๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
มีนาคม 29, 2024, 07:17:58 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันเบาหวานโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี  (อ่าน 689 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2015, 01:25:26 AM »

เนื่องในวันเบาหวานโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี พล.ต.พญ.ยุพิน เบ็ญจสุรัตน์วงศ์ กรรมการบริหาราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีความเสี่ยงจะป่วยด้วยโรคนี้ทุกคน หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตได้ ก็สามารถควบคุมเบาหวานและดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข

ทั้งนี้ การปรับพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายถือเป็นหลักสำคัญ โดยในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ควรมีการตรวจและควบคุมปริมาณน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ หากรู้หลักและเข้าใจก็สามารถจะกินอาหารได้เป็นปกติแทบจะทุกชนิด เพียงแค่ยึดหลักการกินอยู่ให้เป็น คือ กินอย่างเหมาะสม โดยเลือกกินผักให้มากขึ้นประมาณ 2 ทัพพีต่อวัน ส่วนผลไม้ควรหลีกเลี่ยงหรือลดการกินผลไม้ที่มีรสหวานมากหรือมีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ส้ม กล้วยน้ำว้า ขนุน ทุเรียน ข้าวโพด เป็นต้น หากต้องการกินก็ให้กินในปริมาณน้อย และไปลดปริมาณการบริโภคในมื้อต่อไปลง

ส่วนในผู้ที่มีความเสี่ยงควรเลือกกินผักให้มากขึ้น และเลือกกินผลไม้ตามความเหมาะสมเช่นกัน นอกจากนี้ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันภาวะอ้วนลงพุง โดยควรระวังไม่ให้ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 เพราะหากค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 23-25 ถือว่ามีความเสี่ยงสูง

ทั้งนี้ พบว่าผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากถึง 20 เท่า ส่วนในผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึงร้อยละ 50

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ร้อยละ 65 จะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง และ 1 ใน 4 ของอุบัติการณ์โรคเบาหวานนั้น เกิดจากการไม่ออกกำลังกาย แต่ที่น่าตกใจคือ ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยเบาหวานไม่รู้ตัวว่ากำลังป่วยเป็นโรคนี้ ดังนั้น ควรสังเกตอาการ เช่น กระหายน้ำ น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย หิวบ่อย และสายตาพร่ามัว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447722845



หลายเรื่องเนอะคนเรา เฮ้อ....... บู่

อ้วนก็เป็น ไม่อ้วนก็เป็น
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88021


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2015, 04:58:31 AM »

เขาว่าไทยบริโภคน้ำตาลต่อคนต่อปีติดอันดับต้นๆของโลก Grin Grin Grin ยิ่งเครื่องดื่มนะ หวานเจี๊ยบทั้งนั้นที่ขายในตลาด
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 21 คำสั่ง