๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
มีนาคม 29, 2024, 02:00:50 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 10
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กรณีศึกษาเมื่อคนร้ายมีอาวุธมีดบุกเข้ามาภายในบ้านแล้วใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายตาย  (อ่าน 155730 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Hippopotamuz
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 40


Men's toy


« ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 19, 2010, 09:45:29 PM »

+1
อยากเป็นทนายแผ่นดินเหมือนท่านจกขทครับ ..

ตอนนี้ผมเจอวิ.แพ่ง-วิ.อาญาอยู่ ....สู้ตาย!!








ไม่เกี่ยวกับกระทู้เลย  Grin Grin
บันทึกการเข้า

Men's toy
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 01:07:43 AM »

ถ้าผมเป็นเจ้าของบ้าน คนร้ายมีด้วยกันอยู่ 4คน ผมยิงเข้าที่หัวของคนร้ายทั้ง 4คน ด้วยกระสุน 4นัด (คนละนัดครับ) ผมได้ทำเกินกว่าเหตุหรือป่าวครับ

ต้องรับโทษแค่ใหนครับ ขอความรูไว้เตือนใจครับผม

          กรณีตามที่คุณ SCUBAGUN  ถามมา  ลำพังข้อเท็จจริงที่ให้มาเท่านั้นยังไม่เพียงพอที่จะตอบได้

ครับ  เพราะการที่จะพิจารณาว่าเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายและพอสมควรแก่เหตุหรือไม่นั้น

มีข้อเท็จจริงและปัจจัยหลายประการที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน  ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดมาก...

          กรณีตามที่คุณ SCUBAGUN ยกตัวอย่างมากหากสมมุติว่าคนร้ายเข้ามาในบ้านพร้อมกันทั้ง  ๔  คน

แต่ละคนมีอาวุธครบมือในลักษณะที่พร้อมจะยิงตอบโต้เจ้าของบ้านได้ทันที  ซึ่งหากเจ้าของบ้านไม่ยิง

ที่จุดสำคัญของคนร้ายให้คนร้ายหยุดการตอบโต้ในทันทีก็มีโอกาสที่คนร้ายคนใดคนหนึ่งจะยิงสวนกลับมา

ได้  กรณีเช่นนี้โดยความเห็นส่วนตัวของผมก็พอถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายครับ   Grin

         
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 01:10:12 AM »

ชอบใจอีตรงมีคนพิการแหละ... เอาไว้รีดข่าวหาพวกมันอีกต่อนึง...

          คดีที่คนร้ายถูกดำเนินคดีผมเองได้เป็นเจ้าของสำนวน...

          วันที่คนร้ายมาขึ้นศาลเป็นเวลาหลังเกิดเหตุหลายเดือน  คนร้ายยังต้อง

ใส่เฝือกมาขึ้นศาลเลย  เข้าใจว่ากระสุนปืนคงถูกกระดูกแตกด้วยอำนาจกระสุนปืนอาก้า

คาดว่าคงเดี้ยงนาน...ตลอดชีวิต...  Grin Grin Grin

          น่าเสียดายที่ตัวที่จับได้เป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยประเภทเพิ่งหัดก่อเหตุ

ก่อนจะก้าวขึ้นระดับต่อไป  ข้อมูลในเชิงลึกคงไม่ค่อยทราบเท่าไหร่  ถ้าเป็นข้อมูล

ทั่วไปเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็จะทราบกันดีอยู่แล้ว   เศร้า เศร้า เศร้า

ขอบคุณท่านอัยการครับ... เย้

          ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ  Cheesy ไหว้
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #18 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 01:11:33 AM »

เสียดายน่าจะใช้ลูกซอง...

เผื่ออีกสองตัวจะได้ไม่หลุดไป...

มันน่าจะพิการตามๆกันไปให้หมด...  Cool

ขอบคุณท่านอัยการครับ...  ไหว้

         ด้วยความยินดีครับคุณหมอรุจน์   ไหว้ ไหว้ ไหว้ 
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #19 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 01:31:27 AM »

ในความรู้สึกของผม สิ่งที่เกิดในภาคใต้ เป็นสงครามการก่อการร้ายเต็มรูปแบบ เพราะรูปแบบการปฏิบัติการมันเป็นอย่างนั้น น่าจะใช้ "กฏของกู" ได้เต็มที่

แต่เข้าใจว่าภาครัฐ ต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ โดยใช้หลักกฎหมาย เพื่อป้องกันการกล่าวหาจากสังคมศิวิไล
ผมกลัวจริงๆ ว่าในหลายๆ เหตุการณ์พลเมืองผู้บริสุทธิ์ จะไม่สามารถตอบโต้ได้ทันการณ์ ตอบโต้เบาก็โดนโจรคนที่สองสามสอยเอาได้

โดยเฉพาะกระสุนปืนสั้น ไม่ได้โป้งเดียวหยุดซักหน่อย แต่ศาลกลับต้องใช้จำนวนกระสุนมาเป็นเครื่องพิจารณาเจตนาด้วย

          พอดีตอนนี้ผมย้ายขึ้นมาจากจังหวัดปัตตานีแล้วน่ะครับ  แต่ช่วงที่ผมรับราชการอยู่ที่นั่น

ข้าราชการในพื้นที่ต่างก็เข้าใจสถานการณ์ในพื้นที่กันดี  โดยเฉพาะในหน่วยงานที่ผมทำงาน

อยู่และศาลนั้น  เท่าที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันก็พอสรุปกันได้ว่าในส่วนของประชาชน

ผู้สุจริตนั้นทางเราก็ไม่ได้ใช้ดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดีเคร่งครัดมากนัก  อย่างเช่นคดี

พกพาอาวุธปืนซึ่งเป็นปืนมีทะเบียนของประชาชนในพื้นที่ศาลก็มักจะพิพากษาลงโทษสถานเบา

บางคดีปรับเพียง  ๕,๐๐๐  บาท  เท่านั้น  โดยไม่มีโทษจำคุก  รวมถึงเรื่องการใช้อาวุธปืนป้องกัน

ตัวซึ่งมีหลายคดีตกมาอยู่ในความรับผิดชอบของผม  ซึ่งบางเรื่องผมก็มองว่าออกจะเป็นการใช้อา

วุธปืนป้องกันตัวโดยเกินกว่าเหตุไปหน่อยถ้าหากเทียบกับในภาวะปกติ  แต่เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์

ความรุนแรงประกอบกับสภาวะกดดันของประชาชนผู้อยู่ในพื้นที่ซึ่งต้องคอยระวังภัยจากโจรก่อการร้าย

อยู่ตลอดเวลา  ก็จำเป็นจะต้องนำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบการพิจารณาคดีด้วย  ซึ่งมีหลายคดีที่ผม

( รวมทั้งเพื่อนร่วมงาน ) สั่งไม่ฟ้องโดยถือว่าเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย 

          ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

และอยากจะบอกว่าช่วงเวลาที่ผมรับราชการอยู่ที่จังหวัดปัตตานีพวกผมเอาใจช่วยพวกท่านเสมอ

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ  ถ้าหากอยู่ในวิสัยที่จะช่วยเหลือได้โดยไม่เหนือบ่ากว่าแรง

พวกผมก็พร้อมช่วยเหลือเสมอครับ   ไหว้ ไหว้ ไหว้               
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #20 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 01:34:22 AM »

+1
อยากเป็นทนายแผ่นดินเหมือนท่านจกขทครับ ..

ตอนนี้ผมเจอวิ.แพ่ง-วิ.อาญาอยู่ ....สู้ตาย!!








ไม่เกี่ยวกับกระทู้เลย  Grin Grin

          สู้ตายเช่นกัน...เย้  Cheesy

          ผมเอาใจช่วยขอให้สมหวัง...  จะได้เข้ามาช่วยแบ่งเบางานของผมไปบ้าง   Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
ธนัท รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 373
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 965



« ตอบ #21 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 07:54:44 AM »

+1 ท่าน Yoshiki_Silencer  ครับ อ่านแล้วได้ความรู้มาก ๆ เลย  ไหว้
บันทึกการเข้า

ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น จะสู้กันไม่หลบหนีหาย สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู บ้านเมืองเราเราต้องรักษา อยากทำลายเชิญมาเราสู้ เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว
pimuk
Hero Member
*****

คะแนน 82
ออฟไลน์

กระทู้: 2886


« ตอบ #22 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 09:19:04 AM »

ขอบคุณ Yoshiki ครับ  ไหว้

 

บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #23 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 03:22:23 PM »

          พอดีผมเห็นว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ในเว็บบอร์ดหลายคนเคยตั้งคำถามไว้และถกเถียงกันเกี่ยว

กับกรณีการใช้อาวุธปืนป้องกันตัวในกรณีที่คนร้ายใช้มีดเป็นอาวุธ  ก็เลยนำคดีที่เกิดขึ้นจริง

เรื่องหนึ่งมาให้ดูเป็นกรณีศึกษากัน  หวังว่าคงได้ความกระจ่างขึ้นในระดับหนึ่ง  โดยในส่วน

ของเนื้อหาคดีผมขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้มีส่วนได้เสีย

ในคดีนะครับ


          คดีนี้กล่าวหา ..........ผู้ต้องหา  ว่าพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา


          เหตุเกิดเมื่อวันที่.................พ.ศ. ๒๕๕๐  เวลาประมาณ  ๑๒.๐๐  น. 

ที่ตำบลปะนาเระ   อำเภอปะนาเระ  จังหวัดปัตตานี


          ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนได้ความว่าตามวัน  เวลา  และสถานที่เกิดเหตุ 

ผู้ต้องหาซึ่งเป็นอาสาสมัครทหารพรานได้กลับมาตรวจดูความเรียบร้อยที่บ้านพักหลัง

เกิดเหตุ  เนื่องจากก่อนหน้านี้บิดาของผู้ต้องหาเคยถูกคนร้ายบุกเข้ามายิงเสียชีวิตและ

จุดไฟเผาภายในบ้านพักหลังดังกล่าว  เมื่อมาถึงผู้ต้องหาได้ขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสอง

ของบ้านพัก 

          ต่อมาเวลาประมาณ  ๑๒.๐๐  น. ขณะที่ผู้ต้องหากำลังพักผ่อนอยู่บนบ้าน  ผู้ต้อง

หาได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหลังบ้าน  ผู้ต้องหาจึงตื่นขึ้นแล้วหยิบอาวุธปืน  AK - 47  

ซึ่งเป็นอาวุธปืนประจำกายแล้วเดินลงไปดูที่กลางบ้าน บริเวณหลังบ้าน  เมื่อผู้ต้องหาลง

ไปถึงชั้นล่างของบ้านพัก  ทันใดนั้นประตูหลังบ้านได้เปิดออก แล้วมีชายวัยรุ่น  จำนวน  

๔   คน วิ่งเข้ามา  โดยคนแรกที่วิ่งเข้ามาคือ นาย  ข.  ซึ่งถือมีดพร้าอยู่ในมือขวาแล้วชูขึ้น

ในลักษณะจะทำร้ายผู้ต้องหา  ซึ่งอยู่ห่างประมาณ  ๒ – ๓  วา   ผู้ต้องหาจึงได้ใช้อาวุธปืน

ที่อยู่ในมือยิงเข้าใส่   จำนวน  ๑  ชุด  ประมาณ  ๔ - ๕  นัด  กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจึงได้ถอย

หนีไป  โดย  นาย  ข.  ถูกกระสุนปืนล้มลงถึงแก่ความตายที่บริเวณประตู   ส่วน  นาย  ก. 

ถูกกระสุนปืนล้มลงที่บริเวณหน้าบันไดหลังบ้าน   ส่วนที่เหลือหลบหนีไปได้  แต่ผู้ต้องหา

ไม่ได้ติดตามไปเนื่องจากเกรงว่าจะถูกลอบทำร้าย 
    
          จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบขวดน้ำมันเชื้อเพลิง  เศษผ้า  ไฟแช็ค  และมีดพร้า 

ซึ่งเป็นของ  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ  นอกจากนี้ยังพบรถจักร

ยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน.........ที่  นาย  ก.  ใช้ขับขี่มาจอดห่างอยู่จากบ้านที่เกิดเหตุ

ประมาณ  ๘๐  เมตร  และยังพบร่องรอยถูกงัดที่ประตูบ้านด้านหลังจนพังและเปิดออก  เชื่อว่า

เหตุที่  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวกก่อเหตุในคดีนี้เนื่องจากประสงค์ที่จะวางเพลิง และลัก

ทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว  เนื่องจากก่อนหน้านี้ในบริเวณดังกล่าวได้เกิดเหตุลัก

ทรัพย์จำนวนมาก
  
      ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

      พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา  เนื่องจากเห็นว่า

เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย

      พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวัน  เวลา 

และสถานที่เกิดเหตุ  ขณะที่ผู้ต้องหากำลังพักผ่อนอยู่บนชั้นสองของบ้านพักที่เกิดเหตุ  ผู้ต้องหา

ได้ยินเสียงผิดปกติมาจากทางด้านหลังบ้านพัก  เมื่อผู้ต้องหาลงไปดูเหตุการณ์อยู่บริเวณชั้นล่าง

สักครู่  จากนั้นประตูหลังบ้านได้เปิดออก  แล้วมีชายวัยรุ่นวิ่งเข้ามาภายในบ้าน  จำนวน  ๔  คน 

โดยมี  นาย  ข.  วิ่งนำหน้าเข้ามา  โดยในมือขวาของ  นาย  ข.  ถือมีดพร้าอยู่ในมือแล้วชูขึ้นใน

ลักษณะจะฟันทำร้ายผู้ต้องหา  ซึ่งอยู่ห่างประมาณ  ๔ – ๕  เมตร      ผู้ต้องหาจึงได้ใช้อาวุธปืน 

AK – ๔๗  ยิงเข้าใส่กลุ่มคนร้ายดังกล่าวประมาณ  ๔ – ๕  นัด  กระสุนปืนถูก  นาย  ข.  ที่บริเวณ

ลำตัว และขา  ถึงแก่ความตายบริเวณประตูบ้าน  ส่วน  นาย  ก.  ถูกกระสุนปืนบริเวณขาได้รับบาด

เจ็บและล้มลงบริเวณด้านหลังบ้านไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้  ซึ่งในที่เกิดเหตุพบขวดน้ำมันเชื้อ

เพลิง  เศษผ้า  ไฟแช็ค  และมีดพร้า  ซึ่งเป็นของ  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  ตกอยู่ในที่เกิด

เหตุ  นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน.........ที่  นาย  ก.  ใช้ขับขี่มาจอดห่าง

อยู่จากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ  ๘๐  เมตร  และยังพบร่องรอยถูกงัดที่ประตูบ้านด้านหลังจนพังและ

เปิดออก

          คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ 

เห็นว่าการที่  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  ร่วมกันบุกเข้ามาภายในบ้านพักของผู้ต้องหา 

โดยได้งัดประตูด้านหลังบ้านจนกลอนประตูหลุดออกจากกัน แล้วเข้ามาภายในบ้านพักของผู้

ต้องหา  เมื่อเปิดประตูเข้ามาได้แล้ว  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  เห็นผู้ต้องหาอยู่บริเวณ

ชั้นล่างของบ้าน  นาย  ข.  จึงได้ชูอาวุธมีดขึ้นในลักษณะจะเงื้อฟันผู้ต้องหาซึ่งอยู่ห่างเพียง

๔ – ๕  เมตร  ซึ่งการกระทำของ  นาย  ข.  กับพวกดังกล่าวถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจาก

ประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง  ซึ่งหากผู้ต้องหาไม่ใช้อาวุธปืน

ยิงต่อสู้  ผู้ต้องหาก็อาจถูก  นาย  ข.  กับพวกซึ่งมีจำนวนถึง  ๔  คน  ใช้อาวุธมีดฟัน และรุมทำ

ร้ายจนถึงแก่ความตายได้  ทั้งภายผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงไปเพียง  ๔ – ๕  นัดเท่านั้นทั้งที่ 

นาย ก.  และ  นาย  ข.  กับพวกมีถึง  ๔  คน  ซึ่งเป็นการพอสมควรแก่เหตุแล้ว  นอกจากนี้เมื่อ

กระสุนปืนถูก  นาย  ก.  และ  ข.  ดังกล่าว  กับพวก  จนบุคคลดังกล่าวทั้งหมดออกจากบ้านพัก

ของผู้ต้องหาไปแล้ว  ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ยิง  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวกซ้ำทั้งที่สามารถจะทำได้ 

แต่กลับแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบทันที  ทั้งในที่เกิดเหตุยังพบขวดน้ำมันเชื้อเพลิง  เศษผ้า 

ไฟแช็ค  อันแสดงให้เห็นว่า  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  น่าจะลักลอบเข้ามาวางเพลิงบ้าน

พักของผู้ต้องหา  อันเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย  ทั้งก่อนหน้านี้บิดาของผู้ต้องหาก็เคยถูก

คนร้ายบุกเข้ามายิงจนเสียชีวิต และจุดไฟเผาภายในบ้านพักหลังดังกล่าว  การกระทำของผู้ต้อง

หาจึงเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุแล้ว  จึงไม่เป็นความผิดตาม

ข้อกล่าวหา  คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง

          เห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 

ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  ๖๘ ,  ๘๐ ,  ๒๘๘  ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน

          อาวุธปืน  AK – ๔๗  และปลอกกระสุนปืนของกลาง  เห็นควรคืนให้แก่เจ้าของตามประ

มวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา  ๘๕...

          หมายเหตุ  -  คดีนี้ได้เสนอคำสั่งไม่ฟ้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด  และผู้ว่าราชการจังหวัด

มีความเห็นชอบด้วยแล้วในกรณีสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา
 
                          -  ผู้ต้องหาเป็นทหารพราน  อาวุธปืน  AK - ๔๗  ที่ใช้ในคดีนี้ก็เป็นอาวุธปืนประ

จำกายที่ทางราชการแจกจ่ายให้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
 
                         -  ตัว  นาย  ก.  ซึ่งเป็นคนร้ายนั้นถูกยิงที่ขาจนพิการ  และยังถูกดำเนินคดีข้อหา

บุกรุก ,  ทำให้เสียทรัพย์ ,  พยายามลักทรัพย์  และตระเตรียมการวางเพลิง  อีกด้วย  ( สมน้ำหน้า  แบร่ แบร่ แบร่ / จขกท. )




ข้อความตามรายงานการคดีเลย ใช่ไหมครับ  เยี่ยม   ไหว้
บันทึกการเข้า
Yoshiki_Silencer - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 278
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 597


ลูกศิษย์ครูหมู (ด้วยอีกคน)


« ตอบ #24 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 03:39:30 PM »

          พอดีผมเห็นว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ในเว็บบอร์ดหลายคนเคยตั้งคำถามไว้และถกเถียงกันเกี่ยว

กับกรณีการใช้อาวุธปืนป้องกันตัวในกรณีที่คนร้ายใช้มีดเป็นอาวุธ  ก็เลยนำคดีที่เกิดขึ้นจริง

เรื่องหนึ่งมาให้ดูเป็นกรณีศึกษากัน  หวังว่าคงได้ความกระจ่างขึ้นในระดับหนึ่ง  โดยในส่วน

ของเนื้อหาคดีผมขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้มีส่วนได้เสีย

ในคดีนะครับ


          คดีนี้กล่าวหา ..........ผู้ต้องหา  ว่าพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา


          เหตุเกิดเมื่อวันที่.................พ.ศ. ๒๕๕๐  เวลาประมาณ  ๑๒.๐๐  น. 

ที่ตำบลปะนาเระ   อำเภอปะนาเระ  จังหวัดปัตตานี


          ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนได้ความว่าตามวัน  เวลา  และสถานที่เกิดเหตุ 

ผู้ต้องหาซึ่งเป็นอาสาสมัครทหารพรานได้กลับมาตรวจดูความเรียบร้อยที่บ้านพักหลัง

เกิดเหตุ  เนื่องจากก่อนหน้านี้บิดาของผู้ต้องหาเคยถูกคนร้ายบุกเข้ามายิงเสียชีวิตและ

จุดไฟเผาภายในบ้านพักหลังดังกล่าว  เมื่อมาถึงผู้ต้องหาได้ขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสอง

ของบ้านพัก 

          ต่อมาเวลาประมาณ  ๑๒.๐๐  น. ขณะที่ผู้ต้องหากำลังพักผ่อนอยู่บนบ้าน  ผู้ต้อง

หาได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหลังบ้าน  ผู้ต้องหาจึงตื่นขึ้นแล้วหยิบอาวุธปืน  AK - 47  

ซึ่งเป็นอาวุธปืนประจำกายแล้วเดินลงไปดูที่กลางบ้าน บริเวณหลังบ้าน  เมื่อผู้ต้องหาลง

ไปถึงชั้นล่างของบ้านพัก  ทันใดนั้นประตูหลังบ้านได้เปิดออก แล้วมีชายวัยรุ่น  จำนวน  

๔   คน วิ่งเข้ามา  โดยคนแรกที่วิ่งเข้ามาคือ นาย  ข.  ซึ่งถือมีดพร้าอยู่ในมือขวาแล้วชูขึ้น

ในลักษณะจะทำร้ายผู้ต้องหา  ซึ่งอยู่ห่างประมาณ  ๒ – ๓  วา   ผู้ต้องหาจึงได้ใช้อาวุธปืน

ที่อยู่ในมือยิงเข้าใส่   จำนวน  ๑  ชุด  ประมาณ  ๔ - ๕  นัด  กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจึงได้ถอย

หนีไป  โดย  นาย  ข.  ถูกกระสุนปืนล้มลงถึงแก่ความตายที่บริเวณประตู   ส่วน  นาย  ก. 

ถูกกระสุนปืนล้มลงที่บริเวณหน้าบันไดหลังบ้าน   ส่วนที่เหลือหลบหนีไปได้  แต่ผู้ต้องหา

ไม่ได้ติดตามไปเนื่องจากเกรงว่าจะถูกลอบทำร้าย 
    
          จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบขวดน้ำมันเชื้อเพลิง  เศษผ้า  ไฟแช็ค  และมีดพร้า 

ซึ่งเป็นของ  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ  นอกจากนี้ยังพบรถจักร

ยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน.........ที่  นาย  ก.  ใช้ขับขี่มาจอดห่างอยู่จากบ้านที่เกิดเหตุ

ประมาณ  ๘๐  เมตร  และยังพบร่องรอยถูกงัดที่ประตูบ้านด้านหลังจนพังและเปิดออก  เชื่อว่า

เหตุที่  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวกก่อเหตุในคดีนี้เนื่องจากประสงค์ที่จะวางเพลิง และลัก

ทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว  เนื่องจากก่อนหน้านี้ในบริเวณดังกล่าวได้เกิดเหตุลัก

ทรัพย์จำนวนมาก
  
      ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

      พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา  เนื่องจากเห็นว่า

เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย

      พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าตามวัน  เวลา 

และสถานที่เกิดเหตุ  ขณะที่ผู้ต้องหากำลังพักผ่อนอยู่บนชั้นสองของบ้านพักที่เกิดเหตุ  ผู้ต้องหา

ได้ยินเสียงผิดปกติมาจากทางด้านหลังบ้านพัก  เมื่อผู้ต้องหาลงไปดูเหตุการณ์อยู่บริเวณชั้นล่าง

สักครู่  จากนั้นประตูหลังบ้านได้เปิดออก  แล้วมีชายวัยรุ่นวิ่งเข้ามาภายในบ้าน  จำนวน  ๔  คน 

โดยมี  นาย  ข.  วิ่งนำหน้าเข้ามา  โดยในมือขวาของ  นาย  ข.  ถือมีดพร้าอยู่ในมือแล้วชูขึ้นใน

ลักษณะจะฟันทำร้ายผู้ต้องหา  ซึ่งอยู่ห่างประมาณ  ๔ – ๕  เมตร      ผู้ต้องหาจึงได้ใช้อาวุธปืน 

AK – ๔๗  ยิงเข้าใส่กลุ่มคนร้ายดังกล่าวประมาณ  ๔ – ๕  นัด  กระสุนปืนถูก  นาย  ข.  ที่บริเวณ

ลำตัว และขา  ถึงแก่ความตายบริเวณประตูบ้าน  ส่วน  นาย  ก.  ถูกกระสุนปืนบริเวณขาได้รับบาด

เจ็บและล้มลงบริเวณด้านหลังบ้านไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้  ซึ่งในที่เกิดเหตุพบขวดน้ำมันเชื้อ

เพลิง  เศษผ้า  ไฟแช็ค  และมีดพร้า  ซึ่งเป็นของ  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  ตกอยู่ในที่เกิด

เหตุ  นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน.........ที่  นาย  ก.  ใช้ขับขี่มาจอดห่าง

อยู่จากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ  ๘๐  เมตร  และยังพบร่องรอยถูกงัดที่ประตูบ้านด้านหลังจนพังและ

เปิดออก

          คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ 

เห็นว่าการที่  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  ร่วมกันบุกเข้ามาภายในบ้านพักของผู้ต้องหา 

โดยได้งัดประตูด้านหลังบ้านจนกลอนประตูหลุดออกจากกัน แล้วเข้ามาภายในบ้านพักของผู้

ต้องหา  เมื่อเปิดประตูเข้ามาได้แล้ว  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  เห็นผู้ต้องหาอยู่บริเวณ

ชั้นล่างของบ้าน  นาย  ข.  จึงได้ชูอาวุธมีดขึ้นในลักษณะจะเงื้อฟันผู้ต้องหาซึ่งอยู่ห่างเพียง

๔ – ๕  เมตร  ซึ่งการกระทำของ  นาย  ข.  กับพวกดังกล่าวถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจาก

ประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง  ซึ่งหากผู้ต้องหาไม่ใช้อาวุธปืน

ยิงต่อสู้  ผู้ต้องหาก็อาจถูก  นาย  ข.  กับพวกซึ่งมีจำนวนถึง  ๔  คน  ใช้อาวุธมีดฟัน และรุมทำ

ร้ายจนถึงแก่ความตายได้  ทั้งภายผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงไปเพียง  ๔ – ๕  นัดเท่านั้นทั้งที่ 

นาย ก.  และ  นาย  ข.  กับพวกมีถึง  ๔  คน  ซึ่งเป็นการพอสมควรแก่เหตุแล้ว  นอกจากนี้เมื่อ

กระสุนปืนถูก  นาย  ก.  และ  ข.  ดังกล่าว  กับพวก  จนบุคคลดังกล่าวทั้งหมดออกจากบ้านพัก

ของผู้ต้องหาไปแล้ว  ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ยิง  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวกซ้ำทั้งที่สามารถจะทำได้ 

แต่กลับแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบทันที  ทั้งในที่เกิดเหตุยังพบขวดน้ำมันเชื้อเพลิง  เศษผ้า 

ไฟแช็ค  อันแสดงให้เห็นว่า  นาย  ก.  และ  นาย  ข.  กับพวก  น่าจะลักลอบเข้ามาวางเพลิงบ้าน

พักของผู้ต้องหา  อันเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย  ทั้งก่อนหน้านี้บิดาของผู้ต้องหาก็เคยถูก

คนร้ายบุกเข้ามายิงจนเสียชีวิต และจุดไฟเผาภายในบ้านพักหลังดังกล่าว  การกระทำของผู้ต้อง

หาจึงเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุแล้ว  จึงไม่เป็นความผิดตาม

ข้อกล่าวหา  คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง

          เห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานพยายามฆ่าและฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 

ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  ๖๘ ,  ๘๐ ,  ๒๘๘  ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน

          อาวุธปืน  AK – ๔๗  และปลอกกระสุนปืนของกลาง  เห็นควรคืนให้แก่เจ้าของตามประ

มวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา  ๘๕...

          หมายเหตุ  -  คดีนี้ได้เสนอคำสั่งไม่ฟ้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด  และผู้ว่าราชการจังหวัด

มีความเห็นชอบด้วยแล้วในกรณีสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา
 
                          -  ผู้ต้องหาเป็นทหารพราน  อาวุธปืน  AK - ๔๗  ที่ใช้ในคดีนี้ก็เป็นอาวุธปืนประ

จำกายที่ทางราชการแจกจ่ายให้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
 
                         -  ตัว  นาย  ก.  ซึ่งเป็นคนร้ายนั้นถูกยิงที่ขาจนพิการ  และยังถูกดำเนินคดีข้อหา

บุกรุก ,  ทำให้เสียทรัพย์ ,  พยายามลักทรัพย์  และตระเตรียมการวางเพลิง  อีกด้วย  ( สมน้ำหน้า  แบร่ แบร่ แบร่ / จขกท. )




ข้อความตามรายงานการคดีเลย ใช่ไหมครับ  เยี่ยม   ไหว้

          ครับในส่วนของเนื้อหาคดีหลัก ๆ ยังเป็นส่วนเดิมอยู่ครับ  เพียงแต่

ได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วนซึ่งอาจกระทบกับบุคคลที่เกี่ยวข้องใน

คดี และเปลี่ยนถ้อยคำบางส่วนซึ่งเป็นภาษากฎหมายให้เข้าใจง่ายขึ้น  รวม

ทั้งเพิ่มเตืมรายละเอียดบางอย่างเข้าไปนิดหน่อยเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่ง

ขึ้น  เนื่องจากตอนที่พิจารณาสั่งคดีจะมีรูปถ่ายที่เกิดเหตุรวมทั้งแผนที่เข้า

มาด้วย  แต่ตอนที่โพสลงในเว็บบอร์ดเกรงว่าสมาชิกท่านอื่นที่ไม่ได้เห็น

ภาพถ่ายด้วยจะไม่เข้าใจสภาพที่เกิดเหตุ  จึงจำเป็นต้องเพิ่มรายละเอียด

บางอย่างลงไปเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นครับท่านผู้การ   ไหว้ ไหว้ ไหว้ 
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าจะเกลียดขี้หน้าใครขนาดไหน... แต่ตราบใดที่เขายังถูกต้องตามหลักการ ก็จะต้องปกป้องเขา เพราะสิ่งที่ปกป้องมันมากกว่า บุคคล แต่มันคือหลักการที่จะทำให้ระบบดำเนินต่อไปได้
I3enzkung
Full Member
***

คะแนน 23
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 259


ความสุข


« ตอบ #25 เมื่อ: มกราคม 21, 2010, 01:33:37 PM »

ชอบใจอีตรงมีคนพิการแหละ... เอาไว้รีดข่าวหาพวกมันอีกต่อนึง...
คนแบบนี้ไม่สมควรให้ตายง่ายๆครับ คุณพี่สมชาย(ฮา) ปล่อยให้พิการใช้กรรมบนโลกกันต่อไปดีแล้ว
บันทึกการเข้า
maxs17
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 22
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261


อ่อนน้อมถ่อมตน มีสติ รอบคอบ คิดก่อนกระทำ


« ตอบ #26 เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 05:53:21 PM »

ขอบคุณครับ
ผมขอให้ท่าน จขกท. ทำหน้าที่ของท่านอย่างเต็มกำลัง
และขอพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โปรดคุ้มครองท่านตลอดไปนะครับ
ขอ+1 ให้ท่าน จขกท.ครับ ได้ความรู้เพิ่มครับ
บันทึกการเข้า

sorrachat - รักในหลวง
HS7FVZ
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 63
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 577



« ตอบ #27 เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 06:37:08 PM »

ขอบคุณครับ ไหว้
ได้รับความรู้มากเลยครับ
บันทึกการเข้า

ผึ้งน้อย พเนจร ศรีษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน
AOR90
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #28 เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 08:55:31 PM »

ทำได้ดีมากครับ
ระวังตัวดีมาก
อยู่ในพื้นที่นั้นอาวุธต้องพร้อมเสมอ
เยี่ยมจริงๆทหารหาญ
บันทึกการเข้า
Thales
"I got soul, but I'm not a soldier"
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 44


si vis pacem, para bellum


« ตอบ #29 เมื่อ: มกราคม 25, 2010, 12:51:00 PM »

ตอนแรกฟังคนอื่นเล่า คิดว่ากฎหมายจะเข้าข้างโจร
แต่เมื่อเราทำความเข้าใจดีๆ กฎหมายก็ได้ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายครับ
บันทึกการเข้า

Clare Quilty: Who is the girl?
Humbert: She is my daughter.
Clare Quilty: You lie, she is not.
Humbert: I beg your pardon?
Clare Quilty: I said "July was hot."
                                   Lolita (1997)
หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.256 วินาที กับ 22 คำสั่ง