๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 11:05:17 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 786 787 788 [789] 790 791 792 ... 812
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไลฟ์ สไตล์ ของ " สมิง วังม่วง " และพี่น้องคอปืน จังหวัด น่าน  (อ่าน 948904 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11820 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2015, 10:58:34 AM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 9

ลุงชิต ดิ้นกระเสือกกระสนอยู่บนเก้าอี้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว แก้วหูข้างที่โดนไม้ขีดไฟระเบิดยับ แกพยายามอ้าปากพูดอย่างลำบากยากเย็น

"นาย...นายผมซ่อนอยู่ในห้องน้ำ...อย่า...อย่าทำอะไรผมเลยครับ - เจ้านาย"

สายตาของกลุ่มทรชนทั้งสี่เหลือบมองไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับไซร์ทบอร์ดเหมือนอย่างนัดกันเอาไว้ ชั่วอึดใจ ไอ้สีตาแดงก็หันกลับมาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

" - ไอ้ปอง - ไอ้นพ มึงสองคนเข้าไปลากมันออกมา กูกับไอ้นวยจะคุ้มกันอยู่ข้างนอก แล้วก็ไอ้แก่นี่อย่าเสือกส่งสัญญาณอะไรให้นายของมึงรู้เป็นอันขาด...นอนเฉย ๆ แล้วดีเอง...เฮ้ย...เข้าไปลากมันออกมา "

ประโยคสุดท้ายไอ้สีตาแดงกำชับให้ลูกน้องทั้งคู่เริ่มปฏิบัติการ

ไอ้ปองกับไอ้นพฉากแว่บเข้าไปคุมเชิงอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ไอ้สีตาแดงเอื้อมมือหยิบ " เอ - อาร์ - 15 " พับฐาน สวมท่อเก็บเสียงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากระชับอยู่ในซอกแขนทิ้งน้ำหนักตัวลงบนปลายเท้า พร้อมกับย่อตัวลงในลักษณะการยิงแบบ " คอมแบท " มือข้างซ้ายขยับมาเลื่อนคันบังคับการยิงไปที่ตำแหน่ง "ฟลู-ออร์โต" นัยน์ตาแดงก่ำเหมือนตาเพชฌฆาต จ้องจับที่ประตูห้องน้ำ ปากที่หนาเตอะ แสยะยิ้มออกมาด้วยความลำพอง

ไอ้นพเอื้อมมือไปจับลูกบิดแล้วหันมาพยักหน้ากับเพื่อนคู่หู...มือข้างที่ถือปืน .45 ยี่ห้อ "แอนตี้ - ซามูไร" ยกเหยียดจ้องไปข้างหน้า ด้วยมาดของมือปืนที่ผ่านการฝึกมาอย่างช่ำชอง

บานประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมาอย่างง่ายดาย ไอ้นพชะโงกหน้าเข้าไปสำรวจอยู่ชั่วอึดใจ ก็หันมาสบตากับเพื่อนคู่หูแล้วพยักหน้าเป็นอาณัติสัญญาณให้เข้าไปข้างใน

ทั้งคู่ก้าวเท้าผ่านแผ่นสก๊อซเทปซึ่งวางปิดขวางเอาไว้ที่พื้นหน้าประตูห้องน้ำด้วยความระมัดระวัง พอร่างของทรชนทั้งสองผ่านพ้นแผ่นสก๊อซเทปเข้าไปก็ปรากฏเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เหมือนกับเสียงร่มชูชีพกินลมดังลั่นออกมาจากผนังด้านในสุดของห้องน้ำนั้น

" พนึ่บ "

แหลนไม้หัวเหล็กแหลมเปี๊ยบ 3 อัน พุ่งปร๊าดออกมาจากที่ซ่อน เป้าหมายก็คือร่างของเจ้านพและเจ้าปองที่ยืนทมึนขวางอยู่หน้าประตู ด้วยความรวดเร็วจนมองดูแทบไม่ทัน

" ฉึก "

แหลนทั้งสองพุ่งทะลวงเข้าไปที่บริเวณช่องท้องของเจ้านพและเจ้าปองเหมือนกับผีจับยัด ความรุนแรงของมันทำให้หัวแหลนทะลุพรวดออกไปทางด้านหลัง ทรชนทั้งคู่สะดุ้งเฮือกขึ้นสุดตัว หน้าหงายเริดขึ้นมองเพดาน อาวุธคู่มือหล่นโครมลงบนพื้น มือทั้งคู่ยกขึ้นตะปบแหลน นัยน์ตาเหลือกลานส่งเสียงร้องอึกอัดอยู่ในลำคอ แล้วล้มกลิ้งลงกับพื้นในบัดดล...

ส่วนแหลนอันที่สามพุ่งผ่านประตูห้องน้ำ เฉียดร่างไอ้สีตาแดงเข้าไปปักอยู่ที่ " เครื่องเพศ " ของภาพศิลปที่ทาบตรึงอยู่ที่ผนังเข้าพอดิบพอดี...

" - เฮ้ย---ไอ้สัตว์...มึงต้มกู "

ไอ้สีตาแดงคำรามขึ้นมาอย่างกระหายเลือด พร้อม ๆ กับเผ่นพรวดเข้าไปหาลุงชิต ซึ่งขณะนี้แสยะยิ้มออกมาอย่างสะใจ

พานท้าย " เอ-อาร์-15" ตบเปรี้ยงเข้าไปที่กระพุ้งแก้ม ร่างของลุงชิตสะบัดพลิกลงไปนอนตะแคงอยู่ที่พื้น ไอ้สีตาแดงวางปืนลงบนโต๊ะ แล้วก้มลงกระชากร่างของลุงชิตขึ้นมานั่ง พร้อมตะคอก

" - มึงฆ่าพวกของกูได้...กูก็ฆ่ามึงได้ ไอ้สัตว์นรก...เล่ห์เหลี่ยมของมึงมากนัก ก่อนตายกูจะยัดเยียดความบันเทิงให้กับมึงอย่างถึงแก่นเลยทีเดียว "

ลุงชิตถุยน้ำลายปนเลือดเข้าใส่ใบหน้าของไอ้สีตาแดง พร้อมกับท้าทายออกมาอย่างชนิดยอมตาย

" - เอาเลย ไอ้ลูกชาย กูตายหนึ่ง พวกมึงตายสอง...เกิดมากูไม่เคยขาดทุน วิธีฆ่าคนของมึงจะพิสดารขนาดไหนกูไม่สน...ถุย...มันก็ไอ้แค่ตายเหมือนกันนั่นแหละว้า "

" - ปากมึงคารมดีนัก...ไอ้แก่...ประเดี๋ยวกูจะแนะนำ " ทันตแพทย์ " มือดีมาให้มึงรู้จัก ลูกน้องของกูคนนี้ เคยถอนฟันมาแยะแล้ว...เฮ้ย...ไอ้นวยจัดการ "

ประโยคสุดท้าย ไอ้สีตาแดงหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

ไอ้นวยขยับเข้ามายืนค้ำร่างของลุงชิต มือข้างที่ถือปืน 11 มม. ตบเปรี้ยงเข้าไปที่ปากของลุงชิตเต็มแรง ฟันฟางซึ่งแทบไม่มีอยู่แล้วกระเด็นร่วงออกมามองเห็นถนัดตา

คราวนี้ ไม่มีเสียงร้องจากลุงชิต แกฟุบตัวลงไปนอนตะแคง หายใจฟืดฟาดด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัสท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างครึกคริ้นของยอดทรชนทั้งสอง

" เอี๊ยด "

มีเสียงดังเบา ๆ ตรงมุมห้องบริเวณที่ตั้งตู้ทึบขนาดใหญ่

ทรชนทั้งสองหันขวับไปมองเหมือนกับนัดกันเอาไว้ แต่ไม่ทันการเสียแล้ว ประตูตู้ทึบหลังนั้นเปิดผลัวะออกมาในฉับพลัน ชายฉกรรจ์สองคนเผ่นพรวดออกมาเหมือนกับปีศาจ คนที่นำหน้าแต่งกายรุงรังเหมือนคนของทานไม่มีผิด ส่วนคนที่ตามติด ๆ เป็นชาวต่างชาติสวมชุดบาทหลวงผมเผ้ารุงรังเหมือนกับฮิปปี้ ทั้งคู่ถือ "เบรานิง - ไฮเพาเวอร์" สวมท่อเก็บเสียง วิ่งแยกออกจากกัน พร้อมกับสาดกระสุนเข้าใส่ทรชนทั้งสองเป็นจักรผัน

"ปุ๊...ปุ๊...ปุ๊...ปุ๊...ปุ๊"

ร่างของไอ้สีตาแดงหมุนคว้าง แล้วถลาเข้าไปชนกับไอ้นวย ซึ่งขณะนี้ก็มีอาการไม่แตกต่างกับลูกพี่ของมันเท่าไรนัก...ทั้งคู่กระเด็นกระดอนอยู่ท่ามกลางห่ากระสุนอยู่ชั่วอึดใจ ก็ลื่นไถลหัวทิ่มเข้าไปซุกอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำสงบนิ่งเลือดทะลักออกมาเป็นสาย

ชายขอทานปราดเข้าไปหาลุงชิต พร้อมกับใช้มีดตัดเชือกที่ผูกข้อเท้าและข้อมือออกด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว ในขณะที่บาทหลวงเดินตรวจดูสภาพของห้องด้วยท่าทางระแวดระวังอยู่ชั่วอึดใจก็เดินตรงไปที่ภาพศิลปซึ่งโดนแหลนปักอยู่นั้น

บาทหลวงใช้มือกดลงไปบนยอด " ถัน " ของภาพหญิงสาวที่ปรากฏอยู่บนกรอบรูปขนาดใหญ่นั้น ชั่วอึดใจก็มีสัญญาณไฟสีแดงสว่างจ้ากระพริบอยู่บนนัยน์ตาของหญิงสาวติดต่อกันเป็นระยะ ๆ บาทหลวงกรอกคำพูดออกไปเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดถ้อยชัดคำ

" - ศูนย์จากนอร์แมน...ส่งคนออกมาเคลียร์พื้นที่ด่วน...ช่องทางหมายเลข 3 ปลอดภัย...ตัดสวิทช์ " กับระเบิด" ให้ผมด้วย ผมจะพาลุงชิตเข้าไปข้างใน "

เสียงบาทหลวง พร้อมภาพดังกังวานอยู่บนจอโทรทัศน์ภายในห้อง ศูนย์ปฏิบัติการ ไอ้แสบ...ไอ้โล้นซึ่งนั่งอ้าปากหวอดูเหตุการณ์นองเลือด ซึ่งผ่านไปอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ถึงกับอุทานออกมาดัง ๆ

" - กูว่ามันยิ่งกว่าดูหนังบู๊ที่ไอ้ "ชาร์ล บรอนสัน" มันเล่นอีกว่ะ ไอ้สองตัวที่หลุดออกมาจากตู้หลังนั้นเป็นพวกเราแน่นะอาจารย์ เกิดพวกมันสวมรอยเข้ามาล่ะก็ ป่นแน่"

ไอ้โล้นหันไปถาม พ.ท.แจ็คสัน ด้วยความเคลือบแคลงใจ

" - หัวหน้านอร์แมน...คุณและมิสเตอร์แสบเคยร่วมรบกับหัวหน้าในสงครามมาแล้ว ไม่ใช่หรือครับ ?...ผมคิดว่าคุณทั้งสองคงจะจำเสนาธิการสมอง "คอมพิวเตอร์" จากเมืองล่องแจ้งคนนี้ได้ "

อาจารย์ปืน ซี.ไอ.เอ. พูดพลางหันไปหยิบโทรศัพท์สายตรงขึ้นมากรอกคำพูดลงไปช้า ๆ

" - พนักงานทุกคนกลับลงมาปฏิบัติหน้าที่ด่วน...ปลอดภัย เตรียมห้องผ่าตัดฉุกเฉินเป็นอันดับแรก เวรเตรียมพร้อมผลัด 2 เตรียมออกไปเคลียร์สถานีต้นทางหมายเลข 3 เสร็จแล้วรายงานให้ศูนย์ทราบ "

" - มิสเตอร์นอร์แมน คนที่ผมรู้จักไม่ใช่คน ๆ นี้รู้สึกว่ามันจะยังไง ๆแล้วนะครับอาจารย์ มิสเตอร์นอร์แมนเจ้านายเก่าของผมหัวล้าน ไม่มีผมซักเส้นเดียว แต่ไอ้นี่ผมยาวเฟื้อย แล้วก็ไม่เป็นบาทหลวงเหมือนที่ผมเห็นอยู่ในขณะนี้ด้วย เจ้านายของผมเคยฆ่าคน...เอ๊ะ แต่ไอ้ขอทานที่แบกลุงชิตเข้ามานี่ผมชักจะคุ้น ๆ หน้าแฮะ "

ไอ้โล้นพึมพำ สายตาที่จ้องเขม็งไปที่จอโทรทัศน์มีอาการเคลือบแคลงใจ จนสังเกตเห็นได้ชัด...

พ.ท. แจ็คสัน ยิ้มไม่ตอบอะไรออกมา ก็พอดีภาพการเคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์จางหายไปพร้อม ๆ กับผนังด้านหนึ่งของศูนย์บังคับการเคลื่อนออกจากกันเป็นช่องเล็ก ๆ ชั่วอึดใจร่างของบาทหลวงผมฮิปปี้ก็โผล่พรวดออกมาเป็นคนแรก ตามติด ๆ ด้วยชายขอทาน ซึ่งแบกร่างของลุงชิตเข้ามาอย่างทุลักทุเล

ร่างของลุงชิตถูกวางลงบนนแท่นอลูมิเนียมซึ่งตั้งอยู่ติดกับผนังด้านหนึ่งของห้องศูนย์ปฏิบัติการ พ.ท. แจ๊คสันเอื้อมมือลงไปกดปุ่มสีแดง ใต้ขอบแท่น ทันใดนั้นเอง ผนังเหนือแท่นอลูมิเนียมก็เลื่อนออกเป็นช่อง พร้อม ๆ กับแท่นอลูมิเนียมก็ค่อย ๆ เลื่อนหายลับเข้าอย่างช้า ๆ ต่อจากนั้นผนังห้องก็ปิดสนิทลงอย่างแนบเนียน

บาทหลวงยกมือขึ้นไปถอดวิกผมฮิปปี้ออกจากศีรษะเป็นมันแผล็บ ไอ้โล้นอุทานออกมาดัง ๆ

" อุ๊ยตาย...พระอาทิตย์เที่ยงคืน นี่เจ้านายของผมจริง ๆ หรือครับนี่ สองปีแล้วใช่ไหมครับที่เราไม่ได้เจอะกัน"

นอร์แมนหัวเราะร่า หัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูรยกมือให้ไอ้โล้นสัมผัส แล้วหันไปยิ้มให้กับไอ้แสบที่ยืนอ้าปากหวออย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

" - ไม่ใช่ 2 ปี...มิสเตอร์โล้น... 2 ปี 8 เดือน 26 วันพอดีที่เราไม่ได้พบกัน หลังจากที่คุณห้ำหั่นกับทหารเวียตมินห์ครั้งสุดท้ายที่ทุ่งไหหิน แล้วผมกับคุณก็ต้องแยกทางกันเดินเป็นเส้นขนาน พบกันอีกที่คุณก็มีงานและมีเงิน...เป็นยังไงมิสเตอร์แสบแผลผ่าตัดที่ช่องท้องจากการรบที่สนามบินซำทองของคุณเป็นยังไงบ้าง "

ประโยคสุดท้าย " นอร์แมน " หัวหน้าข่าวกรองของค่ายรามสูรหันไปถามไอ้แสบ พร้อมกับยื่นมือให้สัมผัส

" - ครับหัวหน้า ผีมือผ่าตัดของแพทย์อเมริกันทำให้ผมมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้...ผมดีใจมากที่พบกับหัวหน้า คิดไม่ถึงจริง ๆ "

ไอ้แสบพูดภาษาอังกฤษกระท่อนแระแท่น พร้อมกับเหลือบตาชำเลืองไปดูชายขอทานซึ่งยืนหันหลังให้ด้วยท่าทางเคลือบแคลงใจ

นอร์แมนมองสายตาไอ้แสบ แล้วอมยิ้มหันไปถามไอ้โล้นอย่างอารมณ์ดี

" - มิสเตอร์โล้น คุณจะใจดำถึงกับไม่ยอมทักเพื่อนตายของคุณที่ยืนหันหลังอยู่นั่นเชียวหรือ ? "

ไอ้โล้นไหวกายเยือก มันเดินช้า ๆ เข้าไปหยุดอยู่ที่เบื้องหลังขอทาน แล้วเอื้อมมือเขี่ยวัตถุต่าง ๆที่ห้อยอีรุงตุงนัง อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของเครื่องแบบชุดเสือพรานที่เก่าคร่ำคร่า และขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วดึงกระบอกไฟฉายบุบบู้ที่เสียบอยู่ข้างเอวขึ้นมาพิจารณาดูพร้อมกับเบ้ปาก พูดออกมาดัง ๆ

" - ไอ้หอก ไฟฉายสนิมแดกจนเขียวปรื๋อแบบนี้มึงจะเอาไปทำไมวะ...ทั้งกะลาเอย...หม้อข้าวเอยกระทะเอย ตะหลิวเอย...ห้อยกันให้เปรอะไปหมด ไอ้บ้าหอบฟาง มึงนี่น่ากลัวจะเป็นญาติกับพวกแม้วที่เมืองลาวโน่น ฉิบหาย...อพยพแต่ละทีขนกันพะรุงพะรังเหมือนมึงไม่มีผิด "

" วางไฟฉายลงบนโต๊ะ...ไฟฉายกระบอกนั้นราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แพงกว่าชีวิตของมึงกับไอ้แสบรวมกัน สิ่งของที่ห้อยพะรุงพะรังอยู่บนตัวกูนี่ บางอย่างสามารถซื้อรถสปร์ตอย่างดี ๆ ได้หลายคัน มึงจำกูไม่ได้จริง ๆ หรือ - อับดุล-ราห์มาน ? "

ประโยคสุดท้าย ชายขอทานเน้นชื่อจริงของไอ้โล้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง

ไอ้โล้นอ้าปากหวอในขณะที่ยืนตะลึงถือไฟฉายอยู่นั้น ชายขอทานก็ดึงปากกาลูกลื่นออกมาจากกระเป๋า แล้วยกขึ้นจ่อริมฝีปาก กระซิบภาษามาเลย์ลงไปแผ่วเบา

ภาษามาเลย์ดังกังวานที่กระบอกไฟฉาย ไอ้โล้นรีบยกขึ้นแนบหู แล้วเบิกตากว้างแหกปากร้องออกมาสุดเสียง

" - ผู้กอง อังคาร..." อังคาร ไพรีพินาศ " วีรบุรุษแห่งทุ่งไหหิน...ดว้ย...ไอ้แสบ...ไอ้เหี้ยแสบมึงดู...นี่เจ้านายเก่าของมึงเสด็จมาอยู่นี่แล้ว...คราวนี้ต่อให้โคตรของ เค.จี.บี. กูก็ไม่กลัว "

ชายขอทานค่อย ๆ หันหลังกลับ สายตาที่กระด้างและเย็นชาเหมือนคนปราศจากวิญญาณปรากฏแววอ่อนโยนคำพูดที่เรียบและอ่อนทุ้มกังวานออกมาเบา ๆ

" - โมฮาหมัด อับดุล - ราห์มาน..."น้อย..นกไน" เพื่อนรัก อั๊วไม่เคยลืมวีรกรรมของลื้อทั้งสอง...ตลอดเวลาที่จากกัน อั๊วติดตามข่าวคราวของลื้ออยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าลื้อกำลังออกนอกลู่นอกทาง อั๊วก็เลยยืมมือกฏหมายดึงพวกลื้อเข้าไปสงบอยู่ในลหุโทษเสียพักหนึ่ง...ลื้อเป็นคนมีฝีมือ และครั้งนี้ประเทศชาติต้องการคนมีฝีมืออย่างพวกลื้อ...ลดความตื่นเต้นลงบ้าง ไอ้โล้น...ประเดี๋ยวให้ไอ้แสบหลอกให้มึงแดกหมูเสียนี่" ประโยคสุดท้าย ผู้กองเย้าไอ้โล้นออกมาอย่างอารมณ์ดี

" - อะอำ...เจ้านาย แขกหยั่งไอ้โล้นถือมากในเรื่องหมู...หมูถูกมือ - มือพอง...หมูถูกปาก - ปากพอง หมูถูกคอ...แฮะ...กลืนเลย...อร่อยตายห่า ไม่ต้องให้ไอ้แสบหรอก ผมก็ยัดทานเป็นประจำอยู่แล้ว...ว่าแตผู้กองเถอะ นึกขลังอะไรขึ้นมาถึงกับแต่งเป็นขอทานแบบนี้ ว้า...เหม็นตายห่า"

" - ยังจะเสือกมาถามอีก....ไอ้โล้น เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมขณะนี้มึงก็น่าจะเดาได้ถูกว่าอะไรเป็นอะไรถ้าผู้กองไม่มี " งาน " จากหน่วยเหนือแกก็คงไม่แต่งพิเรนแบบนี้หรอกน่า "

ไอ้แสบตัดบทขึ้นมาด้วยท่าทางฉุน ๆ ที่มองเห็นเพื่อนคู่หูพูดจาเล่นหัวจนเกินไป

" - หน๋อยทำเป็นอวดฉลาด...เจ้านายเชื่อมั้ย...เมื่อวานไอ้แสบขี้ส้วมชักโครกแล้วหาปุ่มกดน้ำไม่เจอ มันตามหาผมทั้งวัน ไอ้ห่านึกว่าจะธุระอะไร ดันพาผมไปชี้ปุ่มกดน้ำด๊าย โธ่ ไอ้เส็งเคร็ง วาสนาของมึงเคยแต่ขี้ในคุก...ไอ้คางคก"

ไอ้โล้นเปิดฉาก "อำ" เพื่อนคู่หูของมันเข้าให้แล้วแต่ก่อนที่จะมีการต่อล้อต่อเถียงกัน นอร์แมนซึ่งยืนอมยิ้มฟังอยู่ก็ตัดบทขึ้นกลางคัน

" - ทุกคนเข้าไปในห้องปฏิบัติการที่ 4 ได้แล้วครับ...ผมมีแผนงานเร่งด่วนที่จะต้องปฏิบัติ "

พอพูดจบนอร์แมนก็พาตัวเองเดินออกจากห้องศูนย์ปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว

เสียงเครื่องปรับอากาศครางกระหึ่ม ภายในห้องปฏิบัติการใต้ดิน ที่มีระบบป้องกันจารกรรมอย่างยอดเยี่ยม เพชฌฆาตรับจ้างของ ซี.ไอ.เอ. นั่งประชุมกันอย่างเคร่งเครียด ทุกคนจ้องสายตาไปยังผนังห้องที่มีจอภาพยนตร์ขนาดกระทัดรัดทาบตรึงอยู่ในระดับสายตา

ร.อ. อังคาร ไพรีพินาศ และ "นอร์แมน" เปลี่ยนชุดเครื่องแต่งกยมาเป็นชุดสีน้ำเงินเข้ม...แบบเอวจั๊ม ติดตรานกอินทรีกางปีกสีขาวที่หน้าอกด้านขวา อันเป็นชุดของพนักงานใต้ดินในกองบัญชาการลึกลับแห่งนี้

เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องฉายกำลังหยิบ "รีล" ขึ้นใส่เครื่องด้วยความชำนิชำนาญ ชั่วอึดใจ ฟลูออร์ริเซ่นเหนือเพดานก็ดับลง แสงสว่างจากหลอดฉายพุ่งเป็นลำไปทาบที่จอขาวนวลอยู่ชั่วครู่ก็ปรากฏภาพเต็มหน้าของชาววัยกลางคนผู้หนึ่งอย่างถนัดชัดเจน พร้อม ๆ กับมีเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทยดังลั่นออกมาจากตู้ลำโพงขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่เหนือเพดานห้องนั้น

" - นายประสาท ชูนิยม อายุประมาณ 52 ปี ประวัติในสำมะโนประชากร สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย อาชีพเป็นผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ "ไทยสยาม"

ภาพบนจอแช่นิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก็เริ่มเคลื่อนไหวต่อไปอีก คราวนี้ถ่ายในระยะไกล มองเห็นนายประสาทเปิดประตูรถเก๋ง บี.เอ็ม.ดับบลิว ลงมากับผู้หญิงรูปร่างใหญ่เหมือนกับชาวยุโรป เสียงจากฟิลม์เริ่มบรรยายต่อ

" นายประสาทกับนางมาริสา อดีตนักร้องชื่อดังโปรดสังเกตลักษณะทรงผมที่มักจะหวีแสกกลาง อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของชายผู้นี้"

ภาพบนจอเลือนหายไปชั่วครู่ แล้วปรากฏภาพของทหารเวียดนามแต่งเครื่องแบบยืนรวมกลุ่มอยู่หน้าอาคารแห่งหนึ่ง...ภาพถูกดึงเข้ามาใกล้จนกระทั่งมองเห็นบุคคลหนึ่งอย่างถนัดชัดเจน

"พ.ท. เหงียน - วัน - -เลย์" นายทหารเสนาธิการด้านยุทธวิธี ของเวียดนามเหนือ สำเร็จจากฝรั่งเศส ถือพาสปอร์ของนักธุระกิจ เวียดนามใต้...เดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างประเทศไทย เวียดนามใต้หลายสิบครั้ง ปัจจุบันลอบเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในคราบของ "นายประสาท ชูนิยม" ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ "ไทยสยาม" รับแผนงานจาก "โง เหงียน เกี๋ยบ " มาโดยเฉพาะ ด้วยการปลุกระดมในหน้าหนังสือพิมพ์ โดยอ้าง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องบังหน้า ส่วนเบื้องหลัง จะดำเนินแผนการทุกชนิด เพื่อความแตกแยกของคณะรัฐบาลไทยและพร้อม ๆ กับส่งเงินรายได้ จากหนังสือพิมพ์ส่วนหนึ่งให้กับผู้ก่อการร้ายในภาคอีสานเป็นประจำ...นามปากกาที่ใช้ในวงการหนังสือพิมพ์ "ผีกระสือ"

ภาพตัดกลับมาภายในโรงงานขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มคนกำลังเดินชมแท่นเครื่องจักรกันอย่างคับคั่ง มีทั้งทหารในเครื่องแบบและสุภาพสตรี ถือแฟ้มเดินกันสับสน

" - โรงงานผลิตอาวุธปืน - เอช-เค-33 " ที่กรมสรรพวุธสะพานแดง กลุ่มนักข่าวชายหญิงได้รับเชิญให้เข้าชมโรงงานผลิตอาวุธ จะสังเกตได้ชัดว่า ทุกคนไม่มีกล้องถ่ายรูปเนื่องจากเป็นเขตหวงห้าม โปรดระวัง กรุณาสังเกตหญิงสาวในชุดสีทึบที่ยื่นอยู่ทางด้านซ้ายของแท่นให้ดี..."

เสียงบรรยายย้ำ และเน้นอย่างหนักแน่นเป็นพิเศษพร้อม ๆ กับที่ภาพหญิงสาวถูกซูมดึงเข้ามาจนใกล้จอภาพยนตร์

หญิงสวหน้าตากระเดียดไปทางลูกครึ่งจีนแยกแฟ้มขึ้นกอดอกอยู่ ชั่วอึดใจก็ลดแฟ้มลง มือข้างที่ว่างขยับเครื่องประดับที่กลัดติดอยู่ที่หน้าอกสายตาทั้งคู่ชำเลืองไปรอบ ๆ ด้านอย่างระมัดระวัง

"กล้องถ่ายรูป"

ชาตินั่งอยู่ข้าง ๆ สี่ยวิชัยกระซิบกระซาบออกมาเบา ๆ พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่เครื่องประดับที่มีรูปร่างเป็นแมลงมุมขนาดเล็กด้วยควาพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อไปอีก

" - ไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนั้นใช้กล้องพิเศษที่ซ่อนอยู่กับแมลงมุมฝั่งเพชรถ่ายภาพภายในเขตโรงงานเข้าให้แล้วผมเคยเจอะกล้องชนิดเดียวกันนี้ที่เวียงจันทน์"

" นางสาวผกาวรรณ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ "ไทยสยาม" ใช้กล้องพิเศษลอบถ่ายภาพโรงงานซ่อม สร้างอาวุธตามแผนของนายประสาท นางสาวผกาวรรณ เชื้อชาติลาวสัญชาติไทย แต่เท่าที่ข่าวกรองของรามสูรได้มาบิดาของเธอเป็นญวนอพยพ จังหวัดสกลนคร...และหญิงสาวผู้นี้มักจะป้วนเปี้ยนคลุกคลีกับพนักงานของค่ายรามสูรที่จังหวัดอุดร ฯ จนผิดสังเกต อาชีพพิเศษของเธอก็คือ เป็นนักร้องเพลงสากลที่มีแฟนชาวต่างประเทศพึงพอใจเป็นพิเศษ "

ในขณะที่เสียงจากฟิลม์บรรยายอยู่นั้นกล้องถ่ายภาพยนตร์ซึ่งคงซ่อนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งภายในโรงงานผลิตอาวุธก็ดึงภาพของหญิงสาวเข้ามาใกล้จนสังเกตเห็นได้ชัด แม้กระทั่งขนตาที่งอนเช้งจนเกินงามนั้น

ภาพบนจอหายวับไปพร้อม ๆ กับไฟเหนือเพดานสว่างจ้า ทุกคนเพ่งสายตาไปมอง "นอร์แมน" เหมือนอย่างนัดกันเอาไว้ ไอ้โล้นซึ่งนั่งเงียบเย็บริมฝีปากอยู่ตลอดเวลาโพล่งออกมาอย่างเหลืออด

" - หัวหน้า นี่ผมยังไม่รู้เลยว่า หัวหน้าจะมีงานห่าเหวอะไรให้ผมทำกัน ผมกับไอ้แสบอยู่ในคุกดี ๆ ก็ดันส่งไอ้ห่าจิกนี่เข้าไปเอาผมออกมา แถมออกมาแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากฝึกยิงปืนแล้วก็สั่งให้ยิงจ๊อกกี้...บอกกันเสียก่อน ถ้างานกระจอก ๆ ฆ่าคนไม่มีน้ำยาแบบนี้ ผมไม่เล่นด้วยแน่ ๆ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมขาดรายได้ไปจมหูเลย อยู่ในคุกแค่ขาย "ผงขาว" ผมก็รวยอื้อซ่าแล้ว...มีเงินฝากเกือบหมื่น ไอ้ห่าซิวกูออกมาเลยอดแดก ป่านนี้ผู้คุมอมเงินกูแหง ๆ สวัสดี...ความซวย"

นอร์แมนหยิบซองสีน้ำตาลหนาปึกจากกระเป๋าเอกสารขึ้นมาวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ 7 ซอง ต่อจากนั้นก็ใช้นิ้วกลางเคาะซองเอกสารไปยังกลุ่มเพชฌฆาตรับจ้างที่นั่งหน้าสลอนอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ

" - มันเป็นงานที่เสี่ยงกับความตายที่สุดเท่าที่ผมเคยวางแผนมา มิสเตอร์วิชัย, มิสเตอร์ชาติ, ผู้กองอังคาร, มิสเตอร์โล้น, มิสเตอร์แสบ, คำสั่งแผนปฏิบัติอยู่ในซองนั้นแล้ว พร้อมด้วยธนบัตรดอลล่าร์ใบละ 100 ดอลล่าร์ 500ใบ และเงินจำนวนนี้ก็คือเงินค่าจ้างเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น...เมื่อทุกสิ่งอย่างเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย เราจะจ่ายให้คุณทันที โดยไม่มีการบิดพริ้วใด ๆ ทั้งสิ้น "

ทุกคนเอื้อมมือออกมาหยิบซองเอกสารด้วยท่าทางตื่นเต้น ผู้กองอังคารใช้มือตะปบลงไปบนซองเอกสารของไอ้โล้น กระซิบออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

"หยิบแต่เอกสารออกไป...ส่วนเงินส่งมานี่ อั๊วจะจัดแจงแบ่งให้ลูก ๆ และเมียอีก 15 คนของลื้อเอง...นิสัยหยั่งลื้อ ไอ้เงินแค่หนึ่งล้านบาทนี่ ไม่ถึงสองเดือนลื้อล้างผลาญหมดแน่ "

ไอ้แสบทำตาละห้อยพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ

" - เมีย 15 คน ลูก 13 คน รวมเป็น 25 แบ่งเฉลี่ยนแล้วก็ได้เพียงคนละ 40,000 บาท แล้วผมล่ะครับผู้กอง "

อังคารกรีดธนบัตรใบละ 100 ดอลล่าร์จากซองของเขาออกมา 50 ใบ แล้วผลักไปให้ลูกน้องคู่ใจพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

" อั๊วให้ลื้อ ราห์มาน "

ไอ้โล้นยกมือไหว้ พร้อมกับหยิบเงินใส่กระเป๋าสายตาทั้งคู่จ้องมองไปที่ซองเอกสาร 2 ซองที่เหลืออยู่บนโต๊ะ แล้วถามออกมาอย่างเคลือบแคลงใจ

" - เหลืออีก 2 ซองนั่นของใครครับ...หัวหน้า "

" เจ้าของเขาไม่อยู่ที่นี่ ซองทางซ้ายมือนั่นเป็นของผู้หญิง...พรุ่งนี้จะเดินทางจากสิงคโปร์พร้อมเที่ยวบิน " สามเณรถนอม กิตติขจร" ส่วนซองขวามือเจ้าของอยู่ในคุก "ซำเข้" ประเทศลาว และหวังว่าคุณคงจะรู้จักเจ้าตัวเขาดีแล้ว"

นอร์แมนพูดพลาง เอื้อมมือหยิบซองเอกสารทั้งสองขึ้นมาถือเอาไว้ เมื่อเห็นทุกคนนิ่ง เขาก็พูดต่อไปอีกอย่างห้วน ๆ

"ร.ท. คำลื้อ สิงหาพงษ์"

" บัก คำลื้อ...เพชฌฆาตหน้าหยก แห่งหน่วยคอมแมนโดลาว ทำไมผมจะไม่รู้จัก...ไอ้ห่าจิกนี่เป็นโรคสงครามขึ้นสมอง...อายุไม่ถึง 20 ปี ฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วนหัวหน้านึกยังไงถึงเอาไอ้เสือนี่มาร่วมขบวนการของเราได้"

ไอ้โล้นอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"หมวดคำลื้อ โดนจองจำอยู่ในคุกซำเข้ หน่วยงานของเรา กำลังหาทางเอาตัวเขาออกจากคุกอยู่ แต่ถ้าไม่มีเวลาพอเราก็จะต้องตัดเขาออกไป สำหรับทีมงานของเราอีกคน จะเดินทางมาถึงดอนเมืองพรุ่งนี้ มิสเตอร์โล้น มิสเตอร์แสบ พวกคุณมีหน้าที่ คุ้มกันคนของเราที่ดอนเมือง โอเคพรุ่งนี้เช้าพบกันที่ดอนเมือง"

นอร์แมนตัดบทอย่างห้วน ๆ แล้วเดนผละออกจากห้องด้วยท่าทางรีบร้อน...

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11821 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2015, 11:03:02 AM »

    เนื่องจากมี พี่น้องคอปืน ผม  เป็น ว่าที่ เจ้าของอาคารพาณิชย์  ที่ผมกำลังสร้างอยู่ 2 ห้อง ครับ  (อัพเดต 28/11/58)

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2015, 12:40:26 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11822 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2015, 11:06:53 AM »

เนื่องจากมีพี่น้องคอปืนผม  เป็นว่าที่ เจ้าของอาคารพาณิชย์ ที่ผมสร้างอยู่ 2 ห้อง (อัพเดต 28/11/58)







"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2015, 12:39:54 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11823 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2015, 06:10:40 AM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 10

ไอ้โล้น หยุดชะงักเหมือนกับถูกตรึง แต่ก็เป็นเพียงชั่วอึดใจหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่ร่างของนอร์แมนจะผ่านพ้นประตูห้องออกไป มันก็ผวาเข้าไปยึดแขนเสื้อเอาไว้แน่นปากก็ละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน

" - หัวหน้า...ผมกับไอ้แสบเพิ่งจะแหกคุกออกมาหยก ๆ เล่นให้ผมไปเดินโชว์หุ่นที่สนามบินดอนเมือง มันก็เกมส์เท่านั้นซีครับ...ถ้าจะให้ผมกับไอ้แสบ ทำงานชิ้นนี้ละก็ ผมว่าหัวหน้าส่งตัวพวกผมเข้าไปในคุกเหมือนเดิมดีกว่า...เพราะผลลัพธ์มันก็ไอ้ครือ ๆ กัน นั่นแหละครับ "

นอร์แมนหันหลังกลับ เดินหน้าเครียดเข้ามาที่โต๊ะเขาจ้องหน้าไอ้โล้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ระเบิดคำพูดออกมาอย่างฉุนเฉียว

" - ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ ที่ "ซี.ไอ.เอ." จะทำไม่สำเร็จ หน่วยเหนือช่วยพวกคุณออกจากคุกได้ โดยที่พวกคุณไม่ได้รับความบาดเจ็บ แม้แต่นิดเดียว แค่นี้มันก็เป็นหลักประกันสำหรับพวกคุณดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ประสิทธิภาพการทำงานของ ซี.ไอ.เอ. ไม่เคยผิดพลาด...แม้กระทั่งข่าวการเคลื่อนไหวของ "จอมพลถนอม" ที่สิงคโปร์ ฝ่ายเราก็ทราบก่อน และเพิ่งจะแจ้งให้คณะรัฐบาลของคุณเมื่อตอนสิบหกนาฬิกานี่เอง...มิสเตอร์โล้น ผมขอย้ำอีกครั้งคุณจะต้องรับงานชิ้นนี้...ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว "

" - ฮึ ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ ที่ซี.ไอ.เอ. จะทำไม่ได้...หัวหน้าคงจะลืมเหตุการณ์ในเขมร, เวียดนามใต้และประเทศลาวไปละกระมังครับ...ถ้า ซี.ไอ.เอ. แน่จริงทหารอเมริกันก็คงจะไม่กระเจิงออกจากแหลมอินโดจีนเหมือนกับหมาโดนน้ำร้อนหรอกครับ ถ้าเรามาพลิกประวัติศาสตร์ การทำงานของ ซี.ไอ.เอ. กันดู...เอากันอย่างง่าย ๆ ถ้าแผนของ ซี.ไอ.เอ. วิเศษจริง ๆ ทำไมพลร่มหน่วยกล้าตายของอเมริกันที่กระโดร่มลงบนเกาะคิวบา เพื่อลอบสังหาร " คาสโตร " ถึงโดนฆ่าตายจนหมดเกี้ยง...เพราะอะไร...เพราะอะไรถึงพลาด?...ซี.ไอ.เอ. อาจจะเก่งและมีปาฏิหาริย์ แต่ก็เป็นเพียงเก่งแต่ในบ้านของตัวเองเท่านั้นแผนงานที่สนามบินดอนเมือง ผมคิดว่าเปอร์เซ็นต์พลาดมีอยู่เกือบครึ่ง พวกผมอาจจะเป็น " หนูตะเภา " ให้ ซี.ไอ.เอ. ลองยา เหมือนอย่างที่เคยโดนมาแล้วในสงครามอินโดจีน "

ไอ้โล้นสวนคำพูดออกมาอย่างยืดยาว ด้วยท่าทางฉุนเฉียวพอ ๆกัน...
นอร์แมน ยกมือทุบโต๊ะเต็มแรง หน้าตาแดงก่ำ ชั่วอึดใจเขาก็ระงับโทสะได้อย่างน่าประหลาด เขาชี้นิ้วเป็นทำนองสั่งให้ทุกคนนั่งลง เมื่อทุกคนทำตาม เขาก็หันไปพูดกับไอ้โล้น ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนจากเมื่อกี้นี้เป็นคนละคน

" มิสเตอร์โล้น เรามาเริ่มทำความเข้าใจกันใหม่ในปัญหาสงครามอินโดจีน...ตามความรู้สึกของพวกคุณหรืออาจจะทั้งโลกที่พากันเข้าใจว่า อเมริกันพ่ายแพ้ในสงครามอินโดจีนอย่างไร้ศักดิ์ศรีและอัปยศ "

นอร์แมน หยุดพูด พร้อมกับกวาดสายตาไปยังเหล่าเพชฌฆาตรับจ้างที่นั่งจ้องเขม็งอยู่เบื้องหน้า เป็นทำนองยืนยันคำพูดของตัวเอง

ทุกคนนอกจาก ผู้กองอังคาร พยักหน้าในทำนองตอบรับ

นอร์แมน ยิ้ม แล้วขบกรามระบายคำพูดออกมาอย่างยืดยาว

" - โซเวียต รัสเซีย ช่วยเหลือเวียดนามเหนือ 2,570 ล้านดอลล่าร์ จีนแดง ส่งเข้าไปสมทบอีก1,080 ล้านดอลล่าร์ ในขณะที่งบช่วยเหลือของสหรัฐพุ่งขึ้นไปถึง 107,000 ล้านดอลล่าร์ เรามาลองคิดคำนวณกันดูอย่างง่าย ๆว่า ในขณะที่สหรัฐทุ่มเทความช่วยเหลือลงไปมากกว่าโซเวียต และ จีน รวมกันถึง 29 เท่า แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะรักษา " ดุลย์อำนาจ " ทางการเมืองในภูมิภาคนี้เอาไว้ได้ทำไม ?...ทำไมชาติมหาอำนาจทั้งสาม จึงแข่งขันกันเพื่อหวังยึดครองแหลมอินโดจีนอันกระจ้อยร่อยนี้ ? ผมไม่อยากจะตั้งคำถามโง่ ๆ แก่พวกคุณให้เสียเวลา...ลองเอาแผนที่ของประเทศในแหลมอินโดจีนมาเปิดดูกัน โดยเฉพาะแผนที่ที่แสดงที่ตั้งของประเทศลาว เราก็จะได้คำตอบทันทีว่าทำไมชาติมหาอำนาจทั้งสามประเทศนั้น ถึงได้ตื่นตาตื่นใจในเหยื่อชิ้นโอชะนี้เป็นพิเศษ ประเทศลาวมีพรมแดนติดต่อกับไทย, พม่า, จีน, เขมร, เวียดนามเหนือ, เวียดนามใต้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาเกือบทั่วประเทศ...และโดยเฉพาะ "ทุ่งไหหิน" ทั้งผู้เชี่ยวชาญของ "ซี.ไอ.เอ." และ"เค.จี.บี." ต่างเล็งเห็นตรงกันว่าเป็นฐานทัพอากาศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในปัจจุบัน...กำลังทางอากาศจากทุ่งไหหินจะสามารถครอบคุลมภาคใต้ของจีนแดงทั้งหมดและยังสามารถจะบินตรงไปยังดินแดนส่วนใหญ่ของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างสบาย...นอกจากนั้นอาวุธอีเล็คโทรนิคและอาวุธจรวดทุกชนิดก็ได้ถูกนำเข้ามาวิจัยและค้นคว้าทดลองในประเทศลาว ไม่เว้นแต่ละวัน สงครามช่วงชิงแหลมอินโดจีนได้ปะทุขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม...และแล้วในที่สุดอเมริกันก็ผละหนีออกไปจากแหลมอินโดจีนในลักษณะที่พ่ายแพ้อย่างหมดประตูสู้ ยอมเจรจาสงบศึกอย่างไร้ศักดิ์ศรีและอัปยศ "

"แพ้แหง๋ ๆ ...หัวหน้า...ยอมเจรจาสงบศึกหรือยอมแพ้มันก็ไอ้ครือ ๆ กันนั่นแหละครับ "

ไอ้โล้น ทะลุกลางปล้องขึ้นมาอีก คราวนี้นอร์แมนระบายยิ้มออกมาด้วยท่าทางที่อารมณ์ดีขึ้นกว่าเก่า พร้อมกับพูดต่อไปอย่างเนินนาบ

" - คุณเข้าใจผิด - อเมริกันไม่แพ้...อเมริกันต้มคนทั้งโลก ต้มแม้กระทั่งประชาชนของตัวเอง ด้วยแผนหมากรุกการเมืองที่ "ซี.ไอ.เอ." ได้กำหนดเอาไว้อย่างแยบยล ทำให้อเมริกันสามารถตบตาคนทั้งโลกได้อย่างแนบเนียนจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว จุดประสงค์และแผนการเมืองในการทำสงครามของสหรัฐในแหลมอินโดจีนเป็นแผนไม่ต้องการชัยชนะ อเมริกันเพียงต้องการสร้างสถานการณ์ตึงเครียดและหยั่งเชิง ตลอดจนทดลองอาวุธอีเลคโทรนิคใหม่ ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ของตัวเองผลิตขึ้นเท่านั้น โดยเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ อเมริกาคาดว่า สหภาพโซเวีตซึ่งหนุนหลังเวียดนามเหนือ และขบวนการประเทศลาวอย่างลับ ๆ คงจะส่งอาวุธที่ทรงอานุภาพเข้ามาร่วมทดลองในสงครามที่ไม่มีการประกาศนี้ด้วย...แต่รัซเซียอ่านแผนของเราออก ก็เลยส่งอาวุธประเภท "เหลือใช้สงคราม" ที่หมดประสิทธิภาพมาช่วยเวียตกงรบอย่างขอไปที...อเมริกันผิดหวังแต่จะผละออกจากแหลมอินโดจีนไปก็ใช่ที่เพราะได้ลงทุนไปแล้วอย่างมหาศาล ก็พอดีได้จังหวะสงคราม "ยิว-อาหรับ" ระเบิดตูมขึ้นมา คราวนี้ ทั้งอเมริกันและรัสเซียซึ่งเป็นพ่อค้าสงครามต่างก็ออกโรงหนุนหลังทั้งสองฝ่ายอย่างออกหน้าออกตา...อเมริกันสนับสนุนยิวส่วนโซเวีตรัสเซียหันไปคบกับกลุ่มอาหรับทั้งหมด "ยิว-อาหรับ" ฟัดกันจนทะเลทรายแทบจะลุกเป็นไฟ รัสเซียประเคนอาวุธทันสมัยเข้าช่วยอาหรับ เต็มอัตราศึก และคราวนี้แผนการแหย่เสือหลับของ ซี.ไอ.เอ. ก็สัมฤทธิ์ผล "

นอร์แมนหยุดพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม แล้วพูดต่อไปอีกอย่างยืดยาว

" - อาวุธอีเล็คโทรนิคของอเมริกาและรัสเซียตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อน จากผลการรบครั้งแรก " ยิว " จวกอาหรับแตกกระเจิงไม่เป็นขบวน ไม่ว่าจะเป็นรถถังชนิดล่าสุดหรือแม้กระทั่งเครื่องบิน " มิค " ของรัสเซีย โดนอาวุธของสหรัฐถล่มเสียหายพังยับเยิน อันเป็นข้อมูลที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลานั้น อาวุธของสหรัฐเหนือชั้นกว่าโซเวียตมากมายนัก พอสงคราม 6 วันสงบลง โซเวียตรัสเซียก็ใช้เวลาที่เหลือพัฒนาและปรับปรุงเครื่องอีเล็คโทรนิคอย่างรีบเร่ง พอสร้างเสร็จก็ดำเนินแผนยุแหย่ให้ยิวกับอาหรับ " จวก " กันอีกเช่นเคย...แผน "เค.จี.บี." ได้ผล...สงคราม ยิว-อาหรับ ประทุขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เครื่องบินและรถถังของสหรัฐที่เคยเป็นต่ออยู่หลายขุม ถูกอาวุธของโซเวียตทำลายอย่างย่อยยับ ข้อมูลดังกล่าวทำให้ ซี.ไอ.เอ. ต้องวางแผนให้อเมิรกันผละออกจากแหลมอินโดจีน แล้วหันไปค้าสงครามกับยิวและอาหรับเป็นล่ำเป็นสันต่อไป โดยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะจุดชนวนและสร้างสถานการณ์ทางด้านนั้นให้ลุกโชนและตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา นี่คือต้นเหตุที่แท้จริงที่อเมริกันต้องถอนตัวออกไปจากแหลมอินโดจีนหรือแม้กระทั่งการถอนทหารสหรัฐไปจากประเทศไทยก็ตามใช่ว่าสหรัฐจะถอนทหารออกไปเพราะการบีบคั้นของนิสิตนักศึกษาที่พากันเดินขบวนประท้วงก็หาไม่ "

" - หัวหน้าครับ...เหตุผลอื่น ๆ ที่หัวหน้าชักแม่น้ำทั้ง 5 เล่าให้พวกผมฟัง มันก็มีเหตุผลพอที่จะเข้าทีอยู่บ้าง...เอาละ ! พวกผมยอมเชื่อว่า อเมริกันไม่แพ้...เท่าที่ถอนจากแหลมอินโดจีนก็เพราะเหตุผลทางการเมือง...แต่เท่าที่อเมริกันออกจากประเทศไทยนี้ ผมเชื่อพันเปอร์เซ็นต์ว่า ต้นเหตุเกิดขึ้นจากการเดินขบวนขับไล่ของนิสิตนักศึกษาแหง ๆ "

ไอ้โล้นขัดขึ้นมาอีกด้วยเหตุผลที่น่าฟัง นอร์แมนยิ้มเล็กน้อยพยักหน้าพร้อมพูด

" - ตามความรู้สึกของทุก ๆ คนมันก็น่าจะเป็นไปในรูปนั้น รัฐบาลของคึกฤทธิ์อาจจะคุยได้ว่าเป็นรัฐบาลแรกที่สามารถฉีกสัญญาดึกดำบรรพ์ระหว่างไทยกับสหรัฐลงได้อย่างสิ้นเชิง แต่ก็เป็นการคุยที่ไม่ค่อยสนิทปากเท่าใดนัก เพราะเหตุผลอันแท้จริงแล้ว เท่าที่สหรัฐ " ถอน " ทหารออกไปจากผืนแผ่นดินไทยนั้น มันเป็นความต้องการของสหรัฐเองต่างหาก "

" - เหตุผล...หัวหน้า...ผมชักจะ "มันส์ส์" ในนิยายของหัวหน้าซะแล้วซี ช่วนกรุณาอธิบายให้ผมหายข้องใจหน่อยครับ "

ไอ้โล้นซึ่งกลายเป้นพระเอกในการซักย้อนถามขึ้นมาอย่างเคลือบแคลงใจ

" - มันต้องมีเหตุผลแน่นอน...มิสเตอร์โล้น แต่ก่อนโน้นอเมริกาประสบกับปัญหาขนย้ายทหารจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่แห่งหนึ่งอยู่เสมอ ๆ การขนย้ายทหารจำนวนเป็นหมื่น ๆ คนไปยังส่วนต่าง ๆของโลกรู้สึกว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร และอึกทึกครึกโครมมิใช่น้อย และจะต้องใช้เวลานับเป็นสิบ ๆ ชั่วโมงขึ้นไป และอุปสรรคดังกล่าวนี้ทำให้ " ดุลย์อำนาจ " ทางทหารของอเมริกาต้องเป็นรองสหภาพโซเวียตอยู่บ่อยครั้ง แต่ขณะนี้ ซี.ไอ.เอ. ได้ค้นพบวิธีที่สามารถสร้าง "ดุลย์อำนาจ" ทางทหารเหนือกว่าโซเวียตรุสเซียได้แล้ว "

นอร์แมนหยุดพูดเหมือนหนึ่งต้องการให้ผู้หนึ่งผู้ใดในห้องซักถาม แต่เมื่อเห็นทุกคนเงียบเขาก็พูดต่อไปอีกยืดยาว

" - ซี.ไอ.เอ. ได้ออกแบบสร้างเครื่องบินขนส่งขนาดยักษ์ขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ เครื่องบินดังกล่าวนี้มีชื่อตามรหัสว่า "ซี - 5 - เอ "หรือ "กาแล็คซี่" ผู้ทรงพลังนั่นเอง...รูปร่างลักษณะของ "ซี - 5 -เอ" เมื่อนำมาจอดเทียบเครื่องบิน 747 แล้วมองดูเหมือนกับว่า เจ้าเครื่องบินโดยสารยักษ์ลำดังกล่าวนั้นจะกลายเป็นเครื่องบินแคระไปทันที เครื่งบิน "ซี - 5 - เอ " สามารถบรรทุกทหารราบได้ถึง 800คน หรือถ้าจะเปลี่ยนเป็นบรรทุกรถยนต์ก็สามารถที่จะบรรทุกรถ "โฟล์คสวาเก้น" ในรคราวเดียวได้ถึง 88 คัน เลยทีเดียว "ซี - 5 - เอ " เป้นเครื่องบินไอพ่นที่ใหญ่ที่สุดและมีกำลังขับเคลื่อนสูงที่สุดในปัจจุบัน ลำตัวภายในแบ่งออกเป็น 3 ชิ้น สามารถรับน้ำหนักรถบารรทุกได้ถึง 265,000 ปอนด์ เมื่อน้ำหนักบรรททุกเต็มที่ "ซี- 5 - เอ " จะสามารถบินได้ไกลถึง 2,875 ไมล์ทะเล โดยไม่ต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง และเมื่อลดน้ำหนักบรรทุกลงเหลือ 100,000 ปอนด์ " ซี - 5 - เอ " ก็สามารถยึดพิสัยการบินออกไปถึง 6,335 ไมค์เลยที่เดียว คราวนี้ถ้าอเมริกันต้องการจะขนทหารซัก 8,000 คน ไปยังจุดใดจุดหนึ่งของโลกเท่าทีอเมริกันต้องการจะไป อเมริกันก็จะใช้เครื่องบิน "ซี - 5 - เอ " 10 เครื่องขนทหารขึ้นไปลอยลำในอากาศอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวนี้นับเป็นวลาสิบ ๆ ชั่วโมง พอเกิดเหตุฉุกเฉินก็บินลงทันที่ด้วยเหตุผล และข้อมูลดังกล่าวนี้ทำให้ฐานทัพที่สหรัฐลงทุนสร้างเอาไว้อย่างมหาศาลในประเทศไทย ก็เลยหมดความหมายไปโดยปริยาย...ขอให้รู้เอาไว้เสียด้วยมิสเตอร์โล้น ขณะนี้...เวลานี้เหนือศีรษะของพวกคุณประมาณ 30,000ฟิต หรืออาจจะสูงกว่านั้น เครื่องบิน "ซี - 5 - เอ " บรรทุกทหารราบพร้อมอาวุธได้บินสะแตนบายเอาไว้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ยุโรป, อเมริกาใต้, เกาหลี, และอินโดจีน "ซี - 5 - เอ " พร้อมที่จะบินลงในทันทีเมื่อประเทศที่ได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐโดนโจมตี

" - อ๋อให้มันหยั่งนี้ซี้ สหายอเมริกันถอนทหารออกไป แต่ก็ยังสัญญาขอใช้สนามบินตาคลีและอู่ตะเภาเอาไว้...เอา...เอากันให้เหมาะ เท่าทีหัวหน้า " กล่อม " ผมมาตั้งชั่วโมงนี่ ก็ต้องการจะให้ผมรับงานที่สนามบินดอนเมืองใช่ไหมครับ ?...โอเค..." ซี.ไอ.เอ." ซะอย่าง พรุ่งนี้คงจวกกันน่าดูชม หายข้องใจแล้วครับ "

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นตัดบทเอาดื้อ ๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องปฏิบัติการใต้ดินอย่างรวดเร็ว

05.30 ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ฯ บริเวณห้องผู้โดยสารขาเข้า ประชาชนที่มารับผู้โดยสารจากสายการบินต่าง ๆ พากันยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่เงียบ ๆ แต่ส่วนมากครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ที่เรียงรายอยู่หน้าห้องผู้โดยสารที่สว่างไสวไปด้วยแสงฟลูออร์ริเซ่นนั้น

ตามปกติท่าอากาศยานกรุงเทพ ฯ ในวันอาทิตย์ จะไม่ค่อยกมีประชาชนคึกคักเท่าใดนัก เนื่องจากมีเครื่องบินเข้าออกน้อย...แต่สำหรับในเช้าวันนี้กลับคึกคักเป็นพิเศษจนสังเกตได้ชัด นักข่าวหนังสือพิมพ์พร้อมกล้องถ่ายภาพเริ่มทยอยกันเข้ามาไม่ขาดระยะ ช่างภาพจากสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่องตระเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้อย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วยืนกระสับกระส่าย สายตาชำเลืองดูนาฬิกาที่ผนังบ่อยครั้ง

ไอ้โล้นสวมสูทสีน้ำเงินเข้มคาบไป๊ป์สะพายกล้องถ่ายรูปยืนไหล่เอียง ซุบซิบกับไอ้แสบ ซึ่งวันนี้แต่งตัวเท่ห์เป็นพิเศษ ด้วยชุดสากลลายพร้อย ที่บริเวณกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายปรากฏป้ายสีเหลี่ยมขนาดเล็กกลัดแนบติดกับขอบกระเป๋ามองเห็นถนัดตา

มันเป็นป้ายนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ " สเตรท-ไทมส์" ของมาเลย์เซีย ซึ่งองค์การ ซี.ไอ.เอ. ได้จัดแจง "ปลอม" ขึ้นมาอย่าง สด ๆ ร้อน ๆ เพื่อแผนงานนี้โดยเฉพาะ

หมวกแขกทรงเรือแจวที่สวมอยู่บนศีรษะอันโล้นเลียนของไอ้โล้น กอปรกับมาดอันเหลือร้ายของแขกเจ้าเล่ห์หยั่ง " โมฮาหมัด อับดุล รามาห์ " ทำให้ไอ้โล้นและไอ้แสบ สามารถพาตัวเองเข้ามาปะปนกับบรรดานักข่าวทั้งไทยและเทศได้อย่างสะดวกโยธิน

ห่างออกไปทางด้านซ้ายมือ มิสเตอร์ นอร์แมน หัวหน้าข่าวกรองของค่ายรามสูร ซึ่งเพิ่งจะสลัดคราบของหมอสอนศาสนาออกอย่างสด ๆ ร้อน ๆ แล้วสวมชุดกัปตันของสายการบิน "แพน-แอม" ยืนสนทนากับผู้กอง "อังคาร ไพรีพินาศ" ซึ่งอยู่ในชุด "สจ๊วต" (พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน) ของสายการบินเดียวกันอย่างออกรสชาติบางครั้งก็มีหัวเราะประสานกันอย่างครื้นเครง

เสียงหัวเราะของคนทั้งสองทำให้ นักข่าวจอมปลอมจากมาเลย์หันไปมองด้วยท่าทางอึดอัดใจ

" - ไอ้แสบ มึงดูเจ้านายของเราโน่น...ไอ้ห่าเสี่ยงฉิบเผงเลยว่ะ หนอยดันเสีอกแต่งตัวเป็นนักบินพาณิชย์เกิดซวยเจอะกับนักบินตัวจริงขึ้นมาล่ะก็มึงเอ๋ยสนุกแน่"

ไอ้โล้นกระซิบกระซาบพร้อมกับชำเลืองสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความอึดอัดใจ

" - มัวแต่ห่วงคนอื่น...มึงกับกูจะซวยไม่รู้ตัว ไอ้ห่าปลอมตัวเป็นนักข่าวมาเลเซีย แต่เสือกฟังภาษาแขกไม่ออกซักตัว ยังไง ๆ มึงอย่าเสือกพูดกับกูมากนักก็แล้วกัน เฮ้ย...ไอ้โล้น เสี่ยวิชัย กับชาติอยู่ที่ไหนวะ กูมองไม่เห็นเลยตั้งแต่ขึ้นมาข้างบนนี่ "

" - อยู่ข้างนอก...ที่จอดรถ...มีอะไรผิดปกติเขาจะวิทยุมาเอง...เฮ้ยนั่นสารวัตรทหารเสือกแห่กันมาทำไมมากนักวะ "

ประโยคสุดท้ายไอ้โล้นสะกิดให้เพื่อนคู่หูหันไปดูขบวนสารวัตรทหารอากาศ ซึ่งขณะนี้เดินแถวเข้ามาภายในบริเวณหน้าห้องโดยสาร "ขาเข้า" สะพรึ่บไปหมดทุกคนมีอาวุธสะพายอยู่บนไหล่ครบครัน พอเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณหน้าห้องโดยสารขาเข้าก็กระจายกำลังออกรายล้อมบริเวณดังกล่าวหเอาไว้รอบพร้อม ๆ กับเชิญประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้นให้ออกไปด้วยความสุภาพแกมบังคับอยู่ในที

ประชาชนที่มารับผู้โดยสารถูกต้อนออกไปยืนอยุ่รอบ ๆ นอก แทบทุกคนมีท่าทีประหลาดใจแต่ชั่วอึดใจต่อมาข่าวคราวของ "จอมพลถนอม กิตติขจร" ที่จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ขาดปาก บางคนพยายามเบียดสารวัตรทหารยื่นหน้ายื่นตาชะเง้อมองไปที่ช่องทางประตูเข้าอกด้วยความตื่นเต้น

ด้วยอำนาจของ " บัตร " นักข่าวที่กลัตติดอยู่ที่หน้าอกเสื้อ ทำให้ไอ้โล้นและไอ้แสบสามารถพาตัวเองปะปนอยู่ในกลุ่มของผู้สื่อข่าวทั่ว ๆ ไปได้อย่างสบาย

"เฮ้ย...ไอ้โล้น...นั่นวิทยุเรียกมึงมาแล้วโว้ย"

ไอ้แสบกระซิบกระซาบพร้อมกับสะกิดให้ไอ้โล้นมองดูไฟแดงที่กระพริบอยู่บนกล้องถ่ายรูปนั้น

ไอ้โล้นเอื้อมมือไปกดปุ่มข้าง ๆ ชัตเตอร์ไฟสีแดงแวบหายไป ชั่วอึดใจก็มีไฟสีเขียวกระพริบขึ้นมาแทนที่พร้อม ๆ กับมีสัญญาณคำพูดดังแว่วออกมาเบา ๆ

"ระวัง...ชายอาหรับสองคนที่อยู่ในชุดสากลสีน้ำตาลไหม้กับชุดเทาซึ่งกำลังจะเข้าไปข้างในห้องโดยสารให้ดี เช็คดูแล้วรถที่ใช้ทะเบียนเป็นของสถานทูตโซเวียตไม่ต้องห่วงข้างล่าง "บล๊อค" เอาไว้หมดแล้ว"

" - เออ...ให้พ่อมึงขึ้นมา ประเดี๋ยวกูจะเจี๋ยนคอหอยมันเอง...บอกลักษณะมันอีกครั้ง กูไม่อยากฆ่าผิดตัว "

ไอ้โล้นกระซิบตอบลงไปด้วยน้ำเสียงลึก ๆ ร่างกายซึ่งยืนอยู่ดี ๆ บังเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน...

"เอาอีกแล้วมึง...ไอ้โล้น...พออยากจะฆ่าใครขึ้นมามึงเป็นสั่นทุกที ไอ้โรคจังไรของมึงนี่รำคาญนัยน์ตากูจังเลยว่ะ"

ไอ้แสบบ่นพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจ

" - ช่วยไม่ได้พอ "เซี่ยน" ขึ้นมาทีไรกูต้องเป็นยังงี้ทุกที...ประเดี๋ยวก็หาย...เพื่อน"

ไอ้โล้นกระซิบตอบพร้อมกับชำเลืองไปที่ช่องทางเข้าออก ซึ่งขณะนี้บังเกิดการเบียดเสียดเยียดยัดชุลมุนวุ่นวายอยู่ชั่วอึดใจ ก็ปรากฏร่างของชายอาหรับสองคนแหวกฝูงชนเข้ามาในบริเวณหน้าห้องพักผู้โดยสารขาเข้าได้อย่างทุลักทุเล ป้ายซึ่งกลัดติดอยู่ที่หน้าอกของชายอาหรับทั้งสอง ถูกชูขึ้นหราเหนือศีรษะ ปากก็ร้องขอทางเป็นภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา

" - สูงทั้งคู่...ไว้หนวด...มีกล้องถ่ายรูปชนิด "กลองบ๊อคซ์" สะพายอยู่คนละกล้อง"

เสียงวิทยุจากเสี่ยวิชัยรายงานรูปร่างลักษณะของชายอาหรับทั้งสองขึ้นมาอีกครั้ง

" - เออ เห็นตัวแล้ว...พวกมันอยู่ข้างล่างอีกกี่คน...ชาติ "

ไอ้โล้นย้อนถามกลับไปเบา ๆ...

" - สองคน...ขณะนี้เดินออกจากรถไปแล้ว เสี่ยวิชัยกำลังลงไปวาง " ของ " ที่รถ...ทางนี้...สบายมากไม่ต้องห่วง ระวังเจ้านายด้วยโว้ยพรรคพวก "

ประโยคสุดท้าย ชาติกำชับให้เพื่อนร่วมทีมคอยระวังคุ้มกัน นอร์แมน กับผู้กอง " อังคาร " อยู่ในที

ไอ้โล้นไม่ตอบมันเอื้อมมือลงไปปิดสวิทช์วิทยุ ที่ข้างชัตเตอร์แล้วพยักหน้าให้เพื่อนคู่หูเดินเฉียดเข้าไปหาชายอาหรับทั้งสองทันที

ชายอาหรับทั้งสองหยุดยืนคุยกับนักข่างหญิงคนหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนม ไอ้แสบชำเลืองดูแว่บหนึ่งก็หันมากระซิบกับไอ้โล้นเบา ๆ

" - อีคนที่ถ่ายรูปในโรงงานผลิตอาวุธของกรมสรรพาวุธแหง ๆ กูจำได้ อีห่าจิกนี่ชื่อผกาวรรณชัดเลย...พวกมันมารอเล่นงาน "สาย" ของเราเป็นทีมอยู่แล้ว...จะทำยังไงดีวะ...ไอ้โล้น "

" - ต้องไปคิดให้ปวดหัวสมองทำไมวะ เจี๋ยนแม่มันเป็นราย ๆ ไปก็สิ้นเรื่อง...ประเดี๋ยวกูจะหาทางให้ไอ้เหี้ยสองตัวนั่นเข้าไปในห้องน้ำให้ได้ แล้วมึงคอยดูสีมือของกูก็แล้วกัน...เฮ้ย...ได้การแล้วโว้ย ไอ้ห่านั่นเดินไปทางห้องน้ำโน่นแล้ว"

ไอ้โล้นกระซิบกระซาบพร้อมกับก้าวเท้าออกเดินตามชายอาหรับคนที่แต่งสูทสีเทาไปติด ๆ โดยมีไอ้แสบตามคุมเชิงไปอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา

ชายอาหรับพาตัวเองตรงเข้าไปที่ประตูห้องน้ำไอ้โล้นหันกลับมามองดูทางเบื้องหลังแว่บหนึ่งแล้วแทรกตัวตามชายอาหรับเข้าไปติด ๆ

ชายอาหรับไหวกายเยือก สะบัดตัวหมุนกลับมาประจัญหน้ากับไอ้โล้น มีดโบวี่ขาวปร๊าบกระชับอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันสังเกต เสือกตรงเข้ามาที่ช่องท้องของไอ้โล้นจนมองดูแทบไม่ทัน

" - ยากส์ส์...ไอ้ลูกแมว"

ไอ้โล้นคำรามออกมาพร้อมกับเบี่ยงตัวหันข้างให้คมมีด มือข้างหนึ่งปัดแขขนชายอาหรับเต็มแรง

คมมีดเฉออกจากช่องท้อง ไอ้โล้นปราดเข้าประชิดตัวแบบสายฟ้าแลบ มือขวาที่เต็มไปด้วยสันกระดูกแบบมือนักคาราเต้กระแทกโครมเข้าไปที่บริเวณคอหอยสุดแรงเกิด พร้อม ๆ กับมืออีกข้างหนึ่งตวัดกำข้อมือของชายอาหรับชูขึ้นเหนือศีรษะแล้วกระชากพลิกหักลงไปทางเบื้องหลัง พร้อม ๆ กับออกแรงกระชากแขนขึ้นเต็มแรง

" กรึ๊บ "

ไม่มีเสียงร้องจากชายอาหรับผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นเขาสลบเหมือดตั้งแต่วินาทีแรกที่สันมือฟาดเปรี้ยงเข้าไปที่คอหอยแล้ว ในขณะที่ตัวของชายอาหรับเริ่มซวนเซลงมาไอ้โล้นก็ออกแรงผลักร่างของนักข่าวอาหรับกระเด็นเข้าไปนั่งงอก่องอขิงอยู่บนโถส้วมชักโครกพอดิบพอดี

" - ทางสะดวก...ไอ้โล้น...บรรเลงต่อไปตามถนัด"

ไอ้แสบซึ่งยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องน้ำ ยื่นหน้าเข้าไปพูดเบา ๆแล้วถอยกลับออกมายืนคุมเชิงเหมือนอย่างเดิมโดยปราศจากอาการพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น

ไอ้โล้นก้มลงเก็บมีดที่ตกอยู่ที่พื้น แล้วพาตัวเองเข้าไปดึงประตูส้วมปิด ยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็ใช้ปลายมีดงัดปากของชายอาหรับขึ้นมาดู

" - ฟันทองเต็มปากเชียวมึง...ขอกูเอาไปทำบุญทอดกฐินซักซี่ สองซี่เถอะวะ พรรคพวก"


"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11824 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2015, 11:33:48 AM »

อัพเดต ตลาดปืนมือ 2 วันนี้ http://2013.gun.in.th/index.php?board=6.0
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11825 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2015, 10:02:27 AM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 11

ในขณะที่ไอ้โล้นยืนค้ำกบาลนักข่าวอาหรับผู้เคราะห์ร้ายที่นอนงอก่องอขิงสลบอยู่บนโถส้วมชักโครกอยู่นั้น เขาหาได้เฉลียวใจซักนิดว่าในขณะนี้ งูเห่าร้ายจาก "เค.จี.บี." ได้ฟื้นจากการสลบแล้ว...สภาพของร่างกายซึ่งได้รับการฝึกฝนมาอย่างโชกโชนในระบบการต่อสู้ทุกชนิดทำให้ชายอาหรับผู้มีความอดทนเหนือมนุษย์ผู้นั้นคืนสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

สัญชาตญาณของนักสู้ทำให้เขารอบคอบพอสมควร...เขาปล่อยตัวอยู่ในสภาพเดิมอยู่ชั่วครู่แล้วค่อย ๆลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมาสังเกตดูเหตุการณ์เฉพาะหน้าด้วยความใจเย็น

พอเห็นไอ้โล้นชะล่าใจก็เสือกปลายเท้ายันท้องน้อยของไอ้โล้นกระเด็นไปชนประตูห้องน้ำดังโครมใหญ่ พร้อม ๆ กับเด้งตัวผวา พุ่งเข้าใส่ไอ้โล้นด้วยท่าทางกระหายเลือด

ไอ้โล้นแยกเขี้ยวขาววับ เด้งตัวกลับมือข้างที่ถือมีดเสือกเข้าหาช่องท้องของนักข่าวจอมปลอมเต็มเหยียด

เหมือนกับจะอ่านไต๋ออก ชายอาหรับเบี่ยงตัวเอาร่างกายด้านข้างให้คมมีดแล้วใช้ท่อนแขนปัดมีดที่ฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องหน้าด้วยหลักการต่อสู้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาจนไอ้โล้นถึงกับอุทานออกมาดัง ๆ

" - สวย...สวยแน่...ไอ้ลูกหมา...ฝีมือยังงี้ค่อยสูสีกับกูหน่อย "

ยังไม่ทันจะขาดคำ ไอ้โล้นก็เตะสวนตูมเข้าไปทีห้องเครื่องของชายอาหรับเต็มแรง

มีเสียงร้องอึกอัก ๆ อยู่ในลำคอ มือทั้งคู่ของชายอาหรับยกขึ้นมาตะครุบ "ห้องเครื่อง" นัยน์ตาที่แสดงแววกระหายเลือดเบิกค้างเหมือนกับได้รับความเจ็บปวดสุดชีวิตหัวเข่าทั้งสองบีบชิดติดกันเหมือนกับเป็นอัตโนมัติแล้วค่อย ๆ คู้ร่างกายทำท่าจะล้มลงไปกับพื้นไอ้โล้นสืบเท้าเข้าไปประชิดตัว มือข้างซ้ายยกขึ้นไปตวัดอ้อมศีรษะ โดยให้ปลายนิ้วมืออุดริมฝีปากแน่น มือขวาข้างที่กำมีดทิ่มพรวดเข้าไปที่ชายโครงเต็มแรงแล้วงัดคมมีดทะแยงขึ้นด้านบนด้วยลักษณะของการชำแหละ ปากก็แสยะยิ้มคำรามออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

" - ไอ้สัตว์ ฝีมือของมึงยังห่วยมาก นอนคอยเพื่อนของมึงอยู่นี่ก่อนนะโว้ย "

ไม่มีเสียงตอบจากนักข่าวอาหรับ...พอไอ้โล้นปล่อยมือ ร่างของเพชฌฆาตจาก "เค.จี.บี." ก็รูดตัวลงไปนอนตะแคงอยู่หน้าโถส้วมโลหิตทะลักออกมาเป็นสาย

ไอ้โล้น จัดแจงทำความสะอาดมืออย่างลวก ๆ แล้วงับประตูส้วมเอาไว้อย่างเดิม เดินตีหน้าตายออกมาด้วยท่าทางปกติ พยักพเยิดยิ้มกับไอ้แสบแล้วพากันเดินเข้าไปภายในบริเวณหน้าห้องผู้โดยสารขาเข้าอย่างใจเย็น

" - เฮ้ย...ผู้กองกับหัวหน้าหายไปไหนวะ มึงทำไรกับไอ้นักข่าวอาหรับนั่น ถ้าถึงตายกูว่าประเดี๋ยวได้ยุ่งกันตายห่าหรอกมึง "

ไอ้แสบชำเลืองมองหน้าผู้กองอังคารกับนอร์แมนพร้อมกับกระซิบกระซาบถามไอ้โล้นเบา ๆ

" - กู เจี๋ยนมันตายโหงไปแล้ว...เกือบจอดมันเหมือนกัน...ไอ้ห่าหลอกทำเป็นสลบ ถ้ากูไม่ระวังตัวป่านนี้เท่งทึงไปแล้ว...โน่น ๆ...เจ้านายของเราไปยืนประกบนักข่าวหญิงจากไทยสยามโน่นแล้ว...มึงส่งวิทยุลงไปบอกไอ้ชาติทีวะ ลองถามเหตุการณ์ดูด้วย กูชักเป็นห่วงพวกเราข้างนอกเสียแล้วละโว้ยพรรคพวก "

ไอ้โล้นกระซิบกระซาบพร้อมกับสั่งให้เพื่อนคู่หูติดต่อวิทยุซึ่งซ่อนยู่ในกล้องถ่ายรูปไปยังพรรคพวก ที่จอดรถซุ่มอยู่ข้างนอกด้วยท่าทางกระสับกระส่าย

ไอ้แสบใช้มือกดปุ่มข้าง ๆ ชัทเตอร์ สายตาที่กระด้างเหมือนกับตาเพชฌฆาร ชำเลืองไปรอบ ๆ ด้านอย่างระมัดระวัง เมื่อไม่มีใครสนใจก็ยกกล้องขึ้นมากรอกคำพูดลงไปเบา ๆ

" - ชาติ...รายงานสถานการณ์ข้างนอกด่วน "

ชั่วอึดใจก็มีเสียงตอบกลับมาอย่างยืดยาว "ไอ้สามตัวที่มากับรถสถานทูตรุสเซีย เข้าไปที่รถของผู้กองอังคารขณะนี้พวกมัน คนหนึ่งใช้กุญแจผีไขรถเข้าไปค้นของภายในรถแล้ว...กระเป๋าเอกสารของผู้กองถูกเปิดออกและคาดว่าพวกมันอาจจะใช้กล้องถ่ายเอกสารทั้งหมดเอาไว้แล้ว...ไอ้สองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่นอกรถกำลังถ่ายรูปของผู้กองทั้งด้านหน้า, ด้านข้าง, และด้านหลัง...โปรดระวังพวกมันขึ้นไปสมทบกับพรรคพวกของมันข้างในอีกสองคนแล้วเหตุการณ์ข้างในเป็นยังไงบ้างวะ..."

ชาติย้อนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

" - ไอ้เหี้ย โล้น เจี๋ยนมันม่องไปคนนึงแล้ว ศพอยู่ในห้องน้ำ ผู้กองกับหัวหน้ายังไม่รู้เรื่องเลย กูว่ามันจะยุ่งแหง ๆ"

ยังไม่ทันที่ไอ้แสบจะพูดจบก็มีเสียงพูดสวนออกมากลางคัน

" - อั๊วฟังอยู่แล้ว...แสบ...ประเดี๋ยวอั๊วจะจัดการเอง...ปล่อยพวกมัน...ไม่ต้องปฏิบัติอะไรทั้งสิ้น พวกมันฮุบ "เหยื่อ" ที่อั๊วล่อเอาไว้ในรถแล้ว เรื่องศพอั๊วจัดการเอง...เฮ้ย...ชาติ...สั่งให้วิชัยเอา "ระเบิด" ออกจากรถของพวกมันได้แล้ว...อั๊วต้องการให้มันตามอั๊วไป...ปฏิบัติการได้..."

ผู้กองอังคาร ซึ่งมีวิทยุ ซึ่งมีวิทยุและดักฟังการติดต่อประสานงานระหว่าง ไอ้แสบกับชาติ อยู่ตลอดเวลา สั่งงานออกมาเป็นครั้งแรก แล้วหันไปซุบซิบกับนอร์แมนอยู่ครู่หนึ่ง นอร์แมนก็เดินผละออกไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ ก็มีพนักงานทำความสะอาดสองคนใช้รถเข็นบรรทุกถังทรงกลมที่มีลักษณะเหมือนถังขยะมีฝาครอบ มุ่งหน้าเข้าไปในห้องน้ำด้วยท่าทางรีบร้อน แล้วก็เข็นกลับออกมาด้วยลักษณะเหมือนกับจะมีสิ่งของที่มีน้ำหนักพอสมควรบรรจุอยู่ข้างในถังขยะทรงกลมนั้น

" - เรียบร้อย...ไอ้แสบ...เจ้านายของเราเก็บศพไอ้ห่าจิกนั่นออกไปแล้ว...ถ้าจะให้กูเดากูว่าไอ้หอกนั่นอยู่ในถังขยะใบนั้นแหง ๆ...กูนึกไม่ถึงเลยยจริง ๆ ไอ้ห่า อิทธิพลงของ ซี.ไอ.เอ. ทำไมมันถึงเพ่นพ่านเข้ามาถึงในท่าอากาศยานนี้ได้วะ ถ้ากูไม่เห็นกับตากูเป็นไม่เชื่อเด็ดขาด "

" - โปรดทราบ แจแปน-แอร์-ไลน์ เที่ยวบินที่จะถึงท่าอากาศย่านกรุงเทพ ฯ ภายในเวลา 09.30 น. "

เสียงประกาศเป็นภาษาไทย, ฝรั่งเศส และอังกฤษดังกังวานออกมาจากโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของบริเวณห้องผู้โดยสารขาเข้านั้น

กลุ่มนักข่าวทั้งไทยและเทศพรูกันไปที่ห้อง "วี.ไอ.พี." กันเป็นจ้าละหวั่น นักข่าวอาหรับที่ยืนคุยกับนักข่าวสาวของหนังสือพิมพ์ " ไทยสยาม " หันหน้าหันหลังชำเลืองหาเพื่อนร่วมทีมด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตรงเข้าไปที่ห้องน้ำ ต่อจากนั้นก็เดินกลับออกมาพูดกับพรรคพวกอีกสองคนที่เพิ่งจะขึ้นมาสมทบด้วยท่าทางแปลกใจ แล้วหันกลับมามองดูผู้กองเหมือนกับนัดกันเอาไว้

" - ฉิบหายแล้ว...ไอ้พวกเหี้ยนั่นสงสัยผู้กองของเราเข้าให้แล้ว...ลองเพื่อนของมันหายไปอย่างไม่ได้ร่องได้รอยแบบนี้ละก็ มันฟัดลูกพี่เราแน่"

ไอ้โล้นกระซิบกระซาบออกมาพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปปลดกระดุมเสื้อนอก ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านเหมือนกับคนเป็นไข้มาเลเรียขึ้นมาอย่างกะทันหัน

" - ใจเย็น...ไอ้โล้น...สารวัตรทหาร, ตำรวจเต็มพรืดออกยังงี้ พวกมันไม่กล้าฟัดผู้กองเราหรอกน่า ติดกระดุมเสื้อซะ อย่าเสือกล้วงเอาปืนขึ้นมาเป็นอันขาด ไอ้ห่ามึงนี่บ้าไม่เข้าเรื่อง มันไม่ใช่หนังไทยนะโว้ย ไอ้โล้น นี่มันของจริง จะฆ่าใครก็ดูสถานการณ์รอบ ๆ ด้านซะก่อนผู้กองแก่ก็รู้ตัวแล้ว...ขนาดเสี่ยวิชัยเอาลูกระเบิดเวลาไปวางที่รถของพวกมัน แกยังสั่งให้ถอดออก...แกต้องมีแผนอะไรของแก่แน่ ๆ ใจเย็น ๆ ซิวะพรรคพวก"

"....กูเย็นไม่ไหวแล้ว ไอ้แสบ มึงไม่รู้อะไร...ไอ้พวกเหี้ยนี่สงสัยจะเป็นแก๊งเดียวกับพวกที่ฆ่านักกีฬาอิสราเอลที่มิวนิค...จิตใจของพวกมันเหี้ยมโหดพอที่จะเข่นฆ่าใครก็ได้ที่ขวางทาง "แผนการ" ของมันและสิ่งสุดท้ายที่พวกมันเหนือกว่าพวกเราก็คือ พวกมันทุกคนพร้อมที่จะฆ่าตัวตายเมื่อแผนงานล้มเหลว สารวัตรทหารและตำรวจแค่นี้มันไม่ยี่หระหรอกโว้ย...ไอ้แสบ มึงคอยดู ถ้ามันมีท่าทีจะเล่นผู้กองกูจะล่อแม่มันด้วยปืนเก็ยเสียงกระบอกนี้เอง..."กันยายนทมิฬ" มาเจอะกับ "ไอ้โล้นทมิฬ" ประเดี๋ยวคงได้เสียกันละวะ "

ไอ้แสบยังไม่ทันพูดอะไรออกมาก็พอดี "แจแปน-แอร์ไลน์" ค่อย ๆ ร่อนลงสู่สนามบิน แล้ววิ่งปร๊าดไปจนสุดรันเวย์ก็วกกลับ ต่อจากนั้นก็แท๊กซี่ช้า ๆ มายังบริเวณหน้าท่ออากาศยาน ท่ามกลางความตื่นเต้นของประชาชนซึ่งยืนชะเง้อมองดูกันสลอน

กลุ่มนักข่าวที่วิ่งพรูไปออกันแน่นที่หน้าห้อง "วี.ไอ.พี." พยายามจะแหวกแถวตำรวจและสารวัตรทหารเข้าไปในห้อง แต่ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จทุกคนถูกกันอยู่เพียงหน้าประตูแล้วบังเกิดการชุลมุนวุ่นวายเบียดเสียดเยียดยัดส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจนฟังไม่ได้ศัพท์

ในขณะที่กลุ่มนักข่าวกำลังสาละวนถ่ายรูป " แขกพิเศษ " ของสายการบินแจแปน-แอร์ไลน์อยู่นั้น "ผกาวรรณ" นักข่าวสาวจาก "ไทยสยาม" ก็เดินนำกลุ่มนักข่าวอาหรับที่ขึ้นมาสมทบภายหลัง เดินเข้าไปออแน่นอยู่ตรงบริเวณช่องทางเข้าออกของห้องโดยสารขาเข้า ซึ่งขณะนี้กำลังจากสารวัตร และตำรวจถูกแบ่งไปยังห้อง "วี.ไอ.พี." จนมองดูโหรงเหรง

ผู้โดยสารส่วนหนึ่งเริ่มทยอยเข้ามาในห้องพักผู้โดยสารขาเข้า แล้วดำเนิน "กรรมวิธี" เกี่ยวกับการเข้าเมืองกันอย่างรีบเร่ง แอร์โฮสเตสและกราวด์โฮสเตสของสายการบินแจแปน-แอร์ไลน์ ช่วยบริการผู้โดยสารด้วยหน้าตายิ้มแย้มและคล่องแคล่วว่องไว

หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ซ่อนรูปอยู่ในชุดเดินทางสีฟ้าอ่อนแต่งหน้าเข้ม สะพายกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก มือทั้งสองหิ้วกล่องกระดาษพะรุงพะรัง เดินผ่านประตูจากชานชาลาท่าอากาศยานเข้ามาในห้องผู้โดยสารด้วยท่าทางรีบร้อนตามติด ๆ ด้วยสาววัยกลางคนท้องแก่อุ้ยอ้าย เมื่อทั้งสองปรากฏตัวเข้ามาในห้องโดยสาร กลุ่มนักข่าวอาหรับก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวขึ้นมาทันที

กล้องถ่ายรูปชนิดใช้ " ซูม " ของแต่ละคนถูกยกขึ้นมาปรับระยะ เสียงลั่นชัทเตอร์ดังไม่ขาดระยะ เป้าหมายการถ่ายรูปก็คือ หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งหน้าตสสวยสดที่ซ่อนรูปอยู่ในชุดเดินทางสีฟ้านั่นเอง

สำหรับหญิงวัยกลางคนซึ่งท้องแก่อุ้ยอ้ายเต็มที ถูกแอร์โฮสเตสของแจแปน-แอร์ไลน์ พยุงไปนั่งพักผ่อนที่เก้าอี้และรับพาสปอร์ตไปดำเนินกรรมวิธีให้พร้อมเสร็จ

" - เฮ้ย...ผู้กองอังคารกับนอร์แมนเข้าไปในห้องโดยสารแล้วโว้ย...นั่นเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนสวมชุดสีฟ้านั่นแล้ว...กูว่าประเดี๋ยวได้ฟัดกันแหลกกระจุยหรอกมึง "

ไอ้โล้นกระซิบกระซาบพร้อมกับยกกล้องขึ้นมากดสวิทช์ที่ปุ่มข้าง ๆชัทเตร์ สายตาลอบชำเลืองไปยังกลุ่มของนักข่าวอาหรับด้วยแววตากระหายเลือด

นอร์แมนเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว ซึ่งขณะนี้กำลังรอศุลกากรเช็คกระเป๋าเดินทางอยู่บนโต๊ะด้านในสุด เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยหัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูรก็เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาแล้วส่งต่อให้ผู้กองอังคาร

หญิงสาวเหลือบตามองกระเป๋าแล้วแหงนหน้าขึ้นมองผู้กองอังคารกับนอร์แมนด้วยอาการเคลือบแคลงใจ ใบหน้าซึ่งสวยผุดผาดแสดงอาการฉุนเฉียวจนสังเกตเห็นได้ชัดแต่พอมองเห็นหน้านอร์แมนถนัดก็เผยอมยิ้ม พร้อม ๆ กับอุทานเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงมาเลย์ออกมาด้วยความดีใจ

" - คุณ...คุณ...วิลเลี่ยม...โอ ดิฉันดีใจจังเลยค่ะเกือบสองปีเต็ม ๆ ที่ดิฉันไม่ได้พบคุณ สบายดีหรือคะ อ้า...วันนี้คงจะออกบิน ?"

ประโยคสุดท้าย หญิงสาวชำเลืองดูเครื่องแบบกัปตันสายการบิน "แพน-แอม" ของนอร์แมนแล้วตวัดสายตาขึ้นไปจ้องหน้าผู้กองอังคารด้วยแววตาที่คมกริบเหมือนจะแสดงอาการ " ถาม " นอร์แมนอยู่ในที

" - อ้อ...ผมลืมแนะนำไปอย่างสนิทใจ "

" อ้า...คุณซิลเวียครับ นี่คุณอรินทร์ สนิทวงษ์ ณ อยุธยา...เป็ยสจ๊วตสายการบินเดียวกับผม...รู้จักกันเอาไว้ เธอเป็นนักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในสิงคโปร์ "

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนหันมาพูดกับผู้กองอังคารพร้อมกับหรี่ตาข้างหนึ่งให้ ต่อจากนั้นก็หันหน้ากลับไปพูดกับซิลเวียต่อโดยที่เธอไม่มีโอกาสสังเกตเห็นอากัปกริยาของคนทั้งสองแต่อย่างใด

" - ผมมารอคุณตั้งแต่เช้า พอทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ "สเตรท-ไทมส์" ว่าคุณจะบินมาร้องเพลงที่ ไนท์คลับในกรุงเทพ ฯ ผมก็โทร ฯ ทางไกลไปสอบถามที่สายการบินดู จึงได้หมายกำหนดการเดินทางที่แน่นอนของคุณ ถ้าไม่รังเกียจวันนี้ผมขอถือโอกาสเป็นเจ้ามือนะครับ"

ซิลเวียหัวเราะ เธอพยักหน้าพร้อมกับชำเลืองไปที่ช่องทางเข้าออกประตูห้องโดยสารเหมือนกับจะมองหาอะไรบางสิ่งบางอย่างแล้วพึมพำออกมาเบา ๆ

" - คงจะไม่มีใครมารับดิฉันแน่ ๆ เพราะหมายกำหนดการเดินทางของดิฉันมาก่อนกำหนดถึง 10 ชั่วโมงเต็ม ๆ...จะไปกันหรือยังค่ะ ? "

นอร์แมนหันกลับมาจ้องหน้าผู้กองอังคารอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดบทขึ้นสั้น ๆ

"พาคุณซิลเวียไปที่รถข้างนอก...ประเดี๋ยวผมจะตามออกไป"

ผู้กองอังคารไม่ตอบ เขาหิ้วกระเป๋าเดินนำหน้าพา "ซิลเวีย-อึ้ง" นักร้องสาวลูกผสมจากสิงคโปร์ออกจากห้องโดยสารไปอย่างรวดเร็ว

นอร์แมนกวาดสายตามองผู้โดยสารที่กำลังทยอยออกจากห้องผู้โดยสารอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบปากกาลูกลื่นออกจากกระเป๋าเสื้อ หันหลังให้กลุ่มนักข่าวอาหรับที่ยืนอออยู่หน้าช่องประตูแล้วหมุนท่อนหัวของปากกาไปทางขวาดัง "คริก" เบา ๆ ต่อจากนั้นก็ยกแท่งปากกาขึ้นจ่อริมฝีปากกรอกคำพูดลงไปอย่างยืดยาว

" - มิสเตอร์ - โล้น...มิสเตอร์แสบ สั่งถอนคำสั่งทั้งหมดไปคุ้มกันรถของสายการบินที่จะพาผู้โดยสารเข้าไปในกรุงเทพ ฯ ด่วน ขณะนี้ "สาย" ของพวกเรารอดจากการแกะรอยของพวกมันปะปนไปกับผู้โดยสารแล้ว ไม่ต้องปฏิบัติอะไรทั้งสิ้น...คุ้มกันรถให้เดินทางถึงโรงแรมเท่านั้นแล้วถอยกำลังกลับไปที่ " สถานีที่ 10 " โดยเปลี่ยนรถให้ใหม่ทั้งหมด แล้วออกเคลียร์พื้นที่รอบ ๆ สถานี...วางกำลังพลพร้อมด้วยอาวุธหนัก.."แสตนด์บาย" วิทยุคลื่นพิเศษเพื่อรอคำสั่งปฏิบัติการ...ข้อสุดท้ายให้กำลัง "รีเสิร์ฟ" ที่หน้าสถานีรถไฟดอนเมืองคุ้มกันรถของผู้กองอังคารต่อไปเลิกกัน"

คำสั่งเป็นรหัส ซึ่งเพิ่งจะถูกใช้เป็นครั้งแรกในการติดต่อประสานงานครั้งนี้ ถูกสั่งงานออกไปอย่างเฉียบขาดและรัดกุม...ชั่วอึดใจก็มีเสียงรายงานเข้ามาอย่างถี่ยิบ

" - นอร์แมนจาก...โล้น...รับทราบ รับปฏิบัติ"

" - นอร์แมนจากสถานีรถไฟดอนเมือง รับทราบ...รับปฏิบัติ "

นอร์แมนเสียบปากกาเอาไว้ที่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินออกจากห้องผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว

ไอ้โล้นกระตุกมือไอ้แสบพลางกระซิบ

" - สนุกละโว้ย...ไอ้แสบ เจ้านายของเราแหกตาไอ้พวกเหี้ยนั้นเข้าให้แล้ว กูสงสัยจังเลยวะ คนผู้หญิงสวมชุดสีฟ้าที่ผู้กองอังคาร หิ้วออกไปนั่นจะเป็นคนของพวกเราหรือว่าเป็น "เหยื่อ" ล่อกูก็ยังดูไม่ออก แผนห่าเหวอะไรของมันวะ ซับซ้อนยิ่งกว่าหนังเจมส์บอนด์เซียะอีกไปโว้ย พวกมันตามผู้กองอังคารออกไปโน่นแล้ว"

เพชฌฆาตรับจ้างของ ซี.ไอ.เอ. เริ่มเคลื่อนย้ายของจากบริเวณหน้าห้องโดยสารขาเข้าไอ้แสบไอ้โล้นลงไปสมทบกับเสี่ยวิชัยและชาติที่นั่งรออยู่ในรถข้างนอก ต่อจากนั้นก็พารถเคลื่อนที่ออกจากที่จอดติดตามรถโฟค์ตู้ปรับอากาศที่บรรทุกผู้โดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ ไปอย่างกระชั้นชิด

นอร์แมนพาตัวเองเข้าไปสมทบกับผู้กองอังคารและซิลเวียที่นั่งรออยู่ในรถ พร้อม ๆ กันนั้นนักข่าวอาหรับซึ่งขาดหายไปหนึ่งคนก็ทยอยกันเข้าไปนั่งในรถป้ายทะเบียนสถานทูต ซึ่งจอดอยู่ห่างกันไม่เท่าใดนัก ฟิล์มกรองแสงซึ่งติดกระจกมืดทึบไปทั้งสี่ด้านทำให้ผู้กองอังคารซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับถึงกับสบถออกมาด้วยความฉุนเฉียว

" - ระยำ ผมลืมเอากล้องแรงสูงมา...ไอ้ห่ามืดทึบแบบนั้นใครจะมองเห็นวะ "

นอร์แมนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ล้วงมือลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบกล้องส่องทางไกลแบบ "ตาเดียว" ออกมายัดลงไปในอุ้งมือของผู้กองอังคารโดยไม่พูดอะไรออกมาซักคำต่อจากนั้นก็หันไปยิ้มกับซิลเวียที่นั่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ที่นั่งตอนหลัง

" - กรุงเทพ ฯ เดี๋ยวนี้เจริญขึ้นกว่าเดิมมาก คราวแรกที่ดิฉันมา รู้สึกว่าท่าอากาศยานจะไม่ใหญ่โตมโหฬารถึงขนาดนี้ และสะพานลอยโน่นก็ยังไม่ได้สร้างขึ้น"

ซิลเวียพูดพลางชำเลืองดูอาคารอันใหญ่โตมโหฬารของท่าอากาศยานกรุงเทพ ฯ และสะพานลอยด้วยความทึ่งใจ

" - ครับ ความเจริญในด้านก่อสร้างได้รุดหน้าไปอย่างน่าตกใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อเมริกาและยุโรปมี กรุงเทพ ฯ ก็ดูเหมือนจะมีให้คุณดูพร้อมเสร็จ"

ผู้กองอังคารพูดพรางขยับดึงกล้องแรงสูง "ตาเดียว" ให้เลื่อนออกเป็นสองท่อนแล้วส่งให้กับซิลเวีย ต่อ จากนั้นก็สตาร์ทรถพาออกจากที่จอดแล่นเอื่อย ๆ เลี้ยวซ้ายออกซุปเปอร์ไฮเวย์ปากก็พูดต่อไปอีก

" กล้องขยาย 10 เท่า ประสิทธิภาพพิเศษที่เหนือกว่ากล้องอื่น ๆ ก็คือ สามารถส่องทะลุแผ่นฟิล์มกรองแสงเข้าไปข้างในคุณลองส่องรถที่ตามมาข้างหลังดูซิครับ รถเชฟโรเลตสีน้ำเงินกระจกทึบคันที่ซ้อนอยู่ต่อจากรถดัทสันสีแดงนั่นแหละ"

ผู้กองอังคารพูดพลางขยับกระจกหลังแล้วชำเลืองดูภาพรถที่ติดตามมา เขายิ้มออกมานิดหนึ่ง เมื่อมองเห็น รถแลนโรเวอร์ ใหม่เอี่ยมคันหนึ่งจี้ประกบเข้ามาทางเบื้องหลังของรถเชฟโรเลตที่ติดป้ายสถานทูตคันนั้น

" - ซิลเวีย - อึ้ง" นักร้องสาวจากสิงคโปร์ซึ่งบังเอิญโคจรเข้ามาในแผนการณ์ของ ซี.ไอ.เอ. อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเอื้อมมือรับกล้องส่องทางไกลแบบตาเดียวขึ้นมาส่องไปทางกระจกหลังรถอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก

" - คุณอรินทร์ให้ดิฉันส่องดูอะไรก็ไม่รู้ ภายในรถมีแต่ชายหน้าดุ ๆ ตั้ง 4 คน ไม่เห็นมีอะไรเลยน่ค่ะกล้อง "

พูดจบเธอก็ส่งกล้องให้กับนอร์แมน ต่อจากนั้นก็พิงศีรษะลงกับเบาะหลังนอนหลับตาพริ้มเหมือนกับจะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางยู่ในที

" - สถานี 10 ตามแผน เราจะล่อให้มันไปฮุบเหยื่อที่นั่น "

นอร์แมนออกคำสั่งห้วน ๆ ผู้กองอังคารหันมามอง "ซิลเวีย - อึ้ง " นิดหนึ่งแล้วหันกลับกระแทกคันเร่งพารถแซงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

หมู่บ้านจัดสรรในซอยแสนสุขข้างโรงงานโคล่าหัวหมาก ซึ่งบริเวณดังกล่าวส่วนมากเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนชาวอิสลามที่มีฐานะปานกลางตั้งบ้านเรือนกระจัดกระจายกันอยู่เป็นหย่อม ๆ พื้นดินซึ่งในอดีตเป็นท้องนาและที่ลุ่ม ถูกถมจนราบเรียบแล้วจัดสร้างบ้านเป็นล็อค ๆ หลายร้อยหลังเรียงรายไปตามถนนคอนกรีตซึ่งยาวสุดลูกหูลูกตานั้น

ห่างจากปากซอยเข้าไปเกือบสองกิโลเมตรอันเป็นบริเวณที่เงียบ และอยู่ลึกที่สุดของซอยนั้น มีบ้านขนาดกะทัดรัด 2 ชั้นตั้งตระหง่านอยู่ในรั้วรอบขอบชิด อาณาเขตที่กว้างขวางทำให้บรรยากาศของบ้านหลังนั้นเงียบเชียบวังเวงอย่างน่าสะพึงกลัว

ถัดจากบ้านสองชั้นออกไปเล็กน้อยมีบ้านร้าง ซึ่งยังก่อสร้างไม่เสร็จอยู่หลังหนึ่ง เศษอิฐเศษหินเป็นก้อน ๆซึ่งวางเรียงรายอยู่ในตัวตึกทำให้สถานที่แห่งนั้นมองดูเหมือนกับมีป้อมปราการหรือ "บังเกอร์" ป้องกันเอาไว้อย่างแข็งแรง

รถอเมริกันขนาด 8 สูบ จอดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเก็บรถของบ้านสองชั้น เสียงเพลงบรรเลงจากสเตอริโอดังแว่ว ๆออกมาได้ยินอย่างถนัดหู...มองดูจากภายนอกเห็นเงาของกลุ่มคนไม่ต่ำกว่า 3 คนขึ้นไป วับแวบอยู่ภายในห้องโถงนั้น

สักพักใหญ่ ๆ ก็มีรถปิคอัพกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาตามถนนหน้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งนั้น ภายในกระบะบรรทุกชายฉกรรจ์ 6 คน ทุกคนแต่งกายอยู่ในชุดสีน้ำเงินแบบกรรมกร เก่าคร่ำคร่า มีเครื่องมือจำพวกก่อสร้างบรรทุกอยู่เต็มรถ

รถปิคอัพแล่นผ่านบ้านสองชั้นที่มีรถจอดอยู่ พลขับซึ่งมีแผลเป็นที่สันจมูกหันไปชำเลืองดูรถนิดหนึ่งแล้วแสยะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ต่อจากนั้นก็หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในบ้านร้างหลังที่ติด ๆ กัน จอดรถนิ่งทุกคนกระโดดลง คนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าออกคำสั่งขึ้นมาดัง ๆ

" - เร่งมือหน่อยโว้ย...เจ้าของบ้านเค้าจะเข้าอยู่อาทิตย์หน้า...ไอ้จันทร์ขนของขึ้นไปข้างบนช่วยกันหน่อยประเดี๋ยวเสร็จงานมึงเบิกเงินได้เลย" กล่องกระดาษยาวประมาณหนึ่งวา สามกล่องถูกยกลงมาจากท้ายรถ แล้วลำเลียงขึ้นไปบนตึกอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นกลุ่มกรรมกรที่เหลือก็แยกย้ายกันสร้างบ้านต่อไปอย่างขะมักเขม้น

"สถาปนิกจากเค.จี.บี มาถึงแล้ว...ผู้กอง...โน่น กำลังสร้างบ้านอยู่ 4 คน โน่นที่เหลืออีก 3 คน หายเข้าไปในห้องทึบทางซ้ายมือถัดพร้อมด้วยกล่องกระดาษซึ่งผมคาดว่าคงจะมีปืน "เอ็ม.72" หรือว่า "เอ็ม.79" ซูกซ่อนอยู่ในนั้นผู้กองกดสวิทช์ดึงเกราะด้านนั้นขึ้นมาได้แล้ว"

นอร์แมนเลิกหน้าต่างมองดูบ้านร้างหลังข้าง ๆ ปากก็พูดออกคำสั่งอย่างยืดยาว

ผู้กองอังคารชำเลืองไปที่ห้องน้ำ ซึ่ง "ซิลเวีย-อึ้ง" เพิ่งจะหายเข้าไปสักอึดใจใหญ่ ๆ แล้วเอื้อมมือไปกดสวิทช์ที่ซ่อนอยู่ใต้ขอบชั้นด้านหนึ่งของไซค์บอร์ด

ทันใดนั้นเอง เกราะเหล็กหนาไม่น้อยกว่า 10 หนุ ก็ค่อย ๆ เลื่อนโผล่ขึ้นมาปิดผนังด้านตรงข้ามกับบ้านร้างเอาไว้จนหมดสิ้น ต่อจากนั้นนอร์แมนก็เดินตรงเข้าไปที่ตู้เก็บเหล้าเปิดออกมา แล้วกดสวิทช์ที่เรียงรายอยู่เป็นแผงนั้น ชั่วอึดใจภาพของบ้านร้างหลังติดกันซึ่งมีแผ่นเหล็กขวางกั้นอยู่ ก็ปรากฏพร่างพรายขึ้นมาในจอโทรทัศน์ขนาด24 นิ้วนั้น

"กล้องถ่ายอยู่บนหลังคา...ผมเพิ่งติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง...ผู้กองส่งวิทยุเรียกเจ้าโล้นได้แล้ว "

ประโยคสุดท้ายนอร์แมน สั่งให้ผู้กองอังคารเรียกเพชฌฆาตรับจ้าง ซี.ไอ.เอ. เข้ามาปฏิบัติพร้อมกับปรับภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดอยู่ไปมา

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11826 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2015, 10:11:18 AM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 12

ผู้กองอังคารขยับตัวไปที่ตู้เก็บเหล้า เปิดฝาดึงปากพูดหูฟังออกมากรอกคำพูดลงไปอย่างห้วน ๆ

"จรยุทธ จากสถานีที่ 10...รายงานจุดที่ตั้งด่วน "

เงียบไปชั่วอึดใจก็มีเสียงตอบกลับมาอย่างยืดยาว

" สถานีที่ 10 จากจรยุทธ ขณะนี้อยู่หน้าโรงงานโคล่าเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว มีรถปิคอัพสีเหลืองบรรทุกช่างก่อสร้างขับเข้าไปในซอยดูลักษณะแล้วต้องเป็นพวกมันแน่ ๆ หลังจากนั้นอีกสิบนาที ก็มีรถตรวจการณ์บรรทุกคน 5 คน ขับตามเข้าไป ลักษณะของเสาอากาศที่ติดอยู่ที่ท้ายรถคาดว่า ภายในตัวรถจะต้องมีวิทยุแรงสูงติดตั้งอยู่อย่างแน่นอน ประเดี๋ยวผมจะส่งคนเข้าไปที่หน้าบ้าน...ไม่ต้องห่วง ถนนหน้าหมู่บ้านคนของพวกเรา "บล็อค" เอาไว้หมดแล้ว...ว่าแต่เจ้านายคงจะ "สบึมส์ " ไปแล้วละกระมัง "

ไอ้โล้นซึ่งขณะนี้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีน้ำเงินแบบพนักงานขององค์การโทรศัพท์ แถมเดาะใส่วิกผมยาวประบ่า นั่งวางมาดคู่กับไอ้แสบบนรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดสงบนิ่งอยู่หน้าโรงงานโคล่า ลดเสียงพูดวิทยุลงแล้วกระเซ้าเจ้านายของเขาด้วยความเคยชิน

" อย่าเสือกทะลึ่งไอ้โล้น...แฟนของนอร์แมนไม่ใช่ของอั้ว...ว่ายังไงวะ เรื่องคุ้มกันรถบรรทุกผู้โดยสารลื้อรายงานเข้า บก. หรือยัง "

ผู้กองอังคารย้อนถามอีกครั้ง

" สบายบรื๋อ...ลูกพี่ ทุกคนพักที่โรแยล-โฮเต็ลขณะนี้ผู้โดยสารโดนพวกเราประกบหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของแต่ละคนจะถูกรายงานเข้า บก. ตลอดเวลา พวกมันไปถึง "รัง" ของเราหรือยังครับ "

ประโยคสุดท้ายไอ้โล้นกระซิบถามเบา ๆ

" ถึงแล้ว แฝงมาในคราบช่างก่อสร้างทั้งหมดสงสัยจะมีอาวุธหนักมาด้วย...เริ่มปฏิบัติงานตามแผน...เลิกกัน "

ผู้กองอังคารตัดบทห้วน ๆ แล้วหันกลับไปอมยิ้มกับนอร์แมนที่กำลังเดินตาม " ซิลเวีย - อึ้ง" เข้าไปในห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ทางซ้ายมือสุดหลังแผ่นเกราะเหล็กนั่นเอง

ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ นอร์แมนก็เดินกลับออกมา ผู้กองอังคารยกนิ้วชี้ขึ้นปาดคอหอยตัวเอง เหมือนกับจะเป็นคำถามว่า "เชือด" หรือยัง ?"

นอร์แมนหัวเราะก๊าก

" ผมไม่ใช่ประเภท "ล่มปากอ่าว" นะผู้กอง หายเข้าไป ๕ นาทีถ้า " เสร็จกิจ" ก็คงจะมีแต่นกกระจอกเท่านั้น ผมเอายานอนหลับ "สกูรฮีเรี่ยม" ให้เธอกิน ฟุบไปแล้วกว่าจะฟื้นก็เกือบสามชั่วโมงโน่นแหละ นั่นรู้สึกว่าพวกเราจะมากันแล้ว "

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนพึมพำออกมา พร้อมกับชำเลืองมองไปทางหน้าต่างด้านถนนหน้าบ้าน

รถโฟล์คตู้ทึบ ติดตราองค์การโทรศัพท์แล่นช้า ๆ เข้ามาที่หน้าตึกร้างแล้ว แอบชิดซ้ายจอดสงบนิ่งอยู่ใต้เสาไฟแรงสูง ชั่วอึดใจประตูก็เลื่อนออก พนักงานโทรศัพท์สองคนลงมายืนแหงนหน้ามองดูสายโทรศัพท์บนเสาอยู่ครู่หนึ่งก็จัดแจงปลดบันไดที่ผูกติดอยู่บนหลังคารถลงมาอย่างรีบเร่ง

บันไดไม้ไผ่ถูกพาดกับเสาไฟพนักงานโทรศัพท์ห้อยเครื่องมือติดกับเข็มขัดนิรภัยพะรุงพะรัง ปีนขึ้นไปบนเสาทั้งสองคนแล้วเริ่มตรวจเช็คสาย ปากก็ร้องตะโกนคุยกับพรรคพวกที่นั่งอยู่บนรถไม่ขาดระยะ

" มึงขยับไปทางด้านซ้ายมือนั่นหน่อยวะ...กูอยู่ทางนี้มองเหตุการณ์ภายในห้องทึบนั่นไม่เห็น เท่าที่กูสังเกตดูฝาอีกด้านหนึ่งของมัน รู้สึกจะยังสร้างไม่เสร็จ คงจะตรวจการณ์พวกมันเห็นแน่ "

พนักงานตรวจสายโทรศัพท์ร่างสูงใหญ่ที่ปฏิบัติงานอยู่บนเสาไฟ กระซิบกระซาบกับเพื่อนคู่หูที่กำลังเกี่ยวเข็มขัดนิรภัยอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับชำเลืองไปยังห้องทึบของบ้านร้างด้วยความระมัดระวัง

" กูว่ามึงดีกว่า...ไอ้น้อย กูชักเสียว ๆ ว่ะ ฉิบหายงานอื่นก็มีตั้งแยะ ทำไมเจ้านายถึงมอบงานระยำ ๆแบบนี้ให้พวกเราวะ เป็นเป้านิ่งอยู่บนเสาไฟแบบนี้ให้กูวิ่งเข้าไปจวกกับพวกมันถึงในบ้านจะดีซะกว่า "

พนักงานโทรศัพท์คนที่มีรูปร่างเล็กแกร็งบ่นพึมพำแต่ก็ขยับตัวเบี่ยงออกไปทางซ้ายมือแต่โดยดี พร้อม ๆ กับตวัดสายตามองขึ้นไปดูภายในห้องของตึกร้างด้วยอากัปกริยาเนือย ๆ เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ

" ภายในห้องมีทั้งหมด 3 คน พร้อมด้วยอาวุธหนักแบบ "เอ็ม. 79" อุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะกึ่งกลางห้องสงสัยจะเป็นเครื่องรับส่งวิทยุแรงสูง แบบใช้เครื่องปั่นไฟแบบมือหมุน กูไม่กล้ามองดูมากเพราะไอ้เหี้ยนั่นถือปืนยาวสวมที่เก็บเสียงลอบชำเลืองมาทางกูหลายครั้งแล้ว...ติดต่อโทรศัพท์บอกเจ้านายได้แล้ว"

พนักงานโทรศัพท์คนที่อยู่ด้านขวามือหยิบปากพูดหูฟังจากขอเกาะเข็มขัดนิรภัยออกมาถือเอาไว้ ต่อจากนั้นก็ใช้ปลายสายที่ต่อจากปากพูดหูฟังเชื่อมต่อเข้าไปที่สายเมนใหญ่ด้วย "คริ๊ฟ" ชนิดพิเศษที่ติดอยู่ที่ปลายสายของปากพูดหูฟังนั่นเอง

ต่อจากนั้นเขาก็ใช้มือหมุนตัวเลขอัตโนมัติที่ออกแบบติดตั้งเอาไว้ที่ด้านล่างสุดของปากพูดหูฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วกรอกเสียงรายงานเหตุการณ์ในห้องทึบของตึกร้าง ไปยัง "รัง" ของสถานีที่ 10 อย่างรวดเร็ว

มันเป็นเครื่องโทรศัพท์ชนิดพิเศษ ที่มีชื่อตามรหัสว่า "ที-เอ็ส-10" ประสิทธิภาพของเครื่องดังกล่าวสามารถดักฟังหรือว่าสามารถเรียกขานไปยังหมายเลขต่าง ๆ ได้อย่างสบาย โดยอาศัยเคาะพ่วงกับสายเมนใหญ่เท่านั้น

เสียงกริ่งโทรศัพท์ภายในห้องรับแขกของสถานีทีซึ่งอยู่ห่างจากเครื่อง "ที-เอ็ส-10" ไม่ถึง 30 เมตรก็ดังกังวานขึ้น

ผู้กองอังคารรับสายอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันจะวางหูลงบนแป้นก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความเจ็บปวดในหูฟังอย่างถนัดชัดเจน

"โอ๊ย...ผมโดน..."

เสียงอุทานขาดหายไปพร้อม ๆ กับที่ผู้กองอังคารและนอร์แมนมองเห็นร่างพนักงานโทรศัพท์ คนที่กำลังติดต่อโทรศัพท์ อยู่ผงะผวาจากเสาเหมือนกับนกปีกหักแล้วหล่นตุ๊บลงบนพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติง

ยังไม่ทันที่ผู้กองอังคารจะปฏิบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปเหตุการณ์เหมือนกับครั้งแรกก็ได้บังเกิดขึ้นอีก

ร่างของพนักงานโทรศัพท์ รูปร่างเล็กแกรนที่กำลังอ้าปากหวอมองดูเพื่อนฝูงที่หล่นตุ๊บลงไปเบื้องล่างสะดุ้งเฮือกขึ้นสุดตัว แล้วผงะหล่นโครมลงมาบนหลังคารถโฟล์คเสียงดังโครมใหญ่

" - ฉิบหายแล้วผู้กอง...ไอ้พวกนั้น ซัดพวกเราด้วยปืนเก็บเสียงเข้าให้แล้ว ปล่อยมัน...รอให้มืดซะก่อนแล้วค่อยจัดการ...ปัญหาที่เราต้องค้นให้พบเดี๋ยวนี้คือ...ทำไมพวกมันถึงรู้แผนการของพวกเราได้เร็วถึงขนาดนี้ "

นอร์แมนพูดพลางชำเลืองดูเหตุการณ์นอกถนน ซึ่งขณะนี้พนักงานโทรศัพท์ซึ่งนั่งอยู่บนรถได้ลงมาลากร่างของพรรคพวกขึ้นไปบนรถอย่างทุลักทุเล แล้วพารถวิ่งย้อนกลับออกไปจากซอยด้วยความเร็วสูง

" - คนเฝ้าสถานีของเรามีกี่คน ? " ผู้กองอังคารย้อนถามห้วน ๆ

" - สองคน...เพิ่งเข้ามาทำงาน ได้ไม่ถึงเดือน มีอะไรผิดปกติรึผู้กอง "

นอร์แมนย้อนถามพลางเดินเข้าไปเปิดประตูดูร่างของ "ซิลเวีย-อึ้ง" ที่นอนฟุบอยู่บนเตียง แล้วงับประตูเอาไว้อย่างเดิมเดินเข้ามาหาผู้กองอังคารพร้อมกับส่งสัญญาณให้หยิบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกส่งให้เขา

นอร์แมนรับกระดาษมาเขียนอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งให้ผู้กองอังคารอ่าน

" ระวังภายในห้องอาจจะมีเครื่องส่งวิทยุแบบอัตโนมัติซุกซ่อนอยู่ ผมจะค้นหาเองคุณหาทางลงไปประกบตัวคนเฝ้าสถานีข้างล่างโน่น...พยายามปฏิบัติการต่อไปแบบปกติอย่าให้มีพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น ยุติการส่งข่าวทางวิทยุคลื่นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้โดยสิ้นเชิง...ให้ใช้วิทยุแบบ "รหัสมอส" โดยคลื่นพิเศษ...ผู้กองเริ่มส่งข่าวเดี๋ยวนี้เลย"

พอผู้กองอังคารอ่านเสร็จก็ขยุ้มกระดาษ เดินเข้าไปในห้องครัว จัดแจงเปิดเตาแก๊สเผาเศษกระดาษ แล้วเดินออกมาที่ตู้เก็บเหล้า เปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดออกดึงเครื่องวิทยุ "เด็งโก้" แบบเบ็ตเตอรี่แห้งออกมาวางที่พื้น พ่วงสายอากาศ "ลองวาย" ที่พรางตัวเองอยู่ในรูปของราวตากผ้าเข้ากับตัวเครื่อง แล้วเริ่มเคาะสัญญาณรหัสมอสไปยังรถตรวจการณ์ของไอ้โล้นทันที

ในขณะที่ผู้กองอังคารกำลังเคาะสัญญาณ นอร์แมนก็เริ่มตรวจตราอุปกรณ์ทุกชิ้นที่อยู่ภายในห้องรับแขก เพื่อค้นหาเครื่องดักฟัง พร้อม ๆ กับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศเป็นการตบตากับผู้กองไม่ขาดปาก

พอเคาะวิทยุเสร็จ ผู้กองอังคาร ไพรีพินาศ ก็กวาดสายตาไปตามช่องบานเกร็ดด้านตรงข้ามกับแผ่นเกราะเหล็กอย่างพินิจพิจารณา

เงียบและวังเวง ไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้องของนกเหมือนครั้งมาถึงบ้านหลังนี้เมื่อตอนแรก ๆ

หนังตาด้านซ้ายเขม่นยุบยิบ และเต้นแรงขึ้นเป็นลำดับ !

ผู้กองอังคารเทวิสกี้ลงในแก้วเจียระไน แล้วกรอกหายเข้าไปในลำคอ ต่อจากนั้นก็ถอดเสื้อชุดสจ๊วตออก ขยับปมเน็คไทออกเล็กน้อย เคลื่อนที่มุ่นตรงไปยังหน้าต่างบานสุดท้ายที่อยู่ทางด้านซ้ายมือสุดของห้องรับแขก ซึ่งมีผ้าม่านผืนใหญ่กั้นขึ้งเอาไว้จนมองไม่เห็นด้านนอก

แสงสว่างของตะวันยามบ่ายสาดกระทบผืนม่านสว่างไสว เขาเอื้อมมือไปจับสายรูดม่าน หนังตาซ้ายที่เขม่นยุบยิบทำให้เขาชะงัก หันไปดูรอบ ๆ กายอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวโหย่ง ๆ ไปหยิบเก้าอี้สามขามาวาง แล้วปีนขึ้นไปแนบสายตากับรอยขาดใต้ขอบหน้าต่างด้านบน โดยที่ม่านทั้งผืนไม่มีอาการพลิ้วไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

ซ้ายมือสุดอันเป็นเรือนแถวสำหรับคนใช้ มีชายวัยฉกรรจ์หน้าดุยืนถือกรรไกรตัดต้นไม้ตกแต่งพุ่มเข็มอยู่อย่างขะมักเขม้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสายตาทั้งคู่ของเขาจ้องเขม็งมาที่หน้าต่างด้านที่เปิดหราอยู่ตลอดเวลา คล้าย ๆ กับจะสังเกตดูการเคลื่อนไหวภายในห้องรับแขกนั้น

คนทำสวนซึ่งทำหน้าที่เฝ้า " สถานีที่ 10 " ของ ซี.ไอ.เอ. ตบแต่งพุ่มเข็มอยู่ครู่หนึ่งก็หันหลังกลับเดินไปที่เรือนคนใช้ เปิดประตูพาตัวเองหายเงียบเข้าไปด้วยท่าทางรีบร้อน

ผู้กองอังคารค่อย ๆ ปีนลงจากเก้าอี้สามขา หันรีหันขวางดูช่องทางออกอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเลิกผ้าม่านกระโจนผลุงลงไปหมอบอยู่ในกอพุทธรักษาแล้วคลานสี่ตีนเข้าไปซุกกายเงียบอยู่ที่หน้าต่างด้านหนึ่งของเรือนคนใช้นั้นชั่วอึดใจต่อมาเขาก็ขยับตัวขึ้นแนบใบหน้ากับรอยต่อของบานพับประตู จ้องสายตามองรอดเข้าไปตามรอยเชื่อมบานพับที่เผยอนั้น

ชายฉกรรจ์สองคนนั่งคุกเข่าหัวชนกันอยู่หน้าตู้กับข้าวที่ฝาปิดด้านหนึ่งห้อยร่องแร่ง วิทยุรับส่งขนาดเล็กวางอยู่ที่พื้น คันเคาะแบบครึ่งเสี้ยวถูกมือขวาของชายทำสวนเคาะเป็นรหัสเลขสัญญาณอย่างถี่ยิบ ห้องที่ค่อนข้างจะมืดพอสมควรทำให้ผู้กองอังคารสามารถมองเห็นหลอดไฟสีแดงบนเครื่องวิทยุกระพริบสั้น ๆ ยาว ๆ ตามรหัสสัญญาได้อย่างถนัดชัดเจน

" ไอ้สัตว์...มึงนี่เองที่แอบส่งข่าวให้พวกมันรู้ "

ผู้กองอังคารคำรามอยู่ในลำคอพร้อมกับยกเท้าถีบหน้าต่างชำรุดบานนั้นเต็มแรง หน้าต่างหักสะบั้น อังคารกระโจนพรวดเข้าไปยืนจังก้าค้ำกบาลอยู่เบื้องหลังของคนทั้งสองที่กำลังสาละวนส่งวิทยุอยู่อย่างขะมักเขม้น

ทั้งสองสะบัดตัวกลับเหมือนกับงูฉก ชายหน้าดุคนที่เคาะวิทยุทำท่าจะล้วงมือเข้าไปที่เอวแทบไม่ทันคิด อังคารเตะสวนเข้าไปที่ท้องน้อยสุดแรงเกิด

" พลั่ก "

เสียงดังเหมือนกลองเพล ชายหน้าดุงอตัวหล่นโครมทับลงไปบนเครื่องวิทยุ ส่วนอีกคนฉากแวบออกไปทางซ้ายแล้วสวนตูมกลับมาด้วยเท้าเข้าที่สีข้างของอังคารอย่างถนัดถนี่

อังคารใช้มือขวาคล้องหมับเข้าไปที่ท่อนขาของคู่ต่อสู้ แล้วหันศอกซ้ายกระแทกตูมเข้าไปบนใบหน้าที่ฉวัดเฉวียนอยู่ใกล้ ๆ สุดแรงเกิด

" เฉียะ "

กระดูกกระแทกกับหัวคิ้ว เสียงดังพิกล โลหิตทะลักออกมาทันตาเห็น แต่ก็ยังหยุดมันไม่ได้ ในขณะที่มันสะบัดศีรษะมึนงงอยู่นั้น มือข้างหนึ่งของมันก็ฉกวูบลงไปในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

อังคารชำเลืองสายตามองดูชายทำสวนที่นอนบิดอยู่ที่พื้นนิดนึงแล้วกระโจนเข้าประชิด แจกจ่ายอาวุธทุกชนิดประเคนใส่อย่างชนิดแทบไม่หายใจ

เสียงดังเหมือนกับกลองเพล งูร้ายจาก เค.จี.บี. ใช้มือข้างหนึ่งปิดป้องเป็นพัลวัน ส่วนอีกมือหนึ่งพยายามที่จะชักปืนออกจากกระเป๋า มันยิ่งพะวงในการที่จะสลัดอาวุธออกจากกระเป๋ากางเกงเท่าไรก็เท่ากับเปิดโอกาสให้อังคารถลุงมันถนัดมากขึ้นเพียงนั้น

ในช่วงการต่อสู้ที่ติดพันนั้น อังคารสามารถกระตุกมือของมันออกจากกระเป๋าได้เป็นผลสำเร็จ ปืนรีวอลเว่อร์สะแตนเลสขาววับ ถูกดึงติดมือขึ้นมาเหมือนกับปาฏิหาริย์อังคารเก็งข้อมือล็อคแขนข้างที่ถือปืนของมันเอาไว้แน่นแล้วกระทุ้งเข่าที่หนักอึ้งเหมือนเสาหินเข้าไปที่หน้าอกของมันเต็มแรง

" ปึก "

มันสะอึกตัวงอ ปืนหลุดกระเด็นเข้าไปใต้ตู้กับข้าวพร้อม ๆ กับที่ร่างของมันงอก่องอขิง ลงกับพื้น

อังคารเผ่นพรวดเข้าไปหาปืน โดยลืมนึกถึงคนทำสวนที่นอนทับวิทยุไปอย่างถนัดใจ

คนทำสวนยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาขวาง อังคารสะดุดล้มกลิ้งลงกับพื้นอย่างเสียหลัก ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็โดนช่วงแขนที่แข็งแรงตวัดคอกระชากจนหน้าหงาย

ด้วยสัญชาติญาณอันเคยชิน อังคารถีบเท้ากระแทกพื้นพร้อม ๆ กับเด้งตัวไปเบื้องหน้าเต็มแรง จากลักษณะดังกล่าวทำให้คู่ต่อสู้ ซึ่งเข้ามาล็อคคอทางเบื้องหลังเสียหลักหงายหลังตึงลงไปนอนหงายอยู่ที่พื้น โดยมีร่างของอังคารถูกล็อคคอนอนทับอยู่เบื้องบนนั่นเอง

หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ชั่วครู่ อังคารก็สามารถพลิกร่างขึ้นมาคร่อมร่างของเพชฌฆาตจาก เค.จี.บี. ได้เป็นผลสำเร็จ เพียงแวบเดียวที่ประสาทตาของเขาเห็นเงาทะมึนวูบผ่านเข้ามาทางเบื้องหลัง เขาก็กระชากร่างของคนทำสวนขึ้นมา แล้วพลิ้วตัวกลับหมุนร่างของมันเข้าปะทะกับเงาทะมึนที่โฉบแวบเข้ามาเต็มแรง

เพื่อนของคนทำสวนที่โดนเข่ามหากาฬของเขาลงไปนอนคว่ำเค้เก้นั่นเอง มันฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมด้วยคว้ามีดทำครัวแหลมเปี้ยบติดมือพุ่งเข้าหาด้านหลังหวังจะลอบกัดแบบไร้มนุษยธรรม

มันตาเหลือกที่มองเห็นแผ่นหลังของพรรคพวกขวางทางมีด แต่ไม่ทันการเสียแล้วคมมีดแหลมเปี้ยบเกือบหกฟุต จมหายเข้าไปในแผ่นหลังเสียงดัง

" สวบ "

เพชฌฆาต เค.จี.บี. ที่แฝงมาในรูปของคนทำสวนชะงักเหมือนถูกตรึง ปากที่หายใจฟืดฟาดเผยออกทำท่าจะร้องแต่อังคารไวกว่า เขาปล่อยมือจากร่างของมันแล้วตวัดมือขึ้นอุดปากไว้ได้ทันท่วงที

และพร้อม ๆ กันนั้น เท้าขวาซึ่งสวมรองเท้าหัวเสริมเหล็กก็บรรจงเตะตูมลอดหว่างขาของคนทำสวนผู้เคราะห์ร้ายขึ้นไปเต็มแรง

หัวเหล็กที่หนักอึ้ง จำเพาะเจาะจงกระแทกกับ "ห้องเครื่อง" ของเจ้าคนที่ถือมีดเข้าอย่างถนัดถนี่ มันแหกปากร้องจ๊ากสวนมีดเข้าหาร่างของคนทำสวนด้วยสัญชาตญาณของการป้องกันตัวแล้วค่อย ๆ รูดร่างกายลงไปนอนกระเสือกกระสนอยู่ที่พื้น มีดหลุดกระเด็น มือทั้งสองยกมาตะครุบเป้ากางเกง ส่งเสียงครวญครางเหมือนคนใกล้จะตาย

ผู้กองอังคารก้าวโหย่ง ๆ ไปเก็บมีดขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ นัยน์ตาที่แข็งค้างเหมือนกับตาผีตายโหงจ้องเขม็งไปที่ร่างเพชฌฆารทั้งสอง กรามทั้งคู่บดเป็นสันนูน ชั่วอึดใจเขาก็ก้าวสวบ ๆ ไปที่ร่างของคนโดนแทง ใช้มือข้างหนึ่งกระชากผมขึ้นมาแล้วกระตุกคมมีดปาดหลอดลมขาดสะบั้นลงในชั่วพริบตา

" ไอ้สัตว์นรก พวกมึงเล่นงานพวกกูไปสองคนพวกมึงจะต้องตายโหงตายห่ากันเป็นชั่วโคตร...ไอ้สัตว์ หยุดเห่าหอนได้แล้วโว้ย ! "

ประโยคสุดท้าย อังคารคำรามออกมาเหมือนคนเสียสติ พร้อม ๆ กับใช้เท้าข้างหนึ่งบดขยี้ไปบนใบหน้าของคนที่โดนเตะห้องเครื่องอย่างบ้าคลั่ง ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ เขาก็กระชากร่างของคนทำสวน ผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมานั่งงอก่องอขิงอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวที่อยู่ในห้องนั้น

" ใครใช้มึงทำงานไอ้บัดซบนี่...พูด...ไอ้สัตว์พูด...ถ้ามึงไม่พูด มึงต้องตายโหงเหมือนกับไอ้เหี้ยเพื่อนของมึงนั่น...แหกตาดูเพื่อนของมึงซะ"

ผู้กองอังคารคำรามออกมาพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างบรรเลงเพลงตบลงไปบนใบหน้าของงูร้าย จาก "เค.จี.บี." อย่างชนิดไม่เลี้ยง แล้วจิกปอยผมกระชากให้มองดูร่างของคนทำสวนที่นอนเลือดท่วมอยู่ที่พื้น ด้วยท่าทางคุ้มคลั่ง

ชายผู้เคราะห์ร้าย สะบัดหน้าไปตามแรงตบ แล้วค่อย ๆ เบิกตามองดูเพื่อนของมันอย่างไม่เชื่อกับตาของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็สั่นหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ

" พูด...ไอ้สัตว์...พูด...ถ้ามึงเป็นใบ้ กูก็มีวิธีการที่จะให้มึงพูด "

ผู้กองอังคารสบถออกมาอย่างฉุนเฉียว แล้วใช้คมมีดสะกิดกระดุมเสื้อขาดลุ่ยออกทั้งแถบเผยให้เห็นรอยสักรูปเสือเผ่นผงาดอยู่กลางหน้าอกอย่างถนัดชัดเจน

" - เสือเผ่นของมึงนี่หางด้วนนี่หว่า "

ในขณะที่พูดอังคารก็ใช้ปลายมีดกรีดบริเวณหางเสีอค่อนข้างแรงเลือดซึมออกเป็นทาง ปากก็สำทับต่อไปด้วยท่าทางกระหายเลือด

" - ถ้ามึงไม่พูด...กูจะตัดหางเสือของมึงออกทั้งหมด...ไอ้สัตว์ ใครใช้มึงทำงานระยำแบบนี้...เครื่องวิทยุที่ดักฟังอยู่ในบ้านอยู่ที่ไหน กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง คราวนี้ถ้าไม่พูด...มึงลงนรกแน่ ๆ "

" - ผม...ผมไม่ทราบ...ผมเพิ่งจะมาเข้าทำงานไม่ถึงเดือน ไอ้จงบังคับให้ผมทำ...ผมไม่รู้เรื่องวิทยุอะไรที่นายพูด...ปล่อย...ๆ ผมไปเถอะครับ...เจ้านาย"

คนทำสวนผู้เคราะห์ร้ายละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน มือทั้งสองที่กุมห้องเครื่องยกขึ้นไปพนมอย่างลนลาน

" - มึงต้องรู้...ลักษณะของมึงไม่ใช่ คนทำสวน...คนทำสวนซ่นตีนอะไรวะ เคาะเลขสัญญาณรหัสมอสก็ได้...กูขอถามมึงเป็นครั้งสุดท้ายเครื่องวิทยุดักฟังอยู่ตรงไหน ? และมึงส่งข่าวการเคลื่อนไหวของพวกกูไปที่ไหน...ตอบ...ไอ้สัตว์ "

มันสั่นหน้าปฏิเสธ และในขณะเดียวกันนั่นเองก็มีเสียง นอร์แมนดังกังวานอยู่ในหูฟังของวิทยุ "เดงโก้" ซึ่งวางกลิ้งอยู่ที่พื้นนั้น

" - เจอะแล้ว...ผู้กองรีบกลับมาหาผมด่วน"

คนทำสวนหันกลับไปฟังเสียงวิทยุด้วยท่าทางตกใจแล้วสะบัดตัวกลับ ท่าทางที่เกรงกลัวอย่างลนลานเปลี่ยนแปลงไปในฉับพลัน ซึ่งพร้อม ๆกัน มันก็สปริงตัวขึ้นจากเก้าอี้ หมายพุ่งชนร่างของผู้กองอังคารที่ยืนค้ำกบาลอยู่ให้คว่ำไปด้วยกัน

ผู้กองอังคารหัวเราะก๊าก กระแทกมีดลงไปบนใบหน้าที่แยกเขี้ยวขาววับอยู่ใกล้ ๆ สุดแรงเกิด

" ฉึก ! "

ปลายมีดกระแทกพรวดเข้าไปในเบ้าตาซ้ายของคนทำสวนอย่างพอเหมาะพอเจาะ

ผู้กองอังคารใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกแล้วกระชากมีดออกมาอย่างคุ้มคลั่ง

ภาพของดวงตาที่หลุดทะลักออกมาคลุกเคล้ากับโลหิตแดงฉาน ทำให้ผู้กองเพชฌฆาตแหกปากหัวเราะอย่างมีความสุข

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11827 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 07:26:53 PM »

6/12/58

บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11828 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2015, 12:31:08 PM »

7/12/58







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 07, 2015, 12:35:34 PM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11829 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2015, 07:44:49 AM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 12

ผู้กองอังคารขยับตัวไปที่ตู้เก็บเหล้า เปิดฝาดึงปากพูดหูฟังออกมากรอกคำพูดลงไปอย่างห้วน ๆ

"จรยุทธ จากสถานีที่ 10...รายงานจุดที่ตั้งด่วน "

เงียบไปชั่วอึดใจก็มีเสียงตอบกลับมาอย่างยืดยาว

" สถานีที่ 10 จากจรยุทธ ขณะนี้อยู่หน้าโรงงานโคล่าเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว มีรถปิคอัพสีเหลืองบรรทุกช่างก่อสร้างขับเข้าไปในซอยดูลักษณะแล้วต้องเป็นพวกมันแน่ ๆ หลังจากนั้นอีกสิบนาที ก็มีรถตรวจการณ์บรรทุกคน 5 คน ขับตามเข้าไป ลักษณะของเสาอากาศที่ติดอยู่ที่ท้ายรถคาดว่า ภายในตัวรถจะต้องมีวิทยุแรงสูงติดตั้งอยู่อย่างแน่นอน ประเดี๋ยวผมจะส่งคนเข้าไปที่หน้าบ้าน...ไม่ต้องห่วง ถนนหน้าหมู่บ้านคนของพวกเรา "บล็อค" เอาไว้หมดแล้ว...ว่าแต่เจ้านายคงจะ "สบึมส์ " ไปแล้วละกระมัง "

ไอ้โล้นซึ่งขณะนี้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีน้ำเงินแบบพนักงานขององค์การโทรศัพท์ แถมเดาะใส่วิกผมยาวประบ่า นั่งวางมาดคู่กับไอ้แสบบนรถแลนด์โรเวอร์ที่จอดสงบนิ่งอยู่หน้าโรงงานโคล่า ลดเสียงพูดวิทยุลงแล้วกระเซ้าเจ้านายของเขาด้วยความเคยชิน

" อย่าเสือกทะลึ่งไอ้โล้น...แฟนของนอร์แมนไม่ใช่ของอั้ว...ว่ายังไงวะ เรื่องคุ้มกันรถบรรทุกผู้โดยสารลื้อรายงานเข้า บก. หรือยัง "

ผู้กองอังคารย้อนถามอีกครั้ง

" สบายบรื๋อ...ลูกพี่ ทุกคนพักที่โรแยล-โฮเต็ลขณะนี้ผู้โดยสารโดนพวกเราประกบหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของแต่ละคนจะถูกรายงานเข้า บก. ตลอดเวลา พวกมันไปถึง "รัง" ของเราหรือยังครับ "

ประโยคสุดท้ายไอ้โล้นกระซิบถามเบา ๆ

" ถึงแล้ว แฝงมาในคราบช่างก่อสร้างทั้งหมดสงสัยจะมีอาวุธหนักมาด้วย...เริ่มปฏิบัติงานตามแผน...เลิกกัน "

ผู้กองอังคารตัดบทห้วน ๆ แล้วหันกลับไปอมยิ้มกับนอร์แมนที่กำลังเดินตาม " ซิลเวีย - อึ้ง" เข้าไปในห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ทางซ้ายมือสุดหลังแผ่นเกราะเหล็กนั่นเอง

ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ นอร์แมนก็เดินกลับออกมา ผู้กองอังคารยกนิ้วชี้ขึ้นปาดคอหอยตัวเอง เหมือนกับจะเป็นคำถามว่า "เชือด" หรือยัง ?"

นอร์แมนหัวเราะก๊าก

" ผมไม่ใช่ประเภท "ล่มปากอ่าว" นะผู้กอง หายเข้าไป ๕ นาทีถ้า " เสร็จกิจ" ก็คงจะมีแต่นกกระจอกเท่านั้น ผมเอายานอนหลับ "สกูรฮีเรี่ยม" ให้เธอกิน ฟุบไปแล้วกว่าจะฟื้นก็เกือบสามชั่วโมงโน่นแหละ นั่นรู้สึกว่าพวกเราจะมากันแล้ว "

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนพึมพำออกมา พร้อมกับชำเลืองมองไปทางหน้าต่างด้านถนนหน้าบ้าน

รถโฟล์คตู้ทึบ ติดตราองค์การโทรศัพท์แล่นช้า ๆ เข้ามาที่หน้าตึกร้างแล้ว แอบชิดซ้ายจอดสงบนิ่งอยู่ใต้เสาไฟแรงสูง ชั่วอึดใจประตูก็เลื่อนออก พนักงานโทรศัพท์สองคนลงมายืนแหงนหน้ามองดูสายโทรศัพท์บนเสาอยู่ครู่หนึ่งก็จัดแจงปลดบันไดที่ผูกติดอยู่บนหลังคารถลงมาอย่างรีบเร่ง

บันไดไม้ไผ่ถูกพาดกับเสาไฟพนักงานโทรศัพท์ห้อยเครื่องมือติดกับเข็มขัดนิรภัยพะรุงพะรัง ปีนขึ้นไปบนเสาทั้งสองคนแล้วเริ่มตรวจเช็คสาย ปากก็ร้องตะโกนคุยกับพรรคพวกที่นั่งอยู่บนรถไม่ขาดระยะ

" มึงขยับไปทางด้านซ้ายมือนั่นหน่อยวะ...กูอยู่ทางนี้มองเหตุการณ์ภายในห้องทึบนั่นไม่เห็น เท่าที่กูสังเกตดูฝาอีกด้านหนึ่งของมัน รู้สึกจะยังสร้างไม่เสร็จ คงจะตรวจการณ์พวกมันเห็นแน่ "

พนักงานตรวจสายโทรศัพท์ร่างสูงใหญ่ที่ปฏิบัติงานอยู่บนเสาไฟ กระซิบกระซาบกับเพื่อนคู่หูที่กำลังเกี่ยวเข็มขัดนิรภัยอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับชำเลืองไปยังห้องทึบของบ้านร้างด้วยความระมัดระวัง

" กูว่ามึงดีกว่า...ไอ้น้อย กูชักเสียว ๆ ว่ะ ฉิบหายงานอื่นก็มีตั้งแยะ ทำไมเจ้านายถึงมอบงานระยำ ๆแบบนี้ให้พวกเราวะ เป็นเป้านิ่งอยู่บนเสาไฟแบบนี้ให้กูวิ่งเข้าไปจวกกับพวกมันถึงในบ้านจะดีซะกว่า "

พนักงานโทรศัพท์คนที่มีรูปร่างเล็กแกร็งบ่นพึมพำแต่ก็ขยับตัวเบี่ยงออกไปทางซ้ายมือแต่โดยดี พร้อม ๆ กับตวัดสายตามองขึ้นไปดูภายในห้องของตึกร้างด้วยอากัปกริยาเนือย ๆ เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ

" ภายในห้องมีทั้งหมด 3 คน พร้อมด้วยอาวุธหนักแบบ "เอ็ม. 79" อุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะกึ่งกลางห้องสงสัยจะเป็นเครื่องรับส่งวิทยุแรงสูง แบบใช้เครื่องปั่นไฟแบบมือหมุน กูไม่กล้ามองดูมากเพราะไอ้เหี้ยนั่นถือปืนยาวสวมที่เก็บเสียงลอบชำเลืองมาทางกูหลายครั้งแล้ว...ติดต่อโทรศัพท์บอกเจ้านายได้แล้ว"

พนักงานโทรศัพท์คนที่อยู่ด้านขวามือหยิบปากพูดหูฟังจากขอเกาะเข็มขัดนิรภัยออกมาถือเอาไว้ ต่อจากนั้นก็ใช้ปลายสายที่ต่อจากปากพูดหูฟังเชื่อมต่อเข้าไปที่สายเมนใหญ่ด้วย "คริ๊ฟ" ชนิดพิเศษที่ติดอยู่ที่ปลายสายของปากพูดหูฟังนั่นเอง

ต่อจากนั้นเขาก็ใช้มือหมุนตัวเลขอัตโนมัติที่ออกแบบติดตั้งเอาไว้ที่ด้านล่างสุดของปากพูดหูฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วกรอกเสียงรายงานเหตุการณ์ในห้องทึบของตึกร้าง ไปยัง "รัง" ของสถานีที่ 10 อย่างรวดเร็ว

มันเป็นเครื่องโทรศัพท์ชนิดพิเศษ ที่มีชื่อตามรหัสว่า "ที-เอ็ส-10" ประสิทธิภาพของเครื่องดังกล่าวสามารถดักฟังหรือว่าสามารถเรียกขานไปยังหมายเลขต่าง ๆ ได้อย่างสบาย โดยอาศัยเคาะพ่วงกับสายเมนใหญ่เท่านั้น

เสียงกริ่งโทรศัพท์ภายในห้องรับแขกของสถานีทีซึ่งอยู่ห่างจากเครื่อง "ที-เอ็ส-10" ไม่ถึง 30 เมตรก็ดังกังวานขึ้น

ผู้กองอังคารรับสายอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันจะวางหูลงบนแป้นก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความเจ็บปวดในหูฟังอย่างถนัดชัดเจน

"โอ๊ย...ผมโดน..."

เสียงอุทานขาดหายไปพร้อม ๆ กับที่ผู้กองอังคารและนอร์แมนมองเห็นร่างพนักงานโทรศัพท์ คนที่กำลังติดต่อโทรศัพท์ อยู่ผงะผวาจากเสาเหมือนกับนกปีกหักแล้วหล่นตุ๊บลงบนพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติง

ยังไม่ทันที่ผู้กองอังคารจะปฏิบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปเหตุการณ์เหมือนกับครั้งแรกก็ได้บังเกิดขึ้นอีก

ร่างของพนักงานโทรศัพท์ รูปร่างเล็กแกรนที่กำลังอ้าปากหวอมองดูเพื่อนฝูงที่หล่นตุ๊บลงไปเบื้องล่างสะดุ้งเฮือกขึ้นสุดตัว แล้วผงะหล่นโครมลงมาบนหลังคารถโฟล์คเสียงดังโครมใหญ่

" - ฉิบหายแล้วผู้กอง...ไอ้พวกนั้น ซัดพวกเราด้วยปืนเก็บเสียงเข้าให้แล้ว ปล่อยมัน...รอให้มืดซะก่อนแล้วค่อยจัดการ...ปัญหาที่เราต้องค้นให้พบเดี๋ยวนี้คือ...ทำไมพวกมันถึงรู้แผนการของพวกเราได้เร็วถึงขนาดนี้ "

นอร์แมนพูดพลางชำเลืองดูเหตุการณ์นอกถนน ซึ่งขณะนี้พนักงานโทรศัพท์ซึ่งนั่งอยู่บนรถได้ลงมาลากร่างของพรรคพวกขึ้นไปบนรถอย่างทุลักทุเล แล้วพารถวิ่งย้อนกลับออกไปจากซอยด้วยความเร็วสูง

" - คนเฝ้าสถานีของเรามีกี่คน ? " ผู้กองอังคารย้อนถามห้วน ๆ

" - สองคน...เพิ่งเข้ามาทำงาน ได้ไม่ถึงเดือน มีอะไรผิดปกติรึผู้กอง "

นอร์แมนย้อนถามพลางเดินเข้าไปเปิดประตูดูร่างของ "ซิลเวีย-อึ้ง" ที่นอนฟุบอยู่บนเตียง แล้วงับประตูเอาไว้อย่างเดิมเดินเข้ามาหาผู้กองอังคารพร้อมกับส่งสัญญาณให้หยิบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกส่งให้เขา

นอร์แมนรับกระดาษมาเขียนอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งให้ผู้กองอังคารอ่าน

" ระวังภายในห้องอาจจะมีเครื่องส่งวิทยุแบบอัตโนมัติซุกซ่อนอยู่ ผมจะค้นหาเองคุณหาทางลงไปประกบตัวคนเฝ้าสถานีข้างล่างโน่น...พยายามปฏิบัติการต่อไปแบบปกติอย่าให้มีพิรุธใด ๆ ทั้งสิ้น ยุติการส่งข่าวทางวิทยุคลื่นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้โดยสิ้นเชิง...ให้ใช้วิทยุแบบ "รหัสมอส" โดยคลื่นพิเศษ...ผู้กองเริ่มส่งข่าวเดี๋ยวนี้เลย"

พอผู้กองอังคารอ่านเสร็จก็ขยุ้มกระดาษ เดินเข้าไปในห้องครัว จัดแจงเปิดเตาแก๊สเผาเศษกระดาษ แล้วเดินออกมาที่ตู้เก็บเหล้า เปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดออกดึงเครื่องวิทยุ "เด็งโก้" แบบเบ็ตเตอรี่แห้งออกมาวางที่พื้น พ่วงสายอากาศ "ลองวาย" ที่พรางตัวเองอยู่ในรูปของราวตากผ้าเข้ากับตัวเครื่อง แล้วเริ่มเคาะสัญญาณรหัสมอสไปยังรถตรวจการณ์ของไอ้โล้นทันที

ในขณะที่ผู้กองอังคารกำลังเคาะสัญญาณ นอร์แมนก็เริ่มตรวจตราอุปกรณ์ทุกชิ้นที่อยู่ภายในห้องรับแขก เพื่อค้นหาเครื่องดักฟัง พร้อม ๆ กับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศเป็นการตบตากับผู้กองไม่ขาดปาก

พอเคาะวิทยุเสร็จ ผู้กองอังคาร ไพรีพินาศ ก็กวาดสายตาไปตามช่องบานเกร็ดด้านตรงข้ามกับแผ่นเกราะเหล็กอย่างพินิจพิจารณา

เงียบและวังเวง ไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้องของนกเหมือนครั้งมาถึงบ้านหลังนี้เมื่อตอนแรก ๆ

หนังตาด้านซ้ายเขม่นยุบยิบ และเต้นแรงขึ้นเป็นลำดับ !

ผู้กองอังคารเทวิสกี้ลงในแก้วเจียระไน แล้วกรอกหายเข้าไปในลำคอ ต่อจากนั้นก็ถอดเสื้อชุดสจ๊วตออก ขยับปมเน็คไทออกเล็กน้อย เคลื่อนที่มุ่นตรงไปยังหน้าต่างบานสุดท้ายที่อยู่ทางด้านซ้ายมือสุดของห้องรับแขก ซึ่งมีผ้าม่านผืนใหญ่กั้นขึ้งเอาไว้จนมองไม่เห็นด้านนอก

แสงสว่างของตะวันยามบ่ายสาดกระทบผืนม่านสว่างไสว เขาเอื้อมมือไปจับสายรูดม่าน หนังตาซ้ายที่เขม่นยุบยิบทำให้เขาชะงัก หันไปดูรอบ ๆ กายอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวโหย่ง ๆ ไปหยิบเก้าอี้สามขามาวาง แล้วปีนขึ้นไปแนบสายตากับรอยขาดใต้ขอบหน้าต่างด้านบน โดยที่ม่านทั้งผืนไม่มีอาการพลิ้วไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

ซ้ายมือสุดอันเป็นเรือนแถวสำหรับคนใช้ มีชายวัยฉกรรจ์หน้าดุยืนถือกรรไกรตัดต้นไม้ตกแต่งพุ่มเข็มอยู่อย่างขะมักเขม้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสายตาทั้งคู่ของเขาจ้องเขม็งมาที่หน้าต่างด้านที่เปิดหราอยู่ตลอดเวลา คล้าย ๆ กับจะสังเกตดูการเคลื่อนไหวภายในห้องรับแขกนั้น

คนทำสวนซึ่งทำหน้าที่เฝ้า " สถานีที่ 10 " ของ ซี.ไอ.เอ. ตบแต่งพุ่มเข็มอยู่ครู่หนึ่งก็หันหลังกลับเดินไปที่เรือนคนใช้ เปิดประตูพาตัวเองหายเงียบเข้าไปด้วยท่าทางรีบร้อน

ผู้กองอังคารค่อย ๆ ปีนลงจากเก้าอี้สามขา หันรีหันขวางดูช่องทางออกอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเลิกผ้าม่านกระโจนผลุงลงไปหมอบอยู่ในกอพุทธรักษาแล้วคลานสี่ตีนเข้าไปซุกกายเงียบอยู่ที่หน้าต่างด้านหนึ่งของเรือนคนใช้นั้นชั่วอึดใจต่อมาเขาก็ขยับตัวขึ้นแนบใบหน้ากับรอยต่อของบานพับประตู จ้องสายตามองรอดเข้าไปตามรอยเชื่อมบานพับที่เผยอนั้น

ชายฉกรรจ์สองคนนั่งคุกเข่าหัวชนกันอยู่หน้าตู้กับข้าวที่ฝาปิดด้านหนึ่งห้อยร่องแร่ง วิทยุรับส่งขนาดเล็กวางอยู่ที่พื้น คันเคาะแบบครึ่งเสี้ยวถูกมือขวาของชายทำสวนเคาะเป็นรหัสเลขสัญญาณอย่างถี่ยิบ ห้องที่ค่อนข้างจะมืดพอสมควรทำให้ผู้กองอังคารสามารถมองเห็นหลอดไฟสีแดงบนเครื่องวิทยุกระพริบสั้น ๆ ยาว ๆ ตามรหัสสัญญาได้อย่างถนัดชัดเจน

" ไอ้สัตว์...มึงนี่เองที่แอบส่งข่าวให้พวกมันรู้ "

ผู้กองอังคารคำรามอยู่ในลำคอพร้อมกับยกเท้าถีบหน้าต่างชำรุดบานนั้นเต็มแรง หน้าต่างหักสะบั้น อังคารกระโจนพรวดเข้าไปยืนจังก้าค้ำกบาลอยู่เบื้องหลังของคนทั้งสองที่กำลังสาละวนส่งวิทยุอยู่อย่างขะมักเขม้น

ทั้งสองสะบัดตัวกลับเหมือนกับงูฉก ชายหน้าดุคนที่เคาะวิทยุทำท่าจะล้วงมือเข้าไปที่เอวแทบไม่ทันคิด อังคารเตะสวนเข้าไปที่ท้องน้อยสุดแรงเกิด

" พลั่ก "

เสียงดังเหมือนกลองเพล ชายหน้าดุงอตัวหล่นโครมทับลงไปบนเครื่องวิทยุ ส่วนอีกคนฉากแวบออกไปทางซ้ายแล้วสวนตูมกลับมาด้วยเท้าเข้าที่สีข้างของอังคารอย่างถนัดถนี่

อังคารใช้มือขวาคล้องหมับเข้าไปที่ท่อนขาของคู่ต่อสู้ แล้วหันศอกซ้ายกระแทกตูมเข้าไปบนใบหน้าที่ฉวัดเฉวียนอยู่ใกล้ ๆ สุดแรงเกิด

" เฉียะ "

กระดูกกระแทกกับหัวคิ้ว เสียงดังพิกล โลหิตทะลักออกมาทันตาเห็น แต่ก็ยังหยุดมันไม่ได้ ในขณะที่มันสะบัดศีรษะมึนงงอยู่นั้น มือข้างหนึ่งของมันก็ฉกวูบลงไปในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

อังคารชำเลืองสายตามองดูชายทำสวนที่นอนบิดอยู่ที่พื้นนิดนึงแล้วกระโจนเข้าประชิด แจกจ่ายอาวุธทุกชนิดประเคนใส่อย่างชนิดแทบไม่หายใจ

เสียงดังเหมือนกับกลองเพล งูร้ายจาก เค.จี.บี. ใช้มือข้างหนึ่งปิดป้องเป็นพัลวัน ส่วนอีกมือหนึ่งพยายามที่จะชักปืนออกจากกระเป๋า มันยิ่งพะวงในการที่จะสลัดอาวุธออกจากกระเป๋ากางเกงเท่าไรก็เท่ากับเปิดโอกาสให้อังคารถลุงมันถนัดมากขึ้นเพียงนั้น

ในช่วงการต่อสู้ที่ติดพันนั้น อังคารสามารถกระตุกมือของมันออกจากกระเป๋าได้เป็นผลสำเร็จ ปืนรีวอลเว่อร์สะแตนเลสขาววับ ถูกดึงติดมือขึ้นมาเหมือนกับปาฏิหาริย์อังคารเก็งข้อมือล็อคแขนข้างที่ถือปืนของมันเอาไว้แน่นแล้วกระทุ้งเข่าที่หนักอึ้งเหมือนเสาหินเข้าไปที่หน้าอกของมันเต็มแรง

" ปึก "

มันสะอึกตัวงอ ปืนหลุดกระเด็นเข้าไปใต้ตู้กับข้าวพร้อม ๆ กับที่ร่างของมันงอก่องอขิง ลงกับพื้น

อังคารเผ่นพรวดเข้าไปหาปืน โดยลืมนึกถึงคนทำสวนที่นอนทับวิทยุไปอย่างถนัดใจ

คนทำสวนยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาขวาง อังคารสะดุดล้มกลิ้งลงกับพื้นอย่างเสียหลัก ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็โดนช่วงแขนที่แข็งแรงตวัดคอกระชากจนหน้าหงาย

ด้วยสัญชาติญาณอันเคยชิน อังคารถีบเท้ากระแทกพื้นพร้อม ๆ กับเด้งตัวไปเบื้องหน้าเต็มแรง จากลักษณะดังกล่าวทำให้คู่ต่อสู้ ซึ่งเข้ามาล็อคคอทางเบื้องหลังเสียหลักหงายหลังตึงลงไปนอนหงายอยู่ที่พื้น โดยมีร่างของอังคารถูกล็อคคอนอนทับอยู่เบื้องบนนั่นเอง

หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ชั่วครู่ อังคารก็สามารถพลิกร่างขึ้นมาคร่อมร่างของเพชฌฆาตจาก เค.จี.บี. ได้เป็นผลสำเร็จ เพียงแวบเดียวที่ประสาทตาของเขาเห็นเงาทะมึนวูบผ่านเข้ามาทางเบื้องหลัง เขาก็กระชากร่างของคนทำสวนขึ้นมา แล้วพลิ้วตัวกลับหมุนร่างของมันเข้าปะทะกับเงาทะมึนที่โฉบแวบเข้ามาเต็มแรง

เพื่อนของคนทำสวนที่โดนเข่ามหากาฬของเขาลงไปนอนคว่ำเค้เก้นั่นเอง มันฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมด้วยคว้ามีดทำครัวแหลมเปี้ยบติดมือพุ่งเข้าหาด้านหลังหวังจะลอบกัดแบบไร้มนุษยธรรม

มันตาเหลือกที่มองเห็นแผ่นหลังของพรรคพวกขวางทางมีด แต่ไม่ทันการเสียแล้วคมมีดแหลมเปี้ยบเกือบหกฟุต จมหายเข้าไปในแผ่นหลังเสียงดัง

" สวบ "

เพชฌฆาต เค.จี.บี. ที่แฝงมาในรูปของคนทำสวนชะงักเหมือนถูกตรึง ปากที่หายใจฟืดฟาดเผยออกทำท่าจะร้องแต่อังคารไวกว่า เขาปล่อยมือจากร่างของมันแล้วตวัดมือขึ้นอุดปากไว้ได้ทันท่วงที

และพร้อม ๆ กันนั้น เท้าขวาซึ่งสวมรองเท้าหัวเสริมเหล็กก็บรรจงเตะตูมลอดหว่างขาของคนทำสวนผู้เคราะห์ร้ายขึ้นไปเต็มแรง

หัวเหล็กที่หนักอึ้ง จำเพาะเจาะจงกระแทกกับ "ห้องเครื่อง" ของเจ้าคนที่ถือมีดเข้าอย่างถนัดถนี่ มันแหกปากร้องจ๊ากสวนมีดเข้าหาร่างของคนทำสวนด้วยสัญชาตญาณของการป้องกันตัวแล้วค่อย ๆ รูดร่างกายลงไปนอนกระเสือกกระสนอยู่ที่พื้น มีดหลุดกระเด็น มือทั้งสองยกมาตะครุบเป้ากางเกง ส่งเสียงครวญครางเหมือนคนใกล้จะตาย

ผู้กองอังคารก้าวโหย่ง ๆ ไปเก็บมีดขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ นัยน์ตาที่แข็งค้างเหมือนกับตาผีตายโหงจ้องเขม็งไปที่ร่างเพชฌฆารทั้งสอง กรามทั้งคู่บดเป็นสันนูน ชั่วอึดใจเขาก็ก้าวสวบ ๆ ไปที่ร่างของคนโดนแทง ใช้มือข้างหนึ่งกระชากผมขึ้นมาแล้วกระตุกคมมีดปาดหลอดลมขาดสะบั้นลงในชั่วพริบตา

" ไอ้สัตว์นรก พวกมึงเล่นงานพวกกูไปสองคนพวกมึงจะต้องตายโหงตายห่ากันเป็นชั่วโคตร...ไอ้สัตว์ หยุดเห่าหอนได้แล้วโว้ย ! "

ประโยคสุดท้าย อังคารคำรามออกมาเหมือนคนเสียสติ พร้อม ๆ กับใช้เท้าข้างหนึ่งบดขยี้ไปบนใบหน้าของคนที่โดนเตะห้องเครื่องอย่างบ้าคลั่ง ชั่วอึดใจใหญ่ ๆ เขาก็กระชากร่างของคนทำสวน ผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมานั่งงอก่องอขิงอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวที่อยู่ในห้องนั้น

" ใครใช้มึงทำงานไอ้บัดซบนี่...พูด...ไอ้สัตว์พูด...ถ้ามึงไม่พูด มึงต้องตายโหงเหมือนกับไอ้เหี้ยเพื่อนของมึงนั่น...แหกตาดูเพื่อนของมึงซะ"

ผู้กองอังคารคำรามออกมาพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างบรรเลงเพลงตบลงไปบนใบหน้าของงูร้าย จาก "เค.จี.บี." อย่างชนิดไม่เลี้ยง แล้วจิกปอยผมกระชากให้มองดูร่างของคนทำสวนที่นอนเลือดท่วมอยู่ที่พื้น ด้วยท่าทางคุ้มคลั่ง

ชายผู้เคราะห์ร้าย สะบัดหน้าไปตามแรงตบ แล้วค่อย ๆ เบิกตามองดูเพื่อนของมันอย่างไม่เชื่อกับตาของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก็สั่นหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ

" พูด...ไอ้สัตว์...พูด...ถ้ามึงเป็นใบ้ กูก็มีวิธีการที่จะให้มึงพูด "

ผู้กองอังคารสบถออกมาอย่างฉุนเฉียว แล้วใช้คมมีดสะกิดกระดุมเสื้อขาดลุ่ยออกทั้งแถบเผยให้เห็นรอยสักรูปเสือเผ่นผงาดอยู่กลางหน้าอกอย่างถนัดชัดเจน

" - เสือเผ่นของมึงนี่หางด้วนนี่หว่า "

ในขณะที่พูดอังคารก็ใช้ปลายมีดกรีดบริเวณหางเสีอค่อนข้างแรงเลือดซึมออกเป็นทาง ปากก็สำทับต่อไปด้วยท่าทางกระหายเลือด

" - ถ้ามึงไม่พูด...กูจะตัดหางเสือของมึงออกทั้งหมด...ไอ้สัตว์ ใครใช้มึงทำงานระยำแบบนี้...เครื่องวิทยุที่ดักฟังอยู่ในบ้านอยู่ที่ไหน กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง คราวนี้ถ้าไม่พูด...มึงลงนรกแน่ ๆ "

" - ผม...ผมไม่ทราบ...ผมเพิ่งจะมาเข้าทำงานไม่ถึงเดือน ไอ้จงบังคับให้ผมทำ...ผมไม่รู้เรื่องวิทยุอะไรที่นายพูด...ปล่อย...ๆ ผมไปเถอะครับ...เจ้านาย"

คนทำสวนผู้เคราะห์ร้ายละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน มือทั้งสองที่กุมห้องเครื่องยกขึ้นไปพนมอย่างลนลาน

" - มึงต้องรู้...ลักษณะของมึงไม่ใช่ คนทำสวน...คนทำสวนซ่นตีนอะไรวะ เคาะเลขสัญญาณรหัสมอสก็ได้...กูขอถามมึงเป็นครั้งสุดท้ายเครื่องวิทยุดักฟังอยู่ตรงไหน ? และมึงส่งข่าวการเคลื่อนไหวของพวกกูไปที่ไหน...ตอบ...ไอ้สัตว์ "

มันสั่นหน้าปฏิเสธ และในขณะเดียวกันนั่นเองก็มีเสียง นอร์แมนดังกังวานอยู่ในหูฟังของวิทยุ "เดงโก้" ซึ่งวางกลิ้งอยู่ที่พื้นนั้น

" - เจอะแล้ว...ผู้กองรีบกลับมาหาผมด่วน"

คนทำสวนหันกลับไปฟังเสียงวิทยุด้วยท่าทางตกใจแล้วสะบัดตัวกลับ ท่าทางที่เกรงกลัวอย่างลนลานเปลี่ยนแปลงไปในฉับพลัน ซึ่งพร้อม ๆกัน มันก็สปริงตัวขึ้นจากเก้าอี้ หมายพุ่งชนร่างของผู้กองอังคารที่ยืนค้ำกบาลอยู่ให้คว่ำไปด้วยกัน

ผู้กองอังคารหัวเราะก๊าก กระแทกมีดลงไปบนใบหน้าที่แยกเขี้ยวขาววับอยู่ใกล้ ๆ สุดแรงเกิด

" ฉึก ! "

ปลายมีดกระแทกพรวดเข้าไปในเบ้าตาซ้ายของคนทำสวนอย่างพอเหมาะพอเจาะ

ผู้กองอังคารใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกแล้วกระชากมีดออกมาอย่างคุ้มคลั่ง

ภาพของดวงตาที่หลุดทะลักออกมาคลุกเคล้ากับโลหิตแดงฉาน ทำให้ผู้กองเพชฌฆาตแหกปากหัวเราะอย่างมีความสุข

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

บันทึกการเข้า

anan02
Full Member
***

คะแนน 239
ออฟไลน์

กระทู้: 218


« ตอบ #11830 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2015, 02:58:04 PM »

  ตอนที่12 ซ้ำครับพี่  Grin 
  รออ่านต่อครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11831 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2015, 08:04:58 PM »

  ตอนที่12 ซ้ำครับพี่  Grin 
  รออ่านต่อครับ  ไหว้
ขอโทษครับ  ช่วงนี้ทำหลายอย่างพร้อมกัน เดี๋ยวจัดให้ครับ
บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11832 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2015, 08:07:20 PM »

เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 13

" ไอ้นรก โคตรพ่อโคตรแม่ของมึงก้เป็นคนไทย ลักษณะท่าทางของมึงก็เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วทำไมมึงไปหลงไอ้ลัทธิเหี้ย ๆแบบนี้วะ ไอ้พวกชิงหมาเกิด มึงอยากจะเป็นคอมมิวนิสต์ โน่น...ข้ามโข่งไปสุมหัวรวมกับโคตรของมึงโน่น "

ผู้กองอังคารคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วกระแทกปลายมีดลงไปในเบ้าตาขวาของคนทำสวนสุดแรงเกิด

" ฉึก "

ปลายมีดจมหายลงไปเกือบครึ่ง คนทำสวนยกมือทั้งคู่ขึ้นตะปบใบมีดแล้วกำเอาไว้แน่น ปากก็แผดเสียงร้องออกมาอย่างโหยหวน

"ร้อง...ไอ้ห่ะแหกปากร้องดีนัก แดกซ่นตีนกูซะ"

ผู้กองอังคารคำรามพลางยกเท้ากระทึบโครมลงไปบนริมฝีปากที่หนาเตอะคู่นั้นเต็มแรง

"โครม"

เก้าอี้หักสะบั้น ร่างของคนทำสวนหงายหลังตึงลงไปทับเก้าอี้ แต่ทว่ามือทั้งสองยังกำใบมีดที่ปักอยู่ที่เบ้าตาไม่ย่อมปล่อย เสียงร้องที่เอ็ดอึงยุติลงในบัดดล

ผู้กองอังคารใช้เท้าเหยียบหน้าอก แล้วก้มตัวลงกระชากมีด ปากก็สบถออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

"ยังมีคนไทยอีกหลาย ๆ คนที่หลงผิดแบบเดียวกับมึง...ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของมึงจะออกจากร่างกูอยากจะบอกอะไรกับมึงสักอย่าง และอยากจะฝากความจริงและแก่นแท้ของคอมมิวนิสต์ให้มึงสำนึกเอาไว้...ไอ้นรก คอมมิวนิสต์ไม่เคยจริงจังกับใครแม้กระทั่งตัวของมึงเอง มันหลอกใช้แล้วก็หักหลังฆ่าปิดปาก ไอ้ลัทธิจัญไรของพวกมึงไม่มีวันที่จะมอมเมาคนไทยที่รักชาติเยี่ยงกูได้หรอกโว้ย"

ใบมีดหลุดออกจากเบ้าตาแต่ยังถูกมือทั้งคู่ของคนทำสวนกุมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ผู้กองอังคารออกแรงกระชากสุดแรงเกิด ผั้วจากมือของคนทำสวน ความแรงของมันทำให้นิ้วมือที่กุมอยู่ห้อยล่องแล่ง และบางนิ้วขาดกระเด็นร่วงลงไปที่พื้นอย่างน่าสยดสยอง

เสียงร้องที่ยุติลงไปชั่วคราวโหยหวนขึ้นอีกครั้ง ผู้กองอังคารสะบัดคมมีดลงไปที่คอหอยแล้วพลิกข้อมือกระชากหลอดลมขาดสะบั้นลงในชั่วพริบตา

คาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง ผู้กองอังคารขว้างมีดลงไปปักตรึงที่พื้น แล้วยกมือข้างหนึ่งไปเสยผมอย่างลวก ๆ ต่อจากนั้นก็ปลดเน็คไทรูดออกมาถือเอาไว้ในมือ สายตาชำเลืองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพินิจพิจารณา

รูปถ่ายขนาด 12 นิ้ว ของคนทำสวนที่ถูกเขาฆ่าตายอย่างสด ๆ ร้อน ๆ เอียงกระเท่เล่อยู่บนนฝาผนัง ซองเอกสารสีน้ำตาลหนาปึกที่ซ่อนอยู่หลังรูปแลบออกมาครึ่งหนึ่ง...

ยังไม่ทันที่จะขยับตัว ประสาทหนังตาซ้ายของเขาก็เขม่นยิบยับ พร้อม ๆ กับหน้าต่างด้านที่ติดกับอาณาบริเวณของบ้านร้างลั่นเอี๊ยดเบา ๆ

อังคารพุ่งตัวขนานกับพื้นที่หมายก็คือ ข้าวสารค่อนกระสอบที่พิงอยู่กับต้นเสากลางห้อง ซึ่งพร้อม ๆ กับหน้าต่างเปิดผางออกเต็มบาน ท่อเก็บเสียงซึ่งสวมติดเด่อยู่ปลายลำกล้องปืน "ยู.เอส.อาร์มี" ยื่นพรวดเข้ามาเหมือนกับปาฏิหาริย์ ชั่วพริบตาใบหน้าที่ขาวซีดเหมือนคนอมโรคก็โผล่แยกเขี้ยวขาววับ ดวงตาที่แวววาวเหมือนกับหนูผีเบิ่งถลนมองมาที่ร่างของผู้กองอังคาร ด้วยท่าทางกระหายเลือด

"ฟุบ...ฟุบ"

หัวทองแดงขนาด .45 ทะลวงผ่านท่อ "ไซเรนเซ่อร์" (เก็บเสียง) เสียงดังเหมือนกับเป่าถุงกระดาษสองครั้งซ้อน ๆ

นัดแรกเจาะเหลี่ยมเสาด้านหนึ่งแหว่งกระจุยออกไปเป็นทาง ส่วนอีกนัดพุ่งเข้าหาส่วนหน้าของกระสอบข้าวเสียงดังพิกล ๆ

ผู้กองอังคารหันหลังพิงกระสอบข้าวสารพร้อม ๆ กับกระตุกเท้าซ้ายขึ้นมาตั้งฉาก มือข้างหนึ่งตะปบวูบลงไปที่ซอกขาเบื้องล่าง แล้วดึง "เบรานิงค์-ไฮเพาเวอร์" สวมท่อเก็บเสียงที่พกซ่อนอยู่ในซองพิเศษจากซอกขาด้านในขึ้นมากระชับอยู่ในมือ

"ฟุบ...ฟุบ"

อีกสองนัดซ่อน ๆ ที่ไอ้หน้าหนูผีระเบิดกระสุนเข้าใส่กระสอบข้าวสารอย่างเมามัน และคราวนี้ตำแหน่งกระสุนตกเฉียดปากถุงกระสอบขาดออกเป็นทาง

ผู้กองอังคารชำเลืองไปที่กระจกบานใหญ่ซึ่งแขวนอยู่เบื้องหน้าในระยะไม่ห่างเท่าใดนัก แล้วยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ

ภาพอันสลัว ๆ ของผู้บุกรุกปรากฏอยู่ในแผ่นกระจกอย่างเลือนลาง แสงตะวันยามบ่ายที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้ห้องของเรือนคนใช้สว่างไสวพอสมควร ผู้กองอังคารค่อย ๆ ยกปืนขึ้นมาวางบนตัก สายตาที่แข็งค้างเหมือนตาเพชฌฆาตชำเลืองไปที่กระจกเหมือนกับจะวัดระยะอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อย ๆ ยกปืนพาดบ่าในลักษณะให้ปากกระบอกโผล่ออกไปทางด้านหลัง โดยตั้งความหวังที่จะ "ฟลุค" กับการยิงแบบพิสดารนั้น ยังไม่ทันจะเหนี่ยวไก มันก็ยิงสาดเข้ามาอีกสองนัดซ้อน ๆ

"ฟุบ...ฟุบ...เพล้ง"

กระจกเงาบานใหญ่แตกละเอียด ภาพของชายหน้าซีดหายแว่บไปเหมือนกับปีศาจ

อา ! ไอ้งูร้ายแห่ง เค.จี.บี. อ่านไต๋ของผู้กองอังคารออกซะแล้ว...มันจงใจที่จะยิงกระจกเงาที่สะท้อนภาพของมันคล้าย ๆ กับจะบอกให้ผู้กองเพชฌฆาตรู้ตัวว่ามันก็อ่านแผนของผู้กองออกเช่นกัน

ผู้กองอังคารวางปืนลงกับพื้นแล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อออกอย่างระมัดระวัง ต่อจากนั้นก็ขยุ้มเสื้อเป็นก้อนกลม ๆ ขว้างไปทางด้านซ้ายมือสุดแรงเกิด

"ฟุบ...ฟุบ"

กระสุน .45 จากไอ้หน้าหนูผีสาดเข้าใส่เสื้อที่กลิ้งอยู่ข้างฝาด้วยสัญชาตญาณอันว่องไวคล้ายงูฉก

ผู้กองอังคารหัวเราะก๊าก พลิกตัวกลับกระโจนผึ๋งขึ้นมายืนจังก้า "เบรานิงค์ - ไฮเพาเวอร์ " สวมท่อเก็บเสียงเหยียดยื่นออกไปเบื้องหน้า เป้าหมายก็คือชายหน้าซีดที่ขมุกขมอมอยู่ในชุดกรรมกรก่อสร้างนั้น

ชายหน้าซีดสะบัดปืนกลับยังไม่ทันที่จะเหนี่ยวไก...ผู้กองอังคารก็สลุตกระสุนรวดเดียว 3 นัดซ้อน ๆ

"ปึด...ปึด...ปึด"

นัดแรกเสยเข้าไปที่เบ้าตาซ้าย...นัดที่สองแนวกระสุนสูงไปนิด แต่ก็เจาะเข้าที่กึ่งกลางหน้าผากแม่นเหมือนกับผีจับยัด ส่วนนัดที่สามกระสุนจับพลัดจับผลูฉีกใบหูขวาปลิวแวบไปเหมือยกับโดนขวานจาม ปืนเก็บเสียงหลุดจากมือ หล่นโครมเข้ามาในห้องใบหน้าแหลมเสี้ยมหายแวบไปจากหน้าต่าง พร้อม ๆ กับปรากฏเสียงวัตถุกระทบพื้นดังปึกใหญ่

ผู้กองอังคารก้าวโหย่ง ๆ เข้าไปหยิบปืนที่พื้น ใบหน้าที่เหี้ยมเกรียมเผยอมยิ้มออกมานิดหนึ่ง ต่อจากนั้นเขาก็ใช้มือข้างเดียวกับที่ถือปืนกดปุ่มล็อคดันครอบรางปืนที่ค้างเติ่งอยู่ให้กลับเข้าที่เดิมอย่างชำนิชำนาญ ปากก็พึมพำออกมาเบา ๆ

" - ต่อให้ฝีมือของมึงแน่ขนาดไหน มึงก็ต้องมีวันพลาดจนได้...ยิงตั้ง 8 นัด จนกระสุนหมดมึงก็ยังไม่รู้ตัวช่วยไม่ได้โว้ยเพื่อนฝูง"

ผู้กองอังคารพูดพรางเคลื่อนที่เข้าไปหยิบซองเอกสารที่ซ่อนอยู่ข้างหลังภาพขนาด 12 นิ้ว ด้วยความระวัง

เขาหยิบซองเอกสารดังกล่าวขึ้นมาทำท่าจะเปิดดูแต่แล้วก็กลับใจยัดเข้าไปในกระเป๋าหลัง...ต่อจากนั้นก็เดินไปหยิบเสื้อขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ แล้วเริ่มตรวจค้นเอกสารภายในร่างกายของศพทำสวนทั้งสองอย่างรีบเร่ง

ไม่ถึงสิบนาที ผู้กองอังคารก็เข้ามาสมทบกับนอร์แมน ณ บริเวณห้องรับแขกของตึกสองชั้นอันเป็นรังชั่วคราวขององค์กการสืบราชการลับสหรัฐนั้น

" - ไปฟัดกับใครมาผู้กอง "

นอร์แมน เอ่ยถามขึ้นมา พร้อมกับชำเลืองดูคราบโลหิตที่กระเซ็นอยู่ตามเครื่องแต่งกายของผู้กองอังคาร ด้วยความเคลือบแคลงใจ

" - ก็ลูกน้องทั้งสองคนของหัวหน้านั่นแหละครับ...กว่าจะเรียบร้อยก็เล่นเอาผมสะบัคสะบอมพอดู...หัวหน้าดูต้นทางยังไงไม่ทราบ ปล่อยให้ไอ้พวกเหี้ยนั่นลอบเข้ามาจวกผมถึงในห้อง...แล้วก็...เอ๊ะ...ทำไมหัวหน้าไม่เปิดโทรทัศน์"

ประโยคสุดท้ายผู้กองอังคารอุทานออกมาด้วยความเคลือบแคลงใจ พร้อมกับชำเลืองไปที่จอโทรทัศน์ ซึ่งขณะนี้ว่างเปล่าเห็นแต่คลื่นสัญญาณเป็นเส้น ๆ ขาวเต็มจอไปหมด

" - พวกมันใช้ปืนเก็บเสียงยิงกล้องที่ซ่อนเอาไว้บนหลังคาพังหมดแล้ว ผู้กอง ผมเพิ่งค้นเจอะวิทยุเมื่อสักครู่นี้เอง เพราะไอ้วิทยุเส็งเคร็งเครื่องนี้ทีเดียว ที่พวกมันรู้อะไรต่ออะไรของพวกเราหมด"

นอร์แมนพูดพลางเดินเข้าไปที่ช้างแกะสลัก ซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ โต๊ะรับแขก แล้วก้มลงไปเปิดช่องที่ใต้ท้องช้างดึงวิทยุรับส่งขนาดจิ๋วขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ ปากก็พูดต่อไปอีกไม่ขาดระยะ

" - ผมปิดเครื่องเอาไว้แล้ว...มันเป็นเครื่องดักฟังรุ่นล่าสุดของโซเวียต ซึ่งสร้างมาในรูปวิทยุผสมโทรทัศน์เมื่อเครื่องวิทยุได้รับสัญญาณมันจะกระตุ้นให้เครื่องโทรทัศน์ทำงานทันที...จากพื้นใต้ท้องช้างมีสายโทรศัพท์เจาะลงไปใต้เพดาน และจุดหมายปลายทางของมันก็คงจะเป็นห้องของคนทำสวน ที่ผู้กองจัดแจงไปเรียบร้อยแล้ว...เมื่อกี้นี้ผมลองเช็คเครื่องไปหาผู้กอง...รู้สึกเอะใจเหมือนกันที่ผู้กองไม่ตอบ...นี่ก็เกือบจะหกโมงเย็นอยู่แล้วประเดี๋ยวพวกมันคงจะเป็นฝ่ายลงมือก่อนแน่ ๆ...นั่นอะไรผู้กอง"

ประโยคสุดท้ายนอร์แมนลดเสียงลงแล้วกระซิบถามเบา ๆ

ผู้กองอังคารไม่ตอบ เขาล้วงซองเอกสารออกมาวางบนโต๊ะ แล้วแกะด้านที่ปิดกาวออก พร้อมกับดึงรูปภาพขนาดโปสการ์ด ไม่ต่ำกว่า 2 โหล ออกมาเรียงรายบนโต๊ะ...

" - มายก๊อด...ถ้าความจำของผมไม่ผิด นี่เป็นรูปรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของประเทศคุณทั้งนั้นนี่ผู้กอง...คุณเอารูปเหล่านี้มาจากไหนกัน "

นอร์แมน อุทานออกมา พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งพลิกรูปที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางตื่นเต้น

" - ครับ มีทั้งรัฐมนตรี...ผู้ว่าราชการจังหวัด...ตลอดจนข้าราชการคนสำคัญ ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา ผมได้ภาพเหล่านี้มาจากห้องคนทำสวน...มันซ่อนอยู่หลังภาพถ่ายที่ประดับอยู่บนฝาห้อง...และนี่คือเอกสารที่แนบติดอยู่กับภาพของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา..."

" ผู้กองลองอ่านให้ผมฟังซิครับ..."

นอร์แมน สวนคำพูดขึ้นมาแทบจะไม่หายใจ

" - ถึงหน่วยงานที่ 2 อ้างถึงคำสั่งด่วนมากที่ 604 เรื่องถ่ายภาพบุคคลสำคัญในจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้ได้ภาพเกือบครบถ้วนแล้ว ยังขาดอยู่แต่ภาพแม่ทัพภาค และเสนาธิการบางคน ขณะนี้กำลังถูกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นโจมตีอย่างหนัก เรื่องถือสัญชาติญวน จำเป็นต้องยุติการเคลื่อนไหวลงชั่วคราว...ลงชื่อ "เสกสรรค์ ศาสนะทายาท"

" - ชัดเลย...ผู้กอง...ไอ้ช่างภาพบัดซบนี่ ต้องดำเนินแผนการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามลำดับของหน่วยงานมันแน่ ๆ...ปัญหาข้อแรกที่เราต้องแก้ให้ตกก็คือ...ชื่อของผู้ส่งข่าว "เสกสรรค์ ศาสนะทายาท" เป็นชื่อจริงหรือชื่อรหัส ปัญหาข้อที่สอง...พวกมันต้องการภาพบุคคลเหล่านี้ไปทำไมกัน "

" - หัวหน้าคงจะลืมข่าวกรองทางด้านภาคอีสานไปเสียแล้วละกระมังครับ...รูปภาพบุคคลสำคัญ ๆ เหล่านี้จะต้องถูกส่งต่อไปยังฮานอยเพื่อให้จารชนของพวกมันศึกษาลักษณะท่าทางแล้วต่อจากนั้นพวกมันก็จะลอบเข้ามา " สังหาร " บุคคลดังกล่าวในลักษณะ "สังหารเงียบ" เป็นราย ๆ ไป...ถ้าความจำของผมไม่ผิด ผมเคยเห็นไอ้หมอ "เสกสรรค์ ศาสนะทายาท" นี่หลายครั้ง และแทบทุกครั้งเขาจะสะพายกล้องถ่ายรูปเข้าไปแทรกเป็นยาดำในวงการราชการจนน่าผิดสังเกต แม้กระทั่งในการอบรมลูกเสือชาวบ้านไอ้หมอนี่ก็จะเข้าไปมั่วถ่ายรูปเช่นเคย และสิ่งที่ผิดสังเกตเอาอย่างมาก ๆ ก็คือ...เขาชอบถ่ายแต่ระดับข้าราชการสำคัญ ๆ เท่านั้น...และหลักฐานชิ้นนี้มันก็ฟ้องตัวเองอยู่แล้วว่าบุคคลผู้นี้รับแผนงานมาจากใคร รอให้เสร็จธุระงานด้านนี้ก่อน ผมจะขึ้นไปล่ามันให้ถึงถิ่นเลยที่เดียว "

ผู้กองอังคารพูดพลางรวบรวมรูปภาพเหล่านั้นลงซองเอกสาร แล้วยัดลงไปในกระเป๋าหลัง สายตาชำเลืองไปที่นาฬิกา ปากก็พูดต่อไปอีก

" - หกโมงเย็นแล้วครับ...หัวหน้า ผมคิดว่าให้อาณัติสัญญาณพวกเราตะลุยมันเดี๋ยวนี้เลยเป็นไง "

ยังไม่ทันที่นอร์แมนจะตอบว่าประการใด ก็ปรากฏแสงสว่างแวบขึ้นที่บริเวณตึกร้างพร้อม ๆ กับมีแสงเหมือนกับผีพุ่งใต้พุ่งปร๊าดออกมาจากที่แห่งนั้น

" บึ้ม "

สีเขียวปมส้มสว่างแวบขึ้นที่บริเวณผนังตึกด้านที่มีเกราะเหล็กป้องกันอยู่พร้อม ๆ กับปรากฏเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ตึกสองชั้นสั่นสะเทือนเหมือนกับโดนมือยักษ์จับกระชาก เกราะเหล็กที่ป้องกันอยู่โดนอำนาจของปืน " เอ็ม .72 " ทะลุทะลวงไปครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตาเดียว

ความหนาของแผ่นเหล็กที่ออกแบบเป็นพิเศษเท่านั้น ที่ทำให้ตึก 2 ชั้น รอดจากการทำลายไปอย่างหวุดหวิดผู้กองอังคารกับนอร์แมนพุ่งตัวลงนอนกับพื้น สงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็คลานเข้าไปที่ห้อง "ซิลเวีย-อึ้ง" พลางกระซิบเบา ๆ

"ผู้กอง เปิดห้องใต้ดินฉุกเฉินเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน...ผมจะเข้าไปพาซิลเวีย...ออกมาเอง "

นอร์แมนบุ้ยใบ้ให้อังคารเปิดห้องใต้ดิน ส่วนตัวเองคลานเร็วจี๋เข้าไปที่หน้าห้อง นักร้องสาวลูกครึ่งพร้อมกับโหย่งตัวลุกขึ้น จับลูกบิดหมุนพาตัวเองเข้าไปในห้องด้วยท่าทางรีบร้อน

" - หยุดอยู่แค่นั้น...มิสเตอร์นอร์แมน " กรุณาล็อคกุญแจ...แล้วก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะด้วย

ภาษาอังกฤษเฉียบขาด ดังกังวานออกจากเตียงขนาด 7 ฟุต ซึ่งขณะนี้ปรากฏร่างของ "ซิลเวีย-อึ้ง" นั่งพิงผนังเตียง มือทั้งคู่กระชับปืนพกเหยียดยื่นมาข้างหน้าในลักษณะท่านั่งยิง ริมฝีปากที่บางเฉียบเหยียดยิ้มพร้อมกับสำทับด้วยคำพูดที่ห้วนและสั้น

" ยกมือขึ้น...มิสเตอร์นอร์แมน "

เพียงแวบเดียวที่นอร์แมนมองเห็นลักษณะของการถือปืน ความรู้สึกก็บอกกับตัวเองได้ทันทีว่า หญิงสาวผู้นี้ได้ผ่านการฝึกปรื้อในด้านการใช้อาวุธมาอย่างโชกโชน เขาชำเลืองดูรอบ ๆ เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ แต่หญิงสาวดูเหมือนจะอ่านจิตใจของเขาออก "ซิลเวีย-อึ้ง" ใช้หัวแม่มือง้างนกขึ้นดังกริ๊ก แล้วสำทับออกมาอีกอย่างเหี้ยมเกรียม

" - ปิดประตู...แล้วหันหน้าเข้าข้างฝา...เดี๋ยวนี้ "

ไม่มีทางเลือก นอร์แมนชำเลืองไปนอกประตูนิดหนึ่ง แล้วดึงประตูปิด ต่อจากนั้นก็ขยับตัวเข้าไปยืนหันหน้าเข้าข้างฝาอย่างช้า ๆ

" - เอามือเท้าฝา...ทิ้งน้ำหนักตัวลงฝ่ามือทั้งสองข้าง...ขยับเท้าออกมาอีกนิด...อย่าหันหน้ากลับมาเป็นอันขาด ถ้าขยับตัวอีกครั้งฉันยิงทันที "

ซิลเวีย-อึ้ง พูดพลางก้าวเท้าลงมาจากเตียงด้วยท่าทางระมัดระวัง เธอเคลื่อนที่เข้ามาที่ประตูแล้วล็อคกุญแจ...ใส่กลอนด้านในอีกชั้น ต่อจากนั้นก็ขยับตัวเข้าไปยืนเบื้องหลังนอร์แมนอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มกรรมวิธีค้นอาวุธด้วยความชำนิชำนาญ

" ซิลเวีย-อึ้ง " ใช้ปืนที่ถืออยู่ในมือจี้หมับเข้าไปที่บริเวณแผ่นหลังของนอร์แมน...มือข้างที่ว่างดึงกระเป๋าเอกสารขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังของหัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูรอย่างง่ายดาย

" - เปิดหน้ากากของคุณออกมาได้แล้ว มิสเตอร์ นอร์แมน "

ในขณะที่พูด หญิงสาวก็สำรวจอาวุธตามร่างกายของนอร์แมนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ชั่วอึดใจก็ดิ่ง "เบรานิงค์ - ไฮเพาเวอร์" สวมท่อเก็บเสียงจากซองพกพิเศษที่ซอกขาขึ้นมาถือกระชับอยู่ในมือ ปากก็พูดต่อไปอีกอย่างยืดยาว

" - ยานอนหลับของ ซี.ไอ.เอ. ที่พวกคุณอวดอ้างว่ามีประสิทธิภาพสูง แต่ไม่สามารถที่จะ "หยุด" ฉันได้พวกคุณมี สกูรฮีเลี่ยม" พวกฉันก็มี "สะโครโพลามีน" ขอเวลาซักนิดแล้วจะรู้ว่า " ยา " ของใครจะมีประสิทธิภาพกว่ากัน "

มีเสียงเคาะประตูดังลั่นอยู่เบื้องนอกผสมกับเสียงระเบิดถี่ยิบฟังไม่ได้ศัพท์ นอร์แมนขยับตัว "ซิลเวีย - อึ้ง " กระแทกปืนลงไปบนแผ่นหลังพร้อมกับสำทับออกมาอย่างเฉียบขาด

" - บอกสจ๊วตเจ้าเล่ห์ลูกน้องของคุณเดี๋ยวนี้...ร้องตะโกนออกไปว่าคุณกำลังอยู่ในห้องน้ำอย่าส่งรหัสเป็นอันขาด..."

" คุณซิลเวีย...นี่ผมงงไปหมดแล้วครับ...ผมเดาไม่ออกว่าคุณเป็นใครกันแน่...และก็มิสเตอร์นอร์แมนอะไรของคุณนั่นผมก็ไม่ร้จัก เรามีอะไรก็ตกลงกันได้นี่ครับ...ข้างนอกกำลังยิงกันใหญ่แล้ว เรามาร่วมมือกันดีกว่า..."

"หยุด...มิสเตอร์นอร์แมน ไอ้หน้าฉากกัปตัน "แพน-แอม-แอร์เวย์" ของคุณที่แสดงมาตั้งสองปีนั่นเป็นอันสิ้นสุดกันเสียที...คุณเป็นบุคคลชั้นบริหารขององค์การ ซี.ไอ.เอ. เราไม่มีอะไรที่จะตกลงกันอีกแล้ว...ขอโทษมิสเตอร์นอร์แมน "

ประโยคสุดท้าย "ซิลเวีย-อึ้ง" กระซิบผ่านไรฟันออกมาอย่างเหี้ยมเกีรยมพร้อมกับถอยหลังออกไปนิดหนึ่งแล้วเตะตูมเข้าไปที่หว่างขาของนอร์แมนเต็มแรง

มีเสียงดังพั่บ...รองเท้าแบบเดินทางหัวหนาปึกกระแทก "ห้องเครื่อง" ของนอร์แมนเต็มเหนี่ยว...นอร์แมนสะดุ้งเฮือกสุดตัว มือทั้งสองที่เท้าผนังเลื่อนลงมากุมที่เป้ากางเกงอย่างเป็นอัตโนมัติ ร่างที่ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวรูดลงไปกองอยู่ที่พื้น ส่งเสียงอึกอัก ๆ ตัวงอด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

"-ซิลเวีย-อึ้ง" เปลี่ยนปืน "เบรานิงค์" ที่ยึดได้จากนอร์แมนมาถือเอาไว้ในมือข้างขวา สายตาชำเลืองไปที่ประตูนิดหนึ่ง และก้าวเท้าเข้าไปยืนค้ำกบาลนอร์แมนด้ามปืนที่ถืออยู่ในมือประเคนเปรี้ยงลงไปบนนทัดดอกไม้สุดแรงเกิด

" พล็อค "

เสียงด้ามปืนสัมผัสกะโหลกศีรษะดังสนั่นหวั่นไหวนอร์แมนกระเสือกกระสนอยู่ครู่หนึ่งก็แน่นิ่งหมดสติสัมปะชัญญะไปในบัดดล

"ซิลเวีย-อึ้ง" โยนปืนเก็บเสียงลงไปที่พื้นแล้วเดินกลับมาที่เตียงนอน เปิดกระเป๋าหยิบแท่งลิปสติคขึ้นมาถือเอาไว้ในมือพร้อมกับหมุนส่วนหัวไปทาวขวามือจนสุด ต่อจากนั้นก็ยกแท่งลิปสติคขึ้นมาจ่อริมฝีปากกรอกคำพูดลงไปอย่างเฉียบขาด

"ฮานอย 12...จากฮานอย...แผนงานเรียบร้อยอยากทราบการเคลื่อนไหวของตำรวจหัวหมาก...รายงานด่วน "

ชั่วอึดใจก็มีเสียงตอบกลับมาอย่างยืดยาว

" - ฮานอยจากฮานอย 12 ขณะนี้ตำรวจหัวหมากกำลังเคลื่อนย้าย "กำลังพล" ออกจากสถานี กำลังพลทั้งหมด 15 คน...รถจี๊ปและรถปิคอัพอย่างละคัน...ไม่มีอาวุธหนัก แต่อาจจะมีสมทบจากที่อื่น...ตามปกติรถตำรวจจะมาถึงที่นี่ภายในยี่สิบนาที...พวกเราอาจจะมีเวลาไม่พอ...หัวหน้าจะให้พวกผมปฏิบัติอะไรต่อไปครับ "

" หน่วยตำรวจเอาไว้ที่ปากซอยให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้...เส้นทางถอนกำลังใช้เส้นทางที่เชื่อมออกทางหมู่บ้านเสรี...ประสานการยิงให้หนักที่สุด ตะลุยเข้ามาให้ได้...ไม่ต้องใช้อาวุธหนัก พวกมันมีแผ่นเกราะป้องกัน "

"ซิลเวีย-อึ้ง " หรืออีกนับหนึ่งหัวหน้าขบวนการมหาประลัยจากประเทศหลังม่านเหล็กออกคำสั่งด้วยแผนปฏิบัติที่แนบเนียนและรัดกุม

บัดดลนั้นเอง เสียงปืนจากบ้านร้างก็คำรามขึ้นมาอย่างถี่ยิบตามแผนของซิลเวีย-อึ้ง...ห่าฝนเหล็กสาดเข้าใส่ตึกสองชั้นเป็นจักรผัน ลูกกระสุนปะทะกับแผ่นเกราะเหล็กเสียงดัง หวิดหวิว หลังคากระเบื้องกระเด็นหลุดร่วงเกียวกราว

ผู้กองอังคารเปิดห้องใต้ดินหลังตู้เก็บเหล้าออกอย่างรีบร้อน...แล้วเผ่นลงไปหยิบอาวุธต่าง ๆ ขึ้นมาวางเรียงรายอยู่บนเก้าอี้รับแขกต่อจากนั้นก็เดินกลับมาทีห้อง ซิลเวีย-อึ้ง พลางเคาะประตูเรียกถามด้วยความเคลือบแคลงใจ

" - หัวหน้า...หัวหน้า...มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ"

เงียบ...ไม่มีเสียงตอบจากภายในห้อง ผู้กองอังคารชำเลืองดูลูกบิดประตูอย่างเคลือบแคลงใจอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวเท้าโหย่ง ๆ ไปที่หุ่นโชว์เสื้อชุดกิโมโน แล้วหิ้วติดมือมายืนที่หน้าประตู หันรีหันขวางอยู่ชั่วอึดใจก็ตรงรี่เข้าไปหาวิทยุตะโกนกรอกเสียงลงไปอย่างฉุนเฉียว

" - ไอ้โล้น...ไอ้แสบ...พวกมึงหายหัวกันไปไหนหมดโว้ย...ฉิบหายปล่อยให้พวกมันจวกกูอยู่ได้...ล่อแม่มันให้เละไปเลย..."

"-เจ้านาย...โปลิสมาแล้ว...ยกโขยงกันมาแน่นตรอกเลย...พวกผมเผ่นป่าราบไปหมดแล้ว ประเดี๋ยวจะตะลุยเข้าทางหมู่บ้านเสรี...เป็นยังไงครับเจ้านายใหญ่ของเรา..."

ไอ้โล้นกระซิบกระซาบมาในวิทยุ...ผู้กองอังคารไม่ตอบเขายกปืนขึ้นไปเล็งไปที่ลูกบิดประตู แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหันไปมองโซฟา ขนาดใหญ่ที่มีล้อเลื่อนอยู่ข้างล่างอยู่ชั่วอึดใจก็ปราดเข้ามาเข็นโซฟา ขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนประตูเต็มแรง

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428


บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11833 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2015, 08:51:17 PM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 14

ผู้กองอังคารก้มศีรษะลงบังพนักพิง ซอยเท้าจี๋ทุ๋มกำลังเข็นโซฟาร์ควบเข้าหาประตูห้องสุดแรงเกิด

" โครม "

ส่วนหน้าสุดของโซฟาร์กระแทกกับประตูห้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประตูห้องสั่นสะเทือนเหมือนกับโดนซุงกระทุ้ง ผู้กองอังคารทิ้งตัวเองนอนราบกับพื้น ปืนเก็บเสียงที่เหน็บอยู่เบื้องหลังถูกกระตุกขึ้นมากระชับอยู่ในมือ เหมือนเป็นอัตโนมัติ

" เปรี๊ยะ...เปรี๊ยะ "

มีเสียงเนื้อไม้ตรงบริเวณเหนือลูกบิดประตูโดนทะลุทะลวงจากกระสุนปืนเก็บเสียงอย่างถนัดหู

ผู้กองอังคารขบกราม แล้วค่อย ๆ เผยอศีรษะขึ้นไปมองรอยโหว่ของเนื้อไม้ ขยับปืนจะยิง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ค่อย ๆ ลากโซฟาร์ถอยหลังกลับไปตั้งหลักอยู่มุมห้อง...

หันรีหันขวางอยู่ ก็ตรงเข้าไปหยิบหุ่นเสื้อกิโมโนมาผูกติดกับพนักพิงแล้วเข็นพุ่งเข้าหาประตูอีกครั้ง

" โครม...เอี๊ยด "

บานประตูหักสะบั้น...พร้อม ๆ กับที่โซฟาถลาแวบเข้าไปอย่างเสียหลัก

" ปึด...ปึด...ปึด...ปึด "

มีเสียงปืนเก็บเสียงรัวอย่างถี่ยิบอยู่ข้างใน ผู้กองอังคารซึ่งพุ่งตัวเองไปนอนหงายอยู่ที่พื้นตรงขอบฝาผนังด้านนอก ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบวัตถุขนาดลูกมะนาวสีเหลืองออกมากำอยู่ในมือ ต่อจากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง ใช้มือข้างหนึ่งดึงสลักนิรภัยออก ขว้างผลุงเข้าไปในช่องประตูที่หักสะบั้นนั้นทันที

" เพลียะ "

มีเสียงระเบิดดังเบา ๆ เหมือนกับเสียงหักกิ่งไม้แห้งชั่วอึดใจก็มีควันสีเหลือง พวยพุ่งออกมาจากช่องประตูเป็นสาย และเจ้าควันดังกล่าวลามเลียออกมาปกคลุมช่องทางเข้าประตูที่หักสะบั้นนั้นจนมืดทึบไปหมด

ผู้กองอังคารคลานอย่างรวดเร็วจี๋เข้าไปในช่องประตูแล้วฉากแวบเข้าไปนั่งพิงผนังห้องสงบเงียบอยู่อย่างระมัดระวัง

ควันสีเหลืองยังคละคลุ้งเต็มห้องไปหมด สักอึดใจใหญ่ ๆ เจ้าควันดังกล่าวก็ค่อย ๆ ลามเลียออกไปนอกช่องประตูจนหมดสิ้น

" ซิลเวีย-อึ้ง " นอนฟุบหน้าอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนถูกขยุ้มเป็นก้อนแล้วใช้อุดจมูก...ปืนพกเก็บเสียง " เบรานิ่ง " ของนอร์แมนที่ใช้ยิงประตูตกอยู่ที่พื้น

ผู้กองอังคารชำเลืองดูนอร์แมนที่นอนงอก่องอขิงอยู่ที่พื้นยิ้มออกมานิดนึง ต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนก้าวสวบ ๆเข้าไปนั่งอยู่ปลายเตียง แล้วใช้ปลายท่อเก็บเสียงสะกิดเท้า ซิลเวีย-อึ้งเบา ๆ

" - ลุกขึ้นมาได้แล้วคนสวย ลืมหูลืมตาดูซะมั่ง...กะอีแค่ควันพรางตัวธรรมดา ๆ ก็ปอดแหกไปได้ "

ผู้กองอังคารพูดพลางใช้มืออีกข้างกระตุกปลายผ้าปูเตียงเต็มแรง

ซิลเวีย-อึ้ง ขยับตัว ผู้กองอังคารตะครุบลงไปบนข้อเท้า แล้วลากมาปลายเตียงสุดแรงเกิด

พอร่างของ ซิลเวีย - อึ้ง เลื่อนมาถึงปลายเตียง ผู้กองอังคารก็ขยุ้มปอยผม แล้วกระชากร่างของซิลเวียติดมือขึ้นมา ปากก็สำทับอย่างเฉียบขาด

" - หน้าตาของเธอก็สวยดีหรอก...เสียอยู่อย่างเดียว เสือกเข้ามาวุ่นวายอยู่ในแผ่นดินของกูทำไม "

ซิลเวีย-อึ้งไม่ตอบ เธอดิ้นอึกอัก อึกอัก มือทั้งสองพยายามยกขึ้นมาเป็นพัลวัน

ผู้กองอังคารเหน็บปืนที่ซอกเอวด้านหลัง แล้วใช้มือขวาโอบเอวซิลเวีย - อึ้ง ตวัดเข้ามาแนบอก มือข้างซ้ายกระชากปอยผมจนหน้าของหญิงสาวหงายเชิด

" - ไอ้สัตว์...ทำร้ายผู้หญิง...มึงแน่จริงลองปล่อยกูซิวะ "

ซิลเวีย อึ้ง...พูดพลางถ่มน้ำลายเข้าใส่หน้าของผู้กองอังคาร พร้อมกับออกแรงดิ้นอย่างสุดฤทธิ์

ผู้กองอังคารใช้มือขวาตบเปรี้ยงเข้าไปบนใบหน้าของซิลเวีย - อึ้ง สามทีซ้อน ๆ

" มีฤทธิ์นัก...แดกซ่นมือซะมั่ง...ขนาดมึงเป็นผู้หญิง...มึงยังล่อเจ้านายซะหมอบ "

ซิลเวีย - อึ้ง สะบัดหน้าไปตามแรงตบ...แต่ไม่ร้องซักคำ...เธอถ่มน้ำลายผสมเลือดเข้าใส่หน้าผู้กองอังคารแล้วสบถออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

" - แรงตบแค่นี้หยุดกูไม่ได้หรอกโว้ย วันนี้พวกมึงไม่รอดแน่...ประเดี๋ยวพวกกูก็จะแห่มาสับเนื้อพวกมึงออกเป็นชิ้น ๆ "

ซิลเวีย - อึ้ง พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงวิทยุดังแว่ว ๆ ขึ้นที่บริเวณหัวเตียง

" - ฮานอย จาก ฮานอย 10 ขณะนี้ตำรวจติดอยู่ที่กลางซอยระหว่างสะพานข้ามคลอง...พวกเราเผาสะพานทิ้งแล้วครับ "

ซิลเวีย - อึ้ง ขยับตัว...ผู้กองอังคารผลักร่างของหญิงสาวหงายหลังโครมลงไปบนเตียง แล้วใช้มือซ้ายล็อคแขนของซิลเวียเอาไว้แน่น-กอดก่ายร่างของสายลับ เค.จี.บี. ลงแนบกับที่นอน...มือขวาที่ว่างก็ควานขึ้นไปหาวิทยุที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนอย่างรวดเร็ว

วิทยุขนาดจิ๋วที่ออกแบบสร้างขึ้นมาในลักษณะของแท่งลิปสติคถูกล้วงออกมา...ผู้กองอังคารยกขึ้นมาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏเสียงวิทยุเรียกมาอีก

" ฮานอยจากฮานอย 10...พวกเราโดนโจมตีทางด้านหมู่บ้านเสรี...กำลังหนุนของเรายังเดินทางมาไม่ถึงจะวางแผนอย่างไรตอบด่วน "

ผู้กองอังคารหัวเราะก๊าก หยิบวิทยุทิ่มเข้าไปที่หูของซิลเวีย - อึ้ง แล้วคำรามออกมาด้วยเสียงลึก ๆ อยู่ในลำคอ

" - พวกของมึงโดนล้อมหมดแล้ว...คราวนี้ต่อให้มีปีกบินก็ไปไม่รอด "

ซิลเวีย - อึ้ง ไม่ตอบ เธอออกแรงดิ้นอย่างสุดฤทธิ์ผู้กองอังคารใช้มือกระชากเสื้อสุดแรงเกิด

" คว้าก "

เสื้อชุดเดินทางขาดลุ่ยติดมือออกมาเป็นแถบ...ซิลเวียร้องเสียงหลง แล้วผงกศีรษะก้มลงใช้ปากกัดแขนผู้กองอังคารเต็มแรง

ผู้กองอังคาร กระชากผมซิลเวีย-อึ้ง จนหน้าหงายพร้อม ๆ กับฉกริมฝีปากวูบเข้าหาปากที่เต็มอิ่มนั้น...มือข้างที่ว่างเลื่อนปร๊าดลงไปเบื้องล่าง กระตุกกระโปรงชุดเดินทางลุ่ยออกไปติดอยู่ที่หัวเข่า ต่อจากนั้นก็งอขาขึ้นมา ใช้ปลายเท้าเขี่ยกระโปรงหลุดลงไปกองอยู่ที่พื้นปลายเตียง

" - เอ้า...ดิ้น...ดิ้นเข้า ถ้าเธอขืนดิ้น ฉันจะถอดเธอให้เหลือแต่ชุดวันเกิด ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็เอา "

ผู้กองอังคารถอนริมฝีปากจากกระจับคู่งามที่เต็มอิ่มของซิลเวีย - อึ้ง แล้วเปลี่ยนคำพูดที่กระโชกโฮกฮาก เป็นคำพูดที่ค่อนข้างจะหวานหูขึ้นเป็นครั้งแรก

ซิลเวีย - อึ้ง ยังไม่ทันจะตอบว่าอะไร ผู้กองอังคารก็กระชากยกทรงที่วอมแวมอยู่ที่หน้าอกขาดแควกติดมือออกมา แล้วฉกริมฝีปากแวบลงไปบนจุดสีชมพูที่ผงาดท้าทายแสงฟูออร์เรสเซ่นอยู่นั้น

ซิลเวีย-อึ้ง สะดุ้งเฮือก ขยับตัวดิ้นอย่างสุดฤทธิ์...ปากก็ละล่ำละลักออกมาอย่างตื่นตระหนก

"อย่าค่ะ...อย่าทำอย่างนั้น...โปรดเถิด กรุณาอย่าทำแบบนั้น"

ผู้กองอังคารถอนริมฝีปากขึ้นมาจากเนินอกที่อวบอูมและขาวผ่อง นัยน์ตาส่งประกายวาววับแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม ผิดกับเมื่อกี้เป็นคนละคน

" - ซิลเวีย-อึ้ง...เธอก็พูดเพราะ ๆ เป็นเหมือนกันหรือนี่ ?...ขออย่างอื่นผมจะให้ได้ แต่อย่างนี้เห็นจะไม่มีทาง "

พอพูดจบผู้กองอังคารก็แนบคางลง แล้วใช้เคราที่ค้างโกนไซ้ไปบนเนินพระอุมาอย่างแผ่วเบา

เจอะลูกเล่นอันพิสดารของผู้กองอังคารบทนี้เข้าพยัคฆ์สาวเจ้าเล่ห์จากองค์การ เค.จี.บี. ก็แอ่นผวาขึ้นสุดตัวมือไม้ที่ถูกล็อคอยู่ขยับไปมาศีรษะหงายเริดปากก็พึมพำเป็นภาษามาเลย์ไม่ได้ศัพท์

ผู้กองอังคารขยับตัวปล่อยแขนที่ล็อคออก ซิลเวีย-อึ้ง ตวัดมือขึ้นโอบศีรษะผู้กองแน่น คล้าย ๆ กลับจะมีอารมณ์เผลอไผลกับความพิสวาสที่พุ่งขึ้นมาเหมือนทำนบแตกนั้น แต่พอผู้กองเผลอตัวก็ค่อย ๆ ยื่นมือควานหาวิทยุซึ่งตกอยู่ข้างหลังผู้กองอังคารทันที...

ทันใดนั้นเอง ใบมีดเรียวเล็กที่ใหญ่กว่าเข็มฉีดเล็กน้อย ก็เด้งโผล่ออกมาทางก้นของแท่งลิปสติค...ซิลเวีย-อึ้ง พลิกข้อมือกลับ กำแท่งลิปสติคแน่น หวังจะจ้วงแทงแผ่นหลังของผู้กองในขณะเผลอตัว

นอร์แมน ซึ่งนอนตาแป๋วอยู่ที่พื้นข้างล่างกระโจนผึ๋งขึ้นมาบนเตียงแล้วยกเท้าขึ้นข้างหนึ่งกระทืบโครมลงไปบนข้อมือที่ถือแท่งลิปสติคเต็มแรง...

ผู้กองอังคารเอี้ยวคอขึ้นไปมองนอร์แมนแล้วหัวเราก๊าก

" - ขึ้นมาของส่วนแบ่งหรือไง...เจ้านาย "

นอร์แมนใช้เท้าข้างที่ว่างเตะเข้าไปที่เอวของอังคารแล้วสบถออกมาด้วยความฉุนเฉียว

" - จะตายห่าอยู่แล้ว ยังไม่รู้สึกตัวอีก ผมนอนดูอยู่ตั้งนาน...โน่น แหกตาดูซะ เกือบป่นแล้วผู้กอง "

ในขณะที่พูด นอร์แมนก็ก้มลงไปหยิบแท่งลิปสติคขึ้นมาให้ดู

ผู้กองอังคารชำเลืองดูแท่งลิปสติค แล้วตบเปรี้ยงเข้าไปที่ซอกแก้มเต็มเหนี่ยว ต่อจากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระชากร่างของซิลเวียติดมือขึ้นมาด้วย

ยังไม่ทันจะทำอะไร ต่อไปก็ได้ยินเสียงคำรามของ "เอ็ม.72" ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ความดังและความรุนแรงของมันกลบเสียงปืนนานาชนิดที่กำลังสลุตกระสุนเข้าใส่กันระหว่างบ้านร้างกับบ้านสองชั้นให้เงียบเสียงลงโดยสิ้นเชิง

" - มัดมันทิ้งเอาไว้ในห้องนี่ก่อน...รู้สึกว่าพวกเราจะโจมตีบ้านร้างเข้าให้แล้ว"

นอร์แมนพูดพลางฉีกผ้าปูที่นอนออกเป็นชิ้น ๆ แล้วเริ่มมัดซิเวีย - อึ้ง อย่างรีบเร่ง...ผู้กองอังคารเดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเดินกลับเข้ามาที่ร่างของซิลเวีย ที่นอนงอก่องอขิงอยู่บนที่นอนพร้อมกับพูดออกมาเบา ๆ

" - ถ้าเธอโชคดีหลุดออกไปได้ อย่าลืมใส่เสื้อออกไปด้วย...โน่นในตู้มีเสื้อสตรีอยู่แยะ ขืนหลุดออกไปแบบนี้หมาฟัดตายห่า"

ซิลเวีย-อึ้ง ตะโกนด่าออกมาอย่างไม่นับ นอร์แมนหันมากระตุกแขนเสื้อผู้กองอังคาร แล้วกระโจนผึ๋งออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะก้มลงหยิบแท่งลิปสติคมหาภัยอันนั้นติดมือออกมาด้วย...

ผู้กองอังคารปราดไปที่วิทยุ ซึ่งเปิดเครื่องทิ้งเอาไว้ และมีเสียงไอ้โล้นกำลังแหกปากร้องลั่นอยู่พอดี

" - ผู้กอง...ผู้กอง...ผมจรวกรถปิคอัพของมันพังหมดแล้ว...ทำไมไม่ตอบ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ..."

อังคารหยิบปากพูดขึ้นมากรอกเสียงลงไปแทบไม่หายใจ

" - ไอ้โล้น...ระวังหน่วยหนุนของพวกมันกำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางหมู่บ้านเสรีอันเป็นเส้นทางเดียวกับมึง...รีบ ๆ จวกพวกมันเร็ว ๆ เข้า ตำรวจผ่านสะพานเข้ามาแล้วโว้ย "

บัดดลนั้นเอง ห่ากระสุนนับพัน ๆ นัดก็วิ่งพรูเข้าหาบ้านร้าง...ประกายไฟจากลูกกระสุนปืนสอง สอง วิ่งสวนกันไม่ขาดระยะ หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ ซี.ไอ.เอ. รายล้อมบ้านร้างเอาไว้ทั้ง 4 ด้าน แล้วเริ่มสลุตกระสุนเข้าใส่เป็นพายุบุแคม

มีเสียงไซเรนดังลั่นมาทางปากซอย พร้อม ๆ กับเสียงไอ้โล้นแหกปากร้องลั่นมาในวิทยุ

" - เจ้านาย...โปลิสมาแล้ว...ผมเห็นทีจะอยู่ไม่ไหวแน่...มีอะไรสั่งมาเลยครับ"

" - บอกให้พวกเราถอนตัวออกไปตามเส้นทางเดิม...ระวังหน่วยหนุนของพวกมันด้วย..."

นอร์แมน สำทับออกมาอย่างเฉียบขาด แล้วปราดเข้าไปหยิบ "เอ็ม. 72" ที่ผู้กองอังคารเพิ่งจะขนขึ้นมาจากห้องใต้ดิน...กดล็อคกางปืนจรวดแม็คนีโตออกเป็นสองท่อนต่อจากนั้นก็เดินโหย่ง ๆ เข้าไปที่ตู้เก็บเหล้า เปิดสวิทซ์ลดเกราะเหล็กด้านตรงกันข้ามบ้านร้างลงจนสุด

จากช่องหน้าต่างซึ่งเปิดโล่งอยู่นั้น มองเห็นซากรถปิคอัพมีไฟลุกโขมง...แสงสว่างจากกองไฟมองเห็นร่างตะคุ่ม ๆ นอนพาดอยู่บนตึกชั้นบนซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่อย่างถนัดชัดเจน...

นอร์แมน ยก "เอ็ม. 72" ขึ้นพาดหน้าต่าง ตาขวาแนบศูนย์เล็งเหนือลำกล้อง ส่วนผู้กองอังคารฉากแวบออกไปจากเบื้องหลังเพื่อหลบแรงสะท้อนถอยหลังที่จะพุ่งออกมาจาท้ายลำกล้อง

นอร์แมนเล็งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบรรจงเหนี่ยวไกอย่างใจเย็น ประกายไฟเหมือนกับผีพุ่งไต้วิ่งปร๊าดออกจากช่องหน้าต่าง เป้าหมายก็คือส่วนบนของตึกรางที่สว่างโพลนอยู่ท่ามกลางแสงไฟนั้น

" พรึ้ม "

เสียงระเบิดหนักและรุนแรงกระหึ่มขึ้นมาดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟสีเขียวปนส้มสว่างแวบแล้วกระจายออกไปรอบ ๆ ทิศ...ตัวตึกร้าง ไฟลุกพรึ่บขึ้นทั้งหลังเหมือนถูกอาบด้วยแสงไฟ

ผู้กองอังคารมองดูแล้วอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

" - เอ็ม.72 แน่รึ...หัวหน้า...ผมไม่เคยเห็นจริง ๆ ไอ้แบบที่ยิงแล้วลุกเป็นไฟแบบนี้ "

" - เอ็ม.72 สเปเชี่ยน...เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง...มีทั้งอำนาจการทำลายและอำนาจเผาผลาญทุกจุดที่กระสุนแม็กนีโตผ่านเข้าไปจะทำปฏิกริยาลุกไหม้ทันทีไม่ว่าจะเป็นวัสดุจำพวกไม้หรือซีเมนต์เนื้อแข็ง...ฉิบหายแล้วผู้กอง...ตำรวจมาโน่นแล้ว"

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนลดเสียงลงกระซิบกระซาบเบา ๆ พร้อมกับโยนกระบอกไฟเบอร์ "เอ็ม.72" ที่ยิงแล้วลงบนพื้น

เสียงไซเรนมาหยุดที่กึ่งกลางระหว่างบ้านร้าง ซึ่งไฟกำลังลุกโชนกับตึกสองชั้น ที่คนทั้งสามซ่อนตัวอยู่ตามติด ๆ ด้วยรถปิคอัพหลังคาสูงอีกหนึ่งคัน

รถจอดยังไม่ทันสนิท กลุ่มตำรวจก็พากันลงมาจากรถ แล้ววิ่งเข้ามารายล้อมด้านหน้าของตัวตึกทั้งสองเอาไว้อย่างรวดเร็ว

" - ปิดห้องใต้ดิน ขนอาวุธหนักลงไปซ่อนให้หมดสถานีย่อยของเราแห่งนี้เป็นเอกเทศ ไม่มีใครเคยรู้ความตื้นลึกหนาบางขององค์การเรา...ขณะนี้เราอยู่ในคราบของโจร...ผู้กองตาดีก็ได้ ตาร้ายก็เสีย...ประเดี๋ยวผมจะแหกออกไปทางเบื้องหลัง"

นอร์แมนพูดพราง เดินเข้าไปหยิบปืนเบรานิงค์เก็บเสียงที่ลืมอยู่ในห้องของซิลเวีย - อึ้ง แล้วเดินกลับออกมาสมทบกับผู้กองอังคาร ซึ่งกำลังแหวกม่านหน้าต่างดูการเคลื่อนไหวของตำรวจอย่างระมัดระวัง

" - แล้ว ซิลเวีย-อึ้ง ล่ะ...หัวหน้า"

" - ปล่อยเธอเอาไว้ที่นี่...ผมเชื่อเหลือเกินว่าเธอจะต้องเอาตัวรอดจากการสอบสวนได้...เพราะฉากหน้าของเธอเป็นนักร้องที่เดินทางเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว"

นอร์แมนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่สายตาจ้องเขม็งไปที่ถนนสายหน้าบ้านอย่างระแวดระวัง

"โปรดทราบ ทุกคนที่อยู่ในบ้านทั้งสองโปรดออกมาพบกับเจ้าหน้าที่เดี๋ยวนี้...ยกมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วเดินออกมาด้วยมือเปล่า เรามีเวลาให้พวกท่านเพียง 3 นาที ถ้าพวกท่านเป็นสุจริตชน...ท่านจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานโดยเคร่งครัด"

เสียงประกาศจากเครื่องกระจายเสียงขนาดกระเป๋าที่ใช้ถ่านไฟฉายดังกังวานอยู่เบื้องนอก...เสียงประกาศซ้ำอยู่ 2 เที่ยวก็หยุด ต่อจากนั้นก็มีสปร์ตไล้ท์ส่องเข้ามาในตึกสองชั้นที่คนทั้งสามซ่อนตัวอยู่ แล้วส่องกราดไปทั่วอาณาบริเวณอยู่ตลอดเวลา

" - พวกเราคงจะถอยไปหมดแล้ว และรู้สึกว่าพวกมันที่ตึกหลังโน้นคงจะสูญเสียทั้งหมด...นี่คือประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของปืน "เอ็ม.72" ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ จากนักประดิษฐ์ของฝ่ายเรา"

นอร์แมนพูดพลางเอื้อมมือหยิบ "เอ็ม - 72" อีกกระบอกที่วางอยู่บนเก้าอี้นวมขึ้นมาถือเอาไว้อยู่ในมือ

ผู้กองอังคารชำเลืองดูแว่บหนึ่ง แล้วเอ่ยปากถามอย่างเคลือบแคลงใจ

" - หัวหน้าจะใช้ "เอ็ม-72" นี่ยิงตำรวจที่อยู่ข้างนอกหรือครับ"

" - ก็เราไม่มีทางเลือกนี่...ผู้กอง ลำพังเราสองคนนี่ถ้าขืนแหวกออกไปก็พังเท่านั้น"

นอร์แมนพูดพลางกดปุ่มล็อคพร้อมกับดึงกระบอกไฟเบอร์ให้กางออกเป็นสองท่อน

ผู้กองอังคารกระชากลูกเลื่อนปืน "เบรานิง-ไฮเพาเวอร์" ดัง "แคร้ง" แล้วจี้หมับเข้าไปที่หัวขมองของนอร์แมน พลางคำรามออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม

" - วางปืนลง...หัวหน้า...ผมเป็นคนไทยทั้งเชื้อชาติและสัญชาติ...เท่าที่เข้ามาร่วมแผนการกับหัวหน้าก็เนื่องจากหน่วยเหนือเล็งเห็นความพินาศฉิบหายอันจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เนื่องจากลัทธิคอมมิวนิสต์...ผมสามารถที่จะฆ่าอ้ายและอีทุกผู้ที่เป็ยภัยต่อประเทศชาติของผม แต่จะให้ผมเข่นฆ่าหรือดูคนอื่นเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อหน้าแบบนี้ไม่ได้...ถ้าหัวหน้าไม่เปลี่ยนใจ...ผมจะฆ่าหัวหน้าเดี๋ยวนี้"

นอร์แมนจ้องตาผู้กองอังคารเขม็ง แล้วค่อย ๆ วางปืน "เอ็ม.72" ลงบนเก้าอี้ ผู้กองอังคารยกเท้าถีบเก้าอี้ให้เลื่อนห่างออกจากตัวแล้วลดปืนลง...พูดต่อไปอีกอย่างยืดยาว

" - ผมอาจจะผิดที่กระทำกับหัวหน้าแบบนี้...เรามาสมมุติกันอย่างง่าย ๆ ลองเปลี่ยนให้หัวหน้ามาเป็นผมแล้วบังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หัวหน้าจะทำเช่นไร ?...ผมเป็นคนไทย อาชีพรับจ้างรบคืออาชีพหลักของผม แต่ถ้ามันเลยเถิดจนกระทั่งถึงกับทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำตามหน้าที่...ผมยอมไม่ได้...เสร็จจากงานวันนี้ หัวหน้าอาจจะฉีกสัญญาว่าจ้างของผมทิ้ง"

นอร์แมนหัวเราะก๊าก เอื้อมมือมาตบที่แขนของผู้กองอังคารเบา ๆ พร้อมพูด

" - ผู้กอง เป็นคนรักชาติ...ขอให้รักชาติแบบนี้ตลอดไปเถิด...คนเราเกิดมาถ้าไม่มีสรณะ และยิ่งที่ยึดมั่นแบบผู้กองผมเห็นเสียคนมาเยอะแล้ว...คนดี ๆ แบบนี้ ถ้าผมไม่จ้างแล้วผมจะไปสรรหาจากสวรรค์ที่ไหน...โน่น...เครื่องกระจายเสียงซ่อนอยู่ในตู้ยาโน่น...ผู้กองพูดออกไปว่า พวกเรายึดผู้หญิง นักร้องสิงคโปร์เป็นตัวประกัน...ถ้ายิงเข้ามาอาจจะถูกผู้หญิง"

ผู้กองอังคารเผ่นพรวดเข้าไปที่ตู้ยา แล้วเปิดออกยื่นมือเข้าไปสวิทช์ดึงไมโครโฟนขนาดเล็กออกมากรอกเสียงลงไปอย่างเฉียบขาด

" พวกผมยึดตัวนักร้องจากสิงคโปร์เป็นตัวประกัน...อย่ายิงเข้ามาเป็นอันขาด เมื่อครบ 3 นาที ผมจะติดต่ออีกครั้ง "

ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีเสียงประกาศสวนกลับเข้ามาอย่างเฉียบขาด

" - เหลือเวลาอีก 2 นาที ถ้าครบกำหนดเวลาแล้วไม่ยอมจำนน เจ้าหน้าที่จะระดมยิงทันที"

" - ยกแผ่นเกราะด้านหน้าขึ้นผู้กอง...ตำรวจยิงพวกเราแน่ ๆ...เสียงปืนบ้านโน้นเงียบเสียงลงแล้ว...คราวนี้ถึงคราวเราบ้างล่ะ"

นอร์แมนพูดพลางถอดแม็กกาซีน ปืนเก็บเสียงออกมาตรวจดู แล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋า ผู้กองอังคารซึ่งยืนมองอยู่รีบล้วงแม็กกาซีนสำรองออกมาจากซองพกพิเศษ ที่ซอกขาด้านซ้ายมือ แล้วส่งให้ทั้งสองอันต่อจากนั้นก็เดินไปที่สวิทช์เลื่อนเกราะเหล็กขึ้นปิดผนังด้านหน้าที่ติดกับถนนสายหน้าบ้านทันที...

"เหลืออีกหนึ่งนาทีครึ่ง"

เสียงประกาศเฉียบขาดดังขึ้นอีก...พร้อม ๆ กับสปอร์ตไลท์ฉายกราดเข้ามาสว่างเป็นทาง

ผู้กองอังคารขบกรามแน่น ตวัดปืนขึ้นเหนือเพดานเหนี่ยวไกอย่างนิ่มนวล

"ปึด"

ช่อไฟกลางเพดานห้องขาดสะบั้นตกลงมาแตกกระจายอยู่กับพื้น

แสงสว่างภายในห้องหายวับไปในบัดดล แต่รอบ ๆ บริเวณกลับสว่างจ้าด้วยแสงสปร์ตไลท์ที่ส่องกราดเข้ามาอย่างชนิดต่อเนื่องกัน

ตำรวจไม่มีเวลาต่อรองให้กับผู้ที่ซุกซ่อนอยู่ในตึกสองชั้นอีกแล้ว การจงใจยิงหลอดไฟเป็นการตัดสินใจของฝ่ายที่ถูกล้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าส่งระดมยิงทันที

สรรพสิ่งภายในตัวตึกนอกเกราะเหล็กพังพินาศ หลังคากระเบื้องฉีกขาดออกทั้งกะบิแล้วร่วงเกรียวกราวไม่ขาดระยะ หัวทองแดงนานชนิดกระทบแผ่นเกราะเสียงดังเฟี้ยวฟ้าว เหมือนกับเสียงเปรตทวงวิญญาณ

นอร์แมนยืนจังงังเหมือนโดนผีหลอกยังไม่ทันขยับตัว ผนังด้านข้างซึ่งยังไม่ได้เอาเกราะลงก็โดนกระสุนทะลวงเข้ามาเป็นห่าฝน...

ผู้กองอังคารกระโจนกระแทกนอร์แมนล้มคว่ำลงไปกับพื้น ลูกปืนทะลุบานหน้าต่างเข้ามาเป็นสาย...ม่าน...ผ้าบังตา ลวดฉลุ ขาดออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนกับโดนขวานจาม

"เอาเกราะทั้งหมดลง...ผู้กอง"...

นอร์แมนตะโกนเสียงหลง...ผู้กองอังคารคลานเร็วจี๋ไปที่สวิทช์...พอจะเอื้อมมือขึ้นไปก็ต้องหดหัวลงมาแนบพื้น เนื่องจากตู้เก็บเหล้า โดนกระสุนที่ทะลุทะลวงเข้ามาขาดเหว่ออกเป็นทาง และแนวกระสุนเริ่มต่ำลงทุกนาทีจนผู้กองต้องพลิกตัวไปตามพื้นสามสี่ทอด แล้วนอนคว่ำหน้าสงบนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ

นอร์แมนคลานเข้าไปหาสวิทช์แล้วโหย่งตัวขึ้นกดแต่ปรากฏว่า แผ่นเกราะเหล็กไม่ทำงาน...เขาสบถออกมาอย่างฉุนเฉียว

" - ฉิบหายแล้ว...ผู้กอง...เกิดขัดข้องแผ่นเกราะไม่ทำงาน...ขืนอยู่บนนี้ถูกยิงพรุนแน่ "

ผู้กองอังคาร ไม่ตอบ...เขาคลานเร็วจี๋เข้าไปที่ห้อง ซิลเวีย-อึ้ง แล้วหิ้วหุ่นโชว์เสื้อกิโมโนออกมา...ต่อจากนั้นก็ใช้หมวกของนอร์แมน คลุมลงไปแล้วค่อย ๆ วางหุ่นลงบนพื้นใช้มือผลักให้หุ่นเลื่อนเข้าหาบานหน้าต่าง ๆ ด้านที่ติดกับบ้านร้างซึ่งขณะนี้ไฟกำลังลุกโชน

ชั่วพริบตา - เดียว หน้าต่างเกล็ดกระจกบานนั้นก็ถล่มแตกเกรียวกราว หมวก...หุ่นกิโมโน กระเด็นล้มกลิ้งลงกับพื้น ทั่วทั้งตัวหุ่นฉีกขาดกระจุยกระจายจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้

อา ! เพชฌฆาตรับจ้างและหัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูร ตกอยู่ในห่ากระสุนของเจ้าหน้าที่ตำรวจหัวหมากเสียแล้ว...

"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428


บันทึกการเข้า

สมิง วังม่วง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

กระทู้: 7628


tel. 0861810566


« ตอบ #11834 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2015, 06:37:23 AM »

 เรื่องดับรามสูร นวนิยายยอดฮิต จาก ไทยรัฐ โดย สยุมภู ทศพล

ขอขอบคุณและขออนุญาติเผยแพร่หนังสือดีๆไม่ให้หายสาปสูญไป ขอขอบคุณ คุณ สยุมภู ทศพล

ผมขอขอบคุณร้าน สุหนังสือเก่า http://www.su-usedbook.com/ ที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ดับรามสูร เล่มที่ 1 ตอนที่ 15

ผู้กองอังคารนอนนิ่งฟังเสียงปืนอยู่ชั่วอึดใจก็คลานเข้าไปลากหุ่นโชว์เสื้อที่โดนยิงขาดกะรุ่งกะริ่งขึ้นมาตั้ง แล้วใช้เท้าเขี่ยหมวกนอร์แมนที่กระเด็นอยู่ข้าง ๆ โต๊ะขึ้นมาถือเอาไว้อยู่ในมือ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็สวมหมวกครอบลงไปบนหุ่นแล้วค่อย ๆ เลื่อนไปยังหน้าต่างด้านตรงกันข้ามกับที่โดนระดมยิงเมื่อกี้นี้

ลำแสงสปอร์ตไลท์เริ่มสาดเข้ามาเป็นทางชั่วอึดใจรัศมีของมันก็จับเข้าที่ส่วนหัวของตัวหุ่นเข้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ

เสียงกัมปนาทสะเทือนเลื่อนลั่นปานประหนึ่งฟ้าจะถล่มก็ได้คำรามขึ้นอีกครั้ง...ม่าน...บานเกล็ด กรอบหน้าต่างกระเด็นฉิว เหมือนกับโดนพายุหมุน หุ่นโชว์ชุดกิโมโนกระเด็นถอยหลังออกมาแล้วกลิ้งอยู่ที่พื้น...ส่วนหน้าอกที่มีลักษณะอวบอูมเหมือนกับทรวงอกผู้หญิงแหว่งออกไปทั้งกระบิ

แนวกระสุนที่ประสานการยิงอย่างหนักหน่วงทะลุทะลวงสรรพสิ่งภายในห้องรับแขกแตกกระจายเสียงดังเปรื่องปร่างไม่ขาดระยะ นอร์แมนซึ่งโหย่งตัวลุกขึ้นรีบกระโจนลงไปซุกหน้าอยู่กับพื้น ปากก็สบถออกมาอย่างฉุนเฉียว

" - ฉิบหายเราโดนล้อมหมดแล้ว ผู้กอง...ยังเหลือด้านหลังบ้านอีกทางเดียว...ถ้าไม่รีบแหกออกไปทั้งผมและผู้กองป่นแน่ ๆ "

ผู้กองอังคารยังไม่ทันจะตอบ ประสาทหูก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของอสนีบวาตฟาดเปรี้ยงขึ้นมา ดังสนั่นหวั่นไหวพร้อม ๆ กับพายุฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างกับท้องฟ้าร่วง ละอองสาดเข้ามาในหน้าต่างมองเห็นเป็นสายอยู่ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ที่ฉายกราดอยู่ไม่ขาดระยะนั้น

" - เทวดาโปรดแล้ว - หัวหน้า หน่วงเวลาเอาไว้อีกนิดแล้วค่อยแหกออกไป "

ผู้กองอังคารพูดพลางคลานเร็วจี๋เข้าไปทางมุมห้องน้ำ ในขณะที่นอร์แมนลากโซฟาร์อีกตัวเข้าไปชิดหน้าต่างแล้วกระหน่ำยิงด้วยปืนเก็บเสียงลงไปยังดวงไฟที่สาดขึ้นมาอยู่นั้น...

" ปึด..ปึด..ปึด...ปึด "

สี่นัดซ้อน ๆ สปอร์ตไลท์สองดวงที่สาดจ้าอยู่ดับมืดลงทันที

นอร์แมนมองดูแสงไฟจากลำกล้องปืนที่วอมแวมอยู่ตามจุดต่าง ๆ แล้วขบกรามด้วยความเดือดดาลใจ ขยับปืนจ้องเขม็ง แต่ยังไม่ทันจะยิงผู้กองอังคารก็ลุกขึ้นยืนสลุตกระสุนลงไปยังแสงไฟวอมแวมอยู่ตามแนวรั้วเสียก่อน...

" - ยิงเลย...หัวหน้า...แต่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ผมขอร้องหัวหน้าให้ยิงสูง ๆ หน่อยนะครับ "

ผู้กองอังคารพูดพลางพลิกตัวไปตามพื้นสามสี่ทอดแล้วผลุบตัวเข้าไปในห้องน้ำปิดประตู โหย่งตัวขึ้นเปิดหน้าต่างเผยอดูเหตุการณ์ทางเบื้องหลังด้วยอาการระมัดระวัง

ฟ้าแลบแพล็บ ๆ...ความสว่างไสวที่ขอบฟ้าทำให้เขามองเห็นร่างที่วอมแวมอยู่ตามรั้วพู่ระหงเข้าอย่างถนัดถนี่

ลักษณะการแต่งตัว ไม่ใช่ตำรวจอย่างแน่นอนเพราะทั้งสี่คนที่ซุ่มคอยที่อยู่ที่นั้นไม่สวมหมวก อันผิดปกติธรรมดาสามัญของตำรวจที่ออกปฏิบัติหการในเวลากวาดล้างอย่างสิ้นเชิง

แล้วพวกมันทั้งหมดเป็นใคร ? นี่คือปัญหาที่ผู้กองอังคารยังขบคิดไม่ออกอยู่ในขณะนั้น...

รึว่าจะเป็นไอ้โล้นกับไอ้แสบที่พาลูกทีมเข้ามาช่วยเหลือเขากับนอร์แมนทางด้านหลัง

ปัญหาอันหนักอึ้งประดังเข้ามาในคราวเดียวกัน ผู้กองอังคารใช้ความคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจเด็ดขาดวินิจฉัยลงไปได้ในทันทีทันใดว่า พวกมันทั้งหมดเป็นคนของ เค.จี.บี. ที่ย้อนรอยเข้ามาซุ่มเล่นงานเขาอย่างแน่นอน

" - หัวหน้า...ไอ้พวกเหี้ยหนักแผ่นดินซุ่มอยู่ที่รั้วพู่ระหงโน่นสี่คน ถ้าเราแหกออกไปไม่ได้ภายในสองสามนาทีนี้...ไม่โดนตำรวจซิวก็โดนไอ้พวกเหี้ยโน่นฆ่าตายหมด "

อังคารพูดพลางคลานออกมาจากห้องน้ำ นอร์แมนคลานเร็วจี๋เข้ามาสมทบ ยังไม่ทันจะพูดอะไร ทั่วทั้งห้องก็สะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนกับแผ่นดินไหว

เก้าอี้รับแขก กรอบรูป...ตู้เก็บเหล้า และเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ภายในห้องรับแขก ฉีกกระจุยกระจายไม่มีชิ้นดีเนื่องจากอำนาจของ "เอ็ม.79" ที่ชิมลางเข้ามาเป็นนัดแรกนั้น

ผู้กองอังคารกับนอร์แมนล้มลุกคลุกคลานมายังอีกด้านหนึ่งของหน้าต่าง แล้วไปหมอบอยู่ข้าง ๆ กัน หายใจหอบฟืดฟาดเหมือนกับคนที่ผ่านการวิ่งระยะไกลมาอย่างสด ๆ ร้อน ๆ

ฟ้าคะนองเบื้องนอกแลบขึ้นวูบหนึ่ง ทำให้มองเห็นใบหน้าอันชุ่มไปด้วยละอองน้ำฝนของกันและกันได้ชั่ววิบตา

และวิบตานั้นเอง นอร์แมนก็มองเห็นผู้กองอังคารกำวัตถุทรงกลมสีทึบอยู่ในอุ้งมือที่เปียกชุ่มนั้น

" เอ็ม. 26 "

นอร์แมนอุทานออกมาเบา ๆ แล้วพูดต่อไปอีก

" - นั่นคุณจะใช้ลูกระเบิดแหกด้านหลังออกไปรึยังไง ถ้าเกิดเป็นตำรวจหรือพวกมิสเตอร์โล้นละก็เรื่องมันจะยุ่งนา...ผู้กอง"

" - ไม่ใช่ตำรวจ...และก็ไม่ใช่ไอ้โล้น ผมรู้สันดานลูกน้องของผมดี...ถ้าเป็นไอ้โล้นป่านนี้มันพาพวกแหกเข้ามาเล่นสงกรานต์เลือดกับผมที่นี่แล้ว...ประเดี๋ยวเถอะ กูจะสมนาคุณไอ้พวกเหี้ยหนักแผ่นดินให้แสบไส้ไปเลย"

ประโยคสุดท้าย ผู้กองอังคารคำรามออกมาในเงามืดเห็นแต่ฟันขาวสว่างโพลงบนดวงหน้าที่ซชุ่มไปด้วยละอองฝนนั้น

" - ผู้กองจะเอายังไง...ขืนทะเร่อทะร่าออกไปทางประตูหลังแบบนี้เสร็จมันแน่ "

ผู้กองอังคารนิ่งอยู่ชั่วอึดใจก็โพล่งออกมาเหมือนอย่างตัดสินใจเด็ดขาด

" - ผมจะวิ่งชาร์จออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง หัวหน้าคอยคุ้มกันในห้องน้ำก็แล้วกัน...ดวงดีก็รอด ดวงจู๋ก็ให้พวกมันฝังผมอยู่ที่ขอบรั้วโน่น...หัวหน้าเข้าไปดูในห้องน้ำก่อนดีกว่าครับ "

อังคารพูดพลางกลิ้งตัวเข้าไปหมอบอยู่ที่หน้าต่างด้านที่เคยปีนออกไปฆ่าคนทำสวน ส่วนนอร์แมนคลานเร็วจี๋เข้าไปที่โต๊ะรับแขกแล้วคว้า "เอ็ม. 72" และปืน "เอ็ม. 16" ที่วางอยู่ติดมือเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

จากหน้าต่างที่เผยออกเล็กน้อย นอร์แมนสามารถตรวจการณ์เห็นเงาวอมแวมของกลุ่มคนทั้ง 4 อย่างถนัดชัดเจน เขาให้สัญญาผู้กองอังคารออกไปเบา ๆ แล้วยก เอ็ม. 16 ขึ้นพาดขอบหน้าต่าง รอจังหวะอยู่ด้วยความใจเย็น

ผู้กองอังคาร ถอดกลอนหน้าต่างด้านหลังออกแล้วชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ถอยหลังกลับมาหยิบหุ่นโชว์เสื้อกิโมโนทุ่มโครมออกไปทางหน้าต่างสุดแรงเกิด

" โครม "

หุ่นโชว์เสื้อลอยละลิ่วหลุดออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับที่ประสาทหูของเขาได้ยินเสียงลั่นเปรี๊ยะราวกับฟ้าผ่าดังสวนเกียวกราวออกมาจากภายนอกบริเวณรั้วพู่ระหง

ผู้กองอังคารแยกเขี้ยวอยู่ในความมืด แล้วหัวเราะหึ ๆ ออกมาอย่างสะใจ เมื่อได้ยินเสียงปืน "เอ็ม. 16" ของนอร์แมนคำรามกึกก้องอยู่ในห้องน้ำ

เสียงรัวถี่ยิบอยู่ครู่หนึ่งก็เงียบหายเป็นปลิดทิ้งพร้อม ๆ กับนอร์แมนวิ่งหน้าเหรอหราออกมา ปากก็ร้องตะโกนขึ้นมาสุดเสียง

" ผมเป่ามันดับไปหมดแล้วผู้กอง เร็ว...วิ่งชาร์ทออกไปเลย "

แทบไม่ต้องพูดอะไรกันให้เสียเวลา...สถานการณ์ที่กำลังบังเกิดขึ้นบีบบังคับให้เขาต้องตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง...พอสิ้นคำพูดของนอร์แมนสัญชาตญาณอันเคยชินก็บังคับให้เขากระโจนผึ๋งผ่านหน้าต่างออกไป เหมือนกับนักกายกรรมชั้นเยี่ยมของโลก

ผู้กองอังคารหกตัวกลับกลางอากาศแล้วหล่นตุบลงไปนอนจุกแอ็ด ๆ อยู่ในซุ้มพุทธรักษาที่รกรุงรัง ตามติด ๆ ด้วยหัวหน้าข่าวกรองค่ายรามสูรที่กระโจนลงมานอนพังพาบอย่างชนิดดูไม่ออกว่า ออกหัวหรืออกก้อยกันแน่

เสียงคำรามของกระสุนดังเซ็งแซ่อยู่เบื้องหน้าประกายไฟแลบเป็นทางแนวกระสุน ฉีกกอพุทธรักษาที่อยู่ข้าง ๆ บุคคลทั้งสองแหลกยับเป็นทาง...

นอร์แมนคลานฉากแวบออกไปทางขวามือผู้กองอังคารข่มความจุกเสียดคลานตามไปติด ๆ ตลอดเวลาที่พยายามปลีกหนีจากหัตถ์พญามัจจุราชอยู่นั้น เขามืดไปหมดทั้งแปดด้าน มองทั้งแปดด้าน มองเห็นแต่สภาพของตัวเองที่คลานกระเสือกกระสนฝ่าแนวกระสุนและพายุฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนกับจะต้อนรับวิญญาณของเขาไปยังขุมนรก

" - ไอ้ฉิบหาย ผมนึกว่าเก็บพวกมันหมดแล้ว...ที่ไหนได้ ยังเหลืออยู่อีกจมหูเลยผู้กอง...เจ็บหรือเปล่าไหวมั้ย ? "

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับหยุดนิ่งคอยผู้กองอังคารอยู่ที่กระถางลายครามขนาดใหญ่ที่แตกครึ่งใบ ใส่ดินจนเต็มแล้วมีต้นมะนาวปลูกอยู่งามสะพรั่ง

ผู้กองอังคารสั่นหน้าในทำนองว่า ไม่เป็นอะไรแล้วกระชากร่างของนอร์แมนลงไปที่ซอกกระถางเมื่อมองเห็นแสงไฟจากปากลำกล้องปืนที่บริเวณรั้วพู่ระหง สว่างแลบขึ้นมาเป็นทางอีก

ต้นมะนาวขาดฉิวเหมือนกับโดนมฟาดด้วยดาบซามูไรกระสุนบางนัดทะลุกระถางลายคราม แต่เนื่องจากอำนาจของดินที่อัดแน่นอยู่ในกระถางทำให้บุคคลทั้งสองรอดพ้นจากอำนาจทะลุทะลวงของกระสุนปืนไปอย่างหวุดหวิดเหมือนกับปาฏิหาริย์

" - นิ่งอยู่กับที่ก่อนหัวหน้า...บางทีมันอาจจะนึกว่าพวกเราโดนกระสุนชุดนี้ก็ได้"

ผู้กองอังคารพูดพรางดึงห่วงสลักนิรภัยของ " เอ็ม. 26 " ออกโยนทิ้ง แล้วกำทูตมฤตยูผิวเกลี้ยงเอาไว้แน่น

ชั่วอึดใจก็มีเสียงพูดกันพึมกำอยู่ไม่ห่างเท่าใดนักพร้อมกับมีแสงไฟฉายสาดเข้ามาที่กระถางลายครามเป็นทาง

ผู้กองอังคารแยกเขี้ยว คลายมือที่กำลูกระเบิดออกแล้วปล่อยให้กระเดื่องตีกลับเสียงดังเพลียะต่อจากนั้นก็นับออกมาเบา ๆ

"หนึ่ง...สอง...สาม"

พอนับถึงสาม ผู้กองอังคารก็โยนลูกระเบิดลอยละลิ่วไปยังแนวพู่ระหงทันที

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในขณะที่กระเดื่องตีกลับ ระเบิดมือจะใช้เวลาทำงานประมาณ 4 วินาทีจึงจะระเบิด...ผู้กองอังคารตัดสินใจเสี่ยงกับความตาย ด้วยการถ่วงเวลาให้เหลือเพียงหนึ่งวินาที จึงโยนลูกระเบิดออกไป

และมันก็ได้ผลเกินคาด แทนที่ลูกระเบิดจะตกแล้วระเบิด กลับระเบิดกลางอากาศ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

" บึ้ม "

สะเก็ดระเบิดสาดลงมาจากเบื้องบนเหมือนกับห่าฝนเหล็ก...เสียงแหกปากร้องดังขึ้นมาฟังไม่ได้ศัพท์...นอร์แมนซึ่งหิ้ว " เอ็ม. 16 " ลงมาด้วยผลุดลุกขึ้นยิงสวนตอบออกไปอย่างชนิดไม่เลี้ยง

ไม่มีเสียงปืนนยิงตอบกลับมาจากเพชฌฆาตของ เค.จี.บี. สังเกตเห็นแต่แสงไฟฉายหล่นวูบจากระดับเดิมลงไปทอดลำแสงอยู่ที่พื้น และเปิดค้างอยู่เช่นนั้นอย่างน่ากังขา

นอร์แมนฟุบตัวลงหมอบนิ่งอยู่ชั่วอึดใจก็กระตุกแขนผู้กองอังคาร พอทั้งคู่ขยับตัวลุกขึ้นทั่วทั้งอาณาบริเวณก็สว่างไสวไปด้วยแสง " แฟลร์ " ซึ่งถูกยิงโด่งขึ้นมาลอยคว้างอยู่เหนือศีรษะนั้น...

" - อย่าเพิ่ง...หัวหน้า...รอให้ "แฟลร์" ดับเสียก่อน...ค่อยไป"

ผู้กองอังคารกระซิบพลางกดศีรษะที่ใสแจ๋วเหมือนกับกระจกของนอร์แมนให้ซุกต่ำลงกับพื้น

แฟลร์ขนาด 10,000 แรงเทียน เริ่มลอยต่ำลงทุกขณะ พอร่มชูชีพขนาดเล็กที่พยุงลูกแฟร์กระทบพื้นสิ้นแสงลง ทั้งคู่ก็กระโจนผึ๋งขึ้นจากกระถางลายครามวิ่งเข้าหาแนวรั้วพู่งระหงสุดแรงเกิด

ก่อนจะถึงรั้วพู่ระหงเพียงเล็กน้อย ลูกแฟลร์ก็ถูกยิงโด่งขึ้นไปสว่างจ้าอยู่เหนืออาณาบริเวณดังกล่าวอีกครั้งรัศมีที่สว่างไสวของมันสาดให้เห็นร่างทั้งสองที่กำลังตาลีตาเหลือกวิ่งหนีอย่างถนัดชัดเจนเหมือนกับกลางวัน

เสียงระเบิดถี่ยิบจากปืนตำรวจครางระงมขึ้นอีกครั้ง...เป้าหมายก็คือร่างทั้งสองซึ่งกำลังปาฏิหาริย์ลอยละลิ่ว กระโดดข้ามรั้วพู่ระหงไปยังอีกด้านหนึ่งอย่างชนิดลืมตาย

ร่างของผู้กองอังคารหมุนคว้างผ่านพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วร่วงตูมลงไปในคูน้ำที่กำลังเอ่อด้วยน้ำฝนนั้น...

ผู้กองอังคารจมดิ่งลงไปก้นบ่อ เสียงปืนที่ระเบิดเอ็ดอึงเหมือนกับโลกถล่มเงียบหายไปราวกับปลิดทิ้ง พอร่างของเขาสัมผัสกับโคลนก้นบ่อ ก็ขยุ้มมือลงไปในโคลนกดตัวเองแน่นิ่งอยู่ในน้ำ ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดชั่วคราว...ชั่วอึดใจก็มีมือลึกลับควานเข้ามากระทบกับร่างของเค้า แล้วก็ถูกดึงขึ้นมาจากผิวน้ำ ต่อจากนั้นก็โดนลากเข้าไปในกอหญ้าทึบที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม

" - ถูกปืนหรือเปล่า...ผู้กอง "

นอร์แมนกระซิบถามพลางพยุงเข้าปีก พาเขาเดินบุกหญ้าทึบ มุ่งหน้าไปยังความมืดทะมึนที่อยู่เบื้องหน้า

ประสาททุกส่วนเริ่มชาดิก...บริเวณแผ่นหลังเหนือบ่าขวาขึ้นมาเริ่มปวดหนึบ ๆ เหมือนกับผิวหนังจะระเบิดความรู้สึกบอกกับตัวเองว่า ขณะนี้เขาโดนกระสุนปืนจากตำรวจเข้าให้แล้ว

" - รู้สึกว่าจะโดน...หัวหน้า...ไม่เป็นไรผมพอ...อึบ "

ประโยคสุดท้าย...คำพูดของเขาหายไปดื้อ ๆ เหมือนกับหนังขาด ประสาทที่ตื่นเพริดอยู่ทำท่าจะเป็นอัมพาตไปโดยกะทันหัน

" - ผู้กอง...ผู้กอง...แข็งใจหน่อย...อีกนิดเดียวก็พ้นดงหญ้าแล้ว"

เสียงนอร์แมนดังแว่ว ๆ อยู่ที่ริมหู...ผู้กองอังคารกัดกรามแน่น โซซัดโซเซตามนอร์แมนไปยังหุบร่องน้ำซึ่งรกรุงรังไปด้วยหญ้าและผักตบที่หนาแทบจะเหยียบไม่ถึงพื้น

เสียงปืนที่ครางระงมอยู่เบื้องหลังค่อย ๆ ห่างลงแล้วก็เงียบสงัดลงเป็นปลิดทิ้ง

เงียบ และเงียบจนอังคารได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ความเจ็บทวีขึ้นจนกระทั่งเขาต้องกัดริมฝีปากแน่น ก้าวแต่ละก้าวดูเหมือนจะลำบากยากเย็น จนกระทั่งตัวเขาเองทรุดลงไปในน้ำที่ลึกแค่หัวเข่าหลายต่อหลายครั้ง

มีเสียงสวบสาบดังแว่ว ๆ มาจากดงทึบเบื้องหน้า...นอร์แมนกระตุกร่างของผู้กองอังคาร ลงไปนอนอยู่ในน้ำ...แล้วกระซิบเบา ๆ

" - ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร...ผมได้ยินแต่เสียงผู้กองนอนเฉย ๆ อยู่นี่ก่อน ประเดี๋ยวผมจัดารเอง "

อังคารขบกรามแน่น พยายามจะพูด แต่พูดไม่ออกเขาอึกอัก ๆ อยู่ครู่หนึ่งก็ทิ่มหน้าลงไปใต้น้ำ ดิ้นขลุกขลัก ๆ สำลักน้ำอยู่ใต้แพผักตบนั่นเอง

นอร์แมนหิ้วคอเสื้อผู้กองอังคารขึ้นมาเหนือน้ำแล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงร่างของผู้กองเข้ามาพิงที่หน้าอก สายตาจ้องเขม็งไปเบื้องหน้าด้วยความระแวดระวัง

เงาของคน 3 คน สวมเสื้อฝนเดินท่อม ๆ อยู่เบื้องหน้า นอร์แมนขยับตัวยกปืนขึ้นเล็ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจกดศีรษะของผู้กองอังคารลงบังกอหญ้า พยายามทำตัวให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ นิ่งเงียบรอจังหวะอยู่ท่ามกลางสายฝนซึ่งกระหน่ำลงมาเหมือนท้องฟ้ารั่วนั้น

" ปัง...ปัง...ปัง...ปัง...ปัง "

เอ็ม. 16 คำรามแหวกพายุฝนขึ้นมาดังสนั่นหวั่นไหว...จากตำแหน่งไฟแลบ นอร์แมนมองเห็นร่างในชุดเสื้อคลุมผงะล้มกระเด็นไปคนละทิศละทาง แล้วลับหายไปในกอหญ้าที่หนาทึบนั้น

ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง นอร์แมนตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จนทำอะไรไม่ถูก เขาหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อย ๆ เขย่าร่างของอังคารพลางก้มลงไปกระซิบที่ใบหู

" - หมดแล้ว...ไม่รู้ว่าพวกไหนมันยิง ถ้าเป็นพวกเราประเดี๋ยวคุณก็ปลอดภัย...ทนหน่อยครับ "

อังคารยังไม่ทันจะตอบก็มีเสียงตะโกนดังลั่นอยู่ทางซ้ายมือบริเวณที่มีแสงไฟแลบตอนยิงปืนนั้น...

" - เจ้านาย ลุกขึ้นได้แล้ว นี่ผม ไอ้โล้นพูด"

เหมือนกับสวรรค์โปรด...อังคารซึ่งได้รับความเจ็บปวดแทบหมดสติทะลึ่งพรวดขึ้นมายืนด้วยความดีใจสุดขีด ปากก็ละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน

" กูอยู่นี่...ไอ้โล้น...กู..."

ยังไม่ทันจะจบประโยค ร่างของผู้กองใจเพชรก็ล้มฟาดลงกับพื้นน้ำสิ้นสติไปในบัดดล

ไอ้โล้น...ไอ้แสบ และกลุ่มทีมของ ซี.ไอ.เอ. อีก 2 คน ลุกพรึ่บขึ้นมาจากที่ซ่อนซึ่งอยู่ห่างจากนอร์แมนไปทางซ้ายมือไม่ถึงสิบเมตร ทุกคนปราดเข้ามาหานอร์แมนแล้วอุ้มร่างของผู้กองอังคารขึ้นมาด้วยความตกใจ

"ผู้กอง...ผู้กอง...ผู้กองเป็นอะไร...เจ้านายผู้กองของผมเป็นอะไรครับนี่" ไอ้แสบหันไปถามนอร์แมนพลางเขย่าร่างของลูกพี่อยู่ไปมา

" - รู้สึกว่าจะโดนยิง แต่คงไม่มากนัก พาลูกพี่ของคุณออกไปจากนี่ได้แล้ว "

ลูกน้องของไอ้โล้น 2 คน ปราดเข้ามาประคองปีกผู้กองอังคารแล้วพาเดินแหวกสายฝนตัดทางออกไปยังความทะมึนที่มองเห็นลิบ ๆ อยู่เบื้องหน้า

" - ผมเห็นเจ้านายกับผู้กองตั้งแต่ตอนพยุงกันออกมาจากดงหญ้าโน่นแล้ว...ก็พอดีเห็นไอ้พวกเหี้ย 3 ตัวนั่นก่อน...แล้วผู้หญิงเล่าครับ...เจ้านาย"

ไอ้โล้นกระซิบถามเบา ๆ แต่สายตาจ้องมองไปที่ร่างของผู้กองอังคารซึ่งถูกประคองเดินอยู่เบื้องหน้าด้วยความเป็นห่วง

" - เกือบพัง มิสเตอร์โล้น...ตำรวจระเบิดสถานีของเราป่นปี้ไปหมดแล้ว...รถของเราจอดอยู่ไกลมั้ย"

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนตัดบทถามขึ้นมาเหมือนกับจะหันความสนใจในเรื่องผู้หญิงของไอ้โล้นออกไป

" - โน่นครับ...จอดซุ่มอยู่ที่หน้ารั้วของบ้านจัดสรรโน่น...ที่มีแสงไฟกระพริบอยู่นั่นแหละครับ "

ไอ้โล้นพูดพลางดึงไฟฉายออกมาจากกระเป๋าหลงเปิดสวิทช์เป็นสัญญาณสั้นยาวสั้นยาวสองครั้งตอบกลับไปแล้วยัดไฟฉายลงกระเป๋าปากก็สบถออกมาไม่ขาดระยะ

" - สงสัยเทวดาเพิ่งจะหายเป็นนิ่ว ไอ้ห่าตกได้ตกดีทีอีตอนจวกกันที่สถานีละก็ไม่ตก...หัวหน้า อาการลูกพี่ของผมท่าทางจะแย่มั้ยครับ"

ประโยคสุดท้าย ไอ้โล้นขยับตัวเข้าไปชิดหัวหน้านอร์แมน แล้วกระซิบถามด้วยท่าทางห่วงใย

" - ผมก็ไม่รู้เหมือวสนกัน ไม่รู้ว่าผู้กองแกโดนกระสุนตำรวจ หรือว่ากระสุนของ เค.จี.บี....ตามสายตาของผม - ผมคิดว่าถ้าถึงรังของเราภายในครึ่งชั่วโมงนี้ ผู้กองปลอดภัยแน่ นั่นพวกเราออกมารับแล้ว "

ประโยคสุดท้าย นอร์แมนพูดพลางพยักพเยิดให้ไอ้โล้นดูกลุ่มคน 3 คน ที่เดินตะคุ่ม ๆ ออกมาจากบริเวณที่จอดรถ

" หัวหน้า "

ไอ้โล้นกระซิบพลางกระตุกแขนเสื้อของนอร์แมนค่อนข้างแรง พร้อมกับจ้องสายตาไปที่ร่างตะคุ่ม ๆ อยู่ในสายฝนด้วยความเคลือบแคลงใจ

" - มีอะไร...มิสเตอร์โล้น "

นอร์แมนกระซิบตอบพลางเอื้อมมือไปหยิบปืนจากซอกเอวขึ้นมากระชับอยู่ในมือ

" - ไม่ใช่...ไอ้คำกับไอ้ส่ง...มันเป็นใครก็ไม่รู้...สงสัยสนุกแน่...เฮ้ย ไอ้แสบมึงสั่งให้ไอ้สองคนนั่นหยุดคอยก่อน...พวกกูจะนำหน้าขึ้นไป สงสัยพวกเราที่รถโดนพวกมันฆ่าถวายหมดแล้ว"

ไอ้โล้นกระซิบเครียดพร้อมกับเผ่นพรวดขึ้นไปอย่างใจร้อน...

บา ! ชะตาชีวิตของเพชฌฆาตรับจ้างเดนตายอย่างผู้กองอังคารทำไมถึงออกรสชาติสะเด็ดสะเด่าแบบนี้หนอ


"อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้ถามเขาสักคำ หรือ แค่ฟังคนอื่นเขามา ชีิวิตคนก็เหมือนสะพาน  มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ  สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน" สมิง วังม่วง 0884763428

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 17, 2015, 06:38:57 AM โดย สมิง วังม่วง » บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 786 787 788 [789] 790 791 792 ... 812
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.697 วินาที กับ 22 คำสั่ง