๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 01, 2024, 03:22:36 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 6 7 8 [9]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จับตาวิกฤติอาหารทะเลไทย  (อ่าน 13415 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #120 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2015, 07:15:24 PM »

โดย ศปมผ.จะดีเดย์ตรวจเรือประมงที่แจ้งเข้า-ออกผ่านศูนย์ PIPO ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 จำนวน 15 รายการ ได้แก่

1) ทะเบียนเรือ
2) ใบอนุญาตใช้เรือ
3) ใบประกาศนายเรือ
4) ใบประกาศช่างเครื่อง
5) ใบอนุญาตใช้เครื่องวิทยุ
6) ใบประกาศนียบัตรใช้วิทยุทั่วไป
7) ใบอาชญาบัตร
8  Logbook
9 บัตรประชาชนไต๋
10 บัตรประชาชนนายท้ายเรือ
11) บัตรประชาชนช่างเครื่อง
12) ทะเบียนลูกจ้าง
13) บัตรสีชมพู
14) สัญญาจ้าง
15) อุปกรณ์ความปลอดภัย และต้องมีการติดตั้งเครื่องมือติดตามเรือ (VMS)


ซ่อนเงื่อนเรือประมงผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม หากดู "เนื้อแท้" ของข้อเรียกร้อง 10 สมาคมประมงข้างต้นจะพบความจริงที่ว่า มากกว่าครึ่งของสมาคมเหล่านั้นเป็นกลุ่มเรือประมงที่ใช้เครื่องมือในการทำประมงผิดกฎหมาย หรือเครื่องมือประมงที่มีการทำลายล้างทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง (เรือประมงอวนรุน-เรือประมงอวนลาก-เรือประมงอวนลากคู่-เรือประมงอวนครอบปลากะตัก) กลุ่มเรือที่ไม่มีอาชญาบัตร หรือเรือที่มีเครื่องมือประมงไม่ตรงกับอาชญาบัตร (สวมอาชญาบัตร-สวมทะเบียน) ที่ล่าสุดทางศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. ทั้ง 3 เขต ได้ทำการสำรวจสำมะโนประชากรเรือประมง ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2558 ปรากฏมีเรือประมงที่ใช้เครื่องมือจับปลาผิดกฎหมาย (ขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป) อยู่ที่ 2,781 ลำ (ใกล้เคียงกับการประเมินของสมาคมที่ขอผ่อนผัน)

จากจำนวนเรือประมงที่ขึ้นทะเบียนกับกรมเจ้าท่าทั้งประเทศ 42,051 ลำ ซึ่งทาง ศรชล.สำรวจพบ 37,013 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเรือที่มีทะเบียนไม่หมดอายุ 24,389 ลำ ไม่มีทะเบียน 12,624 ลำ และไม่รู้ว่าหายไปไหนหรือสำรวจไม่พบอีก 17,662 ลำ

แต่เป็น 2,781 ลำที่มี "Power" อยู่ในสมาคมประมงท้องถิ่นและสมาคมประมงระดับชาติ ยังไม่นับเรือประมงที่ออกไปจับปลานอกน่านน้ำที่พลอยเข้ามาผสมโรงขอผ่อนผันการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก อย่างที่รู้ ๆ กันว่า เรือเหล่านี้ออกไปทำการประมงนอกน่านน้ำไทยในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไม่ยอมชักธงไทย หรือมีการสวมทะเบียนเรือกันจนมั่วไปหมด และที่สำคัญยังเป็นต้นตอของปัญหาการค้ามนุษย์ในการใช้แรงงานประมงด้วย

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1436241402
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2015, 07:26:33 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #121 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 01:42:07 PM »

โดย...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
       
       หากประเทศไทยไม่ถูกสหภาพยุโรป (EU) ให้ใบเหลืองอย่างเป็นทางการเมื่อ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนทั่วไปก็คงยังไม่มีโอกาสได้รู้ว่า ที่ผ่านๆ มาในน่านน้ำไทยมีเรือประมงพาณิชย์ผิดกฎหมายออกทำการประมงอยู่กว่า 1 หมื่นลำ และเกือบจะทั้งหมดเป็นเรืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟ ซึ่งกรมเจ้าท่าสำรวจพบว่าเป็นเรือที่ไม่มีทะเบียนถึง 16,900 ลำ ส่วนเรือที่ตรงตามทะเบียนจริงมี 28,000 ลำ จากจำนวนเรือที่ขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 42,051 ลำ
       
       เรือประมงพาณิชย์ผิดกฎหมายกว่า 16,900 ลำดังกล่าวคือ ประจักษ์พยานของ “ความล้มเหลว” ในนโยบายการแก้ปัญหาเรือประมงผิดกฎหมายของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย เป็นปัญหาเรื้อรังมาไม่ต่ำกว่า 40 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2503 ที่เริ่มนำเครื่องมืออวนลากที่จับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นมาใช้ทำประมง
       
       ทว่า จากการศึกษาวิจัยในปี 2513 พบว่า การทำประมงด้วยอวนลากส่งผลให้มีการจับสัตว์น้ำหน้าดินจนเกินศักยภาพการผลิตของทะเล โดยในปี 2525 ผลผลิตของประมงอวนลากอยู่ที่ 990,000 ตัน เกินกว่ากำลังการผลิตของทะเลกว่า 30% เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรทะเลเกิดความเสื่อมโทรมอย่างมหาศาล
       
       สะมะแอ เจ๊ะมูดอ ประธานสมาพันธ์สมาคมชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ชาวประมงพื้นบ้านทั้ง 23 จังหวัดของไทย ซึ่งมีสัดส่วนถึง 85% ของชาวประมงในประเทศ ต้องได้รับความเดือดร้อนจากเรือประมงพาณิชย์อวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟอย่างสาหัสสากรรจ์
       
       “ปี 2515 กระทรวงเกษตรฯ ห้ามทำประมงอวนลาก และอวนรุนในเขต 3,000 เมตรจากชายฝั่ง ป้องกันความขัดแย้งต่อชุมชน และไม่ให้ทำลายทรัพยากรมากเกินไป แต่ปรากฏว่า กลุ่มทุนจำนวนมากยังคงบุกรุกเข้ามาจับปลาในเขตหวงห้าม 3,000 เมตร เรือประมงเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจของนักลงทุน พวกเขาลงทุนใช้เครื่องมือชั้นเลว เพื่อหวังกอบโกยทำร้ายทรัพยากรทะเลและชาวประมงอื่นๆ มาโดยตลอด แม้ว่าไทยจะมีนโยบายควบคุมเครื่องมือประมงเหล่านี้ไม่ให้เพิ่มขึ้น พวกเขาก็ใช้วิธีการลักลอบทำอย่างผิดกฎหมาย เมื่อถูกจับกุมมักวิ่งเต้นจ่ายค่าปรับ แล้วกลับมาทำผิดต่ออีก”
         

“หยุดประมงล้างผลาญ” แนวโน้มดีใน “รัฐบาลท็อปบูต”

         
       จากการศึกษาของ ดร.สุภาภรณ์ อนุชิราชีวะ นักวิจัยอิสระด้านการจัดการประมง พบว่า การแก้ปัญหาประมงของไทยดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง หลังพบว่าเครื่องมืออวนลากได้ส่งผลกระทบหลายด้าน โดยในปี 2523 กรมประมงประกาศไม่ออกใบอนุญาตทำประมงให้แก่เรือประมงอวนลากใหม่ เพื่อลดจำนวนในระยะยาว
       
       แต่ด้วยความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการ และกลุ่มประมงอวนลากในขณะนั้น ทำให้กรมประมงอนุญาตให้เรืออวนลากผิดกฎหมายที่ไม่มีทะเบียน ได้ไปจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็นการนิรโทษกรรมเรืออวนลากเถื่อน ซึ่งการแก้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้น 3 ครั้ง คือ ในปี 2525 ปี 2532 และปี 2539 เป็นนโยบายการแก้ปัญหาแบบไม่ฟังเสียงท้วงติงของเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านทั่วประเทศ
       
       ล่าสุด คือปี 2555 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสนอแก้ปัญหาประมงพาณิชย์ผิดกฎหมาย ด้วยการนิรโทษกรรมเรือเถื่อนเช่นกัน ซึ่งนโยบายการแก้ปัญหาลักษณะนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหา และควบคุมเรือประมงผิดกฎหมายได้จริง
       
       บรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ให้ความเห็นว่า ผลประโยชน์จากเรือประมงพาณิชย์อวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟผิดกฎหมาย ล้วนเกี่ยวโยงต่อกลุ่มข้าราชการ และนักการเมืองเกือบทุกพรรค และพบว่า สัตว์น้ำที่เรือเหล่านี้จับขึ้นจากทะเลคือ สัตว์น้ำวัยอ่อนนานาชนิด
       
       “แล้วส่งขายให้แก่โรงงานปลาป่นในเครือข่ายธุรกิจของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ระดับ ‘เจ้าสัว’ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับข้าราชการ และนักการเมืองทุกพรรคและทุกรัฐบาล” บรรจง กล่าวก่อนเสริมว่า
       
       สัตว์น้ำวัยอ่อนจำนวนมหาศาลถูกจับไปส่งโรงงานปลาป่น เพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์สำหรับเลี้ยงหมู ไก่ กุ้ง และปลาในฟาร์มเพาะเลี้ยงของบริษัทยักษ์ใหญ่ แหล่งอาหารโปรตีนของคนไทยจึงถูกแย่งชิงไปใช้ทำอาหารเลี้ยงสัตว์ กระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของคนทั้งประเทศ ขณะเดียวกัน ธุรกิจเรือประมงอวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟ ยังก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งการค้ามนุษย์ แรงงานทาส แรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนกล้าจัดการเพราะผลประโยชน์มันมหาศาล
       
       แต่หลังจากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ประกาศบังคับใช้กฎระเบียบการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ที่ไม่มีการรายงาน และที่ไม่มีกฎข้อบังคับ หรือ IUU (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) อย่างเป็นทางการเมื่อ 29 ก.ย.2551 และกฎข้อบังคับนี้เริ่มมีผลต่อไทยในวันที่ 1 ม.ค.2553 การแก้ปัญหาเรือประมงพาณิชย์ผิดกฎหมายของไทยก็ได้ถูกจับตามองอย่างลับๆ จากคณะทำงานที่คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปแต่งตั้งให้ติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
       
       แล้วก็พบว่า การแก้ปัญหาเรือประมงพาณิชย์ผิดกฎหมายของไทยไม่มีอะไรพัฒนาไปในทางที่ดีเลย จนนำมาสู่การให้ “ใบเหลือง” แก่ไทย
         

“หยุดประมงล้างผลาญ” แนวโน้มดีใน “รัฐบาลท็อปบูต”

         
       นับจากวันที่ได้รับใบเหลืองจาก EU รัฐบาลไทยมีเวลา 6 เดือนเพื่อแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยได้ออกมาตรการต่างๆ ประกอบด้วย 1.การปรับปรุง พ.ร.บ.การประมงและกฎหมายลำดับรอง 2.การจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมง IUU 3.การเร่งจดทะเบียนเรือประมงและออกใบอนุญาตทำการประมง 4.การพัฒนาระบบควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง โดยเฉพาะการควบคุมการเข้า-ออกท่าของเรือประมง 5.การจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือ และ 6.การปรับปรุงระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ให้ผู้ประกอบการเรือประมงพาณิชย์ดำเนินการภายใน 60 วัน มีผลเมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
       
       ส่งผลทำให้เรือประมงพาณิชย์ผิดกฎหมายกว่า 1 หมื่นลำ พากันมาจอดเทียบท่าไม่กล้าออกทะเล
       
       มาตรการแก้ปัญหาครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มผู้ประกอบการที่มีเรือประมงผิดกฎหมายอยู่ในครอบครอง รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการทำประมงล้วนได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน นักการเมืองบางคนจึงต้องออกโรงนำเสนอทางแก้แบบเดิมๆ คือ ให้นิรโทษกรรมเรือเถื่อนเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านๆ มา
       
       ขณะที่เครือข่ายประมงพื้นบ้าน และภาคประชาสังคม ประกอบด้วย สมาพันธ์สมาคมชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย สมาคมรักษ์ทะเลไทย มูลนิธิสายใยแผ่นดิน องค์การอ็อกแฟมประเทศไทย และกรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการนิรโทษกรรมเรือเถื่อน พร้อมเสนอให้รัฐบาลประกาศยกเลิกการใช้อวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟ ยุติการทำลายล้าง แล้วหันมาฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ภาคประชาชนเสนอแนะต่อรัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัย แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากภาครัฐแต่อย่างใด
       
       ล่าสุด 9 ก.ค.กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมประมงได้ส่งหนังสือตอบรับข้อเรียกร้องของเครือข่ายประมงพื้นบ้านและภาคประชาสังคมต่อกรณีใบเหลืองประมงจากสหภาพยุโรป โดยกรมประมงได้จัดทำร่างนโยบายการบริหารจัดการประมงทะเลไทยที่มีแผนระดับชาติในการป้องกันและยับยั้ง IUU fishing และมีการเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งสมาคมประมง ผู้ประกอบการ และประมงพื้นบ้านเข้าร่วมให้ข้อมูล และข้อคิดเห็นต่อการจัดการในเรื่องนี้ โดยระบุว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมเครื่องมือประมงทำลายล้าง 3 ชนิดคือ อวนลาก อวนรุน และเครื่องมือจับปลากระตักประกอบแสงไฟล่อในเวลากลางคืน
       
       กรีนพีซ ระบุว่า การยืนยันจากกรมประมงนี้ถือเป็นจังหวะก้าวสำคัญในการฟื้นฟูทะเลไทย จากวิกฤตการทำประมงเกินศักยภาพที่ดำเนินสืบเนื่องมาหลายทศวรรษ และการยกเลิกเครื่องมือประมงทำลายล้างเหล่านี้ยังจะส่งผลให้พันธุ์สัตว์น้ำในทะเลไทยมีโอกาสเติบโต และขยายพันธุ์ และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ผู้บริโภค และสังคมไทยในระยะยาว
       
       ส่วนนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย มองว่า การที่กรมประมงได้นำข้อคิดเห็นเหล่านี้มาปรับปรุงในร่างนโยบายการจัดการดังกล่าว โดยเนื้อหาสำคัญคือ ไม่มีการนิรโทษกรรมเครื่องมือทำลายล้างทั้ง 3 ชนิด เป็นเรื่องที่น่ายินดี ซึ่งเป็นผลมาจากการผลักดัน และรณรงค์ร่วมกันของประชาชน และเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ต่อสู้เรียกร้องประเด็นนี้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมมาอย่างยาวนาน โดยความสำเร็จจากการรณรงค์ร่วมกันในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อการฟื้นฟูทะเลไทย ซึ่งเป็นทรัพยากรร่วมกันของชาติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง

       
       “การตอบรับ และตัดสินใจเรื่องไม่นิรโทษกรรมเครื่องมือประมงผิดกฎหมายทั้ง 3 ชนิด เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ภาครัฐมีความใส่ใจนำข้อคิดเห็นจากประชาชนมาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการแก้ปัญหา และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลระดับชาติ และในอนาคตหวังว่าจะเกิดการจัดการแก้ปัญหาอย่างมีส่วนร่วมเช่นนี้ต่อไป”
       
       ปรากฏการณ์นี้ทำให้หลายคนมองเห็นว่า การแก้ปัญหาเรือประมงผิดกฎหมายของไทยที่เรื้อรังมานานกว่า 40 ปี เริ่มมีเค้าลางของความสำเร็จปรากฏให้เห็นบ้างแล้วในวันนี้

http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078354
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #122 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 03:31:11 PM »

เดี๋ยวปลาจากฟาร์มก็ขึ้นราคาตาม
บันทึกการเข้า
yutthakarn
Hero Member
*****

คะแนน 554
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2354


สิ่งที่คนต้องการ คือ โอกาส


« ตอบ #123 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2015, 03:47:25 PM »

ประเทศเราปล่อยปละละเลยให้มีการทำการประมงโดยไม่ถูกต้องและสร้่างความเสียหายให้กับสภาวะการเจริญเติบโตของสัตว์ทะเลมาเป็นเวลานานมากแล้วครับ สมควรที่รัฐจะต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด
บันทึกการเข้า
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12333


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #124 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2015, 07:20:32 PM »

 เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15861
ออฟไลน์

กระทู้: 13585


No justice No peace


« ตอบ #125 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2015, 07:35:45 PM »



ประเทศเราปล่อยปละละเลย   ให้มีการทำการประมงโดยไม่ถูกต้อง

และสร้่างความเสียหายให้กับสภาวะการเจริญเติบโตของสัตว์ทะเลมาเป็นเวลานานมากแล้วครับ

สมควรที่รัฐจะต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด



555555   จริงอย่างที่ ท่านอัยการ ยุทธการ กล่าวคร๊าบ 555555

พวกเรือ  " ผิดกฎหมาย "  ที่ทำประมงแบบ  ล้างผลาญ  ทรัพยากรส่วนรวม 555

ช่วงนึง ยายเคยไปทำงานที่  " เกาะช้าง ตราด " 

เรือประมง  มันตั้งหน้ากระดาน  สิบ ยี่สิบลำ ลง  " อวน รุน "  เดินหน้ากวาดสัตว์น้ำ

ปลาเล็ก ปลาน้อย  กวาดเอาหมด  เอามาทำ " ปลาป่น " ผสมอาหารสัตว์

5555 ยายด่า  ไอ้ เศรษฐีเจ้าของ  " อุตสาหกรรม  ปลายน้ำ " คร๊าบ 55555 ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #126 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2015, 06:11:13 PM »

นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยเผยคนกินปลาเตรียมเฮหลังที่ประชุม ศปมผ.มีมติให้ให้ออกประกาศยกเลิกเครื่องมือประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำ อวนรุน ไอ้โง่ อวนล้อมปลากะตักปั่นไฟและโพงพาง คาดออกประกาศเป็นกฎกระทรวงเหมือนอินโดฯ ชี้ถือเป็นชัยชนะของคนกินปลาทั่วประเทศที่ตื่นตัวจนมีแรงขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดี
       
       วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ได้โพสต์ภาพในเฟชบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพหน้าของการประชุมเกี่ยวกับการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายในที่ประชุมของศูนย์บัญชาการการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) โดยในภาพระบุข้อความว่า “มติที่ประชุม ศปมผ.ครั้งที่ 11/2558”
       
       “2.ให้ สน.กม.ศปมผ.ออกประกาศยกเลิกเครื่องมือการทำประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำ ได้แก่อวนรุน (ยกเว้นอวนรุนเคย) ไอ้โง่ อวนล้อมปลากะตักปั่นไฟและโพงพาง”
       
       “3.ให้ กปม.กำหนดจำนวนและขนาดเครื่องมือการทำประมงที่จะใช้กับเรือประมงแต่ละประเภท โดยรายงานให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป”


http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000080681


บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
หน้า: 1 ... 6 7 8 [9]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.089 วินาที กับ 21 คำสั่ง