๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 02:51:07 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 ... 9
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าเรื่องยาว : สงครามลับในลาว  (อ่าน 106864 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:29:50 PM »

อันนี้แถม...

ตัวจิกซอว์ที่เกี่ยวในสงครามลับปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่หลายคนยกเว้น "Tony Poe" ผู้มีศักดิ์เป็นหลานเขยของ"วังเปา"
และเป็นหมายเลข 2 ของผู้บัญชาการ CIA ในสงครามลาว(Pat Landry) ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำกายเมื่ออายุ 72 ปี

ปัจจุบัน "คุณแสง" หลานสาวของวังเปา ยังพำนักอยู่ในประเทศไทยโดยมีธุรกิจบ้านเช่าอยู่ที่ถนนศรีชมชื่น หลังโรงเรียนสตรีอุดรฯ
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10196
ออฟไลน์

กระทู้: 47075


M85.ss


« ตอบ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:30:34 PM »

อ่านกระทู้นี้แล้วคิดถึง สยุมภู ทศพล กับ ก้องหล้า สุรไกร Grin
บันทึกการเข้า

Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #32 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:35:51 PM »

การก้าวขึ้นสู่อำนาจของจอมพลสฤษฎิ์ มิได้ทำให้เกิดอุปสรรคต่องานของ CIA ในไทย
แต่ในทางตรงข้าม จอมพลสฤษฎิ์ กลับเห็นความสำคัญ ของภัยคุกคามอันใหม่ คือลัทธิคอมมิวนิสต์
ซึ่งแม้ว่าสงครามภายในจีน จะสงบลงด้วยการถอยร่นของคณะก๊กมินตั๋ง ไปสู่เกาะไต้หวัน ตั้งแต่ปี ๒๔๙๒(1949)
ซึ่งหน่วยทหารบางส่วนของก๊กมินตั๋ง ยังกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามตะเข็บชายแดนไทย – พม่า
เช่น กองพล ๙๓ ของจีนคณะชาติ (ภายหลังได้ย้ายมาอยู่ที่ดอยแม่สลอง จ. เชียงราย)

จึงเป็นภารกิจของ SEA Supply และเป็นภารกิจแรกๆ ที่อเมริกาจะต้องให้การสนับสนุน
ต่อการมีตัวตนของกองพล ๙๓ อดีตสหายศึก เมื่อครั้งต่อสู้ญี่ปุ่นในสงครามโลก แม้จะมีงานหลายด้าน
แต่บิลล์ แลร์ ก็ยังคงเดินทางเข้าๆออกๆ ระหว่างลาวและไทย เพื่อเก็บข้อมูลและวางแผน
สำหรับยุทธศาสตร์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ถึงตรงนี้ ขอพาท่านผู้อ่าน ออกจากไทยและลาว เพื่อให้เห็นภาพรวมที่กว้างขึ้น

ห่างออกไปทางตะวันออกไม่มาก ความวุ่นวายของการเมืองภายในในเวียดนาม ก็กำลังดำเนินอยู่
นับแต่ฝรั่งเศสสถาปนากษัตริย์บ๋าวได๋ ขึ้นสู่บัลลังก์ เมื่อสงครามโลกยุติลง ในปี ๒๔๘๘(1945)
โดยหวังว่าบ๋าวได๋ จะเป็นศูนย์รวมชาติ ช่วยให้ฝรั่งเศสรักษาสถานะของตนไว้ได้ แต่หลายปีผ่านไป
บ๋าวได๋ไม่มีคุณสมบัตินั้น ฝ่ายเวียดมินห์ ยังคงทำการสู้รบต่อต้านฝรั่งเศสอย่างได้ผล
คู่ขนานไปกับขบวนการประเทดลาว เวียดมินห์เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฝรั่งเศสอ่อนแอลง

หลังจากฝรั่งเศสทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ที่จะรบกับขบวนการเวียดมินห์ โดยการส่งกำลังทหาร เข้าสู้รบ
ใน “ ปฏิบัติการคาสตอร์ “(Opération Castor) คือการสถาปนาที่มั่นทางทหาร ที่เดียน เบียน ฟู
เพื่อสกัดกั้นการแพร่ขยายอิทธิพลของเวียดมินห์ เข้าไปในลาว



แต่แล้วในที่สุด วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๙๗(1954) โอเปราซียง กาสตอร์ ก็จบลง
ด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า ของฝรั่งเศส ซึ่งนำไปสู่การเจรจาหยุดยิงชั่วคราว
และสนธิสัญญาที่เจนีวา ที่จะแบ่งเวียดนามออกเป็นเหนือและใต้ ตามแนวเส้นขนานที่ ๑๗
ทางเหนือปกครองโดยรัฐบาลเวียดมินห์ (Democratic Republic of Vietnam : DRV)
นอกจากนั้น สนธิสัญญายังมีข้อกำหนด
ที่ทั้งสองฝ่าย จะต้องไม่มีกองกำลังต่างชาติอยู่ในประเทศ(ยกเว้นฝรั่งเศส) เพื่อป้องกันมือที่สาม
เป็นการเดินหมาก “ กั๊ก “ ของฝรั่งเศส ได้เนียนที่สุด

ฝรั่งเศสยังคงทิ้งความระยำของตนเอาไว้ ตั้งแต่ชายฝั่งอ่าวตังเกี๋ย จนถึงเขาพระวิหาร

สนธิสัญญาที่เจนีวา ข้างต้น กำหนดให้มีการลงประชามติในอีกสองปีถัดมา คือในปี ๒๔๙๙(1956)
เพื่อให้คนเวียดนาม ได้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง แต่อเมริกามองว่า หากปล่อยให้เวียดนาม
มีการเลือกตั้ง ฝ่ายคอมมิวนิสต์ของโฮจิมินห์ ก็จะได้รับชัยชนะในที่สุด
อเมริกา จึงไม่รับรองสนธิสัญญาดังกล่าว และก็ไม่มีการลงประชามตินั้นจนปัจจุบัน

อเมริกานั้น “ เล็ง “ ภูมิภาคนี้ไว้นานแล้ว แต่รอจังหวะของ “ ตาอยู่ “

อเมริกาไม่รับรองสนธิสัญญา ฯ แต่กลับผลักดันให้มีการประชุมที่มะนิลาในปี ๒๔๙๗(1954)
ปีเดียวกับการลงนามสนธิสัญญา เป็นการ “ ตัดหน้า “ เนื้อหาการประชุมที่มะนิลา และร่วมลงนามกัน
ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๔๙๗(1954) เนื้อหาก็เพื่อจัดตั้งองค์กรความร่วมมือ ระหว่างภูมิภาค
คือ “ องค์การสนธิสัญญาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ ( South East Asian Treaty Organisation : SEATO)
ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก ๘ ชาติ ได้แก่ อเมริกา ไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน อังกฤษ ฝรั่งเศส
และฟิลิปินส์, SEATO เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๙๘(1955)

อยากให้สังเกตตรงนี้สักนิดครับ ว่าบรรดาชาติสมาชิกรุ่นแรกใน SEATO นั้น
มีไทยเพียงชาติเดียว ที่อยู่บนแผ่นดิน ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า อเมริกาให้ความสำคัญกับประเทศไทย
ในการเป็นฐานที่มั่น ที่จะต่อกรกับการคุกคามจากคอมมิวนิสต์

และนี่คือที่มา ของข้อตกลง Thanad – Rusk Communique ในปี ๒๕๐๕(1962)
ซึ่งจะขอกล่าวภายหลัง

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนเหตุการณ์ในเวียดนาม หลังจากฝรั่งเศสแพ้หมดรูปที่เดียน เบียน ฟู
CIA หนุนโงห์ ดินห์ เดียม ให้ลงเลือกตั้ง และพยายามทุกวิถีทางอย่างเปิดเผย ที่จะให้ฝ่ายเดียมชนะ
โดยเฉพาะการส่ง พ.อ. Edward Lansdale ลงไปช่วยเดียมอย่างเปิดเผย ในที่สุดเดียมชนะตามความคาดหมาย
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้สกปรกจนฝ่ายตรงข้ามรับไม่ได้ และมีการบอยคอตก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น
เดียมจึงชนะไปด้วยคะแนนท่วมท้นกว่า ๙๐ % เพราะมีแต่คนที่ชอบเดียม ไปลงคะแนน
เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีของเวียดนาม ในปี ๒๔๙๘(1955) แต่ฝ่ายเวียดมินห์ ไม่ยอมรับการเลือกตั้งนี้

หลังเลือกตั้งไม่นาน เดียมถือโอกาสปฏิวัติเงียบ บีบให้กษัตริย์บ๋าวได๋ลงจากบัลลังก์
และลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศในที่สุด งานของอเมริกาในเวียดนาม บรรลุผลในขั้นแรกแล้ว

พักเหตุการณ์ในเวียดนามไว้แค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวงง เอาเป็นว่าเรามาถึงเหตุการณ์ในปี ๒๕๐๐(1957)

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #33 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:37:37 PM »

บ้านของลาวใน สุวรรณเขต ปี 1967(๒๕๑๐)



บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #34 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:42:49 PM »

เริ่มต่อกันที่ปี ๒๕๐๐(1957)

เดือนกันยายน ในขณะที่เหตุการณ์ในลาว ยังคงทรงตัว แต่รัฐบาลเจ้าสุวรรณภูมา
(คือฝ่ายขวา+กลาง)ไม่มีเสถียรภาพ และไม่อาจบริหารรัฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่ฝ่ายซ้ายคือขบวนการประเทดลาว เข้มแข็งขึ้น จากการสนับสนุนของโฮจิมินห์

๑๖ กันยายน ๒๕๐๐(1957) ในประเทศไทย จอมพลสฤษฎิ์ ทำการยึดอำนาจ
จากรัฐบาลจอมพล ป. ทำให้จอมพล ป. ต้องหนีออกทางเขมร และลี้ภัยไปที่ญี่ปุ่น

ในระหว่างปีนั้น บิลล์ แลร์ ได้ส่งรายงานหลายฉบับ รายงานความพร้อม ของหน่วยพารู
ที่เขาได้จัดตั้งขึ้น และเน้นย้ำความสำคัญที่อเมริกา จะต้องมีปฎิบัติการบางอย่างในลาว
บิลล์เดินทางเข้าออกระหว่างลาวกับกรุงเทพเป็นประจำ เพราะงานของ SEA Supply
ซึ่งมีภารกิจทางตอนเหนือของไทย ก็หนักหนาอยู่

ล่วงมาจนถึงปี ๒๕๐๓(1960)

ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย ที่บิลล์สามารถสร้างเครือข่ายเพื่อการต่อต้านคอมมิวนิสต์
แต่เขายังสามารถเข้าถึงบุคคล " ระดับสูง " ของรัฐบาลลาว ได้เป็นอย่างดี

ขณะนั้นรัฐบาลลาว ยินยอมให้บิลล์นำกำลังพารู เข้ามาช่วยดูแลความสงบ
และฝึกสอนทหารลาว ในการใช้อาวุธและเครื่องมือสื่อสาร

ที่ลาว บิลล์พยายามมองหาปัจจัยที่จะจัดตั้งกองกำลังขนาดเล็ก แต่กำลังทหารลาวนั้นอ่อนแอเกินไป
อ่อนทั้งการฝึก และอาวุธยุทธภัณฑ์ แต่เขาได้รับการแนะนำให้รู้จัก " ตุ๊บิลี "
หรือชื่อที่พวกฝรั่งเศสตั้งให้ว่า " โทบี้ ลีฟุง " ผู้นำม้งสมัยอาณานิคม

บิลล์พยายามศึกษาโทบี้ ถึงขีดความสามารถ ที่เขาจะนำชนชาติม้ง เข้ามาเป็นกำลัง
ซึ่งโทบี้ ยังขาดคุณสมบัติในข้อนี้ และโทบี้ ก็ไม่ใช่ผู้นำที่เข้มแข็ง

แต่ในที่สุด เขาก็ได้พบกับผู้นำทหารม้ง ยศพันตรี " วัง เปา "






ผู้ซึ่งมีคุณสมบัติ ตามที่บิลล์และประเนตร เห็นว่าเหมาะสมที่สุด
บิลล์ได้รับการยืนยันรับปากจากวังเปา ว่าหากอเมริกาสนับสนุนด้านการฝึกและอาวุธ
วังเปาสามารถจัดตั้งกองกำลังม้ง ขนาด ๑๐,๐๐๐ คน ทางตอนเหนือของลาวได้

บิลล์เริ่มมองเห็นทาง เขาเสนอแผนงานจัดตั้งกองกำลังม้ง ซึ่งฝึกโดยพารูชาวไทย
และแผนนี้ ได้รับการอนุมัติในเวลาต่อมา ชื่อว่า " ปฏิบัติการ โมเมนตั้ม "

ซึ่งการแทรกซึมเข้าไปในลาวนี้ บิลล์อาศัยภาพของนักบุญจากตะวันตก
ในรูปแบบโครงการช่วยเหลือทางด้านการเกษตรกรรม ดังนั้นเขาจึงต้องมีผู้ช่วย

Edgar ' Pop ' Bouell ชายวัยเกษียณ ชาวไร่จากรัฐอินเดียน่า ถูกส่งมาช่วยงาน


บูลรู้ดีว่าเขามาทำงานอะไร ? และทำให้ใคร ? ภารกิจของเขาคือสนับสนุนด้านเกษตรกรรม
การแพทย์ การช่วยถ่ายทอดด้านเทคนิคการเกษตรสมัยใหม่ ให้แก่ชาวม้ง

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:48:13 PM »

จากตอนที่แล้ว เรื่องเดินไปถึงปี ๒๕๐๓(1960)

ในขณะที่ยุทธศาสตร์ของ CIA ในการเตรียมการทำสงครามลาว กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระบบ
แต่ที่อเมริกา เป็นช่วงผลัดแผ่นดิน ปธน.ไอค์เซนฮาวร์ หมดวาระลง ทิ้งยุทธศาสตร์สงครามเย็น
และการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ไว้ให้รัฐบาลใหม่สานต่อ


หลังการเลือกตั้งปลายปี อเมริกาได้ ปธน. ใหม่เป็นคนหนุ่มในวัย ๔๓ จอห์น เอฟ เคนเนดี้(JFK)
ซึ่งเข้ารับตำแหน่ง ในปี ๒๕๐๔(1961) ซึ่งก่อนหน้านั้น ฟิเดล คาสโตร นักปฏิวัติประชาชน ทำการปฏิวัติ
ยึดอำนาจรัฐบาลบาติสต้าของคิวบา และตั้งตนเป็น ปธน. ซึ่งมีนโยบายเอนเอียงไปทางโซเวียต


เดือนเมษายน ๒๕๐๔(1961) CIA ได้เตรียมการที่จะจัดการกับคิวบา โดยฝึกคนคิวบา
เพื่อยกพลขึ้นบกที่ " อ่าวหมู "(Bay Of Pigs)แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากการสนับสนุนไม่ดีพอ
CIA โทษว่าเป็นเพราะเคเนดี้ลังเล และเหตุการณ์นี้ ทำให้คาสโตร ประกาศอยู่ข้างโซเวียตเสียเลย
บรรดาความช่วยเหลือ ซึ่งก็คือสารพัดอาวุธต่างๆของโซเวียต หลั่งไหลเข้าสู่คิวบา หน้าบ้านของ CIA เอง
พอปลายปี CIA ก็เลยคิดแผนใหม่ " ปฏิบัติการพังพอน"(Operation Mongoos)ตั้งค่ายฝึกพลพรรคชาวคิวบา
เพื่อส่งไปทำการก่อการร้าย โครงการนี้นำโดย พ.อ. Edward Lansdale คุ้นๆชื่อนี้ไหมครับ ?


Edward Lansdale (ภาพเป็นของ Spartacus Education)




นี่ละ CIA ตัวกลั่น ก็คนนี้ละครับ คือคนเดียวกับที่เข้าไปอยู่เบื้องหลังการขึ้นสู่ตำแหน่ง
ของโง ดินห์ เดียม Operation Mongoos ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะเคเนดี้ไม่ให้การสนับสนุน

ปลายปี ๒๕๐๔(1961)จึงเป็นวิกฤติการณ์คิวบา สหรัฐทำการปิดล้อมคิวบา เมื่อเครื่องบินตรวจการณ์สหรัฐ
พบว่ามีการสร้างฐานยิงขีปนาวุธในคิวบา และมีเรือสินค้าโซเวียต ลำเลียงขีปนาวุธส่งให้คิวบา
สหรัฐจึงทำการปิดล้อม ห้ามเรือสินค้าโซเวียต เข้าในอ่าวคิวบาอย่างเด็ดขาด
ณ ห้วงเวลานั้น กิจกรรมของ CIA ในอเมริกากลาง หนาแน่นมาก เพื่อเตรียมการเข้าสู่สงคราม


ขณะนั้นทั้งโลกจับตาดูวิกฤติคิวบา ว่าอาจเป็นชนวนของสงครามโลกครั้งที่สาม

แต่ในที่สุด ด้วยนโยบายของเคเนดี้ และการสนับสนุนของ UN (อู ถั่น ชาวพม่า เป็นเลขา)
โซเวียตยอมเจรจา ถอนขีปนาวุธออกไป โดยสหรัฐรับปากว่าจะไม่แทรกแซงคิวบา
เหตุการณ์นี้มาสงบเอาในกลางปี ๒๕๐๕(1962) ทั้งโลกโล่งอก ชื่นชม ปธน. หนุ่มของสหรัฐ
ว่าเป็นผู้ไม่ฝักไฝ่สงคราม

แต่ CIA ยังคงมีความพยายามไม่ลดละ โดยเสนอแผนบุกเวียดนามต่อเคเนดี้
เพื่อช่วยเดียม ในการต่อต้านคอมมิวนิสต์

" ในเมื่อเราไม่บุกคิวบา ทำไมเราจะต้องไปบุกเวียดนาม ซึ่งห่างออกไปค่อนโลก "
เคเนดี้ตอบคำถามพวกนายพลในเพนตากอน ท่ามกลางความชื่นชมของประชาชน
หนังสือพิมพ์วิจารณ์เคเนดี้อย่างติดตลก เมื่อเขาออกเสียงเรียกชื่อประเทศลาวว่า " ลา - โอส "


บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #36 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:52:09 PM »


ย้อนกลับเข้ามาที่กรุงเทพ ในปี ๒๕๐๕(1962)
------------------------------------------------------------------------------------

ระหว่างที่วิกฤติคิวบา กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น
CIA ปรับกำลังในเอเซีย เนื่องจากสามารถขยายงานและเครือข่าย ในภูมิภาคนี้ได้อย่างกว้างขวาง
บรรดา " มือทำงาน " คนสำคัญสองคนของ CIA ถูกเรียกมาทำงานในไทยและเวียดนาม

J.Vinton " Vint " Lawrence บุรุษลึกลับ ผู้เข้ามาปฏิบัติงานในลาว ช่วงปี ๒๕๐๕ - ๒๕๐๗
เพียงสองปี จึงอาจไม่มีบทบาท และคนรู้จักเขามากนัก ส่วนอีกคนหนึ่งคือ

Anthony Poshepny " โทนี่ โพ "




อดีตนาวิกโยธินอเมริกัน ผู้เคยผ่านสมรภูมินรกที่ อิโว จิมา ในสงครามโลก
แล้วจึงต่อด้วยภารกิจต่อต้านข่าวกรอง ในสงครามเกาหลี ตามด้วยภารกิจโค่นล้มรัฐบาลซูการ์โน
ในอินโดนีเซีย แต่ CIA ล้มเลิกแผนนี้เสียก่อน โทนี่ โพ จึงถูกเรียกมาที่กรุงเทพ
ในภารกิจของ SEA Supply ซึ่งช่วงแรกๆเขาทำหน้าที่มือรองของแลร์ ประสานกับกองพล ๙๓

โทนี่ โพ เป็นตำนาน น่าสนใจที่จะค้นคว้าประวัติชีวิตของบุคคลผู้นี้
ทราบว่าท่าน เสธ.ดำ เคยร่วมงานกับโทนี่ โพ อย่างใกล้ชิด มีเอกสารกล่าวว่าชีวิตของ โทนี่ โพ
คล้ายกับตัวละคร พ.อ. Walter E. Kurtz (แสดงโดย Marlon Brando) ในภาพยนต์เรื่อง Apocalypse Now!
ของผู้กำกับ Francis Ford Copola ตรงที่เขาเข้าไปรบร่วมกับม้งอย่างใกล้ชิด
จนดูเหมือนเขาเป็นผู้นำ เป็นพระเจ้าของม้ง


มีผู้บันทึกว่าครั้งหนึ่ง โพตั้งรางวัลตาม Body Count โดยให้ม้งตัดใบหูของข้าศึก เมื่อสังหารข้าศึกได้
มาแลกรางวัล ๕,๐๐๐ กีบจากเขา เรื่องดำเนินไปจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาไปพบเด็กชายชาวม้ง
ไม่มีหูทั้งสองข้าง เมื่อเขาถามล่าม ล่ามตอบว่า " ก็พ่อมันตัดใบหู ไปแลกเงินจากคุณไง "

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #37 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 02:59:31 PM »

มาว่ากันต่อ ในเรื่องสำคัญ ซึ่งจะทำให้ท่านผู้อ่านทราบว่า
ไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง กับสงครามในลาว และสงครามเวียดนามอย่างไร ?

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในปี ๒๕๐๕(1962) สถานการณ์ขณะนั้นคือ วิกฤติคิวบาสงบลง
ในลาวมีรัฐบาลผสมสามฝ่าย มีการสู้รบระหว่างกันเกิดขึ้นหลายแห่ง พารูของไทย
เข้าไปปฎิบัติงานในลาวอย่างได้ผล ส่วนในเวียดนาม มีการแบ่งประเทศออกเป็นเหนือและใต้
โดยภาคเหนือมีรัฐบาล DRV ของลุงโฮ ภาคใต้มีรัฐบาล ปธน.โง ดินห์ เดียม


อเมริกาเบนเข็มยุทธศาสตร์ต้านคอมมิวนิสต์ มายังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งแม้ว่าขณะนั้น มีการจัดตั้งองค์การ SEATO ขึ้นมาหลายปีแล้ว
แต่ความร่วมมือทางทหารอย่างจริงจัง ยังไม่ปรากฎชัด


ภายหลังจากที่ได้มีการหารือในด้านยุทธศาสตร์กันหลายครั้ง รัฐบาลไทย(จอมพล สฤษฎิ์)
ก็ส่ง พ.อ. ถนัด คอมันตร์ รมต. ต่างประเทศขณะนั้น ไปยังวอชิงตัน เพื่อเจรจากับ
นาย Dean Rusk รมต. ต่างประเทศสหรัฐ(รัฐบาลเคเนดี้) และได้ร่วมลงนาม
ในข้อตกลง Thanad - Rusk Joint Communique (1962) ซึ่งมีผลผูกพัน
ระหว่างประเทศไทยและอเมริกาเท่านั้น (ข้อตกลงนี้ซ้อนกับข้อตกลงจัดตั้ง SEATO แต่มีผลผูกพันมากกว่า)


ในข้อตกลง Thanad - Rusk Joint Communique (1962)นี้ จะเป็นผลให้ไทยและอเมริกา
ผูกพันเป็นพันธมิตรกัน ในยุทธศาสตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ โดยไทยจะได้รับการช่วยเหลือทางทหาร
จากอเมริกา และอเมริกา สามารถใช้แผ่นดินในอาณาเขตประเทศไทย ในการจัดตั้งฐานทัพหรือหน่วยทหาร

ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว เอื้ออำนวยให้การดำเนินงานของ CIA ในไทย สะดวกขึ้นมาก
นอกจากนั้น ยังมีข้อตกลง THAI - US Special Logistic Agreement(1963) ในปีถัดมา

ข้อตกลงนี้ สาระคือไทยตกลงยอมให้อเมริกา เข้ามาสร้างถนนและท่าเทียบเรือในประเทศไทย " เพื่อสนับสนุนด้านการขนส่ง "

ซึ่งหลังจากลงนามกันแล้ว เราจึงมีถนนสายบางนา - ตราด,
ถนนมิตรภาพ(สระบุรี - อุดร), และถนนสายกบินทร์บุรี สมัยก่อน ถนนในเมืองไทย เป็นแบบที่ต้องลงหิน
แล้วบดอัด- ราด Asphult

อเมริกา นำวิธีทำถนนแบบใหม่เข้ามา(เรียกอะไรไม่รู้อีกเหมือนกัน ) แต่ทำได้ไว และถนนเรียบมาก


ตอนนั้นใครๆ คิดว่า อเมริกาใจดีจัง มาทำถนนให้ฟรีๆ แต่ที่จริงแล้ว ถนนเหล่านี้ คือเส้นทางลำเลียง
และส่งกำลังบำรุง สู่ฐานทัพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตาคลี โคราช อุดร นครพนม ฯลฯ ซึ่งจะโยงไปจากสัตหีบ
อันเป็นท่าเรือหลัก ที่สินค้าและอาวุธยุทธภัณฑ์ ถูกลำเลียงเข้ามา

ขอให้สังเกตตรงนี้สักนิด คือ Thanad - Rusk Joint Communique (1962) และ
THAI - US Special Logistic Agreement(1963) นี้เกิดขึ้นก่อนการลอบสังหารเคเนดี้

นั่นคือยุทธศาสตร์ของอเมริกานั้น กำหนดแน่นอนแล้วว่าจะต้องทำสงครามเวียดนาม

แต่เมื่อเคเนดี้ไม่เห็นด้วยในปี ๒๕๐๖(1963) และเมื่อเคเนดี้ตายแล้ว
รอง ปธน. Lyndon B. Johnson(LBJ) ขึ้นเป็น ปธน.แทน

ภาพ LBJ ของ Wikipedia





บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #38 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:02:01 PM »

โครงการสงครามเวียดนาม จึงเดินหน้าต่อไป, LBJ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ปธน. ในปี ๒๕๐๗(1964)
เขาพูดกับบรรดาผู้สนับสนุนว่า " ให้ตำแหน่งประธานาธิบดีกับผม แล้วผมจะมอบสงครามให้กับคุณ "

สงครามเวียดนาม ลั่นกลองศึกขึ้นแล้วในปีนั้น

มีผู้กล่าวว่า สงครามหลักในภูมิภาคนี้ คือสงครามเวียดนาม โดยมีสงครามในลาวและเขมร
เป็นละครคั่นฉาก(Sideshow) แต่ความรุนแรง มิได้น้อยไปกว่ากันเลย

เพียงแต่ในลาวนั้น เป็นสงครามลับ ซึ่งถูกค้ำคอด้วยข้อตกลงระหว่างรัฐบาลสามฝ่าย
ที่จะต้องไม่มีกองกำลังต่างชาติ อยู่ในดินแดนลาว แต่เอาเข้าจริงแล้ว
ทุกฝ่ายก็ละเมิดข้อตกลงนี้หมด นี่ละครับสงคราม

ภาพทิวทัศน์เมืองวังเวียง
ดินแดนอันสงบสุขแห่งนี้ กำลังจะลุกโชนด้วยไฟสงคราม(ภาพเป็นของ Wikipedia)


บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #39 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:09:40 PM »

ภาพสำคัญจากคุณ "ทะเลสาบ"



สำหรับคณะนายทหารไทยชุดในรูปภาพ เป็นคณะจากไทยเข้าไปเยือนล่องแจ้ง
คนที่2 จากขวาคือ"นายเทพ"(พล.ท.วิทูรย์ ยะสวัสดิ์)
คนที่ 4 จากขวาคือรองผบ.บก.ผสม333 "นายธน" พล.ท.ธนดิษฐ์

ส่วน ฝรั่งสูงๆ นั้น Vinton Lawrence คนที่ยืนด้านขวาวังเปาเข้าใจว่าเป็นอดีตผบ.ทบ.ท่านหนึ่ง ส่วนขวามือ Vinton
คือ "นายเพชร" พล.อ.ไพทูรย์ อิงคะตานุวัฒน์ Vinton เป็น Operation Chief ของ AB-1(บก.CIA ที่อุดรฯ)
เป็นอดีตนาวิกโยธินสหรัฐ มีหน้าที่ออกเยี่ยม Site ต่างๆในลาว

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #40 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:13:53 PM »

แผนที่ประกอบ เป็นแผนที่สเกล ๑ : ๒๕๐,๐๐๐ บริเวณที่มีการสู้รบรุนแรง



บริเวณบ้านผาขาว (LS-14) และบ้านนา (LS-15) ก็เป็นจุดที่มีการรบรุนแรง
ก่อนที่ม้งจะย้ายมาตั้งมั่นที่ล่องแจ้ง

ส่วนอันนี้เป็นภาพแผนที่ข้างต้น แต่ขยายบริเวณเมืองล่องแจ้ง(LS-20A) และซำทอง (LS-20)
จะมองเห็นแนวเนินสกายไลน์( Skyline Ridge ) เหนือเมืองล่องแจ้ง



บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #41 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:18:21 PM »

ท่านเสธ.ดำ ฝากไฟล์แผนที่มาโพสท์ครับ เป็นแผนที่เสกล ๑ : ๕๐,๐๐๐
บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของล่องแจ้ง ซึ่งก็คือพื้นที่ Plain de Jars หรือทุ่งไหหิน
แสดงที่ตั้งหน่วย กองพัน BE-103 และภูเสือ , ภูเทิง (ตาทุ้ย)




ได้ทราบว่าแผนที่บางแผ่น ไม่แน่ใจว่าแผ่นนี้ด้วยหรือเปล่า ?
ยังมีคราบเลือดติดอยู่

ถ้าท่านใดยังไม่คุ้นกับการใช้แผนที่ อาจจะงงๆ ขอให้สังเกตจุดสำคัญ
คือบริเวณวงกลมสีแดง บนนถนนหมายเลข ๕ อันนั้นคือ " ลัท ฮวง "( Lat Houang : LS-9)
หากงงว่าลัท ฮวง อยู่ตรงไหน ? ก็ขอให้ย้อนดูแผนที่ ๑ : ๒๕๐,๐๐๐ ข้างบน

ตั้งหลักกันที่ บ้านผาขาว(LS-14) ด้านล่างค่อนไปขวาเล็กน้อย

แล้วดูแผนที่แผ่นนี้ต่อไปครับ



แผนที่แผ่นนี้ ก็คือแผ่นต่อด้านขวาของแผ่นแรก จะเห็นลัท ฮวง( LS-9) อยู่บริเวณมุมบนขวา
และบ้านผาขาว (LS-14) อยู่ในแผนที่แผ่นเดียวกันนี้ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้-ใต้ ของลัท ฮวง
ซึ่งเมื่อถอดเสกล-วัดระยะแล้ว ก็จะพบว่าลัท ฮวง อยู่ห่างจากบ้านผาขาว ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ ๓๐ ไมล์
หรือห่างจากล่องแจ้ง ประมาณ ๒๕ ไมล์ครับ

ลัท ฮวง เคยเป็นที่มั่นของทหารม้ง ก่อนที่จะแตกมารวมกันล่องแจ้ง


บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #42 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:25:22 PM »

คำบอกเล่าของท่านเจ้าของแผนที่ ถึงที่มาของคราบเลือดบนแผนที่

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ท่าน เสธ.ดำ ได้เก็บแผนที่ 1:50,000 ชุดนี้ไว้ เป็นแผนที่ที่ใช้ประจำตัวขณะปฏิบัติงานอยู่ล่องแจ้งร่วมกับ"วังเปา"
และเล่าให้ตาทุ้ยฟังถึงความเป็นมาของแผนที่ชุดนี้

วันที่ฝ่าย เสธ. ซึ่งได้แก่กรมผสมที่ 13(GM-13) ซึ่งนำลงมาจากน้ำยู้ 3 กองพัน และ BC ต่างๆ อีก3-5 BC
(ทหารไทยอาสาฯ) รวมทั้งทหารม้งและ SGU จากสะวันนะเขตอีก 3 กองพันถูกกองกำลังเวียตนามซึ่งมีทั้งปืนใหญ่
และรถถังทุ่มกำลังเข้าตีพร้อมๆกัน

ทำให้ฝ่ายเราไม่สามารถต้านทานได้เพราะแต่ละกองพันได้รับความเสียหายหนัก

เวลาประมาณบ่าย 2 โมงของเดือนกันยายน เสธ.ดำ ได้ขึ้น ฮ.UH-1Cของ Air America พร้อมกับ พ.อ.ซัวย่า ฝอ.3ของ "วังเปา"
Mr.Ray Lau จากน้ำยู้ Mr.Ham Bone case officer ของม้งเพื่อค้นหาทหารที่แตกมาจากทุ่งไหหิน

นักบินมองเห็นแผ่นผ้าสัญญาณตัว I สีส้มซึ่งเป็นทหารของ GM-13 จึงได้ลดระดับลงเพื่อรับผู้บาดเจ็บ

ขณะที่นักบินกำลังลดเพดานลงเหลือประมาณ 300 ฟิตก็มีเสียงปืนเล็กยิงขึ้นมาไม่ต่ำกว่า100นัด
ขณะเดียวกัน Ham Bone ซึ่งนั่งอยู่ด้านซ้ายติดกับผมก็โดนกระสุนที่ต้นขาขวาและเสียเลือดไปมาก
เสธ.ดำ จึงแจ้งให้นักบินทราบ และนักบินก็ได้รีบนำเครื่องร่อนลงฉุกเฉินที่ ผาดง(LS-5) ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 10 กม.

ฮ.อีกลำจากล่องแจ้งได้รีบบินมารับ Ham Bone และส่งเข้าอุดรฯภายในวันเดียวกัน นับว่าโชคดีที่เครื่องบินไม่ได้รับความเสียหาย
เพียงแต่เป็นรูพรุนนับรูกระสุนได้ร่วมร้อยรู....

ด้วยเหตุนี้ เสธ.ดำ จึงเก็บแผนที่ชุดนี้เอาไว้ดูเล่นเมื่อยามคิดถึง Ham Bone เพราะอย่างน้อยก็มีคราบเลือดของเขาติดไว้ให้
บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #43 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:31:26 PM »


อเมริกา นำวิธีทำถนนแบบใหม่เข้ามา(เรียกอะไรไม่รู้อีกเหมือนกัน ) แต่ทำได้ไว และถนนเรียบมาก


ตอนนั้นใครๆ คิดว่า อเมริกาใจดีจัง มาทำถนนให้ฟรีๆ แต่ที่จริงแล้ว ถนนเหล่านี้ คือเส้นทางลำเลียง
และส่งกำลังบำรุง สู่ฐานทัพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตาคลี โคราช อุดร นครพนม ฯลฯ ซึ่งจะโยงไปจากสัต***บ
อันเป็นท่าเรือหลัก ที่สินค้าและอาวุธยุทธภัณฑ์ ถูกลำเลียงเข้ามา






แหม... แม้แต่คำว่า "สัตหีบ" ยังโดนบล๊อค สุดยอดเลย ไอซีที Grin
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #44 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2009, 03:35:51 PM »

ภาพ บ้านนายพลวังเปา และเมืองล่องแจ้งในขณะนั้น(ภาพเป็นของ aircommandoman.com)



ส่วนภาพนี้เป็นบ้านนายพลวังเปาเช่นกัน สภาพเมื่อปีที่แล้ว (ท่านเสธ.ดำ เอื้อเฟื้อภาพ)

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.106 วินาที กับ 21 คำสั่ง