ผมอ่านฉบับที่จำลอง พิศนาคะแปลแล้วได้ใจความดีกว่านักแปลรุ่นหลังๆมากครับ: เจี่ยสุ่งฝึกหมัดบอบช้ำเจ็ดประการ(ชิกเซียคุ้ง)ของสำนักคงท้งเพื่อเอามาปราบวิชาวชิระคงกะพันของไต้ซือคงกี่ ในการฝึกวิชาเพื่อก่อเกิดพลังการทำลายที่ร้ายกาจนี้จะส่งผลให้อวัยวะทั้งเจ็ดของผู้ฝึกเกิดการบอบช้ำ เปรียบเทียบกับนักมวยไทยที่ฝึกเตะลมมากๆมักมีอาการปวดหลัง หรือพวกฝึกลูกโม่เพื่อยิงสปีดวีเว่นท์ที่มักมีอาการนิ้วมือชาทีละมือมือขวาก่อนแล้วมือซ้ายตามซึ่งสาเหตุมาจากการฝึกล๊อคข้อมือและการฝึกเหนี่ยวไกยิงแห้ง คล้ายกันไหมครับ
OhO พี่อภิสิทธิ์ ครับ
วรยุทธของพี่ท่านล้ำเลิศจริงๆ ข้าน้อยขอศึกษาจากท่านด้วยครับ
ยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้นักแปลนิยายกำลังภายในประยุกต์คำที่ใช้เช่น
กำลังภายใน เป็น พลังวัตร วิทยายุทธ เป็น วรยุทธ ชื่อของวิชาต่างๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างที่พี่เรียนว่า หมัดบอบช้ำเจ็ดประการ(ชิกเซียคุ้ง) เป็น วิชาสยบเจ็ดหมัด ซึ่งในอนาคตเจ้าสำนักคงท้งได้รับการแนะนำจากเตียบ่อกี้หลังการประลอง (รอชมได้อีกไม่นานครับ เป็นฉากต่อสู้ที่สนุกประทับใจมาก)
ขอบคุณครับ
คุณอารมณ์ดีเอาหนังมาฉายให้ดู ผมดีใจเพราะนั่นแสดงว่าคุณอารมณ์ดีเริ่มฟื้นคืนพลังแล้ว นานมาแล้วผมเคยอ่านบทวิจารณ์วรรณกรรมกิมย้งเขายกย่องว่าเรื่องนี้แหละครับ(ดาบมังกรหยก)เป็นเรื่องที่ดีที่สุด และสะท้อนตัวตนของกิมย้งที่เป็นผู้แตกฉานวิชาไท้เก๊ก(ไทชิ)
ผู้ฝึกไท้เก๊กมักจะชอบว่าผู้ฝึกวิชาอันอื่นว่า "ฝึกเยอะๆแล้วจะบาดเจ็บภายในทีหลัง" ในเรื่องนี้ก็มีที่ฝึกหมัดอะไรก็ไม่รู้เจ็บอวัยวะถึงเจ็ดอย่าง คุณอารมณ์ดีเคยฝึกไท้เก๊กไหมครับ ตอนอยู่กรุงเทพผมเคยไปรำกับเขาที่สวนลุม เพื่อนที่ไปด้วยกันสาธิตพลังภายใน(เป็นการใช้วงสวิงวงเล็กๆ)โดยการฟาดยุงร่วงกลางอากาศ
เตียซำฮงเป็นผู้คิดค้นไท่เก๊กหรือครับ ฝรั่งมันก็ใช้หมัดหน้าแย๊ปกันมาแต่ยุคหิน ตีกล๊อฟตีแบดตีเทนนิสถ้าไม่มีวงสวิงจ้างก็ตีไม่ไป ล้วนแล้วแต่เป็นไท้เก๊ก(พลังแห่งวงกลม)ทั้งสิ้น
ข้อคิดเห็นที่มาจากความรู้ที่ผิวเผินที่ร่ำเรียนมาโดยฉาบฉวยครับผิดถูกโปรดให้อภัย