๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 11:16:22 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เส้นทางฮีโร่โอลิมปิควันนี้ พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์  (อ่าน 2384 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 01:11:27 PM »

http://www.thairath.co.th/content/500535

 Grin

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 01:15:13 PM »

หลังจากทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักมวยที่มีดีกรีแชมป์โลก ที่มีเรื่องราวดังในนิยาม เจอเรื่องดีร้ายผสมปะปนกัน อย่าง "นภา เกียรติวันชัย" และ "ศิริมงคล สิงมนัสศักดิ์" ไปแล้ว ในตอนนี้ถึงคิวของ "วิจารณ์ พลฤทธิ์" ฮีโร่เหรียญทอง โอลิมปิกซิดนีย์เกม ค.ศ. 2000 และ สมิงขาว นักพากย์มวยไทยชื่อดัง ที่จะมาให้บทสรุปของชีวิตนักสู้ที่เปรียบเสมือน "หมาไล่เนื้อ"

15 ปีผ่านไป....วันนี้ชีวิตแฮปปี้

พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ สว.อก. สภ.เมืองอุรดิตถ์ ในวัย 39 ปี ได้เล่าเรื่องราวชีวิต ณ ปัจจุบันให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ฟังว่า ตอนนี้มีความสุขดี รับราชการตำรวจ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ มีเวลาว่างทำสวนส้ม มีเวลาว่างก็จะไปเตะบอลกับเพื่อน และคอยดูแลลูก ซึ่งตอนนี้มีลูกสาว 1 ขวบ ชื่อน้องชาม ส่วนเรื่องงานกีฬา 1 ปี ก็จะมีงานกีฬากองทัพไทย ก็เข้าไปโคชมวยสากลสมัครเล่น ทีมสโมสรตำรวจ

"ผมก็เหมือนกับคนอื่นๆ โดยเริ่มต้นด้วยการชกมวยไทย เพราะมีปัญหาเรื่องฐานะทางบ้าน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เหรียญรางวัลที่ยิ่งใหญ่อะไร ยังไม่เคยคิดว่าตัวเองจะติดทีมชาติด้วยซ้ำ พอดีได้มาพบกับผู้การเสวก (พล.ต.ต.ดร.เสวก ปิ่นสินชัย) ซึ่งได้ติดทีมในฐานะตำรวจโควตานักกีฬามวยสากลสมัครเล่น และได้โอกาสแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย แต่ก็ตกรอบ และไม่เคยคิดว่าจะติดทีมชาติ แต่ก็ได้ติดทีมชาติ เมื่อได้โอกาสก็เข้าไปซ้อม ในใจลึกๆ ก็หวังจะประสบความสำเร็จ

มวยสำรอง แต่กลับคว้าเหรียญทองโอลิมปิก และเงินกว่า 20 ล้าน!!!

นักสู้ตัวเล็กที่ก้าวเดินถึงฝั่งฝันเล่าเรื่องราวต่อว่า...ติดทีมมวยในฐานะทีม C ซึ่งทีม A กับทีม B เขาไปต่อยมวยชิงแชมป์โลก เราก็ถูกส่งตัวไปแข่งซีเกมส์ ที่บรูไน เราเองก็ไปชกและได้เหรียญทองมา จากนั้น ไม่นานก็มีการคัดเลือกไปโอลิมปิกอีก เราเองก็ถูกวางตัวขึ้นชกและไม่ได้เป็นตัวความหวังแต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในตอนนั้นทำให้มีวันนี้...

"หลังจากชกชนะ ตอนนั้นดีใจมาก กลับมาเมืองไทยประชาชนจำนวนมากมาให้การต้อนรับ โดยได้เงินอัดฉีดมากมาย รวมๆ แล้ว 20 กว่าล้านบาท เมื่อได้เงินมา ก็ได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ในสมาคมมวย โดยเฉพาะ นายสำเภา ชูศรี นายกสมาคมมวยตอนนั้น แนะนำเงินไปฝากประจำเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถอนเงินใน 7 ปี ซึ่งเราได้แบ่งเงินส่วนหนึ่งไป ซื้อบ้าน ใช้จ่าย ภรรยาก็ช่วยดูแล"



เปิดใจทำไมแขวนนวมทันที

นอกจาก พ.ต.ท.วิจารณ์ ยังได้เล่าเหตุผลลึกๆ ที่ตัดสินใจแขวนนวม หลังจากได้เหรียญทองไม่นานให้ฟัง.....ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวมาโดยตลอด แม้จะเป็นคนตัวเล็ก แต่น้ำหนักเยอะ พอได้เหรียญรางวัลแล้วก็ไม่ค่อยได้ซ้อม แต่เมื่อพอกลับมาลองซ้อมน้ำหนักที่ขึ้นมันก็ไม่ลดลง การเคลื่อนตัวช้าลง ด้วยที่เราไม่ชกมาสักระยะ ในช่วงนั้นพี่สมจิตร จงจอหอ (เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก ปี 2008) ซึ่งชกในรุ่นเดียวกัน พี่เขาติดทีมชาติก่อนเรา แล้วเขาก็เริ่มฟอร์มดีขึ้นมาเรื่อยๆ อีกทั้งความตั้งใจเราไม่เหมือนเดิม เคยขึ้นถึงที่สุดในชีวิตแล้ว ก็เลยอาจจะไม่มีไฟที่จะต่อสู้ เมื่อมาเห็น พี่สมจิตรมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ พร้อมกว่า ก็เลยตัดสินใจแขวนนวม พี่เขาได้เหรียญทองหลังจากของผม 8 ปี (เจ็บมาเยอะ..สมจิตรเคยพูดไว้หลังจากได้เหรียญทอง) ก็ถือว่าตัดสินใจถูกต้องแล้วที่แขวนนวม เพราะพี่เขาพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจมากกว่าเรา
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 01:16:37 PM »

ไม่รู้จัก....แต่มาขอเงิน

"ชีวิตผมไม่หวือหวา ไม่ค่อยสังสรรค์กับใคร ตัวติดทีมชาติไม่นาน ก็ได้เหรียญทอง แต่ก็จู่ ๆ ก็มีคนเดินทางมาขอเงิน ไปดาวน์รถ ส่งลูกเรียน เราก็ปฏิเสธ เราเป็นนักมวยรู้อยู่แล้วว่าเจ็บปวดและลำบากขนาดไหน กว่าจะได้เงินมา หากได้มาแล้วควรจะเห็นคุณค่าของเงิน แต่ก็เข้าใจชีวิตของนักมวย เพราะบางคนไม่มีงานอื่น นอกจากมวย เวลาว่างเยอะ บางคนก็เที่ยวบ้าง เล่นบ้าง แตกต่างจากผม ที่ผมรับราชการ มีงานประจำอยู่ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็อยากเตือนน้องๆ ว่าไม่ควรใช้ชีวิตประมาท พอมีชื่อเสียงเข้ามาก็ต้องรับมือให้ดี" วิจารณ์ กล่าวและว่า

เราบอกตัวเองตลอดว่า เราควรหางานทำ ไม่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เราเองเข้ามาชกมวยเพราะฐานะทางบ้านไม่ดี แต่เมื่อสำเร็จแล้วก็ต้องระมัดระวัง เคยได้ยินบางคนเคยพูด "กูมาจากตรงนั้น กูไม่กลัวที่จะกลับไปตรงนั้น" ซึ่งผมเองคิดว่าทำถูกแล้ว ที่ใช้ชีวิตปกติไม่หวือหวา เลยทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ในระดับหนึ่ง เพราะเราไม่ได้มาจากครอบครัวที่ไม่ได้รวย มาแข่งกีฬาชกมวย เพื่อหวังจะหาเงินเรียน สร้างอาชีพ รับราชการ ชีวิตมีความสุข


ต้อนรับฮีโร่โอลิมปิก
ขณะที่ นายดำรง ต่ายทอง นักพากย์มวยไทยชื่อดังที่คนรู้จักในนาม "สมิงขาว" เล่าเรื่องนักสู้ในสังเวียนให้ฟังว่า นักมวยที่ลำบาก มีมากถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ หลายคนชอบพูดถากถางลอยว่า "ทำไมตอนมีเงินไม่เก็บ" แต่บางครั้งรายได้ของนักมวยก็ไม่ได้เยอะอย่างที่โปรโมต เพราะถูกหักเงินไป แม้บางรายจะได้เต็มๆ แต่ก็กลับเอามาใช้จ่าย สำมะเลเทเมา ไปมีกิ๊ก แจกผู้หญิง ซึ่งสาเหตุเพราะนักมวยจะเจอสิ่งล่อใจเยอะ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง เนื่องจากนักมวย ก็เป็นหนุ่ม แข็งแรง บางคนหน้าตาดี พอเป็นนักมวยดัง ๆ ก็ยิ่งมีคนเข้ามาเยอะ พอเริ่มอยู่กับแฟน กำลังก็จะเริ่มถดถอยลงไป

"ชีวิตนักมวยก็เหมือน "หมาไล่เนื้อ" ตอนที่มีชื่อเสียง ยังมีแรงต่อยมวยได้ ทุกคนก็ยอมรับ แต่พอเขี้ยวหัก เขี้ยวกร่อนไปแล้ว การดูแลก็หายาก บางคนเป็นแชมป์มวยไทย ของเวทีนั้นๆ พอมีรายการดังๆ แค่อยากจะมาดูสักครั้ง คนไม่รู้จักหน้าก็เข้าดูยังไม่ได้เลย จะให้ไปทำเรื่องขอเข้าดู นักมวยบางคนไม่ได้อยู่ กทม. ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำเรื่องยังไง แต่ถ้าเข้าถึงสนามแล้ว ควรจะให้เขาดู เพื่อระลึกถึงความหลังที่เคยเป็นแชมป์"


สมิงขาว นักพากษ์มวยอันดับต้นๆ ของไทย
เห็นชีวิตนักมวยมาเยอะ แต่ละคนมีชีวิตเศร้าๆ ทั้งนั้น เห็นแล้วก็ยิ่งเศร้าใจ ส่วนเรื่องการเตือน เราไม่กล้าที่จะเตือน เพราะถือว่าเป็นเรื่องของเขา ที่เห็นๆ เลยคือ "รัตนพล ส.วรพิน" ที่ชีวิตลำบากมาก ต้องปากกัดตีนถีบตลอด ตอนนั้นเขาเป็นถึงแชมป์โลก เราไม่อยากเห็นภาพแบบนี้

นักมวยถูกไล่ลง บางครั้งก็ไม่ได้ "ล้มมวย"

ยอดนักพากย์มวยชื่อก้องของไทย ยังกล่าวถึงการล้มมวย หรือ การถูกกรรมไล่ลงเวที ไว้อย่างน่าสนใจว่า...คนที่ถูกจับล้มมวย หรือ กรรมการไล่ลงจากเวที บางทีเขาก็ไม่ได้ล้มมวย เราเองไม่รู้ว่าก่อนขึ้นชกเขาสภาพเป็นอย่างไร บางคนต้องลดน้ำหนัก ไม่ได้กินข้าว กินได้น้อย หรือแม้กระทั่งป่วย เรื่องแบบนี้หัวหน้าคณะนักมวยรู้ดี แต่ไม่กล้าถอนตัว เพราะเห็นใจคนจัด แต่เมื่อขึ้นเวทีแล้วชกไม่ดี ถูกคนดูโห่ไล่ กรรมการก็ไล่ลง ทั้งที่ไม่รู้ปัญหาก่อนที่เขาขึ้นชก เรื่องแบบนี้ไม่เป็นธรรมกับนักมวย นักมวยที่ถูกพิพากษาว่า "ล้มมวย" ถูกห้ามชก 5-6 เดือน ถูกประณามจากคนดูมวย ทั้งที่บางทีเขาก็ไม่ได้ล้ม เรื่องแบบนี้มีมาก ส่วนตัวคิดว่ามีมากกว่าพวกที่ล้มมวยจริงๆ อีก

เมื่อไปถามเขา เขาก็บอกว่าโดนเตะ โดนเข่าจุก คนที่พิพากษาเขา ไม่ได้ขึ้นไปโดนเอง ก็ไม่รู้รสชาติว่าเป็นยังไง ที่สำคัญคนเล่นพนันมวยเขาลงเงินกันไปแล้ว จากที่เป็นต่อกลายเป็นรอง ก็มีการโห่จากคนดู คนดูโห่หนักๆ กรรมการบางทีก็ไม่รู้เรื่องอะไร ก็ไล่ลง ก็พบเห็นมีเยอะแยะ พอไปสืบมาก็พบว่าไม่ได้ล้มมวย แต่ถูกพิพากษาไปแล้ว


สมิงขาว กับ สมรักษ์ คำสิงห์
ค่าตัวแบ่งค่าย - ค่ายดูแลนักมวย

สมิงขาว บอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ถึงค่าเหนื่อยของนักมวยว่า ขึ้นอยู่กับการตกลงในแต่ละค่ายมวย 50:50 60:40 40:60 ขึ้นอยู่กับว่าค่ายไหนเลี้ยงดูนักมวยอย่างไร เพราะบางค่ายได้ดูแลความเป็นอยู่ ทั้งกิน ทั้งส่งเรียนหนังสือ เขาก็อาจจะหักเยอะหน่อย เรื่องตรงนี้ไม่แน่นอน แม้ทางสนามมวยจะมีบทบาทที่ให้นักมวยรับเงินรางวัลเอง ก็ช่วยได้ไม่มาก เพราะนักมวยกับหัวหน้าคณะ ก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน ได้มีการดูแลกันมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากมวยไทยเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก เมื่อหัวหน้าคณะเป็นคนรับเงิน ก็ต้องแล้วแต่เขาจะแบ่งให้นักมวยเท่าไหร่ อย่าลืมว่าขณะที่นักมวยไม่ได้ขึ้นชก ไปเรียนหนังสือ การกินอยู่ หัวหน้าคณะก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมด


แอน ทองประสม ให้กำลังใจ ทัพนักชกไทย
การพนัน บ่อนทำลาย วงการมวยหรือไม่

วงการมวยคือ กีฬา กึ่ง การพนัน ปัญหาเรื่องพนัน ย่อมมีการเอารัดเอาเปรียบ สมัยก่อนมีการจ้างล้ม จับได้ไล่ทันเขาก็ลงโทษ หรือไม่คนพวกนี้ก็จะอยู่วงการมวยได้ไม่นาน เพราะสังคมไม่ยอมรับ ไปไหนคนก็ยี้ แต่ปัจจุบันถึงขั้นวางยา ใครๆ เขาก็กล่าวหาว่าวงการนี้มัน "มาเฟีย" แต่แท้ที่จริงแล้ว บางทีคู่กรณีเขามีปัญหากันอยู่แล้ว แต่พอรู้ว่ามีมวย เขาก็จะมาดักทำร้ายกัน ฆ่ากัน ก็มีให้เห็น แต่บางทีคนที่ตายก็ไม่ใช่คนวงการมวยก็มี

การพนันมีส่วนทำลายวงการมวยไทย แต่ถ้าไม่มีการพนัน โปรโมเตอร์ก็จัดมวยไม่ได้ เพราะค่าเข้าไปดูมวยก็ไม่ได้ถูก เช่น ชั้น 3 เก็บ 500 ชั้น 2 เก็บ 1,000 เซียนมวยยังซื้อตั๋วเข้าไปเลย เพราะการซื้อตั๋วเข้าไปดูข้างในมันสนุกกว่า เพราะเขามีการเล่นการพนันกัน

"การพนัน มีทั้งข้อดี และข้อเสียในตัวมันเอง ข้อเสีย คือ การพนันมันบ่อนทำลาย แต่ถ้าไม่มีการพนัน ก็จัดไม่ได้ เพราะไม่มีคนมาดู คนจัดก็เจ๊ง ทั้งที่เขาลงทุนจ้างนักมวยเป็นล้านๆ"


ปัญหานักมวยแก้ยาก หวังผู้ใหญ่ในบ้านเมืองช่วย

จากอดีตถึงปัจจุบันสิ่งที่เปลี่ยนไป คือโลก เทคโนโลยี คนเข้าถึงมากขึ้น ส่วนชีวิตนักมวย ก็มี 2 แบบ คือคนที่ต่อยกับฝรั่งหรือชาวต่างชาติ หรือ จะผันตัวไปเป็นครูสอน ทำให้ชีวิตพออยู่ได้ อีกส่วนหนึ่ง ที่เป็นนักมวยที่ต่อยมวยไทยส่วนใหญ่ก็ยังลำบากกันอยู่ อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังมวยเก่าที่เคยดังในอดีต เขามาเปิดยิม รับจ้างสอนชาวต่างชาติเยอะ แต่ถ้าจะให้เขาเลี้ยงนักมวย เพื่อที่จะนำมาขึ้นต่อยแบบนี้มีโอกาสขาดทุนเยอะ

"ปัญหากับวงการมวยมันเป็นเรื่องที่แก้ยาก ผมอยู่วงการนี้มานานยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะเรื่องบางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งที่อยากบอกก็คืออยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เกี่ยวข้องกับวงการมวยช่วยหน่อย เพราะที่ผ่านมา มวยเขาอยู่แบบครอบครัว บางทีต่อยได้ก็ถูกหักหมด"


ร่วมงานกับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ
ทิ้งท้ายเรื่องเล่าประทับใจสมิงขาว...

สมิงขาว หรือ ดำรง ต่ายทอง แรกเริ่มจากที่เป็นคนชอบมวย นักมวยขวัญใจคือ "อภิเดช ศิษย์หิรัญ" หรือ "อดุลย์ ศรีโสธร" สมัยเด็กๆ ช่วงปี 2514 ทุกวันพฤหัสฯ จะชอบฟังวิทยุพากย์มวยไทยจากคลื่น อสมท. ซึ่งจะมีนักพนันมาร่วมฟังและวางเดิมพัน

สมิงขาว เล่าให้ฟังว่า... ก่อนที่จะชก ผมจะแอบไปสืบมวยก่อน คือ ติดตามข่าวที่สนามมวยก่อนว่าใครสภาพเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้มาติดปลายนวมหาเงินมาใช้บ้าง เมื่อได้ฟังการพากย์ เราก็จดจำมา เท่าที่จำได้คนพากย์คือ วิทยา สุขดำรงค์ พอเขาพากย์เช่น "เตะขวาเร็ว ๆ" นึกภาพตาม จำลีลา แล้วนำมาใช้ในปัจจุบัน

หลังจากนั้น ชีวิตก็พลิกผัน ด้วยความโชคดีคือการได้โอกาสมาเขียนวิจารณ์มวยให้กับหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ชื่อ "บ็อกซิ่ง" ซึ่งตอนนั้นก็มีคู่แข่งอยู่คือ "เดอะริง" และ "เสือสนาม" ในแต่ละปีเขาจัดอันดับการทำนายมวย ปรากฏว่าตนสามารถทำนายผลการแข่งขันถูกได้มากที่สุด 3 ปีซ้อน ก็เลยเริ่มมีชื่อเสียงจากนั้นก็ได้มีโอกาสมาพากย์มวยจนถึงปัจจุบัน โดยพากย์ครั้งแรกเมื่อปี 2524 ถึงตอนนี้ ก็ 35 ปีมาแล้ว


**ขอบคุณภาพบางส่วน จากวิจารณ์ พลฤทธิ์ และ สมิงขาว**

 ไหว้เวปไซhttp://www.thairath.co.th/
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10361



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2015, 02:27:59 PM »

เพื่อนของเพื่อนที่เป็นครูอยู่อุตรดิตถ์ โดนสารวัตรวิจารณ์จับปืน สมัยแกประจำอยู่ สภ บ้านโคก หรือ สภ น้ำปาด(ไม่แน่ใจ) ตั้ง ว.43 แกเป็นนายตำรวจผู้ควบคุมด่าน พรรคพวกขับรถมาจากงานเลี้ยง แกจะปล่อยอยู่แล้ว ดันได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจคนขับรถ เรื่องยาวเลย ค้นแหลกแล้วก็เจอปืนอยู่ในตัว // ส่งพนักงานสอบสวนตามกระบวนการเพื่อส่งฟ้องศาล ประกันตัวออก ศาลปรับ3พัน รอลงอาญา2ปีมั้ง Grin คิก คิก
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88257


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2015, 05:31:39 AM »

ดีใจกับพ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์  ด้วยครับ Grin Grin Grin มีหน้าที่การงาน รู้จักทำตัวหลังประสบความสำเร็จ น่านับถือ

อย่างที่กล่าวกัน 70 % ของนักมวยที่ประสบความสำเร็จ เสียคน เพราะผู้หญิง เหล้า สำมะเลเทเมา แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ดี
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2015, 07:59:47 PM »

"สารวัตรคนใหม่"
อีกหนึ่งแรงบันดาลใจ พ.ต.ต.สืบศักดิ์ ผันสืบ (โจ้ หลังเท้า) อายุ 37 ปี อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย 7 เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.พหลโยธิน มีอุดมการณ์และความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก สอบติดและไต่เต้ามาจากตำรวจชั้นประทวน ล่าสุดต้นปี 2558 ได้เลื่อนยศเป็น "พันตำรวจตรี" แม้วันนี้จะไม่ได้เล่นทีมชาติ แต่ยังคงรับใช้ชาติเหมือนเดิม ใครมีเหตุด่วนเหตุร้ายในพื้นที่ สน.พหลโยธิน สารวัตรโจ้ยินดีให้บริการ

https://www.facebook.com/453355231429399/photos/a.516895345075387.1073741829.453355231429399/775188085912777/?type=1&theater
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88257


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2015, 04:05:56 AM »

"สารวัตรคนใหม่"
อีกหนึ่งแรงบันดาลใจ พ.ต.ต.สืบศักดิ์ ผันสืบ (โจ้ หลังเท้า) อายุ 37 ปี อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย 7 เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.พหลโยธิน มีอุดมการณ์และความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก สอบติดและไต่เต้ามาจากตำรวจชั้นประทวน ล่าสุดต้นปี 2558 ได้เลื่อนยศเป็น "พันตำรวจตรี" แม้วันนี้จะไม่ได้เล่นทีมชาติ แต่ยังคงรับใช้ชาติเหมือนเดิม ใครมีเหตุด่วนเหตุร้ายในพื้นที่ สน.พหลโยธิน สารวัตรโจ้ยินดีให้บริการ

https://www.facebook.com/453355231429399/photos/a.516895345075387.1073741829.453355231429399/775188085912777/?type=1&theater

นักกีฬาที่ดีก็มีอนาคตดีๆเยอะแยะ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.133 วินาที กับ 22 คำสั่ง