๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 28, 2024, 11:12:06 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 ... 37
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Gorget เกราะสมัยไอเวนโฮ ที่กลับมาในศตวรรษที่ 22  (อ่าน 82216 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2016, 11:25:54 PM »

สมัย รศ.112 ยังแปลกใจที่ไม่เอาทหารบกมาตั้งปืนใหญ่ริมเจ้าพระยารุมกินโต๊ะ

ตอนนั้นยังไม่มี Standing Army ครับ
ร.ศ.112  ยังใช้ระบบจตุสดมภ์   การจัดกำลังต้องเกณฑ์ไพร่สมจากเจ้านายสังกัดต่าง ๆ มาตั้งกองทัพ  สองครั้งสุดท้ายที่ทำแบบนี้คือสงครามปราบฮ่อใน พ.ศ.2418 และ 2428
การตั้งกองทัพแบบในปัจจุบัน  หมายถึงต้องลิดรอนกำลังในสังกัดของเจ้านายต่าง ๆ เข้ามาเป็นทหารประจำการ

วันที่ ร.5 ขึ้นครองราช  ท่านไม่มีทั้งเงิน และไม่มีทหารในมือ  ขุนนางหลายคนไม่กล้ามาเข้าเฝ้าด้วยซ้ำ  กองกำลังที่เข้มแข็งที่สุดในตอนนั้น คือทหารวังหน้า (โอรสของสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ)  มีอาวุธสมัยใหม่ และรับการฝึกโดย ร.อ.น็อกส์  ซึ่งต่อมาเป็นกงสุลอังกฤษประจำประเทศไทย

ร.5 สร้างกองทัพด้วยวิธีหาเงินก่อน ในยุคนั้นเจ้านายต่าง ๆ จะเก็บภาษีแล้วนำไปใช้ในกิจการตัวเองเสียก่อน เหลือเท่าไหร่ถึงจะส่งวังหลวง  ร.5 ได้ปรับระบบการงบประมาณให้เป็นแบบสากล คล้ายกับที่ใช้ในปัจจุบันนี้   ทำให้สามารถรวบรวมเงินมาซื้ออาวุธสมัยใหม่ได้
ส่วนการหาคนมาเป็นทหารประจำการ  ก็ใช้วิธีเลิกทาส กับออกกฎหมายเกณฑ์ทหาร  และปรับวิธีการเก็บค่ารัชชูปการจากไพร่ส่วย  หากเจ้านายคนไหนยังต้องการมีไพร่ในสังกัดตามศักดินาของตนเอง  ก็ต้องจ่ายเงินแทนไพร่ในสังกัด  ซึ่งต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเป็นการลิดรอนทั้งอำนาจ และผลประโยชน์จากเจ้านายชั้นสูง
ผมเชื่อว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็อาจจะตั้งกองทัพได้ยากกว่าที่ผ่านมา
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2016, 01:42:34 PM »

ท่านผู้การสุพินท์ครับ ผมอยากทราบเรื่องอเมริการบกับอังกฤษ รบกันเพราะอะไรครับ เพราะเป็นคนเชื้อสายเดียวกัน และอยู่ไกลกันมากด้วย
เป็นที่มาของการดื่มกาแฟด้วยนะ
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #32 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2016, 01:47:43 PM »

และต้องขอบคุณอังกฤษด้วย...เพราะหลังสงครามเก้าทัพแล้ว...ฝ่ายพม่า ไม่มีเวลามากวนใจสยาม  เพราะต้องพยายามเอาตัวรอดจากอังกฤษ สยาม ก็เลยเบาลงหน่อย และรัชกาลที่3 ท่านรับสั่งไว้แล้วล่วงหน้าว่า ศึกข้างญวน ข้างพม่า เห็นถ้าจะเบาลง แต่ให้ระวังฝรั่งเอาไว้ อย่าให้เสียทีเขาได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2016, 01:59:19 PM โดย tao bangkhaen » บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2016, 02:00:07 PM »

แล้วก็เสียทีจริงๆ
บันทึกการเข้า
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 12:31:34 AM »

    สอบถามเรื่องปืนเสือหมอบที่ป้อมพระจุล เคยไปเดินดูกับลูกชาย สงสัยว่าได้ยิงโดนเรือรบฝรั่งเศษบ้างรึเปล่าครับ แล้วมีบันทึกว่ายิงไปมากน้อยเท่าไรครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #35 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 10:18:29 AM »

   สอบถามเรื่องปืนเสือหมอบที่ป้อมพระจุล เคยไปเดินดูกับลูกชาย สงสัยว่าได้ยิงโดนเรือรบฝรั่งเศษบ้างรึเปล่าครับ แล้วมีบันทึกว่ายิงไปมากน้อยเท่าไรครับ

เกิดไม่ทันเหมือนกันครับ
แต่ทราบว่าความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากยุทธวิธี กับเรือของฝ่ายไทย  มากกว่าปืนป้อม
ที่เราพอจะบอกว่าเป็นความสำเร็จ  น่าจะเป็นเรื่องวันรุ่งขึ้นที่เรือรบ Forfait ของฝรั่งเศสพยายามมาชิงเรือนำร่อง Jean Baptiste Say  ที่ถูกยิงเสียหาย เกยตื้นอยู่   แต่ฝ่ายไทยสามารถต่อสู้ป้องกัน ขับไล่เรือรบฝรั่งเศสกลับไปได้

เหตุการณ์ ร.ศ.112  ไทยเสียเปรียบอย่างมากทั้งเรื่องกำลังพล และอาวุธ   โดยเฉพาะอาวุธขนาดเล็กที่ไทยเรายังใช้ปืนลำกล้องใหญ่ บรรจุทีละนัด และเป็นกระสุนในยุคดินดำ  ในขณะที่ฝรั่งเศสใช้ปืน Lebel Model 1886 ขนาด 8 มม.ซึ่งเป็นกระสุนดินควันน้อยแบบแรกของโลก  และยังเป็นปืนที่มีซองกระสุน ยิงไกลกว่า ยิงซ้ำได้เร็วกว่า

ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันเปลี่ยนยุทธวิธีของทหารทั้งโลก   จากเดิมที่ทหารปืนใหญ่อยู่หลังแนวทหารราบ 200-300 เมตร  ต้องถอยห่างออกไปอีกมาก  เพราะปืนเล็กยาวลำกล้องเล็ก กระสุนดินควันน้อย ระยะยิง 800-1,200 เมตร สามารถคุกคามทหารปืนใหญ่ข้าศึกได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 05:28:51 PM โดย สุพินท์ - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #36 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 11:37:49 AM »

ยังงงกับวิธีใช้ปืน Armstrong ทำไมต้องเสียเวลายกขึ้นลงเพื่อบรรจุแล้วยิง เอาไปยิงเป้าวิ่งอย่างนั้น
และยังมีการวางโซ่พร้อมทุ่นระเบิดแต่ช่วงนั้นน้ำขึ้นเรือลอยตัวสูงกว่าข้ามไปได้ ส่วนเรือกลไฟอีกลำยิงปืนไปได้ไม่กี่นัดหมุดฐานปืนหลุด เรามีปัญหาเรื่องยุทธวิธีอย่างมาก จนมาถึงเกาะช้างนี่หนักเลย
หมู่เรือคอยเหตุดับเครื่องจอดไม่มีผลัดออกไปลาดตระเวณ เรือดำน้ำสี่ลำจอดอยู่กรุงเทพเอาไปสักลำฝรั่งเศสคงไม่ได้กลับบ้านแน่
บันทึกการเข้า
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #37 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 12:31:37 PM »

    ขอบคุณครับผู้การ เคยดูในสารคดีเกี่ยวกับเกราะหน้าอกของทหารอังกฤษที่รบกันในเรือใบสมัยก่อน ลองนำมายิงด้วยปืน.45 ได้แค่บุบๆ. แต่ลองใช้ปืนยาวคาบศิลายิงได้ทะลุเลย  เป็นสารคดีเกี่ยวกับการสังหารนายพลเนลสันครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #38 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 05:32:46 PM »

    ขอบคุณครับผู้การ เคยดูในสารคดีเกี่ยวกับเกราะหน้าอกของทหารอังกฤษที่รบกันในเรือใบสมัยก่อน ลองนำมายิงด้วยปืน.45 ได้แค่บุบๆ. แต่ลองใช้ปืนยาวคาบศิลายิงได้ทะลุเลย  เป็นสารคดีเกี่ยวกับการสังหารนายพลเนลสันครับ

เนลสันพลาดเอง
เรือเกี่ยวติดกันอยู่ ตัวเองยังใส่เครื่องแบบครื่องยศเต็มที่ แถมยังแขนด้วนข้างนึง ใคร ๆ ก็จำได้
นอกจากนั้น เนลสันยังห้ามวางพลแม่นปืนบนเสากระโดงเรือ เพราะกลัวไฟไหม้ใบเรือ
บันทึกการเข้า
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #39 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 05:55:54 PM »

      ยิงแม่นมากเรือโครงเครงทั้งสองฝ่าย ขึ้นไปนั่งเฉยๆยังแย่
บันทึกการเข้า
Desperado
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #40 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 07:07:28 PM »

เข้ามาต่อกันไวไวเถิดขอรับ น้องๆได้เปิดหูเปิดตา รอสดับ รับฟัง มาทั้งวัน ขอบคุณทุกท่านครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #41 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 09:06:02 PM »

ยังงงกับวิธีใช้ปืน Armstrong ทำไมต้องเสียเวลายกขึ้นลงเพื่อบรรจุแล้วยิง เอาไปยิงเป้าวิ่งอย่างนั้น
และยังมีการวางโซ่พร้อมทุ่นระเบิดแต่ช่วงนั้นน้ำขึ้นเรือลอยตัวสูงกว่าข้ามไปได้ ส่วนเรือกลไฟอีกลำยิงปืนไปได้ไม่กี่นัดหมุดฐานปืนหลุด เรามีปัญหาเรื่องยุทธวิธีอย่างมาก จนมาถึงเกาะช้างนี่หนักเลย
หมู่เรือคอยเหตุดับเครื่องจอดไม่มีผลัดออกไปลาดตระเวณ เรือดำน้ำสี่ลำจอดอยู่กรุงเทพเอาไปสักลำฝรั่งเศสคงไม่ได้กลับบ้านแน่

เราต้องมองประวัติศาสตร์แบบเห็นภาพในอดีตแบบตรงไปตรงมา   เราไม่มีสิทธิที่จะวิจารณ์การตัดสินใจของบรรพชนด้วยวิสัยทัศน์ของคนในยุคปัจจุบัน
ร.5 ครองราช พ.ศ.2411 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 15 พรรษา  ยังไม่มีอำนาจที่จะปกครองประเทศชาติเต็มตัว  ต้องรอจนมีพระชนมายุ 20 พรรษา  แล้วจึงผนวช จากนั้นจึงทรงลาสิกขาแล้ว ได้มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 ใน พ.ศ.2416  จึงได้เริ่มปฏิรูปการปกครองทันที

ปัญหาแรกคือวิกฤตการณ์วังหน้า ใน พ.ศ.2417  ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก  เพราะตอนนั้นวังหลวงกำลังขยายกำลังจากมหาดเล็กสองโหล 24 คนขึ้นเป็น 72 คน  แต่วังหน้ามีทหารถึงสองพันคน อาวุธทันสมัย ที่ได้รับการฝึกโดย ร.อ.น๊อกส์ ตั้งแต่สมัยพระปิ่นเกล้า (พระบิดา)  และใน พ.ศ.2417 ร.อ.น๊อกส์ ยังได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักอังกฤษ ให้เป็นกงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพฯ
แก้ปัญหาวิกฤตการณ์วังหน้า ยังไม่ทันเรียบร้อย  จีนก็ปราบกบฎไท้ผิง  แตกหนีลงมาทางหลวงพระบาง ปล้นลาวกับภาคเหนือของไทย   ร.5 ต้องจัดกองทัพขึ้นไปปราบ  ต่อเนื่องยาวนานถึงสิบปี   ซึ่งช่วงนั้นฝรั่งเศสได้ตั้งสหภาพอินโดจีน มีฐานกำลังอยู่ที่ตังเกี๋ย อันนัม และโคชินไชนา

ส่วนอังกฤษ พอชนะสงคราม 7 ปี เริ่มขยายอำนาจเข้ามาปกครองอินเดียตั้งแต่ พ.ศ.2300 โดยบริษัทอีสต์อินเดีย  เริ่มยึดพม่า พ.ศ.2369 และรัฐบาลอังกฤษเริ่มปกครองอินเดียโดยตรงใน พ.ศ.2401

ส่วนฝ่ายไทย เริ่มตั้งหลักจริง ๆ ในสมัย ร.4 (พ.ศ.2394-2411)
ย้อนภาพดูนะครับ
ร.1 กับ ร.2 ยังปกครองแบบกรุงศรีอยุธยา  ส่วนการปกครองในสมัย ร.3 ก็ยังออกไปทางจารีตนิยม  มาเปลี่ยนจริง ๆ ในสมัย ร.4 ที่เริ่มมีที่ปรึกษาฝรั่ง  มีครูสอนภาษาอังกฤษ  และสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สอง เริ่มฝึกทหารแบบตะวันตก
บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #42 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2016, 08:42:12 AM »

เรื่องบางเรื่องในวิชาประวัติศาสตร์ไม่มีการสอนแบบลึกๆเลย
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #43 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2016, 11:17:48 AM »

เรื่องบางเรื่องในวิชาประวัติศาสตร์ไม่มีการสอนแบบลึกๆเลย

เป็นเรื่องอันตรายครับ
ประวัติศาสตร์ไทยเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องพงศาวดาร ซึ่งเป็นคำรวมที่มาจาก พงศ กับ อวตาร  ดังนั้นจึงเป็นบันทึกเหตุการณ์ของพระมหากษัตริย์ ไม่มีภาคประชาสังคม หรือการค้า  และยังได้รับการตรวจชำระโดยพระมหากษัตริย์ รัชกาลถัด ๆ มา  ตัวอย่างเช่นพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแก้ไขและพระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้เป็นช่วง ๆ   ดังนั้นการวิจารณ์ หรือนำไปเปรียบเทียบกับเอกสารที่ชาวต่างประเทศบันทึกไว้  ถ้ากระทำนอกรั้วสถาบันการศึกษา ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อมาตรา 112

นอกจากนั้น เราต้องเข้าใจเหตุการณ์ในสมัยนั้นด้วยว่าเป็นช่วงที่เราต้องเผชิญกับลัทธิล่าเมืองขึ้นจากประเทศตะวันตก  การเผยแพร่เอกสารทางประวัติศาสตร์ในช่วงนั้น จึงต้องแฝงไว้ด้วยมาตรการป้องกันการเสียดินแดน
บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #44 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2016, 01:20:58 PM »

อ้อ เกรงว่าจะเอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาอ้างการครอบครอง
เหมือนบางประเทศนะปัจจุบันนี้เลย  กิ๊วก๊าว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 21 คำสั่ง