๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 02:17:14 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 11 12 13 [14] 15 16 17 ... 41
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฆ่า2นักท่องเที่ยวอังกฤษที่เกาะเต่า..  (อ่าน 82761 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #195 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 08:20:16 PM »

บางทีการซ้อมผู้ต้องหากับการรับสารภาพ ก็มองแยกออกไปคนละทาง กันได้ 
ขอยกตัวอย่าง   ตำรวจพบเห็นหรือได้รับแจ้งว่า  บ้านหลังนี้มีการมั่วสุม  ลักลอบ เล่นการพนันและเสพยาเสพติด 
ตำรวจนำกำลังเข้าแอบซุ่มดูและเข้าตรวจค้น   พบคนประมาณ ๒๐ คน กำลังมั่วสุมเล่นไพ่ ไฮโล  และมีเสพยาบ้ากัน 
ปรากฎว่า ๑๙ คน วิ่งกระโดดหลบหนีตำรวจไปได้   พบแต่นายแดง คนเดียวซึ่งเป็นเจ้ามือเขย่าถ้วยไฮโลอยู่หนีไม่ทัน  พบอุปกรณ์การพนันและอุปกรณ์การเสพยาบ้าวางเกลื่อนกลาด
จึงนำตัวนายแดงมาโรงพัก ตรวจฉี่พบว่าเจอสารยาบ้าอยู่ในฉี่ด้วย

ตำรวจจึงสอบถามและแจ้งข้อหานายแดงว่า เป็นเจ้ามือและเล่นไฮโล  กับข้อหาเสพยาบ้า   นายแดงดันปฏิเสธ  ทั้งๆที่ตำรวจเข้าไปเห็นคาหนังคาตาว่าเป็นเจ้าเขย่าไฮโล และยังตรวจฉี่พบสารยาบ้าในฉี่จริง 
ด้วยความหมั่นไส้ถามกี่ทีกี่ทีก็ไม่รับ ปฏิเสธ ตำรวจเลยบ้องหู และตุ๊บตั๊บไปหลายที 
นายแดงผู้ต้องหาจึงยอมรับสารภาพไป  ตำรวจบันทึกคำรับสารภาพนั้นไว้

จะเห็นว่า นายแดง ผู้ต้องหาผิดก็ผิดจริงๆ ทั้งเล่นไฮโล ทั้งเสพ   
แต่นายแดงผู้ต้องหาก็โดนทำร้ายร่างกายจริงๆ  เพราะตำรวจหมั่นไส้ว่าผิดเห็นๆยังจะเถียงไม่รับเป็นปฏิเสธอีก
ดังนั้น ผิดก็คือผิด  /  ซ้อมทำร้ายก็คือทำร้าย แยกคนละส่วนให้ออกจากกันได้
ไม่จำเป็นว่า  ถ้าผู้ต้องหาถูกซ้อมจริงๆแล้ว  จะไม่ใช่คนทำผิดจริง
ประเด็นนี้ผมเห็นด้วยครับหลักฐานมันมีอยู่โทนโท่ แต่ประเด็นที่เกาะเต่ามันไม่เหมือนกันนะครับเพราะในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ต้องหา ต้องทำการสืบค้นตามหลักฐานที่มีในที่เกิดเหตุ แต่ที่นี้ตามหลักฐานที่ ตร. แถลงว่าผู้ต้องหาคือสองคนนี้ ก้ยังมีความคิดเห็นแตกออกไปอีกว่ามันมีแค่นี้จริงๆหรือก็ขนาดช่วงแรกๆที่เป็นข่าวทางเจ้าหน้าที่ก็ยังออกมาให้ข่าวเลยว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า3-5คน อาจจะมากกว่ารึน้อยกว่าแต่ไม่ได้หมายความว่าคนร้ายจะต้องลงมือร่วมกันก่อเหตุทั้ง5คนเลยนะครับไม่ใช่เพียงแต่ว่าเขาสงสัยกันเช่นมันน่าจะมีคนที่ก่อเหตุแล้วไปตามคนมาช่วยเพราะเผลอพลั้งมือฆ่าเขาไปแล้ว เพราะเขาสงสัยว่าตัวละครที่ตามจับมาได้นั้นไม่น่าจะมีแค่2คนนี้ครับมันน่าจะมีอีกแต่ ตร. ไม่ยอมสืบค้นต่อเลยให้2คนนี้รับไปแต่เพียงผู้เดียวครับที่เขาสงสัยกันหลักๆก็ตรงนี้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #196 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 08:42:07 PM »

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543

ผู้ตายถูกไม้ตีที่ศีรษะจนกระโหลกแตกละเอียดและยุบ และที่เนินดินจอมปลวกเหนือศพผู้ตายมีรอยยุบลักษณะถูกศีรษะคนกระแทก แต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการทารุณโหดร้ายผู้ตายอย่างไรบ้าง เพราะโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีศีรษะผู้ตายจนกระโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคง โดยเฉพาะเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยมี DNAHLADQoc ชนิด 1.2,1.2 ตรงกับผู้ตาย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้ จึงจะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) มาใช้กับกรณีที่ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดกระทงที่หนักที่สุดหาได้ไม่
บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #197 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 08:46:21 PM »

เรื่องนี้หัวใจสำคัญผู้ต้องหาพม่าต้องสู้ให้หลุดให้ได้ว่า  ผลตรวจDNA ไม่ใช่-ไม่จริง    หากหักล้างเรื่องนี้ไม่ได้  ก็อาจแย่
เพราะ เรื่องนิติวิทยาศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปเลือด / DNA / ลายพิมพ์นิ้วมือ  เป็นต้น อย่างนี้จะถือเป็นใบเสร็จ ที่นำไปสู่การเช็คบิล ผู้ต้องหาได้เป็นอย่างดี
เป็นเรื่องที่แน่ชัดตามผลเต็มเปอร์เซ็น  ไม่มีคลาดเคลื่อน  เพราะเป็นผลทางวิทยาศาสตร์  เหมือนเรื่องการตรวจ DNA ว่าเป็นพ่อเป็นแม่ ของเด็ก หรือไม่นั่นเลยละครับ
ประเด็นเรื่องการตรวจDNAนี่ก็น่าสนใจครับ เพราะในเพจชื่อดังที่ผมได้เข้าไปอ่านดูเขาก้เถียงกันเรื่องที่ว่า ที่คนร้ายสังหารเหยื่อด้วยจอบทั้งสองคนแต่ทำไมถึงตรวจพบDNAแค่คนเดียวทั้งๆที่ตอนทำแผนเขาบอกว่ากระหน่ำตีไปตั้งหลายทีทั้ง2คนแต่ไหงตรวจเจอบนอาวุธสังหารแค่คนเดียว ซึ่งก็มีคนแย้งว่าคนร้ายอาจจะชะล้างคราบเลือดบนจอบไปบ้างแล้วแต่คงจะล้างไม่หมด ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคำถามอยู่ที่ว่าทำไมคนร้ายถึงไม่โยนจอบทิ้งลงทะเลไปเลยทั้งๆที่เหตุก็เกิดอยู่บนชายหาดจะง่ายกว่าที่ต้องมาล้างออก แล้วอีกเรื่องคือDNAในตัวเหยื่อฝ่ายหญิงที่เจอในช่องคลอดผมไม่แน่ใจนะครับว่าจำมาได้หมดมั๊ยแต่คร่าวๆเขาเถียงกันประมาณว่าในเมื่อคนร้ายบอกเห็นผู้ตายทั้งสองกำลังมีอะไรกันที่ชายหาดแล้วทำไมถึงตรวจพอDNAแค่พม่าสองคนครับแล้ว ของผู้ตายฝ่ายชายอีกคนทำไมถึงไม่เจอ มันจึงเป็นที่มาของข้อสงสัยว่าDNA ของพม่านั้นจริงรึสร้างหลักฐานเท็จเพื่อที่จะได้หาคนผิดมาลงโทษไงครับ เพราะหน่วยงานที่ทำคดีนี้ก็มีอยู่หน่วยงานเดียวคือกรมตำรวจ นิติเวชก็ของกรมตำรวจ ดังข้อสงสัยที่ผมได้ก็อปปี้จากเพจนั้นมาให้อ่านกันลองอ่านดูนะครับ
 ปล.ผมไม่แน่ใจว่ามีใครในเว็บนี้เคยไปอ่านบล็อคข่าวของโอเคเนชั่นกันมั่งรึไม่ครับที่เขาเขียนเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆมาให้เข้าใจโดยสังเขปน่ะครับ เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าโดนลบไปรึยังครับถ้าได้อ่านกันแล้วคงจะติดตามเรื่องคดีนี้ได้สนุกยิ่งขึ้นครับ ไหว้ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #198 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 08:54:57 PM »

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543

ผู้ตายถูกไม้ตีที่ศีรษะจนกระโหลกแตกละเอียดและยุบ และที่เนินดินจอมปลวกเหนือศพผู้ตายมีรอยยุบลักษณะถูกศีรษะคนกระแทก แต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการทารุณโหดร้ายผู้ตายอย่างไรบ้าง เพราะโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีศีรษะผู้ตายจนกระโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคง โดยเฉพาะเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยมี DNAHLADQoc ชนิด 1.2,1.2 ตรงกับผู้ตาย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมอีกได้ จึงจะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) มาใช้กับกรณีที่ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดกระทงที่หนักที่สุดหาได้ไม่

ประเด็นเรื่องคำพิพากษานี่ผมพอเข้าใจครับเพราะศาลตัดสินไปตามหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ ตร. กับ อัยการ นำมาแสดงเขาจึงตัดสินไปตามนั้นแต่กรณีแบบนี้เขาตั้งข้อสงสัยแค่ว่าจับครบมั๊ย ใช่2คนนี้แน่รึ?ไม่น่าจะใช่ อะไรประมาณนี้ครับซึ่งอยู่ที่ต้นทางว่าทำงานโปร่งใสขนาดไหน อย่าลืมนะครับว่ามีหลายๆคดีในอดีตที่ ตร. ก้จับแพะมาเยอะครับกรณีของ เชอรี่ ดันแคน นั่นก็ใช่กว่าจะรู้ว่าเป็นแพะก็ผ่านมาเนิ่นนานเป็น10กว่าปีนะครับอย่าลืม  ไหว้
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #199 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 09:05:17 PM »

ถ้ามีพยานหลักฐานว่ายังมีคนอื่นร่วมด้วยอีก  ก็ต้องตามตัวมาดำเนินคดีต่อไปครับ

ขอลงแนวคำวินิจฉัยเกี่ยวกับ  ผล DNA ให้ดูไว้ดังนี้ครับ

จาก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543


        
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเป็นข้อแรกว่า วิธีการที่จำเลยฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้ายหรือไม่ในปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงยกขึ้นฎีกาได้ ได้ความตามทางพิจารณาว่าหลังเกิดเหตุร้อยตำรวจโทมังกร กวีกรณ์ พนักงานสอบสวนกับนายนิพนธ์ ศุภรัตนชาติพันธ์ เจ้าพนักงานแพทย์โรงพยาบาลละหานทรายได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพผู้ตาย พบว่าผู้ตายถูกไม้ตีที่ศีรษะจนกระโหลกแตกละเอียดและยุบ และที่เนินดินจอมปลวกเหนือศพผู้ตายมีรอยยุบลักษณะถูกศีรษะคนกระแทก แต่ไม่ได้ความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กระทำการทารุณโหดร้ายผู้ตายอย่างไรบ้าง เพราะโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีศีรษะผู้ตายจนกระโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้นมิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้คงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7) ซึ่งมีระวางโทษประหารชีวิตสถานเดียวเช่นเดิม จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า กรณีมีเหตุสมควรลดโทษประหารชีวิตให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 คงเหลือโทษจำคุกสถานเดียวหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้คดีนี้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่ลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุและพยานพฤติเหตุแวดล้อมแน่นหนามั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดซึ่งติดอยู่ที่กางเกงชั้นในตัวที่จำเลยสวมใส่ในขณะที่จำเลยถูกจับกุมในวันเกิดเหตุ แม้ผู้ตายและจำเลยจะมีเลือดหมู่เอบีเช่นเดียวกันแต่ผู้ชำนาญการพิเศษสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานแพทย์ใหญ่ กรมตำรวจได้ตรวจสารพันธุกรรมแล้วพบว่าเลือดที่ติดอยู่ที่กางเกงชั้นในของจำเลยดังกล่าวมี DNA HLA DQ oc ชนิด 1.2, 1.2 ตรงกับผู้ตาย จึงฟังได้ว่าเป็นเลือดของผู้ตาย การที่กางเกงชั้นในของจำเลยมีเลือดของผู้ตายมาติดอยู่ได้เช่นนี้ เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าคนร้ายที่พาผู้ตายไปกระทำชำเราจนช่องคลอดฉีกขาดและฆ่าผู้ตายจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากจำเลยแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ศาลก็ได้อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานอันเป็นรอยเลือดของผู้ตายที่ติดอยู่ตามร่างกายและเสื้อผ้าของจำเลยชุดที่จำเลยสวมใส่อยู่ในขณะถูกจับกุมภายหลังเกิดเหตุใหม่ ๆ หาใช่รับสารภาพเพราะสำนึกในความผิดไม่ เพราะได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทมังกรพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่า วันเกิดเหตุหลังจากพยานได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายลักพาตัวผู้ตายแล้ว พยานได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจสายตรวจทราบ ต่อมาร้อยตำรวจโทผดุงกับพวกได้ควบคุมตัวจำเลยในฐานะผู้ต้องสงสัยมามอบให้พยานสอบสวนซึ่งศาลฎีกาได้ตรวจดูแล้ว ตามบันทึกดังกล่าวระบุว่า จำเลยซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาได้ให้การว่าจำเลยพาตัวผู้ตายไปจริง แต่จำเลยได้ปล่อยตัวผู้ตายไปแล้วที่ริมหมู่บ้านโดยจำเลยไม่ได้ทำอะไรผู้ตาย และได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทมังกรพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ต่อไปอีกว่า ต่อมาพยานได้ตรวจร่างกายจำเลย พบว่าที่อวัยวะเพศจำเลยมีคราบเลือดติดอยู่และที่กางเกงชั้นในของจำเลยก็มีคราบเลือดติดอยู่พยานได้สอบสวนอีกจำเลยจึงยอมให้การรับสารภาพ ทั้งตามรูปคดีที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อันเป็นพยานวัตถุและพยานแวดล้อมโดยอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่อย่างใด ดังนี้ คำรับสารภาพของจำเลยทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาในกรณีเช่นนี้ ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้ สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2540 ซึ่งจำเลยอ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยไม่ลดโทษให้จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น"
บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #200 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 09:10:01 PM »

จริงๆเรื่องนี้ น่าจะเอาเเพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์  มาเป็นคณะในการตรวจ DNA นะ  ความสงสัยอาจจะทุเลาไปได้บ้าง
และไม่แน่ใจว่าตอนตรวจ ได้ให้ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านดีเอ็นเอจากพม่า และอังกฤษเข้าร่วมตรวจสอบด้วยหรือเปล่า

แต่ถ้าสมมุติว่า  ผลตรวจเชื้ออสุจิในช่องคลอด หญิงแหม่มผู้ตาย มีเชื้อเป็นของพม่า ๒ คนนี้จริงๆ โดยไม่มีการซิกแซก  ตรวจตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์จริงๆแล้วได้ผลออกมาเป็นอย่างนั้น  ก็คงต้องเชื่อครับ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2014, 09:17:08 PM โดย Navigator 436 » บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #201 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 09:23:23 PM »

เรื่องนี้หัวใจสำคัญผู้ต้องหาพม่าต้องสู้ให้หลุดให้ได้ว่า  ผลตรวจDNA ไม่ใช่-ไม่จริง    หากหักล้างเรื่องนี้ไม่ได้  ก็อาจแย่
เพราะ เรื่องนิติวิทยาศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปเลือด / DNA / ลายพิมพ์นิ้วมือ  เป็นต้น อย่างนี้จะถือเป็นใบเสร็จ ที่นำไปสู่การเช็คบิล ผู้ต้องหาได้เป็นอย่างดี
เป็นเรื่องที่แน่ชัดตามผลเต็มเปอร์เซ็น  ไม่มีคลาดเคลื่อน  เพราะเป็นผลทางวิทยาศาสตร์  เหมือนเรื่องการตรวจ DNA ว่าเป็นพ่อเป็นแม่ ของเด็ก หรือไม่นั่นเลยละครับ
ประเด็นเรื่องการตรวจDNAนี่ก็น่าสนใจครับ เพราะในเพจชื่อดังที่ผมได้เข้าไปอ่านดูเขาก้เถียงกันเรื่องที่ว่า ที่คนร้ายสังหารเหยื่อด้วยจอบทั้งสองคนแต่ทำไมถึงตรวจพบDNAแค่คนเดียวทั้งๆที่ตอนทำแผนเขาบอกว่ากระหน่ำตีไปตั้งหลายทีทั้ง2คนแต่ไหงตรวจเจอบนอาวุธสังหารแค่คนเดียว ซึ่งก็มีคนแย้งว่าคนร้ายอาจจะชะล้างคราบเลือดบนจอบไปบ้างแล้วแต่คงจะล้างไม่หมด ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคำถามอยู่ที่ว่าทำไมคนร้ายถึงไม่โยนจอบทิ้งลงทะเลไปเลยทั้งๆที่เหตุก็เกิดอยู่บนชายหาดจะง่ายกว่าที่ต้องมาล้างออก แล้วอีกเรื่องคือDNAในตัวเหยื่อฝ่ายหญิงที่เจอในช่องคลอดผมไม่แน่ใจนะครับว่าจำมาได้หมดมั๊ยแต่คร่าวๆเขาเถียงกันประมาณว่าในเมื่อคนร้ายบอกเห็นผู้ตายทั้งสองกำลังมีอะไรกันที่ชายหาดแล้วทำไมถึงตรวจพอDNAแค่พม่าสองคนครับแล้ว ของผู้ตายฝ่ายชายอีกคนทำไมถึงไม่เจอ มันจึงเป็นที่มาของข้อสงสัยว่าDNA ของพม่านั้นจริงรึสร้างหลักฐานเท็จเพื่อที่จะได้หาคนผิดมาลงโทษไงครับ เพราะหน่วยงานที่ทำคดีนี้ก็มีอยู่หน่วยงานเดียวคือกรมตำรวจ นิติเวชก็ของกรมตำรวจ ดังข้อสงสัยที่ผมได้ก็อปปี้จากเพจนั้นมาให้อ่านกันลองอ่านดูนะครับ
 ปล.ผมไม่แน่ใจว่ามีใครในเว็บนี้เคยไปอ่านบล็อคข่าวของโอเคเนชั่นกันมั่งรึไม่ครับที่เขาเขียนเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆมาให้เข้าใจโดยสังเขปน่ะครับ เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าโดนลบไปรึยังครับถ้าได้อ่านกันแล้วคงจะติดตามเรื่องคดีนี้ได้สนุกยิ่งขึ้นครับ ไหว้ เยี่ยม

ถ้าฝรั่งชายที่มีอะไรกับเเหม่ม  ทำยังไม่เสร็จ   และถูกคนร้ายมาลากไปสังหารเสียก่อนกลางคัน   ก็จะไม่พบ เชื้ออสุจิของฝรั่งชายครับ  
และถ้าคนร้ายเข้ามารุมโทรมหญิงแหม่มต่อจนเสร็จ  ก็จะทิ้งคราบอสุจิไว้ให้พบได้ครับ

ส่วนประเด็นคนร้ายมาสอง   ใช้จอบตี แต่ติดเลือดที่จอบเพียงคนร้ายคนเดียว  ก็อาจเกิดจากมีเลือดคนร้ายออกร่างกายเพียงคนร้ายคนเดียว  ส่วนคนร้ายอีกคนไม่มีเลือดออกมา  จึงไม่ติดที่จอบด้วยก็เป็นได้
ส่วนเรื่องโยนจอบทิ้งทะเลนั้น  อันนี้ ตอบยากครับ เพราะคนร้ายอาจรีบร้อนกลัวคนเห็นเลยต้องรีบทำและต้องรีบหนี  มากกว่าจะเสียเวลามาคิดถึงเรื่องต้องไปโยนจอบทิ้งทะเล  เรียกว่าการตัดสินใจของคนทำผิดในเวลานั้นอาจไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าวางแผนไว้ก่อน  เกิดทำผิดขึ้นเฉพาะหน้า  เลยอาจลืมคิดซับซ้อนแบบนั้นไปได้ ทำไปแล้วต้องรีบให้เบ็ดเสร็จโดยเร็ว เพราะกลัวคนเห็น และต้องรีบหนี   ก็เป็นไปได้เช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2014, 09:48:20 PM โดย Navigator 436 » บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #202 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 09:39:41 PM »

ผมนึกถึงนิทานชาวบ้านเรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ เลยครับ
คดีนี้  หากปั้นเท็จทั้งหมด   ตั้งแต่คนจับ คนสอบสวน จนถึง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่บิ๊กๆ  ต้องโดนคดีเป็นกราวรูดหมดอนาคตแน่ครับ

เพราะเห็นคดีเชอรี่แอน  เป็นบทเรียนแล้ว ยังไม่เข็ดอีก  

และสมควรจะโดนหนักๆด้วย   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2014, 09:44:10 PM โดย Navigator 436 » บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1630
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18179



« ตอบ #203 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:03:39 PM »

ถึงไม่พบเชื้ออสุจิ แต่ก็ย่อมจะมีสารคัดหลั่ง ที่เป็นน้ำหล่อลื่น
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #204 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:06:04 PM »

เรื่องนี้หัวใจสำคัญผู้ต้องหาพม่าต้องสู้ให้หลุดให้ได้ว่า  ผลตรวจDNA ไม่ใช่-ไม่จริง    หากหักล้างเรื่องนี้ไม่ได้  ก็อาจแย่
เพราะ เรื่องนิติวิทยาศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปเลือด / DNA / ลายพิมพ์นิ้วมือ  เป็นต้น อย่างนี้จะถือเป็นใบเสร็จ ที่นำไปสู่การเช็คบิล ผู้ต้องหาได้เป็นอย่างดี
เป็นเรื่องที่แน่ชัดตามผลเต็มเปอร์เซ็น  ไม่มีคลาดเคลื่อน  เพราะเป็นผลทางวิทยาศาสตร์  เหมือนเรื่องการตรวจ DNA ว่าเป็นพ่อเป็นแม่ ของเด็ก หรือไม่นั่นเลยละครับ
ประเด็นเรื่องการตรวจDNAนี่ก็น่าสนใจครับ เพราะในเพจชื่อดังที่ผมได้เข้าไปอ่านดูเขาก้เถียงกันเรื่องที่ว่า ที่คนร้ายสังหารเหยื่อด้วยจอบทั้งสองคนแต่ทำไมถึงตรวจพบDNAแค่คนเดียวทั้งๆที่ตอนทำแผนเขาบอกว่ากระหน่ำตีไปตั้งหลายทีทั้ง2คนแต่ไหงตรวจเจอบนอาวุธสังหารแค่คนเดียว ซึ่งก็มีคนแย้งว่าคนร้ายอาจจะชะล้างคราบเลือดบนจอบไปบ้างแล้วแต่คงจะล้างไม่หมด ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคำถามอยู่ที่ว่าทำไมคนร้ายถึงไม่โยนจอบทิ้งลงทะเลไปเลยทั้งๆที่เหตุก็เกิดอยู่บนชายหาดจะง่ายกว่าที่ต้องมาล้างออก แล้วอีกเรื่องคือDNAในตัวเหยื่อฝ่ายหญิงที่เจอในช่องคลอดผมไม่แน่ใจนะครับว่าจำมาได้หมดมั๊ยแต่คร่าวๆเขาเถียงกันประมาณว่าในเมื่อคนร้ายบอกเห็นผู้ตายทั้งสองกำลังมีอะไรกันที่ชายหาดแล้วทำไมถึงตรวจพอDNAแค่พม่าสองคนครับแล้ว ของผู้ตายฝ่ายชายอีกคนทำไมถึงไม่เจอ มันจึงเป็นที่มาของข้อสงสัยว่าDNA ของพม่านั้นจริงรึสร้างหลักฐานเท็จเพื่อที่จะได้หาคนผิดมาลงโทษไงครับ เพราะหน่วยงานที่ทำคดีนี้ก็มีอยู่หน่วยงานเดียวคือกรมตำรวจ นิติเวชก็ของกรมตำรวจ ดังข้อสงสัยที่ผมได้ก็อปปี้จากเพจนั้นมาให้อ่านกันลองอ่านดูนะครับ
 ปล.ผมไม่แน่ใจว่ามีใครในเว็บนี้เคยไปอ่านบล็อคข่าวของโอเคเนชั่นกันมั่งรึไม่ครับที่เขาเขียนเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆมาให้เข้าใจโดยสังเขปน่ะครับ เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าโดนลบไปรึยังครับถ้าได้อ่านกันแล้วคงจะติดตามเรื่องคดีนี้ได้สนุกยิ่งขึ้นครับ ไหว้ เยี่ยม

ถ้าฝรั่งชายที่มีอะไรกับเเหม่ม  ทำยังไม่เสร็จ   และถูกคนร้ายมาลากไปสังหารเสียก่อนกลางคัน   ก็จะไม่พบ เชื้ออสุจิของฝรั่งชายครับ  
และถ้าคนร้ายเข้ามารุมโทรมหญิงแหม่มต่อจนเสร็จ  ก็จะทิ้งคราบอสุจิไว้ให้พบได้ครับ

ส่วนประเด็นคนร้ายมาสอง   ใช้จอบตี แต่ติดเลือดที่จอบเพียงคนร้ายคนเดียว  ก็อาจเกิดจากมีเลือดคนร้ายออกร่างกายเพียงคนร้ายคนเดียว  ส่วนคนร้ายอีกคนไม่มีเลือดออกมา  จึงไม่ติดที่จอบด้วยก็เป็นได้
ส่วนเรื่องโยนจอบทิ้งทะเลนั้น  อันนี้ ตอบยากครับ เพราะคนร้ายอาจรีบร้อนกลัวคนเห็นเลยต้องรีบทำและต้องรีบหนี  มากกว่าจะเสียเวลามาคิดถึงเรื่องต้องไปโยนจอบทิ้งทะเล  เรียกว่าการตัดสินใจของคนทำผิดในเวลานั้นอาจไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าวางแผนไว้ก่อน  เกิดทำผิดขึ้นเฉพาะหน้า  เลยอาจลืมคิดซับซ้อนแบบนั้นไปได้ ทำไปแล้วต้องรีบให้เบ็ดเสร็จโดยเร็ว เพราะกลัวคนเห็น และต้องรีบหนี   ก็เป็นไปได้เช่นกัน
อ่า...ไม่ใช่ครับ Smiley เรื่องจอบคือที่เขาถกเถียงกันว่าคนร้ายใช้จอบตีเหยื่อย ชาวต่างชาติทั้งสองคน ทำไมถึงตรวจเจอDNA ของคนตายได้แค่คนเดียว(ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเขาตรวจเจอของผู้หญิงหรือของผู้ชาย) ไม่ใช่เลือดของคนร้ายครับที่ผมหมายถึง แล้วที่ว่าทำไมคนร้ายถึงไม่โยนจอบทิ้งทะเลนั้นทั้งๆที่มันน่าจะง่ายกว่าการถือจอบไปล้างคราบเลือดออกแล้วนำกลับไปวางที่เดิม ทั้งที่ถ้าโยนทิ้งทะเลมันน่าจะง่ายกว่าการที่จะถือไปวางไว้ที่เดิมเพราะอาจจะมีคนเห็นได้ นี่คือข้อพิรุธที่เขาจับผิดกันครับ แล้วไอ้ที่ว่าการตัดสินใจของคนทำผิดในเวลานั้นผมว่าก็ไม่น่าใช่อีกหรอกครับเพราะอาวุธที่ใช้สังหารนั้นไปเจออยู่อีกที่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นที่ๆคนร้ายสาระภาพว่าไปเอามาจากตรงนั้น ถ้าคนที่เขาไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้าจะมีเวลาคิดเอาอาวุธกลับไปวางที่เดิมรึครับ  แล้วส่วนที่ว่าถ้าฝรั่งมีอะไรกับแหม่มนั้นต่อให้ไม่ต้องหลั่งอสุจิออกมาก็ต้องเจอDNAจากผิวหนังที่มีการสัมผัสบ้างล่ะครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจจากอสุจิอย่างเดียวครับ มันมีกระบวนการที่น่าจะพิสูจน์ความจริงได้อีกเยอะครับ ไม่ใช่ว่าจู่จะมีคนมาสารภาพว่าผมคือคนร้าย นี่อาวุธที่ผมสังหาร แล้วศาลจะต้องเชื่อนะครับแบบนี้ถ้าผมมีเงิน มีพรรคพวก มีอำนาจผมก็จ้างคนไปสารภาพแทนแล้วติดคุกแทนก้ได้นะครับ  ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2014, 10:14:11 PM โดย sa-ea-ba-รักในหลวง » บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #205 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:13:03 PM »

ครับ  ขอบคุณครับ  

เรื่องใหญ่ๆแบบนี้ คงไม่จบง่ายๆ   อาจเป็นมวยล้มต้มคนดูอย่างที่คุณ sa-ea-ba ว่ามาก็ได้  
เชื่อว่าความลับไม่มีในโลก ความจริงจะต้องปรากฏให้เห็นในอนาคตต่อไปไม่นาน
บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #206 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:13:29 PM »

จริงๆเรื่องนี้ น่าจะเอาเเพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์  มาเป็นคณะในการตรวจ DNA นะ  ความสงสัยอาจจะทุเลาไปได้บ้าง
และไม่แน่ใจว่าตอนตรวจ ได้ให้ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านดีเอ็นเอจากพม่า และอังกฤษเข้าร่วมตรวจสอบด้วยหรือเปล่า

แต่ถ้าสมมุติว่า  ผลตรวจเชื้ออสุจิในช่องคลอด หญิงแหม่มผู้ตาย มีเชื้อเป็นของพม่า ๒ คนนี้จริงๆ โดยไม่มีการซิกแซก  ตรวจตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์จริงๆแล้วได้ผลออกมาเป็นอย่างนั้น  ก็คงต้องเชื่อครับ 
ผมขอเดานะครับว่าคุณ เนวิเกเตอร์ ไม่ได้ติดตามข่าวมาต่อเนื่องรึตามข่าวมาจากสื่อหลักๆด้านเดียว คดีนี้หน่วยงานที่ทำหน้าที่เก็บหลักฐานต่างๆไม่ว่าจะ พิสูจน์หลักฐาน นิติเวช สืบสวน ล้วนแล้วแต่เป็นหน่วยงานจากกรมตำรวจหน่วยเดียว ที่เขาไม่ยอมให้คุณหญิงพรทิพย์ มาร่วมตรวจด้วยเพราะรู้ๆกันอยู่ว่า ตร. นั้นเขาเกลียดหมอพรทิพย์อย่างกับขี้(อันนี้คุณ สนธิ ลิ้มทองกุล พูดเอาไว้นะครับ ไปหาดูคลิปย้อนหลังดูเอานะครับ คิก คิก) มันมีเบื้องลึกๆที่เขามโนกันไปเรื่อยๆล่ะครับ คิก คิก ไหว้
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #207 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:14:10 PM »

ถึงไม่พบเชื้ออสุจิ แต่ก็ย่อมจะมีสารคัดหลั่ง ที่เป็นน้ำหล่อลื่น

ขอบคุณมากครับ คุณ yod
บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
436
Sr. Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 593



« ตอบ #208 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:16:10 PM »

จริงๆเรื่องนี้ น่าจะเอาเเพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์  มาเป็นคณะในการตรวจ DNA นะ  ความสงสัยอาจจะทุเลาไปได้บ้าง
และไม่แน่ใจว่าตอนตรวจ ได้ให้ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านดีเอ็นเอจากพม่า และอังกฤษเข้าร่วมตรวจสอบด้วยหรือเปล่า

แต่ถ้าสมมุติว่า  ผลตรวจเชื้ออสุจิในช่องคลอด หญิงแหม่มผู้ตาย มีเชื้อเป็นของพม่า ๒ คนนี้จริงๆ โดยไม่มีการซิกแซก  ตรวจตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์จริงๆแล้วได้ผลออกมาเป็นอย่างนั้น  ก็คงต้องเชื่อครับ  
ผมขอเดานะครับว่าคุณ เนวิเกเตอร์ ไม่ได้ติดตามข่าวมาต่อเนื่องรึตามข่าวมาจากสื่อหลักๆด้านเดียว คดีนี้หน่วยงานที่ทำหน้าที่เก็บหลักฐานต่างๆไม่ว่าจะ พิสูจน์หลักฐาน นิติเวช สืบสวน ล้วนแล้วแต่เป็นหน่วยงานจากกรมตำรวจหน่วยเดียว ที่เขาไม่ยอมให้คุณหญิงพรทิพย์ มาร่วมตรวจด้วยเพราะรู้ๆกันอยู่ว่า ตร. นั้นเขาเกลียดหมอพรทิพย์อย่างกับขี้(อันนี้คุณ สนธิ ลิ้มทองกุล พูดเอาไว้นะครับ ไปหาดูคลิปย้อนหลังดูเอานะครับ คิก คิก) มันมีเบื้องลึกๆที่เขามโนกันไปเรื่อยๆล่ะครับ คิก คิก ไหว้

ครับ มันอยู่ที่เชื่อถือ คนตรวจพิสูจน์กันหรือไม่
และคนตรวจพิสูจน์ซื่อตรงในหน้าที่จริงหรือไม่
 ซึ่งต้องรอพิสูจน์กันต่อไป ผมพอเข้าใจครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 22, 2014, 10:18:13 PM โดย Navigator 436 » บันทึกการเข้า

ใจสงบ.  ใจสว่าง.  คือทางสุข ...&
sa-ea-ba-รักในหลวง
FREEDOM
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 45
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 977


ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอน


« ตอบ #209 เมื่อ: ตุลาคม 22, 2014, 10:24:34 PM »

ครับ  ขอบคุณครับ 

เรื่องใหญ่ๆแบบนี้ คงไม่จบง่ายๆ   อาจเป็นมวยล้มต้มคนดูอย่างที่คุณ sa-ea-ba ว่ามาก็ได้ 
เชื่อว่าความลับไม่มีในโลก ความจริงจะต้องปรากฏให้เห็นในอนาคตต่อไปไม่นาน
คือ ผมออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่ได้มีอคติกับคดีนี้โดยเฉพาะนะครับไม่ได้อยากจะเถียงใครว่าตัวเองนี้เก่งและรู้มาก เพียงแต่ผมได้เข้าไปอ่านดูในหลายๆเพจแล้วก็แค่คิดตามเขาดูอันไหนที่มันนอกเรื่องผมก็ไม่สนใจเอาแต่ประเด็นที่คนเขาสงสัยจริงแล้วนำมาเปรียบเทียบทีแรกผมก้ติดตามข่าวจากสื่อหลักๆนี่แหล่ะครับแต่พอนานเข้าสื่อเสนอออกข่าวทุกวันช่วงแรกๆเหมือนกับว่าจะจับคนร้ายไม่ได้ วักพักหนึ่งจู่ๆก็มาแถลงข่าวว่าจับได้แล้วก็เลยอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปว่าจับกันอย่างไร ก็ได้ไปอ่านบทความที่เขาแชร์มาให้อ่านของบล็อคข่าว ok nation ที่เรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ตัวละครมีใครบ้าง แล้วเหตุการณืมันเป็นยังไงแบบไหนที่เขาสงสัยกันว่ามันน่าจะจับแพะกันประกอบกับคนที่ตกเป็นข่าวไม่ยอมมาตรวจDNAเพื่อความบริสุทธิใจ เลยทำให้ไอ้ที่เขาตั้งสมมุติฐานมานั้นมันน่าจะจริงอย่างที่เขาว่าน่ะครับ มันก็คล้ายๆกับเรื่องราวของคนแดนไกลที่บอกกับตัวเองว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่ยอมกลับมาสู้คดีทำนองนั้นน่ะครับเลยต้องคิดว่ามันผิดแน่ๆถึงไม่ยอมกลับมา คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

สู้เพื่อความถูกต้อง อย่าหวั่นไหวต่อโชคชะตา อย่าหยาบช้ากับคนรอบตัว
หน้า: 1 ... 11 12 13 [14] 15 16 17 ... 41
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.102 วินาที กับ 21 คำสั่ง