๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 29, 2024, 03:26:01 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 ... 37
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Gorget เกราะสมัยไอเวนโฮ ที่กลับมาในศตวรรษที่ 22  (อ่าน 82222 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #60 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2016, 10:49:51 PM »

สถานีการค้า..เข้าไปลึกจัง

สุโขทัย สมัยนั้นเป็นจุดกึ่งกลางเส้นทางการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับทะเลจีนใต้  ในยุคนั้นยังไม่อ้อมแหลมมาลายู แต่จะใช้เส้นทางอ่าวเมาะตะมะ - อ่าวตังเกี๋ย  ซึ่งจะมีที่พักค้างคืนตลอดเส้นทาง  สุโขทัยร่ำรวยจากการเก็บค่าผ่านทาง รวมทั้งให้การคุ้มครองเส้นทาง 

ในขณะเดียวกัน พ่อค้าก็แสวงหาเส้นทางอื่นที่ต่ำลงไปด้วย  เช่นผ่านด่านเจดีย์สามองค์  ลำน้ำแควน้อย แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน  ซึ่งทางสุพรรณบุรีคุมเส้นทางนี้  และการตั้งกรุงศรีอยุธยา ก็เพื่อที่จะคุมเส้นทางการค้าทางน้ำ  เพราะอยุธยาเป็นที่รวมของแม่น้ำ 3 สาย

แล้วมีรายละเอียดเรื่องทวาย มะริด ที่เป็นชนวนที่ทำการขัดแย้งในประวัติศาตร์บ้างไหมครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #61 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 11:15:57 AM »

สถานีการค้า..เข้าไปลึกจัง

สุโขทัย สมัยนั้นเป็นจุดกึ่งกลางเส้นทางการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับทะเลจีนใต้  ในยุคนั้นยังไม่อ้อมแหลมมาลายู แต่จะใช้เส้นทางอ่าวเมาะตะมะ - อ่าวตังเกี๋ย  ซึ่งจะมีที่พักค้างคืนตลอดเส้นทาง  สุโขทัยร่ำรวยจากการเก็บค่าผ่านทาง รวมทั้งให้การคุ้มครองเส้นทาง 

ในขณะเดียวกัน พ่อค้าก็แสวงหาเส้นทางอื่นที่ต่ำลงไปด้วย  เช่นผ่านด่านเจดีย์สามองค์  ลำน้ำแควน้อย แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน  ซึ่งทางสุพรรณบุรีคุมเส้นทางนี้  และการตั้งกรุงศรีอยุธยา ก็เพื่อที่จะคุมเส้นทางการค้าทางน้ำ  เพราะอยุธยาเป็นที่รวมของแม่น้ำ 3 สาย

แล้วมีรายละเอียดเรื่องทวาย มะริด ที่เป็นชนวนที่ทำการขัดแย้งในประวัติศาตร์บ้างไหมครับ

มันมีหลายช่วงครับ
ปกติพื้นที่ตรงนี้อยู่ในอิทธิพลของมอญ ไทยใช้ประโยชน์ได้อยู่แล้ว   เราจึงขัดแย้งเฉพาะตอนที่พม่าเป็นใหญ่เหนือมอญ
ช่วงที่รุ่งเรืองมากที่สุด น่าจะเป็นสมัยพระนารายณ์ ที่ไทยจ้างชาวอังกฤษไปปกครองมะริด ให้เก็บภาษีให้  เอกสารฝรั่งบางเจ้า บอกว่ามีการปล้นเรือที่งอแง จะหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นอีกด้วย

ชนวนเสียกรุงครั้งที่ 2 น่าจะมาจากเรื่องนี้  เพราะลุกลามลงไปถึงหัวเมืองทางใต้ อย่างเช่นถลางด้วย  เป็นสิ่งบอกเหตุว่าการที่ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า (เอกสารโปรตุเกสบันทึกว่าพม่าต้องส่งช้างมาขึ้นเรือสินค้าที่อยุธยา)  จึงทำให้พม่าส่งกำลังเข้ามา หมายจะยึดครองอ่าวไทย ถ้ายึดไม่ได้ก็ต้องทำลายให้เสียประโยชน์  ศูนย์กลางการค้าจะได้ย้ายไปที่อ่าวเมาะตะมะ เพราะพม่าเองก็ย้ายเมืองหลวงไปหงสาวดี ซึ่งอยู่ใกล้กับเมาะตะมะ
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #62 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 02:00:42 PM »

ถ้าอย่างนั้น ตามทีอาจารย์ว่า แสดงว่า ตอนที่สุโขทัย รุ่งเรือง เส้นทางการค้า ใช้เดินทางบก ตัดผ่านจากเมาะตะมะ ไปออกทางอ่าวตังเกี๋ย
ต่อมา พอเร่ิ่มใช้เส้นทาง ทางน้ำ  ต่างชาติ ใช้เดินเรือ มาติดต่อกับเมืองใหม่ คือ โยดะยา  ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลกว่า สุโขทัย    การทีต่างชาติ มาติดต่อ โยดะยา มากๆ เข้า เอาปืน เอาการค้า การเงิน เข้ามาโยดะยา มากๆ เข้า ทำให้โยดะยา มีอำนาจเหนือสุโขทัย  และสุดท้าย สุโขทัย ก็เสื่อมอำนาจลง อย่างนี้ หรือประมาณนี้ หรือเปล่าครับ
ครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคะเนเอานี้  ก็พอจะตรงกับทีี่ สมัยเรียนตอนเด็กๆ ซึ่งหนังสือบอกไว้แค่ว่า  "ต่อมา สุโขทัยเสื่อมอำนาจลง จึงถูกอยุธยา รวมเข้ามาอยู่ใต้อำนาจ"
หนังสือตอนเด็กๆ อธิบาย น้อยไป "นิด" หนึ่ง หรือว่า เราเด็กเกินไปก็ไม่รู้ จึงไม่ได้สนใจลึกมากขนาดตอนอายุเยอะๆ แบบนี้
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #63 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 02:08:37 PM »

... ท่านอาจารย์ครับ.......ถ้างั้น เวลากินปลาทู   เวลากินอาหารทะเล   แถวๆ ตาก  แถงๆ สุโขทัย .......  เป็นอาหารทะเล ที่มาจากทางเมียนมาร์ เนี่ยะ ก็เส้นทางเดินเท้าเดิมๆ สมัยสุโขทัย ประมาณนั้นหรือเปล่าครับอาจารย์ .....เพียงแต่เดี๋ยวนี้ จากคาราวานเกวียน เปลี่ยนมาเป็นรถยนต์แทน
ผมเคยเห็น แบบผ่านๆ ตา ถึง สารคดี ที่ นักประวัติศาสตร์ของไทย ได้ค้นพบ  จุดที่พักค้างคืน  ....  เส้นทางเดินเท้า... ของคนโบราณ ในเมืองไทย ก็เป็นจริงๆ นะซิครับ ( ที่อาจารย์ว่า "มีที่พักค้างคืนตลอดเส้นทาง")....เสียดาย เป็นสารคดี แว๊ปๆ ผ่านตา ไม่รู้จะหาดูได้ที่ไหน ...ชอบจัง เรียนวิชาประวัติศาสตร์แบบที่ไม่ได้เรียนในห้องเรียน
บันทึกการเข้า
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #64 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 04:01:39 PM »

   Gorget ผมเคยเห็นในภาพเก่าๆทหารเยอรมันขี่มอเตอร์ไซค์ Zundapp ใส่เหมือนพวกพลนำสาร  
แต่ช้ันนายพลไม่เห็นใส่กัน ภาพของผู้การนายพลวอชิงตันใส่เลยสงสัยว่า ช้ันยศขนาดไหนถึงใส่ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 04:04:53 PM โดย Ghost of the darkness » บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #65 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 08:16:55 PM »

   Gorget ผมเคยเห็นในภาพเก่าๆทหารเยอรมันขี่มอเตอร์ไซค์ Zundapp ใส่เหมือนพวกพลนำสาร 
แต่ช้ันนายพลไม่เห็นใส่กัน ภาพของผู้การนายพลวอชิงตันใส่เลยสงสัยว่า ช้ันยศขนาดไหนถึงใส่ได้ครับ
ของโบราณหรือปัจจุบันครับ  ล่าสุดผมเห็นในภาพข่าวว่าทหารจีนใช้ในการสวนสนามแล้ว

ถ้าอย่างนั้น ตามทีอาจารย์ว่า แสดงว่า ตอนที่สุโขทัย รุ่งเรือง เส้นทางการค้า ใช้เดินทางบก ตัดผ่านจากเมาะตะมะ ไปออกทางอ่าวตังเกี๋ย
ต่อมา พอเร่ิ่มใช้เส้นทาง ทางน้ำ  ต่างชาติ ใช้เดินเรือ มาติดต่อกับเมืองใหม่ คือ โยดะยา  ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลกว่า สุโขทัย    การทีต่างชาติ มาติดต่อ โยดะยา มากๆ เข้า เอาปืน เอาการค้า การเงิน เข้ามาโยดะยา มากๆ เข้า ทำให้โยดะยา มีอำนาจเหนือสุโขทัย  และสุดท้าย สุโขทัย ก็เสื่อมอำนาจลง อย่างนี้ หรือประมาณนี้ หรือเปล่าครับ
ครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคะเนเอานี้  ก็พอจะตรงกับทีี่ สมัยเรียนตอนเด็กๆ ซึ่งหนังสือบอกไว้แค่ว่า  "ต่อมา สุโขทัยเสื่อมอำนาจลง จึงถูกอยุธยา รวมเข้ามาอยู่ใต้อำนาจ"
หนังสือตอนเด็กๆ อธิบาย น้อยไป "นิด" หนึ่ง หรือว่า เราเด็กเกินไปก็ไม่รู้ จึงไม่ได้สนใจลึกมากขนาดตอนอายุเยอะๆ แบบนี้
มั่วเรื่องปืนอย่างเดียวเถอะครับ  อย่ามั่วเรื่องประวัติศาสตร์
สุโขทัย ตั้งบนที่ดอน   ร่ำรวยจากการเก็บค่าผ่านทาง  ที่ศิลาจารึกบอกว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ดูจะขัดกับความจริง เพราะในยุคนั้นยังไม่มีปุ๋ยใส่กระสอบขายแบบในปัจจุบัน  การทำนาต้องทำในที่ลุ่ม น้ำท่วมถึงทุกปี อาศัยน้ำพาเอาปุ๋ยธรรมชาติมาเติมที่นา
ในยุคเดียวกับสุโขทัย  มีชุมชนชาวไทยตั้งอยู่ในสุพรรณบุรี  ลพบุรี กับนครศรีธรรมราช  ลพบุรี อู่ทอง ศรีเทพ น่าจะพูดเขมร  ส่วนสุพรรณบุรี กับสุโขทัยน่าจะพูดภาษาไทยลาว และเกี่ยวดองเป็นญาติกัน
เป็นไปได้ที่ราชวงศ์สุพรรณภูมิจะมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ขุนบรมของลาว  เพราะขุนหลวงพะงั่ว รัชกาลที่ 3 ของอยุธยา เฉลิมพระนามเมื่อขึ้นครองราชว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และราชวงศ์สุพรรณภูมิรัชกาลต่อ ๆ มาก็ใช้ชื่อนี้ต่อมาอีก 3 รัชกาล   ส่วนราชวงศ์อู่ทอง จะออกสไตล์รามเกียรต์ คือเป็น "รามราชา" หรือ "รามาธิบดี"  ถ้าเป็นสุโขทัย ก็ต้องเป็นธรรมราชา  ขนาด ร.7 หลังจากพิธีโสกันต์และสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม (เจ้านายต่างกรมแปลว่า เริ่มเป็นหนุ่มต้องออกไปอยู่นอกวังหลวง)  ก็ยังเฉลิมพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนศุโขไทยธรรมราชา" คือต้องมี "ธรรมราชา" ต่อจากสุโขทัย

ความที่ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ดองเป็นญาติกับสุโขทัย  เมื่อสุพรรณภูมิครองอำนาจในอยุธยา จึงสถาปนาสุโขทัยเป็นเมืองสำคัญ จนกระทั่งถึงพระยายุทธิษฐิระ โอรสพระมหาธรรมราชาที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเชลียงในขณะที่พระมหาธรรมราชาที่ 4 ทิวงคต  เจ้าตัวหวังว่าจะได้เป็นพระมหาธรรมราชา ขึ้นปกครองสุโขทัย  แต่พอไม่ได้ก็เอาใจออกห่าง ไปขึ้นกับพญาติโลกราช กษัตริย์ล้านนา จึงได้รับการสนับสนุนให้ครองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย   ทำให้สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถต้องสถาปนาพิษณุโลกเป็นเมืองสำคัญแทน  และประทับอยู่ที่พิษณุโลกนานถึง 20 ปี เพื่อจัดการหัวเมืองฝ่ายเหนือให้เรียบร้อย
บันทึกการเข้า
แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #66 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2016, 10:57:36 PM »

ถ้าอย่างนั้น ตามทีอาจารย์ว่า แสดงว่า ตอนที่สุโขทัย รุ่งเรือง เส้นทางการค้า ใช้เดินทางบก ตัดผ่านจากเมาะตะมะ ไปออกทางอ่าวตังเกี๋ย
ต่อมา พอเร่ิ่มใช้เส้นทาง ทางน้ำ  ต่างชาติ ใช้เดินเรือ มาติดต่อกับเมืองใหม่ คือ โยดะยา  ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลกว่า สุโขทัย    การทีต่างชาติ มาติดต่อ โยดะยา มากๆ เข้า เอาปืน เอาการค้า การเงิน เข้ามาโยดะยา มากๆ เข้า ทำให้โยดะยา มีอำนาจเหนือสุโขทัย  และสุดท้าย สุโขทัย ก็เสื่อมอำนาจลง อย่างนี้ หรือประมาณนี้ หรือเปล่าครับ
ครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคะเนเอานี้  ก็พอจะตรงกับทีี่ สมัยเรียนตอนเด็กๆ ซึ่งหนังสือบอกไว้แค่ว่า  "ต่อมา สุโขทัยเสื่อมอำนาจลง จึงถูกอยุธยา รวมเข้ามาอยู่ใต้อำนาจ"
หนังสือตอนเด็กๆ อธิบาย น้อยไป "นิด" หนึ่ง หรือว่า เราเด็กเกินไปก็ไม่รู้ จึงไม่ได้สนใจลึกมากขนาดตอนอายุเยอะๆ แบบนี้
แหมม เรียกโยดะยาเหมือนพม่าเรียกเราเลยนะครับ ทุกวันนี้พม่าส่วนใหญ่ก็ยังเรียกเราว่าโยดะยา หรือที่หูบางคนได้ยินเป็นโยเดีย อยู่เลยครับ สินค้าที่ส่งออกไปจากบ้านเรา เรียกโยดะยาปิ๊ดซี แปลว่าของไทย อาหารชนิดหนึ่งรสชาดหน้าตาเหมือนต้มยำ เรียกโยดะยาฮินโฉ่ ส่วนที่จะเรียกเราว่าไทย ก็เห็นมีแต่พวกข้าราชการเป็นส่วนมากครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #67 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 05:18:33 AM »

  ปัจจุบันครับ เขาให้นายทหารชั้นประทวนหรือสัญญาบัตรสวมครับ เป็นเครื่องประดับงานพิธีด้วยรึเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #68 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 09:30:30 AM »

  ปัจจุบันครับ เขาให้นายทหารชั้นประทวนหรือสัญญาบัตรสวมครับ เป็นเครื่องประดับงานพิธีด้วยรึเปล่าครับ

ใช้เป็นส่วนรวม
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #69 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 09:38:03 AM »

เรียกโยดะยาเหมือนพม่าเรียกเราเลยนะครับ ทุกวันนี้พม่าส่วนใหญ่ก็ยังเรียกเราว่าโยดะยา หรือที่หูบางคนได้ยินเป็นโยเดีย อยู่เลยครับ สินค้าที่ส่งออกไปจากบ้านเรา เรียกโยดะยาปิ๊ดซี แปลว่าของไทย อาหารชนิดหนึ่งรสชาดหน้าตาเหมือนต้มยำ เรียกโยดะยาฮินโฉ่ ส่วนที่จะเรียกเราว่าไทย ก็เห็นมีแต่พวกข้าราชการเป็นส่วนมากครับ

พม่าเขาย้ายเมืองหลวงกันทุกรัชกาล  ถ้าการเงินไม่ดีย้ายแค่ประตูเมืองก็ยังดี   ส่วนไทยเราไม่ค่อยย้ายเมืองหลวงครับ  พม่าจึงเรียกอยุธยาจนติดปาก  แต่ออกเสียงเป็นโยเดีย   อย่างเช่นในหนังท่านมุ้ย ที่เรียกพระนเรศวรว่า "ตองเจ" ก็มาจากสองแคว (เจ้าฟ้าสองแคว)

บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8575


« ตอบ #70 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 09:38:36 AM »

  Gorget
ถ้าอย่างนั้น ตามทีอาจารย์ว่า แสดงว่า ตอนที่สุโขทัย รุ่งเรือง เส้นทางการค้า ใช้เดินทางบก ตัดผ่านจากเมาะตะมะ ไปออกทางอ่าวตังเกี๋ย
ต่อมา พอเร่ิ่มใช้เส้นทาง ทางน้ำ  ต่างชาติ ใช้เดินเรือ มาติดต่อกับเมืองใหม่ คือ โยดะยา  ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลกว่า สุโขทัย    การทีต่างชาติ มาติดต่อ โยดะยา มากๆ เข้า เอาปืน เอาการค้า การเงิน เข้ามาโยดะยา มากๆ เข้า ทำให้โยดะยา มีอำนาจเหนือสุโขทัย  และสุดท้าย สุโขทัย ก็เสื่อมอำนาจลง อย่างนี้ หรือประมาณนี้ หรือเปล่าครับ
ครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคะเนเอานี้  ก็พอจะตรงกับทีี่ สมัยเรียนตอนเด็กๆ ซึ่งหนังสือบอกไว้แค่ว่า  "ต่อมา สุโขทัยเสื่อมอำนาจลง จึงถูกอยุธยา รวมเข้ามาอยู่ใต้อำนาจ"
หนังสือตอนเด็กๆ อธิบาย น้อยไป "นิด" หนึ่ง หรือว่า เราเด็กเกินไปก็ไม่รู้ จึงไม่ได้สนใจลึกมากขนาดตอนอายุเยอะๆ แบบนี้
มั่วเรื่องปืนอย่างเดียวเถอะครับ  อย่ามั่วเรื่องประวัติศาสตร์
สุโขทัย ตั้งบนที่ดอน   ร่ำรวยจากการเก็บค่าผ่านทาง  ที่ศิลาจารึกบอกว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ดูจะขัดกับความจริง เพราะในยุคนั้นยังไม่มีปุ๋ยใส่กระสอบขายแบบในปัจจุบัน  การทำนาต้องทำในที่ลุ่ม น้ำท่วมถึงทุกปี อาศัยน้ำพาเอาปุ๋ยธรรมชาติมาเติมที่นา
ในยุคเดียวกับสุโขทัย  มีชุมชนชาวไทยตั้งอยู่ในสุพรรณบุรี  ลพบุรี กับนครศรีธรรมราช  ลพบุรี อู่ทอง ศรีเทพ น่าจะพูดเขมร  ส่วนสุพรรณบุรี กับสุโขทัยน่าจะพูดภาษาไทยลาว และเกี่ยวดองเป็นญาติกัน
เป็นไปได้ที่ราชวงศ์สุพรรณภูมิจะมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ขุนบรมของลาว  เพราะขุนหลวงพะงั่ว รัชกาลที่ 3 ของอยุธยา เฉลิมพระนามเมื่อขึ้นครองราชว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และราชวงศ์สุพรรณภูมิรัชกาลต่อ ๆ มาก็ใช้ชื่อนี้ต่อมาอีก 3 รัชกาล   ส่วนราชวงศ์อู่ทอง จะออกสไตล์รามเกียรต์ คือเป็น "รามราชา" หรือ "รามาธิบดี"  ถ้าเป็นสุโขทัย ก็ต้องเป็นธรรมราชา  ขนาด ร.7 หลังจากพิธีโสกันต์และสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม (เจ้านายต่างกรมแปลว่า เริ่มเป็นหนุ่มต้องออกไปอยู่นอกวังหลวง)  ก็ยังเฉลิมพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนศุโขไทยธรรมราชา" คือต้องมี "ธรรมราชา" ต่อจากสุโขทัย

ความที่ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ดองเป็นญาติกับสุโขทัย  เมื่อสุพรรณภูมิครองอำนาจในอยุธยา จึงสถาปนาสุโขทัยเป็นเมืองสำคัญ จนกระทั่งถึงพระยายุทธิษฐิระ โอรสพระมหาธรรมราชาที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเชลียงในขณะที่พระมหาธรรมราชาที่ 4 ทิวงคต  เจ้าตัวหวังว่าจะได้เป็นพระมหาธรรมราชา ขึ้นปกครองสุโขทัย  แต่พอไม่ได้ก็เอาใจออกห่าง ไปขึ้นกับพญาติโลกราช กษัตริย์ล้านนา จึงได้รับการสนับสนุนให้ครองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย   ทำให้สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถต้องสถาปนาพิษณุโลกเป็นเมืองสำคัญแทน  และประทับอยู่ที่พิษณุโลกนานถึง 20 ปี เพื่อจัดการหัวเมืองฝ่ายเหนือให้เรียบร้อย

ชอบคำอธิบาย บรรทัดที่สอง อธิบายถึงสภาพ โดยไม่สะเทือนถึงเรื่องอื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 01, 2016, 09:40:27 AM โดย โทน73 -รักในหลวง- » บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #71 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 11:07:14 AM »

เรียกโยดะยาเหมือนพม่าเรียกเราเลยนะครับ ทุกวันนี้พม่าส่วนใหญ่ก็ยังเรียกเราว่าโยดะยา หรือที่หูบางคนได้ยินเป็นโยเดีย อยู่เลยครับ สินค้าที่ส่งออกไปจากบ้านเรา เรียกโยดะยาปิ๊ดซี แปลว่าของไทย อาหารชนิดหนึ่งรสชาดหน้าตาเหมือนต้มยำ เรียกโยดะยาฮินโฉ่ ส่วนที่จะเรียกเราว่าไทย ก็เห็นมีแต่พวกข้าราชการเป็นส่วนมากครับ

พม่าเขาย้ายเมืองหลวงกันทุกรัชกาล  ถ้าการเงินไม่ดีย้ายแค่ประตูเมืองก็ยังดี   ส่วนไทยเราไม่ค่อยย้ายเมืองหลวงครับ  พม่าจึงเรียกอยุธยาจนติดปาก  แต่ออกเสียงเป็นโยเดีย   อย่างเช่นในหนังท่านมุ้ย ที่เรียกพระนเรศวรว่า "ตองเจ" ก็มาจากสองแคว (เจ้าฟ้าสองแคว)


พูดถึงเรื่องการย้ายเมืองหลวงผมเคยอ่านในหนังสือ เค้าว่าพม่าเวลาสร้างพระราชวังเค้าจะมีการเอาคนมาฆ่าเพื่อให้เป็นผีคอยปกปักรักษาเมือง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงไหมครับ แล้วเมืองอื่นๆในภูมิภาคนี้มีพิธีการแบบนี้เหมือนพม่าไหมครับท่าน
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #72 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 12:20:48 PM »

เรียกโยดะยาเหมือนพม่าเรียกเราเลยนะครับ ทุกวันนี้พม่าส่วนใหญ่ก็ยังเรียกเราว่าโยดะยา หรือที่หูบางคนได้ยินเป็นโยเดีย อยู่เลยครับ สินค้าที่ส่งออกไปจากบ้านเรา เรียกโยดะยาปิ๊ดซี แปลว่าของไทย อาหารชนิดหนึ่งรสชาดหน้าตาเหมือนต้มยำ เรียกโยดะยาฮินโฉ่ ส่วนที่จะเรียกเราว่าไทย ก็เห็นมีแต่พวกข้าราชการเป็นส่วนมากครับ

พม่าเขาย้ายเมืองหลวงกันทุกรัชกาล  ถ้าการเงินไม่ดีย้ายแค่ประตูเมืองก็ยังดี   ส่วนไทยเราไม่ค่อยย้ายเมืองหลวงครับ  พม่าจึงเรียกอยุธยาจนติดปาก  แต่ออกเสียงเป็นโยเดีย   อย่างเช่นในหนังท่านมุ้ย ที่เรียกพระนเรศวรว่า "ตองเจ" ก็มาจากสองแคว (เจ้าฟ้าสองแคว)


พูดถึงเรื่องการย้ายเมืองหลวงผมเคยอ่านในหนังสือ เค้าว่าพม่าเวลาสร้างพระราชวังเค้าจะมีการเอาคนมาฆ่าเพื่อให้เป็นผีคอยปกปักรักษาเมือง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงไหมครับ แล้วเมืองอื่นๆในภูมิภาคนี้มีพิธีการแบบนี้เหมือนพม่าไหมครับท่าน

เกิดไม่ทันเหมือนกันครับ  แต่ทราบว่าทำเหมือนกันทั้งภูมิภาค
ส่วนใหญ่อยู่ที่เสาประตูเมือง
บันทึกการเข้า
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #73 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 01:57:39 PM »

   ขอบคุณครับผู้การ เกราะสมัยใหม่เซฟชีวิตทหารได้มาก เคยอ่านเจอว่าทหารเสียชีวิตจากบาทแผลส่วนใหญ่มาจากบาทแผลแถบลำคอกับไหปล้าร้าจากการถูกยิงระหว่างหมอบ ดูแล้วรวมๆทั้งตัวหนักหลายโลเหมือนกัน
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #74 เมื่อ: มีนาคม 01, 2016, 02:00:00 PM »

ถ้าอย่างนั้น ตามทีอาจารย์ว่า แสดงว่า ตอนที่สุโขทัย รุ่งเรือง เส้นทางการค้า ใช้เดินทางบก ตัดผ่านจากเมาะตะมะ ไปออกทางอ่าวตังเกี๋ย
ต่อมา พอเร่ิ่มใช้เส้นทาง ทางน้ำ  ต่างชาติ ใช้เดินเรือ มาติดต่อกับเมืองใหม่ คือ โยดะยา  ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลกว่า สุโขทัย    การทีต่างชาติ มาติดต่อ โยดะยา มากๆ เข้า เอาปืน เอาการค้า การเงิน เข้ามาโยดะยา มากๆ เข้า ทำให้โยดะยา มีอำนาจเหนือสุโขทัย  และสุดท้าย สุโขทัย ก็เสื่อมอำนาจลง อย่างนี้ หรือประมาณนี้ หรือเปล่าครับ
ครับ ถ้าเป็นอย่างที่ผมคะเนเอานี้  ก็พอจะตรงกับทีี่ สมัยเรียนตอนเด็กๆ ซึ่งหนังสือบอกไว้แค่ว่า  "ต่อมา สุโขทัยเสื่อมอำนาจลง จึงถูกอยุธยา รวมเข้ามาอยู่ใต้อำนาจ"
หนังสือตอนเด็กๆ อธิบาย น้อยไป "นิด" หนึ่ง หรือว่า เราเด็กเกินไปก็ไม่รู้ จึงไม่ได้สนใจลึกมากขนาดตอนอายุเยอะๆ แบบนี้
แหมม เรียกโยดะยาเหมือนพม่าเรียกเราเลยนะครับ ทุกวันนี้พม่าส่วนใหญ่ก็ยังเรียกเราว่าโยดะยา หรือที่หูบางคนได้ยินเป็นโยเดีย อยู่เลยครับ สินค้าที่ส่งออกไปจากบ้านเรา เรียกโยดะยาปิ๊ดซี แปลว่าของไทย อาหารชนิดหนึ่งรสชาดหน้าตาเหมือนต้มยำ เรียกโยดะยาฮินโฉ่ ส่วนที่จะเรียกเราว่าไทย ก็เห็นมีแต่พวกข้าราชการเป็นส่วนมากครับ
อ้าว....เค้าเรียกเราอย่างนี้ ก็ภูมิใจไงครับพี่ เลยเอามาเขียนไว้ว่า เขายังเรียกเราจนติดปากเป็นอยุธยา  มาตั้ง กว่า 200 กว่าปีแล้ว   ยังไม่เปลี่ยนมาเรียกว่า .....สยาม ....ไทย......  หรือ กทม.   เลย 55555
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.107 วินาที กับ 21 คำสั่ง