดูรอบ ๆ ห้องเหมือนหนึ่งจะมองหานอร์แมน

" หัวหน้าไปหาเอเย่นต์ของเราที่โคราชโฮเต็ล "

ไอ้โล้นสอดขึ้นมาเหมือนกับจะทายใจของผู้กองอังคารออก เมื่อเห็นผู้กองนิ่งมันก็เลยพูดต่อ

" - พอรถดาราทัวร์ วิ่งออกไปถึงบริเวณตาลคู่ก็โดนรถตำรวจวิ่งแซงหน้าส่งสัญญาณให้รถหยุด ต่อจากนั้นไอ้หมุดก็ถูกตำรวจซิวขึ้นรถจี๊ปขับย้อนกลับเข้ามาในโคราช..."

" - ไอ้หมุด โดนตำรวจจับข้อหาอะไรวะไอ้โล้น "

ผู้กองอังคารสอดขึ้นมาด้วยความเคลือบแคลงใจ

" - ไม่มีข้อหา...ตำรวจปลอดทั้งนั้น สอบถามดูทุกโรงพัก ทุกอำเภอไม่มีใครรู้เรื่องสายของเราวิ่งกันพล่านเมืองโคราช ขณะนี้ยังจับทิศทางของมันไม่ได้...ไม่มีใครรู้ว่า ไอ้หมุดโดนซิวอยู่ที่ไหน ? "

ไอ้โล้นพูดพลางเดินไปที่ม่านหน้าต่างพร้อมกับค่อย ๆ แหวกชายข้างหนึ่งมองทะลุลงไปที่ถนนหน้าโฮเต็ลด้วยความระมัดระวัง

ผู้กองอังคารลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินกลับไปมาอยู่หลายเที่ยว งานด้านอื่นกำลังติดพัน แต่ขณะนี้เหตุร้ายก็แทรกซ้อนเข้ามาอย่างกะทันหัน " บังหมุด " สายคนสำคัญของ ซี.ไอ.เอ. ซึ่งในอดีตเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของเขาคนนึงโดนคร่าตัวหายไปอย่างไม่ได้ร่องรอย มันเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่หนักพอดู ที่แก้ไม่ตกอยู่ในขณะนี้

" - ไอ้แสบมึงไปตาม "ไอ้เต๋า-โบว์ลิ่ง" ที่สินประเสริฐ-โบว์ล มาเดี๋ยวนี้ หลอกมันว่าหมอนวดเบอร์ 007 โอซาก้า สั่งให้ไปหา...ไอ้หอกนี่บ้าผู้หญิง...มึงเอาตัวมาให้ได้บางที่เราอาจจะรู้ทิศทางของไอ้หมุดจากไอ้หมอนี่"

ไม่ต้องสั่งเป็นครั้งที่สอง ทั้งไอ้แสบและไอ้โล้นก็ฉากแวบออกไปจากโฮเต็ล...ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หิ้วปีก "ไอ้เต๋า-โบว์ลิ่ง" จิ๊กโก๋ระดับชาติของเมืองโคราชขึ้นมานั่งหน้าบูดอยู่บนโซฟาภายในห้องชุดที่รโหฐานนั้น...

" - โบว์ลิ่ง กำลังมัน ผมกำลังจะเชือดหมูจากกรุงเทพ ฯ อยู่พอดี...เอาผมมาทำไมกันครับนี่"

ไอ้เต๋าพูดพลางชำเลืองไปที่ขวด "จอห์นนี่วอคเกอร์" ที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางกระหาย ผู้กองอังคารหันไปพยักหน้ากับไอ้โล้นลูกน้องตัวดี ก็ดูเหมือนว่าจะรู้ใจ รีบเดินไปรินใส่แก้วทรงสูงมาเกือบครึ่งเดินมายังไม่ทันจะถึงตัวไอ้เต๋าก็รีบเอื้อมมือออกไปแย่งมาดื่มด้วยความกระหายจัด

" - เหล้าปลอม...รสนิยมต่ำ ๆ ...นี่พวกคุณกินเหล้าปลอมกันหรือครับนี่...เหล้าขวดนี้ทำในโคราช...เมดอินหัวทะเลแหง ๆ"

ไอ้เต๋า พูดพลางใช้มือข้างหนึ่งขึ้นเช็ดริมฝีปากแล้ววางแก้วทรงสูงลงบนโต๊ะ สายตาที่มองขวดเหล้ามีแววเหยียดหยามอยู่ในที

" - เต๋า อั๊วมีงานให้ลื้อทำ เงินดี...อั๊วเห็นลื้อกว้างขวางในหมู่นักเลงเมืองโคราช งานง่าย ๆ ...ถ้าลื้อตกลง อั๊วจะจ่ายให้ลื้อเดี๋ยวนี้หนึ่งพันบาท"

ผู้กองอังคารแย็ปออกไปเหมือนกับจะหยั่งเชิง

" - วันนี้เป็นวันศุกร์ จะจ้างให้ผู้ไปต่อยมวยกับ "แคส เซียสเคลย์" ซักสองยกก็ยังไหว...แต่มีข้อแม้ว่าต้องจ่ายเงินก่อนเที่ยงวันเสาร์นะครับ จุ๊...จุ๊...หรุ่งนี้ อย่าบอกใคร...ที่เด็ด "คุณอนันต์" ม้าเบอร์ 7 ของ "เสี่ยเคียว" นอนมาอย่างชนิดแบเบอร์ งานอะไรผมเอาทั้งนั้น...ต้องจ่ายก่อนเที่ยงวันเสาร์นะครับ"

สองสามประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าลดเสียงลงกระซิบกระซาบกับผู้กองอังคารให้ไปแทงที่เด็ดการแข่งขันม้า ซึ่งมันชอบอย่างเข้ากระดูกดำ

ผู้กองอังคารไม่ตอบ ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบรูปบังหมุดออกมาวางที่โต๊ะ ยังไม่ทันจะถาม ไอ้เต๋าก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

" - ไอ้แขกเจ้าเล่ห์...นักต้มระดับชาติเล่นกลอยู่หน้าศาลากลาง...คุณให้ผมดูรูปทำไมครับ"

" เดี๋ยวนี้มันอยู่ที่ไหน...ถ้าลื้อรู้เบาะแสของไอ้แขกนี่...อั๊วจ่ายลื้อเดี๋ยวนี้พันบาท"

ผู้กองอังคารพูดพลางกรัดธนบัตรใบละ 500 บาทสองใบล่อตาโก๋ระดับชาติอยู่ไปมา...

" - ผมไม่รู้...แต่ผมสามารถที่จะชี้ช่องทางให้คุณรู้ได้...เพื่อนผมคนนึงรู้ทิศทางของไอ้คนนี้ดี...เพราะมันเคยกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวเกือบทุกวัน...จ่ายมาก่อนแล้วผมจะพาพวกคุณไป "

ไอ้เต๋า-โบว์ลิ่ง เอื้อมมือรับธนบัตรใบละ 500 บาทขึ้นส่องกับแสงไฟบรรจงพับใส่กระเป๋าปากก็พูดต่อไปอีก

" - ขออย่างเดียว พวกคุณอย่าไปรวนกับเพื่อนของผมคนนี้เป็นอันขาด ไอ้ "อ้วน-ราม่า" มันไม่ใช่นักเลงแต่มันสามารถด่าแม่นักเลงโคราชทุกคนได้โดยไม่มีใครหือ...ไปเลยครับ...ธุรกิจไม่เคยรอใคร "

ไอ้เต๋า พูดพร้อมกับพาตัวเองเดินออกจากห้องชุดของ "จอมสุรางค์-โฮเต็ล" ด้วยมาดของดาคารภาพยนตร์ในอนาคต

01.00 น. ณ บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์เฉลิมวัฒนาราม่า กำลังสับสนไปด้วยกลุ่มของนักเที่ยวทั้งชายและหญิงที่ทะลักออกมาจากสถานบริการต่าง ๆ ซึ่งตั้งแออัดยัดเยียดอยู่ทั้งสองฟากถนนแห่งนั้น...ไนท์คลับ 3 แห่ง...สถานอาบอบนวดสองแห่ง ห้องอาหาร 2 แห่ง ก็เลยทำให้บริเวณดังกล่าวนั้น เป็นที่รวมของคนกลางคืนเมืองโคราชไปโดยปริยาย

ชายลูกครึ่งจีน...รูปร่างอ้วนขนาดน้อง ๆ "ดาวน้อย-ดวงใหญ่" ใส่กางเกงขาสั้นยืนอยู่หลังรถขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว ซึ่งตั้งเป็นแผงอยู่ท่ามกลางร้านรวงที่เป็นตึกใหญ่โตมโหฬารนั้น

โต๊ะเก้าอี้ 6-7 โต๊ะ กำลังแน่นขนัด ไปด้วยขาประจำซึ่งส่วนมากเป็นจิ๋กโก๋, นักเลงกลางคืนอันธพาล, นักปล้น...พาร์ทเนอร์และหมอนวด

" - อ้วน...ใส่เครื่องในแยะหน่อยนะ"

" - อ้วน...ใส่ถั่วงอกดิบหน่อยนะ"

" - อ้วน ขอหนูใส่เนื้อเปื่อยมาก ๆ หน่อยนะ"

เสียงหมอนวด พาร์ทเนอร์ตะโกนสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัววฟังไม่ได้ศีพท์ เล่นเอา "อ้วน-ราม่า" ซึ่งยืนอยู่หน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวสะบัดหน้าหันมาตวาดด้วยเสียงเหมือนกับฟ้าร้อง

" - แล้วก็ซ่นตีนไม่ใส่ด้วยรึยังไง..."

เล่นเอาเรียกเสียงฮาครืนใหญ่จากจิ๊กโก๋ระดับชาติ 3-4 คน ที่นั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ

" - พวกมึงก็เหมือนกัน...ไอ้ลองสุมหัวกันจะไปปล้นที่ไหน ก็เสือกมาวางแผนกันที่นี่ โน่น..."ผู้กองมหัคพันธุ์" เดินมาโน่น ประเดี๋ยวถูกซิวหรอกมึง"

ไอ้อ้วนหันไปตะโกนด่ากลุ่มนักเลงที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ด้วยความฉุนเฉียว...และคำพูดของมันก็ได้ผล...กลุ่มนักเลงแตกฮือหลบหน้าผู้กองมือปราบโคราช ไปคนละทิศละทาง...

" - เห็นไหมครับ...น่คือ...ไอ้อ้วน - ราม่า พ่อของนักเลงทุกรุ่น...ประเดี๋ยวมีอะไร พวกคุณสอบถามมันได้เลยครับ "

ไอ้เต๋าโบว์ลิ่งซึ่งยืนอยู่ในกลุ่มของไอ้โล้นกระซิบกระซาบถึงสรรพคุณของพรรคพวกด้วยความภาคภูมิใจ

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11844 เมื่อ: มกราคม 17, 2016, 01:53:35 PM »

อัพเดตตลาดปืนมือ 2 วันนี้ http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.0   ถ้ายังไม่ได้เสมัครสมาชิก ก็สมัครด้วยครับ
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11845 เมื่อ: มกราคม 19, 2016, 07:49:54 AM »

อัพเดต แหล่งขายกระสุน ราคา ปืนใหม่ http://2013.gun.in.th/index.php?topic=63413.0   (ถ้ายังไม่ได้สมัครสมาชิก ให้สมัครด้วย)
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11846 เมื่อ: มกราคม 20, 2016, 12:06:13 PM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 21

ภาพยนตร์ไทยรอบดึก ซึ่งมีรายการพิเศษเพิ่งจะเลิก จำนวนคนดูเกือบสองพันคนที่ทะลักออกมาจากโรงทำให้บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์เฉลิมวัฒนาราม่า แออัดยัดเยียดรถติดกันเป็นแพ มองดูสับสนวุ่นวายไปหมด

ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวของ ไอ้ "อ้วน-รามา"ซึ่งตามปกติก็ขายดีอยู่แล้ว จากขาประจำ กลับขายดียิ่งกว่าเทน้ำเทท่าเสียอีก เพราะขาจรที่ซึ่งเพิ่งเสร็จจากการชมภาพยนตร์พากันเข้ามาอุดหนุนจนไอ้อ้วนลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวแทบไม่ทัน

"-เต๋า-กี่ทุ่มวะ ไอ้อ้วนมันถึงจะเลิกขายก๋วยเตี๋ยว"

ไอ้โล้น ซึ่งคืนนี้ใส่วิกผมยาวเหมือนกับฮิปปี้เอื้อมมือสะกิดสีข้าง "เต๋า-โบว์ลิ่ง" แล้วกระซิบถามเบา ๆ

"ไม่แน่ กว่าจะเลิกบางทีอาจถึงตีสองโน่น...ถ้าวันไหนมันเกิดยัวะขึ้นมามันก็หยุดขายเอาดื้อ ๆ...รอให้คนซาลงอีกนิด ผมจะเข้าไปถามมันเอง"

ไอ้เต๋าพูดพลางใช้สายตาชำเลืองมองขึ้นไปบนระเบียงชั้นบนของโรงหนังเหมือนกับจะมองหาใครซักคนนึง

"พี่ ผมว่าท่ามันจะยังไง ๆ แล้วนะครับ...พี่ลองสังเกตดูไอ้หนุ่มคนที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองนั่นซิครับ...คนที่สะพายกล้องถ่ายรูปใส่เสื้อยืดสีดำนั่นแหละ รู้สึกว่ามันจะแอบถ่ายรูปพวกพี่ตั้งสองครั้งแล้ว"

ไอ้เต๋า-โบว์ลิ่ง หันกลับมาจับแขนเสื้อไอ้แสบแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงเบา ๆ

ไอ้แสบเอื้อมมือสะกิดแขนไอ้โล้นแล้วหลิ่วตาให้เป็สนอาณัติสัญญาณ เพื่อนคู่หูก็ดูเหมือนจะอ่านใจพรรคพวกกันออก มันคว้าแขนไอ้เต๋าเดินเลี้ยวขวาขึ้นไปยืนมองดูแผ่นรูป "สปอร์ตโฆษณา" ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณชั้นล่างของโรงภาพยนตร์ด้วยท่าทางปกติ

ส่วนไอ้แสบยึนดูภาพโฆษณาอยู่ครู่หนึ่งก็ฉากแวบออกไปทางเบื้องหลังแล้วชำเลืองมองขึ้นไปบนระเบียงชั้นที่สองอย่างระแวดระวัง

จริงอย่างที่ไอ้เต๋าพูดไม่มีผิด...เด็กหนุ่มหน้าตาเข้าที ใส่เสื้อยืดสปอร์ตแขนยาวสีดำมีกล้องถ่ายรูปห้อยอยู่ที่หน้าอก กำลังสอดส่ายสายตามองไอ้โล้นกับไอ้เต๋าอยู่พอดี เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เผลอเขาก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายฉับ ๆ แล้วค่อย ๆ เดินปะปนลงมากับประชาชน ที่เพิ่งจะเลิกจากการชมภาพยนตร์รอบดึกด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

ไอ้แสบถลาวูบออกมาจากหลังแผ่น "สปอร์ตโฆษณา" ไอ้เต๋าจิ๊กโก๋ระดับชาติของเมืองโคราช ตะครุบข้อมือเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกระซิบถาม

"จะไปไหน...ลูกพี่"

" - ไอ้ห่าจิก นั่นแอบถ่ายรูปพวกอั๊วตั้งหลายรูปแล้ว...มันเป็นใครไอ้เต๋า"

ประโยคสุดท้าย ไอ้แสบสบถออกมาอย่างฉุนเฉียวแล้วมองตามร่างของเด็กหนุ่ม ซึ่งกำลังจะก้าวข้ามถนนไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวของไอ้อ้วน-ราม่า ด้วยท่าทางกระหายเลือด

ไอ้เต๋ามองตามอยู่ครู่หนึ่งก็ผละออกจากลุ่มเพชฌฆาตรับจ้าง เดินลิ่วไปที่ร้านไอ้อ้วน...ซุบซิบอะไรกันครู่หนึ่งก็ล้วงกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยบาทส่งให้ ต่อจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งข้ามถนนมาหาไอ้โล้นกับไอ้แสบ ซึ่งขณะนี้ผละจากบริเวณหน้าโรงภาพยนตร์ลงมายืนเตร่ที่ขอบถนน

"ซวยฉิบหาย ผมไปถามว่ามันรู้จักไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า...มันบอกว่ารู้ แต่ต้องจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวที่ผมค้างอยู่หกเดือนเซียะก่อน หมดไปห้าร้อยบาท พรุ่งนี้อดแทงม้าแน่ ๆ กู"

ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าพึมพำออกมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว

" - ประเดี๋ยวกูจะเบิกให้มึง...ไอ้เต๋า กูอยากรู้ว่าไอ้ห่าจิกที่แอบถ่ายรูปนั่นเป็นใคร...ทำงานอะไร"

ไอ้โล้นคำรามขึ้นมาด้วยท่าทางร้อนใจ

" เป็นลูกญวนเกิดในเมืองไทยชื่อ " ตรัน วันฮัน " อาชีพของมันก็คือรับจ้างถ่ายรูปนอกสถานที่ ลูกพี่ไม่ต้องตกใจ ผมสั่งให้ไอ้อ้วนจัดการแล้ว...ดูโน่น "

พอพูดจบไอ้เต๋าก็บุ้ยใบ้ให้เพชฌฆาตรับจ้างทั้งสองมองดูที่ร้านไอ้อ้วนพร้อมพูดต่อไปอีก

" ไอ้อ้วนสั่งให้เซียนเทพ กับเซียนโด่ง จัดการแล้วประเดี๋ยวคงสนุกน่าดูชม"

ในขณะที่ ตรัน - วัน - ฮัน เด็กหนุ่มชาวญวนกำลังเดินเข้าไปหารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ที่หน้า " สินประเสริฐโบว์ล " ก็ถูกพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ร้านของ " อ้วน - ราม่า " สองคนเดินเข้าไปประกบทันที

" เฮ้ย...ถ่ายรูปให้อั๊วหน่อยวะ" เซียนเทพเอื้อมมือไปจับกล้องพร้อมกับยักคิ้วแสยะยิ้มด้วยมาดของนักเลงประจำถิ่น

" ฟิล์ม...ฟิล์ม หมดม้วนแล้วครับ...พี่ "

" ตรัน - วัน - ฮัน " ยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับกล้องปากก็พูดออกมาอย่างนอบน้อม

" อะไรวะหมด...ไหนขออั๊วดูซิวะ " เซียนโด่งซึ่งยืนประกบอยู่ด้านหน้ารถ เอื้อมมือปลดสายสะพายกล้องจากคอดื้อ ๆ

" อย่าครับ...ลูกพี่ ถ้าจะถ่ายจริง ๆ ประเดี๋ยวผมจะเปลี่ยนฟิล์มให้ "

" ตรัน - วัน - ฮัน " ละล่ำละลักพูดพร้อมกับยื้อแย่งกล้องเป็นพัลวัน

กล้องถ่ายรูปหลุดจากมือของตรัน แล้วหล่นลงไปที่พื้น เซียนเทพทำท่าจะก้มลงเก็บ

" ปุ๊ "

มีเสียงเบา ๆ ดังแหวกอากาศมาทางรถเก๋งติดฟิล์มกรองแสงซึ่งจอดซุ่มอยู่ ที่ขอบถนนหน้าสินประเสริฐโบว์ล เซียนเทพ ยกมือขวาขึ้นตะปบไหล่ แยกเขี้ยวแล้วเซถลาไปชนรถเก๋งซึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ

เซียนโด่งซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ เดาเหตุการณ์ออกกระโจนพรวดเข้าไปหมอบอยู่หน้าหม้อรถ ปล่อยให้กระสุนนัดที่สองจากมือปืนไม่ปรากฏนาม ทะลุทะลวงร่างของ "มนูญ" คนเฝ้ารถสินประเสริฐโบว์ล ที่บังเอิญวิ่งออกมาดูเหตุการณ์จากช่องทางเข้าออกอย่างพอดิบพอดี

" เฮ้ย...เซียนเทพ...กับไอ้นูนโดนยิงโว้ย "...เซียนโด่ง ซึ่งหมอบอยู่หน้าหม้อรถแหกปากร้องตะโกนขึ้นมาสุดเสียง

จิ๊กโก๋ระดับชาติสิบกว่าคนที่ยืนเตร่อยู่บริเวณดังกล่าว พรั่งพรูออกมาเหมือนกับผึ้งแตกรัง

ห้าคนแรกวิ่งเริดออกมาจาก "ฮอลิเดย์-คอฟ-ฟี่ช็อพ" คนที่นำหน้าถือสปาต้าขาววับ คนที่ตามมาติด ๆ ถือไม้ทุบน้ำแข็งอันเบ้อเร่อ

อีกสามคนซึ่งวิ่งมาจากไหนไม่ปรากฏ พรวดพราดเข้าไปหาไอ้อ้วน - ราม่า แล้วแย่งมีดปังตอควงจี๋เข้าไปที่รถเก๋งลึกลับด้วยท่าทางกระหายเลือด

" ปุ๊ "

กระสุนลึกลับจากปืนสวมท่อเก็บเสียงพุ่งปร๊าดออกมาจากช่องกระจกของรถเก๋ง เป้าหมายก็คือร่างที่ถือมีดปังตอวิ่งหน้าเริดอยู่นั้น...

จิ๊กโก๋ระดับชาติ สะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัว มีดปังตอหล่นโครมลงบนพื้น ศีรษะหงายเริดแล้วเอียงคว่ำหน้าอยู่บนลานจอดรถนั่นเอง...

" - ฉิบหายแล้ว ลูกพี่...เพื่อน ๆ ของผมคว่ำไปแล้วสองคน แสดงฝีมือให้ผมดูหน่อยเป็นไง "

ไอ้เต๋าละล่ำละลักพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก ไอ้แสบขบกรามเป็นสันนูน แล้วหันมาพยักหน้ากับเพื่อนคู่หู ไอ้โล้นแสยะยิ้มพร้อมกับคู้ตัวลงไปนั่งบนพื้นในลักษณะท่านั่งยิง มือขวาเลื่อนปรู๊ดลงไปกระตุก .357 ไพธ่อน กระบอกหกนิ้วจากซองพกพิเศษที่ท่อนขาด้านล่างขึ้นมา แล้วเหยียดปืนเล็งไปยังรถเก๋งที่จอดอยู่เบื้องหน้า เหนี่ยวไกยิงอย่างใจเย็น 3 นัดซ้อน ๆ

"ปัง...ปัง...ปัง"

กระสุนเจาะเกราะจากปืนชั้นเยี่ยมของโลกทะลวงด้านท้ายรถเก๋งแล้วเฉียนเบาะคว้านแผ่นหลังของชายลึกลับซึ่งนั่งอยู่ตอนท้ายรถออกทั้งกระบิ...ความรุนแรงของกระสุนไม่หยุดยั้งอยู่เพียงแค่นั้น มันยังทะลุทะลวงผ่านเบาะด้านหน้าเข้าไปกระทบกับร่างที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเข้าอย่างจัง

" ปุ๊ "

เสียงปืนเก็บเสียงที่ดังอยู่ทางด้านข้าง ทำให้ไอ้โล้นหันขวับกลับไปดูด้วยความแปลกใจ

ไอ้แสบชูปืสนให้ไอ้โล้นดู พร้อมกับทำหน้าเหลอหลา

ไอ้โล้นวาดปืนเข้าหาร่างของ ตรัน - วัน - ฮัน แต่ปรากฏว่า ตรัน - วัน - ฮัน โดนกระสุนเก็บเสียงจากมือลึกลับเมื่อกี้นี้เรียบร้อยไปแล้ว

มีเสียงเร่งเครื่องยนนต์ดังกระหึ่มมาจากหน้าร้านขายแว่นที่อยู่ข้าง ๆ โรงภาพยนต์ ชั่วอึดใจรถลึกลับอีกคันก็วิ่งพรวดเข้ามาจอดที่หน้าโรงภาพยนต์...ศีรษะล้านเป็นมันแผล็บของ "นอร์แมน" โผล่ออกมาพร้อมกับผิวปากลั่น

แทบไม่ต้องนัดกันเอาไว้ ไอ้โล้นกับไอ้แสบวิ่งจี๋เข้าไปเปิดประตูพาตัวเองหายเข้าไปอย่างรวดเร็ว...ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากโรงภาพยนตร์ ไอ้โล้นก็ยื่นหน้าออกมาตะโกนลั่น

" - ไอ้เต๋า ถอดฟิล์มออก พรุ่งนี้กูจ่ายให้มึงสองพัน"

รถลึกลับเผ่นกระโจนออกจากหน้าโรงภาพยนตร์เหมือนใส่ปีกบิน...รถราที่วิ่งสวนมาหักหลบกันเป็นแถวกลุ่มประชาชนที่แตกฮือเมื่อตอนแรก ต่างก็เฮโลกันเข้าไปดูรถที่จอดอยู่ข้าง ๆ ถนนกันแน่นขนัดไปหมด

ไอ้เต๋าพาตัวเองเข้าไปที่ศพของ " ตรัน - วัน - ฮัน " แล้วใช้ความรวดเร็วถอดฟิล์มออกทั้งม้วน ต่อจากนั้นก็เดินเข้าไปที่รถเก๋งลึกลับ คันที่ระดมยิงพรรคพวกของมันตายไปหนึ่งคนด้วยท่าทางโกรธจัด...

ประตูรถเก๋งถูกเปิดออก...ภาพที่ปรากฏอยู่ภายในรถ ทำให้ประชาชนที่ยื่นออกันอยู่ อุทานออกมาด้วยความตกใจ

ชายฉกรรจ์ 2 คน นอนงอก่องอขิงอยู่ภายในรถ...ทุกคนโดนอำนาจกระสุนเจาะเกราะทะลุทะลวงจนหน้าอกพังเป็นแถบ ๆ...กลิ่นเลือดเหม็นคลุ้งอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ...

ไม่ถึงสิบนาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึง เซียนเทพผู้บาดเจ็บฉากหายแวบไปเหมือนกับปีศาจ ปล่อยให้ " ตรัน - วัน - ฮัน " แล้วไอ้ลอง อันธพาลสิบทิศ นอนหมดลมหายใจอยู่ที่ลานจอดรถนั่นเอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประสบกับการเวียนหัวเป็นคำรบที่สอง...ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่ง " มนูญ " คนเฝ้ารถ สินประเสริฐ ซึ่งได้รับบาดเจ็บก็ปฏิเสธไม่ยอมให้การใด ๆ ทั้งสิ้น...บอกแต่เพียงว่าโดนยิงโดยไม่รู้เรื่องเท่านั้น

นายตำรวจคนหนึ่งเดินเข้าไปหาไอ้อ้วน...ยังไม่ทันจะสอบถามอะไรก็โดนลูกเล่นของ "อ้วน - ราม่า " เสียก่อน

" หมวด...ผมขอแจ้งความ...ไอ้ลองขโมยมีดของผมไป...ฉิบหายจะฆ่ากันทีไร ของ - ของผมโดนขโมยทุกที "

นายตำรวจซึ่งเคยเป็นขาประจำก๋วยเตี๋ยวอมยิ้มแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง

"ลื้ออยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์น่าจะรู้อะไรนี่หว่า...เรื่องมันเป็นยังไงกันวะ อ้วน "

" - อย่าให้ผมเข้าไปยุ่งเลย หมวด...ขนาดขายก๋วยเตี๋ยวนี่ก็แทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว...เจอะข่าวยาหดเข้าไปสองอาทิตย์ขาประจำหายหมด...อย่าให้ผมยุ่งเลยหมวด "

ไอ้อ้วนตัดบทดื้อ ๆ แล้วเก็บอุปกรณ์การขายใส่รถเข็น พร้อมกับบ่นโขมงโฉงเฉงอยู่ตลอดเวลา

หญิงสาวหน้าตากระเดียดไปทางลูกครึ่งที่ยืนพิงประตู " ฮอลิเดย์ - ค็อฟฟี่ช็อพ " อยู่ตลอดเวลาที่เกิดยิงกันอย่างสะบั้นหั่นแหลกยิ้มให้ไอ้เต๋าอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับเอ่ยถามเป็นภาษาไทยค่อนข้างแปร่งเล็กน้อย

" คนตายกี่คนคะ "

ไอ้เต๋าหยุดชะงัก สายตาทีเหมือนเหยี่ยวกวาดชำเลืองดูเฟอร์นิเจอร์ตามตัวของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว...มันยิ้มอย่างกว้างขวางที่มองเห็นแหวนเพชรเม็ดเบ้อเร่อบนนิ้วของหญิงสาวที่สวยบาดใจนั้น

" - บนรถสองคน...ข้างล่างสองคน จะให้ผมรับใช้อะไรบ้างครับ "

" - ดิฉันเพิ่งมาจากกรุงเทพ ฯ...พอเลี้ยวรถเข้ามาจอดก็เกิดยิงกันวุ่นวายไปหมด ที่นี่มีโรงแรมที่สะอาด ๆ และปลอดภัยสำหรับผู้หญิงบ้างไหมคะ "

หญิงสาวพูดพลางชี้ไปที่รถซึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ แล้วยกมือขึ้นไปปิดปากหาว ทำกริยาเสมือนหนึ่งจะง่วงนอนเต็มทน

ไอ้เต๋าแอบยิ้มกับตนเอง...แล้วพูดขึ้นอย่างนอบน้อม

" - ถ้าคุณ...อยากจะพักอย่างสงบเงียบจริง ๆ ก็ต้องจอมสุรางค์...แต่ถ้าอยากจะสนุกสนานกับเสียงเพลงก็ต้องศรีพัฒนา "

" - ดิฉันเพิ่งจะมาโคราชเป็นครั้งแรก พอเข้าเมืองก็แทบจะหลงตาย ต้องอาศัยเกาะหลังรถทัวร์ถึงได้มาจอดอยู่ที่นี่...ดิฉันอยากจะให้คุณช่วยวนำทาง...ไปศรีพัฒนานะคะ "

ไอ้เต๋าแทบจะบ้าตาย มันเดินยืดอกตามหลังหญิงสาวไปติด ๆ ท่ามกลางเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ของพรรคพวกที่จับกลุ่มอยู่หน้าสินประเสริฐโบว์ล

" - โว้ย ดูที่เด็ดลูกผู้ว่านครสวรรค์ซีโว้ย...ไอ้ห่าไอ้เต๋ามันไปคว้าที่ไหนมาวะ...ลูกครึ่งซะด้วย "

คำพูดเย้าของจิ๋กโก๋คนหนึ่งเรียกเสียงฮาจากพรรคพวกครืนใหญ่...เพราะแบ๊คกราวนด์ของไอ้เต๋าเท่าทีรู้ ๆ กันเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่...แต่ทุกคนก็อุปโลกน์ไอ้เต๋าเป็นลูกผู้ว่านครสวรรค์ และมักจะอำกันอยู่ตลอดเวลาเมื่อไอ้เต๋าเดินกับผู้หญิง

ไอ้เต๋าไม่ตอบ มันหันมายกส้นตีนให้พรรคพวกอย่างสวยหรู หนึ่งครั้งแล้วผลุบเข้าไปนั่งคู่กับหญิงสาวพร้อมกับบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ

" - เพื่อน ๆ ของผมปากมันไม่ดี...ปกติท่านพ่อของผมห้ามไม่ให้คบกับไอ้พวกนี้...แต่ผมมันเป็นคนรักเพื่อน...เมื่อหัวค่ำผมขอเงินท่านพ่อมาห้าพันบาท ไม่ถึงสองชั่วโมงผมเลี้ยงเพื่อน ๆ หมดกระเป๋าเลย...ขอเวลาผมนิดหนึ่งได้ไหมครับ...กรุณาไปส่งผมที่บ้าน ผมจะขอเงินท่านพ่อมาเลี้ยงฉลองในการที่ได้รู้จักกับคุณ"

ไอ้เต๋าเริ่มวางแผนหลอกหญิงสาวไปยัง " โรงฆ่าสัตว์ " ที่พวกมันได้ออกเงินเช่าเอาไว้สำหรับ "เชือด" ไก่หลงโดยเฉพาะ

"ไม่ต้องหรอกคะ ดิฉันมีเงินติดตัวมาแยะ โดยเฉพาะที่กระเป๋าบนชั้นคอนโซลนั่นก็เกือบสองหมื่นบาทเข้าไปแล้ว"

ในขณะที่พูดหญิงสาวก็ชำเลืองสายตามองไปที่กระเป๋าซึ่งวางอยู่บนชั้นคอนโซล ไอ้เต๋ามองดามหัวใจของมันพองโต แทบระเบิดออกมานอกทรวงอกที่มองเห็นธนบัตรใบละ 100 บาทแลบออกมาจากช่องกระเป๋า ซึ่งถูกลืมรูดซิปเอาไว้อย่างจงใจนั้น

" เลี้ยวขวาออกไปถนนใหญ่นั่นเลยครับ "

ไอ้เต๋าตัดบทด้วยเสียงที่เกือบจะจำเสียงตัวเองไม่ได้

หญิงสาวพารถเลี้ยวขวาออกถนนใหญ่ พอรถผ่านสี่แยกหนองบัวลอง ไอ้เต๋าก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัว เมื่อปรากฏว่ามีวัตถุเย็นเยียบเหมือนกับเหล็กโดนน้ำแข็งจี้หมับที่บริเวณซอกหูด้านหลัง

"นั่งนิ่ง ๆ...กระดุกกระดิกพ่อยิงตายห่า" เสียงห้าวลึกดังลั่นอยู่ที่เบาะด้านหลัง ทำให้ไอ้เต๋าถึงกับคอพับคออ่อนละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน

"จับ...จับ...ผมมาทำไมกันครับนี่"

หญิงสาวหันมายิ้ม แล้วพูดน้ำเสียงเรียบ ๆ "ก็คุณเต๋าเป็นลูกผู้ว่า ฯ พ่อของคุณเป็นคนมีเงิน เราก็เลยจับคุณมาเรียกค่าไถ่นะซีคะ"

"โธ่...ใครว่าผมเป็นลูกผู้ว่า ฯ เพื่อน ๆ ผมมันอำเล่นหรอกครับ ขนาดจะกินไปวัน ๆ หนึ่ง ผมก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ผมว่าพวกคุณเข้าใจผิดแน่ ๆ"

มีเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่จากที่นั่งเบื้องหลัง บัดดลนั้นเอง ประสาทและสติสัมปชัญญะของไอ้เต๋าก็ดับวูบลงเหมือนฟิวขาด เนื่องจากโดนแพ่นกบาลด้วยด้ามปืนพกบริเวณท้ายทอยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

" - ค้นมันดูซิ...จัน - บางทีม้วนฟิล์มที่ฉันแอบขโมยมา อาจจะอยู่ในตัวมันก็ได้ "

ผู้หญิงลูกครึ่งหันมาสั่งชายที่นั่งอยู่เบื้องหลังด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

"จัน"...ขยับตัวลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือลงไปค้นตัวไอ้เต๋าอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดออกมาอย่างนอบน้อม

" - ไม่มีครับ...ผู้รู้สึกว่าก่อนหน้าที่มันจะเดินเข้ามาหาคุณนาย...มันเดินเข้าไปในโบว์ลิ่งก่อน...จะทำยังไงดีครับ...ทิ้งมันลงที่นี่หรือว่าจะพามันไปรีดที่รังของเรา"

หญิงสาวเม้มปากหันมาดูไอ้เต๋านิดนึง แล้วหันกลับไปมองกระจกหลังพูดออกมาเบา ๆ


" - จันเอ็งลงที่ทางข้ามรถไฟ แล้วคอยยิงไอ้รถคันที่ตามมาโน่น...ฉันจะพาไอ้จิ๊กโก๋นี่ไปรังของเราแล้วพบกันที่โน่น "

หญิงสาวพูดพลางพารถเลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟในขณะที่รถชะลอความเร็วลง...จัน...ก็เปิดประตู กระโจนแผล็วลงไปที่พื้น แล้ววิ่งเหยาะ ๆ หายเข้าไปในความมืดทะมึ่นของกองสวะที่อยู่ข้าง ๆ นั้น

พอรถของหญิงสาวผ่านพ้นทางรถไฟไปชั่วอึดใจแผงไม้กั้นซึ่งทอดตัวเองอยู่เหนืองทางรถไฟก็ค่อย ๆ ลดตัวลงมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีเสียงออดสัญญาณดังเป็นจังหวะไม่ขาดระยะ

พอแผงไม้กั้นลดลงปิดถนนก็มองเห็นแสงไฟจากหัวรถจักรสว่างจ้ามาทางสถานีรถไฟซึ่งอยู่ห่างออกไปทางขวามือเกือบหนึ่งร้อยเมตร และแสงไฟดังกล่าวเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเป็นลำดับเสียงหวูด...เสียงล้อรถบดลงไปบนรางดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ

รถแท็กซี่กลางเก่ากลางใหม่ขับมาจอดที่หน้าแผงกั้นภายในที่นั่งตอนหน้ารถผู้กองอังคารกับหมอดาหลานั่งมองดูขบวนรถไฟด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่งก็กลับรถแล่นเข้าตัวเมืองโคราชอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวลูกผสมพารถเลี้ยวขวาผ่านสนามบินพาณิชย์เข้าย่านหนองไผ่ล้อม แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปในซอยทองหล่อซึ่งเป็นซอยที่ทะลุออกไปถึงสถานีรถไฟได้อย่างสบาย !

รถเข้าไปจอดอยู่ที่หน้าโกดังเก็บของซึ่งสร้างอย่างมั่งคงแข็งแรง...รั้วทั้งสี่ด้านมีลวดหนามขึงอยู่บนสุดของสังกะสีมองเห็นทะมึนอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่เรียงรายเป็นระยะ ๆ นั้น

หญิงสาวเปิดประตูรถ แล้วเดินเข้าไปกดกริ่งที่ใต้อักษร "ย่งเส็ง" ชั่วอึดใจช่องประตูเล็ก ๆ ก็เปิดผลัวะออกมาพร้อม ๆ กับมีใบหน้าซีดขาวของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งโผล่ออกมาดูอย่างระแวดระวัง

พอเห็นหน้าหญิงสาวถนัด ชายหน้าซีดผู้นั้นก็หายแว่บเข้าไป แล้วบานประตูซึ่งถูกสร้างอย่างแข็งแรงก็เปิดออกช้า ๆ ปล่อยให้รถของหญิงสาวผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย...

" เอา...ผู้ชายคนนี้เข้าไปขังรวมกับไอ้บังหมุด "

หญิงสาวออกคำสั่งห้วน ๆ กับชายฉกรรจ์ 3 คนที่เดินออกมาจากด้านข้างของโรงเก็บรถ


"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน"
สมิง วังม่วง   



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 20, 2016, 12:09:49 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11847 เมื่อ: มกราคม 23, 2016, 12:36:42 PM »

เคยคิดว่าจะหยุดซื้อปืน ที่มีอยู่ตอนนี้ก็เหลือใช้ เกินความจำเป็นไปแล้วแต่มาเจอ คิมเบอร์ k6s กระบอกนี้  "อยู่ไม่ได้แล้วต้องเอา"  (คลิกที่รูปปืน เพื่อชมภาพขยาย)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2016, 12:40:09 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11848 เมื่อ: มกราคม 26, 2016, 11:46:57 AM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 22

ร่างของ " เต๋า-โบว์ลิ่ง" โดนหามกระร่องกระแร่งลงจากรถ แล้วถูกโยนโครมลงไปบนรถเข็นชนิดสามล้อ ที่จอดอยู่หน้าโรงเก็บรถนั่นเอง

ต่อจากนั้นสองคนในกลุ่มก็ผละเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังเรือนพักคนงาน ซึ่งมองเห็นทะมึนอยู่เกือบจะชิดขอบรั้วด้านในสุดของโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลนั้น

ส่วนอีกคนเข็นรถอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง...ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ ต่อมาก็หายลับเข้าไปในช่องประตูโกดังข้าวสารที่เปิดหราอยู่นั้น

โกดังข้าวสารถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของโกดังแน่นเอียดไปด้วยกระสอบข้าวสารนับพัน ๆ กระสอบ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นห้องหับเรียงรายเหมือนกับสำนักงานธุรกิจไม่มีผิด

ยามรักษาการณ์สองคนที่ยืนอยู่ด้านในของประตูชะโงกหน้าลงไปมองดูร่างไอ้เต๋า แล้วไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้า เหมือนกับจะเป็นสัญญาณให้ผ่านเข้าไปได้...

ร่างของไอ้เต๋าถูกเข็นผ่านกองกระสอบข้าวสารไปยังห้องด้านในสุด แล้วถูกโยนโครมเข้าไปนอนฟุบอยู่กลางห้องนั้น...

ไอ้เต๋าเริ่มได้สติ มันสลัดศีรษะด้วยความมึนงงอยู่ครู่งหนึ่งก็เอื้อมมือไปจับท้ายทอย แล้วค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมานั่งอย่างลำบากยากเย็น

" - โดนอะไรมา...เพื่อน "

สำเนียงพูดแปร่ง ๆ เหมือนกับแขกพูดไทย ดังอยู่ที่มุมห้อง ไอ้เต๋าเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นบังหมุด ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่กับผนังห้อง...ข้อมือและข้อเท้าโดนมัดติดกันใบหน้าและริมฝีปากบวมเจ่อ บางส่วนแตกปริมีเลือดซึมออกมามองเห็นถนัดตา

ไอ้เต๋ายังไม่ทันจะพูด ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง...

พร้อม ๆ กับมีใบหน้าของยามรักษาการณ์คงนีงโผล่เข้ามาดู เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มันก็กระแทกประตูห้องปิดดังโครมใหญ่ แล้วมีเสียงลั่นกุญแจดังกริ๊ก

" - พรรคพวกของลื้อถามหาตัวลื้อให้ควั่กไปหมดมันเรื่องอะไรกันนักหนาวะไอ้บัง "

ไอ้เต๋าพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ ๆ มือทั้งสองเอื้อมไปที่ข้อเท้าทำกริยาเสมือนหนึ่งจะช่วยแก้เชือกให้

บังหมุดขยับเท้าหนี สายตาจ้องหน้าไอ้เต๋าเขม็งแล้วค่อยเอ่ยถามห้วน ๆ

" - ลื้อยังไม่ได้ตอบอั๊ว...ลื้อเป็นใคร ทำไมถึงโดนจับมาที่นี่ "

" - อั๊วเป็นเพื่อนของไอ้โล้น และไอ้แสบ อั๊วถูกดึงเข้าไปร่วมมือในการสืบหาลื้อ...บังหมุด...ก่อนอั๊วจะถูกซิวมานี่เกิดเรื่องยิงกันเกือบตาย ที่หน้าร้านไอ้ "อ้วน-ราม่า" ...ไอ้ห่ เสียที่ผู้หญิงด๊าย "

ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าบ่นพึมพำเหมือนกับจะพูดกับตัวเอง...

ต่อจากนั้น ไอ้เต๋าก็อธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งบังหมุดหายเคลือบแคลงใจ

" - เต๋า...ลื้อพอจะเดาออกมั้ยว่า ห้องที่ขังเราอยู่นี่ตั้งอยู่บริเวณไหนของเมืองโคราช "

บังหมุดเอ่ยถามขึ้นมาอีก

" - จนปัญญาว่ะ อีตอนเข้ามานี่อั๊วโดนแพ่นกบาลจนสลบ มาฟื้นอีกที่ก็ห้องนี่แหละ แล้วก็ห้องทึบ ๆ ไม่มีหน้าต่าง พอที่จะอาศัยดูภูมิประเทศด้านนอกแบบนี้ อั๊วเดาไม่ออกจริง ๆ เฮ้ย พวกไหนวะที่จับเรามา "

ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าลดเสียงกระซิบถามเบา ๆ

" - ญวนทั้งนั้น...เดี๋ยวอั๊วขอถามอีกนิด อีตอนลื้อขึ้นไปบนโรงแรม ลื้อถอดรองเท้าเอาไว้นอกห้องหรือว่าในห้อง "

บังหมุดย้อนถามกลับมาอีก

" - คราวแรกอั๊วถอดวางเอาไว้ในห้อง แต่ไอ้โล้นหิ้วรองเท้าอั๊วโยนออกไปข้างนอก ลื้อถามทำไมวะ "

บังหมุดไม่ตอบ แต่ประกายดวงตาฉายแสงแห่งความหวังขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็เป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นชั่วอึดใจต่อมา บังหมุดก็สงบกริยาท่าทีนั่งนิ่งซึมกระทือเหมือนเดิม แต่ทว่าสายตาชำเลืองไปที่รองเท้าของไอ้เต๋าพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความเคลือบแคลงใจ

มีเสียงกุญแจถูกไขดังกริ๊ก...ไอ้เต๋าคลานเร็วจี๋กลับไปนอนอยู่กลางห้อง ณ ตำแหน่งเดิม พอประตูเปิดไอ้เต๋าก็หรี่ตามอง เห็นสาวลูกผสมเดินนำหน้าสมุนเข้ามา 3 คน และคนที่เดินอยู่รั้งท้ายก็คือ ยามรักษาการณ์ที่โผล่หน้าเข้ามาดูตอนแรกนั่นเอง

" - ปลุกมันให้ฟื้นขึ้นมา..."

สาวลูกผสมเอ่ยขึ้นอย่างห้วน ๆ

" - มันฟื้นแล้วครับ...นาย...เมื่อตอนแรกผมเข้ามาดูเห็นมันสองคนที่นั่งคุยกันอยู่...ไอ้หอกนี่ลูกไม้จัดนัก...ผมจัดการเอง"

ยามรักษาการณ์พูดพลางปราดเข้ามาหาไอ้เต๋าอย่างรวดเร็ว...

ไอ้เต๋าเหมือนกับนกรู้ มันกระโจนพรวดเดียวลุกขึ้นมานั่งตาแป๋ว แถมพนมมือยกขึ้นไหว้สาวลูกผสม พร้อมกับพูดอ่อย ๆ

" - ปล่อยผมไปเถอะครับ...ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ...ผม...ผม...หิว...หิว..."

ยังไม่ทันจะจบประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าก็ม้วนตัวลงกับพื้น...มือทั้งคู่เกร็งแน่น กระเสือกกระสนไถลร่างร้องครวญครางขึ้นมาในบัดดล

สาวลูกผสมใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบท้องของไอ้เต๋า...ปากก็สำทับอย่างเฉียบขาด

" - กูรู้ว่ามึงกำลังจะลงแดงตาย...ถ้ามึงตอบในสิ่งที่กูอยากรู้...กูจะให้มึงสูบอย่างชนิดเต็มอิ่ม...ตอบ...ไอ้เต๋า...มึงเอาฟิล์มไปซ่อนไว้ที่ไหน? "

ไอ้เต๋ากัดกรามสั่นระริก ร่างกายสั่นกระตุกคล้ายกับเป็นอัมพาต เหงื่อผุดออกมาท่วมตัว มันค่อย ๆ อ้าปากตอบสาวลูกผสมด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

" - ผม...ผม...ผม ไม่รู้เรื่องจริง ๆ ครับ ฟิล์มอะไร ผมไม่รู้เรื่อง อยู่ดี ๆ ก็จับผมมาแบบนี้...ขอ...ขอ...ให้ผมสูบก่อนเถอะครับ "

สาวลูกผสมถอนเท้าออกจากอกของไอ้เต๋า ถอยหลังออกมานิดนึงแล้วเตะเปรี้ยงเข้าไปที่ชายโครงเต็มแรง

" - ไอ้สัตว์ พวกกูรู้ทิศทางของมึงดีไอ้เต๋า...ถ้าแผนของพวกกูไม่แตกเสียงก่อน พวกมึงกลายเป็นผีเฝ้าโรงโบว์ลิ่งไปหมดแล้ว...ลากมันขึ้นมานั่ง"

ประโยคสุดท้าย สาวลูกผสมหันไปออกคำสั่งกับสมุนที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

สองคนในกลุ่มปราดเข้ามาที่ร่างของไอ้เต๋า แล้วจับแขนพยุงขึ้น ส่วนอีกคนฉากแวบเข้ามายืนคุมอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทางระมัดระวัง

เหมือนกับปาฏิหาริย์ ร่างของไอ้เต๋าซึ่งกำลังถูกประคับประคองขึ้นมายืน เด้งผึงขึ้นทั้งตัว เด้งขึ้นมาโดยที่แขนทั้งสองถูกล็อคเอาไว้แน่น...เท้าที่ลอยวี้ดขึ้นกลางอากาศถูกดีดขึ้นเป็นแนวเส้นตรง...เป้าหมายก็คือใบหน้าของยามรักษาการณ์ที่ยืนขวางทางอยู่นั้น

" พล็อค "

รองเท้าหนังส้นสูงแบบหัวแข็ง จับพลัดจับผลูหวดเข้าไปที่ปลายคางของยามรักษาการณ์สุดแรงเกิด...ร่างอันเล็กแกรนของยามผู้เคราะห์ร้ายผงะถอยหลังไปนิดนึงแล้วเอียงล้มตะแครงลงกับพื้นหมดสติสมัปชัญญะไปในบัดดล

ไอ้เต๋าเหวี่ยงเท้ากลับเต็มเหนี่ยว เป้าหมายก็คือหน้าแข้งของชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ขนาบข้างมันอยู่นั้น

เส้นรองเท้าแข็งปั๋งเหมือนกับเหล็ก กระแทกตูมเข้าไปที่หน้าแข้งของคนทั้งสองเต็มแรง...ผลที่ปรากฏในเวลาต่อมาก็คือ...ชายฉกรรจ์ทั้งสองร้องจ๊ากขึ้นมาสุดเสียง

พร้อม ๆ กับงอตัวลงไปนั่งกุมหน้าแข้ง หน้าตาบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ไอ้เต๋า ถอยหลังออกมานิดหนึ่ง แล้วเตะตูมเข้าไปที่กกหูของคนทางขวามือเต็มแรง

" พล็อค "

หน้าแข้งสัมผัสกับทัดดอกไม้สุดแรงเกิด ร่างที่นั่งยอง ๆ อยู่เบื้องหน้า เอียงล้มคล่ำลงกับพื้นเหมือนกับต้นไม้โดนโค่นไม่มีผิด

" หยุด...ขืนขยับกูยิงจริง ๆ ไอ้เต๋า "

สาวลูกผสมสำทับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดพร้อมกับวาดปืนสวมท่อเก็บเสียงเข้าหาร่างของไอ้เต๋า หน้าตาที่สวยผุดผาด บึ้งตึงเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ไอ้เต๋า ขยับตัวสาวลูกสาวผสมวาดปืนลงพื้นเหนี่ยวไกสองนัดซ้อน ๆ

" ปุ๊...ปุ๊ "

กระสุนจากท่อเก็บเสียง ฉีกแผ่นกระดานห่างจากรองเท้าของไอ้เต๋าไม่ถึงคืบ ไอ้เต๋าชะงักยืนนิ่งกรามสั่นระริก

" ไอ้เต๋า ถ้ามึงขืนก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียว กูฆ่ามึงจริง ๆ ไอ้สิงห์ จับมันมัดเดี๋ยวนี้ "

ประโยคสุดท้ายสาวลูกผสมหันไปออกคำสั่งกับลูกน้อง คนที่โดนไอ้เต๋าใช้ซ่นเท้ากระแทกหน้าแข้งด้วยท่าทางฉุนเฉียว

ชั่วอึดใจ ร่างของไอ้เต๋าก็ถูกมัด นอนงอก่องอขิง อยู่ที่พื้น ต่อจากนั้นสมุนของสาวลูกผสมที่ฟื้นจากสลบก็ช่วยกันลากไอ้เต๋าขึ้นมานั่งคอพับคออ่อนอยู่บนเก้าอี้

" ม้วนฟิล์มที่มึงขโมยเอาไปอยู่ที่ไหน ?"

สาวลูกผสมพูดพลางแหย่ท่อเก็บเสียงเข้าไปที่คอหอยของไอ้เต๋า

" ขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่กู ถ้ามึงยิงกู มึงก็ไม่รู้ที่ซ่อนเอาซิวะ กูอยากตายเต็มทีแล้ว อยู่ไปวันหนึ่ง ๆ ก็เซ็งเหลือที่จะแดก...อยู่แล้ว เอ้า...ยิงเล้ย...แม่คุณ "

ไอ้เต๋าตะโกนท้าทายอย่างชนิดที่อ่านไต๋ของสาวลูกผสมออกว่า ตัวของมันมีประโยชน์เพียงพอที่ฝ่ายนั้นจะต้องสงวนชีวิตของมัน เพื่อหวังผลในผลงานในอันอับต่อไป

สาวลูกผสม ยกปืนออกจากคอหอยของไอ้เต๋าแล้วหันไปออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

"ถอดเสื้อผ้าของมันออกให้หมด ไอ้สิงห์ไปเอาเชือกข้างนอกมาด้วย "

ชั่วอึดใจ ไอ้เต๋าก็ถูกสมุนของสาวลูกผสมถอดเสื้อผ้าออกหมด จนกระทั่งเหลือกางเกงลิงสีแดงแจ๊ดอยู่เพียงตัวเดียว

" มัดข้อเท้าโยงมันขึ้นไปบนขื่อนั่น ลูกเล่นแยะนักประเดี๋ยวเถอะมึง...ไอ้เต๋า "

สาวลูกผสมคำรามออกมาด้วยท่าทางโกรธจัด

ร่างของไอ้เต๋าถูกโยงขึ้นไปบนขื่อด้วยเชือกไนล่อนขนาดใหญ่ ในลักษณะเอาหัวลง สาวลูกผสมขยับตัวเข้าไปชิดแผ่นหลังของไอ้เต๋าแล้วถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

"ฟิล์มอยู่ที่ไหน...ไอ้เต๋า "

ไอ้เต๋าจิ๊กโก๋ระดับชาติกัดกรามแน่น ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏเสธ

สาวลูกผสมเปิดกระเป๋าเสื้อ หยิบ " ไลเตอร์ รอนสัน " ชนิดใช้แก๊สออกมากดปุ่มดังแชะ

ประกายไฟสีเขียวปนส้มสุกใส พวยพุ่งออกมาจากไฟแช็กเป็นสาย สาวลูกผสมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็จ่อเปลวไฟเข้าไปที่บริเวณแผ่นหลังของไอ้เต๋าทันที

ไอ้เต๋าสะดุ้งเฮือก ร้องจ๊ากออกมาสุดเสียง ร่างกายสั่นดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส

" ฟิล์มอยู่ที่ไหน ไอ้เต๋า ถ้ามึงไม่บอกคราวนี้กูลนไข่มึงแน่ ๆ "

สาวลูกผสมพูดพลางเอื้อมือข้างที่ว่างดึงกางเกงลิงของไอ้เต๋ารูดขึ้นไปข้างบนอย่างช้า ๆ

" โอ้ย...บอก...บอกแล้วครับ ฟิล์มอยู่ที่เลนโบว์ลิ่ง เลนซ้ายมือสุด ผมเอาเข้าไปซ่อนไว้ในห้องเครื่องที่เก็บพิน อย่าทำผมเลยครับ ผมยอมแล้ว "

ไอ้เต๋า ละล่ำละลัก พร้อมกับดิ้นไปมาอย่างน่าเวทนา

" โกหก..."

สาวลูกผสมพูด พลางจ่อไฟเข้าไปที่แผ่นหลังของไอ้เต๋าอีกครั้ง

เสียงผิวหนังไหม้ไฟดัง "ฉ่า" กลิ่นเหม็นเขียวตลบอบอวลไปทั่วห้อง ไอ้เต๋าแหกปากร้องแทบไม่เป็นภาษาคน

" - ผมยอมแล้ว ผมเอาฟิล์มใส่ถุงกระดาษซ่อนเอาไว้ในห้องเครื่องเก็บพินปลายเลนซ้ายมือสุด...พอ...พอ...เถอะครับ"

" - เอามันลงมา...แล้วก็ใส่เสื้อผ้าให้มันด้วย ว่ายังไง...จัน...เรียบร้อย"

ประโยคสุดท้าย สาวลูกผสมหันไปพูดกับ "จัน" คนที่กระโดดรถลงที่ทางข้ามรถไฟ เพื่อดักยิงรถที่แกะรอยมาซึ่งเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี...

จันสั่นหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ พร้อมพูดออกมา

" - รถของมันติดไฟเสียก่อน...ผมซุ่มดูอยู่ฝั่งตรงกันข้าม พวกมันสองคน คนนึงเป็นผู้หญิงใช้รถแท๊กซี่มีเสาวิทยุสูงที่ผมคาดว่า จะต้องมีเครื่องส่งวิทยุอยู่ภายในอย่างแน่นอน...พอขบวนรถไฟผ่าน รถของมันก็วิ่งย้อนกลับเข้าตลาดเมืองโคราช"

สาวลูกผสมพยักหน้า แล้วเดินผละออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว...ลูกสมุนที่เหลืออยู่ต่างก็ช่วยกันใส่เสื้อผ้าให้ไอ้เต๋าจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเดินตามกันออกไป

" - เป็นยังไง...พรรคพวก"

บังหมุด ซึ่งนั่งพิงผนังห้องเงียบอยู่ตลอดระยะเวลาที่ไอ้เต๋าโดนทรมาน เอ่ยปากถามขึ้นเป็นครั้งแรก

" - ฉิบ...ไม่ น่าถาม...เอาไฟแช็กเผาหลังกูยังพอทน...อีหอกเสือกจะเอาไฟลนไข่กู ใครจะทนได้วะ"

ไอ้เต๋าบ่นพึมพำ พร้อมกับสูดปากด้วยความปวดแสบปวดร้อน

" - บทบาทติดยาของลื้อเด็ดดวงเหลือเกินว่ะเต๋า...คราวแรกอั๊วนึกว่าลื้อ "เซียน" ยาจริง ๆ ซะอีก"

" - ก็เคยติดจริง ๆ นี่หว่า อั๊วเคยติดผงขาวขนาดหนัก...หนีไปอยู่ประจวบเกือบ 8 เดือนเต็ม ๆ เพื่อนไปตามมารักษาตัวที่โคราช...ไม่ยากหรอกเพื่อน...พอ "เซียน" ขึ้นมาก็เข้าห้องปิดประตูให้เพื่อนล็อคกุญแจข้างนอก ทนทรมานเอาวันสองวันก็เลิกได้ ลื้อโดนแบบอั๊วหรือเปล่าวะ บัง"

ประโยคสุดท้าย ไอ้เต๋าหันไปถามเพื่อนร่วมห้องขังด้วยท่าทางเป็นห่วง...

"โดน...แล้วก็หนักกว่าลื้อด้วย อั๊วโดนมันเอาสูบรถจักรยานดับจารบีอัดทวาร อั๊วก็เลยสารภาพมันไปเหมือนลื้อนั่นแหละ...ไอ้ห่ ใครจะไปทนได้วะ...มันไม่ใช่ในหนังนี่หว่า...เฮ้ย...เต๋าช่วยหยิบรองเท้าของลื้อมาหน่อยซิวะ"

เต๋า-โบว์ลิ่ง กลิ้งตัวไปหยิบรองเท้ามาให้บังหมุดอย่างลำบากยากเย็น

" - พลิกรองเท้าขึ้น...เต๋า"

บังหมุดสั่งห้วน ๆ ไอ้เต๋าพลิกรองเท้าทั้งสองข้างขึ้นอย่างงง ๆ

" - เอามือจับดูที่ซ่นรองเท้าด้านใน อย่าแกะวัตถุที่ติดอยู่เป็นอันขาด...มีอะไรหรือเปล่าวะ"

ประโยคสุดท้าย บังหมุดถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นไอ้เต๋าเอามือลูบซ่อนรองเท้าด้านในอย่างระมัดระวัง

" - เจอะแล้วโว้ย...ไอ้ห่ ใครเอาอะไรมาติดซ่นรองเท้าของกูวะ ทั้งสองข้างเลยนี่ มึงดูซะบังหมุด"

ไอ้เต๋าพูดพลางยื่นรองเท้าทั้งสองข้างให้นักเล่นกลระดับชาติดูด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดระงับ

" - เอารองเท้าวางเอาไว้ที่เก่า"

" - ทางที่ดีลื้อควรจะสวมมันเดี๋ยวนี้...ไอ้เต๋า อั๊วจะอธิบายให้ลื้อฟังง่าย ๆ ขณะนี้ลื้อกำลังทำงานชิ้นหนึ่งให้กับรัฐบาลไทย...ลื้อเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งชาติที่กำลังจะห้ำหั่นกับผู้ที่คิดจะทำลายระบบการปกครองแบบเสรีประชาติปไตย ลื้อจะต้องเลือกเอาหนทางหนึ่งระหว่างคอมมิวนิสต์กับเสรีประชาธิปไตย ชีวิตที่มีอิสรภาพคือชีวิตที่มนุษย์ทุกคนใฝ่หา...ถ้าลื้อเลือกคอมมิวนิสต์ ชีวิตของลื้อก็ก้าวเข้าไปในคุกเกือบค่อนตัวเข้าไปแล้ว...จงภูมิใจเถอะเพื่อน...ที่มนุษย์เดนคนหยั่งเราทั้งสองคน มีโอกาสร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับบุคคลระดับบริหารของประเทศเข้าฟาดฟันอริราชศัตรู ไอ้เต๋าขณะนี้พวกของเรารู้แล้ว่า ลื้อถูกขังอยู่ที่ไหน"

ประโยคสุดท้าย บังหมุดลดเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ และเมื่อเห็นไอ้เต๋านั่งจ้องตาเขม็งอยู่ ก็กระซิบต่อไปอีก

" - เจ้านายของเราแอบเอาวิทยุชนิดพิเศษติดซ่นรองเท้าลื้อตั้งแต่บนโรงแรมโน่นแล้ว ลื้อถูกประกบตัวอย่างชนิดไม่มีทางกระดิก ตั้งแต่ลงจากโรงแรมนั่นที่เดียว...แผนของ ซี.ไอ.เอ. ได้วางอย่างรอบคอบ ขณะนี้ฟิล์มที่ลื้อฉกเอาไปจากหน้าโรงโบว์ลิ่ง ก็ถูกคนของ ซี.ไอ.เอ. เอาไปเรียบร้อยแล้ว เชื่อขนมกินได้ อีกไม่ถึงชั่วโมงเจ้านายของเราก็จะบุกตะลุยเข้ามาภายในห้องนี้เพื่อช่วยพวกเราออกไปอย่างแน่นอน...พักผ่อนเอาแรงก่อนวะ...เพื่อนฝูง "

พอพูดประโยคสุดท้ายเสร็จ บังหมุดค่อย ๆ เลื่อนตัวลงกับพื้นแล้วตะแครงหันข้างให้ไอ้เต๋า ทำกริยาเสมือนหนึ่งจะตัดบทการสนทนาอยู่ในที

ไอ้เต๋าเหยียดขาออกไปจนสุด แล้วชำเลืองดูรองเท้าด้วยวท่าทางไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าใดนัก ชั่วครู่หนึ่งมันก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว แล้วล้มตัวลงนอนเงียบไป

รถแท๊กซี่ป้ายเหลืองติดเสาอากาศสูง ที่ท้ายรถวิ่งปิดไฟหน้าเข้าไปจอดในสนามบินพาณิชย์อันกว้างใหญ่ไพศาล ผู้กองอังคารและหมอดาหลาซึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าของรถส่งสายตาชำเลืองไปยังโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ที่มองเห็นทะมึ่น ๆ อยู่ห่างออกไปเกือบร้อยเมตร

กระเป๋าเจมส์บอนด์ถูกเปิดฝาออก เครื่องวิทยุประหลาดที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าส่งสัญญาณไฟสีแดงกระพริบไม่ขาดระยะ

จากแสงไฟกระพริบ ทำให้มองเห็นแผนที่แสดงอาณาบริเวณของเมืองโคราชอย่างถนัดชัดเจน...และตำแหน่งสุดท้ายที่ไฟกระพริบก็คือ ที่ตั้งของโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ในปัจจุบันนั่นเอง

มันเป็นวิทยุแบบล่าสุดที่หน่อยข่าวกรองของ ซี.ไอ.เอ. ได้ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ หน้าปัดเป็นกร๊าฟแผนที่ ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ กระแสคลื่นจากเครื่องส่งที่อยู่ห่างออกไปไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร จะกระตุ้นให้เครื่องรับทำงาน และสามารถที่จะชี้ทิศทางของตำแหน่งเครื่องส่งในปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ

" - ตำแหน่งสุดท้ายของเต๋าอยู่ที่นั่น...ถ้าเครื่องวิทยุของเราไม่ผิดพลาด ประเดี๋ยวคงจะยิงกันยับไปข้างนึง...หมอเอา "เอ็ม. 16" เก็บเสียงมาด้วยหรือเปล่าครับ"

ผู้กองอังคารพูดพลางไขกระจกด้านข้างลงจนสุดพร้อมกับใช้กล้องสนามแรงสูงส่องตรวจตราอาณาบริเวณของโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ด้วยความพินิจพิจารณา

" - เรียบร้อยค่ะ...หัวหน้านอร์แมน ยังให้ปืนกล เอ็ม. 60 มาอีกกระบอก...โล้นกับแสบมารับเอาไปเมื่อตอนจับสัญญาณของเต๋าได้...ลองติดต่อดูซิคะ ดิฉันคิดว่าป่านนี้พวกเค้าคงจะมากันแล้ว"

หมอดาหลาพูดพลางดึงปากพูดหูฟังที่แขวนอยู่ใต้พวงมาลัยยื่นส่งให้ผู้กองอังคาร

ผู้กองอังคารส่งกล้องสนามให้หมอดาหลา แล้วกรอกคำพูดลงไปห้วน ๆ

" - เอ๊กซเรย์ จาย ซีบร้า...แจ้งตำแหน่งปัจจุบันด่วนเปลี่ยน"

ชั่วอึดใจก็มีเสียงตอบอู้อี้เข้ามาในหูฟัง

" ผมนั่งอยู่บนสามล้อ...ไอ้แสบเป็นโชเฟอร์ผ่านรังของมันไปเที่ยวหนึ่งแล้ว...รั้วโกดังของมันแข็งแรงเหลือเกิน...แต่พอจะมีทาง...ลูกพี่อยู่ที่ไหนเวลานี้"

" - อยู่ที่รันเวย์...ประเดี๋ยวลื้อย้อนกลับเข้ามาสมทบกับอั๊วที่นี่...เลิกกัน "

" - โน่นคะ...อังคาร ลูกน้องตัวดีของคุณนั่งสามล้อมาโน่น "

หมอดาหลาพูดพลางส่งกล้องสนามให้ผู้กองอังคาร

ภาพจากโฟกัสของกล้องสนามแรงสูงที่มองเห็นสลัว ๆ อยู่ในความมืดนั้น เห็นไอ้แสบซึ่งอยู่ในชุดกรรมกรสามล้อ ขี่รถเอื่อย ๆ มาตามถนนลูกรัง บนเบาะนั่งด้านหลังไอ้โล้นสวมหมวกแขกนั่งห่อไหล่ด้วยความหนาวเหน็บของอากาศตอนใกล้รุ่ง...

รถสามล้อไปหยุดอยู่ที่หน้าโกดังข้าวสาร "ย่งเส็ง" ไอ้แสบลงจากอาน แล้วฉากแว่บเข้าไปยืนฉี่อยู่ที่หน้าประตูอย่างหน้าตาเฉย

ไอ้แสบยืนฉี่รดหน้าประตูโกดังอยู่ครู่หนึ่งก็เดินส่ายงอกแงก ๆ เข้ามาหาไอ้โล้นพลางกระซิบ

" - พวกมันมีสองคคน...ไอ้โล้น "

ไอ้โล้นยกมือขึ้นป้องปากไอแครก ๆ สองสามครั้งแล้วกระซิบถามด้วยน้ำเสียงพอ ๆ กัน

" - อาวุธ...ไอ้แสบ...พวกมันใช้อาวุธอะไรวะ"

" - กูเห็น เอ็ม. สิบหกวางอยู่บนเตียงผ้าใบกระบอกนึง...จะเอายังไงดีวะ...กูว่าลุยแม่มันเข้าไป วัดดวงกับพวกมันเลย รึยังไง...ไอ้โล้น "

ประโยคสุดท้าย ไอ้แสบคำรามออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงกระหายเลือด

" ใจเย็น...เพื่อนฝูง...ประเดี๋ยวมึงกลับเข้าไปฉี่รดประตูมันอีกครั้ง...พยายามยั่วโทสะพวกมันให้เปิดประตูออกมาให้ได้...อย่าเสือกไปมีเรื่องกับพวกมันเข้าล่ะ...เสียแผนหมดนะมึง"

ไอ้โล้น กำชับเพื่อนคู่หู ซึ่งอยู่ในคราบของสามล้อด้วยความเป็นห่วง

ไอ้แสบไม่ตอบ มันหันหลังกลับเดินส่ายงอกแงก ๆ เหมือนกับงูเลื้อยเข้าไปที่หน้าประตู พร้อมกับแหกปากร้องเพลงแหล่ที่พร ภิรมย์ เจ้าของเพลงแทบจำเนื้อเพลงเดิมไม่ได้

" - คนธรรพ์พลันยั้งหยุด เดือดปุด ๆ ตอนฟ้าสาง...อิงแอบแนบน้องนาง ก่อนสว่างจึงล้างหน้าได้..คนธรรพ์พลันขึ้นห้อง...ไปเจอะนวลน้อง...ชะเป็นยองใย"

พอจบเพลงแหล่ ไอ้แสบก็รูดซิบกางเกง ยืนฉี่ราดหน้าประตู ซึ่งมีแผ่นสังกะสีทับอยู่บนแผ่นกระดานอีกชั้นหนึ่งอย่างหน้าตาเฉย แถมแหกปากร้องเพลงลูกกรุงแถมท้ายอีก ด้วยน้ำเสียงที่ตัวมันเองคิดว่าเพราะพริ้งเสียเต็มประดา...

" - โธ่เราป่วยอีกแล้วหรือนี่...ยังงี้ทุกที เมื่อคราวริเที่ยวผู้หญิง"

พอร้องเสร็จ ไอ้แสบก็เอาศีรษะโขลกกับบานประตูค่อนข้างแรง กัดกรามร้องออกมาดัง ๆ

" - โอ๊ย...ปวด...กูฉี่ไม่ออก...ทำไมมันปวดหยั่งนี้โว้ย"

ได้ผล...ยามรักษาการณ์คนนึงเปิดช่องประตูบานเล็กออกมาดูไอ้แสบนิดนึง แล้วกระแทกปิดด้วยความโมโหต่อจากนั้นชั่วอึดใจก็ถอดกลอนผลักบานประตูเปิดออกเต็มแรง พร้อม ๆ กับถลาออกมาด้วยท่าทางโกรธจัด

" - ไอ้สัตว์ ที่เยี่ยวไม่มีรึยังไงวะ"

ยามคนที่ตัวสูงกว่าเพื่อนสบถออกมาพร้อมกับตะปบมือลงไปที่คอปกเสื้อของไอ้แสบ แล้วกระชากเต็มแรง

" - คาย...คายขวางทางเยี่ยวกูวะ"

พูดไม่พูดเปล่า...ไอ้แสบดันฉี่รดยามรักษากการณ์ที่พรวดพราดออกมาจากหน้าประตูเข้าอย่างเต็มเปา...

"เฮ้ย"

ยามรักษาการณ์คนที่รับเคราะห์ โดนฉี่ของไอ้แสบร้องอุทานออกมาสุดเสียง พร้อมกับดีดเท้าข้างหนึ่งหวดชายโครงไอ้แสบเต็มแรง

" พรั่บ "

เสียงหน้าแข้งสัมผัสกับชายโครงดังสนั่นหวั่นไหวร่างของไอ้แสบเอียงกระเท่เร่ ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นยามรักษาการณ์ยกเท้าข้างหนึ่งทำท่าเหมือนกับจะกระทืบลงไปบนร่างของไอ้แสบ ไอ้โล้นซึ่งนั่งสำรวมดูเหตุการณ์อยู่บนเบาะสามล้อ ร้องตะโกนห้ามเสียงหลง

" - พอครับ...เจ้านาย...ไอ้หมอนั่นมันเมามาก...ผมขอเถอะครับ"

ไอ้โล้น พูดพลางค่อย ๆ ก้าวเท้าลงจากเบาะรถ ยามรักษาการณ์คนที่ยกเท้าทำท่าจะกระทืบไอ้แสบ หันขวับกลับมามองดูไอ้โล้นด้วยความเคลือบแคลงใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็กระตุกปืนพกจากซองกางเกงด้านหลัง ซึ่งมีเสื้อฮาวายคลุมอยู่อย่างมิดชิดขึ้นมากระชับอยู่ในอุ้งมือ พร้อมกับคำรามออกมาอย่างเฉียบขาด

"หยุด...อย่าเสือกก้าวเข้ามาหาอั๊วเป็นอันขาด...เฮ้ย...พวกลื้อเป็นใครกันวะ"

"ฮีโธ่...เฮียก็...จำผมไม่ได้หรือยังไงครัย ก็ผมขับรถเมล์สายแปดที่จอดอยู่หน้าบ้านเฮียนี่ยังไง...ไอ้ห่าจิกที่โดนเฮียหวดลงไปนอนหมอบอยู่โน่นก็เป็นช่างฟิต มันฟัดสาโทมากไปหน่อย ก็เลยแอบขโมยรถสามล้อข้าง ๆ บ้านมาส่งผม คนกันเองแท้ ๆ ...ไม่น่าเลย"

ไอ้โล้นเปิดฉากอำอย่างสมจังสมจริง พร้อม ๆ กับตีหน้าตายเดินเข้าไปอุ้มไอ้แสบขึ้นมา วางบนเบาะสามล้อปากก็พึมพำต่อไปอีกไม่ขาดระยะ

" - ทั้งสาโท-เหล้าเถื่อนฟัดกันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมันก็เละแบบนี้ละวะ...ไอ้ห่ากูต้องปั่นรถกลับไปส่งมึงอีกจนได้ ผมไปละครับ...เจ้านาย"

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นหันไปพูดกับยามรักษาการณ์ทั้งสองคน ที่กำลังพาตัวเองหายลับเข้าไปในช่องประตู ด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ...

ไอ้โล้นพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนอาน แล้วขี่เอื่อย ๆ ไปตามถนนลูกรัง พอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปในสนามบินพาณิชย์โดยเร็ว...

" - ฟื้นซะที...ไอ้แสบ ไอ้ห่าโดนเข้าไปนิดเดียวเสือกทำแกล้งสลบประเดี๋ยวพ่อโยนมึงทิ้งให้ยุงแดกซะที่นี่เลยเป็นยังไง"

ไอ้โล้นพูด พรางเบรครถหยุดกิ๊กด้วยท่าทางฉุนเฉียว

" - กูปั่นให้มึงมาเกือบชั่วโมง...เหนื่อยแทบตายชัก หน็อยพอเป็นโชเฟอร์แทนกูนิดเดียวทำเป็นบ่น...โน่นพ่อมึงจอดรถซุ่มอยู่โน่น..เร็ว ๆ เข้าโว้ย"

ประโยคสุดท้าย ไอ้แสบพูดพลางผงกศีรษะขึ้นมาพร้อมกับชี้มือให้ไอ้โล้นมอง ไปยังรถเก๋งที่จอดทะมึนอยู่ในความมืดเบื้องหน้า...


"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน"
สมิง วังม่วง   

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11849 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2016, 05:53:02 AM »

อัพเดตราคาปืน กระสุน http://2013.gun.in.th/index.php?topic=66241.0  (สมัครสมาชิกด้วย)
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 787 788 789 [790] 791 792 793 ... 812
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.603 วินาที กับ 22 คำสั่ง