เครื่องบินขับไล่ใหม่ กองทัพอากาศไทย

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

โครเอเชียจะจัดหา ฮ.ลาดตระเวน OH-58D จากสหรัฐฯ 16เครื่อง



http://www.jutarnji.hr/jutarnji-doznaje--ministar-kotromanovic-pisao-pentagonu-hrvatska-trazi-od-sad-a-16-borbenih-letjelica-/1236155/

สื่อรายงานข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมโครเอเชียว่าได้ส่งจดหมายข้อเสนอขอจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน

ติดอาวุธแบบ OH-58D Kiowa Warrior จากรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 16เครื่อง


โดย ฮ.ดังกล่าวจะเป็นการจัดหาในลักษณะการบริจาคโดยรัฐบาลโครเอเชียจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนการ

ซ่อมคืนสภาพเครื่องและปรับปรุงทันสมัยเอง


OH-58D Kiowa Warrior เป็น ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธสำหรับภารกิจสอดแนม (Scout) ซึ่งกองทัพบกสหรัฐ ฯ

ใช้งานมานานกว่า30ปีแล้ว  แต่เนื่องจากโครงการจัดหา ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธแบบใหม่ทดแทน OH-58D

นั้นมีปัญหาถูกระงับโครงการมาหลายครั้งตั้งแต่ RAH-66 Comanche, ARH-70 และล่าสุด Armed Aerial Scout


OH-58D จึงจะยังคงถูกยืดระยะเวลาการใช้งานออกไปอีกหลายปี รวมถึงการนำเครื่องที่สำรองเก็บไว้ปรับปรุงใหม่

ขายให้มิตรประเทศด้วยครับ

http://aagth1.blogspot.com/2014/11/oh-58d-16.html

[แปจีหล่อ คนสันขวาน]

 ข่าวนี้คงทำนักบินเครื่องสเตลธ์ทั้งหลายหนาวๆร้อนๆบ้างแหละ
https://www.facebook.com/NATO.MilitaryFanclub/posts/540193992783497:0

[Yut64]

ห่วงแต่ว่าเจ้าเรดาห์นั่นมัวแต่สแกนเพลินๆโดน Haarm แอบเกาะลำคลื่นเข้ามาน่ะซิแถมยิงมาจากเจ้า Rapter นั่นเอง

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

ยูเครนพิจารณาแผนการผลิตเครื่องบินฝึก L-15 จากจีนในประเทศ



Airshow China 2014: Ukraine considers local production of Hongdu L-15
http://www.janes.com/article/45753/airshow-china-2014-ukraine-considers-local-production-of-hongdu-l-15

ยูเครนกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดสายการผลิตประกอบเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า/โจมตีเบาแบบ

Hongdu L-15 จากจีนภายในประเทศ   ถ้าการเจรจากับจีนประสบผลจีนจะส่งตัวถังโครงสร้างเครื่องเปล่าของ L-15

มาทำการประกอบในยูเครน   ซึ่งยูเครนสามารถผลิตเครื่องยนต์ Ivchenko AI-222-25 ที่ใช้กับ L-15 ได้เองในประเทศอยู่แล้ว

(อุตสาหกรรมทางทหารของยูเครนมีบทบาทมากในความร่วมมือการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ไอพ่นสำหรับอากาศยานจีนหลายแบบ)

โดยยูเครนมีแผนจะทำการติดตั้งระบบ Avionic, Radar และระบบอาวุธของตนเองโดยไม่ใช้ระบบของจีน  ทำให้ L-15

ที่ยูเครนวางแผนจะประกอบเป็นรุ่นเฉพาะของตนเองที่ต่างจากจีน


ปัจจุบันกองทัพอากาศยูเครนมี บ.ฝึกไอพ่นแบบ L-39 อยู่ 34เครื่อง ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่เป็น L-39M1 เพียง 3เครื่องในปี 2012

(มีรายงาน L-39 4เครื่องถูกยึดโดยกองทัพรัสเซียที่ฐานทัพอากาศ Belbek ขณะเหตุรัสเซียเข้าผนวก Crimea  แต่รายงานล่าสุด

ที่ได้รับคือรัสเซียส่งเครื่องบินที่ยึดได้ส่วนหนึ่งคืนให้กองทัพยูเครนแล้ว)  ยูเครนอาจจะต้องการ บ.ฝึก/โจมตีเบาเพิ่มเติม

รองรับสถานการณ์รบในเขต Donbass และกับรัสเซียครับ

http://aagth1.blogspot.com/2014/11/l-15.html

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

บราซิลอาจจะซื้อ Gripen อย่างน้อย108เครื่อง



Brazil May Buy Over 100 Gripen Jets
http://online.wsj.com/articles/brazil-may-buy-over-100-gripen-jets-1416330991

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพบราซิลได้ให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับสัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F

กับ SAAB AB สวีเดนในโครงการ F-X2 เพื่อทดแทน Mirage 2000 ว่า กองทัพอากาศบราซิลต้องการจะจัดหา

Gripen อย่างน้อย 108เครื่องเพื่อให้มีจำนวนเครื่องบินรบเพียงพอตามความต้องการ พลอากาศจัตวา Jose Augusto

Crepaldi Affonso หัวหน้าโครงการกล่าว  นอกจากเครื่อง Gripen ที่จะประกอบเองโดย Embraer บราซิลอย่างน้อย

15เครื่องจาก 36เครื่องที่จะได้รับมอบ ในช่วงปี 2019-2024แล้ว มีแนวโน้มว่ากองทัพบราซิลจะเพิ่มจำนวนการจัดหา

เครื่องมากขึ้น   โดยกองทัพเรือบราซิลยังมีโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินแบบใหม่ทดแทน

เครื่องบินโจมตีแบบ A-4M 12เครื่อง ที่มีกำหนดปลดประจำการในปี 2025   ซึ่งกองทัพเรือบราซิลอาจจะเลือก Sea Gripen

ที่ SAAB กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา แม้ว่าจะยังไม่มีเครื่องต้นแบบจริงถูกสร้างออกมาในขณะนี้ก็ตาม  รวมถึงการทดแทน

เครื่องบินขับไล่ F-5EM/FM ที่จะเริ่มปลดประจำการในช่วงปี 2017-2030 จนถึงเครื่องบินโจมตี A-1M(AMX) ที่มีกำหนด

ปลดประจำการในปี 2032 อีกเป็นจำนวนมากในส่วนกองทัพอากาศบราซิลแล้ว สายการผลิตของ Gripen E/F สำหรับ

กองทัพบราซิลที่เพิ่มขึ้นอาจจะยืดไปจนถึงช่วงปี 2030 ครับ

http://aagth1.blogspot.com/2014/11/gripen-108.html

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

Eurocopter UH-72A Lakota
6 aircraft requested in 2013. On March 2014 a contract was awarded through Foreign Military Sale (FMS) for u$s 34 millions with expected delivery date of April 2015.
On September 2014 was announced a second deal for 9 additional aircraft for u$s 89 million.
ในปี 2556 ทบ ไทย มีความต้องการซื้อเครื่อง Eurocopter UH-72A Lakota ล๊อตแรกจำนวน 6 เครื่อง.ในเดือนมีนาคมปี2557 ได้มีการทำญญาซื้อแบบ Foreign Military Sale (FMS) มูลค่า34ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งมอบได้ในเดือนเมษายน 2558 และในเดือนกันยายน 2557 ได้ทำสัญญาซื้อเพิ่ม 9เครื่อง มูลค่า89ล้านเหรียญสหรัฐฯ.เครื่องแรกที่จะได้หมายเลขประจำเครื่องคือ 9644 ซึ่ง UH-72A Lakota นั้นจัดหามาเพื่อจะมาทดแทน UH-1H HUEY ที่ใช้งานมายาวนานในกองทัพบก
คุณสมบัติที่ ทบ เลือก Eurocopter UH-72A Lakota มีเงื่อนไขดังนี้
1. เครื่องยนต์ใหม่ดูแลง่าย
2. ออกแบบมาเพื่อเป็น ฮ. ธุรการ ตรงภารกิจ
3. แพนหางสูง สมารถเปิดประตูท้าย เหมือนรถ5ประตู ขนคนเจ็บขนสัมภาระใหญ่ๆได้
4. หาอะไหล่ง่าย ฮ.ตัวนี้เดิมทีมันเป็นของยูโรคอปเตอร์ EC145 แต่ไอกันซื้อสิทธิบัตรมาผลิตเอง
5. วงรอบโรเตอร์แคบมากเมื่อเทียบกับฮิวอี้ และเครื่อง 212 ทำให้ใช้พื้นที่น้อยกว่าในการลงจอดและบินขึ้น
เครดิตข้อมูล รัชต์ รัตนวิจารณ์

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

MBDA ASRAAM and Raytheon Paveway IV weapons Tested on F-35B at US Navy Test Facility
The UK test team including personnel from BAE Systems, has successfully completed initial aircraft handling trials for ASRAAM and Paveway IV weapons on the F-35B Lightning II aircraft at Patuxent River Naval Air Station in Maryland, United States.

MBDA ASRAAM และ Paveway IV อาวุธทดสอบสำหรับเจ้าF-35B ในการทดสอบอาวุธของกองทัพเรือ
ทีมทดสอบจากสหราชอาณาจักรรวมถึงบุคลากรจาก BAE Systemsได้ประสบความสำเร็จในการทดลองอาวุธติดตั้งสำหรับอากาศยานด้วย MBDA ASRAAM และ Paveway IV ใช้กับเครื่องบิน F-35B Lightning II ที่สนามบินกองทัพเรือ Patuxent River ในรัฐ Maryland,USA
เครดิต NATO and Alliances TH Fanclub//ไม่เข้าใจ ถ้าติดอาวุธนอกลำตัวแบบนั้นมันจะล่องหน(Stealth)ได้ยังไง เรดาห์ยังไงก็ต้องสะท้อนอาวุธที่ติดอยู่นอกลำตัวของเครื่องอยู่แล้ว

[Nero Angel01]

หรือว่า...........อาวุธก็เสตลด้วยครับ เคลือบสารไปด้วยกัน

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

Brazilian pilots started flight training on Saab Gripen NG multirole fighter aircraft
The first two Brazilian pilots to undergo training for the Saab Gripen NG multirole fighter have completed their first flight on the type: a 50min training sortie conducted over the Baltic Sea on 19 November. Capt Gustavo de Oliveira Santos and Capt Ramon Pascotto Fórneas – former Northrop F-5 and Dassault Mirage 2000 pilots – of the Brazilian air force have been training in Sweden at Satenas air base, where all Gripen training takes place, according to a statement from the service.
The first two Brazilian pilots to undergo training for the Saab Gripen NG multirole fighter have completed their first flight on the type: a 50min training sortie conducted over the Baltic Sea on 19 November. Capt Gustavo de Oliveira Santos and Capt Ramon Pascotto Fórneas – former Northrop F-5 and Dassault Mirage 2000 pilots – of the Brazilian air force have been training in Sweden at Satenas air base, where all Gripen training takes place, according to a statement from the service. Saab JAS 39 Gripen NG multirole fighter aircraft in Brazilian livery
They flew the Gripen D variant and were accompanied by Swedish air force pilots. After take-off, an ascent was made to 35,000ft in 1.5min, before manoeuvres were carried out in order to meet the training schedule set by the Swedish air force.
Both pilots will spend six months training in Sweden and become the first Brazilian instructors for the Gripen E/F aircraft that were ordered by Brazil in October. Air force personnel have previously flown the Gripen prior to ordering the type, but Santos and Fórneas are the first that will be responsible for training other pilots for the force.
Three hours after landing, the pilots began to follow a new flight simulator training course, the Brazilian air force says. The main benefit of flying the Gripen as noted by the pilots was the aerodynamic advantage provided by the canards, it adds.
The Brazilian Gripens will initially replace Mirage 2000C fighters that have already been retired, and eventually the F-5 and Alenia/Embraer A-1M (AMX) fleets that are still in service.
This first training flight was conducted the day after an air force official announced that the service plans to acquire an eventual total of 108 Gripens.
A first batch of 36 aircraft – including eight twin-seat examples – is covered by a $5.8 billion contract signed last month, and these will be delivered between 2019 and 2024. Speaking at IQPC’s International Fighter conference in London, an air force official said it has not yet been decided how many additional twin-seat aircraft will be included in the future batches.
Credit : Flightglobal

นักบินบราซิลเริ่มฝึกบินเครื่องกริพเพนแล้ว
นักบินบราซิล2คนแรกได้ผ่านการฝึกบินเที่ยวบินแรกกับเครื่องบิน Gripen D เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งสองคนได้ฝึกบินเครื่องกริพเพนเหนือทะเลบอลติกเป็นเวลา50นาที
นักบินทั้งสองนายประกอบด้วยเรืออากาศเอก(Capt)Gustavo de Oliveira Santos และเรืออากาศเอก(Capt)Ramon Pascotto Fórneas ซึ่งอดีตนักบินประจำเครื่องบินขับไล่แบบ F-5 และ Mirage 2000 ของกองทัพอากาศบราซิล ซึ่งทั้งคู่อยู่ระหว่างการฝึกบินกับเครื่อง JAS 39 Gripen ณ ฐานทัพอากาศSatenas ในประเทศสวีเดน
นักบินทั้งคู่จะเข้ารับการฝึกเป็นเวลา6เดือน และจะกลายเป็นครูฝึกชุดแรกของกองทัพอากาศบราซิล สำหรับการสอนใช้งานเครื่องบิน Gripen E/F ซึ่งบราซิลได้ทำการสั่งซื้อไป
กองทัพอากาศบราซิลกำลังจะทยอยปลดประจำการฝูงบินMirage 2000C, F-5 และ Alenia/Embraer A-1M (AMX)ซึ่งใช้งานมาเป็นเวลานาน โดยกองทัพอากาศบราซิลได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าต้องการจัดหาเครื่องบิน JAS 39 Gripen ราว108ลำ เพื่อมาทดแทนเครื่องบินที่ถูกปลดประจำการ เครื่องบิน Gripen ชุดแรกจำนวน36ลำ (ที่นั่งเดี่ยว28ลำ และ ที่นั่งคู่8ลำ)ซึ่งได้เซ็นสัญญาไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา(ตุลาคม2014)จะส่งทยอยมอบในระหว่างปี2019-2024 โดยยังไม่เป็นที่ระบุว่ากองทัพอากาศบราซิลจะสั่งซื้อเครื่องบิน Gripen แบบที่นั่งคู่เป็นจำนวนกี่ลำในการสั่งซื้อชุดต่อไป
เครดิต : NATO military fanclub

[Yut64]

Gripen เริ่ม take off แล้วสำหรับ Brazil ร้อยกว่าลำนี่แทนได้ทุกฝูงทุกภารกิจอันดับแรกคาดว่าจะแทน F-5 ก่อนหรือไม่ก็ AMX

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

นิตยสาร TOPGUN ฉบับที่198 ความพยายามเพื่อความอยู่รอดของหนังสือทหารในไทยปัจจุบัน




แจ้งความคืบหน้าของเรื่องนิตยสาร TOPGUN ต่อจากที่เคยรายงานไปเมื่อเดือนที่แล้วครับ

ล่าสุดนิตยสาร TOPGUN ได้มีมีการย้ายหัวหนังสือจากเดิมที่เป็นของ Animate Group ไปสำนักพิมพ์ใหม่แล้ว

และจะมีการออกฉบับที่198 เป็นเล่มควบสองเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายที่ยังเป็น

ในรูปแบบเดิม ๘๘หน้า ราคา๕๕บาท  หลังจากนั้นคาดว่าในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ นิตยสาร TOPGUN

จะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ๑๒๘หน้า ในราคาใหม่ โดยจะออกทุกวันที่ ๒๕ ของเดือน  ดูจากตัวอย่างหน้าปกแล้ว

เข้าใจว่าหัวข้อบทความต่างๆในเล่มเป็นบทความที่มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะมีการประกาศ

ปิดตัวหนังสือในฉบับที่197 เมื่อเดือนที่แล้ว  Topgun ฉบับที่198 นี่จึงออกหนังสือในรูปแบบเดิมเป็นฉบับสุดท้าย

ก่อนจะเปลี่ยนโฉมใหม่ในฉบับใหม่ปีหน้า  แต่ตอนที่เขียนนี้(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เท่าที่สอบถามจากร้านหนังสือ

ที่ซื้อนิตยสารฉบับนี้ประจำและร้านหนังสืออื่นๆในละแวกใกล้เคียง  ปัญหาคือตอนนี้ทางเจ้าของร้านกับสายส่ง

ยังไม่ทราบเรื่องเลยครับว่า Topgun ยังจะออกฉบับใหม่อยู่  อาจจะต้องรอดูว่าในวันที่ ๒๕ นี้จะมีหนังสือเข้ามา

วางแผงในร้านหนังสือทั่วไปหรือไม่ครับ  ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดหนังสือในไทยมีการลดขนาดลงไปมาก

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้อ่านที่เปลี่ยนไป  ตัวอย่างนิตยสารทหารหัวใหม่ที่เคยออกมาเมื่อหลายปีก่อน

เช่น นิตยสาร Military ที่มีเนื้อหาดีแต่ออกมาต่อเนื่องได้ไม่กี่ปีก็ต้องปิดหัวหนังสือไป เพราะราคาค่อนข้างแพง

และกลุ่มคนอ่านมีน้อย   สิ่งที่ผมพอจะแนะนำได้ในการทำหนังสือทหารลักษณะนิตยสารรายเดือนคือเนื้อหา

ที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือมีความสำคัญมากๆครับ   ซึ่งนิตยสารที่ดีควรที่ลงเรื่องราวไม่สามารถหาอ่านได้จากที่อื่น

โดยเฉพาะจาก Internet เช่น บทความพิเศษที่ไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลโดยตรง  แต่สำหรับ

Topgun แล้วตรงนี้ขอว่าตามตรงนะครับ บ่อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการนำบทความที่แปลจากแหล่งใน Internet

ที่ไม่ได้หายากนักมาลงและมีข้อผิดพลาดหลุดออกมาบ่อยๆ อย่างเช่นในฉบับที่197 นี่บทความ Sukhoi PAK FA T-50

ตรงกรอบข้อมูลสมรรถนะหน้าท้ายดันไปลอกข้อมูลจาก wikipedia หน้าของ Dassault Rafale ไปเสียได้  ถ้านิตยสาร

Topgun จะยังคงออกต่อไปในรูปแบบใหม่เพิ่มหน้าพร้อมราคาใหม่ ผมหวังว่ารูปแบบเนื้อหาของนิตยสารจะพัฒนา

ให้ดีกว่าที่เคยทำมาแล้วนะครับ  เพราะถ้าจะให้กล่าวแบบตรงๆคือถ้าไม่นับเรื่องปัญหาสายส่งหนังสือแล้ว ถ้ารูปแบบ

เนื้อหายังเป็นแบบเดิมๆอยู่ก็เกรงว่าจะทนออกหนังสือต่อเนื่องไปได้ไม่นานอยู่ดีครับ

http://aagth1.blogspot.com/2014/11/topgun-198.html

[rambo1th]

นิตยสาร TOPGUN ฉบับที่198 ความพยายามเพื่อความอยู่รอดของหนังสือทหารในไทยปัจจุบัน




แจ้งความคืบหน้าของเรื่องนิตยสาร TOPGUN ต่อจากที่เคยรายงานไปเมื่อเดือนที่แล้วครับ

ล่าสุดนิตยสาร TOPGUN ได้มีมีการย้ายหัวหนังสือจากเดิมที่เป็นของ Animate Group ไปสำนักพิมพ์ใหม่แล้ว

และจะมีการออกฉบับที่198 เป็นเล่มควบสองเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายที่ยังเป็น

ในรูปแบบเดิม ๘๘หน้า ราคา๕๕บาท  หลังจากนั้นคาดว่าในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ นิตยสาร TOPGUN

จะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ๑๒๘หน้า ในราคาใหม่ โดยจะออกทุกวันที่ ๒๕ ของเดือน  ดูจากตัวอย่างหน้าปกแล้ว

เข้าใจว่าหัวข้อบทความต่างๆในเล่มเป็นบทความที่มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะมีการประกาศ

ปิดตัวหนังสือในฉบับที่197 เมื่อเดือนที่แล้ว  Topgun ฉบับที่198 นี่จึงออกหนังสือในรูปแบบเดิมเป็นฉบับสุดท้าย

ก่อนจะเปลี่ยนโฉมใหม่ในฉบับใหม่ปีหน้า  แต่ตอนที่เขียนนี้(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เท่าที่สอบถามจากร้านหนังสือ

ที่ซื้อนิตยสารฉบับนี้ประจำและร้านหนังสืออื่นๆในละแวกใกล้เคียง  ปัญหาคือตอนนี้ทางเจ้าของร้านกับสายส่ง

ยังไม่ทราบเรื่องเลยครับว่า Topgun ยังจะออกฉบับใหม่อยู่  อาจจะต้องรอดูว่าในวันที่ ๒๕ นี้จะมีหนังสือเข้ามา

วางแผงในร้านหนังสือทั่วไปหรือไม่ครับ  ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดหนังสือในไทยมีการลดขนาดลงไปมาก

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้อ่านที่เปลี่ยนไป  ตัวอย่างนิตยสารทหารหัวใหม่ที่เคยออกมาเมื่อหลายปีก่อน

เช่น นิตยสาร Military ที่มีเนื้อหาดีแต่ออกมาต่อเนื่องได้ไม่กี่ปีก็ต้องปิดหัวหนังสือไป เพราะราคาค่อนข้างแพง

และกลุ่มคนอ่านมีน้อย   สิ่งที่ผมพอจะแนะนำได้ในการทำหนังสือทหารลักษณะนิตยสารรายเดือนคือเนื้อหา

ที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือมีความสำคัญมากๆครับ   ซึ่งนิตยสารที่ดีควรที่ลงเรื่องราวไม่สามารถหาอ่านได้จากที่อื่น

โดยเฉพาะจาก Internet เช่น บทความพิเศษที่ไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลโดยตรง  แต่สำหรับ

Topgun แล้วตรงนี้ขอว่าตามตรงนะครับ บ่อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการนำบทความที่แปลจากแหล่งใน Internet

ที่ไม่ได้หายากนักมาลงและมีข้อผิดพลาดหลุดออกมาบ่อยๆ อย่างเช่นในฉบับที่197 นี่บทความ Sukhoi PAK FA T-50

ตรงกรอบข้อมูลสมรรถนะหน้าท้ายดันไปลอกข้อมูลจาก wikipedia หน้าของ Dassault Rafale ไปเสียได้  ถ้านิตยสาร

Topgun จะยังคงออกต่อไปในรูปแบบใหม่เพิ่มหน้าพร้อมราคาใหม่ ผมหวังว่ารูปแบบเนื้อหาของนิตยสารจะพัฒนา

ให้ดีกว่าที่เคยทำมาแล้วนะครับ  เพราะถ้าจะให้กล่าวแบบตรงๆคือถ้าไม่นับเรื่องปัญหาสายส่งหนังสือแล้ว ถ้ารูปแบบ

เนื้อหายังเป็นแบบเดิมๆอยู่ก็เกรงว่าจะทนออกหนังสือต่อเนื่องไปได้ไม่นานอยู่ดีครับ

http://aagth1.blogspot.com/2014/11/topgun-198.html

    สมัยผมเด็กๆ นิตรสาร "สมรภูมิ" ผมชอบซื้อมาอ่านมาก มีทั้งเนื้อหาของทหารไทย ต่างชาติ และมีนวนิยายของ คิม ซากัส ให้อ่านด้วย

[R2D2]

บราซิลมีศัตรูจริง ๆ จัง ๆ (แบบคู่อาฆาต)ด้วยหรือครับ ?
หรือว่าเตรียมพร้อมไปยังงั้นเองเพราะเป็นประเทศใหญ่..ย่อมมีผลประโยชน์มาก   

[Southlander]

บราซิลจะซื้อกริพเพนเป็นร้อยๆ เครื่อง 
ผมเห็นที่น้าพงษ์โพสท์มาหลายวันแล้วยังคิดอยู่ว่ามันเยอะจริงๆ จะมีคิวว่างทำให้ประเทศอื่นบ้างไม๊เนี่ย
งานนี้คงช่วยให้การเงินของสวีเดนไหลลื่นปรื๊ดเลยจริงๆ

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

บราซิลมีศัตรูจริง ๆ จัง ๆ (แบบคู่อาฆาต)ด้วยหรือครับ ?
หรือว่าเตรียมพร้อมไปยังงั้นเองเพราะเป็นประเทศใหญ่..ย่อมมีผลประโยชน์มาก   

บราซิล เป็นประเทศใหญ่นะครับ  ประชากรประมาณ ๒๐๐ ล้านคน มีทรัพยากรธรรมชาติมาก