๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 28, 2024, 11:37:36 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าเรื่องยาว : สงครามลับในลาว  (อ่าน 106875 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10196
ออฟไลน์

กระทู้: 47075


M85.ss


« ตอบ #90 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 08:54:00 AM »

สนามบิน ล่องแจ้ง จำติดหูติดตามานานแล้ว เป็นที่หมายปองของเวียตกง โดนลูกยาวบ่อยมาก Grin
บันทึกการเข้า

สีอำพัน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 258
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4433



« ตอบ #91 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 12:19:18 PM »

ติดตามอ่าน ด้วยความพัวพัน
บันทึกการเข้า

อันวันใดไม่สำคัญเท่าวันนี้ เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
อันวันนี้สำคัญกว่าวันใด  วันไหนไหนไม่สำคัญเท่าวันนี้
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #92 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:02:41 PM »

แถม

----------------------------------------------------------------------


วันก่อนได้พูดถึงดั๊กกง (sapper หรือหน่วยกล้าตายของเวียตนาม) ลอบขึ้นฐานที่มั่นของทหารสหรัฐในเวียตนาม
และจัดการหันด้านหน้าระเบิดสังหารบุคคล "เคลย์โมร์" (Claymore Antipersonnel Mine) เข้าหาที่ตั้งของทหารสหรัฐ
และเมื่อกดสวิทช์ (magneto switch) หวังสังหารข้าศึก ปรากฎว่าฝ่ายทหารสหรัฐเองต้องรับกรรมแทนข้าศึก
เพื่อให้ผู้อ่านมองเห็นภาพการทำงานของระเบิดสังหารบุคคล "เคลย์โมร์" จึงมีรูปมาให้ดูประกอบ...




นี่คือโฉมหน้าของระเบิดสังหารบุคคล "เคลย์โมร์"(Claymore Antipersonnel Mine รุ่น M18A1)


ในสงครามเวียตนามทหารอเมริกันใช้มากโดยเฉพาะใช้วางไว้รอบฐานที่มั่น
เพราะถือได้ว่าเป็นกับระเบิดสังหารบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูง มีขนาด 6" x 10" x 2"
รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโค้ง ทำด้วยไฟเบอร์ ด้านหน้าประกอบด้วยลูกปืน (เหมือนลูกปืนจักรยาน) ขนาดเท่าเม็ดลูกเดือย
จำนวน 600 ลูกอัดด้วยเรซิ่น มีช่องว่างสำหรับบรรจุดินระเบิด C-4 หนึ่งปอนด์พอดี

ด้านหน้าตรงส่วนโค้งมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า " FRONT " บรรทัดล่างเขียนว่า "TOWARD ENEMY"
ซึ่งบอกไว้อย่างชัดเจนว่าให้หันด้านหน้าไปยังข้าศึก ส่วนด้านบนมีช่องเสียบเชื้อปะทุไฟฟ้า 2 ช่อง (กันเหนียว)
ซ้ายและขวา มีสายไฟยาว 30 เมตรมาให้ด้วยพร้อมกับ magneto สำหรับจุดระเบิด




เมื่อกดสวิทช์ magneto ระเบิดจะทำงานโดยมีระยะหวังผล 50 เมตรเป็นมุมกว้าง 60 องศา
ระยะอันตราย 100 เมตร มุมกว้าง 180 องศา





บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #93 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:07:15 PM »

ยุทธการตีชิงศาลาภูคูณ

-----------------------------------------------------------------------

กกล.วีพี เปิดยุทธการตีชิงศาลาภูคูน เพื่อเอาคืนจากฝ่ายลาวซ้าย หลังจากขับไล่ลาวซ้ายไปแล้ว
ในบันทึกบอกว่า ทาง กกล.วีพี ได้ส่ง กรม ร.๒๐๓ ( BC 617,618 ) เข้ายึดที่มั่นบริเวณตอนใต้ของศาลาภูคูน(LS-206)
ห่างจากทางแยกประมาณ ๑ กม.


จุดที่น่าจะเคยเป็นที่ตั้งของ BC 617,618 สงสัยว่าจะเป็นเนินหลังบ้านสีขาวตามภาพ





--------------------------------------------------------------------------


สามแยกศาลาภูคูนแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายเราและฝ่ายเวียตนามต้องการควบคุมไว้ให้ได้
เพราะเป็นจุดที่เวียตนามสามารถนำกำลังทหารราบบุกถึงเวียงจันทร์ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ดังนั้นจึงผลัดกันรุกผลัดกันรับระหว่างกองกำลังฝ่ายเรากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ในระหว่างการสู้รบ
สุดท้ายก่อนที่ฝ่ายเวียตนามจะทุ่มกำลังเข้ายึดสามแยกศาลาภูคูนไว้ได้โดยสิ้นเชิง
ได้มีกำลังทหารไทยอาสาตั้งรับอยู่จำนวนหนึ่งกรม

ซึ่งหัวหน้า FAG หรือผู้นำอากาศยานหน้าของกรมทหารไทยอาสาที่มีนามเรียกขานว่า "Spotlight"
จะมาเล่าสู่ผู้อ่านฟังถึงการสู้รบกับทหารเวียตนามเหนือ ....
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #94 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:15:37 PM »

ขอนำเรื่องของท่าน FAG :  Spotlight มาลง
เรื่องราววีรกรรมของทหารเสือพราน ในสงครามลาว โดยท่านสปอตไลท์

การถ่ายทอดประวัติศาสตร์ สู่เยาวชนคนรุ่นหลัง เพียงเพื่อให้ได้มีการเปิดเผยวีรกรรม
ของนักรบนิรนาม ให้คนรุ่นหลังได้ทราบ ได้ตระหนักถึงชาติ ถึงการต่อสู้กับภัยของชาติที่ผ่านมา


------------------------------------------------------------------------------------------

การรบที่เมืองกาสี-ศาลาภูคูน ซึ่งเป็นบันทึกของท่าน Spotlight

ยุทธการเมืองกาสี-ภูคูน เป็นการรบในช่วงเกือบท้ายสงคราม ก่อนการหยุดยิงในอีก ๑ ปีถัดมา
ซึ่งเป็นช่วงที่มีการรบรุนแรง เพราะต่างฝ่ายต่างก็จะชิงพื้นที่ครอบครองให้ได้มากที่สุด

-------------------------------------------------------------------------------------------------





บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #95 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:18:41 PM »

ยุทธการเมืองกาสี-ศาลาภูคูณ
(ลิม่าไซด์ 153 LS-153 - ลิม่าไซด์ 260 LS-260)


โดย สปอตไลท์

-----------------------------------------------------------------

ในช่วงระยะเดือนธันวาคม 2515 ข่าวการหยุดยิงทั้งในเวียดนาม และในลาวมีออกมาเป็นระยะๆ
ฝ่ายเราก็โหมโจมตีเพื่อจะยึดพื้นที่คืนได้มากที่สุด

โดยส่งกำลังพลโจมตีเพื่อยึด ทุ่งไหหิน ซึ่งก็ได้รับการต่อต้าน อย่างเหนียวแน่นจากข้าศึก
กำลังส่วนหนึ่งเข้าทั้งกำลังภาคพื้นดินและทางอากาศ ข้าศึกก็ขยายแนวการสู้รบ โดยเข้าไปโจมตีศาลาภูคูณ
อันเป็นทางสามแยกถนนสาย 13-4/7 ยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะเข้าสู่เมืองหลวงพระบาง ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
และถ้าหากลงทางด้านใต้ศาลาภูคูณ ก็จะเป็นเมืองกาสี ที่จะเข้าสู่เมืองวังเวียง และเวียงจันทน์


เพราะฉะนั้นแยกศาลาภูคูณ ถนนสาย 13 เชื่อมกับถนนสาย 4/7 ที่มาจากเมืองสุย และเชื่อมต่อไปทุ่งไหหินได้
ทางกองกำลังพิเศษ วีพี (กกล.พิเศษ วีพี) ที่ล่องแจ้ง จึงจัดกำลังใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 3 กรม ทหารราบ คือ

- กรม.ร.201 เข้าตีเมืองสุย
- กรม.ร.202 เข้ายึดบ้านหินตั้ง ภูผาไซ และภูล่องมาศ
- กรม.ร.203 เข้าตีเมืองกาสี ศาลาภูคูณ


ปลายเดือนธันวาคม 2515 กองกำลังประเทศลาว ผสมกับกองกำลังเวียดนามเหนือ โจมตีกองกำลังทหารชาติลาว
ที่รักษาทางแยกศาลาภูคูณแตกและรุกไล่ลงทางใต้สู่เมืองกาสี ทางกองกำลังพิเศษ วีพี. จึงมีคำสั่งให้ กรม.ร.203
อันประกอบไปด้วย บีซี.617 และ บีซี.618 เคลื่อนกำลังไปเมืองกาสีในวันที่ 9 – 10 ม.ค.2516
โดยใช้เฮลิปคอปเตอร์ ซีนุก (CH-47) ขนกำลังทั้ง 2 กองพันไปลงเหนือเมืองกาสีไป 5 กิโลเมตร


โดย ทก.กรม.ร.203 ตั้งอยู่ที่เมืองกาสี เพื่อร่วมประสานกับกองกำลังทหารชาติลาวในเบื้องต้น นายพล.อ.กุประสิทธิ์ อภัย
ซึ่งเป็นเสนาธิการทหารของลาว และนายพล.จ.อาด สะพังทอง แม่ทัพภาค 5 เป็นผู้มาประสานการวางแผนที่จะตั้งรับ
และเข้าตีโต้ข้าศึกต่อไป ทางฝ่ายไทยนอกจากฝ่ายอำนวยการ กรม.ร.203 แล้ว ทางฝ่ายเสนาธิการจาก บก.ล่องแจ้ง
และหัวหน้าเพชร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (คือ จอมพลถนอม กิติขจร) ในขณะนั้นได้มาร่วมประชุมด้วย



บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #96 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:23:26 PM »


----------------------------------------------

ในวันที่ 12 มกราคม 2516 ในขณะที่ทั้ง กองพัน บีซี.617, 618 กำลังจัดกำลัง ปรับภูมิประเทศ
เพื่อทำบังเกอร์ หลุมบุคคลอยู่นั้น รถถังของข้าศึก 3 คัน วิ่งฝ่าหมอกที่ลงจัดในตอนเช้า ไล่ยิงทหารชาติลาว
ถอนมาจากศาลาภูคูณ

โดยไม่รู้ว่า ทหารเสือพราน 2 กองพัน ตั้งอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ฝ่ายทหารชาติลาวก็วิ่งหนีกระเจิดกระเจิง
ในขณะที่ข้าศึกไล่ยิงด้วยความย่ามใจ เพราะกำลังทหารราบ ย่อมสู้รถถังไม่ได้อยู่แล้ว.........


ทั้ง บีซี.617,618 เพิ่งจะปรับกำลังจากค่ายน้ำพอง ขอนแก่น และมีหน่วยล่ารถถังประจำอยู่ในกองพัน
มีอาวุธต่อสู้รถถัง คือจรวดเอ็ม 72 สำหรับทำลายรถถังโดยตรง จึงช่วยกันระดมยิง
พร้อมอาวุธประจำการ เอ็ม.16 เอ็ม.79 ปืน ค. ไปยังจุดหมายก็คือรถถังทั้ง 3 คันนั้น

ปรากฏว่า รถถัง 2 คัน ถูกทำลายจนเสียหาย ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ และอีกคันหนึ่ง
ยิงโดนถังน้ำมันระเบิด จับข้าศึกเป็นเชลยได้ 1 คน เสียชีวิตอยู่คารถถังอีก 3 คน
ทั้งหมดเป็นเวียดนามเหนือ ส่วนรถถังอีกหนึ่งคันหลบหนีไปได้
ทำให้ขวัญและกำลังใจของทหารดีขึ้นมาก เพราะทั้ง 2 กองพัน โดนศึกหนักมาตลอด

ตั้งแต่การรบที่แนวสกายลายน์ และได้สูญเสียผู้บังคับกองพัน บีซี.617 หัวหน้าภูวงค์ ที่เนินชาลีวิสกี้ โดยถูกซุ่มโจมตี
ขณะไปช่วยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกล้อม หัวหน้าสุมน ผบ.พัน.บีซี.618 ที่เนินชาลีอัลฟ่า โดยถูกลูกยาว ค.82 ของข้าศึก
พร้อมทหารอีกหลายคน

จากนั้นก็กรำศึกเข้าโจมตียึด ทุ่งไหหิน คืนที่สนามบินลาดเสน คังโค้ ไม่สำเร็จจนต้องถอยกลับ ป่าดง
และมาปรับกำลังใหม่ที่ ชำทอง ภูผาไซ แล้วจึงถูกส่งมาที่เมืองกาสี

------------------------------------------------------------------------------------


การถล่มรถถังได้ และขับไล่ข้าศึก 1 กองพัน ที่เป็นกำลังหนุนเข้าโจมตี ถอยกลับไปสร้างขวัญ
และกำลังใจให้กับเหล่าทหารเสือพราน ทั้ง 2 กองพัน เป็นอย่างมาก ทาง บก.กกล.พิเศษ วีพี.
มอบรางวับให้ กองพันละ 20,000.- บาท พร้อมคำชมเชยมาที่ทาง กรม.ร.203

ทางสกาย-มอบเบียร์มา 20 ลัง เป็นของขวัญที่สามารถทำลายรถถังได้ ทางข้าศึกยังคงยิงรบกวนมาเป็นครั้งคราว
ซึ่งโดนฝ่ายเราตอบโต้ จนต้องถอนตัวกลับไปทุกครั้งที่เข้าโจมตีโฉบฉวย (RAIDS) จึงมีแต่การยิงรบกวน
ด้วยอาวุธหนัก โดย ค.82 จรวด 122 มม. แต่ก็ไม่สามารถทำลายขวัญฝ่ายเราได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------


กำลังทหารชาติลาวได้ปรับกำลังใหม่ และตกลงกับฝ่ายไทยว่าจะเป็นผู้เข้าตีนำหน้าตามเส้นทางสาย 13
โดยทหารชาติลาว กรมที่ 31 จากเมืองกาสี สู่ศาลาภูคูณ และ กรมที่ 11 จะตีจากทางด้านเมืองหลวงพระบาง
มุ่งสู่ศาลาภูคูณ กองกำลังฝ่ายไทย กรม.ร.201 เข้ายึดเมืองสุย จะเป็นการคุมเส้นทาง 4/7 จากเมืองสุย และทุ่งไหหิน
ป้องกันการส่งกำลังทหารและอาวุธ เสบียงให้กับข้าศึก ที่ยึดศาลาภูคูณอีกทางหนึ่ง
พร้อมกำลังทางอากาศจะช่วยสนับสนุนการโจมตีทิ้งระเบิด แหล่งรวมพล และการส่งกำลังบำรุง

เมื่อข้าศึกโดนกดดันทั้ง 3 ทาง จึงต้องถอนตัวออกไปทางตะวันออก จึ.เอ็ม. (กรม).31 จึงรุกไล่ออกไปถึงนาน่าน
9 กิโลเมตร ห่างจากแยกศาลาภูคูณไปทางตะวันออก โดยยึดภูสูงอันเป็นพื้นที่สูง จุดยุทธศาสตร์สำคัญไว้ได้
โดยมีการต้านทานจากข้าศึกเบาบางมาก




บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Middle
หัวใจมีใว้เพื่อสร้างสรรค์
Sr. Member
****

คะแนน 58
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 913



« ตอบ #97 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:28:46 PM »

ไม่ต้องรีบลงนะครับ....แบบว่ากำลังรออยู่.... Grin
บันทึกการเข้า

ชีวิตคือการเดินทาง

http://www.youtube.com/watch?v=eosAyUE29u0
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #98 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:31:59 PM »

---------------------------------------------------------

ในราวกลางเดือน มกราคม 2516 มีคำสั่งจาก กกล.พิเศษ ให้ กรม.ร.203 เคลื่อนย้ายกำลังพลไปทดแทน
เพื่อรักษาพื้นที่ จี.เอ็ม (กรม.31) ตามที่ได้ตกลงไว้กับ นายพล กุประสิทธิ์ อภัย

บี.ซี.618 เป็นกองพันแรกที่เคลื่อนที่จากที่ตั้ง บริเวณเมืองกาสี ไปศาลาภูคูณ พร้อม ทก.กรม.ร.203
โดยใช้ ฮ.ชีนุก (CH-47) มาทำการขนทหารพร้อมยุทธโธปกรณ์ไปลงที่สนามบิน ลิม่าไซด์ 260 (LS-260)
ซึ่งอยู่ทางใต้ของ แยกศาลาภูคูณ ประมาณ 1 กิโลเมตร ติดถนนสาย 13


----------------------------------------------------------------

เสียขวัญ

ในขณะที่จะทำการเคลื่อนย้าย บี.ซี.617 ตาม บี.ซี.618 อาสาสมัครทหารเสือพราน บี.ซี.617 ซึ่งมีส่วนหนึ่ง
เป็นทหารเก่า ที่ยังไม่จบภารกิจ และกร่ำศึกมาตั้งแต่สกายลายน์ ต่อเนื่องการเข้าตี ทุ่งไหหิน
และประสบความสูญเสียมาตลอด...............

 
กับการพบประสบการณ์รถถังไล่เหยียบที่ทุ่งไหหิน มาพบรถถังที่เมืองกาสีอีก แม้จะยึดได้ แต่ความฝังใจก็ยังมีอยู่
ประกอบกับกำลังใหม่ที่เข้ามาทดแทนซึ่งฝึกจากน้ำพอง เพียง 3 เดือน ได้ยินทหารเสือพรานเก่าเล่าให้ฟัง
ก็จินตนาการตามความกลัวก็เกิดขึ้น อีกทั้งเจ้าหน้าที่โครงซึ่งเป็นประจำการส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ใหม่
การปกครองจึงทำได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้


เมื่อรู้ว่าจะต้องเคลื่อนย้ายเข้าไปยึดศาลาภูคูณ จึงไม่ยอมไป กำลังบางส่วนลงจากฐานมุ่งหน้าไปเมืองกาสี
เพื่อจะเข้าสู่วังเวียง ซึ่งเป็นที่ส่งกำลังบำรุงในขณะนั้น เมื่อทหารไม่มีวินัย และมีอาวุธครบมือ ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง
ทั้งผู้บังคับกองพัน ผบ.ร้อย และระดับผู้นำทั้งหมดพยายามเหนี่ยวรั้งก็ไม่เป็นผล

ทางฝ่ายอำนวยการกรม หัวหน้าพันสี ฝอ.3 กรม หัวหน้าเขียม ฝอ.2 และรอง ผบ.กรม รองธงทอง ต้องนั่ง ฮ.ไปสกัด
เพื่อไม่ให้เดินทางต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลานานในการพูดให้เข้าใจและเชื่อฟังคำสั่ง


แต่ทั้งหมดยืนยันจะไม่ไป ศาลาภูคูณเด็ดขาด ในขณะเดียวกันทาง บก.กกล พิเศษ วี.พี. ได้รับรายงาน
รอง ผบ.พัวหน้าเต็ม และ สธ.3 จึงเดินทางมาสมทบในการเจรจา ในที่สุดก็ตกลงจะให้เคลื่อนกำลังกลับล่องแจ้ง
โดยสับเปลี่ยนกับ บี.ซี.619 (นาวิกโยธิน) ที่ ชำทอง ให้ บี.ซี.619 ไปศาลาภูคูณแทน


แต่กรรมวิธีที่จะส่งทหาร บี.ซี.617 กลังไปชำทอง เป็นไปด้วยความยากลำบาก
กว่าจะปลดกระสุนออกจากปืน เอ็ม.16 เก็บลูกระเบิดมือ และอาวุธอื่นๆ ได้ ก็กินเวลานาน
เพราะทุกคนจะไม่ยินยอม ส่วนทาง ฮ.ชีนุก ที่มาขนย้าย ก็ให้ถอดแมคกาซีน พร้อมเคลียร์กระสุน
ออกจากลำกล้องก่อนขึ้นเครื่อง ระเบิดมือก็ให้เก็บใส่กล่อง พร้อมสวมลวดนิรภัย
หรือเอาเทปรัดก่อน

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็ทราบกันในระดับอำนวยการว่า จำเป็น เพื่อป้องกันการจี้เครื่องบินกลับประเทศไทย
เพราะกำลังส่วนใหญ่อยู่ในความเครียด ความกลัว จึงอาจจะทำอะไรที่ไม่อาจคาดคิดได้ จึงต้องป้องกันไว้ก่อน
กว่าจะเรียบร้อย เป็นงานเหนื่อยหนัก ไม่เฉพาะผู้เขียน แต่รวมถึงฝ่ายอำนวยการทุกท่าน เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา
ข้าศึกก็เกาะติดอยู่ไม่ห่าง โชคดีที่ไม่มีการโจมตีด้วยอาวุธหนักแต่อย่างใด


----------------------------------------------------------------------






บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #99 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:37:41 PM »

เปิดศึก
-----------------------------------------------------------------


เพราะถ้ามีการควบคุมกำลังพล ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะอ่อนวินัยอยู่แล้ว
ประสบการณ์ของผู้เขียน เมื่อตอนแตก ชำทอง จาก บี.ซี.606 และ 608 เวลาที่ทหารเกิดเสียชีวิต – เครียด – กลัว
และอยู่ในสถานการณ์คับขัน ข้าศึกรุกใส่ตามติด ปะทะกันตลอดเวลา


ไม่ว่าฝ่ายอำนวยการ ผบ.พัน รอง หรือ ผบ.ร้อย ผบ.หมวด จะออกคำสั่งให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตามยุทธวิธี
ก็ไม่มีใครยอมปฏิบัติ แต่เมื่อลูก ค.82 อาร์.พี.จี.ของข้าศึกตกมากลางกลุ่ม ทุกคนก็จะแตกฮือ วิ่งออกไปทุกทาง
อย่างไร้ทิศทางด้วยความตื่นกลัว “ตื่นวัว ตื่นความยังยอหยุด” ตื่นคนไม่มีอะไรหยุดได้
ตัวใครตัวมัน โชคดีที่ไม่เกิดขึ้นเพราะถ้าเพียงกระสุน ค.82 หรือ อาร์.พี.จี. ตกมาสักนัดเดียวก็คงจะโกลาหลกันไม่น่าดูแน่นอน


ในที่สุดการสับเปลี่ยนก็จบลงไปได้ด้วยดี บี.ซี.619 ขึ้นไปรักษาศาลาภูคูณ โดยอยู่รอบสนามบิน และคุ้มครอง
ฐานปืนใหญ่ 155 มม." โกลด์ฟิงเกอร์ "

บี.ซี.626 ถูกส่งมาเพิ่มเติมอีก 1 กองพัน เคลื่อนย้ายจากภูผาไซไปยึดภูสูง อยู่ทางตะวันออกของศาลาภูคูณไป 9 กิโลเมตร
ติดกับนาน่าน ที่ข้าศึกยึดครองไว้อย่างเหนียวแน่น ในขณะที่กำลังทั้งหมดมาถึง และดัดแปลงภูมิประเทศ
ทำหลุมบุคคล-บุคคลต่อเนื่อง บังเกอร์อยู่นั้น ข้าศึกก็เริ่มต้อนรับเรา ...............................


โดย...จุดหมายที่ ทก.กรม. และ บี.ซี.619 ที่รายล้อมรอบสนามบิน ด้วยปืนใหญ่ขนาด 122 มม. และจรวด 122 มม.เป็นร้อยนัด
แต่ไม่ได้ทำอันตรายฝ่ายเราแต่อย่างใด เป็นการยิงทำลายขวัญฝ่ายเรามากกว่า ฐานปืนใหญ่ โกลด์ฟิงเกอร์
ตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ 155 มม. ตามคำสั่งของฝ่ายอำนวยการกรม ข้าศึกก็เงียบสงบเมื่อ “นกกระเต็น” แอล-19 เครื่องบินตรวจการณ์
และชี้เป้า ซึ่งนักบินชาติลาวเป็นนักบินได้เข้ามาตรวจการณ์ พร้อมสั่งเครื่องบิน ที-28 มาถล่มแถวนาน่าน ที่ตั้งของข้าศึก


ทำให้ทางข้าศึกต้องหยุดยิงไปแต่ในตอนกลางคืน ยังมองเห็นแสงไฟจากรถ พุ่งตรงมาทางที่ตั้งของข้าศึกทางตะวันออก
ซึ่งทำความกังวลให้กับ ผู้การกรม และเสนาธิการกรม เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการส่งกำลังบำรุง อาวุธ กระสุน
และกำลังพลเข้ามาเพิ่มเติม จะทำให้ขวัญของทหารที่อยู่แนวหน้าประจัญกับข้าศึกจะเสียขวัญ จึงสั่งให้ออกลาดตระเวนรอบที่ตั้ง
และสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของข้าศึก พร้อมรายงานมายังกรมเพื่อเตรียมการตอบโต้


นกกระเต็น ซึ่งมาทำหน้าที่แทน ราเว่น ก็จะบินมาตรวจการณ์ให้ทุกวันตามคำขอ เมื่อพบข้าศึก
ก็จะเริ่มโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบิน ที-28่ เจ้าผาขาว เป็นชื่อโค๊ตของเครื่องบิน มีการประทะกันประปราย
เมื่อลาดตระเวนรอบฐาน หรือจุดที่เห็นการเคลื่อนไหวของข้าศึก




บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #100 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 01:41:04 PM »


-----------------------------------------------------------------------

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2516 ข้าศึกประมาณ 1 กองพัน เข้าตี บี.ซี.626 ที่ภูสูง โดยการกระหน่ำยิงด้วยปืนใหญ่ 122 มม.
จรวด 122 มม. ปืน ค.120 ค.82 และกำลังพลบุกยิงกระหน่ำด้วยปืนเล็ก ตามยุทธวิธีของฝ่ายเวียดนามเหนือ
และขบวนการประเทศลาว...............


ทหารเสือพราน บีซี.626 ซึ่งปรับกำลังมาใหม่จากน้ำพอง ประกอบกับเห็นแสงไฟของรถข้าศึกก็กลัวว่าจะเป็นรถถัง
จึงถอนตัวในตอนกลางคืน ไปรวมกับ บีซี.616 ที่ศาลาภสูคูณ เครื่องบินสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ “สปุกกี้”
เข้ามาในพื่นที่ภูสูง และกราดปืนกลอากาศเข้าใส่ข้าศึก ทำให้ข้าศึกหยุดการติดตามโจมตี บีซี.626 ในขณะถอนตัว
การสูญเสียจึงน้อยมาก................



วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2516 กรม.ร.203 ได้สั่งให้ บีซี.618 ที่ศาลาภูคูณเคลื่อนกำลังเข้าตีเพื่อยึดที่มั่นในบริเวณภูสูงคืน
โดยมีปืนใหญ่ 155 มม. จากฐานยิง “โกลด์ฟิงเกอร์” ยิงสนับสนุนการโจมตี มีเครื่องบินตรวจการณ์ “นกกระเต็น” เฝ้าบินสังเกตการณ์
การเคลื่อนไหวของข้าศึกและใช้กำลังทางอากาศฝูงบิน ที-28 “เจ้าผาขาว” ทิ้งระเบิดใส่ที่มั่นของข้าศึก

พร้อมกำลังของ บีซี.618 รุกเข้ายึดที่มั่นที่ภูสูงคืนจากข้าศึก ซึ่งต้องถอนกำลังกลับไป...........


ฝ่ายเรายึดพื้นที่คืนได้ทั้งหมดในวันที่ 9 ก.พ.16 มีกำลังพลบาดเจ็บบ้างไม่มากนัก
ก็ส่งกลับไปรักษาที่ล่องแจ้งและอุดรฯ ตามอาการหนักเบาของบาดแผลในการสู้รบ


ภาพของ FAG Spotlight ขณะทำหน้าที่ในสมรภูมิ ที่ศาลาภูคูน







บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 314
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5380


ขอ...นัดเดียว


เว็บไซต์
« ตอบ #101 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 09:56:11 PM »

สุดยอดครับ หลงรัก...
บันทึกการเข้า

ธรรมของสัตบุรุษ

๑. ธัมมัญญุตา - รู้จักเหตุ ๒. อัตตัญญุตา - รู้จักผล ๓. อัตตัญญุตา - รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา - รู้ประมาณ ๕. กาลัญญุตา - รู้จักกาล ๖. ปริสัญญญุตา - รู้จักประชุมชน ๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา - รู้จักเลือกบุคคล

http://www.dopaservice.com/eservice/content.do?ctm_id=gun&function=document&gro
kai850
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 38
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 678


เรารักในหลวงครับ


« ตอบ #102 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2009, 10:46:30 PM »

ได้ความรู้ มองเห็นภาพชัดเจนครับ หลงรัก หลงรัก
บันทึกการเข้า

<a href="http://graphics-comment.blogspot.com" target="_blank">Goodnight comments" title="Goodnight comments[/url]<p><a href="http://graphics-comment.blogspot.com" target="_blank">comments hi5 ฮิต![/url]
EAK1980 รักในหลวง
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอย่างไร
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 68
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1196


ไปได้ทุกที่.....ที่มีทาง ฅ.ฅนสร้างทาง


« ตอบ #103 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2009, 10:57:47 AM »


-----------------------------------------------------------------------

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2516 ข้าศึกประมาณ 1 กองพัน เข้าตี บี.ซี.626 ที่ภูสูง โดยการกระหน่ำยิงด้วยปืนใหญ่ 122 มม.
จรวด 122 มม. ปืน ค.120 ค.82 และกำลังพลบุกยิงกระหน่ำด้วยปืนเล็ก ตามยุทธวิธีของฝ่ายเวียดนามเหนือ
และขบวนการประเทศลาว...............


ทหารเสือพราน บีซี.626 ซึ่งปรับกำลังมาใหม่จากน้ำพอง ประกอบกับเห็นแสงไฟของรถข้าศึกก็กลัวว่าจะเป็นรถถัง
จึงถอนตัวในตอนกลางคืน ไปรวมกับ บีซี.616 ที่ศาลาภสูคูณ เครื่องบินสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ “สปุกกี้”
เข้ามาในพื่นที่ภูสูง และกราดปืนกลอากาศเข้าใส่ข้าศึก ทำให้ข้าศึกหยุดการติดตามโจมตี บีซี.626 ในขณะถอนตัว
การสูญเสียจึงน้อยมาก................



วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2516 กรม.ร.203 ได้สั่งให้ บีซี.618 ที่ศาลาภูคูณเคลื่อนกำลังเข้าตีเพื่อยึดที่มั่นในบริเวณภูสูงคืน
โดยมีปืนใหญ่ 155 มม. จากฐานยิง “โกลด์ฟิงเกอร์” ยิงสนับสนุนการโจมตี มีเครื่องบินตรวจการณ์ “นกกระเต็น” เฝ้าบินสังเกตการณ์
การเคลื่อนไหวของข้าศึกและใช้กำลังทางอากาศฝูงบิน ที-28 “เจ้าผาขาว” ทิ้งระเบิดใส่ที่มั่นของข้าศึก

พร้อมกำลังของ บีซี.618 รุกเข้ายึดที่มั่นที่ภูสูงคืนจากข้าศึก ซึ่งต้องถอนกำลังกลับไป...........


ฝ่ายเรายึดพื้นที่คืนได้ทั้งหมดในวันที่ 9 ก.พ.16 มีกำลังพลบาดเจ็บบ้างไม่มากนัก
ก็ส่งกลับไปรักษาที่ล่องแจ้งและอุดรฯ ตามอาการหนักเบาของบาดแผลในการสู้รบ


ภาพของ FAG Spotlight ขณะทำหน้าที่ในสมรภูมิ ที่ศาลาภูคูน









 เยี่ยมท่านนี้แหละครับที่ผมเคยอ่านเจอ  Grin

จะตามอ่านต่อไปครับ ไหว้

บันทึกการเข้า

Long Live The King

Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #104 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2009, 12:48:03 PM »

ยุทธการตีชิงศาลาภูคูณ ภาคสุดท้าย

--------------------------------------------------------------------------------------------

มาต่อกันนะครับ....

บีซี.618 พยายามที่จะรุกคืบหน้า แต่ก็ได้รับการต้านทานอย่างเหนียวแน่น ในเวลากลางคืนยังมีแสงไฟหน้ารถ
วิ่งมาจากทางด้านตะวันออก (เมืองสุย) เป็นขบวน

ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าต้องเป็นการส่งเสบียง อาวุธ กระสุน และกำลังพล เพิ่มเข้ามาอย่างแน่นอน
เพราะช่วงการหยุดยิงเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ข้าศึกจึงพยายามเปิดศึกที่จะยึดพื้นที่ให้มากที่สุด
เพื่อความได้เปรียบก่อนมีการหยุดยิง ...........


ทาง กรม.ร.203 ได้ขอให้ทางกำลังทางอากาศช่วยทิ้งระเบิดถล่มเส้นทางเพื่อสกัดไม่ให้ข้าศึกเพิ่มเติมกำลังพล
อาวุธ กระสุนเข้ามาในพื้นที่ และสิ่งที่เป็นกังวลมากที่สุด คือ "รถถัง" .......

ซึ่งถ้าหากรถถังปรากฏขึ้น ขวัญของทหารเสือพรานเราจะเสียขวัญ และจะคุมกันไม่อยู่อีก
ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วทั้งในทุ่งไหหินและในศึกชำทอง ที่ผู้เขียนก็อยู่ในเหตุการณ์


ทางสกาย-เคสออฟฟิชเซอร์ มร.จั้งยาร์ด (Junkyard) ได้นำเสนอหน่วยเหนือตามคำขอ
เอฟ 111 จึงได้มาถล่มเส้นทาง หลังจากที่เจ้าหน้าที่สกาย (ซี.ไอ.เอ.) ได้นำภาพถ่ายทางอากาศ
มาให้ดูประกอบแผนที่ว่า เราจะให้ทิ้งระเบิดเส้นทางในจุดไหนบ้าง กำหนดเสร็จโดยเห็นชอยทั้งสองฝ่าย



----------------------------------------------------------

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.136 วินาที กับ 21 คำสั่ง