กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ)
~ Sitthipong - รักในหลวง ~:
อ้างจาก: todsagun ที่ ธันวาคม 05, 2008, 02:35:03 PM
โห...อาการนี้..มีนัยยะในข้อความแอบแฝงนะเนี่ย..!
แถวบ้านผม..เขาเรียกว่า..
สกูรไซด์..สโล่ห์..ฟาดชิ่ง..ครับ
::005:: ::005:: ::005::
ผมพูดถึงทศกัณฑ์ ยักษ์ชั่วครับ ::005::
todsagun:
งั๊นเดี๋ยว..เรามารอชมภาคต่อไปดีกว่า..
หลังจากโดนหนุมาณ..เผากรุงไปแล้ว..
จะมาไม้ไหนอีก..
แต่ที่แน่ๆ...
เรื่องนี้..ยาว..ชัวร์
เดื่อดร้อนกันทั้งยักษ์ทั้งลิงแหล่ะ..งานเนี๊ย..!
todsagun:
ตอน : พบสามพราหมณ์และนางผีเสื้อสมุทร
พระอภัยมณีและศรีสุวรรณ....
เดินทางมาจนถึงชายฝั่งทะเล.....
ได้พบกับพราหมณ์หนุ่มสามคน........
เมื่อพราหมณ์ทั้งสาม ทราบว่าเป็น.......ลูกกษัตริย์.....
ก็แสดงความนอบน้อม......
๏ ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถ ว่ากษัตริย์สุริยวงศ์ไม่สงสัย
ประณตนั่งบังคมขออภัย พระอย่าได้ถือความข้าสามคน
ซึ่งพระองค์สงสัยจึงไต่ถาม จะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
ข้าชื่อ วิเชียร โมรา เจ้าสานน ทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน
แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้ ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน
ได้รู้เรียกลมฝนคือคนนั้น ข้าแข็ง ขันยิงธนู สู้ไพริน
ยิงออกไป ได้ทีละเจ็ดลูก จะให้ถูกตรงไหน ก็ได้สิ้น
คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดิน อยู่บ้าน อินทคาม ทั้งสามคน ๚
พราหมณ์ทั้งสามพอจะเข้าใจถึงประโยชน์...
ของในวิชากระบี่กระบองที่ศรีสุวรรณร่ำเรียนมา....
แต่ยังสงสัยว่า.........เหตุใดพระอภัยมณีจึงไปเรียนการเป่าปี่..?
พระอภัยมณีจึงตอบไปว่า.......
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
๏ ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช จตุบาทกลางป่าพณาสิณฑ์
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
๏ ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง ๚
จากนั้นพระอภัยมณีก็หยิบปี่ขึ้นมาเป่าให้พราหมณ์ทั้งสามฟัง.........!
๏ ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุบผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่เลย ๚
๏ พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน ๚
๏ เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง สำเนียงเพียงการเวกกังวานหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล ให้ซาบซ่านเสียงสดับจนหลับไป ๚
๏ ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่ ฟังเสียงปี่วาววับก็หลับไหล
พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทราย ๚
บริเวณใกล้เนินทรายใต้ต้นไทรนั้น มีผีเสื้อยักษ์อาศัยอยู่ใต้สมุทร....!
ซึ่งนางกำลังออกหาอาหารในยามเย็น.....
ได้ฟังเสียงปี่ก็ตามเสียงปี่มา...
จนพบพระอภัยมณีเข้า...ก็หลงทันที...
นางรำพันถึงถึงพระอภัยมณีว่า ....
๏ ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง
ถ้าแม้นได้กับกูเป็นคู่ครอง จะตระกองกอดแอบไว้แนบเนื้อ
น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ
ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง
ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง
อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง โดยกำลังโลดโผนกระโจนโจม
แล้วนางก็สะกดพระอภัยมณี.......แล้วลักพาไปไว้ในถ้ำใต้สมุทร.....
จากนั้นก็แปลงกาย...........เป็นสาวสวยคอยรับใช้....คอยนวดเฟ้นอยู่....
เมื่อพระอภัยมณีฟื้นขึ้นมา....ก็รู้ว่านางไม่ใช่มนุษย์...
เพราะนัยตาไม่มีแวว...!
จึงบอกนางว่า......เรานั้นต่างเผ่าพันธุ์กันจะอยู่กันได้อย่างไร..?
นางผีเสื้อได้ฟังน้ำเสียงของพระอภัยฯ...
ก็เกิดหลงรักขึ้นมาอีก...จึงกล่าวว่า...
๏ อันน้องนี้ไร้คู่ที่สู่สม เป็นสาวพรหมจารีไม่มีผัว
ถึงเป็นยักษ์ยังไม่มีราคีมัว พระมากลัวผู้หญิงด้วยสิ่งใด
แม่เจ้าเอยคิดมาน่าหัวร่อ เห็นเค้าง้อแล้วยิ่งว่าไม่ปราศรัย
พลางแกล้งทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ ร้อนเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก
แล้วแกล้งทำสำออยพูดอ้อยอิ่ง เข้าแอบอิงเอนทับลงกับตัก
ยิ่งถอยหนีก็ยิ่งตามด้วยความรัก ยิ่งพลิกผลักก็ยิ่งแอบแนบอุรา ๚
พระอภัยมณีก็ตกใจและรำคาญเป็นอย่างมาก...
จึงถีบนางยักษ์ตกจากแท่น....
แต่นางยักษ์ก็ไม่ยอมละความพยายาม........ตามตื้อจนถึงที่สุด...
๏ เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแชะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่ง ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด ประกบติดตกผางลงกลางดิน ๚
พระอภัยมณีจำต้องทนอยู่กินกับนางผีเสื้อ......จนมีลูกชายชื่อ...."สินสมุทร"
ซึ่งต่อมาสินสมุทรก็จับเงือกมาให้พ่อเล่น....
แล้วพวกเงือกเหล่านั้น........ก็พาพระอภัยมณีและสินสมุทร์หนีนางผีเสื้อยักษ์ไปตั้งหลักที่ ..."เกาะแก้วพิสดาร"
(โปรดติดตามตอนต่อไป...)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว