๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 26, 2024, 12:25:07 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยเเนะนำเรื่องการอุธรณ์ ด้วยครับ  (อ่าน 6386 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31463


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #15 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2015, 09:49:34 PM »

แล้วนายทะเบียนได้ปฏิเสธมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่าครับ เพราะถ้าปฏิเสธด้วยปากเปล่า เรายังไปอุทธรณ์ไม่ได้ครับ แต่หากเกินเวลาเราสามารถไปฟ้องศาลปกครองให้เร่งรัดการพิจารณาได้ ส่วนทางนายทะเบียนจะพิจารณาให้หรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของนายทะเบียน ยิ่งถ้าเรามีอยู่แล้ว และทางนายทะเบียนเห็นว่าเพียงพอต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พอเราไปอุทธรณ์ รมต. มหาดไทยก็จะเห็นด้วยกับนายทะเบียน สุดท้ายพอเราไปฟ้องศาลปกครองก็จะเห็นไปในทางเดียวกันกับนายทะเบียนหากคำปฏิเสธของนายทะเบียนนั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายครับ

ตรงใหนคืนเพียงพอครับ บางคนใช้ดุลพินิจให้ได้สั้น 1 ยาว 1 บางคนให้ได้เป็นสิบ เป็นร้อยกระบอก แล้วทำไม กทม ขอได้ถ้าคุณสมบัติครบ คำว่าดุลพินิจมันมีมาตรฐานอยู่ตรงใหน ทำไมไม่ยึดตามหลักกฏหมายโดยเคร่งครัด ใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานอ้างอิงเลยในแต่ละท้องที่ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าแล้วแต่ความคิดของนายทะเบียนแต่ละคนดีกว่าใหม คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ดีก็ได้ คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ไม่ดีก็ไม่ได้ทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามกฏหมาย  Huh





อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

   + ถูกใจมากครับพี่  ผมชอบแนวการตอบแบบพี่นี่แหละครับ ผมถามพี่หน่อยครับ ระยะเวลา 7 ปี ค่าเหนื่อย ค่าเสียเวลา ค่าเซลล์สมอง คุ้มกันไหมครับ เพราะผมเชื่อว่า 7 ปี คงเปลี่ยนเจ้าหน้าที่มาหลายชุดแล้ว ถือว่าแลกเปลี่ยนครับ



ผมอายุยังน้อยครับ อย่าเรียกว่าพี่เลยครับ สำหรับระยะเวลา ๗ ปีผมว่าคุ้มครับ เพราะแม้นายอำเภอจะเปลี่ยนไปหลายชุดแต่ปลัดอำเภอไม่เปลี่ยนยังคงเป็นคนเดิม ผลจากการฟ้องคดีทำให้ได้ใบอนุญาตเพราะผลการฟ้องมาอีก ๒ กระบอกครับ ได้ความรู้ในการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครองเยอะมากครับ คำอุทธรณ์ คำฟ้อง คำคัดค้านทั้งหมดก็ได้จากผู้การสุพิมท์และทีมงาน สพป. ดำเนินการให้ครับ ค่าใช้จ่ายในการฟ้องไม่มีเพาระไม่ต้องมีทนายเราเสียเฉพาะค่าส่งเอกสารทางไปรษณีย์ครับ

ในช่วงระยะเวลา ๗ ปีมีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ครั้งใหญ่ไป ๑ ครั้งเนื่องจากปลัดอำเภอคนใหม่ที่ดูแลงานด้านอาวุธปืนได้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่อีกคนเสียชีวิตบนที่ว่าการอำเภอเมืองตรังครับ

บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
SIN_JUNG
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 35
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 439



« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2015, 10:51:51 PM »

แล้วนายทะเบียนได้ปฏิเสธมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่าครับ เพราะถ้าปฏิเสธด้วยปากเปล่า เรายังไปอุทธรณ์ไม่ได้ครับ แต่หากเกินเวลาเราสามารถไปฟ้องศาลปกครองให้เร่งรัดการพิจารณาได้ ส่วนทางนายทะเบียนจะพิจารณาให้หรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของนายทะเบียน ยิ่งถ้าเรามีอยู่แล้ว และทางนายทะเบียนเห็นว่าเพียงพอต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พอเราไปอุทธรณ์ รมต. มหาดไทยก็จะเห็นด้วยกับนายทะเบียน สุดท้ายพอเราไปฟ้องศาลปกครองก็จะเห็นไปในทางเดียวกันกับนายทะเบียนหากคำปฏิเสธของนายทะเบียนนั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายครับ

ตรงใหนคืนเพียงพอครับ บางคนใช้ดุลพินิจให้ได้สั้น 1 ยาว 1 บางคนให้ได้เป็นสิบ เป็นร้อยกระบอก แล้วทำไม กทม ขอได้ถ้าคุณสมบัติครบ คำว่าดุลพินิจมันมีมาตรฐานอยู่ตรงใหน ทำไมไม่ยึดตามหลักกฏหมายโดยเคร่งครัด ใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานอ้างอิงเลยในแต่ละท้องที่ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าแล้วแต่ความคิดของนายทะเบียนแต่ละคนดีกว่าใหม คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ดีก็ได้ คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ไม่ดีก็ไม่ได้ทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามกฏหมาย  Huh





อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

ผมเข้าใจท่านครับ ที่ศาลท่านพิพากษาก็ว่าตามกฏหมายที่นายทะเบียนใช้ดุลพินิจใด้เพราะกฏหมายเขียนไว้อย่างนั้น  ไหว้

 แต่ผมมองในเรื่องกฏหมายที่ระบุคำว่า ดุลย์พินิจไว้ มันไม่ควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกวานี้ให้ผู้บังคับใช้กฏหมายปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่ากฏหมายฉบับเดียวกัน ข้อความในกฏหมายเหมือนกัน แต่ผู้บังคับใช้แต่ละท้องที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจจนเป็นเหมือนการเลือกปฏิบัติ ประเทศไทยเป็นรัฐเดียวนะครับ เพราะฉนั้นกฏหมายฉบับเดียวกันเมื่อผู้ใช้สองคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันน่าที่จะได้รับผลทางกฏหมายที่เหมือนกัน นี่อะไรคนมีคุณสมบัติครบเหมือนกันคนหนึ่งขอได้ อีกคนขอไม่ได้ คนหนึ่งมีได้สัน้น 1 ยาว 1 อีกคนมีเท่าไหร่ก็ได้แค่รู้จักหรือสนิทกับคนบางคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2015, 10:59:18 PM โดย SIN_JAI » บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31463


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2015, 11:35:57 AM »

แล้วนายทะเบียนได้ปฏิเสธมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่าครับ เพราะถ้าปฏิเสธด้วยปากเปล่า เรายังไปอุทธรณ์ไม่ได้ครับ แต่หากเกินเวลาเราสามารถไปฟ้องศาลปกครองให้เร่งรัดการพิจารณาได้ ส่วนทางนายทะเบียนจะพิจารณาให้หรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของนายทะเบียน ยิ่งถ้าเรามีอยู่แล้ว และทางนายทะเบียนเห็นว่าเพียงพอต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พอเราไปอุทธรณ์ รมต. มหาดไทยก็จะเห็นด้วยกับนายทะเบียน สุดท้ายพอเราไปฟ้องศาลปกครองก็จะเห็นไปในทางเดียวกันกับนายทะเบียนหากคำปฏิเสธของนายทะเบียนนั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายครับ

ตรงใหนคืนเพียงพอครับ บางคนใช้ดุลพินิจให้ได้สั้น 1 ยาว 1 บางคนให้ได้เป็นสิบ เป็นร้อยกระบอก แล้วทำไม กทม ขอได้ถ้าคุณสมบัติครบ คำว่าดุลพินิจมันมีมาตรฐานอยู่ตรงใหน ทำไมไม่ยึดตามหลักกฏหมายโดยเคร่งครัด ใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานอ้างอิงเลยในแต่ละท้องที่ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าแล้วแต่ความคิดของนายทะเบียนแต่ละคนดีกว่าใหม คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ดีก็ได้ คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ไม่ดีก็ไม่ได้ทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามกฏหมาย  Huh





อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

ผมเข้าใจท่านครับ ที่ศาลท่านพิพากษาก็ว่าตามกฏหมายที่นายทะเบียนใช้ดุลพินิจใด้เพราะกฏหมายเขียนไว้อย่างนั้น  ไหว้

 แต่ผมมองในเรื่องกฏหมายที่ระบุคำว่า ดุลย์พินิจไว้ มันไม่ควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกวานี้ให้ผู้บังคับใช้กฏหมายปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่ากฏหมายฉบับเดียวกัน ข้อความในกฏหมายเหมือนกัน แต่ผู้บังคับใช้แต่ละท้องที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจจนเป็นเหมือนการเลือกปฏิบัติ ประเทศไทยเป็นรัฐเดียวนะครับ เพราะฉนั้นกฏหมายฉบับเดียวกันเมื่อผู้ใช้สองคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันน่าที่จะได้รับผลทางกฏหมายที่เหมือนกัน นี่อะไรคนมีคุณสมบัติครบเหมือนกันคนหนึ่งขอได้ อีกคนขอไม่ได้ คนหนึ่งมีได้สัน้น 1 ยาว 1 อีกคนมีเท่าไหร่ก็ได้แค่รู้จักหรือสนิทกับคนบางคน





นี่คือปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทยครับ ประกอบกับเมืองไทย คนไทยมักจะนิยมระบบอุปถัมภ์กันมากกว่าที่จะทำให้เรื่องถูกต้องตามตัวบทกฎหมายครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2015, 04:53:23 PM »

แค่อ่าน ก็เหนื่อยไปด้วยละครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2015, 06:56:36 PM »

อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

ใช้มาตรฐานความรู้สึกของตัวเองครับ
ต้องเข้าใจก่อนว่าคนไทยส่วนใหญ่เกลียดปืน กลัวปืน   คนเล่นปืนเป็นคนส่วนน้อยของสังคม
บันทึกการเข้า
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10979


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2015, 04:20:07 PM »

แล้วนายทะเบียนได้ปฏิเสธมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่าครับ เพราะถ้าปฏิเสธด้วยปากเปล่า เรายังไปอุทธรณ์ไม่ได้ครับ แต่หากเกินเวลาเราสามารถไปฟ้องศาลปกครองให้เร่งรัดการพิจารณาได้ ส่วนทางนายทะเบียนจะพิจารณาให้หรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของนายทะเบียน ยิ่งถ้าเรามีอยู่แล้ว และทางนายทะเบียนเห็นว่าเพียงพอต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พอเราไปอุทธรณ์ รมต. มหาดไทยก็จะเห็นด้วยกับนายทะเบียน สุดท้ายพอเราไปฟ้องศาลปกครองก็จะเห็นไปในทางเดียวกันกับนายทะเบียนหากคำปฏิเสธของนายทะเบียนนั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายครับ

ตรงใหนคืนเพียงพอครับ บางคนใช้ดุลพินิจให้ได้สั้น 1 ยาว 1 บางคนให้ได้เป็นสิบ เป็นร้อยกระบอก แล้วทำไม กทม ขอได้ถ้าคุณสมบัติครบ คำว่าดุลพินิจมันมีมาตรฐานอยู่ตรงใหน ทำไมไม่ยึดตามหลักกฏหมายโดยเคร่งครัด ใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานอ้างอิงเลยในแต่ละท้องที่ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าแล้วแต่ความคิดของนายทะเบียนแต่ละคนดีกว่าใหม คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ดีก็ได้ คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ไม่ดีก็ไม่ได้ทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามกฏหมาย  Huh





อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

ผมเข้าใจท่านครับ ที่ศาลท่านพิพากษาก็ว่าตามกฏหมายที่นายทะเบียนใช้ดุลพินิจใด้เพราะกฏหมายเขียนไว้อย่างนั้น  ไหว้

 แต่ผมมองในเรื่องกฏหมายที่ระบุคำว่า ดุลย์พินิจไว้ มันไม่ควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกวานี้ให้ผู้บังคับใช้กฏหมายปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่ากฏหมายฉบับเดียวกัน ข้อความในกฏหมายเหมือนกัน แต่ผู้บังคับใช้แต่ละท้องที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจจนเป็นเหมือนการเลือกปฏิบัติ ประเทศไทยเป็นรัฐเดียวนะครับ เพราะฉนั้นกฏหมายฉบับเดียวกันเมื่อผู้ใช้สองคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันน่าที่จะได้รับผลทางกฏหมายที่เหมือนกัน นี่อะไรคนมีคุณสมบัติครบเหมือนกันคนหนึ่งขอได้ อีกคนขอไม่ได้ คนหนึ่งมีได้สัน้น 1 ยาว 1 อีกคนมีเท่าไหร่ก็ได้แค่รู้จักหรือสนิทกับคนบางคน

มาช้า 555+
ชี้แจงคำจำกัดความกันก่อนครับ
1. คำว่าดุลย์พินิจ หมายความว่า การใช้ความคิดตัดสินใจภายใต้เหตุผลกฎหมาย ระเบียบที่กำหนดไว้ ถ้าใช้ดุลย์พินิจ แล้วไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรับรอง เขาเรียกว่า ใช้อำนาจตามอำเภอใจ
2. กรณีสั้น 1 ยาว 1 ที่ชอบอ้างเป็นดุลย์พินิจ ศาลเคยตัดสินว่า ไม่สามารถนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้บังคับกับประชาชนได้ เป็นหนังสือเวียนแจ้งภายในหน่วยงานว่า "อยากให้ประชาชนมีแค่สั้น 1 ยาว 1" ซึ่งเป็นเรื่องที่นายทะเบียนต้องแบกความเสี่ยงในการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมาย หรือระเบียบกำหนด และการอนุญาตหรือไม่อนุญาต ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง
3. คำสั่งทางปกครอง สามารถอุธรได้ ฟ้องศาลปกครองได้ แก้ไขคำสั่งทางปกครองได้ และในขณะเดียวกันถ้านายทะเบียนใช้ดุลย์พินิจไม่ถูกก็เท่ากับใช้อำนาจตามอำเภอใจ อาจเข้าข่ายถูกฟ้องคดีอาญาถ้าผู้ร้อง มองว่าถูกกลั่นแกล้งไม่เป็นธรรม เลือกปฎิบัติ
4. กรณีพี่นายกระจง เราก็เคารพในคำตัดสินของศาลเสมอครับ มีแต่ฝ่ายนายทะเบียนนั้นแหละที่พยามใช้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะแถไปเรื่อย
ปัญหามันมีอยู่ข้อเดียวครับ เลือกทางไหน แต่ไม่ว่าเลือกทางไหนมันไม่ผิดครับ เพราะถือเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไปบีบบังคับให้เลือกไม่ได้ ไม่งั้นก็เข้าข่าย ตัดสินคนตามอำเภอใจ ซึ่งมันก็แย่พอ ๆ กับใช้อำนาจตามอำเภอใจ ดีกว่าตรงที่ไม่ต้องขึ้นศาล 5555+

ที่ต้องเข้ามาตอบเพราะผมมาตอบในฐานะคนยุชาวบ้านฟ้องนายทะเบียนครับ   Grin Grin Grin Grin
แต่เป็นแค่คนยุนะครับ คนฟ้องคือพี่นายกระจง คนให้คำปรึกษามีผู้การสุพินท์นำทีม
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
SIN_JUNG
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 35
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 439



« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2015, 10:24:15 AM »

แล้วนายทะเบียนได้ปฏิเสธมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่าครับ เพราะถ้าปฏิเสธด้วยปากเปล่า เรายังไปอุทธรณ์ไม่ได้ครับ แต่หากเกินเวลาเราสามารถไปฟ้องศาลปกครองให้เร่งรัดการพิจารณาได้ ส่วนทางนายทะเบียนจะพิจารณาให้หรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของนายทะเบียน ยิ่งถ้าเรามีอยู่แล้ว และทางนายทะเบียนเห็นว่าเพียงพอต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พอเราไปอุทธรณ์ รมต. มหาดไทยก็จะเห็นด้วยกับนายทะเบียน สุดท้ายพอเราไปฟ้องศาลปกครองก็จะเห็นไปในทางเดียวกันกับนายทะเบียนหากคำปฏิเสธของนายทะเบียนนั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายครับ

ตรงใหนคืนเพียงพอครับ บางคนใช้ดุลพินิจให้ได้สั้น 1 ยาว 1 บางคนให้ได้เป็นสิบ เป็นร้อยกระบอก แล้วทำไม กทม ขอได้ถ้าคุณสมบัติครบ คำว่าดุลพินิจมันมีมาตรฐานอยู่ตรงใหน ทำไมไม่ยึดตามหลักกฏหมายโดยเคร่งครัด ใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานอ้างอิงเลยในแต่ละท้องที่ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าแล้วแต่ความคิดของนายทะเบียนแต่ละคนดีกว่าใหม คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ดีก็ได้ คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ไม่ดีก็ไม่ได้ทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามกฏหมาย  Huh





อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

ผมเข้าใจท่านครับ ที่ศาลท่านพิพากษาก็ว่าตามกฏหมายที่นายทะเบียนใช้ดุลพินิจใด้เพราะกฏหมายเขียนไว้อย่างนั้น  ไหว้

 แต่ผมมองในเรื่องกฏหมายที่ระบุคำว่า ดุลย์พินิจไว้ มันไม่ควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกวานี้ให้ผู้บังคับใช้กฏหมายปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่ากฏหมายฉบับเดียวกัน ข้อความในกฏหมายเหมือนกัน แต่ผู้บังคับใช้แต่ละท้องที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจจนเป็นเหมือนการเลือกปฏิบัติ ประเทศไทยเป็นรัฐเดียวนะครับ เพราะฉนั้นกฏหมายฉบับเดียวกันเมื่อผู้ใช้สองคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันน่าที่จะได้รับผลทางกฏหมายที่เหมือนกัน นี่อะไรคนมีคุณสมบัติครบเหมือนกันคนหนึ่งขอได้ อีกคนขอไม่ได้ คนหนึ่งมีได้สัน้น 1 ยาว 1 อีกคนมีเท่าไหร่ก็ได้แค่รู้จักหรือสนิทกับคนบางคน

มาช้า 555+
ชี้แจงคำจำกัดความกันก่อนครับ
1. คำว่าดุลย์พินิจ หมายความว่า การใช้ความคิดตัดสินใจภายใต้เหตุผลกฎหมาย ระเบียบที่กำหนดไว้ ถ้าใช้ดุลย์พินิจ แล้วไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรับรอง เขาเรียกว่า ใช้อำนาจตามอำเภอใจ
2. กรณีสั้น 1 ยาว 1 ที่ชอบอ้างเป็นดุลย์พินิจ ศาลเคยตัดสินว่า ไม่สามารถนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้บังคับกับประชาชนได้ เป็นหนังสือเวียนแจ้งภายในหน่วยงานว่า "อยากให้ประชาชนมีแค่สั้น 1 ยาว 1" ซึ่งเป็นเรื่องที่นายทะเบียนต้องแบกความเสี่ยงในการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมาย หรือระเบียบกำหนด และการอนุญาตหรือไม่อนุญาต ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง
3. คำสั่งทางปกครอง สามารถอุธรได้ ฟ้องศาลปกครองได้ แก้ไขคำสั่งทางปกครองได้ และในขณะเดียวกันถ้านายทะเบียนใช้ดุลย์พินิจไม่ถูกก็เท่ากับใช้อำนาจตามอำเภอใจ อาจเข้าข่ายถูกฟ้องคดีอาญาถ้าผู้ร้อง มองว่าถูกกลั่นแกล้งไม่เป็นธรรม เลือกปฎิบัติ
4. กรณีพี่นายกระจง เราก็เคารพในคำตัดสินของศาลเสมอครับ มีแต่ฝ่ายนายทะเบียนนั้นแหละที่พยามใช้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะแถไปเรื่อย
ปัญหามันมีอยู่ข้อเดียวครับ เลือกทางไหน แต่ไม่ว่าเลือกทางไหนมันไม่ผิดครับ เพราะถือเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไปบีบบังคับให้เลือกไม่ได้ ไม่งั้นก็เข้าข่าย ตัดสินคนตามอำเภอใจ ซึ่งมันก็แย่พอ ๆ กับใช้อำนาจตามอำเภอใจ ดีกว่าตรงที่ไม่ต้องขึ้นศาล 5555+

ที่ต้องเข้ามาตอบเพราะผมมาตอบในฐานะคนยุชาวบ้านฟ้องนายทะเบียนครับ   Grin Grin Grin Grin
แต่เป็นแค่คนยุนะครับ คนฟ้องคือพี่นายกระจง คนให้คำปรึกษามีผู้การสุพินท์นำทีม




ขอบคุณครับที่อธิบายให้เข้าใจ  ไหว้
      ถึงอย่างไรผมก็มองว่าการให้อำนาจใช้ดุลพินิจแก่เจ้าหน้าที่ยังเป็นการเลือกปฏิบัติอยู่ดีเพราะเป็นการใช้การตัดสินใจของตัวเจ้าหน้าที่ ในการตัดสินว่าจะอนุญาตให้ใครไม่อนุญาตให้ใคร(กรณีที่ผู้ขอมีคุณสมบัติถูกต้องเหมือนกัน) ส่วนการที่จะอุธร ฟ้องร้อง มันเป็นเรื่องปลายเหตุหลังที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ดุลพินิจไปแล้ว และเป็นเรื่องที่ยุ่งยากถึงยากมากๆ สำหรับผู้ร้อง แถมกฏหมายยังถือว่าการใช้ดุลพิจของเจ้าหน้าที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องอีก และมีผู้ร้องที่มีคุณสมบัติถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์ที่ประสบผลสำเร็จในการต่อสู้ เสียทั้งเงิน เวลา ฯลฯ ทั้งที่สาเหตุมันไม่ได้เกิดจากผู้ร้อง(มีคุณสมบัติครบตามกฏหมาย) แต่มันเกิดจากการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน หรือในที่เดียวกันแต่ใช้กับคนสองคนไม่เหมือนกัน อย่างกรณีเรามี 2 กระบอกแล้วแจ้งว่ามีมากพอที่จะป้องกันชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ซื้อ (ในกฏหมายไม่ได้ระบุว่าสามารถมีได้สูงสุดกี่กระบอก) แต่ในที่เดียวกันอีกคนมีมากกว่า 2 กระบอกทำไมถึงมีได้ ถ้า 2 กระบอกถือว่ามากแล้ว คนอื่นๆ ทุกคนต้องมีเกิน 2 ไม่ได้เหมือนกันจึงจะถือว่ามีการปฏิบัติตามกฏหมายเหมือนกัน แต่การใช้อำนาจตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบันเป็นการใช้ดุลพินิจเป็นการเฉพาะเป็นรายๆไป ตรงนี้จึงเป็นช่องทางให้สามารถใช้อำนาจ(ดุลพินิจ)เกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดเพื่อหวังผลประโยชน์แอบแฝงได้ (เมื่อไหร่ระบบนี้มันจะหมดไปจากประเทศไทยซะที)(บ่นครับ)





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2015, 10:40:34 AM โดย SIN_JAI » บันทึกการเข้า
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10361



« ตอบ #22 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2015, 10:55:21 AM »

เข้ามาอ่านเอาความรู้ และ+ให้ทุกๆท่านในหน้านี้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1734
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8577


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #23 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2015, 08:59:33 PM »

ในส่วนภูมิภาค มีนิทานเรื่องหมาหางด้วน
ดุลพินิจเป็นเครื่องมือในการตัดหาง
เมื่อคนส่วนใหญ่ ยอมให้ตัด จ่ายสินบน
คนส่วนน้อยที่ไม่จ่ายก็ต้องมีปัญหา
แต่ละเดือนเขาต้องส่งนายตามจำนวนใบและขนาด
ต้องตรงตามจำนวน

ดังนั้นใครไม่จ่ายต้องถูกยื้อ  ถ้ารุกมากก็ปฏิเสธฯ
นายต้องป้องสมบัติเจ้าคุณปู่  ไม่จ่ายไม่อนุญาต

บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31463


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #24 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2015, 10:36:31 PM »

บวก ๑ แต้มทุกคนในหน้านี้ครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10979


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2015, 11:11:57 PM »

แล้วนายทะเบียนได้ปฏิเสธมาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่าครับ เพราะถ้าปฏิเสธด้วยปากเปล่า เรายังไปอุทธรณ์ไม่ได้ครับ แต่หากเกินเวลาเราสามารถไปฟ้องศาลปกครองให้เร่งรัดการพิจารณาได้ ส่วนทางนายทะเบียนจะพิจารณาให้หรือไม่ก็เป็นดุลพินิจของนายทะเบียน ยิ่งถ้าเรามีอยู่แล้ว และทางนายทะเบียนเห็นว่าเพียงพอต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พอเราไปอุทธรณ์ รมต. มหาดไทยก็จะเห็นด้วยกับนายทะเบียน สุดท้ายพอเราไปฟ้องศาลปกครองก็จะเห็นไปในทางเดียวกันกับนายทะเบียนหากคำปฏิเสธของนายทะเบียนนั้นถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายครับ
ตรงใหนคืนเพียงพอครับ บางคนใช้ดุลพินิจให้ได้สั้น 1 ยาว 1 บางคนให้ได้เป็นสิบ เป็นร้อยกระบอก แล้วทำไม กทม ขอได้ถ้าคุณสมบัติครบ คำว่าดุลพินิจมันมีมาตรฐานอยู่ตรงใหน ทำไมไม่ยึดตามหลักกฏหมายโดยเคร่งครัด ใช้ดุลพินิจแบบไม่มีมาตรฐานอ้างอิงเลยในแต่ละท้องที่ อย่างนี้น่าจะเรียกว่าแล้วแต่ความคิดของนายทะเบียนแต่ละคนดีกว่าใหม คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ดีก็ได้ คนใหนมองปืนและผู้ขออนุญาตในทางที่ไม่ดีก็ไม่ได้ทั้งที่เขามีคุณสมบัติครบถูกต้องตามกฏหมาย  Huh





อันนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเขาใช้มาตราฐานอะไรเป็นตัววัด แต่ผมฟ้องจนถึงศาลปกครองสูงสุด พิพากษามาแล้ว ว่าคำวินิจฉัยของนายทะเบียนที่ว่ามีอาวุธเพียงพอแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินชอบด้วยกฎหมายมาแล้วครับ ใช้เวลาทั้งหมด ๗ ปีครับ

ผมเข้าใจท่านครับ ที่ศาลท่านพิพากษาก็ว่าตามกฏหมายที่นายทะเบียนใช้ดุลพินิจใด้เพราะกฏหมายเขียนไว้อย่างนั้น  ไหว้

 แต่ผมมองในเรื่องกฏหมายที่ระบุคำว่า ดุลย์พินิจไว้ มันไม่ควรมี หรือถ้ามีก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนมากกวานี้ให้ผู้บังคับใช้กฏหมายปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ว่ากฏหมายฉบับเดียวกัน ข้อความในกฏหมายเหมือนกัน แต่ผู้บังคับใช้แต่ละท้องที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจจนเป็นเหมือนการเลือกปฏิบัติ ประเทศไทยเป็นรัฐเดียวนะครับ เพราะฉนั้นกฏหมายฉบับเดียวกันเมื่อผู้ใช้สองคนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันน่าที่จะได้รับผลทางกฏหมายที่เหมือนกัน นี่อะไรคนมีคุณสมบัติครบเหมือนกันคนหนึ่งขอได้ อีกคนขอไม่ได้ คนหนึ่งมีได้สัน้น 1 ยาว 1 อีกคนมีเท่าไหร่ก็ได้แค่รู้จักหรือสนิทกับคนบางคน

มาช้า 555+
ชี้แจงคำจำกัดความกันก่อนครับ
1. คำว่าดุลย์พินิจ หมายความว่า การใช้ความคิดตัดสินใจภายใต้เหตุผลกฎหมาย ระเบียบที่กำหนดไว้ ถ้าใช้ดุลย์พินิจ แล้วไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรับรอง เขาเรียกว่า ใช้อำนาจตามอำเภอใจ
2. กรณีสั้น 1 ยาว 1 ที่ชอบอ้างเป็นดุลย์พินิจ ศาลเคยตัดสินว่า ไม่สามารถนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้บังคับกับประชาชนได้ เป็นหนังสือเวียนแจ้งภายในหน่วยงานว่า "อยากให้ประชาชนมีแค่สั้น 1 ยาว 1" ซึ่งเป็นเรื่องที่นายทะเบียนต้องแบกความเสี่ยงในการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมาย หรือระเบียบกำหนด และการอนุญาตหรือไม่อนุญาต ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง
3. คำสั่งทางปกครอง สามารถอุธรได้ ฟ้องศาลปกครองได้ แก้ไขคำสั่งทางปกครองได้ และในขณะเดียวกันถ้านายทะเบียนใช้ดุลย์พินิจไม่ถูกก็เท่ากับใช้อำนาจตามอำเภอใจ อาจเข้าข่ายถูกฟ้องคดีอาญาถ้าผู้ร้อง มองว่าถูกกลั่นแกล้งไม่เป็นธรรม เลือกปฎิบัติ
4. กรณีพี่นายกระจง เราก็เคารพในคำตัดสินของศาลเสมอครับ มีแต่ฝ่ายนายทะเบียนนั้นแหละที่พยามใช้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะแถไปเรื่อย
ปัญหามันมีอยู่ข้อเดียวครับ เลือกทางไหน แต่ไม่ว่าเลือกทางไหนมันไม่ผิดครับ เพราะถือเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไปบีบบังคับให้เลือกไม่ได้ ไม่งั้นก็เข้าข่าย ตัดสินคนตามอำเภอใจ ซึ่งมันก็แย่พอ ๆ กับใช้อำนาจตามอำเภอใจ ดีกว่าตรงที่ไม่ต้องขึ้นศาล 5555+

ที่ต้องเข้ามาตอบเพราะผมมาตอบในฐานะคนยุชาวบ้านฟ้องนายทะเบียนครับ   Grin Grin Grin Grin
แต่เป็นแค่คนยุนะครับ คนฟ้องคือพี่นายกระจง คนให้คำปรึกษามีผู้การสุพินท์นำทีม




ขอบคุณครับที่อธิบายให้เข้าใจ  ไหว้
      ถึงอย่างไรผมก็มองว่าการให้อำนาจใช้ดุลพินิจแก่เจ้าหน้าที่ยังเป็นการเลือกปฏิบัติอยู่ดีเพราะเป็นการใช้การตัดสินใจของตัวเจ้าหน้าที่ ในการตัดสินว่าจะอนุญาตให้ใครไม่อนุญาตให้ใคร(กรณีที่ผู้ขอมีคุณสมบัติถูกต้องเหมือนกัน) ส่วนการที่จะอุธร ฟ้องร้อง มันเป็นเรื่องปลายเหตุหลังที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ดุลพินิจไปแล้ว และเป็นเรื่องที่ยุ่งยากถึงยากมากๆ สำหรับผู้ร้อง แถมกฏหมายยังถือว่าการใช้ดุลพิจของเจ้าหน้าที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องอีก และมีผู้ร้องที่มีคุณสมบัติถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์ที่ประสบผลสำเร็จในการต่อสู้ เสียทั้งเงิน เวลา ฯลฯ ทั้งที่สาเหตุมันไม่ได้เกิดจากผู้ร้อง(มีคุณสมบัติครบตามกฏหมาย) แต่มันเกิดจากการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน หรือในที่เดียวกันแต่ใช้กับคนสองคนไม่เหมือนกัน อย่างกรณีเรามี 2 กระบอกแล้วแจ้งว่ามีมากพอที่จะป้องกันชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ซื้อ (ในกฏหมายไม่ได้ระบุว่าสามารถมีได้สูงสุดกี่กระบอก) แต่ในที่เดียวกันอีกคนมีมากกว่า 2 กระบอกทำไมถึงมีได้ ถ้า 2 กระบอกถือว่ามากแล้ว คนอื่นๆ ทุกคนต้องมีเกิน 2 ไม่ได้เหมือนกันจึงจะถือว่ามีการปฏิบัติตามกฏหมายเหมือนกัน แต่การใช้อำนาจตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบันเป็นการใช้ดุลพินิจเป็นการเฉพาะเป็นรายๆไป ตรงนี้จึงเป็นช่องทางให้สามารถใช้อำนาจ(ดุลพินิจ)เกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดเพื่อหวังผลประโยชน์แอบแฝงได้ (เมื่อไหร่ระบบนี้มันจะหมดไปจากประเทศไทยซะที)(บ่นครับ)










ตามมาฟังคนบ่นครับ และ+1  ให้ครับ

บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
นิพนธ์-รักในหลวงของไทย
Full Member
***

คะแนน 38
ออฟไลน์

กระทู้: 303


« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 12:01:29 PM »

อ่านแล้วก็เศร้าเมื่อเราปฎิบัติตามกฎหมาย ก็ต้องจอดที่ดุจพินิจ อนาคตคนรักปืนเมื่อขอ ป3 ไม่ใด้ คงต้องย้ายเข้าเมืองหลวง เพราะภูธรไม่ให้
บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1734
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8577


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #27 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2015, 03:55:11 PM »

การใช้ดุลพินิจในการออกคำสั่งทางปกครอง ต้องมีเหตุผลครับไม่ใช่ใช้อย่างไรก็ได้ ไม่งั้นคนใช้ดุลพินิจก็จอดเหมือนกัน  คิก คิก

พรบ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มีข้อบัญญัติไว้ว่า
มาตรา ๓๗ คําสั่งทางปกครองที่ทําเปนหนังสือและการยืนยันคําสั่งทางปกครอง
เปนหนังสือตองจัดใหมีเหตุผลไวดวย และเหตุผลนั้นอยางนอยตองประกอบดวย
(๑) ขอเท็จจริงอันเปนสาระสําคัญ
(๒) ขอกฎหมายที่อางอิง
(๓) ขอพิจารณาและขอสนับสนุนในการใชดุลพินิจ ..........
--------------------------------------------------------------------
ดังนั้นถ้านายทะเบียนฯสั่งไม่อนุญาตฯ ก็ต้องขอทราบคำสั่งเป็นหนังสือ เพื่อรู้ถึงเหตุผล
การจะโต้แย้งก็เป็นกรณีๆไป ไม่มีสูตรสำเร็จ

ไม่โต้แย้ง ย้ายบ้านหนี ไม่ว่ากัน .... ขอหนังสือคำสั่งปฏิเสธฯมาดูเล่นซะหน่อยเป็นไง  ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า
seatuch--รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 18
ออฟไลน์

กระทู้: 360


ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไหน แต่ก็ทำดีได้ดี


« ตอบ #28 เมื่อ: กันยายน 03, 2015, 06:11:32 AM »

แชร์นะครับ
เวลาผมขอปืนจะขอทีละ 4 กระบอก  เพราะเตรียมจะฟ้องศาลปกครอง จะได้ไม่เสียเวลารอครับ
เพราะอำเภอเล่นแง่ แต่ผมขอเพื่อการกีฬาครับ
บันทึกการเข้า
oil
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 4146


ใครหนอ โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง


« ตอบ #29 เมื่อ: กันยายน 03, 2015, 07:21:52 AM »

ฟ้องเลยๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

Thailand must not welcome f..cking bag packer, get lost
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.099 วินาที กับ 21 คำสั่ง