๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 11:46:04 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 3 4 5 [6] 7 8 9 10
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมปืน COLT ถึงอมตะคะ  (อ่าน 57053 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
mETEr
จงภูมิใจเถิด ที่เกิดเป็นไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1051


รักเธอ ประเทศไทย


« ตอบ #75 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 02:38:29 PM »

มารออ่านต่อครับ
บันทึกการเข้า

เกิดมา ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #76 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 02:50:46 PM »

หนังกำลังสนุก..ฟิล์มไหม้ซะงั้น... หัวเราะร่าน้ำตาริน  เอ้าจะเข้าห้องน้ำ หรือซื้อของขบเคี้ยวเพิ่มก็ตอนนี้เลย  Grin
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #77 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 03:02:00 PM »

เสร็จงานแล้ว มาต่อกัน......
1.ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการออกกฏหมาย ไม่ให้ประชาชน พกปืนที่มีแม็กกาซีนเกิน 10 นัด
จึงทำให้ พวกที่เคย ซื้อ 9 มม. ลูกดกในอเมริกา จ๋อยๆ กันเป็นแถวๆ
ในเมื่อ ข้าฯ ซื้อปืนลูกเล็กลูกดก ไม่ได้   ถ้างั้น ข้าฯ ก็ซื้อปืน ลูกน้อยก็ได้วะ....แต่เอาลูกโตๆ หน่อย จะได้โดนทีเดียวแล้ว ตายชัวร์ .......45 ออโต จึงกลับมาอีกครั้ง ในฐานะปืนลูกน้อยไม่เกิน 10 นัด หมัดหนัก  ...โป้งเดียวจอด
ถึงแม็กกาซีนจะแถวเดี่ยว ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไง ก็ซื้อแถวคู่ ไปก็ไร้ประโยชน์ เช่น กล็อค ก็โดนตอนเหลือแค่ 10
ซิก...ก็โดนตัดเหลือแค่10 นัด ถ้าจะใช้แม็กกาซีนแบบเต็มตัว ต้องเป็น LAW ENFORCEMENT เท่านั้น (เห็นไหมว่า เมืองไทย อิสระเสรีกว่า โจรมีปืนได้ดีกว่าตำรวจ .....แต่บ้านเขา ตำรวจมีปืนได้ดีกว่าโจร).............
.........Huh??
มองไป ....มองมา ..ปืนที่เป็น .45 ออโต แม็กกาซีนแถวเดียว ไม่เกิน 10 นัด  ก็หนีไม่พ้น 1911 นั่นแหละครับ มีทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดย่อม ให้เลือกตั้ง 3 ขนาด 1911 ก็เลยกลับมาเกิดอย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง

..2.ในช่วงหลังๆ มีอาชญกรรมเกิดขึ้นมากมาย ตำรวจที่เปลี่ยนไปใช้ 9 มม. เริ่มมีปัญหา ยิงคนร้ายไม่ค่อยจะตาย
ก็เลยหันกลับมาหา ม้าใช้ตัวเก่า ที่คุ้นตากันมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ ก็ 1911 นั่นแหละครับ เพียงแต่ หน้าตาอาจจะหล่อกว่าสมัยคุณปู่ใช้ ออฟชั่นอาจจะมากกว่าซักหน่อยเท่านั้นเอง แต่เนื้อแท้แล้ว เปลี่ยนอะไหล่กันได้เกือบหมด

3.ในด้านการกีฬา 1911 ยังคงเป็นเจ้าสนาม ไอพี เอสซี อยู่เหมือนเดิม แต่อาจจะเป็นยี่ห้ออื่นๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมครับว่า มันมีที่มา หรือ ถิ่นกำเนิดมาจาก ปืนตราม้า พยศ ยกหน้า ปากคาบลูกธนุ ขาหน้าสองขาหักหอก แห่งเมือง ฮาร์ทฟอร์ด  มลรัฐคอนเนคติคัล  ประเทศเสรีแห่งอาวุธปืนที่บุคคลในประเทศไม่เสรีแห่งอาวุธปืนโหยหาที่จะไปเหยียบแผ่นดินนั้น ซักครั้ง ในชีวิต
แสดงให้เห็นว่า แบบของมันไม่เคยตายไปจากโลกนี้เลย แม้เหตุการณ์นับแต่วันเกิดถึงวันนี้ ผ่านไปแล้วเกือบจะครบ 100 ปีแล้ว และมีท่าว่าจะไม่หยุดเสียด้วย มันจึงเป็นอมตะ แม้จะไม่ได้ออกแบบมาจากมันสมองของโคลท์เองก็ตาม
4.นอกจากจะเป็นเจ้าสนามแล้ว ยังทำให้คู่ต่อสู้ ในด้านอุตสาหกรรม เช่น สมิธ    ซิก..... ก็ยังเอาแบบไปเกิดเป็นลูกเป็นหลานเพิ่มอีก แล้วยังมีอีกหลากหลายสารพัดยี่ห้อ จารนัย ไม่หมดแล้วว่ามีกี่บริษัท มีกี่ทวีป ในโลกนี้ ที่เกิด 1911 เป็นดอกเห็ดไปทุกหัวระแหง อย่างนี้ ไม่อมตะ ก็แย่แล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 08, 2007, 03:15:19 PM โดย tao bangkhaen » บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #78 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 03:10:05 PM »

หนังกำลังสนุก..ฟิล์มไหม้ซะงั้น... หัวเราะร่าน้ำตาริน เอ้าจะเข้าห้องน้ำ หรือซื้อของขบเคี้ยวเพิ่มก็ตอนนี้เลย Grin
ท่านพี่โม ....ขอรับ ....พี่พูดเห็นภาพเลยครับ..........คนเขียนก็ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยครับ
วันนี้ ขออนุญาต เลิกโม้แค่นี้ ก่อนนะครับ
..............แล้วจะมาต่อ....
โคลท์ ภาค2 ตอน ม้าแปลงกายเป็น ออโตเมติค โดยมันสมองของยอดอัจฉริยะแห่งลำกล้องกระดกด้านท้ายขัดกลอน
จอนห์ เอ็ม บราวนิง ตะลุยสงคราม สร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่กองทัพที่ไม่เคยรบเพื่อแผ่นดินเกิดของตนเองเลย หลังจากสงครามเลิกทาส   นอกจากผลประโยชน์ เรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่า เศรษฐกิจ หรือ การเมือง การปกครอง ลัทธิขัดกัน  (ไม่รู้กองทัพประเทศอะไรก็ไม่รู้ )
บันทึกการเข้า
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #79 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 04:06:25 PM »

มีภาค 2 ด้วย..รอชมครับ...
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
neo1
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 159
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2694



« ตอบ #80 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 05:25:36 PM »

 Cheesyติดตามอ่าน ท่านอาจารย์เต๋าเล่ามาได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ Cheesy
บันทึกการเข้า

นักะติ๊ Club
qq47
Full Member
***

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 167


« ตอบ #81 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 06:47:42 PM »

พี่เต๋ายอดเยี่ยมเหมือนเดิม Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
thamcharoen
Full Member
***

คะแนน 7
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 267


...ดื่มแต่พองาม...แต่ห้ามมาว...เมา


« ตอบ #82 เมื่อ: มีนาคม 08, 2007, 07:02:25 PM »

Cheesyติดตามอ่าน ท่านอาจารย์เต๋าเล่ามาได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ Cheesy

มารออ่านต่อครับ....ไม่เคยเบื่อเลยครับถ้าเป็นเรื่อง Colt 1911 ม้าแก่สงครามโลกเนี่ย....โดยเฉพาะพี่เต๋าบางเขนเขียนให้อ่านแล้วมันดีครับ....สำนวนอ่านแล้วเหมือนเล่าให้ฟังมากกว่าได้อรรถรสดีครับ....
บันทึกการเข้า

....ม้าแก่...แต่อยากกินหญ้าอ่อน.....
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #83 เมื่อ: มีนาคม 09, 2007, 10:46:16 PM »

Cheesyติดตามอ่าน ท่านอาจารย์เต๋าเล่ามาได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ Cheesy

มารออ่านต่อครับ....ไม่เคยเบื่อเลยครับถ้าเป็นเรื่อง Colt 1911 ม้าแก่สงครามโลกเนี่ย....โดยเฉพาะพี่เต๋าบางเขนเขียนให้อ่านแล้วมันดีครับ....สำนวนอ่านแล้วเหมือนเล่าให้ฟังมากกว่าได้อรรถรสดีครับ....
กราบขอบพระคุณขอรับท่าน.....วิชาการเป็นเรื่องน่าเบื่อครับ
จำสมัยตอนเป็นเด็กๆ กันได้ไหมครับ........เวลาผู้ใหญ่เรียกให้มาเรียนหนังสือ รู้สึกน่าเบื่อจะตาย .....
แต่พอบอกว่า มีนิทานจะเล่าให้ฟัง เรื่องน่าตื่นเต้นด้วยนะ จะฟังไหมละ??? หูผึ่งกันเป็นแถวๆ จริงไหมครับ
.......ผมชอบชวนคุยกัน เล่าสู่กันฟังมากกว่า รู้สึกสบายใจ มีความสุข เหมือนพวกเรา มานั่งล้อมรอบกองไฟ เวลากลางคืน ลมพัดเย็นเย็น ....แล้วก็เล่าเรื่องที่เป็นสิ่งที่พวกเรารัก พวกเราชอบ ...เหมือนๆ กัน ...ผมว่า คุยกันจริงๆ สว่างคาตา มาก็เคยกันแล้วใช่ไหมครับ ท่าน....
ผมอยากเข้ามาต่อให้จบมากๆ เลยครับ แต่เสาร์-อาทิตย์นี้ ไม่ว่างเลย แล้วค่อยเจอกันอีกโอกาศหน้านะครับ ......ขอบพระคุณ
บันทึกการเข้า
น้องมิลค์
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 10
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 183



« ตอบ #84 เมื่อ: มีนาคม 09, 2007, 11:46:25 PM »

สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ Colt รู้ประวัติลึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมาก
  ขอคารวะ
 และรออ่านต่อ Huh Huh Huh Huh
บันทึกการเข้า
Ninja 19 + รักในหลวง +
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5259


" อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี "


« ตอบ #85 เมื่อ: มีนาคม 09, 2007, 11:56:14 PM »



......... Grin Grin Grin.. Grin Grin  รออ่านครับ.. Grin

บันทึกการเข้า

BLUE ZONE " สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ นั้นก็เพราะคนดีๆ นิ่งดูดาย " http://www.youtube.com/watch?v=EfCsNdSTNdQ
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #86 เมื่อ: มีนาคม 11, 2007, 02:34:18 AM »



......... Grin Grin Grin.. Grin Grin รออ่านครับ.. Grin


ขอบคุณครับ...จะรีบเขียนให้ในเวลากลางวันนะครับ...ดึกๆแบบนี้ วิจารณ์พอไหว แต่ถ้าเล่านิทาน กลัวไม่ละเอียดพอครับ....
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #87 เมื่อ: มีนาคม 12, 2007, 12:29:48 PM »

มาแล้วครับ .....โคลท์ภาค 2 ตอน ม้าแปลงกายเป็น ออโตเมติก  อมตะนิรันดร์กาล ที่ไม่มีวันตาย จาก 1900-2007 แล้วจ้า
.....ภายหลังจาก อุตสาหกรรมอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกา สามารถคิดค้น ปลอกกระสุนโลหะขึ้นมา แทนการให้ดินปืนมาห่อผ้าดิบ แล้ววางแก็ปไว้ที่ตูด แล้วตีแก็ปให้แตก ปืนลั่นออกไป
....ได้เจ้าปลอกโลหะนี่แหละ ทำให้ปืนแก็ป แบบเคนตั๊กกี้ ไรเฟิล (นึกว่าเมืองนี้ มีแต่ไก่ทอดชื่อดัง ที่แท้ก็มีไรเฟิล บรรจุปากระบอกที่แจ๋วด้วย) หรือปืนแก็ปบรรจุท้าย แบบของ ฮอล์ล ที่เคยมีชื่อเสียงในกองทหารม้าสหรัฐ ถึงกับกลายเป็นปืนโบราณไปเลย
....เจ้าปลอกโลหะนี่แหละ ทำให้มีนักคิด นักประดิษฐ์อาวุธปืน หลายรายในสมัยนั้น พยายามคิดค้นวิธี เอาปลอกโลหะ เนี่ย เข้าไปที่ท้ายลำกล้อง เพื่อทำการยิง และทำการเอาออกด้วยความรวดเร็ว จากนั้น บรรจุใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะประหัตประหารกันได้รุนแรง รวดเร็ว ฆ่าคนได้จำนวนคราวละมากๆ ขึ้น
.....ในช่วงปี ค.ศ. 1850-1870 ได้มีการพัฒนาการเอาปลอกโลหะออกจากท้ายลำกล้อง หลายวิธี เช่น บรรจุด้วยมือทีละปลอก(หรือเราเรียกว่า ทีละนัดนั่นแหละ)
....ผมจำ ค.ศ.ไม่ได้แล้วว่า อุตสาหกรรมปืนคานเหวี่ยง ในสหรัฐ เริ่มจาก ค.ศ.อะไร และบริษัทใดเริ่มก่อน ไม่รู้ มาลิน
วินเชสเตอร์ หรือบริษัทอื่นก็ไม่รู้ จำไม่ได้ ไปหาเอานะครับ
....แต่ที่ต้องกล่าวถึงปืนคานเหวี่ยง หรือ ปืนยาวพวกนี้ ก็เพื่อเกริ่นให้ทราบถึงความพยายามของชาวอเมริกันที่ พยายาม ที่จะคิดวิธี....... บรรจุ .....ยิง ......สลัดปลอก......บรรจุใหม่ ....แล้ว ..ยิง.....ให้เร็วที่สุด ถือเป็นวิวัฒนาการที่นำมาสู่การคิดประดิษฐ์ปืน กึ่งอัตโนมัติ ในปัจจุบัน
ต่อมา.....ให้ห้วงปี 1890....ถึงช่วง 1900 ได้เริ่มมีการคิดพัฒนา เอาแรงดันของกระสุนที่เกิดจากการยิง มาใช้บริหารกลไก ที่กล่าวมาข้างต้น  คือ
1.ให้สปริงเป็นตัวเริ่มต้นในการบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงด้วยการกระฉากลูกเลื่อนจากแรงของมนุษย์
2.ลั่นไกด้วยแรงของมนุษย์
3.แรงดันกระสุนระเบิด ย้อนกลับไปบริหารกลไก  สลัดปลอก
4.สปริงดันลูกใหม่กลับเข้ารังเพลิงเตรียมลั่นไกต่อไป
..............................ไอ้สี่ขั้นตอนนี่แหละ ที่ทำให้นักออกแบบปืนอเมริกันและฝั่งยุโรป ในช่วง 1890-1900 พยายามคิดค้นกันนักกันหนา

ผมจำไม่ได้อีกเหมือนกันว่า ยี่ห้อไหนออกก่อนออกหลัง จำไม่ได้ แต่ที่แน่แน่ ปรากฎตัวให้โด่งดัง ก็ เมาเซอร์ ด้ามไม้กวาดนั่นแหละ ที่ดูจะดังกว่าเพื่อน ที่เห็นการปฏิบัติการยิงเหมือนปืนออโตในปัจจุบันมากที่สุด

.....มาถึงตอนนี้ถ้า ไม่กล่าวถึง จอน์ห เอ็ม บราวนิง แล้วละก็ ถ้าไม่มีเขาคนนี้ จะไม่มีวันเกิดปืน โคลท์ เอ็ม 1911 เอ1 ปืนอมตะในวันนี้ ได้เลย แม้แต่น้อย ถ้าไม่มีเขาคนนี้ เพราะเขาเป็นเพียงผู้ออกแบบ แต่บริษัท โคลท์ เป็นผุ้ผลิต เท่านั้นเอง
......ในห้วงปี 1900 เราเริ่มได้เห็นต้นกำเนิดของปืนโคลท์ 1911 ลางๆ แล้ว โดยจอนห์ พัฒนาปืนพกออโต หน้าตาคล้าย เอ็ม 1911 ของเราขึ้นมา แต่ผมไม่เคยเห็นตัวจริงมันเลย
......ต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ สุพินท์ อีกครั้ง ด้วยความเคารพ ที่กรุณา มีช่วง ปืนดังในอดีต ......ทำให้คนด้อยโอกาสอย่างผม ได้ศึกษาถึงที่มาที่ไปของการออกแบบ เอ็ม 1911 เพราะท่านอาจารย์ กรุณาแก้ ....(เอ้ย)....ถอดปืนดังในอดีต ในพวกเราดูเสมอๆ ถ้าเราศึกษาดีๆ จะได้ความรู้เพิ่ม และแตกฉานออกไปอีกมากเลยครับ
......ท่านอาจารย์ ได้กรุณา เอา โคลท์ เอ็ม 1903 ชนิดลำกล้อง 2 โตงเตง มาถอดให้ดู ทำให้เราเห็นความเป็นอัจฉริยะของจอน์หฯ
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #88 เมื่อ: มีนาคม 12, 2007, 12:37:27 PM »

ขอต่อครับ .....ที่ต้องส่งไปทีละท่อน เพราะบางทีเครื่องมันแฮ้งค์ พิมพ์แทบตาย ส่งไม่ได้หายหมดเลย ......
....ตอนท่านอาจารย์ถอดให้ดู ....พวกเราเห็นหลุมของดีสคอนแน็ตเตอร์ ....อะห้า....กลไกแบบนี้ เกิดมาในเอ็ม 1903 แล้วนะครับ...น่าทึ่งมาก
....มองเข้าไปข้างใน เห็นแหนบ สองชาย หรือ สามชายก็ไม่รู้ ...มองไม่ชัด ...อะห้า..แหนบสามชาย ก็เริ่มมีมาแต่ เอ็ม 1903 แล้วด้วย
....ซึ่งกลไกทั้งสองตัวนี้ อาจจะมีมาแต่เอ็ม 1900 แล้วด้วยซ้ำ แต่ผมไม่เคยเห็น นอกจากเอ็ม 1903 ที่อาจารย์ กรุณาถอดให้ดูเป็นวิทยาทาน
.......ถ้าใครเคยเห็นโคลท์ .32 ออโต นกใน เอ็ม 1908 ก็จะเห็นเครื่องใน ที่คล้ายกับ เอ็ม 1911 ของเราเป็นที่สุด
ซึ่งจริงๆ โคลท์ ทั้ง 1903 และ 1908 ถึงปืนจะตีตราโคลท์ ก็จริงอยู่ แต่แบบและแนวคิด ล้วนมาจาก จอห์น เอ็ม บราวนิง คนนี้ ทั้งสิ้น
..................จบเรื่องเกริ่นถึงผู้ออกแบบ แบบปืนอมตะแล้ว ต่อไป ก็มากล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิดแนวคิดให้กำเนิดปืนอมตะ โคลท์ แปลงกายเป็นออโตเมติก กันต่อไป ......
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #89 เมื่อ: มีนาคม 12, 2007, 01:13:02 PM »

ในห้วงปี ค.ศ. 1892 เป็นต้นมา พวกเราเคยเรียนประวัติศาสตร์ ทราบว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกอังกฤษ ฝรั่งเศส ได้มายึดดินแดนในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบ้านเรา เช่น ฝั่งตะวันออกของไทย เป็นของฝรั่งเศส ฝั่งตะวันตก และทางใต้ของไทยจรด สิงค์โปร์ เป็นของอังกฤษ
.....กระผมก็รู้เพียงแค่ประวัติศาสตร์ขั้นประถม มัธยม แค่นั้นเอง ไม่ได้จบวิชาประวัติศาสตร์โลกเสียด้วย
.....แต่ถ้าจะเล่นปืนเก่า ปืนอมตะ แล้วรู้เรื่องประวัติศาสตร์โลก แค่เลาๆ ก็จะทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้นนะครับ
...ครับ ......ในช่วง ร.5 เราก็รู้แต่ อังกฤษ และฝรั่งเศส ........แล้ว มะริกันละครับ .....หายไปไหน มีการออกล่าเมืองขึ้น หรือล่าอาณานิคม กับเขาด้วยหรือไม่ HuhHuh?เป็นคำถามคาใจอยู่เหมือนกัน

.......ไม่รู้ว่า ล่าเมืองขึ้นกับเขาด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ  มะริกัน ได้เข้ามามีเอี่ยว เข้ามามีส่วน  ในการปราบ กลุ่มบุคคลผู้รักชาติ รักแผ่นดิน ที่รวมตัวกันลุกฮือต่อต้าน การเข้ามามีอำนาจของชาติตะวันตก ในแผ่นดิน พระนางซูสีไทเฮา
.....อ๋อ ...เพิ่งจะรู้ว่า มะริกัน ....ก็เข้ามาแบ่งเค้ก...แผ่นดินจีน ร่วมกัน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน .....ด้วยหรือนี่
....หรือที่เรียกว่า เข้ามาปราบกฎบ นักมวยนั่นแหละ
(ผมไม่ค่อยชอบ การแปลข้อความจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า กฎบ นักมวย  ซักเท่าไหร่ มันเป็นการแปลภาษา มาจากฝ่ายที่ยกพลไปปราบพวกเขา (พวกฝรั่งบันทึกไว้ )  แล้วกล่าวหาว่าคนที่ตนไปปราบเป็นกฎบ กระนั้นหรือ
....แล้วถ้าฝรั่งมันจะมายึดไทย ในสมัย ร.5 หรือมันยึดไทยอยู่แล้ว เกิดมีคนไทยรักชาติซักกลุ่มหนึ่ง ....ลุกขึ้นต่อสู้ แล้วพวกฝรั่งเอาปืน โคลท์ 1892 ขนาด .38 ยิงตายหมดแล้วบันทึกไว้ว่า ได้เข้าร่วมในการปราบกฎบ สยาม......เราจะคิดอย่างไร ฝรั่งเป็นผู้รุกราน แล้วพอชาวพื้นเมืองต่อต้าน ก็ไปเรียกเขาว่า กฎบ อย่างนี้ ผมว่า แปลหรือเรียกกันไปแฟร์เลย  วันหลังน่าจะคำว่า กฎบนักมวยว่า  พวกกู้ชาติที่เป็นชาวบู๊ลิ้ม ...อะไรทำนองนั้น จะดีกว่า .....ขอระบายความในใจซักหน่อย .......
......มาเข้าเรื่องปืนดีกว่า
....ตั้งแต่ในห้วง ปี ค.ค. 1892 เป็นต้นมา .ปืนโคลท์ รีวอลเวอร์ .38 โมเดล 1892 ตลุยติดตัวทหารนาวิกโยธิน สหรัฐ ไปทั่วโลก เข้าไปแทรกแทรงบ้านเมืองของ เจ้าของแผ่นดินเดิมทั่วโลกไปหมด แต่ทำไมผมไม่ได้เรียนก็ไม่รู้
ได้ข่าวว่า ในตะวันออกกลาง ก็ไป ในฟิลิปปินส์ ก็ไป
....โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ กลุ่มผู้รักชาติ ชาวโมโร ....(ไม่เรียกกฎบแล้ว) ......รวมตัวรวมใจกันต่อต้าน การเข้ามาของสหรัฐ ..........โดยทำการรบแบบพลีชีพ ใช้มีดบารอง(ชื่อมีดของชาวโมโร) บุกเข้าไปปาดคอนาวิกโยธินสหรัฐได้
แม้ ทหารสหรัฐ จะได้ใช้กระสุน .38 ยิงโดนไปหลายนัด ก็หยุดนักรบ ที่ทำการรบด้วยจิตวิญญาณไม่ได้
นักรบ โมโร ก่อนทำการรบ หัวหน้ากลุ่มจะทำการปลุกใจ สร้างขวัญกำลังใจ ตามศาสนาพิธี สร้างจิดนักรบให้แข็งแกร่ง
ด้วยวิชาจิตวิทยา นักรบ จะเชื่อพร้อมจะตายเพื่อศาสนา
....ดังนั้น ลำพัง กระสุน .38 ไม่สามารถจะหยุดยั้ง นักรบโมโร ที่สู้อย่างสละชีพได้ ต่างจากทหารอเมริกัน ที่ไปรบด้วยการถูกเกณฑ์ หรือเหตุผลต่างๆ ที่ไม่ใช่การรักชาติ....ดังนั้น ทุนทรัพย์ทางจิตใจของนักรบทั้งสองฝ่าย แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
.....เมื่อไม่สามารถหยุดยั้งจิตใจอันกล้าแข็งของ โมโรได้ ต้องหาวิธีหยุดยั้งด้วย สาเหตุทางกายภาพดีกว่า กระสุนหัวใหญ่โต จึงเข้ามามีบทบาทในการยิง นักรบเหล่านี้ แม้ใจจะเกินร้อย วิ่งเข้ามาหา ทหารอเมริกัน แต่ถ้าโดนกระสุนหัวใหญ่ มากๆ แม้ใจจะวิ่งมาถึงตัวทหารอเมริกันแล้ว แต่กาย ไม่สามารถวิ่งเข้ามาได้ เพราะหยุดอยู่กับที่ด้วยอานุภาพกระสุนหัวใหญ่
.....ในการต่อสู้กับนักรบโมโร บนเกาะฟิลิปปินส์ กระสุนปืน รีวอลเวอร์ .38 จากเอ็ม 1892 ไม่สามารถหยุดยั้ง นักรบโมโรได้ กองทัพสหรัฐ จึงต้องเรียกหา โคลท์ .45 เอส เอ เอ กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
ความเชื่อที่ว่า กระสุนหัวใหญ่ วิ่งช้า หยุดคนที่โถมตัวเข้ามาทำร้ายได้ ดีกว่า กระสุนหัวเล็ก
.....ในห้วงปี่ 1900-1910 ก็ได้มีการพัฒนาอาวุธปืนพกระบบกึ่งอัตโนมัติกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
แต่ปืน พกกึ่งอัตโนมัติ สมัยนั้น ส่วนใหญ่ เป็นกระสุนขนาดเล็กได้ ได้แก่ .32 ...หรืออย่างมาก ก็ .38  ตัวอย่างเช่น เอ็ม 1903 ก็เป็น .38   เอ็ม 1908  ก็เป็นแค่ .32  เอ.... ลูเกอร์ พาราเบลลั่ม พี 08 ก็แค่ .38 นิ้ว ( 9 มม.พารา ).แล้วจะเป็นไปได้ไหม ที่จะคิดพัฒนา กระสุนหัวใหญ่ขนาด .45 มาเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติได้ แล้วมันจะทำได้จริงหรือ แล้วมันจะยิงไหวไหม ลำกล้อง ......สไลด์ จะรับแรงดันถอยหลังที่เกิดจากการระเบิดของกระสุนขนาด..45 ได้หรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ ...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 5 [6] 7 8 9 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.28 วินาที กับ 21 คำสั่ง