๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 03:43:28 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: .........ของสะสม.....  (อ่าน 9126 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sutee01
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 72


« เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 10:51:35 AM »

...เมื่อเอ่ยอ้างถึงชายที่ชื่อ "เจษฎา เดชสกุลฤทธิ์" ขึ้นมาเปรียบเทียบระหว่าง "ความฝัน" กับระดับ "ความมีชื่อเสียง" เป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่ทั่วไป ดูเหมือนว่ามันช่างจะตรงข้ามกันเสียจริงๆ
       
       เพราะในขณะที่ขนาดของความฝันของคนๆ นี้มันช่างใหญ่โตมโหฬารเสียเหลือเกินหากแต่ในชีวิตจริงมีคนในปริมาณที่น้อยมากๆ ที่จะคุ้นหูกับชื่อของเขา
       
       แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะดูเหมือนว่านี่คือสิ่งที่ผู้ชายตัวเล็กคนนี้ต้องการอยู่แล้ว
       
       เพียงแต่ว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่แปลกอย่างแน่นอนหากเราจะไม่บอกเล่าให้ฟังถึงความฝันครั้งใหญ่ครั้งสำคัญที่เจ้าตัวกำลังจะทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมา...
       
       "ที่ผ่านมาผมเองไม่ค่อยจะใช้ชื่อตนเองสักเท่าไหร่นะเวลาที่จะต้องไปทำอะไร แต่ครั้งนี้มันรู้สึกว่าเออ...เราก็อยากให้ชื่อของเราได้เป็นที่พูดถึงบ้าง แล้วอีกอย่างสิ่งที่ผมทำมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไรน่ะ..." ชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดา ลักษณะถ่อมตัว และท่าทางใจดีชื่อ "เจษฎา เดชสกุลฤทธิ์" บอกกล่าวเป็นการเริ่มต้นสนทนา
       
       ด้วยความคิดที่ว่านั้นเองที่ทำให้ในวันนี้คงจะมีบางส่วนที่เริ่มจะคุ้นขึ้นมาบ้างแล้วกับสถานที่ที่มีชื่อว่า "เจษฎา เทคนิค มิวเซียม" (JESADA TECHNIK MUSEUM) ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม แหล่งเก็บรวบรวมรถยนต์ที่ต้องบอกว่าทุกชนิด ทุกประเภท จากทั่วทุกมุมโลก โดยมีตัวโฆษณาที่เด่นๆ ก็คือรถเล็กที่เรียกกันว่า "Bubble Car" หรือที่เจ้าตัวเรียกว่ารถการ์ตูน
       
       "ที่เน้นรถการ์ตูนเป็นหลักก่อนเพราะว่าอย่างแรกเลยเราอยากให้เด็กๆ ได้เข้ามาดู ได้เข้ามาสัมผัส หลายคันยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ คือเวลาที่ไปดูของแบบนี้ส่วนมากเขาจะตั้งโชว์ไว้เฉยๆ แต่นี่เราวิ่งให้ดูเลย..."
       
       ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของ JESADA TECHNIK MUSEUM ที่ ณ วันนี้ได้เปิดให้กับผู้ที่สนใจได้เข้าชมแล้วอย่างไม่เป็นทางการ(และไม่มีการเก็บค่าเข้าชม) ต้องบอกว่าใครไปเห็นจะต้องตกตะลึงกับความละลานตาและคิดไปว่าตนเองหลงกับไปในอดีตกับความสารพัดประเภท - สารพัดยี่ห้อ สารพัดรุ่นของยานยนต์ พาหนะเก่าๆ นานาชนิด ทั้งรถการ์ตูน รถสามล้อ แท็กซี่ รถเมล์ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ บีเอ็มดับบลิว เบนซ์ โลส์รอยซ์ โอเปิล โอลิมเปีย ฟอร์ด เมซาสมิธ โฟล์ค จักรยาน จักรยานยนต์เครื่องยนต์ "โซเล็กซ์" ลิมูซีน เวสป้าเกือบจะทุกสไตล์ สามล้อเครื่อง สามล้อถีบ ทั้งในส่วนที่ของไทยและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี ฝรั่งเศส สวีเดน ฟินแลนด์ อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ ในจำนวนปริมาณที่เจ้าตัวเองก็ไม่สามารถระบุได้เช่นกันว่าเท่าใด
       
       แต่น่าทึ่งและน่าตกใจยิ่งกว่าก็คือพื้นที่อีกส่วนหนึ่งที่ทั้งเรียงรายและระเกะระกะไปด้วยพาหนะจำนวนอีกมากมายก่ายกองทั้งที่มีเครื่องยนต์และไม่มีเครื่องฯ ไม่ว่าจะเป็นรถไถนา ตุ๊กตุ๊ก แทร็กเตอร์ รถตู้ จิ๊ป รถดับเพลิง รถพยาบาล รถติดปืนกล(ปลอม) รถสองแถว รถถัง เครื่องบินโบอิ้ง 747 เฮลิคอปเตอร์ เรือเอี้ยมจุ๊นขนข้าวสาร เรือเร็ว เครื่องยนต์ต่างๆ ทั้งสูบเดียว สองสูบ สี่สูบ
       
       หรือแม้กระทั่งหัวตอปิโด!!
       
       และที่จะตามมาก็คือเรือดำน้ำจากประเทศรัสเซีย "U 194"
       
       หลายต่อหลายชิ้นของเจ้าสิ่งที่ว่านี้ในสายตาคนอื่นมันล้วนแล้วแต่มีสภาพอะไรที่ไม่ต่างไปจากซากเศษเหล็ก ซึ่งหากบอกว่านี่คือ "ของสะสม" ที่ใช้เวลาเก็บเป็นเวลานานกว่า 10 ปี และเสียเงินไปโดยที่มิอาจจะประเมินค่าได้ เราก็อาจจะสรุปในเบื้องต้นจากที่มองเห็นได้ด้วยตาว่าเขาคนนี้ผู้เป็นเจ้าของไม่บ้าก็คงจะเมาอย่างหนัก!!
       
       "ทุกคนว่างั้นหมดครับ..." เจ้าของของสะสมดังกล่าวตอบรับพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
       
       "ผมมาเริ่มสะสมเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง เริ่มตอนอายุประมาณ 40 กว่า สะสมคันแรกอย่างเป็นทางการคือรถเมซาสมิธตอนนั้นซื้อมาจริงๆ ไม่แพง ประมาณ 4 แสนกว่าบาท 5 แสนกว่าบาท วิ่งได้เลย เป็นรถที่ประมูลมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ให้ญาติทางฝรั่งเศสประมูลมา แล้วก็เอาขึ้นเครื่องบินมาเลย โหลดมาได้ คันเล็กนิดเดียว ความจริงบริษัทเก่าเป็นบริษัทสร้างเครื่องบิน แล้วพอตอนหลังเขาเลิก มาทำรถขาย แฮนด์บังคับก็ยังเป็นของเครื่องบิน ที่นั่งสองตัวก็นั่งแบบเครื่องบิน"
       
       "ส่วนพวกเรือชุดนี้ซื้อจากอยุธยา ก็ลากมานครชัยศรี แล้วก็จมน้ำไว้ เพิ่งเอาขึ้นมาเร็วๆ นี้ ตอนนั้นซื้อมาลำใหญ่สุดก็เกือบๆ ล้าน มันเป็นไม้สัก ด้านล่างเป็นไม้ตะเคียนทองอยู่ 3 แผ่น ซึ่งไม้ตะเคียนทองเนี่ยจะแข็งเวลาเสียดสีกับพวกต่างๆ"
       
       "ผมมีเรือฝากหลวงพี่ที่วัดไว้ที่อยุธยาประมาณ 100 กว่าลำนะ เวลาผมไปซื้อผมก็ไปกับท่านเลย ไปตระเวนหากับชาวบ้าน ไปเจอ อ้าว ท่านซื้อให้หน่อย ท่านจัดการให้ผมหน่อย ก็หลอกพระ (หัวเราะ) ท่านชอบอยู่แล้ว ก็เลยสบาย ถ้าผมไปซื้อเอง ขนเอง ตายแน่เลย ท่านไปซื้อจะถูก เพราะท่านเป็นพระ ก็มีเรือขายกาแฟ เรือกำปั้นพวกนี้ เดี๋ยวนี้หายาก ถูกเอาไปทำฟืนหมดแล้ว"
       
       เห็นสภาพรถที่ไม่น่าจะเรียกว่ารถ เพราะไม่มีล้อ - เหลือแต่โครง เจ้าตัวบอกว่าซื้อมาอย่างนั้นทั้งหมดเพราะบางทีก็สนใจในตัวประวัติศาสตร์ของมันมากกว่าสภาพภายนอก
       
       "ซื้อมาตามสภาพนั้น เช่นอย่างนี้ครับ ผมไปซื้อรถของสามล้อแลมแลตต้ามา ซื้อมาจากเชียงใหม่ 13 คัน มันก็มีบางคันที่เขาทิ้งให้เป็นสภาพแบบนั้นก็มี คือโครงสร้างมันเป็นงั้น ผมอาจจะไม่ซ่อมทั้งหมด ผมก็อาจจะซ่อมเอาสัก 8 - 9 คัน แต่ 9 คันใน 13 คัน ผมก็ไม่ได้ทำเป็นรถนั่งทั้งหมด ผมอาจจะใส่กระบะเข้าไปแทนบ้าง ใส่เป็นตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ เข้าไปแทนบ้าง ด้านหลังนะ แต่ด้านหัวนี่ต้องแต่งให้สวยทุกคัน"
       
       "แลมแลตต้าคืออะไร คือสามล้อคันแรกของเมืองไทยนะ ตุ๊กตุ๊กคันแรกของเมืองไทย แล้วมันย้ายไปอยู่อยุธยา พออยุธยาเลิกใช้ก็ส่งไปอยู่เชียงใหม่ทั้งหมด แต่ความจริงคงไม่ใช่มี 13 คันหรอกนะ 40-50 คัน คงมากกว่านี้เยอะ"
       
       "หรืออย่างรถถังมีพรรคพวกบอกว่าจะขายรถพวกนี้อีก 300 คัน ที่สวิตเซอร์แลนด์ เขาเป็นพิพิธภัณฑ์เก่า เขาจะเลิก เขาจะขาย ผมก็พยายามหาข้อมูล เขาบอกว่าเจ้าของเป็นคนจีนที่อยู่ยุโรป เขาสะสมไว้ เขาบ้า บ้าหนักเลย บ้ารถถังอย่างเดียวเลย เขาก็สะสมทุกยี่ห้อ วิ่งได้ด้วย ของเขาสภาพวิ่งได้ทุกคัน ยิงก็คงยิงได้"
       
       มูลเหตุของการสะสมในสิ่งของทั้งหมดนั้นเริ่มจากความชอบส่วนตัวเป็นหลัก แต่จากการที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆ อันเนื่องมาจากหน้าที่การงานทำให้ "เจษฎา" ได้มีโอกาสไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ "Technik MUSEUM SPEYER" ทางตอนใต้ของแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ที่นั่นเองที่ทำให้การสะสมของชายคนนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจที่จะทำพิพิธภัณฑ์จัดแสดงยานยนต์ เครื่องกล และพาหนะ ที่เจ้าตัวฝันว่าอยากจะให้ดีและสมบูรณ์ที่สุดในบ้านเรา
       
       ปัจจุบันเจ้าตัวก็ได้ไปซื้อที่ดินไว้แล้ว ณ จังหวัดอยุธยากว่า 200 ไร่ (ไม่ไกลจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร) โดยจะแบ่งออกมาประมาณ 80 ไร่เพื่อจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า
       
       "ผมเสียดายที่ว่า บ้านเรามีคนฐานะดีเยอะเลย แต่เขาไม่เก็บอะไร เขาไม่ทำอะไรให้คนอื่นดู พอใช้ไปเสร็จก็หมดยุคหมดสมัย ผมยังมานั่งคิดดู ผมจะทำอะไร ผมจะไม่ใช้ชื่อผมเลย แต่หลังๆ ก็มาคิดในใจว่า ไอ้เที่ยวสุดท้ายเนี่ยผมจะต้องใช้ชื่อ เจษฎา เทคนิค มิวเซียม เพราะที่ผ่านมาอย่างที่บอก ผมไม่เคยใช้ชื่ออะไรเลย ก็เลยตั้งชื่อตัวเอง ผมก็กลัวตายเหมือนกัน (หัวเราะ)"
       
       "ซื้อที่เตรียมไว้ที่อยุธยาแล้วครับ จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ใหญ่เลย เอารถพวกนี้ไปรวมอยู่ที่นั่นหมด รถ เครื่องบิน ส่วนเรือดำน้ำจะจอดอยู่ที่ริมแม่น้ำใกล้ๆ ประมาณสัก 20 กิโลเมตร ที่ทั้งหมด 200 ไร่ แต่คิดว่าทำพิพิธภัณฑ์จริงๆ 80 ไร่ก็เหลือเฟือ ทำในลักษณะเดินไปด้วย ดูรถไปด้วย มีสวนประกอบเพื่อไม่ให้เกิดความร้อนเกินไป"
       
       ถามว่าโลกนี้จะมีคนสักกี่คนที่คิดไขว่คว้าจะเป็นเจ้าของเรือดำน้ำสักลำหนึ่ง? เพราะฉะนั้นมันคงไม่แปลกแต่อย่างไรที่ชื่อของชายคนนี้จะเริ่มเป็นที่จับตาขึ้นมาเมื่อเขามีความคิดดังกล่าว...
       
       "เรือดำน้ำนี่จริงๆ ผมอยากได้มาเป็น 10 ปีละ เพิ่งจะมาเจอเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วจอดที่สวีเดน บอกขายก็ไปเลย เป็นของเอกชนที่สวีเดนเขาก็สะสมกันอยู่ เขาลากมาจากรัสเซีย แล้วเขาก็ทำพิพิธภัณฑ์จอดอยู่ เขาจอดอยู่ 14 ปี เขาเบื่อ จริงๆ เขาเป็นคนฟินแลนด์ แต่ประกอบอาชีพอยู่สวีเดน แล้วเขาจะย้ายกลับบ้าน เขาเลยอยากจะขายบางอย่างทิ้ง แล้วประกอบกับแถวนั้นก็รู้จักกันดี เขาก็อาลัยอาวรณ์อยู่นะตอนนี้"
       
       "เรื่องเรือดำน้ำทีแรกก็จะไม่แถลงข่าว กะว่าจะเอามาแบบเงียบๆ ผมกะจะให้ชาวบ้านเขาดูแบบธรรมดา มาร้อย สองร้อยคน กับเด็กๆ แต่เขาบอกว่าเอาหน่อย ให้เขารู้กันหน่อย เดี๋ยวมีปัญหาเรื่องทหารมั่ง อะไรมั่ง พอเสร็จ ทีวีก็มากันใหญ่ พอเป็นเรื่องเป็นราว ก็เป็นเรื่องใหญ่เลย ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วก็ว่าไปเลย"
       
       หากมองย้อนกลับไปถึงอดีต ในวัยเด็กที่ค่อนข้างจะเรียบง่ายของ "เจษฎา" ไม่มีอะไรหวือหวาแล้วต้องบอกว่าความฝันและจุดมุ่งหมายต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างจะใหญ่เกินตัวของผู้ชายคนนี้ทีเดียว
       
       "มีพี่น้องกี่คน? ถ้าแม่เดียวกันนะ ก็มีพี่ชาย พี่สาว น้องชาย น้องสาว ผมอยู่ตรงกลาง 5 คนครับ..." เจ้าตัวว่าพลางยิ้มๆ
       
       "ผมเรียนไม่สูงมากหรอก จบตรีที่รามคำแหง แล้วก็ได้ปริญญากิตติมศักดิ์ของรามฯ คณะวิทยาศาสตร์ ท่านอธิการฯเขาให้มา จริงๆ ผมคลุกคลีกับเครื่องจักรกลมาตั้งแต่เด็ก พ่อผมเป็นคนขาย รับซื้อของเก่าด้วย ก็ช่วยท่านตรงนั้น ได้ความรู้จากตรงนั้นเยอะ แต่ยังไม่เคยลงมือสะสมอะไรช่วงนั้น ได้แต่ความรู้มาอย่างเดียว"
       
       "ชีวิตเริ่มจากศูนย์มั้ย หมายถึงฐานะนะ ฐานะจริงๆ ผมก็มาจากศูนย์ คือตั้งแต่ยุคนั้นก็ไม่มีมรดกอะไรมากมาย แต่ก็ค่อนข้างมาในฐานะที่ดี คือมีบ้านอยู่ แต่เงินทุนในการลงทุนกู้แบงก์หมด ผมเป็นหนี้แบงก์มา 14 ปี ในการทำธุรกิจนี่ 14 ปีก็นานนะ เบื่อมากที่สุดคือ ส่งดอกเบี้ยพอหมดหนี้ก็โล่งอกเลย"
       
       คำณวนจากจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปกับความชอบที่เรียกว่าเป็นชีวิตจิตใจแล้วหลายคนคงคิดว่าคนคนนี้คงจะต้องเป็นเศรษฐีมหาศาลอย่างแน่นอน..."ผมประกอบอาชีพเกี่ยวกับธุรกิจโรงงานประกอบรถต่างๆ อาทิ รถขยะ รถล้างท่อระบายน้ำ รถเติมน้ำมันเครื่องบิน รถถ่ายทอดดาวเทียม พวกนี้ครับ...จริงๆ รวยไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เพราะในบัญชีต่างๆ ของผม เข้าๆออกๆ ไม่ได้เยอะมากมาย ไม่ถึงเป็นพันๆ ล้านหรอกครับ"
       
       "เพียงแต่ผมคิดว่า ถ้าสมมติผมมีสักพันหนึ่ง พันหนึ่งเอาไปให้ลูกชายผมใช้คนเดียวก็ไม่ถูก ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรไว้สักอย่าง ถ้าขี้เกียจจริงๆ ไม่เอาไหนจริงๆ ผมก็มีพิพิธภัณฑ์นั่งเก็บตั๋วอย่างเดียวก็อยู่ได้ตลอดชีวิต หาความสุขได้ หาเพื่อนได้ ในพิพิธภัณฑ์หาได้ทุกอย่างครับ..."
       
       "ผมว่าชีวิตผมมันมัน สมบุกสมบันดี ที่ผมยึดอย่างเดียวเลยก็คือความซื่อสัตย์กับลูกค้านี่ที่หนึ่ง ต้องไม่เบี้ยว ไม่โกง คือมันเบี้ยวไม่ได้ รับปากแล้ว ขาดทุนก็ต้องให้ ตรงนี้ทำให้ผมยืนได้ อยู่ได้ ไม่มีใครมาชี้หน้าว่าเป็นจอมเบี้ยว ไม่มี"
       
       ถามว่าทั้งหมดที่ทำนี้เป็นการคืนอะไรให้แก่สังคมหรือเปล่า? "เจษฎา" บอกว่าไม่อยากให้คิดเช่นนั้น ด้วยเหตุผลเพราะ...
       
       "ผมไม่อยากคิดอย่างนั้น เราก็ทำไปให้ไป เราไม่ต้องไปคิดว่าเป็นการตอบแทนอะไรอย่างนี้ ธรรมชาติๆ สบายๆ เราอาจจะให้มากกว่าคนอื่นก็จริง เปรียบเทียบนะ แต่เราไม่ต้องไปสนใจตรงนั้น...แล้วของพวกนี้เชื่อมั้ยว่าถ้าผมขายทิ้งผมก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว อย่างเครื่องบิน Dakota ผมขาย 2 ล้านก็มีคนซื้ออยู่แล้ว เพราะสภาพมันดีมาก เราแค่ไม่ได้เช็ด - ล้างเท่านั้นเอง คือไม่ขาดทุนอยู่แล้ว มันมีแต่ขึ้น อย่างรถเมซาสมิธที่บอกว่าซื้อ 4-5 แสน เดี๋ยวนี้ที่เยอรมันขายคันหนึ่งประมาณเกือบๆ ล้าน แต่เราไม่ใช่คนขายรถเก่าหรือคนขายของเก่าไรพวกนี้ เราก็ทำของเราไปเรื่อย รถเข้ามาที่นี่ไม่เคยมีออกไป มีแต่เข้าไม่มีออก"
       
       ท้ายสุดของการสนทนาเจ้าของ JESADA TECHNIK MUSEUM บอกว่า แม้ตนเองจะเก็บอะไรต่อมิอะไรไว้มากมาย แต่ถ้าเทียบกับต่างประเทศแล้วถือได้ว่ายังเป็นอะไรที่น้อยมาก และนั่นเองที่เป็นเหตุให้เจ้าตัวมุ่งมั่นว่าจะขอเก็บ(ฝัน)ตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ
       
       "ถ้าเทียบของเรากับของพิพิธภัณฑ์ที่เยอรมนีจริงๆ เนี่ย พิพิธภัณฑ์ของเรายังน้อย ยังได้ไม่ถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ของเขามีเยอะ อย่างโหมดรถถัง เครื่องจักรกล เครื่องยุทธภัณฑ์เนี่ย เขามีเป็นกองทัพเลบ คือจะมี รถถัง ปืนเล็ก ปืนใหญ่ ปืนต่อสู้ เขามีสภาพดีๆ เรียงเป็นแถวให้ดู ของผมเนี่ยมี M41 อยู่คันเดียว ยังเป็นเรื่องใหญ่ พอเดลินิวส์เขามาถ่ายก็โดนตรวจทั้งๆ มันก็วิ่งไม่ได้อยู่แล้ว เพราะรถ(ถัง)คันนี้ก็ตกหน้าผามา"
       
       "การทำพิพิธภัณฑ์ ทำไงก็ไม่มีวันจบหรอกครับ จริงๆ ทำไปแล้วมันเพลิน มันมีความสุขไปอีกอย่าง ซึ่งถ้าไม่ทำสงสัยไข้ขึ้น..."
       
       * * * * * * * * * * * * *
       
       การเดินทางของ U-194
       
       U-194 (ขนาดความยาว 75 เมตร ระวางขับน้ำ 1,050 - 1,350 ตัน ขนาดเครื่องยนต์ 2,000แรงม้า) เป็นเรือดำน้ำรัสเซียถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามเย็นประมาณปี ค.ศ.1949-1958 เพื่อสอดแนมและปฏิบัติการลับต่างๆ แต่หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย เรือดำน้ำมากมายก็ถูกปลดระวางและทำลายมีใช้งานได้เพียงไม่กี่ลำเท่านั้น
       
       สำหรับลำที่จะเข้ามาที่ประเทศไทยนี้ "เจษฎา เดชสกุลฤทธิ์" ได้ซื้อต่อมาจาก Mr. Timo WALLIN ที่ซื้อ U-194 ไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์และจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์โดยจอดอยู่ที่ Submarine Museum เมือง Helsingborg ประเทศสวีเดน
       
       เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2550 ที่ผ่านมาได้มีการทำพิธีส่งเรือ U-194 จากประเทศสวีเดน โดยตามกำหนดเรือจะมาถึงประเทศไทยและจอดพักที่ท่าราชวรดิษฐ์เพื่อเปลี่ยนเรือลากจูงแล้วร่องเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาถึงเกาะเกร็ดและวกกลับไปในช่วงกลางคืนสู่บริเวณหน้าราชนาวิกสภาเพื่อจอดให้ประชาชนเข้าชมในช่วงเดือนพฤษภาคม
       
       จากนั้น U-194 จะถูกส่งไปที่อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้าเพื่อซ่อมปรับปรุงเป็นเวลา 90 วัน ก่อนจะนำไปจอดเป็นการถาวรและจะมีการทำพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ส.ค.2550
       
       * * * * * * * * * * * *
       
       เรื่อง - ทีมข่าวบันเทิง

บันทึกการเข้า
Hill Myna
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 551


« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 11:01:30 AM »

สุดยอด..ครับ  หลงรัก
บันทึกการเข้า

aniki
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 232
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3074


สังคมดีไม่มีขาย...ถ้าอยากได้ต้องร่วมสร้าง


« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 08:22:27 PM »

ถ้ารัฐ.สายตายาวไกล  สร้างที่เก็บไว้  ให้คนเข้าเสียค่าเข้าชม  จะมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกสนใจเข้ามาดุแน่นอนครับ
บันทึกการเข้า

ขอคืนคุณสู่แผ่นดิน  รักในหลวง
e.k.1911
ถ้าคนดีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสุขและผลจักมีแก่ชนเหล่านั้น
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 251
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2809


Still Loving COLT


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 08:28:28 PM »

ถ้ารัฐ.สายตายาวไกล สร้างที่เก็บไว้ ให้คนเข้าเสียค่าเข้าชม จะมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกสนใจเข้ามาดุแน่นอนครับ
เห็นด้วยครับ
บันทึกการเข้า

โปรดจงเอาดอกไม้เสียบไว้ที่ปลายปืน  แล้วหยิบยื่นไมตรีมิตรให้แก่กัน
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 10:17:10 PM »

http://www.jesadatechnikmuseum.com/index.htm
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 10:38:23 PM »

สุดยอดมาก ๆ ขอรับ...ท่าน...
บันทึกการเข้า
นายอันตราย
สงบจิต สงบใจ
Hero Member
*****

คะแนน 26
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1319


ขอบคุณครับ


« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 10:39:45 PM »

ถ้ารัฐ.สายตายาวไกล สร้างที่เก็บไว้ ให้คนเข้าเสียค่าเข้าชม จะมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกสนใจเข้ามาดุแน่นอนครับ
เห็นด้วยครับ


อื่ม..........เห็นด้วยอีกเสียง............ครับ
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88255


« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:10:39 PM »

มีรถถัง กับเรือดำน้ำสุดยอดครับ  Grin Grin Grin รถเก่าแกมีเพียบ
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
neo1
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 159
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2694



« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:18:28 PM »

ถ้ารัฐ.สายตายาวไกล สร้างที่เก็บไว้ ให้คนเข้าเสียค่าเข้าชม จะมีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกสนใจเข้ามาดุแน่นอนครับ
เห็นด้วยครับ


อื่ม..........เห็นด้วยอีกเสียง............ครับ
ครับผม  เห็นด้วยอีกหนึ่งเสียงครับ Grin
บันทึกการเข้า

นักะติ๊ Club
Mango
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 352


"รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต"


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 12:26:29 PM »

โห...สุดยอดครับอยากไปชมด้วยตาตัวเองซักที
บันทึกการเข้า
ณัฐพนธ์
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 01:23:58 PM »

 Shocked Shocked Shockedแจ่มครับยอดเยี่ยม Shocked Shocked Shocked
บันทึกการเข้า
p@rinya
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 26
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1225



« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 02:41:19 PM »

ใครสนใจไปเที่ยวบ้างครับ อยู่แถวนครชัยศรี เมื่อวันเด็กพาลูกๆไปดูมาแล้ว น่าทึ่งและยินดีกับท่านเจ้าของด้วยครับ
บันทึกการเข้า
ETR
Full Member
***

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 146


« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 27, 2007, 04:05:36 PM »

ใครสนใจไปเที่ยวบ้างครับ อยู่แถวนครชัยศรี เมื่อวันเด็กพาลูกๆไปดูมาแล้ว น่าทึ่งและยินดีกับท่านเจ้าของด้วยครับ

สนใจครับ ไปยังไงครับ เผื่อวันหน้าจะพาลูกชายไปเที่ยวบ้าง ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.1 วินาที กับ 21 คำสั่ง