จากกรณี
http://www.youtube.com/watch?v=LrK1sMHFfsEอยากให้อ่านกัน ตำรวจเขียนเอง
********
เขาดูแลคุณเดือนละเท่าไหร่ ??
คอลัมภ์แว่นขยายแผ่นดิน. cops magazine
โดย พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี
เขาดูแลคุณเดือนละเท่าไหร่ ดูเหมือนเป็นประโยคคำถามที่กลายเป็น วลีฮิตที่โด่งดังในโลกโซเชียลเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับจากสังคม อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง จากการที่ผู้นำหน่วยระดับสูงในพื้นที่ได้นำกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง เข้าไปตรวจสอบ ตรวจค้น และพบของกลางเป็นไม้แปรรูปเถื่อน พร้อมอุปกรณ์อาวุธ และหวยเถื่อน ตามมาตรการกวาดล้างอิทธิพลและผู้กระทำผิดกฎหมายในเขตพื้นที่จังหวัดน่าน ซึ่งขณะทำการตรวจค้น มีเพียงนายตำรวจระดับผู้กำกับการในพื้นที่ร่วมทำการตรวจค้นเท่านั้น แถมยังเสียเวลารอพนักงานสอบสวนนานผิดปกติ จนเป็นสาเหตุของการเริ่มตั้งคำถามว่า เขาดูแลคุณเดือนละเท่าไหร่ สุดท้ายทราบว่า ผู้กำกับและนายตำรวจที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในสถานีตำรวจแห่งนั้น ถูกช่วยราชการไปตามระเบียบตำรวจไทย
การระดมแชร์คลิปในโลกโซเชียล พร้อมคอมเมนท์กว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ร่วมก่นด่า และสมน้ำหน้าท่านผู้กำกับตำรวจที่ยืนกุมมือสำรวมหน้าเจื่อนในภาพคลิป ยิ่งทำให้วลี เขาดูแลคุณเดือนละเท่าไหร่ ..สะท้อนดังไปถึงตำรวจทั่วประเทศ และสะเทือนไปถึงภาพลักษณ์ความเชื่อในการเข้าไปเกี่ยวข้องและแสวงหาประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ทั้งบ่อนการพนัน สถานบริการ อบายมุขทั้งหลาย รวมถึงนานาบรรดาของเถื่อน แรงงาน รถตู้ วินจักรยานยนต์ สารพัด ..จนกลบภาพดีดี ของจราจรที่ปฏิเสธส่วย .. วีรบุรษอย่าง ผู้การป๋อง จ่าเพียร ผู้กองแคน หมวดตี้ และเหล่า ยอด นักรบในจังหวัดชายแดนใต้ ..จราจรหมอตำแย ..และอีกหลายหลากผลงานที่ตำรวจไทยคลี่คลายสืบสวนจับกุม ปราบปรามป้องกันภัย ให้กับผู้คนที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกวี่ทุกวัน.. ไปเสียสิ้น
ผมเชื่อว่า เสียงคำถาม และกระแสก่นด่าในโลกโซเชียล สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในวิชาชีพตำรวจและครอบครัวเราทุกคน ..มีหลายท่านได้พยายามปกป้องศักดิ์ศรี แสดงความเห็นสวนกลับไป ..แต่เหมือนโยนกรวดลงในแม่น้ำ ยากที่จะสู้แรงกระเพื่อมระดับคลื่นจากสังคมภายนอก ..พอพอกับข้อเท็จจริง ที่ไม่มีใครสนว่า ผู้กำกับท่านนั้น ได้รับการดูแล มาก น้อย จริงเท็จประการใด เคยต่อสู้ต่อกรกับผู้กระทำผิดตรงนั้นมามากน้อย เพียงใด..เพราะสังคมได้พิพากษาให้แกเป็นคนเลวของสังคมเรียบร้อยไปเสียแล้ว
คำถามนี้ ..ไม่ใช่คำถามแรกที่เกิดขึ้น ..แต่เป็นคำถามที่สังคมพยายามถามกับตำรวจมาโดยตลอด ในรูปแบบที่หลากหลาย..บางที ท่ามกลางความรู้สึกที่เหมือนถูกดูถูก ถูกประจาน ..แต่เมื่อตั้งสติพิจารณา ..ผมว่าช่วงเวลาแบบนี้ อาจจะเหมาะสม ที่ตำรวจเรา อาจต้องลองกลับมาตั้งคำถามเช่นนี้กับตัวเองอย่างจริงๆจังๆเสียที ว่า....... "...........ทำไม.....??
1. สังคมคาดหวังตำรวจสูงแต่จ้างราคาถูก
การรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนที่มีประสิทธิภาพ ล้วนมีต้นทุนทั้งสิ้น และเป็นต้นทุนที่มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ตามสถานะอาชญากรรม ที่จะเติบโตตามความเจริญทางด้านวัตถุนิยมและสังคมที่แข่งขันแบบรวยกระจุก จนกระจาย ในแบบไทยๆ .. ดังนั้น จึงเป็นปกติที่สังคมไทยจะตั้งความคาดหวัง ให้ตำรวจไทย สามารถปกป้องคุ้มครอง สร้างความเชื่อมั่น ในระดับที่ลูกสาวนุ่งสั้นเดินที่เปลี่ยวกลับบ้านในเวลากลางคืนได้ โดยไม่โดนฉุดไปข่มชืน หรือชิงทรัพย์ .. แต่สังคมไม่เคยทราบว่า ความปลอดภัยทั้งหมดทั้งมวลจะเกิดขึ้นในระดับที่ว่าได้นั้น จะต้องใช้ต้นทุนเท่าใด จึงจะสามารถเพียงพอต่อการรับมือและหยุดยั้งภัยร้ายที่จะเกิดขึ้น .. นั่นเพราะตำรวจเราเองไม่เคยบอกกล่าวสังคม ว่า จะให้ตำรวจเฝ้าบ้านเฝ้าเมืองที่เกลื่อนไปด้วยสังคมที่หิวโหยและเห็นแก่ตัวนั้น จะต้องใช้ ต้องมีอะไร ..ซึ่งการที่จะบอกสังคมให้เชื่อถือในเหตุผลความจะเป็นได้ มันต้องมีการศึกษา วิจัย หรือสำรวจ ให้ปรากฏข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ที่ชัดเจนเพียงพอ ซึ่งเหตุผลที่ว่า จะทำให้ตำรวจสามารถจัดลำดับความต้องการเร่งด่วนก่อนหลังอย่างมีเหตุมีผลในการกำหนดยุทธศาสตร์และขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ที่สังคมยอมรับและยินดีที่จะจ่ายให้.. หากสังคมได้มีโอกาสรับรู้ความจำเป็น แต่งบประมาณที่ให้ถูกตัดลงไปดังที่เป็นอยู่ในการพิจารณางบประมาณทุกปีตลอดมา .. ตำรวจไทยก็ควรจะต้องบอกกล่าวกันแต่เนิ่นๆให้สังคมทราบได้ว่า อุปมาอุปมัย เหมือนการขอเงินซื้อปืนให้ตำรวจมาสู้กับโจรถือปืน แต่กลับให้เงินพอแค่ซื้อมีด สังคมก็คงจะต้องเตรียมตัวแบบใครตัวมันเช่นกัน .. ไม่ใช่ให้น้อยๆ แต่คาดหวังสูง ซึ่งผิดกับข้อเท็จจริง ผิดเหตุผิดผล สุดท้ายก็เป็นโอกาสที่ผู้มีอุปการคุณสารพัดประเภทในพื้นที่ จะเสนอการสนับสนุนการพัฒนางานราชการแบบมีเงื่อนไข เป็นที่ยอมรับให้เกิดขึ้นได้ ถึงขนาดเป็นผลงานรางวัลดีเด่น โดยไม่ต้องสนที่มาที่ไปกันเลยก็มีให้เห็น แต่นั่นแหล่ะครับ บางยุคสมัย. มีโอกาสได้รับความเห็นใจผ่านงบประมาณเต็มที่ แต่ดันจัดซื้อจัดจ้างมาแบบล้นหลามแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามความต้องการก็มี..แบบนี้เรียกว่า ซ้ำเติมกันเอง น่าเศร้าใจ!!
2. สังคมตำรวจมันอาภัพ
- ตำรวจชั้นผู้น้อย เป็นผู้ใช้วิจารณญาณ ในการให้คุณ ( ยกเว้น / อนุโลม /บริการ ) ให้โทษ ( จับกุม/ปรับ / ตรวจค้น )แก่ประชาชนแบบสัมผัสตรง .. การให้โทษกับผู้กระทำผิด คงไม่มีใครขอบคุณ ส่วนการให้คุณ ตามสไตล์ไทยอโหสิ แถมได้รับการขอบคุณเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆ (แต่รวมๆกันแล้วเยอะ)..อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสม ( คิดไปเอง )
- เมื่อตำรวจชั้นผู้น้อยเป็นผู้ใช้วิจารณญาณในการให้คุณให้โทษ วุฒิภาวะของผู้ปฏิบัติ การแสดงออกในภาวะกดดัน และการถูกโต้ตอบ จึงเสี่ยงต่อการปะทะ จนหลายครั้งกลายเป็นตัวละครตัวร้ายในคลิปประจานออกสังคม
- สังคมไทย เป็นกำลังใจให้คนแพ้เสมอ จนหลายครั้ง สิทธิของผู้ต้องหามีคุณค่ากว่าสิทธิของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกละเมิด แม้เสี่ยงต่อชีวิตก็ตาม .. จนตำรวจเลือกที่จะละเลย และมองนิ่งเฉย ดีกว่าถูกฟ้องร้อง เอาผิด ชดใช้ โดยไม่มีใครปกป้อง
- ความมั่นคงในชีวิตตำรวจ ล้วนเป็นอนิจจจัง คือไม่มีอะไรแน่นอน ..ขึ้นอยู่กับยุคสมัย และใครเป็นผู้มีอำนาจ ซึ่งแปลกใจจัง ที่ผู้มีอำนาจที่ผ่านมา มักเป็นเพื่อน เป็นพรรคพวก ร่วมเถา เหล่ากอ กับพ่อค้า ผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่เสมอ
- เมืองไทยส่งเสริมคนดี แต่คนดีมักไม่มีโอกาสได้เติบโต และถูกปล่อยปละละเลยให้ดีแบบเดิมไปเรื่อยๆ เมื่อคนได้ดิบได้ดีได้ โดยไม่ต้องทำคุณงามความดี คนทำความดีจึงหมดใจ หันมาดีปลอมๆในโหมดกลายพันธ์ เป็นดีแบบปลิ้นปล้อน แบบเห็นผลอย่างที่เขาทำกันดีกว่า
- การปกครองของสังคมตำรวจ เป็นวัฒนธรรมกำชับ...ผู้น้อย จึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเป็นไปทุกอย่างด้วยความโดดเดี่ยว พร้อมๆกับรับกรรมเมื่อเกิดข้อผิดพลาด
- การปฏิรูปตำรวจ เกิดขึ้นจากมันสมองของนักการเมือง นักวิชาการ องค์กรอิสระ ผู้แทนรัฐและเอกชน หรือใครก็ได้ยกเว้น จากตำรวจผู้ปฏิบัติ
- ใครก็ได้ ที่ด่าตำรวจ จะได้รับการยอมรับจากสังคมในมิติบวกทางการตลาด เสมอ ........ ฯ ล ฯ ..........
วันนี้... ถามใจตำรวจไทยทั่วประเทศ .. ผมเชื่อว่า เกินกว่า 80 % ..เราเองก็ไม่อยากได้รับการดูแลให้เป็นบุญคุณจากผู้ประกอบการทั้งหลาย ให้เสียศักดิ์ศรี .. ยังมีตำรวจอีกเป็นจำนวนมาก ทุกซอกมุมของประเทศ ที่รักดี และก้มหน้าก้มตาทำตามหน้าที่ โดยไม่เคยเป็นพวกใคร พรรคไหน หรือสีอะไร.. และยังคงขื่นขมใจกับอาชีพที่ขึ้นอันดับคนเกลียดระดับต้นๆของไทย .. เราเองคงเรียกร้องความเห็นใจจากใครไม่ได้ นอกจากพวกเรากันเอง .. สักวันคงมีผู้กล้ามาทำให้ฝันเป็นจริง .. เมื่อไหร่ ที่ตำรวจไทย มีเอกภาพเพียงพอ ที่จะสามารถจับรัฐมนตรีในตำแหน่งที่บุกรุกที่ป่า จับพรรคพวกนักการเมืองที่เปิดบ่อน จับคนใหญ่คนโตที่ทำผิดกฏหมายได้โดยไม่หมดอนาคต ฯลฯ ปกป้องประชาชน เอาผิดกับโจรผู้ร้ายโดยไม่ต้องสนว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน. โดยปลอดภัยจากการถูกโยกย้าย กลั่นแกล้ง ได้ ..เมื่อนั้น คำถามที่ว่า เขาดูแลคุณ เดือนละเท่าไหร่ ??
คงไม่ใช่คำถามคุ้นหู ที่สะเทือนต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ที่แท้จริง อีกต่อไป