๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 02, 2024, 05:19:55 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บุคคลผู้มืดมา มืดไป บุคคลผู้มืดมา สว่างไป  (อ่าน 1405 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6923


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2015, 11:31:29 AM »



บุคคลผู้มืดมา มืดไป

ธรรมะวันหยุด
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com


บุคคลที่เกิดมาในโลกนี้ มีความเป็นอยู่ที่ไม่เสมอเหมือนกัน อันเนื่องมาจากผลของกรรม คือ การกระทำทั้งบุญกุศล คือ คุณงามความดี ทั้งบาปอกุศล คือ ความชั่ว ที่ได้ทำไว้ในอดีต และกำลังทำอยู่ในปัจจุบันส่งผลทำให้มีฐานะยากดี มีจน การประกอบอาชีพการงาน และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน



สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแยกบุคคลที่มีความเป็นอยู่แตกต่างกันเช่นนี้ไว้ในตมสูตร จตุกกนิบาต อังคุตตรนิกาย 4 ประเภท คือ 1.บุคคลผู้มืดมา มืดไป 2.บุคคลผู้มืดมา สว่างไป 3.บุคคลผู้สว่างมา มืดไป 4.บุคคลผู้สว่างมา สว่างไป



ประเภทที่ 1 บุคคลผู้มืดมา มืดไป หมายถึง บุคคลผู้เกิดในตระกูลต่ำ คือ เป็นตระกูลที่จนยาก ปราศจากทรัพย์สมบัติเงินทอง เป็นผู้ขาดแคลนด้วยสิ่งของทุกอย่าง มีความเป็นอยู่ที่ฝืดเคืองขัดสน จะจับจ่ายใช้สอยต้องลำบาก เป็นเพราะในอดีตชาติที่ผ่านมา ไม่ได้ประกอบในทางแห่งกุศลกรรม คุณงามความดี อันเป็นทางที่จะนำให้ไปเกิดในภูมิภพที่ดี คือเป็นมนุษย์ หรือประกอบกุศลผลบุญความดีมาเหมือนกัน แต่ทำน้อย ผลบุญนั้นจึงส่งให้มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ แต่กลับหมดอำนาจลง ส่งผลให้เป็นคนขัดสนจนยาก ต้องลำบากทำงานเลี้ยงชีวิต



บุคคลผู้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ขัดสนจนยากดังว่ามานี้แล้ว ไม่ขยันทำงาน ไม่หมั่นประกอบบุญกุศลคุณงามความดี กลับประพฤติทุจริต คือ ทำกรรมชั่ว อันจะเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์



ทำความชั่วทางกาย เช่น ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น ประพฤติผิดในกาม



ทำความชั่วทางวาจา เช่น พูดโกหกโป้ปดมดเท็จ พูดส่อเสียดให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ พูดจาหยาบคาย พูดคำพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีประโยชน์ หาสาระไม่ได้



และทำความชั่วทางใจ เช่น มีความโลภอยากได้ของผู้อื่น คิดพยาบาทเบียดเบียนผู้อื่น มีความเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม คือ เห็นว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำบุญแล้วไม่ส่งผล เป็นต้น



บุคคลผู้ประพฤติเช่นที่กล่าวมานี้ เมื่อตายแล้วย่อมเข้าถึงอบายภูมิ 4 อันได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน



จะได้ยกเรื่องของบุคคลผู้ที่มืดมา และกลับมืดไป เป็นอุทาหรณ์ มีโจรอยู่คนหนึ่ง มักจะประกอบกรรมชั่ว คือลักขโมยทรัพย์สินผู้อื่น ตัดช่องย่องเบาในเวลากลางคืออยู่เป็นประจำ วันหนึ่งเมื่อเสร็จกิจของตนแล้ว จึงได้นอนพักที่ศาลาใกล้ประตูเมือง ท่านสุมังคลเศรษฐีผู้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทุกวันเห็นเข้าจึงกล่าวว่า เจ้าคนนี้ คงจักเป็นคนเที่ยวเตร่ในตอนกลางคืน จึงมานอนอยู่ที่นี้



ฝ่ายโจรได้ยินเข้าจึงมองดูเห็นเศรษฐีแล้วผูกอาฆาตพยาบาทอยู่ในใจ วันหลังเมื่อได้โอกาสจึงเผานาของสุมังคลเศรษฐี 7 ครั้ง ตัดเท้าโคในคอก 7 ครั้ง เผาเรือน 7 ครั้ง และครั้งสุดท้าย ได้เผาพระคันธกุฏิที่เศรษฐีสร้างถวายพระพุทธเจ้า การกระทำดังกล่าวมาไม่ได้ทำให้เศรษฐีโกรธตอบเลย ทำให้โจรเดือดร้อนใจ จึงคิดที่จะฆ่าเศรษฐีให้ได้ แต่ไม่ได้โอกาส โจรนั้นเมื่อตายไป ไปเกิดในอเวจีมหานรก เสวยกรรมชั่วของตนเป็นเวลายาวนาน และได้มาเกิดเป็นเปรตถูกไฟไหม้อยู่มาจนกระทั่งบัดนี้



ดังนั้น บุคคลผู้ที่เกิดในตระกูลที่ต่ำ ซ้ำประพฤติทุจริตเป็นอาจิณ จึงส่งผลให้ได้รับทุกข์โทษ เปรียบได้กับบุคคลผู้ออกจากที่มืด ไปสู่ที่มืด


คัดลอกจาก http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOVE14TURFMU9BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE5TMHdNUzB6TVE9PQ==





บุคคลผู้มืดมา สว่างไป

ธรรมะวันหยุด
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร /www.watdevaraj.com



ประเภทที่ 2 คือ บุคคลผู้มืดมา สว่างไป หมายถึง บุคคลผู้เกิดในตระกูลต่ำ เป็นตระกูลที่จนยาก ปราศจากทรัพย์สมบัติเงินทอง มีความเป็นอยู่ฝืดเคือง เป็นเพราะในอดีตชาติที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ประ กอบในทางแห่งกุศลกรรม คุณงามความดี อันเป็นทางที่จะนำให้ไปเกิดในภูมิภพที่ดี คือ เป็นมนุษย์ หรือประกอบกุศลผลบุญความดีมาเหมือนกัน แต่ทำน้อย ผลบุญนั้นจึงส่งให้มาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วกลับหมดอำนาจลง ส่งผลให้เป็นคนขัดสนจนยาก ต้องลำบากในการดำรงชีวิต

ผู้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ขัดสนจนยากดังว่ามานี้แล้ว ไม่มีความน้อยเนื้อต่ำใจ ในวาสนาของตนเอง แต่เป็นผู้รู้ตน มีความขยัน หมั่นประกอบอาชีพการงาน และยังประกอบคุณงามความดี ด้วยคิดว่า ที่ตนเองเกิดมายากจนนั้น เป็นเพราะไม่ได้ทำบุญให้ทานมาแต่ก่อน ในชาตินี้เมื่อมีโอกาสจึงทำบุญให้ทาน ประพฤติสุจริต คือ ประกอบแต่กรรมดี อันเป็นทางนำไปสู่ทางที่ดี มีความสุข

ทำความดีทางกาย เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ประพฤติผิดในกาม

ทำความดีทางวาจา เช่น ไม่พูดโกหกหลอกลวงผู้อื่น ไม่พูด ส่อเสียดให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่พูดคำพูดเพ้อเจ้อ ที่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีสาระ

ทำความดีทางใจ เช่น ไม่มีความโลภอยากได้ของผู้อื่น ไม่คิดพยาบาทเบียดเบียนผู้อื่น มีความเห็นชอบ คือ ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำบุญแล้วให้ผลที่ดี

ผู้ประพฤติดังนี้ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ มีแต่ความสุขความเจริญ

มีเรื่องของบุคคลผู้ที่มืดมา และกลับสว่างไป เป็นอุทาหรณ์ คนรับใช้คนหนึ่งของจูฬกเศรษฐี เป็นคนยากจน ทำงานตามที่ท่านเศรษฐีประสงค์จะใช้ ด้วยความขยัน วันหนึ่งคิดว่า ถ้าเราทำงานรับจ้าง ผู้อื่นอยู่อย่างนี้ คงจะไม่มีทรัพย์สินเงินทองเก็บไว้ใช้ในยามเดือดร้อนเป็นแน่ จึงไปปรึกษากับเศรษฐี

พอท่านเศรษฐีเห็นดีด้วยแล้วจึงคิดที่จะทำการค้าขาย พอดีเห็นคนรับใช้คนอื่น นำหนูตายตัวหนึ่งไปทิ้ง จึงขอไว้แล้วคิดว่า จะทำอะไรดี จึงนำไปขายให้กับคนเลี้ยงแมว ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง นำเงินนั้นไปซื้อดอกไม้มาขายต่อไป นำผลกำไรที่ได้จากการขายดอกไม้ ไปซื้อไม้กับคนทำสวนที่เขาไม่ต้องการ นำไม้ที่ได้ ไปขายให้กับช่างปั้นหม้อ เพื่อไว้ใช้เผาภาชนะดิน นำผลกำไรที่ได้เพิ่มขึ้นอีก ไปซื้อหญ้าแล้วนำไปขายให้กับคนเลี้ยงม้า ได้เงินมาเป็นจำนวนมากแล้วนำไปเก็บรักษาไว้อย่างดี

ต่อมาได้ลงทุนทำการค้าขายทางเรือกับพวกพ่อค้าต่างเมือง ได้เงินทองมากขึ้นตามลำดับ

ต่อมาระลึกถึงจูฬกเศรษฐีผู้ที่เคยมีบุญคุณอุปการะแก่ตนมาก่อน ด้วยความกตัญญูกตเวที จึงนำเงินทองครึ่งหนึ่งจากที่ตนหามาได้ มามอบให้แก่ท่านเศรษฐี


ท่านเศรษฐีเห็นทรัพย์แล้วจึงคิดว่า คนที่ฉลาด ขยันหมั่นหาทรัพย์เช่นคนคนนี้ ไม่สมควรที่จะเป็นคนรับใช้ของเรา เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว จึงมอบเงินคืนให้และได้ยกธิดาคนหนึ่งของตนให้ พร้อมกับมอบเงินทองให้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งต่อมาเมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว เขาได้รับตำแหน่งเศรษฐี ทำความดี บำเพ็ญกุศลต่อไปจนตลอดชีวิต

ดังนั้น บุคคลผู้ที่เกิดในตระกูลที่ต่ำ แต่กลับทำความดี ประพฤติสุจริตเป็นประจำ จึงนำให้ไปเกิดในสุคติภพ เปรียบได้กับบุคคล ผู้ออกจากที่มืด ไปสู่ที่สว่าง




คัดลอกจาก http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOREF4TURJMU9BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE5TMHdNaTB3TVE9PQ==




บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
Jedth
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 858
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4607



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2015, 06:36:58 PM »

+1 ครับน้าอรรถ  ไหว้
บันทึกการเข้า

Pragmatism
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88266


« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2015, 08:57:08 PM »

สาธุ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2015, 09:37:11 PM »

        ขอบคุณ
สำหรับเรื่องราวดี ๆ ครับ
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6602


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2015, 07:10:42 AM »

ขอบคุณครับ
พระอริยะสงฆ์หลายองค์ท่านก็เคยมีประวัติเป็นเสือ เป็นโจรมาครับ
อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ท่านเปลี่ยนมาเป็นสว่าง ปัญญาที่มองเห็นทุกข์ หรือ บุญบารมีเก่า กันแน่ครับ
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6923


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2015, 09:50:33 AM »

Grin Grin Grin ขอบคุณครับทุกท่าน  ไหว้
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.095 วินาที กับ 22 คำสั่ง