๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 20, 2024, 02:04:34 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รอยเตอร์ประกาศ “กรุงเทพฯ อาจมีน้ำประปาเหลือใช้ได้แค่ 30 วัน”  (อ่าน 3033 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
rambo1th
Hero Member
*****

คะแนน 142
ออฟไลน์

กระทู้: 1349


« เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2015, 08:19:04 PM »

รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ปรากฏการณ์วิกฤตแล้งจัดในไทยในปัจจุบันเป็นภัยแล้งมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ล่าสุด ทอมสัน รอยเตอร์ ฟาวเดชัน เปิดเผยข้อมูลภัยแล้งที่กระทบถึงการผู้ใช้ชีวิตของชาว กทม. ซึ่งเป็นที่น่าตกตะลึงจากการให้สัมภาษณ์ของธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวง ระบุว่า “หากยังไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม ประชาชนในกรุงเทพฯ จะมีน้ำประปาไว้ใช้สอยต่อไปได้เพียงแค่ 30 วันเท่านั้น” พร้อมกับประกาศให้ผู้ใช้น้ำกักตุนน้ำดื่มจำนวน 60 ลิตรไว้ในยามฉุกเฉิน หลังสถานการณ์รอบนอกวิกฤต รวมไปถึงระดับน้ำในเขื่อนพลังงานภูมิพล จ.ตาก ที่อยู่ในขั้นวิกฤตระดับ 2 แล้ว ยังไม่รวมถึงถนนทรุดตัวก่อนหน้านี้
       
       หลังจากปรากฏการณ์แล้งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ล่าสุดระดับน้ำเขื่อนภูมิพลที่เป็นกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าของไทยอยู่ในระดับวิกฤตขั้น 2 ที่มีน้ำเพียงพอสำหรับการใช้ในครัวเรือนเท่านั้น คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียที่มาจนถึงวันนี้ต้องใช้มาตรการปันน้ำ และห้ามการรดน้ำสนามหญ้าเด็ดขาด ทอมสัน รอยเตอร์ ฟาวเดชัน รายงานสถานการณ์ภัยแล้งหนักในไทย ที่ประชาชนในกรุงเทพฯ อาจมีน้ำประปาใช้ได้อีกเพียงแค่เดือนเดียว หลังฝนทิ้งช่วงห่างเติมน้ำในบริเวณแหล่งต้นน้ำในการผลิตทำน้ำประปาไม่ทัน รวมไปถึงภัยคุกคามจากน้ำเค็มที่หนุนเข้าแหล่งน้ำและเปลี่ยนให้น้ำจืดในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นน้ำกร่อย จนกระทั่งการประปานครหลวงต้องงดใช้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อผลิตน้ำเป็นเวลาร่วม 3 ชม.ก่อนที่จำต้องกลับดึงน้ำกลับมาใช้ผลิตต่อ
       
       รอยเตอร์รายงวันนี้ (7) ว่า จากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารการประปานครหลวงกับรอยเตอร์ พบว่า กรุงเทพฯ อาจมีน้ำประปาเพียงพอสำหรับใช้สอยได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ท่ามกลางสถานการณ์ภัยแล้งหนักที่ไทยกำลังประสบปัญหาทุกวันนี้ร้ายแรงมากที่สุดในรอบหลายสิบปี
       
       และจากความพยายามในการรักษาระดับน้ำในเขื่อนที่ส่งต่อไปยังพื้นที่การเกษตรของไทยในจังหวัดต่างๆ รวมไปถึงน้ำนี้ยังถูกส่งเข้ามาเพื่อผลิตเป็นน้ำประปาให้กับประชาชนในเมืองหลวงของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ร้องขอไม่ให้ชาวนาเริ่มทำการเพาะปลูกตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
       
       และถึงแม้ทางการไทยจะมีมาตรการแก้ไขเหล่านี้ออกไป แต่ทว่าระดับน้ำยังอยู่ขั้นวิกฤตในแหล่งเก็บน้ำ 3 แหล่งใหญ่ที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นหนึ่งในสองของแหล่งน้ำสำหรับผลิตเป็นน้ำประปาให้คนกรุงได้ใช้สอย
       
       รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า และเมื่อพิจารณาดูจำนวนน้ำที่สามารถกักเก็บได้ล่าสุดนั้นมีจำนวนลดลงอย่างน่าใจหาย โดยพบว่าในเดือนพฤศจิกายน 2014 ไทยสามารถกักเก็บน้ำรวมกันจากทั้ง 3 เขื่อนหลักได้เพียงแค่ 5 พันล้านคิวบิกเมตร เมื่อเทียบกับตามปกติก่อนหน้านั้นสามารถกักเก็บได้ถึง 8 พันล้านคิวบิกเมตร ธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวงกล่าว พร้อมระบุว่า เฉพาะในวันจันทร์ (6) มีน้ำเหลือเพียงแค่ 660 ล้านคิวบิกเมตรเท่านั้น รายงานจากกรมชลประทาน
       
        “ในขณะนี้มีน้ำในเขื่อนเหลือเพียงพอที่จะสามารถป้อนเข้ามาทำน้ำประปาได้เพียงแค่ 30 วันเท่านั้น ในกรณีที่ฝนไม่ตกเลย” ผู้ว่าการประปานครหลวง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับทอมสัน รอยเตอร์ ฟาวเดชันเมื่อวานนี้ (6)
       
       และรอยเตอร์ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ตามปกติระดับน้ำฝนและน้ำในเขื่อนจะช่วยกั้นไม่ให้น้ำเค็มจากอ่าวไทยไหลเข้ามา แต่ทว่าในช่วงหน้าแล้ง น้ำเค็มได้คืบคลานไปยังบริเวณต้นแหล่งน้ำ ส่งผลทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็น “น้ำกร่อย” ที่มีรสชาติเค็มเล็กน้อย
       
       และอย่างที่ทราบกันว่า น้ำกร่อยที่มีเกลือผสมนี้ไม่สามารถใช้ทำการเกษตรได้ เพราะพืชผลตอลดจนต้นไม้ต่างๆจะตายหากมีการใช้น้ำกร่อยรด และยังนำลายสถานีสูบน้ำอีกด้วย ซึ่งดูดน้ำจากแม่น้ำร่วม 100 กม.ลงสู่อ่าว
       
       ทั้งนี้ การประปานครหลวงมีกำลังการผลิตน้ำประปา 5.2 ล้านคิวบิกเมตร/วัน สำหรับผู้ใช้น้ำร่วม 2.2 ล้านคน ที่รวมไปถึง โรงงาน ธุรกิจ และห้างร้านต่างๆ แต่ทว่าทางการประปานครหลวงยังไม่มีความสามารถในการบำบัดน้ำเค็มได้อย่างมีประสิทธิภาพทันตามความต้องการ
       
       “มีบางวันที่ระดับน้ำเค็มเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ทางการประปานครหลวงตัดสินใจไม่นำน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาใช้ในการผลิต แต่เราใช้น้ำจากคลังเก็บน้ำสำรองในคลองชลประทานที่เรามีเพื่อนำผลิต แต่ทางการประปาสามารถหยุดการนำน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อมาใช้ในการผลิตได้แค่เพียง 3 ชม.เท่านั้น”
       
       รอยเตอร์รายงานต่อว่า การประปานครหลวงได้ประกาศเตือนให้ผู้ใช้น้ำในเขตกรุงเทพฯกักตุนน้ำดื่มจำนวน 60 ลิตรไว้ในการเตรียมพร้อมเมื่อมีการประกาศแจ้งน้ำประปาขาดแคลนออกมา และพร้อมกันนั้นยังขอให้คนกรุงเทพฯ ลดปริมาณการใช้น้ำลง แต่ทว่าในตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ธนศักดิ์กล่าวต่อ เพราะราคาต่อหน่วยของปริมาตรน้ำที่ผู้ใช้ต้องจ่ายเป็นราคาที่ถูกมากคือ 8.50 บาท / 1,000 ลิตร
       
       “เป็นเพราะมีราคาถูกมากจนเกินไป จึงทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นคุณค่าที่ต้องประหยัดน้ำ และอัตรานี้กำหนดมาตั้งแต่ปี 1999 แล้ว และอาจกล่าวได้ว่าเป็นนครที่ใหญ่แต่มีราคาน้ำประปาที่ถูกที่สุดในโลกก็ว่าได้” ผู้ว่าการประปานครหลวงตัดพ้อ
       
       และหน่วยงานการประปามีแผนที่จะใช้เม็ดเงิน 1.3 พันล้านดอลลาร์ในโครงการระยะเวลา 7 ปีเพื่อเพิ่มความสามารถการผลิตและการกักเก็บน้ำ และนอกจากนี้ยังมีการเริ่มพิจารณาในโครงการระยะยาว 30 ปีเพื่อ (1) ประเมินความต้องการน้ำสำหรับการใช้สอย (2) การหาแหล่งน้ำใหม่ และ (3) การสร้างเครื่องป้องกันน้ำเค็ม ธนศักดิ์กล่าว
       
       แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำใหญ่เพื่อผลิตน้ำประปายังคงเป็น “น้ำฝน” ที่ทางการประปานครหลวงต้องการกักเก็บ แต่กลับพบว่า ฝนที่ตกในกรุงเทพฯ เมื่อไม่นานามานี้กลับพบว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักนั้นกลับไหลซึมลงสู่ใต้ดินลงมหาสมุทรหมด และทำให้เสียปล่าวไป
       
       “และนอกจากนี้ยังมีน้ำท่วมทุกปี แต่ทว่ากลับไม่สามารถนำก้อนน้ำเหล่านั้นมาใช้การได้เพราะต้องบังคับให้น้ำเหล่านั้นไหลลงมาหสมุทรไป ดังนั้นจึงเป็นปัญหาว่าทางการประปาจะสามารถกักเก็บน้ำเหล่านั้นเพื่อใช้ในยามขาดแคลนได้อย่างไร” ผู้ว่าการประปานครหลวงเปิดใจเชิงตั้งคำถาม
       
       และสุดท้ายธนศักดิ์กล่าวว่า “เป็นที่น่าประหลาดที่เราปล่อยให้น้ำฝนจำนวนมหาศาลไหลลงมหาสมุทรทุกปี ซึ่งถือเป็นจำนวนปริมตรน้ำที่มีสูงกว่าที่เราได้กักเก็บไว้ในระบบเขื่อนในไทยทั้งหมด และแม้หากว่าไทยสามารถกักเก็บน้ำฝนได้เพียงแค่ 10% ของฝนที่ตกทั้งหมด ก็นับว่ามีจำนวนมากพอแล้ว”
       
       โดยก่อนหน้านี้วิกฤตสถานการณ์ภัยแล้งจัดได้คุกคามระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตาก รวมไปถึงเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และมีศึกชิงน้ำเกิดขึ้นระหว่าง นายก อบต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ที่ต้องการสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาชลประทานช่วยเหลือชาวบ้านที่ขาดน้ำหนักในการทำการเกษตร แต่กลับต้องถูก ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ขัดขวางด้วยให้เหตุผลว่า “อีกสองวันน้ำแห้ง น้ำทะลน่าจะหนุนขึ้นมาพรวดเดียวทำลายทุกแหล่งน้ำดิบตั้งแต่อ่างทองลงมา ก็ชิบหายจริงๆ ล่ะครับ ชาวนา และผู้นำก็ต้องแก้แบบท้องถิ่นไป ใครจะปล่อยให้ตัวเองตาย แต่ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ก็อยู่ในสภาพไร้การควบคุม เข้าสู่ยุคหนังเรื่อง แมดแมกซ์ กันไปเลย”
       
       ปัญหาภัยแล้งที่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อชาวกรุงนั้น แต่ทว่าทำให้ประชาชนตามภูมิภาคอื่นๆเดือดร้อนกันทั่วหน้าโดยฉพาะปัญหระดับน้ำในเขื่อนที่อยู่ในขั้นต่ำอย่างวิกฤต โดยในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำกักเก็บของเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤตระดับที่ 2 คือ ไม่สามารถระบายเพื่อการเกษตร แต่มีน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค ระบายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำได้เท่านั้น
             
       และยังถือว่าปีนี้เป็นปีที่มีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลน้อยที่สุดในรอบ 51 ปี ของการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล โดยระหว่างวันที่ 1 เมษายน-6 กรกฎาคม (ปีน้ำ นับตั้งแต่ 1 เมษายน - 31 มีนาคม) มีน้ำเหนือใหม่ที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลเพียง 48.13 ล้านคิวบิกเมตร
       
       ประกอบกับฝนในพื้นที่ตกไม่มากพอ และพื้นดินที่แห้งแล้งเมื่อเจอกับฝนตกทำให้ดูดซับน้ำไว้เกือบหมด ส่งผลให้ในวันที่ 6 กรกฎาคมมีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลเพียง 0.89 ล้านคิวบิกเมตรเท่านั้น และมีพื้นที่ว่างในเขื่อนสามารถรับน้ำใหม่ได้จำนวนถึง 9,455 ล้าน คิวบิกเมตร หรือ 70.24% ของพื้นที่ทั้งหมด
       
       ด้านสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ก็ไม่ต่างไปมากนัก โดยพบว่ามีน้ำใหม่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำจำนวน 2.92 ล้าน คิวบิกเมตร มีพื้นที่ว่างสามารถรับน้ำใหม่จำนวน 6,276 ล้านคิวบิกเมตร หรือ 65.99% ของพื้นที่ทั้งหมด
       
       นอกจากนี้ ภัยแล้งในต่างจังหวัดได้กระทบกับกระเป๋าเงินชาวบ้านเข้าอย่างจังเพราะไม่สามารถทำการเกษตรได้ เช่น ประเทือง แสนดี อายุ 58 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 บ้านโนนป่าแดง ต.หนองหลุม อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ที่ทำนา 10 ไร่ เปิดเผยกับศูนย์ข่าวภาคเหนือ ASTV ว่า เจอภัยแล้งอย่างหนักทำนาไม่ได้มานานกว่า 8 เดือนแล้ว จึงยอมลงทุนเพิ่มเกือบ 1 แสนบาทเจาะบ่อบาดาลลึกลงไปประมาณ 40 เมตร หรือ 20 วา ซึ่งผู้รับจ้างคิดค่าเจาะวาละ 500 บาท และต้องใส่ท่อพลาสติกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้วลงไปใต้ดิน พร้อมกับต้องต่อไฟฟ้ามาใช้กับเครื่องสูบน้ำด้วย
             
       นอกจากนี้ ขันต์ทอง อินทร์เลี้ยง อายุ 57 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 59 หมู่ 9 ต.วังโมกข์ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร อาชีพรับจ้างเจาะบ่อน้ำบาดาล ยังเปิดเผยว่า ตนทำอาชีพนี้มา 30 ปีเต็ม ปีนี้มีงานเจาะบ่อน้ำบาดาลเยอะมากเนื่องจากความแห้งแล้งที่มีมายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2014 มาจนถึงวันนี้ ฝนก็แทบไม่ตกเลยทำให้ชาวนาต้องดิ้นรนช่วยเหลือตนเองด้วยการจ้างคนเจาะบ่อน้ำบาดาล
       
       ขันต์ทองยังเปิดเผยในรายละเอียดของอัตราขุดเจาะบ่อบาดาลว่า โดยปกติการคิดราคาเจาะบ่อน้ำบาดาลเริ่มต้นที่ราคา 500-800 บาท/วา ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล ส่วนค่าอุปกรณ์ผู้ว่าจ้างต้องจัดหามาเอง ในรอบเดือนที่ผ่านมามีงานเจาะบ่อน้ำบาดาลแทบทุกวัน ตนและคนงานรวม 5 คนต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่ก็มีรายได้คุ้มค่า เพราะลงทุนซื้ออุปกรณ์ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลครั้งแรกประมาณ 5 แสนบาท แต่ก็ใช้เป็นเครื่องมือหากินมาได้หลายสิบปี
       
       สถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ทั้ง 2 แห่งของภาคเหนือดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรใต้เขื่อนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสุเทพ ลิมปะพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยในวันที่ 7 กรกฎาคม 2015 ว่า นาข้าว พืชไร่ และพืชสวนต่างๆ ในจังหวัดสุโขทัย อยู่ในระยะวิกฤตเหี่ยวเฉาและตาย และคาดว่าจะส่งผลความเสียหายร่วม 90,120 ไร่
             
       โดยภาพรวมทั้งจังหวัดแล้วมีพื้นที่ประสบภัยแล้งจำนวน 6 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.บ้านด่านลานหอย อ.คีรีมาศ อ.ศรีสำโรง อ.สวรรคโลก และ อ.ทุ่งเสลี่ยม รวม 34 ตำบล 266 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 9,693 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้งทั้งหมดมี 130,929 ไร่ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดฯ ได้สำรวจ และเตรียมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
       
       นอกเหนือจากพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหายแล้ว ภัยแล้งยังเป็นปัญหาทำให้เกิดถนนทรุดตัวอีกด้วย จากการรายงานของสื่อไทยก่อนหน้านี้ พบว่ามีการทรุดตัวร่วม 3 ม. โดยในวันที่ 6 กรกฎาคม 2015 ถนนสายหนองแค-หนองเสือ กม. 16-17 เป็นถนนขนาด 2 เลนอยู่ติดฝั่งซ้ายของคลองระพีพัฒน์ ใน จ.สระบุรี เกิดทรุดตัวลึก 3 ม. และเป็นแถวแนวยาวตลอดริมฝั่งคลองระพีพัฒน์ร่วม 300 เม. ซึ่งมีบางจุดทรุดลึกถึง 4-5 ม.ทีเดียว ส่งผลทำให้ต้องมีการปิดการจราจรถนนเส้นนี้ทั้งสาย และประกาศให้ผู้สัญจรเปลี่ยนไปใช้ถนนฝั่งขวาของคลองระพีพัฒน์แทน
       
       โดยสาเหตุการทรุดตัวคาดว่าเกิดจากน้ำในคลองระพีพัฒน์ลดลงทำให้ดินใต้ถนนทรุดตัวลง โดยได้รับแจ้งจากผู้ที่อาศัยในพื้นที่ว่า เริ่มทีการทรุดตัวตั้งแต่เวลา 20.00 น.ในวันที่ 4 กรกฎาคมก่อนหน้านั้น
       
       และนอกจากการทรุดตัวของถนนที่เกิดจากการลดระดับของน้ำจะเกิดขึ้นในจ.สระบุรีแล้ว ยังพบว่าเกิดขึ้นใน จ.พระนครศรีอยุธยา อีกด้วย ถนนสายลาดบัวหลวง-สามเมือง เลียบคันคลองพระยาบันลือ บริเวณหน้ามัสยิดนูรุ้ลฮิดายะห์ (สุเหร่าใหม่) หมู่ 2 ต.สามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดทรุดตัวลึกกว่า 2.50 ม. เป็นระยะทางกว่า 80 เมตร และทำให้ต้องปิดถนนเส้นนี้ลง
       
       ส่วนสาเหตุการทรุดตัว คาดว่าจะมาจากระดับน้ำในคลองพระยา-บันลือ ลดต่ำลงทำให้ดินใต้ถนนทรุดพังลงมา

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000076709     เพื่อนสมาชิกคิดว่าจริงเท็จเป็นประการใดครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นแต่ปรากฏการณ์น้ำท่วม มาหลายพื้นที่ วาตภัยหลายพื้นที่ แต่ภัยแล้งถึงขนาดลามทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่จนไม่มีน้ำให้คนกรุงใช้ยังไม่เคยเห็นเลยครับ
บันทึกการเข้า
แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2015, 08:32:38 PM »

วันอาทิตย์นี้จะไปตกปลาเขื่อนภูมิพลซักหน่อย
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
sombat_
Full Member
***

คะแนน -166
ออฟไลน์

กระทู้: 382


หูดับตับไหม้


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 12:25:09 AM »

วันอาทิตย์นี้จะไปตกปลาเขื่อนภูมิพลซักหน่อย

พี่ถ่ายรูปมาให้ดูบ้างนะครับ  Smiley Smiley
บันทึกการเข้า

SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 12:30:55 AM »

7 ก.ค. 58 - ผู้ว่าฯ กปน. สยบข่าวลือ 30 วัน กทม.ไร้น้ำดื่มใช้ ยัน 18 สาขาจ่ายน้ำดื่ม-น้ำใช้บริการปชช.ได้ปกติ เตรียมปชส.รณรงค์ประหยัดน้ำ เผยผุดโรงผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ทุ่มงบ 4.5 หมื่นล้านปี 59
 
นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ผู้ว่าการประปานครหลวง ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำในการผลิตน้ำประปาในสภาวะที่เกิดภัยแล้งว่า ปัจจุบันน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ส่งลงมายังแม่น้ำเจ้าพระยาเหลือประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะเดียวกันน้ำที่จ่ายออกจากเขื่อนประมาณ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร ถ้าดูจากตัวเลขวานนี้ ( 6 ก.ค.) คงมีน้ำเหลือจ่ายลงมาอีกประมาณ 24 วัน โดยมีน้ำไหลลงสู่เขื่อนน้อยมากวันละ 2-3 ล้านลูกบาศเมตร อย่างไรก็ตามเท่าที่ติดตามดูสถานการณ์น้ำได้เริ่มมีฝนตกลงมาช่วยบ้างแล้ว โดยภาพรวมที่มองดู ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เราผ่านวิกฤติตรงนี้ไปได้

นอกจากนี้ ถ้าในกรณีที่ฝนไม่ตกเลยทาง กปน.ได้ประสานงานกับทางกรมชลประทานไว้ในเบื้องต้นแล้ว จะมีการดำเนินการทำในลักษณะเป็นกาลักน้ำเข้ามาช่วยเสริม ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในส่วนที่ปัญหาน้ำทะเลหนุนเข้ามาทำให้เกิดปัญหาน้ำเค็ม ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำกร่อย เรื่องนี้เราก็มีแนวทางแก้ไขปัญหาเอาไว้ได้แล้วเช่นกัน เรียนว่า เรายังสามารถจ่ายน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้ได้เป็นปกติทุกวันได้อย่างสบาย
 
ผมอยากให้ประชาชนมั่นใจได้เลยเรายังมีน้ำดื่มน้ำใช้ ปัจจุบัน 18 สาขาของการประปานครหลวง ยังแจกจ่ายน้ำให้ประชาชนได้เป็นปกติ ยังไม่มีปัญหา แหล่งน้ำดิบเราใช้จาก 2 แหล่งคือแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำแม่กลอง ในช่วงกลางคืนหลังเวลา 22.00 น.น้ำอาจจะไหลอ่อนลงไปบ้างนิดหน่อยเท่านั้น ทางการประปานครหลวงได้ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่า กรุงเทพมหานคร หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดแล้วยังมีหน่วยรถทหารนำน้ำดื่มน้ำใช้ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มีปัญหาด้วย ในสวนที่เป็นพื้นที่รับแหล่งน้ำจากแม่น้ำแม่กลองทุกส่วนตอนนี้ยังไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามทาง กปน.จะได้มีโครงการรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำทั่วประเทศในช่วงนี้ก็ขอให้ใช้น้ำเท่าที่จำเป็นกันจากเคยอาบในอ่างก็เปลี่ยนมาอาบน้ำจากฟักบัวแทน น้ำที่เคยใช้ล้างรถก็รองไว้แล้วไปใช้รดต้นไม้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ผู้ว่าฯ กปน. กล่าว

 ผู้ว่าการประปานครหลวง กล่าวว่า ได้ชี้แจงในส่วนกระแสข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศได้นำเสนอ กทม.จะมีน้ำใช้ได้อีกแค่ 30 วันนั้น ได้แก้ข่าวชี้แจงไปแล้วหลายสื่อ ที่พูดว่า 30 วันคือได้บอกไปว่า น้ำในเขื่อนเหลือ 30 วัน แต่เขาได้มีการไปลงสื่อว่า เราจะหยุดจ่ายน้ำเลย ความจริงเราไม่ได้หยุดจ่ายน้ำ ยังมีการจ่ายเป็นปกติ

ซึ่งนักข่าวคนดังกล่าวเขาเป็นคนไทยแต่เกิดที่ต่างประเทศมาได้ขอสัมภาษณ์ ตนก็ได้ตอบทางสำนักข่าวดังกล่าวเป็นภาษาไทย เมื่อเขาได้ฟังไปแล้วแปลเพี้ยนๆไปบ้าง อย่างในเรื่องการเตรียมการลงทุนบอกไป 45,000 ล้านบาท เขาก็ไปเขียน 4,500 ล้านบาท เรื่องนี้ได้ตำหนิต่อว่าเขาไปเหมือนกัน ทางเขาก็ยอมรับว่าเขาฟังไทยไม่ชัด ซึ่งความเป็นจริงแล้วแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ทาง กปน. จะมีการลงทุนประมาณ 45,000 ล้านบาทในปี 2559 เป็นโครงการสร้างโรงผลิตน้ำที่คลองมหาสวัสดิ์ เพื่อแก้ปัญหา หากมีปัญหาการจ่ายน้ำ ก็จะมีการเอาน้ำจากฝั่งตะวันตกมาจ่ายให้กับฝั่งตะวันออกแทนผ่านทางอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาเก็บยังถังเก็บน้ำแล้วยังมีสถานีสูบน้ำเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนแผนระยะยาวมีระยะ 30 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 2561-2590 กำลังมีการวางแผนเอาไว้ว่าจะมีการหาแหล่งน้ำดิบจากที่ไหนมาเสริมเพื่อเพิ่มกำลังผลิตน้ำประปาเรื่องเหล่านี้เป็นแผนในอนาคต
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 08:15:57 AM »

อ.โซ่พิสัย บึงกาฬ ฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว ไชโยๆๆๆๆ เยี่ยม คิก คิก
บันทึกการเข้า
montri รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -120
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1056



« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 08:40:19 AM »

จ.สกล วันนี้ฝนตกแล้ว ต้นกล้าเหลือรอดตายอีกนิดหน่อย พอได้ทำนา เอาข้าวไว้กินปีหน้า
บันทึกการเข้า
Jesada_w
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 25
ออฟไลน์

กระทู้: 178


อยู่หลังปืน


« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 09:33:25 AM »

อ.โซ่พิสัย บึงกาฬ ฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว ไชโยๆๆๆๆ เยี่ยม คิก คิก
โซ่ ไฟฟ้าดับบ่อยนะครับ พี่
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88163


« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 10:45:46 AM »

แต่อาบ อบ นวด ใช้น้ำเยอะจริงนะครับ เปิดทิ้งเยอะมาก
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 12:00:45 PM »

วันอาทิตย์นี้จะไปตกปลาเขื่อนภูมิพลซักหน่อย

พี่ถ่ายรูปมาให้ดูบ้างนะครับ  Smiley Smiley
ครับ Grin
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
C-bird รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 35
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 416



« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 12:40:20 PM »

แต่อาบ อบ นวด ใช้น้ำเยอะจริงนะครับ เปิดทิ้งเยอะมาก
แนวทางการประหยัดน้ำก็บอกน้องก็ไม่ต้องอาบครับ
เอาแค่อบกับนวดก็พอ  หลงรัก
บันทึกการเข้า
Hang Forever
Hero Member
*****

คะแนน 349
ออฟไลน์

กระทู้: 2215


« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 12:56:04 PM »

อ.โซ่พิสัย บึงกาฬ ฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว ไชโยๆๆๆๆ เยี่ยม คิก คิก
โซ่ ไฟฟ้าดับบ่อยนะครับ พี่
ธรรมดาบ้านนอกครับ ดีที่ในเขตเทศบาลยัง มาไว ไปไว อิอิ
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88163


« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 03:04:06 PM »

แต่อาบ อบ นวด ใช้น้ำเยอะจริงนะครับ เปิดทิ้งเยอะมาก
แนวทางการประหยัดน้ำก็บอกน้องก็ไม่ต้องอาบครับ
เอาแค่อบกับนวดก็พอ  หลงรัก

อาบธรรดาก็ประหยัดน้ำไป 10 เท่าแล้วครับ Grin Grin Grin เพราะเวลาจะต้องแช่ในอ่าง เปิดน้ำเต็มอ่างนี้ใช้กันแป๊บเดียวก็ปล่อยทิ้งแล้ว เสียน้ำเยอะมาก
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13941


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 06:32:31 PM »

มันไม่ขนาดนั้นหรอก  น้ำกินน้ำใช้มันพออยู่แล้ว  มันจะไม่พอก็เพราะไปใช้ในการเกษตร  หาวิธีจัดการเอาเองมืออาชีพเยอะแยะ
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
montri รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -120
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1056



« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 07:45:29 PM »

แต่อาบ อบ นวด ใช้น้ำเยอะจริงนะครับ เปิดทิ้งเยอะมาก
คุณคาร์ ไปบ่อยล่ะสิ แฮ่ๆ เดี๋ยวฟ้องแม่บ้าน ทีอยู่ที่บ้านละ่ประหยัดน้ำจัง
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88163


« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2015, 04:34:11 AM »

แต่อาบ อบ นวด ใช้น้ำเยอะจริงนะครับ เปิดทิ้งเยอะมาก
คุณคาร์ ไปบ่อยล่ะสิ แฮ่ๆ เดี๋ยวฟ้องแม่บ้าน ทีอยู่ที่บ้านละ่ประหยัดน้ำจัง

ฟ้องเมีย กลัวที่ไหน Grin Grin Grin เอ๊ยยย ไม่เคยไป เขาเล่าให้ฟังครับ 55555555555
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.1 วินาที กับ 22 คำสั่ง