๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
มีนาคม 28, 2024, 08:14:03 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 15 16 17 [18] 19 20 21
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศัพท์...กล้อง...ถ่าย  (อ่าน 140896 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #255 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2009, 06:40:11 PM »

Glare เป็นแสงที่สะท้อนแสงได้ดี เช่น น้ำ, กระจำเงา หรือวัตถุผิวมันเงา แกลร์ สามารถลดลงได้ดวยฟิลเตอร์ โพลาไรซ์





บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #256 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2009, 08:36:45 PM »

Glare เป็นแสงที่สะท้อนแสงได้ดี เช่น น้ำ, กระจำเงา หรือวัตถุผิวมันเงา แกลร์ สามารถลดลงได้ดวยฟิลเตอร์ โพลาไรซ์







มองอีกที มันก็สวยไปอีกแบบครับพี่เจน

หากว่าเราไม่พึงประสงค์ก็ใช้อุปกรณ์ช่วยตัดออก เข้าใจอย่างนี้ ถูกต้องเปล่าครับ?
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #257 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2009, 09:34:33 PM »

Glare เป็นแสงที่สะท้อนแสงได้ดี เช่น น้ำ, กระจำเงา หรือวัตถุผิวมันเงา แกลร์ สามารถลดลงได้ดวยฟิลเตอร์ โพลาไรซ์


มองอีกที มันก็สวยไปอีกแบบครับพี่เจน

หากว่าเราไม่พึงประสงค์ก็ใช้อุปกรณ์ช่วยตัดออก เข้าใจอย่างนี้ ถูกต้องเปล่าครับ?

ถูกแต่ไม่หมดครับ

เวลาถ่ายภาพย้อนแสง หากเกิดแสงเกิดขึ้นบนภาพ ไม่ไช่ว่า อุปกรณ์ ที่ผมกล่าว จะสามารถขจัดแสงส่วนเกินเหล่านั้นออกได้หมด เป็นเพียง แค่ ลดลงไประดับหนึ่งเท่านั้น อยู่ที่ว่า แสงไม่พึงประสงค์ เหล่านั้น ปรากฎบนภาพ ลักษณะไหน หลีกเลี่ยงได้ หรือไม่ แล้วถ้าใส่อุปกรณ์ช่วย (  ฮูด หรือ CPL) อาจได้ภาพที่ไม่ได้เรื่องก็ได้

การถ่ายภาพอยู่ที่ความพอใจของผู้ถ่ายครับ บางครั้ง แสงที่ไม่พึงประสงค์ ก็สร้างอารมณ์ ภาพ ให้ออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้าไม่มี อาจไม่สวยก็ได้
บันทึกการเข้า
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #258 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2009, 06:27:08 PM »

 ศัพท์...กล้อง วันนี้เสนอ คำว่า  teleconverter



เป็น เลนส์ ที่เป็น อุปกรณ์ เสริมมาต่อเข้าระหว่าง เลนส์ กับ ตัวกล้อง เพื่อให้มีทางยาวโฟกัส สูงขึ้น แต่จะ มีการสูญเสียแสงไป 1-2 สตอป อย่างเช่น 1.4X จะสูญเสียแสงไป 1 สตอป

ตัวเลข 1.4X เป็นตัวคูณขนาดของ เลนส์ ที่นำเข้ามาสวมต่อ อย่างเช่น เลนส์ 100 มม. ต่อผ่าน เทเลคอนเวอร์เตอร์ ตัวนี้จะมีทางยาวโฟกัสเท่ากับ 140มม.

บันทึกการเข้า
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #259 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2009, 10:48:56 PM »

ศัพท์...กล้อง วันนี้ เสนอ คำว่า Kelvin

หน่วยวัดอุณหภูมิสี ตั้งตามชื่อนักฟิสิกส์ชื่อ William Thompson Kelvin ซึ่งเป็นผู้ทดลองการเปลี่ยนแปลงของสีที่เกิดจากการเรืองแสงของวัตถุดำ(Black body) ที่ได้รับความร้อนและเรียกว่าอุณหภูมิสี โดยแสงสีขาวจากวงอาทิตย์จะมีอุณหภูมิสีเท่ากับ 5500 องศาเคลวิน หากอุณหภูมิสีต่ำกว่านี้จะมีสีโทนแดง หรือสูงกว่านี้จะมีสีโทนฟ้าหรือน้ำเงิน






บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #260 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2009, 12:19:50 PM »

รบกวนช่วยอธิบายเรื่องการวัดแสงให้แจ่มๆหน่อยครับพี่ๆ ที่เคารพ ผมยังมึนอยู่เลย เท่าที่อ่านๆมา มันยังไม่กระจ่าง (เอาแค่วัดแสงกับกล้องครับ ไม่ต้องถึงกับใช้เครื่องวัดแสง)

คือว่ามันเป็นแบบใหน ทำอย่างไร แล้วมันแสดงผลให้เราเห็นอย่างไรครับ) มึนจริงๆครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #261 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2009, 11:09:07 PM »

ระบบวัดแสง (Light Metering)



      ในกล้องดิจิตอลจะมีระบบวัดแสงเช่นเดียวกับกล้องใช้ฟิล์ม ระบบวัดแสงทำหน้าที่ควรคุมปริมาณแสงที่จะตกลง Image Sensor ให้เหมาะสมในแต่ละภาพ ทำให้ได้ภาพที่สว่างพอดี (Normal Exposure) ไม่มืดดำ (Under Exposure) หรือขาวสว่าง (Over Exposure) เกินไป ระบบวัดแสงของกล้องดิจิตอลจะมีอยู่ 2-ลักษณะคือ ใช้ Sensor สำหรับวัดแสงโดยตรง โดยจะมี Light Sensor แยกออกมาสำหรับควบคุมปริมาณแสงโดยเฉพาะ กับใช้ Image Sensorในการกำหนดความมืดสว่างของภาพแทน Light Sensor


ระบบวัดแสงของกล้องดิจิตอลแบ่งออกเป็น 4 ระบบใหญ่ ๆ ให้เลือกใช้งานคือ

1. ระบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ ( Average Light-Meterting) เป็นการวัดแสงโดยการเฉลี่ยความสว่างของวัตถุในภาพทั้งหมด แล้วใช้ค่าเฉลี่ยที่ได้ในการเปิดรับแสง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตามแสง ไม่มีส่วนมืดหรือสว่างมากเกินไป ใช้งานได้ดีกับภาพทิวทัศน์

2. ระบบวัดแสงเฉลี่ยหนักกลางภาพ (Center-weight Average-Light-Metering) คล้าย ๆ กับระบบเฉลี่ยทั้งภาพ แต่มีการเน้นความสำคัญในบริเวณกลางภาพมากกว่าส่วนอื่นๆ ทำให้วัตถุที่อยู่กลางภาพมีผลต่อการวัดแสงมากกว่าส่วนอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีสภาพแสงไม่ยุ่งยากมากนัก ไม่มีส่วนมืดหรือสว่างมากจนเกินไป ใช้ในการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล หรือถ่ายภาพตามแสงได้ดี

3. ระบบวัดแสงแบ่งพื้นที่ (Multi-segment Light-Metering) ระบบนี้จะมีการแบ่งพื้นในช่องมองภาพออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ตั้งแต่ 64 ถึง 1000 ส่วน แต่ละส่วนจะวัดแสงในพื้นที่ของตนเอง แล้วนำค่าแสงมาประมวลผลเพื่อหาความเปรียบต่าง ความสว่างของพื้นที่จุดสนใจ ความสว่างของพื้นที่ส่วนใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ลักษณะภาพที่ควรจะเป็น และกำหนดค่าการเปิดรับแสงออกมา เป็นระบบวัดแสงที่ทันสมัยและชาญฉลาดมากที่สุด เหมาะกับการถ่ายภาพในทุกสถานะการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล ภาพเคลื่อนไหว ภาพกลางคืน ภาพมีความแตกต่างของแสงมาก ๆ สามารถวัดแสงได้แม่นยำ เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความรวดเร็ว หรือผู้ใช้ไม่ชำนาญในด้านการวัดแสงมากนัก

4. ระบบวัดแสงเฉพาะจุด (Spot Light-Metering) เป็นการวัดแสงจากพื้นที่ส่วนกลางภาพเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชำนาญในการถ่ายภาพมาก ๆ ใช้งานยาก แต่มีความแม่นยำสูงมากหากใช้งานได้ถูกต้อง

5. ระบบวัดแสงเฉพาะส่วนกลางภาพ (Partial Light -Metering) คล้ายระบบวัดแสงเฉพาะจุด วัดแสงเฉพาะส่วนกลางภาพ แต่พื้นที่ใหญ่กว่าแบบเฉพาะจุด ให้ความแม่นยำสูง แต่ใช้งานยากพอ ๆ กับระบบเฉพาะจุด


หากกล้องดิจิตอลที่ใช้งาน มีระบบถ่ายภาพแบบปรับตั้งเอง หรือ Manual, M ซึ่งเป็นระบบที่ผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ และขนาดช่องรับแสงได้ด้วยตนเอง ผู้ใช้จะทราบได้อย่างไรว่าปริมาณแสงที่มีอยู่ในขณะนั้น หากตั้งความเร็วชัตเตอร์ค่านี้ จะต้องใช้ค่าช่องรับแสงเท่าไรเพื่อให้ภาพที่ได้พอดี ไม่มืดหรือสว่างเกินไป หน้าที่ในการหาค่าความเร็วชัตเตอร์ หรือขนาดช่องรับแสงนี้เป็นหน้าที่ของเครื่องวัดแสง ผู้ใช้ต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องการใช้งาน ทำการวัดแสง และดูสเกลวัดแสง ถ้าสเกลวัดแสงอยู่ในทางแสดงว่าแสงน้อยเกินไป ต้องเปิดช่องรับแสงกว้างขึ้น (ตัวเลข F-Number น้อย) เพื่อให้สเกลวัดแสงมาอยู่ที่ตรงกลางหรืออยู่ในระดับ 0 คือ พอดี หรือผู้ใช้อาจจะตั้งขนาดช่องรับแสงที่ต้องการก่อนก็ได้ แล้ววัดแสงดูสเกล จากนั้นปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ได้สเกล 0 แทน
การวัดแสงจะกระทำต่อเมื่ออยู่ในระบบถ่ายภาพแบบปรับตั้งเองเท่านั้น หากเป็นระบบถ่ายภาพอัตโนมัติต่างๆ การวัดแสงและการปรับตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ หรือขนาดช่องรับแสง หรือทั้งสองส่วนจะเป็นแบบอัตโนมัติตามระบบการทำงานที่เลือกใช้


การเข้าสู่ระบบชดเชยแสง ส่วนใหญ่จะเข้าที่ Menu > Exposure Compensation หรือเครื่องหมาย +- > ตั้งค่าชดเชยแสง หรือกดปุ่มชดเชยแสงแล้วหมุนวงแหวนเลือกค่าชดเชยแสงก็ได้

การชดเชยแสงจะกระทำเมื่อการทำงานของระบบวัดแสงไม่สามารถให้ภาพได้ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เช่น ภาพมืดเกินไปหรือสว่างเกินไป จากที่ต้องการ หาก

1.ภาพมืดเกินไป มักเกิดจากการถ่ายภาพย้อนแสง มีวัตถุสว่างในภาพมาก ๆ ทำให้ระบบวัดแสงทำงานผิดพลาด ภาพมืดกว่าที่ต้องการ ผู้ใช้กล้องต้องเพิ่มค่าแสง โดยการชดเชยแสงไปทาง + ภาพจะสว่างขึ้น

2. ภาพสว่างเกินไป มักเกิดจากวัตถุมีสีเข้ม หรือฉากหลังมีสีเข้มกว่าตัวแบบ ทำให้เครื่องวัดแสงทำงานผิดพลาด ภาพสว่างกว่าที่ต้องการ ผู้ใช้กล้องต้องลดปริมาณแสงลง โดยการชดเชยแสงไปทาง - ภาพจะมืดลง

การชดเชยแสงจะมากหรือน้อยขึ้นกับความต้องการให้ภาพเป็นอย่างไรเป็นสำคัญไม่มีค่าตายตัวหรือข้อกำหนดในการใช้งาน ซึ่งเมื่อใช้งานระบบชดเชยแสงไปนาน ๆผู้ใช้จะเริ่มรู้ว่าควรชดเชยแสงเท่าไรในภาพนั้น ๆ แต่ถ้าไม่ต้องการใช้ความชำนาญ ให้ใช้ระบบถ่ายภาพแบบ Preview ซึ่งกล้องจะแสดงภาพที่ถ่ายได้ก่อนบันทึกลงการ์ด หากภาพเป็นที่พอใจค่อยบันทึกลงการ์ด แต่ถ้าไม่พอใจ สามารถปรับเปลี่ยนค่าชดเชยแสงเพื่อให้ได้ภาพที่ต้องการได้ จะได้ภาพที่มีความสว่างดังใจ ส่วนกล้องที่ไม่มีระบบ Preview อาจจะต้องถ่ายภาพ บันทึกลงการ์ด แล้วค่อยดูภาพ หากไม่พอใจก็ต้องลบภาพทิ้งแล้วถ่ายภาพใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะเสียเวลามากกว่า

ระบบชดเชยแสงแฟลชจะแยกออกจากระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง สามารถเข้าไปใช้ระบบนี้ได้โดยการเข้าที่ Menu > Flash >Exposure Compensation หรือ +- การใช้งานเหมือนการใช้ระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง แต่ให้ดูที่แสงแฟลชแทนว่าแสงแฟลชมากหรือน้อยเกินไป ไม่ใช่ดูภาพทั้งภาพ

ข้อจำกัดของระบบชดเชยแสงแฟลชก็คือ หากแสงแฟลชน้อยเกินไปเพราะแฟลชอยู่ห่างจากวัตถุมากเกินไป แม้จะชดเชยแสงแฟลชเพิ่ม ภาพก็จะไม่สว่างขึ้น เพราะเกินกำลังการทำงานของแฟลช


ระบบถ่ายภาพคร่อมค่าการเปิดรับแสง (Bracketing)


ระบบถ่ายคร่อมค่าการเปิดรับแสงจะมีอยู่ในกล้องดิจิตอลเกือบทุกรุ่นเช่นเดียวกับระบบชดเชยแสงสามารถเข้าสู่ระบบถ่ายภาพคร่อมได้โดยการเลือก Menu > Bracketing หรือเข้าไปที่ระบบถ่ายภาพคร่อมโดยตรง ซึ่งมักจะแยกออกเป็นระบบถ่ายภาพต่างหากที่ระบบการทำงานหลัก สัญลักษณ์จะเป็นสี่เหลี่ยมสามอันซ้อนกัน เป็นขาว เทา และดำ

เมื่อเข้าสู่ระบบถ่ายคร่อม กล้องจะให้เลือกค่าการถ่ายคร่อม เช่น +-0.3 EV หมายถึงจะถ่ายภาพทั้งหมด 3 ภาพ โดยมีค่าการเปิดรับแสง น้อยกว่าที่วัดแสงได้ 0.3 EV ตามค่าการวัดแสง และมากกว่าที่วัดแสงได้ 0.3 EV เป็นต้น จากนั้นกล้องจะเก็บภาพทั้ง 3 ภาพเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถไปเลือกภายหลังได้ว่าภาพใดให้สีดีที่สุด






บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #262 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2009, 09:12:46 AM »

 ไหว้

ขอบคุณพี่ มั่นใจขึ้นอีกนิด อิๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
coda
None of us is as smart as all of us.
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20775



เว็บไซต์
« ตอบ #263 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2009, 09:32:17 AM »

...คุณเจน ขยันดีจัง  หลงรัก
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #264 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2009, 10:17:12 AM »

...คุณเจน ขยันดีจัง  หลงรัก

พี่แก้วจะตบรางวัลพี่เจน หรือครับ อิๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #265 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2009, 06:24:36 PM »

...คุณเจน ขยันดีจัง  หลงรัก

พี่แก้วจะตบรางวัลพี่เจน หรือครับ อิๆ

อืม พี่แก้วอยู่ ขอนแก่น คุณ เข้ม อยู่ ใต้ ผม อยู่ กทม. แล้วจะเอารางวัล ยังไงดีหล่ะ??  คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #266 เมื่อ: มีนาคม 01, 2009, 12:51:08 AM »

คุณ เข้ม ท่องคำย่อ เหล่านี้ให้หมดด้วยหล่ะครับ การบ้าน สำหรับวันนี้

 ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย

ปกร. = ประกันร้าน
ปกศ. = ประกันศูนย์
หนอน = canon
นิกร = Nikon
โอลี่ = Olympus
แป้นแตก = Pentax
ซิกฝ้า  (อาม่า) = Sigma
ทำหล่น (แทมมี่) = Tamron
อย่าซิคะ = Yashica

PS = Photoshop
HDR = hyper dynamic range
HBD = happy birthday
USM = ultrasonic motor
USM = unsharp mark
มตพ.= multiply
DOF = Depth of field
ATM = เอาไว้ใช้เวลาจะซื้อกล้อง
VR = กันสั่นของนิกร
IS = กันสั่นของหนอน
L = หนอนไฮโซ (เลนส์เกรดหรูหรา Luxury)
Mount = ข้อต่อเลนส์กับกล้อง
f-number หรือ f = ค่ารูรับแสง
s = shutter speed
ISO = ค่าความไวแสง
FHM = อันนี้ซื้อทุกฉบับ
Focusing screen = ฉากรับภาพ
กระจกสะท้อนภาพ = เอาไว้สะท้อนภาพจากเลนส์ไปยัง Focusing screen
Prism = หัวกะโหลก = เป็นยอดแหลมอยู่บนตัวกล้อง SLR เอาไว้สะท้อนภาพจาก Focusing screen ไปยังช่องมองภาพ
Hot shoe = ที่เอาไว้เสียบแฟลช อยู่บนตัวกล้อง ปกติจะอยู่บนหัวกะโหลก
FF = Full Frame = เซ็นเซอร์รับภาพ ที่มีขนาดเท่ากล้องฟิล์ม 35มม. (24x36มม.)
Fillter = แผ่นสำหรับใส่หน้าเลนส์ (ใส่หลังเลนส์ก็มี) เพื่อ.

Canon
EF = Electro-Focus คือเลนส์ที่ใช้กับกล้องฟิลม์ หรือ Full frame แต่ก็ใส่กับดิจิตอลได้
EF-S = คือเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อกล้องดิจิตอล (เอามาใส่ Full frame ก็ได้แต่จะเป็นขอบดำช่วงวายด์ แต่เลนส์ รุ่นใหม่ ทำท้ายเลนส์ให้ยาวกว่า EF ทำให้ใส่กับกล้อง FF ไม่ได้)
TS-E = TILT-SHIFT Lens คือเลนส์ที่สามารถปรับ Perspective ได้
L = Luxury คือหรัสเลนส์เกรดโปรของ Canon โดยจะมีวงแหวนสีแดงที่เลนส์ บางรุ่นจะมีตัวบอดี้สีขาว
DOE = Diffractive Optical element เป็นชิ้นเลนส์เพื่อแก้อาการ คลาดสี หรือ ชิ้นเลนส์ Asperical ปัจจุบันใช้ UD element แทน
IS = Image Stabilizer กันสั่น
USM = Ultrasonic Motor มอเตออัลตราโซนิคความเร็วสูง (ซึ่งแต่ละตัวก็จะใช้มอเตอร์ที่ไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่ารุ่นไหน เกรดโปร หรือเกรดธรรมดา)
MACRO = ถ่ายมาโคร เลนส์ถ่ายภาพระยะใกล้



Nikon
AF = Autofocus คือเลนส์ที่ใช้กับกล้องฟิลม์ หรือ Full frame แต่ก็ใส่กับดิจิตอลได้
AF-S = Autofocus Silent Wave Motor มอเตอร์ความเร็วสูงในเลนส์ เหมือนกับ USM ของ Canon
DX = DX Nikkor คือเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อกล้องดิจิตอล (เอามาใส่ Full frame ก็ได้แต่จะเป็นขอบดำช่วงวายด์)
VR = Vibration Reduction กันสั่น
D = D-Type คือเลนส์ที่มีวงแหวนปรับรูรับแสงที่ท้ายเลนส์ สามารถใช้กับกล้องแมนนวล รุ่นเก่าๆได้
G = G-Type คือเลนส์ที่ไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสงที่ท้ายเลนส์
ED = Extra-low Dispersion ชิ้นเลนส์เพื่อแก้ความคลาดเคลื่อนสี จะมีอยู่หลายชิ้นในเลนส์เกรดโปร
IF-ED = Internal Focusing Extra-low Dispersion IF คือเลนส์ที่มีระบบโฟกัสอยู่ภายใน หน้าเลนส์ไม่หมุนเวลาโฟกัส ส่วน ED ก็เหมือนข้างบน แค่เค้าเอามาเขียนให้ติดกันเฉยๆ
MICRO = ถ่ายมาโคร เลนส์มาโครของ Nikon แต่เขียนให้ต่างกว่าค่ายอื่น ซึ่ง MICRO หมายความว่า เล็กๆ จิ๋วๆ

SIGMA
EX = EX Lens เป็นรหัสเลนส์เกรดโปรของ Sigma
APO = APO Lens เป็นชิ้นเลนส์แก้ความคลาดเคลื่อนสี
DC = DC Lens คือเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อกล้องดิจิตอล (เอามาใส่ Full frame ก็ได้แต่จะเป็นขอบดำช่วงวายด์)
DG = DG Lens คือเลนส์ที่ใช้กับกล้องฟิลม์ หรือ Full frame แต่ก็ใส่กับดิจิตอลได้
OS = Optical Stabilizer กันสั่น
IF = Inner Focus คือเลนส์ที่มีระบบโฟกัสอยู่ภายใน หน้าเลนส์ไม่หมุนเวลาโฟกัส
HSM = Hyper-Sonic Motor มอเตอร์ความเร็วสูงในเลนส์ เหมือนกับ USM ของ Canon และ AF-S ของ Nikon




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 02, 2009, 12:00:26 PM โดย 686 » บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3701
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #267 เมื่อ: มีนาคม 01, 2009, 01:00:32 AM »

สอบเมื่อไหร่ครับพี่ อิๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #268 เมื่อ: มีนาคม 04, 2009, 11:24:05 PM »

ศัพท์...กล้อง  วันนี้ เสนอ คำว่า Noise


Noise = สัญญานรบกวน ทำให้ภาพแตกเป็นเม็ดคล้ายๆ กับฟิล์มเกรนแตกเมื่อใช้ที่ความไวแสงสูงหรือเมื่อเปิดรับแสงเป็นเวลานาน Hot Pixel ซึ่งมีลักษณะเป็นจุดสีสว่างกระจายทั่วภาพคล้ายกับฝุ่นหรือบางคนอาจจะมองคล้ายมีหิมะตกไปทั่วภาพ อันเกิดเนื่องจากการเปิดรับแสงเป็นเวลานานมากๆ

Noise เกิดจากการที่เซลรับแสงแต่ละจุดบนอิมเมจเซ็นเซอร์ไม่สามารถผลิตสีเท่ากันแม้จะได้รับแสงเท่ากันเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

1. พื้นที่รับแสงในแต่ละจุดบนอิมเมจเซ็นเซอร์มีขนาดไม่เท่ากัน

2. อัตราการสร้างกระแสไฟฟ้าในแต่ละเซ็นเซอร์ไม่เท่ากัน

3. มีสัญญาณรบกวนในระบบการส่งผ่านข้อมูล

4. ความร้อนที่ตัวเซ็นเซอร์ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้นเองโดยไม่ได้รับแสง

สาเหตุของการเกิด Noise เป็นข้อจำกัดทางเทคโลโลยีในการผลิตอิมเมจเซ็นเซอร์ในปัจจุบัน เมื่อมีการพัฒนาเซ็นเซอร์รุ่นใหม่จึงมักจะได้ภาพที่มี Noise ต่ำกว่าเซ็นเซอร์รุ่นเก่า กล้องรุ่นใหม่ที่ใช้เซ็นเซอร์รุ่นใหม่จึงให้ภาพที่ดีกว่ารุ่นเก่าเสมอ(เปรียบเทียบที่ความไวแสง ความละเอียด และขนาดเซ็นเซอร์เท่ากัน)

ผลของ Noise ทำให้สีสันของภาพไม่แน่น ดังนั้น ความสดใสของสีในภาพจะลดลง รวมทั้งจุดสีที่เกิดขึ้นทำให้ความคมชัดและรายละเอียดของภาพน้อยลงด้วย เป็นอาการใกล้เคียงกับลักษณะการแตกของเกรนในฟิล์มถ่ายภาพ สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายในบริเวณโทนสีกลางและโทนสีเข้ม สีน้ำเงินมักจะมี Noise มากกว่าสีแดง

ปริมาณของ Noise ขึ้นกับปัจจัยหลายประการด้วยกัน โดยหลักแล้วสิ่งที่มีผลต่อปริมาณ Noise ได้แก่

1. ขนาดของอิมเมจเซ็นเซอร์ กล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่มักจะให้ภาพที่มี Noise ต่ำกว่ากล้องที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดเล็ก

2. ขนาดของเซลรับแสงในเซ็นเซอร์ กล้องที่ใช้เซลรับแสงขนาดใหญ่จะให้ภาพมีสัญญาณรบกวนต่ำกว่ากล้องที่ใช้เซลรับแสงขนาดเล็ก

3. ความละเอียดของพิกเซล กล้องที่มีจำนวนพิกเซลมากมักจะมี Noise มากกว่ากล้องที่มีพิกเซลน้อยกว่า(เมื่อใช้เซ็นเซอร์ขนาดเท่ากัน)

4. ความไวแสง เมื่อตั้งความไวแสงสูง กล้องดิจิตอลจะให้ภาพมี Noise สูงกว่าที่ความไวแสงต่ำเสมอ

5. เวลาในการเปิดรับแสง การเปิดรับแสงนานจะทำให้อิมเมจเซ็นเซอร์มีความร้อนสูง จึงได้ภาพที่มี Noise สูงกว่า

6. ความร้อนที่ตัวเซ็นเซอร์ การถ่ายภาพที่สภาพอากาศร้อน การใช้งานกล้องติดต่อกัน ทำให้เกิดความร้อนที่อิมเมจเซ็นเซอร์สูง ภาพที่ได้จะมี Noise สูงกว่าเสมอ

--------------------------------------------------------------------------------

เนื่องจาก Noise มีปัจจัยควบคุมอยู่หลายประการ หากต้องการกล้องที่มี Noise ต่ำ ควรเลือกกล้องที่

1. ใช้อิมเมจเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ (Image Sensor size)

2. ใช้เซลรับแสง(Photo Diode)ที่มีขนาดใหญ่

3. มีระบบประมวลผลคุณภาพสูง

4. จำนวนพิกเซลไม่มากเกินขีดจำกัดของขนาดเซ็นเซอร์

กล้องดิจิตอลแบบคอมแพครุ่นใหม่บางตัวจะมี Noise สูงเพราะใช้เซ็นเซอร์เล็ก แต่มีการเพิ่มความละเอียดขึ้นไปสูงมากๆ ทำให้ขนาดของเซลรับแสงเล็ก ส่งผลให้ภาพมี Noise สูง



บันทึกการเข้า
pimdown
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 22
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 800



« ตอบ #269 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2009, 09:47:52 AM »

พี่ๆครับกล้องนิคอน แต่อยากใช้เลนล์แคนนอนต้องทำอย่างไรบ้าง จะทำให้คุณภาพเปลี่ยนไปหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 15 16 17 [18] 19 20 21
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 24 คำสั่ง