๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 26, 2024, 11:07:58 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดใจมือปืน เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK)  (อ่าน 25736 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ing เด็ก ส.จ.
Hero Member
*****

คะแนน 13
ออฟไลน์

กระทู้: 1056


« ตอบ #45 เมื่อ: มกราคม 20, 2007, 11:14:01 AM »

หนังสือที่ท่าน51แนะนำ ผมเคยซื้อ เคยอ่านเมื่อหลายปีมาแล้ว
ทราบว่าปัจจุบันยังพิมพ์ซ้ำ จำหน่ายอยู่

คุณอรสม สุทธิสาคร ทำการบ้านมาดีครับ
(ว่าไป เรื่องของคุณอรสม สุทธิสาคร น่าอ่านหมดแหละ
อ่านมือปืนแล้ว อ่านนักโทษประหารด้วย จะสร้างบาลานซ์ให้ชีวิตดีมาก)

 ตกใจ ตกใจ  Grin Grin
บันทึกการเข้า
กะเเด่ว
Full Member
***

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 315



« ตอบ #46 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 12:09:30 AM »

หลักพื้นฐานว่าด้วยการ "ซุ่มยิง"

อยากสรุปเมื่อตอนที่ผ่านมา การสังหารเหยื่อของมือปืนนั้น ผ่านไปแล้ว 2 วิธีคือ การประกบยิง ด้วยอาวุธปืนสั้น ซึ่งอาวุธที่นิยมมากที่สุดคือ 9 มม. อีกวิธีการหนึ่งคือ การยิงถล่มด้วยอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ เอ็ม 16 อาก้า และเอ็ม 79 แย่ที่สุดคือลูกซอง 5 นัด

ตอนนี้ต้องพูดกันถึงเรื่อง "การซุ่มยิง"

วิธีการนี้ สำหรับมือปืนเมืองไทยแล้ว ไม่ค่อยนิยมการซุ่มยิง หรือลอบยิงมากเท่าไรนัก เพราะการยิงในลักษณะนี้ ต้องเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่า "แม่นปืน" เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว

ปัจจัยที่ "ไม่นิยม"นั้นมีเหตุผลดังต่อไปนี้

ประการแรก ต้องยิงระยะไกลต้งแต่ 50 เมตร บางคนต้องสุ้มยิงไกลถึง 1,000 เมตร ไม่เป็นนักแม่นปืนจริงๆ จะหวังสังหารเหยือให้ดับดิ้นคงเป็นเรื่องยาก

ประการที่ 2 ต้องใช้ปืนยาวติดกล้อง จึงไม่สะดวกในการพกพา ไม่ว่าจะเป็นก่อนลงมือยิง หรือหลังยิงเหยื่อเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถใช้รถมอเตอร์ไซด์ในการหลบหนี

ประการที่ 3 อาวุธปืน พร้อมอุปกรณ์มีราคาสูงมาก อาวุธปืนนั้นมีตั้งแต่ประมาณ 20,000 บาท คือปืนยี่ห้อ "ซีแซด" ขนาด .22 เป็นปืนยิงนกแถบชายทุ่ง มีระยะหวังผลอยู่ประมาณ 50-70 เมตร

อาวุธปืนติดกล้องขนาด .22 นี้ จะเป็นปืนที่นิยมค่อนข้างมาก เพราะเป็นปืนที่ราคาถูกที่สุด ในบรรดากลุ่มปืน "ไรเฟิล" และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าปืนแถววังบูรพาทั่วๆ ไป

นอกจากนี้อาวุธปืนขนาด .22 หรือ "ปืนลูกกรด" มือปืนนิยมใช้เพราะ กระสุนราคาถูกนัดละ 2 บาท เสียงไม่ค่อยดังเท่าไรนัก และยังสามารถสร้างที่เก็บเสียงแบบง่ายๆ ขึ้นมารองรับได้

ส่วน "กล้อง"ติดปืน ราคาจะอยู่ประมาณ 20,000 บาท (ไม่ใช้กล้องแถบชายแดนเขมร หรือพม่า ราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท ซึ่งกล้องถูกๆ อย่างนี้ ยิงนัดสองนัด ศูนย์เคลื่อนหมดแล้ว)

กล้องติดปืนบางรุ่นมีราคาสูงถึง 200,000 บาท สามารถขยายได้สูงตั้งแต่ 3-50 เท่า

อาวุธปืน "ไรเฟิล" ขนาด .223 (ปืนเข็มชนวนกลาง) เป็นปืนไรเฟิลที่หน่วย "คอมมานโด" รวมถึงหน่วยรบพิเศษของทหารนิยมใช้กันมากที่สุด เป็นปืนที่มีระยะหวังผลประมาณ 300-400 เมตร



ส่วนการซื้อกระสุนนั้น ถ้าเป็นการซื้อกันในตลาดมืดจะไม่แพงมากนัก บางคนสามารถขอพรรคพวกที่เป็นคนในเครื่องแบบนอกแถว ได้ง่ายไม่ยากนัก ถ้าเป็นการสั่งกระสุนชนิดพิเศษ ใช้ดินพิเศษ จะต้องเสียเงินนัดหนึ่งประมาณ 100-200 บาท

ส่วนกระสุนปืนขนาดนี้ ในหน่วยราชการเรียกว่า "หาง่าย" อยากให้เข้าใจตามประสาชาวบ้านคือ ลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 นั่นแหละ..!!เมื่อถามว่า มือปืนไทยนิยมใช้ปืนประเภทนี้ซุ่มยิงหรือไม่ เขาบอกว่า พอสมควร เพราะเป็นปืนที่มีราคาระหว่างต่ำสุดประมาณ 50,000 บาท สูงไปถึงหลักหลายแสนบาท

ส่วนกล้องติดปืนขนาดนี้นั้น ราคาตั้งแต่ 20,000 บาทถึงหลักเแสนเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ "ยี่ห้อ" และกำลังการขยาย เพราะบางยี่ห้อนั้น จะมองผ่านเลนส์แล้วใส แม้ว่าเป้าหมายจะอยู่ในมุมมืดมากๆ ก็ตาม

อีกรุ่นหนึ่งเป็น "ไรเฟิล" ขนาด 308 ใช้กระสุนของ เอ็ม 60 หรือกระสุนปืนกลของเหมือนกัน พระเอกหนัง "แรมโบ้" ใช้พันรอบตัว เป็นปืนที่นิยมใช้อีกรุ่นหนึ่ง แต่มีราคาค่อนข้างสูงมาก ตั้งแต่ 60,000 บาท ถึงหลักหลายๆ แสนเหมือนกัน

ส่วนระยะหวังผลในการสังหารเป้าหมายจะอยู่ระหว่าง 800-1,000 เมตร

มือปืนเมืองไทยไม่ค่อยนิยมใช้เท่าไรนัก นอกจากมือปืนในเครื่องแบบ เพราะราคากระสุนนัดหนึ่ง จะตกประมาณ 300 บาทขึ้นไป แต่ส่วนมาก มักจะไม่ค่อยซื้อกัน เนื่องจากไปขอจากพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เป็นคนในเครื่องแบบนอกแถวบางคนแล้ว สามารถหาได้ไม่ยากนัก

ส่วนกล้องติดปืนนั้น จะใช้แบบเดียวกัน .223

+++++ยังมีอีก ++ ตอนต่อจะไปเล่าให้ฟังถึงเรื่องการสุ้มยิงคนสำคัญระดับเจ้าพ่อค้ายาเสพติดแล้วรอดตาย เปรียบเทียบกับการสุ้มยิงอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้++++++++


คัดลอกจาก

http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/08/entry-2/comment#read

(คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2007, 12:12:43 AM โดย มะเดี่ยว » บันทึกการเข้า

บางครั้งมิตรภาพในอินเตอร์เนท มันก็ยั่งยืนมากกว่าในมิตรภาพในโลกความจริง
กะเเด่ว
Full Member
***

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 315



« ตอบ #47 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 12:15:47 AM »

ตอนที่ 7

ตอนที่แล้ว ได้บอกถึงมือปืนเมืองไทย จะรับงาน "ฆ่า" ด้วยวิธีการ "ซุ่มยิง" มากเท่าไรนัก เนื่องจาก มีปัญหาหลายประการ 1.ปัญหาต้องยิงระยะไกล 50-1,000 เมตร 2.ปัญหาการใช้ปืนยาวติดกล้อง จึงไม่สะดวกในการพกพา 3.ปัญหาอาวุธปืน พร้อมกล้องราคาสูงมาก ต่ำสุดต้องมีงบประมาณ 40,000 บาทขึ้นไปเป็นหลายๆ แสน และกระสุนก็มีราคาแพงเช่นกัน บางรุนสูงถึงนัดละ 300 บาท

เมื่อได้ปืนมาแล้ว ยังมีปัญหาตามมาไม่รู้จบ

ประการที่ 4 "การตั้งศูนย์" ปืนประเภทติดกล้องนี้ จะต้องยิงหลายนัดกว่าจะตั้งศูนย์ให้ยิงแม่นยำถูกเป้าหมายได้ เป็นไปตาม "สไตล์"ของปืนติดกล้อง กล้องบางรุ่นต้องยิงปรับเป้าหมายนับร้อยนัด กว่าจะตั้งศูนย์เข้าที่พร้อมยิงได้

กล้องติดปืน

ประการที่ 5 "การซ้อม" มือปืนจะต้องซ้อมอาวุธปืนประเภทนี้ เพื่อให้เกิดความชำนาญในการใช้อาวุธ เรียกกันง่ายๆ ว่า "ให้มือนิ่ง" เพราะการยิงระยะไกลนั้น มือจะสั่นไม่ได้แม้แต่ "มิลลิเมตร" เพราะการขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ผิดเป้าหมายได้เป็นคืบเลยทีเดียว

นอกจากนี้การซ้อมยังคงต้องเริ่มต้นจากการมองผ่านกล้องไปยังเป้าหมายก็สำคัญ ถ้าเป็นมือใหม่ เชื่อว่า ไม่สามารถหาเป้าหมายเห็นได้ง่ายๆ ซึ่งการมองกล้องจริงๆ นั้น ไม่ได้ง่ายเหมือนกับในหนังฝรั่งบู้ๆ กว่าจะมองหาเป้าหมายเห็น เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง

กล่าวโดยสรุปว่า มือปืนเมืองไทย ไม่นิยมลอบสังหารเหยื่อ ด้วยการใช้ปืน "ไรเฟิล" ยิงระยะไกล เพราะมีอุปสรรคใหญ่หลวงมากมาย

การเล็งมองหาเป้าหมาย

มือปืน บอกอย่างชัดเจนว่า เขาเป็นคนหนึ่ง เขาใช้วิธีการประกบยิงมากที่สุด ไม่ใช้วิธีการลอบสังหารเหยื่อด้วยไรเฟลิติดกล้องเลย ปัจจัยสำคัญนั้นคือ "ยิงซ้ำ" ไม่ได้ มีโอกาสพลาดสูงมาก หรือถ้ายิงซ้ำได้คงซ้ำได้ไม่เกิน 2 นัด แต่จะต้องใช้ปืนไรเฟิล แบบกึ่งออโตเมติค คือสามารถยิงดับเบิ้ลได้ โดยไม่ต้องชักลูกเลื่อนขึ้นลำกล้องใหม่

แต่มีมือปืนเมืองไทย เคยใช้วิธีการลอบสังหารเหยื่อ ด้วยปืนไรเฟิลบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงประกาศ "สงครามยาเสพติด" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีนักค้ายาเสพติดหลายคน ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนไรเฟิลยิงระยะไกลตายไปหลายราย แต่ก็มีหลายรายที่รอดจากการสังหารไปบ้างก็มี

ตัวอย่างของผู้ที่รอดจากการตกเป็นเหยื่อกระสุนปืนไรเฟิลคนสำคัญเลยนั้น คือ นายพนม ทรัพย์เอนก หรือ สจ.อ็อด เจ้าพ่อรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดแห่งเมืองลำปาง ถูกทางการตามล่าตัวกล่าวหาว่า เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ จนสามารถสร้าง "บ้านทรงไทย"ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยเลยทีเดียว

ก่อนที่ นายพนม จะถูกจับกุม ได้ถูกมือปืนลอบยิงระยะไกลไม่น้อยกว่า 300 เมตร แต่โชคดีครั้งนั้นรอดตายไปได้

คนร้ายปฏิบัติการใช้ปืนติดกล้องเล็งเข้าไปในบ้าน จนสามารถมองเห็นเป้าหมาย ขณะที่นายพนม กำลังก้าวขึ้นบันไดบ้านทรงไทยขันที่ 2 เพื่อขึ้นขั้นที่ 3 นั้น กระสุนปืนปริศนาพุ่งเข้าเจาะอกด้านบน ใกล้ๆ ไหปลาร้า ผู้ถูกขึ้นบัญชีดำว่าค้ายาเสพติดรายนี้ล้มลงทันที แต่คนร้ายไม่มีโอกาสลั่นไกซ้ำแต่อย่างใด

การยิงของคนร้ายครั้งนั้น คาดว่า ตั้งใจจะยิงเพื่อให้เข้าศรีษะ แต่เป็นจังหวะที่เขาก้าวขึ้นบันได ทำให้พลาดมาถูกเข้าที่อกด้านบน เฉี่ยวขั้วหัวใจไปไม่มากนัก

มือปืนได้อธิบายจุด "โฟกัส" ของการซุ่มยิงระยะไกลว่า ส่วนมากมือปืนจะตั้งเป้าหมายยิงที "ศรีษะ" มากกว่าการยิงที่ "อก" โดยมีเหตุผล 3 ประการคือ

ประการแรก มือปืนจะมั่นใจในการทำงานของกระสุนว่า มีความแรงพอที่จะระเบิดสมองให้เหยื่อตายลงได้ทันที

ประการที่สอง ไม่นิยมยิงหน้าอกซึ่งเป็นเป้าใหญ่สุดของร่างกาย เหมือนกับการประกบยิง เพราะบางคนสวมเสื้อเกราะ อาจทำให้เป็นอุปสรรคในการตายได้ แม้ว่ากระสุนปืนบางชนิดจะเจาะเกราะได้ก็ตาม

ประการสุดท้าย มือปืนมั่นใจว่ากล้องติดปืนนั้น ไม่น่าจะทำให้พลาดเป้าหมายได้


----------- เดี๋ยวตอนต่อไปค่อยพูดกันถึงเรื่อง การลอบสังหาร อดีตประธานธิบดีสหรัฐ ก็แล้วกันนะครับ ------------


คัดลอกจาก

http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/23/entry-1

(คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com



บันทึกการเข้า

บางครั้งมิตรภาพในอินเตอร์เนท มันก็ยั่งยืนมากกว่าในมิตรภาพในโลกความจริง
สตางค์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 134
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2564



เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 12:48:22 AM »

 หัวเราะร่าน้ำตารินบาบกรรมๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน อยากรู้จังเป็นเรื่องจริงหรือข่าวที่รัฐจัดมาครับ
บันทึกการเข้า



" มือปืนพ่อลูกอ่อน "
กะเเด่ว
Full Member
***

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 315



« ตอบ #49 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 12:52:41 AM »

ตอนที่ 8

(ตอน)ซุ่มยิง"จอห์น เอฟ เคนเนดี้"


หลังจากได้สัมภาษณ์เปิดใจมือปืนรับจ้าง ของเมืองไทยกันแล้ว พอสรุปได้ว่า ความนิยมในการล่าสังหารเหยื่อนั้น จะไม่ชอบการ "ซุ่มยิง" แต่จะใช้วิธีประกบยิงกันมากกว่า เมื่อยิงเสร็จแล้ว จะใช้รถ "มอเตอร์ไซด์" ในการหลบหนี

ผิดจากหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะ "สหรัฐอเมริกา" จะนิยม "ซุ่มยิง" เสียมากกว่า โดยเฉพาะบุคคลสำคัญตั้งแต่ระดับประธานธิบดีลงมาเลยทีเดียว

"เปิดใจมือปืน" ตอนนี้ จะพาท่านผู้ติดตามไปถึงสหรัฐฯ เป็นการเปรียบเทียบการซุ่มยิงผู้นำระดับโลก กับวิธีการเตรียมการซุ่มยิงของมือปืนเมืองไทยกันบ้าง

"จอห์น เอฟ เคนเนดี้" หรือ เจเอฟเค อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนไรเฟิล เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 กลางเมืองดาลลาส แห่งรัฐเท๊กซัส ขณะที่ขบวนของผู้นำประเทศเคลื่อนมาถึง บริเวณทางโค้งก่อนเข้าอุโมงค์ มุ่งหน้าไปยังสนามบินดาลลาส

ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างหนาแน่นนั้นเอง คนร้ายขึ้นไปดักรอบนชั้น 6 ของอาคาร 8 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณมุมทางโค้ง ก่อนลงอุโมงค์ดังกล่าว

"จอห์น เอฟเคนเนดี้" ได้นั่งเบาะหลังอยู่กับภรรยา บนรถประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นรถเปิดประทุน เพื่อจะได้สะดวกในการโบกมือทักทายประชาชนที่ยืนให้การต้อนรับทักทายอยู่สองฝั่งถนนจำนวนมาก

แต่บริเวณทำเลที่คนร้ายเลือกนั้น เป็นจุดที่ประชาชนยืนต้อนรับอยู่เบาบางแล้ว เพราะเป็นทางโค้ง และทางลงอุโมงค์

ทันทีที่รถ "จอห์น เอฟ เคเนดี้" ค่อยๆ แล่นผ่านทางโค้งมาด้วยความเร็วไม่มากนัก ไปได้ประมาณ 15 เมตร คนร้ายได้ลั่นกระสุนนัดแรกเข้าบริเวณต้นคอ เมื่อรถแล่นไปได้ประมาณ 10 เมตร หรือประมาณ 5-6 วินาที คนร้ายได้ลั่นกระสุนนัดที่สอง เข้าบริเวณศรีษะ แรงกระสุนเจาะจนกระโหลกเปิด

คดีนี้มีความอึมครึมมาตลอด ไม่มีความกระจ่างอะไรให้กับชาวโลกได้รู้เลย

ถ้าลองวิเคราะห์การซุ่มยิงอดีตผู้นำครั้งนั้น ถ้า "มือปืน" มาคนเดียว ซุ่มรอเหยื่ออยู่บริเวณชั้น 6 ต้องยอมรับว่า ต้องเป็นผู้ชำนาญในการใช้อาวุธปืนอย่างมาก เพราะระยะเวลาไม่กี่วินาที สามารถชักลูกเลื่อนปืนเพื่อยิงนัดที่ 2 ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างจังเลยทีเดียว

มือปืนเมืองไทยเองยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้

ทั้งหมดนี้ได้รับการถ่ายทอดจาก "เอ็ดเวิร์ด ฮิวก์" ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญวิทยา ของมหาวิทยาลัยนอร์ธเท๊กซัส ได้อธิบายให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตรพิเศษการบริหารงานยุติธรรมเชิงรุกแบบบูรณาการ รุ่นที่ 3 ประกอบด้วยข้าราชการ 9-10 ผมเป็นนักข่าวเพียงคนเดียวที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมอบรมหลักสูตรดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นโครงการของกระทรวงยุติธรรม ที่มหาวิทยานอร์ธเท๊กซัส สหรัฐอเมริกา

"เอ็ดเวิร์ด ฮิวก์"บรรยายให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรพิเศษการบริหารงานยุติธรรมเชิงรุกแบบบูรณาการ รุ่นที่ 3 ที่ มหาวิทยาลัย นอร์ธ เท๊กซัส สหรัฐอเมริกา

การบรรยายของ "เอ็ดเวิร์ด ฮิวก์" ได้เตรียมวิดีโอมาฉายภาพเหตุการณ์จริงมาเปิดให้ผู้เข้าอบรมกว่า 20 คนหลายรอบ เพื่อให้สังเกตุพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นกัน

ภาพวิดีโอที่ปรากฏ เริ่มจาก ขบวนรถของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" แล่นผ่านฝูงชนจำนวนมากที่รออยู่สองฝั่งถนน มุ่งหน้าสนามบินดาลลาส เมื่อรถแล่นมาถึงทางโค้งเป็นจุดที่คนร้ายซุ่มยิงอดีตผู้นำสหรัฐฯ 2 นัด


กระสุนนัดแรก "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" เจาะเข้าบริเวณลำคอ ทำให้เกิดอาการ "ฟุบ" ค่อยๆ เอนเข้าไปซบภรรยาที่นั่งอยู่ด้านข้าง

แต่ยังไม่ทันซบกระสุนนัดที่สองพุ่งออกมา คราวนี้ เล่นเอากระโหลกเปิด

ด้วยความตกใจของภรรยา คงทำอะไรไม่ถูก จึงปีนไปยังกระโปร่งหลังของรถ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต้องวิ่งปีนท้ายรถขึ้นไปช่วยกันจับภรรยาผู้นำเอาไว้

ภรรยาของ"จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ปีนไปท้ายรถ

เชื่อหรือไม่ว่า ภายในห้องอบรมสงบเงียบไปตามๆ กัน เมื่อผู้เข้าอบรมตั้งสติได้ ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ตั้งแต่การยิงของคนร้าย รวมไปถึงภรรยาของผู้นำประเทศ

อยากรู้หรือไม่ว่า ผู้เข้าอบรมคนไทย วิจารณ์ภรรยาอดีตผู้นำสหรัฐฯว่า "ปีนหนีเอาตัวรอดล่ะซิ" บางคนวิจารณ์ว่า "กลัวลูกหลงล่ะซิ" บางคน วิจารณ์ว่า "โดนลูกหลงเข้าแล้ว" บ้าง

เชื่อหรือไม่คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นผิดหมดเลย

อยากให้ผู้ติดตามในเรื่องนี้ ลองวิพากษ์วิจารณ์กันดูว่า

"ภรรยาของจอน์ห เอฟ เคนเนดี้ ปีนไปท้ายรถ ขณะที่สามีตัวเองถูกยิง เพื่อทำอะไร ...Huh"

ขอใบ้ไว้ตอนท้ายนิดหนึ่งว่า เธอจงรักภักดีต่อ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" อย่างมาก


---------- ตอนต่อไปจะมาเฉลย --------

คัดลอกจาก

http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/25/entry-1

(คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com




บันทึกการเข้า

บางครั้งมิตรภาพในอินเตอร์เนท มันก็ยั่งยืนมากกว่าในมิตรภาพในโลกความจริง
ป้อมทอง พรานชุมไพร
ดับบาป ด้วยบุญปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 780
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6882


นรชาติวางวาย สถิตย์ไว้ แต่ความดีประดับไว้โลกา


« ตอบ #50 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 01:56:34 AM »

 Grin  อ่านด้วยความวิเคราะห์ในข้อเท็จจริงด้วยนะครับ  พี่ ๆ  น้อง ๆ

       บทความกับความเป็นจริง   ข้อเท็จเจริงอาจต่างกันแบบสุดขั้วก็ได้

       
บันทึกการเข้า

รักกันไว้เถอะ  เราเกิดร่วมแดนไทย   จะเกิดภาคไหนๆ    ก็ไทยด้วยกัน      
เชื้อสายประเพณีไม่มีขีดคั่น        เกิดเป็นไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย
P1911- รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 482



« ตอบ #51 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 07:17:55 AM »

อ่านเอาสนุกได้ครับ  วิเคราะห์ให้ดีๆๆ
บันทึกการเข้า

จะอยู่อย่างจงรัก  ตายอย่างภักดี
อู๋ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 143
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1666



« ตอบ #52 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 09:30:47 AM »

อ่านแค่พอสนุก  Grin  ไม่ต้องเก็บเอาไปคิดต่อ
บันทึกการเข้า

Life was like a box of chocolate. You never know what You're gonna get.
Arthorn Art.
เพื่อลูก และเมีย อันเป็นที่รัก
Full Member
***

คะแนน 0
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 144



« ตอบ #53 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 09:58:10 AM »

...คนพวกนี้ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรเลย  แค่ยิงคนทีเผลอ  คนไม่มีทางสู้  พวกนี้ไม่ใช่คนใจถึง  ไม่มีอะไรดีเด่นเลย  แท้จริงแล้ว  มีความเอี้ยอย่างเดียวครับ  (หมาลอบกัดยังมีความภูมิใจกว่าพวกเหล่านี้  เพราะกัดแล้วอีกฝ่ายยังพอมีโอกาสสู้)

...ขอตั้งข้อสังเกตุว่า  บทความแบบนี้จะว่าไปแล้ว  เหมือนดาบสองคม  ด้านหนึ่งอ่านกันสนุกๆ พอได้ความรู้นิดหน่อย  ผิดบ้างถูกบ้างก็ว่ากันไป  แต่อีกด้านหนึ่ง  อาจมีผลร้ายเพราะกระตุ้นเด็กและเยาวชนบางคนไปในทางที่ไม่ดี 

...นี่ยังไม่รวมการใช้ภาษาไทยที่ผิดมากมายจนขี้เกียจแก้ครับ  Smiley

ถูกต้องที่สุด
บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #54 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 10:22:42 AM »




จากภาพ น่าเป็นการปีนขึ้นไป เพื่อที่จะดึงหลังคาที่เปิดประทุนอยู่ขึ้นมาให้ปิดประทุน ครับ
สังเกตได้จากมือขวาของเธอและแนวสายตาของเธอกำลังมองลงไปเบื้องล่าง
มิได้มองไปที่อื่นเลย...ถ้าจะ หนี ต้องมองไปในทิศทางที่จะ หนี ครับ

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น..
บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #55 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 10:27:37 AM »




เธอตกใจในขณะที่สามีเธอถูกกระสุน
แต่เธอทราบทันทีถึงบาดแผลและทิศทางที่มาของกระสุน
ว่ามิได้มาจากแนวราบ...
เธอจึงพยายามที่จะหาสิ่งที่มาปิดบังเป้าหมายไว้ ในขณะนั้น

ผมเชื่อว่า...เธอค่อนข้างจะแน่ใจในทันทีว่า สามีเธอไม่รอด

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...


บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #56 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 11:06:51 AM »

สนุกดีครับ...
บันทึกการเข้า
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10196
ออฟไลน์

กระทู้: 47075


M85.ss


« ตอบ #57 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 11:17:32 AM »

วิเคราะห์ได้เยี่ยมมากโอม

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า

โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8575


« ตอบ #58 เมื่อ: มกราคม 26, 2007, 11:23:29 AM »

Grin อ่านด้วยความวิเคราะห์ในข้อเท็จจริงด้วยนะครับ พี่ ๆ น้อง ๆ

 บทความกับความเป็นจริง ข้อเท็จเจริงอาจต่างกันแบบสุดขั้วก็ได้

 

 Grin Grin Grin Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
กะเเด่ว
Full Member
***

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 315



« ตอบ #59 เมื่อ: มกราคม 29, 2007, 03:05:47 PM »

เปิดใจมือปืน ตอน 9(ไขปริศนาภรรยา JFK)

เมื่อตอนที่ผ่านมา ได้ทิ้งท้ายไปด้วยปริศนาว่า ภรรยาของ "จอน์ห เอฟ เคนเนดี้"  ตกตะลึงสุดขีด เมื่อเห็นสามีถูกลอบยิง จนศรีษะระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ จึงอยากให้ทุกคนทายกันว่า เธอไปทำอะไร



ภาพเหตุการณ์ภรรยาของประธานาธิบดี "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไปเก็บเศษกระโหลกศรีษะของสามี



"จอห์น เอฟ เคนเนดี้"ถูกยิงนัดที่ 1



"จอห์น เอฟ เคนเนดี้"ถูกยิงนัดที่ 2



สภาพร่างกายเต็มไปด้วยเลือด

 

เชื่อหรือไม่ ตามที่ทุกคนร่วมสนุกทายกันมานั้น ตอบผิดกันทุกคน


                คงไม่ใช่เป็นคนแรก ที่ตอบคำถามผิดเช่นนั้น ส่วนมากมักจะตอบว่า ปีนไปเพื่อปิดประทุน จะได้กันกระสุนคนร้าย ที่น่าจะยิงกราดมาอีก หรือบางคนตอบว่า หนีเพื่อเอาตัวรอด เพราะกลัวคนร้ายจะกระหน่ำยิงซ้ำอีก


                คำตอบที่ถูกต้องคือ ภรรยาของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" เสี่ยงตายปีนไปท้ายรถ ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ เนื่องจากมองเห็นเศษกระโหลกชิ้นหนึ่งของสามี กระเด็นไปค้างอยู่ท้ายกระโปรงรถ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องวิ่งตามรถปีนขึ้นไปช่วยกันจับ เพราะเกรงว่า ภรรยาของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" จะตกลงมาจากรถ


                เมื่อได้เศษกระโหลกก้อนนั้นมาแล้ว จึงกำเอาไว้ในมือจนแน่น หลังจากนั้นจึงมานั่งประคองศรีษะของสามี เลือดไหลกระพุ่งกระฉูดท่วมร่างทั้งสองคน


                เมื่อรถนำร่างไร้วิญญาณของ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไปถึงโรงพยาบาล ภรรยาผู้จงรักภักดี ได้นำชิ้นส่วนของกระโหลกศรีษะไปให้แพทย์แล้วบอกว่า


                "ช่วยนำเศษกระโหลกนี้ไปต่อให้สามีฟื้นคืนชีพมาที"


                ถ้าลองวิเคราะห์สัญชาติญาณของมือปืนทั่วโลก รวมถึงมือปืนเมืองไทย ที่ได้สัมภาษณ์กันมาแล้วนั้น จะยืนยันตรงกันว่า การสังหารเหยื่อแต่ละครั้งนั้น มือปืนจะไม่ยิงมั่ว เมื่อเขาต้องการจะสังหารเหยื่อรายใด หมายความว่า เขาจะต้องพุ่งเป้าสังหารไปยังคนนั้นเพียงคนเดียว มือปืนแต่ละคนจะไม่มีความประสงค์ยิงคนรอบข้างเลย นอกเสียจากคนข้างๆ หรือ "บอร์ดี้การ์ด" คนนั้น จะหยิบอาวุธมาต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายเท่านั้น


                คนติดตามหลายคนมักจะรอดเสมอ ตัวอย่างในเมืองไทยก็มีให้เห็น โดยเฉพาะการยิงถล่ม "แคล้ว ธนิกุล" อดีตผู้กว้างขวางอันดับ 1 ของเมืองไทย ถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามร้ายแรง จน"แคล้ว"ตายสนิท แต่มือปืนคนหนึ่งชื่อว่า "หมึกเพชร" รอดตายราวกับปฏิหาริย์


                ย้อนกลับมาเรื่องการสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กันอีกครั้ง คดีนี้ยังไม่สามารถคลีคลายได้ในหลากหลายประเด็น แม้ว่าการยิงของ "มือปืน" รายนี้ ไม่ได้ยิงมั่วก็ตาม แต่การสอบสวนของตำรวจที่เมืองดาลลาส ต้องยอมรับว่า "มั่ว" สุดๆ


                เริ่มจากศักยาภาพในการเผชิญเหตุนั้น ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าคนร้ายยิงผู้นำของเขาอยู่ทางทิศไหน กว่าจะรู้กันได้เล่นเอาหลายนาที


                เมื่อคนร้ายยิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนยังอยู่ในอาการตะลึง หลายคนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พยายามจะนำ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไปส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว ให้รอดชีวิตเอาไว้ก่อน 


                ข้อสังเกตุประการหนึ่งคือ คนร้ายรายนี้ อยู่บนอาคารชั้น 6 ไม่น่าจะหลบหนีไปได้ เพราะต้องใช้เวลาวิ่งลงมาหลายนาทีพอสมควร แต่ตำรวจที่นั่น ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ในทันที ปล่อยให้หนีลอยนวลไปได้


                เจ้าหน้าที่ตำรวจดาลลาส คาดว่า เมื่อคนร้ายลงมาจากอาคารแล้ว จึงค่อยเดินเลี่ยงหลบออกไปด้านหลังอาคาร ในตอนนั้นเชื่อว่า คนร้ายมีอาการ "นิ่ง" ไม่ตื่นตระหนกตกใจ จึงไม่มีใครรู้ว่า เป็นมือปืน จึงไม่มีใครสนใจ ทำให้เขาหนีรอดไปได้


                ทั้งนี้คนร้าย ไม่ได้นำปืนกระบอกนั้นวิ่งหลบหนีลงมาด้วย เมื่อยิงเสร็จได้ทิ้งปืนไว้บริเวณนั้นเอง


                ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตรวจบริเวณอาคารนั้นล่าช้า เนื่องจาก ไม่สามารถจับจุดได้ว่า เสียงปืนนั้นดังมาจากด้านไหน เพราะบริเวณนั้น เป็นพื้นที่โล่ง ทำให้เสียงปืนดังก้องกระจายจนจับทิศทางไม่ถูก


                เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าไม่พบหลักฐานที่เป็นปืน และปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ คงจะสรุปไม่ได้เหมือนกันว่า คนร้ายนั้นอยู่จุดไหนกันแน่ และขนาดเห็นหลักฐานขนาดนั้น ยังสรุปกันไปคนละทิศ คนละทาง




                ---------- ในตอนต่อไปจะเล่าให้ฟังว่า การผ่าพิสูจน์ศพ "จอห์น เอฟ เคนเนดี้" ไม่แตกต่างกับ การพิสูจน์ศพ "ห้างทอง ธรรมวัฒนะ" เล่นกันไปคนละทิศคนละทางเหมือนกัน ---------------

คัดลอกจาก

http://www.oknation.net/blog/preecha/2007/01/28/entry-1

(คุณปรีชา) s.pree@nationgroup.com
บันทึกการเข้า

บางครั้งมิตรภาพในอินเตอร์เนท มันก็ยั่งยืนมากกว่าในมิตรภาพในโลกความจริง
หน้า: 1 2 3 [4] 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.277 วินาที กับ 21 คำสั่ง