๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 20, 2024, 02:06:38 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 11 12 13 [14] 15 16 17 ... 98
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สงครามอิรักคืนชีพ กองโจรยึดเมืองชั่วพริบตา  (อ่าน 252136 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
อดิศักดิ์--รักในหลวง--
เวลากับการเรียนรู้
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 463
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3609

เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์


« ตอบ #195 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2014, 11:55:05 AM »

ยุคสมัยแห่งการเห็นแก่ตัวและการเอาตัวรอด   เคยผิดกันมากแค่ไหนอย่างไรก็จูบปากกันได้  ด้วยคำ ๆ เดียว "ผลประโยชน์"   Grin
บันทึกการเข้า

""
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23203



« ตอบ #196 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2014, 03:42:37 PM »



สมาคมนิยมอาวุธรัสเซีย Russia military fanclub.

Sukhoi Su-25 Frogfoot

เครื่องบินจู่โจมสกัดกั้นซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต เครืองบินโจมตีที่ปรับปรุงและพัฒนาต่อจาก ซู 24
ให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่าซู 24 กว่าเท่าตัวมัน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการสู้รบในระยะใกล้มาก

นักวิจารณ์ทางการทหาร ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีสมรรถนะเทียบเท่ากับ A-10 Thunderbolt ของสหรัฐอเมริกา
และนาโต้ได้ตั้ง นามเรียกขนาน (Nato code)ให้ Su-25 ว่า "Frogfoot"

SU-25 ถูกออกแบบมาให้ใช้ในภารกิจ สนับสนุนการต่อสู้ของทหารราบ เป็นเครืองบินโจมตี ที่ยังประจำการ
ในกองทัพรัสเซีย ในปัจจุบัน

SU-25 ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1975

SU-25 ถูกส่งเข้าสู่สมอรภูมิครั้งแรกใน การสนับสนุนทหารภาคพื้นดิน ในการปราบปรามกลุ่มมูจาฮิดิน ระหว่างช่วงสงคราม
โซเวียต-อัฟกานิสถาน และได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีด้วย ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศบุคคลแบบประทับบ่ายิง
เอฟไอเอ็ม-92 สติงเจอร์ (FIM-92 Stinger) ของสหรัฐอเมริกา โดยมูจาฮิดิน

ปัจจุบัน ซู-25 ถูกสร้างมาเป็นจำนวนทั้งหมด 1,024 เครื่อง และทั้งหมด ยังคงประจำการในกองทัพอากาศรัสเซีย
และอีก 24 ชาติพันธมิตรใกล้ชิตของสหภาพโซเวียต

ซู-25 มีรุ่นต่างๆคือ Su-25SM, Su-25UB ซึ่งทำการอัพเกรดคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยขึ้น เพิ่มค๊อกพิต ฮับ ให้ทันสมัย
ปัจจุบัน Su-25 ยังคงประจำการอยู่ราว 195 ลำ ตามเเผนงานจะอัพเกรดเป็น su-25SM แล้วเสร็จในปี 2020

คุณสมบัติของ SU-25

เครื่องยนต์ : Soyuz/Gavrilov R-195 เทอโบเจ็ท 2 เครื่อง
ความเร็วสูงสุด: 0.8 มัค (975 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
ระยะทำการ: 750 กิโลเมตร
ความเร็วในการไต่ระดับ: 58 เมตร/วินาที
ราคาเครื่อง 11 ล้าน us ดอลลาร์

-ระบบอาวุธต่างๆ
ปืนกลอากาศขนาด 30 mm GSh-30-2 กระสุน 250 นัด
จุดติดอาวุธ 11 จุด
จรวดแบบ UV-32-57 57 mm หรือ จรวดแบบ B8M1 80 mm , จรวดแบบ S-24 (240 mm)หรือ S-25 (330 mm )
จรวดนำวิถี อากาศ สู่ พื้น Kh-23 (AS-7), AS-9, Kh-25L (AS-10), Kh-29 (AS-14)
จรวดนำวิถี อากาศ สู่ พื้น K-13 (AA-2)
จรวดนำวิถี อากาศ สู่ อากาศ R-60 (AA-8)
ระเบิด FAB-250, FAB-500 ขนาด 500 kg นำวิถีด้วยเลเซอร์
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #197 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2014, 11:56:21 PM »

ดูเหมือนอีรัคโดนลอยแพ ต้องปกป้องตัวเองเสียแล้ว จะเหลือกี่เมืองที่เรียกว่าประเทศหน๋อ.....ประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ น่าเห็นใจครับ  Sad

 





บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #198 เมื่อ: กรกฎาคม 03, 2014, 11:58:29 PM »

 







:boston.com
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #199 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2014, 12:01:34 AM »



เจาะท่อน้ำเลี้ยง-กลยุทธ์"ไอซิส"กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่โลกต้องรู้

หลังประสบความสำเร็จในการบุกยึดครองพื้นที่บางส่วนของซีเรียและอิรัก กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ISIS) ยกระดับการต่อสู้ไปอีกขั้นด้วยการประกาศก่อตั้ง "จักรวรรดิกาหลิบ" หรือรัฐอิสลามนิกายซุนหนี่ตามแบบอย่างยุคหลังสิ้นศาสดามูฮัมหมัด


กลุ่มดังกล่าวยังเรียกตัวเองด้วยชื่อใหม่ว่า "รัฐอิสลาม" และยก นายอบู บาการ์ อัล บักห์ดาดิ หัวหน้ากลุ่มเป็น "กาหลิบ" หรือเจ้าผู้ปกครองรัฐ พร้อมเรียกร้องให้มุสลิมทั่วโลกปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดี

ไฟแนนเชียล ไทมส์ตั้งข้อสังเกตว่า ย้อนกลับไปราวหนึ่งปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่ากลุ่มก่อการร้ายที่แยกตัวมาจากอัล-เคดาจะมาได้ไกลขนาดนี้ การเข้ายึดครองพื้นที่ทางตอนเหนือของอิรักรวมถึงเมืองโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศดังกล่าวและแหล่งน้ำมันสำคัญๆ ในเดือนที่แล้ว กดดันให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง ซึ่งเสี่ยงจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง

ด้วยกลยุทธ์ที่เด็ดขาด ประกอบกับการบริหารจัดการเรื่อง "ปัจจัย" อย่างเป็นระบบของกลุ่มไอซิส ทำให้ท่อน้ำเลี้ยงไม่เคยเหือดแห้ง และมีแต่จะเพิ่มขึ้นตามการขยายพื้นที่ยึดครอง


กลยุทธ์แยบยล

ในปี 2555 กลุ่มไอซิสซึ่งขณะนั้นยังรู้จักกันในนามอัล-เคดา สาขาอิรัก เริ่มใช้ 2 กลยุทธ์โจมตีอย่างเข้มข้นซึ่งช่วยถางทางสู่การสู้รบในปัจจุบัน วิธีการแรกคือการ "ทลายกำแพง" ด้วยการส่งระเบิดในรถบรรทุกเข้าไปโจมตีพื้นที่ในความควบคุมของอิสลามนิกายชีอะห์ เพื่อสร้างความปั่นป่วน และทำให้แนวป้องกันของฝ่ายตรงข้ามอ่อนกำลังลง

ตามมาด้วยการ "เด็ดหัวทหาร" ที่เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว พุ่งเป้าไปที่การลอบสังหารและวางระเบิดกองกำลังของรัฐบาลอิรัก ทั้ง 2 กลยุทธ์เน้นการทำสงครามจิตวิทยาและบ่อนทำลายโครงสร้างการบังคับบัญชาของทหารฝ่ายรัฐบาล การวางแผนอย่างเป็นระบบและเปี่ยมประสิทธิภาพทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารถึงกับออกปากว่า "กลยุทธ์เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นจากองค์การก่อการร้าย แต่จะใช้กันในกองทัพมากกว่า"

ที่น่ากังวลคือ กรุงแบกแดดกำลังถูกแวดล้อมด้วยโรงงานผลิตอาวุธของสมาชิกกลุ่มไอซิสที่ฝังตัวอยู่ในอิรัก และพร้อมใช้ยุทธวิธีระเบิดในรถบรรทุกถล่มกรุงแบกแดด เหมือนที่เคยประสบความสำเร็จในพื้นที่อื่น ๆ มาแล้ว



ท่อน้ำเลี้ยงไม่เคยแห้ง

ก่อนหน้านี้ ทำเนียบ นายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลิกี แห่งอิรัก เคยออกแถลงการณ์เป็นนัยกล่าวหาซาอุดีอาระเบียว่าอยู่เบื้องหลังการผงาดของกลุ่มไอซิส เช่นเดียวกับที่รัฐบาลซีเรีย นำโดย ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ชี้นิ้วไปที่ซาอุฯ ในฐานะผู้สนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มกบฏในซีเรีย

มองผิวเผินแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่ผู้นำซีเรียและอิรักจะเชื่อว่าความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสงครามตัวแทนระหว่างอิสลามนิกายชีอะห์ (อิหร่าน กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ รัฐบาลซีเรีย รัฐบาลอิรัก) กับนิกายซุนหนี่ (ซาอุฯ ตุรกี กาตาร์ และประเทศอื่น ๆ รอบอ่าวเปอร์เซีย) แน่นอนว่าซาอุฯไม่ได้นิยมชมชอบนายอัสซาดและนายมาลิกี แต่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับไอซิสเช่นกัน

ที่สำคัญกลุ่มดังกล่าวเป็นภัยคุกคามที่ทางการซาอุฯ กังวลไม่น้อย ถึงขนาดที่กษัตริย์อับดุลเลาะห์สั่งการให้ใช้ "ทุกมาตรการที่จำเป็น" เตรียมรับมือการบุกของไอซิส

นักวิเคราะห์จากศูนย์ศึกษานโยบายตะวันออกกลาง แห่งสถาบันบรุคกิงในสหรัฐชี้ว่า เครือข่ายหลักในการระดมเงินบริจาคของกลุ่มไอซิสมาจากคูเวต เนื่องจากช่องโหว่ทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีชาวซาอุฯจำนวนมากลักลอบเดินทางข้ามแดนเข้าสู่ซีเรียและอิรัก เพื่อร่วมรบในสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์หรือ "จีฮัด"

กลุ่มไอซิสก้าวขึ้นมาเทียบรัศมีอัล-เคดาที่มีรายได้หลักจากเงินบริจาคของผู้สนับสนุน ด้วยการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากหลายช่องทางเพื่อกระจายความเสี่ยง แหล่งรายได้หลักของไอซิสมาจากน้ำมัน เช่น ในเมืองรัคคาห์ของซีเรีย กลุ่มกบฏที่เชื่อมโยงกับไอซิสสูบน้ำมันใต้ดินราว 3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน

และไม่น่าแปลกใจที่หลังยึดพื้นที่ตอนเหนือของอิรักได้ ไอซิสจะมุ่งความสนใจไปที่โรงกลั่นน้ำมันไบจิ เพราะไม่เพียงตัดรายได้ของรัฐบาลอิรักและสั่นคลอนความมั่งคงทางพลังงาน แต่ยังเป็นขุมทรัพย์ที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับทางกลุ่ม

อีกท่อน้ำเลี้ยงสำคัญมาจากการก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการปล้นสะดม การลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ นอกจากนี้ยังลักลอบขายโบราณวัตถุ

แหล่งรายได้ที่สาม ซึ่งกระทำอย่างเปิดเผยในพื้นที่ยึดครองของไอซิส คือ การเรียกค่าคุ้มครองและเก็บภาษีจากภาคธุรกิจในท้องถิ่น หรือตั้งด่านตามแนวชายแดนซีเรีย-อิรักเพื่อเรียกเก็บค่าผ่านทาง


กลุ่มก่อการร้ายสุดมั่งคั่ง

การเข้ายึดเมืองโมซุลของไอซิส หมายถึงการเข้าครอบครองอาวุธทันสมัยจำนวนมากที่สหรัฐมอบให้รัฐบาลอิรัก ทั้งยังบุกปล้นเงินสดในธนาคารที่เมืองดังกล่าวได้ถึง 5 แสนล้านดีนาร์ (429 ล้านดอลลาร์) พร้อมด้วยทองแท่งอีกจำนวนมาก ทำให้ไอซิสมีเงินทุนสำหรับทำสงครามอีกก้อนใหญ่

ความสำเร็จของกลุ่มดังกล่าว ประกอบกับนโยบายกีดกันพลเมืองนิกายซุนหนี่ของรัฐบาลนายมาลิกี กระตุ้นให้ชาวอิรักสายสุหนี่มาสมทบกับไอซิสมากขึ้น

แอรอน เซริน ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวคิดสุดโต่งจากสถาบันวอชิงตันประเมินว่า ไอซิสอาจเป็นกลุ่มก่อการร้ายรวยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยอาจมีสินทรัพย์หลายร้อยล้านดอลลาร์หรือทะลุพันล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น "ปรากฏการณ์ลูกบอลหิมะ" ที่กำลังขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ "คนกลุ่มนี้ยึดโมซุลจากทรัพยากรที่ได้จากซีเรีย ตอนนี้พวกเขาครอบครองอาวุธที่สหรัฐทิ้งไว้ และกำลังใช้มันเพื่อเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายถัดไป" ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือ กรุงแบกแดด และอิรักทั้งประเทศ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1404356269
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #200 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2014, 12:08:41 AM »

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6602


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #201 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2014, 07:20:20 AM »

แนวโน้มประเทศอิรัคคงต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นประเทศเคอร์ดิสถาน
แต่ออกทะเลไม่ได้ก็ลำบากอีก และสงครามที่แย่งชิงทรัพยากรน้ำมัน กับ อ้างศาสนาก็ไม่จบอีก
บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #202 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2014, 08:21:16 AM »

ดูเหมือนอีรัคโดนลอยแพ ต้องปกป้องตัวเองเสียแล้ว จะเหลือกี่เมืองที่เรียกว่าประเทศหน๋อ.....ประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ น่าเห็นใจครับ  Sad

ตอบคำถามน้าเบิ้มครับ... อิรัคโดนลอยแพเพราะว่าทำท่าจะเป็นผู้พ่ายแพ้ต่อไอซิส ปัจจัยสำคัญคือไอซิสบุกยึดบ่อน้ำมันและควบคุมทรัพยากรได้, ผู้คนต่างอยากเป็นพวกเดียวกับเจ้าของบ่อน้ำมันครับ...

ทำไมประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรจึงเป็นเช่นนี้ และน่าสงสารหรือไม่... ตอบว่าเป็นเพราะผู้คน"ส่วนใหญ่"ของประเทศไม่เคยตระหนักเรื่องภาพรวมที่ว่าผลประโยชน์เท่านั้น ที่ลากจูงทุกประเทศในโลกนี้เข้าสู่สงครามฯ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันยันอนาคต สรุปว่าล้วนแล้วเกิดจาก"คนโง่"เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นๆครับ...

นี่ถ้าเราไปถามผู้คนที่เข้าร่วมสงคราม ก็จะมีแต่บอกต่อกันว่าตนเองเข้าสงครามเพื่อศาสนา ปรารถนาเข้าร่วมรบในสงครามศักดิ์สิทธิ์ เข้าร่วมรบแล้วจะเป็น"คนดี" เข้าร่วมรบแล้วจะได้เข่นฆ่าคนเลว... สรุปคือคนโง่เจ้าอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ครับ, ใครบอกอย่างโน้นอย่างนี้ก็โกรธแค้นฯ แล้วก็อาฆาตจะตอบโต้ด้วยความรุนแรง...

ตอบคำถามว่าทำไมพวกนี้จึงมีแนวโน้มที่จะชนะในสงคราม, คำตอบที่ได้จะเป็นคำตอบแบบเดียวกับที่เขมรแดงเคยชนะเขมรสามฝ่าย แบบเดียวกับที่นาซีเคยชนะในช่วงต้นสงครามโลกฯ... นั่นคือความเด็ดขาดครับ ทำอะไรทำจริงและ"ไม่ใจกว้างยอมรับการต่อต้าน"...

หากใครศึกษาเรื่องภาวะผู้นำฯ, จะพบว่าภาวะผู้นำที่ได้ผลในสถานการณ์วิกฤติคือภาวะผู้นำแบบเด็ดขาด!!!... ซึ่งเมื่อมองภาพรวมแล้วจะพบว่า"ประชาธิปไตย"นั่นแหละ คืออาวุธร้ายบ่อนทำลาย!!! เพราะเอามาใช้ผิดสถานการณ์ครับ...

บันทึกการเข้า
บูรพา - รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 65
ออฟไลน์

กระทู้: 752



« ตอบ #203 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2014, 05:30:22 PM »

 Grin  สุดท้ายถ้าโดนแยกประเทศเป็นเสี่ยงๆ  รัฐบาลอีรัคหน้าจะทิ้งบอมบ่อน้ำมันที่พวกแบ่งแย่งดินแดนยึดไว้ทิ้งให้หมด เอาให้นายทุน ไอซิล กระอักเลือดเล่น  Grin
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #204 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2014, 07:44:31 PM »

ดูเหมือนอีรัคโดนลอยแพ ต้องปกป้องตัวเองเสียแล้ว จะเหลือกี่เมืองที่เรียกว่าประเทศหน๋อ.....ประเทศที่ร่ำรวยน้ำมัน ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ น่าเห็นใจครับ  Sad

ตอบคำถามน้าเบิ้มครับ... อิรัคโดนลอยแพเพราะว่าทำท่าจะเป็นผู้พ่ายแพ้ต่อไอซิส ปัจจัยสำคัญคือไอซิสบุกยึดบ่อน้ำมันและควบคุมทรัพยากรได้, ผู้คนต่างอยากเป็นพวกเดียวกับเจ้าของบ่อน้ำมันครับ...

ทำไมประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรจึงเป็นเช่นนี้ และน่าสงสารหรือไม่... ตอบว่าเป็นเพราะผู้คน"ส่วนใหญ่"ของประเทศไม่เคยตระหนักเรื่องภาพรวมที่ว่าผลประโยชน์เท่านั้น ที่ลากจูงทุกประเทศในโลกนี้เข้าสู่สงครามฯ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันยันอนาคต สรุปว่าล้วนแล้วเกิดจาก"คนโง่"เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นๆครับ...

นี่ถ้าเราไปถามผู้คนที่เข้าร่วมสงคราม ก็จะมีแต่บอกต่อกันว่าตนเองเข้าสงครามเพื่อศาสนา ปรารถนาเข้าร่วมรบในสงครามศักดิ์สิทธิ์ เข้าร่วมรบแล้วจะเป็น"คนดี" เข้าร่วมรบแล้วจะได้เข่นฆ่าคนเลว... สรุปคือคนโง่เจ้าอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ครับ, ใครบอกอย่างโน้นอย่างนี้ก็โกรธแค้นฯ แล้วก็อาฆาตจะตอบโต้ด้วยความรุนแรง...

ตอบคำถามว่าทำไมพวกนี้จึงมีแนวโน้มที่จะชนะในสงคราม, คำตอบที่ได้จะเป็นคำตอบแบบเดียวกับที่เขมรแดงเคยชนะเขมรสามฝ่าย แบบเดียวกับที่นาซีเคยชนะในช่วงต้นสงครามโลกฯ... นั่นคือความเด็ดขาดครับ ทำอะไรทำจริงและ"ไม่ใจกว้างยอมรับการต่อต้าน"...

หากใครศึกษาเรื่องภาวะผู้นำฯ, จะพบว่าภาวะผู้นำที่ได้ผลในสถานการณ์วิกฤติคือภาวะผู้นำแบบเด็ดขาด!!!... ซึ่งเมื่อมองภาพรวมแล้วจะพบว่า"ประชาธิปไตย"นั่นแหละ คืออาวุธร้ายบ่อนทำลาย!!! เพราะเอามาใช้ผิดสถานการณ์ครับ...




+ครับพี่อ.สมชาย

ผมคิดว่าพวกISIS ยังไม่เล่นงานซาอุฯ แค่แหย่ๆ ขึ้นเล่นซาอุฯ โดนปูพรมเละแน่ ซาอุฯรวย อาวุธเพียบ

รอให้สถาปนารัฐอิสลามอีรัค-ซีเรียเสร็จ กองทัพแข็งแรง สร้างประเทศใหม่ ค่อยไปแหย่ชาติอื่น

แต่ดูแล้ว สงครามอาหรับสปริง ยาวมาหลายปี จนถึงISIS ประเทศขายอาวุธรวยครับ เลยอยากให้มีสงครามต่อ ปั้นหัวให้ระแวงกันทั้งอาหรับ ขายของเพลิน  มหาอำนาจชอบค้าสงครามอยู่แล้ว  โดนชก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
บูรพา - รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 65
ออฟไลน์

กระทู้: 752



« ตอบ #205 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2014, 05:40:09 PM »

 ตกใจ  เริ่มมีเรียนแบบกันบ้างล่ะ

http://www.stasiareport.com/the-big-story/asia-report/malaysia/story/four-new-terrorist-groups-operating-malaysia-now-20140701

http://www.komchadluek.net/detail/20140701/187436.html

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 05, 2014, 05:41:40 PM โดย บูรพา - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #206 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2014, 06:20:11 PM »

+ ท่านบูรพา - รักในหลวง  Grin


แค่นี้บ้านเราก็อ่วมละครับ 10ปี ตายไป5-6พัน บาดเจ็บ พิการนับหมื่น เด็กกำพร้าหลายพันคน  หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« ตอบ #207 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2014, 07:29:52 PM »

สื่อมาเลเซียเผยแพร่หน่วยความมั่นคงพบ 4 กลุ่มหัวรุนแรง หวังตั้งรัฐอิสลามในย่านเอเชียอาคเนย์ รวมภาคใต้ไทย
1 ก.ค. 2557 หนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ส ในสิงคโปร์ อ้างรายงานของนิวสเตรทไทม์ส ในมาเลเซียว่า หน่วยความมั่นคงมาเลเซียพบและระบุชื่อกลุ่มก่อการร้ายสี่กลุ่มใหม่ ที่หวังจะตั้งรัฐอิสลามครอบคลุมพื้นที่หลายส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบบเดียวกับกองกำลังรัฐอิสลาม(ไอเอส)
มาเลเซียเผยชื่อกลุ่มทั้งสี่เป็นตัวย่อ ได้แก่ บีเคเอดับเบิลยู, บีเอเจ, ดิมเซีย และเอดีไอ โดยเชื่อว่าปฏิบัติการเคลื่อนไหวในหลายรัฐ อาทิ สลังงอร์ และเปรัค
แหล่งข่าวกรองเผยกับนิวสเตรทไทม์สว่า กลุ่มเหล่านี้มีที่มาจากกลุ่มก่อการร้ายที่รู้จักกันก่อนหน้า อาทิ เจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) และ "กัมปูลัน มูจาฮีดิน มาเลเซีย" (Kumpulan Mujahidin Malaysia) ที่อยู่เบื้องหลังส่งชาวมาเลเซียจำนวนหนึ่งไปร่วมรบกับกองกำลังในซีเรีย หลังผ่านการฝึกจากทางใต้ของไทย และกับกลุ่มอาบู ไซยาฟ ในฟิลิปปินส์
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ทั้งสี่กลุ่มเคลื่อนไหวเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกัน แต่พวกเขารับอุดมการณ์เดียวกับกลุ่มสุดโต่งอย่างอัลไกดาและกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย ที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น รัฐอิสลาม (ไอเอส) และเพิ่งประกาศตั้งรัฐอิสลามแบบในยุคกลางในดินแดนคาบเกี่ยวอิรักกับซีเรียหลังจากยึดครองได้
ส่วนรัฐอิสลามตามเป้าหมายของกลุ่ม 4 กลุ่มในมาเลเซียนี้ มีชื่อว่า ดัวละห์ อิสลามิยะห์ นูซันตารา ครอบคลุมพื้นที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ทางใต้ของไทยและใต้ของฟิลิปปินส์ รายงานระบุด้วยว่า ค่ายฮูไดบิยาห์ ค่ายฝึกหลักของอาบู ไซยาฟ ในฟิลิปปินส์นั้น รับสมาชิกกลุ่มเหล่านี้ไปเรียนรู้สงครามในเมือง และฝึกทักษะความชำนาญประกอบวัตถุระเบิด
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ผู้นำและสมาชิกอาวุโสของสี่กลุ่ม มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ของไทย อินโดนีเซีย พม่า ตลอดจนอาบู ไซยาฟ และไอเอส ซึ่งหน่วยความมั่นคงวิตกว่า กลุ่มต่างๆ ทั้งหมดนี้อาจหันมาร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุความฝันในที่สุด
มีรายงานว่า บีเคเอดับเบิลยู หาสมาชิกผ่านเฟซบุ๊กและตามที่ชุมนุม หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคือ นายอาห์หมัด ทาร์มิมิ มาลิกิ คนงานโรงงานวัย 26 ปีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส และเป็นผู้สังหารทหาร 25 คนด้วยการโจมตีพลีชีพในอิรักเมื่อ 26 พฤษภาคม
กลุ่มดิมเซีย (Dimzia) เพิ่งตั้งในปีนี้ เป็นกลุ่มแยกตัวออกมาจากกลุ่มบีเอเจ แม้ผู้นำของดิมเซียถูกทางการรวบตัวแล้ว แต่สมาชิกยังเคลื่อนไหวอยู่ ส่วนกลุ่มเอดีไอ มีอายุไม่ถึงหนึ่งปี แต่เชื่อว่ามีสายสัมพันธ์ชัดเจนกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างชาติ รวมถึง เจมาห์ อันชารุต เทาฮิด ในอินโดนีเซีย
กบฏซีเรียไม่สนกลุ่มสุดโต่งตั้งรัฐอิสลาม
หลังจากกองกำลังสุดโต่งกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ เปลี่ยนชื่อเป็น รัฐอิสลาม (ไอเอส) และประกาศให้พื้นที่ที่กลุ่มยึดได้ในซีเรียคาบเกี่ยวกับอิรัก เป็นรัฐอิสลาม หรือคอลีฟะห์ โดยหัวหน้าไอเอส เป็นประมุข ทั้งยังเป็นผู้นำของมุสลิมทั่วโลก กลุ่มกบฏในซีเรียออกแถลงการณ์ในหนึ่งวันต่อมา เป็นคำประกาศที่ไม่มีผลใดๆ ทั้งแง่กฎหมายและเหตุผล พร้อมเตือนมุสลิมและกลุ่มญีฮัดทั้งหมด มิให้รับใช้ไอเอส
แถลงการณ์ฉบับนี้ลงนามโดยองค์กรทางศาสนาของกองกำลังหลักที่ต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย อาทิ อิสลามิก ฟรอนต์ ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มกบฏใหญ่สุด และ "มาจลิส ชูรอ มูจาฮีดีน อัล ชาร์คียา" พันธมิตรกองกำลังใน จ.เดียร์ เอซซอร์ ทางตะวันออกใกล้กับอิรัก ซึ่งมีกลุ่ม "อัล-นุสราฟรอนต์" ในเครือข่ายอัลไกดา รวมอยู่ด้วย แถลงการณ์ระบุด้วยว่าคำประกาศตั้งรัฐอิสลาม สร้างความแตกแยกและเป็นความพยายามทำลายทิ้งการปฏิวัติน่าชื่นชมในซีเรียและอิรัก
เดิม กลุ่มกบฏซีเรียต้อนรับไอเอสที่มีแหล่งกำเนิดในอิรักเข้าไปร่วมต่อสู้กับทหารซีเรีย แต่ต่อมาหันมาเป็นศัตรูกัน เพราะความต้องการเป็นใหญ่และพฤติกรรมโหดเหี้ยมของไอเอส มีรายงานว่าไอเอสลักพาตัวชาวซีเรียรวมทั้งกบฏด้วยกันเอง นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน และประหารผู้คนรายวันในพื้นที่ควบคุมของตนใน จ.ราคา ทางเหนือของซีเรีย หลายพื้นที่ใน จ.เดียร์ เอสซอร์ ที่ร่ำรวยน้ำมันใกล้ชายแดนอิรัก และหลายพื้นที่ของเมืองอเล็ปโปทางเหนือของซีเรีย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การประกาศตั้งรัฐอิสลามของไอเอส ไม่มีผลเป็นรูปธรรม แต่ที่เปลี่ยนคือความรู้สึกต่อเป้าหมายของการต่อสู้ อันอาจสร้างแรงบันดาลใจและปลุกกระแสสนับสนุนจากมุสลิมสุดโต่งจากทั่วโลก
ด้านประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐ ประกาศส่งทหารไปยังกรุงแบกแดดของอิรัก เพิ่มอีก 200 คน เพื่อคุ้มครองสถานทูต สถานที่เกี่ยวเนื่อง และสนามบินนานาชาติแบกแดด ทำให้จำนวนทหารสหรัฐและกองกำลังอารักขาสถานทูตเวลานี้เพิ่มเป็น 800 นาย
อีกด้านหนึ่ง กองกำลังอิรักยังพยายามที่จะยึดเมืองทิกริต บ้านเกิดของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน คืนจากกองกำลังที่นำโดยกลุ่มไอเอสต่อไป
ปฏิบัติการรุกรบเพื่อยึดทิกริตคืน มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์และขวัญกำลังใจของกองกำลังอิรัก
ที่มา:คม ชัด ลึก
บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10361



« ตอบ #208 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2014, 10:11:12 AM »



ศาสตรจารย์ ดร.โยชิอิวา กาวาโอกะ ได้รับทุน12ล้านUS ปรับแต่งเชื้อH1N12009ไข้หวัดมรณะให้รุนแรงขึ้น ศักยภาพฆ่า 500,000 คน@NHK News
น่าจะเกี่ยวกับสงครามไม่มากก็น้อย ในอนาคตการสู้กันคงไม่น่าจะใช้อาวุธหรือระเบิด แต่จะใช้วิธีที่สกปรกแบบนี้มากกว่า ตัวแสบจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากประเทศที่ให้เงินสนับสนุนในการวิจัย ขอให้ประเทศมันตายห่าก่อนเลย ชั่วแบบนี้ บุกอิรัคครั้งก่อนมันก็อ้างประเทศเขาแบบนี้ แบร่
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50461



« ตอบ #209 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2014, 01:32:22 AM »

สงครามเพื่อสันติภาพ ไม่เคยมีอยู่จริง

คอลัมน์ อินไซด์ต่างประเทศ
วิจักขณ์ ชิตรัตน์


การก่อการร้าย ที่แพร่อยู่แทบทั่วโลกมาร่วม 14 ปี (นับตั้งแต่ ค.ศ.2001) คงเป็นเรื่องที่สร้างความหวาดกลัว และกังวลให้ทุกประเทศ จะมากน้อยต่างกันเท่านั้น และที่น่าเศร้าคือ มักเกี่ยวข้องกับชาวมุสลิมไม่มากก็น้อย



ประชากรโลก 7 พันล้านคนเศษนั้น เป็นชาวมุสลิมอยู่ถึง 1,600 ล้านคน แต่ชาวมุสลิมนั้นมีอยู่ 2 นิกาย คือ "สุหนี่" (90% ของ 1,600 ล้านคน) ส่วนอีกกลุ่มคือ "ชีอะห์" ซึ่งอยู่หนาแน่นที่สุดในอิหร่าน รวมทั้งบางส่วนของอิรัก และซีเรีย



น่าเศร้าเช่นกันที่มุสลิมทั้ง 2 กลุ่มนี้แตกแยก และเริ่มรบกันครั้งแรกเมื่อศาสดาสิ้นไปเพียงไม่ถึง 30 ปี นั่นคือใน ค.ศ.632



ต่อมาในราว ค.ศ.1500 กลุ่มชีอะห์เริ่มเป็นปึกแผ่นในอิหร่านปัจจุบัน แต่สมัยนั้นเป็นดินแดนที่รู้จักกันในนามจักรวรรดิเปอร์เซีย (ชีอะห์) มีเขตอำนาจของตนเอง และปลอดจากอิทธิพลของจักรวรรดิออโตมัน (คือตุรกีปัจจุบัน) ที่ชนส่วนใหญ่เป็นสุหนี่



สรุปแล้ว แม้ว่า 2 กลุ่มนี้จะแตกต่างทางความคิด การปะทะกันที่เคยมีขึ้นครั้งแรกเมื่อ 1,400 กว่าปีที่แล้วได้หยุดลงในช่วงที่จักรวรรดิออโตมันเรืองอำนาจอยู่ถึง 500 ปี จากนั้นก็เป็นยุคการล่าเมืองขึ้นของตะวันตก ต่อเรื่อยมาจนถึงยุคหลังสงครามโลก



โลกเริ่มกังวลตั้งแต่ปี 1983 ที่ทหารสหรัฐในเลบานอนดับไป 200 กว่าคนด้วยฝีมือของมุสลิมชีอะห์ที่อยู่ในชื่อ ฮิซบอลเลาะห์ ต่อมาสหรัฐจึงได้ฝึกฝนชาวซาอุดีอาระเบีย (กลุ่มสุหนี่) ที่ชื่อ โอซามา บิน ลาเดน ขึ้นมา แต่ในเวลาไม่นานนายคนนี้ได้ประกาศจะจัดตั้งรัฐอิสลาม (caliphate-การปกครองที่นำโดยกาหลิบ) และตั้งตัวเป็นศัตรูกับตะวันตกทั้งหมด



มุสลิมสุหนี่ ที่อยู่ในชื่อ ISIS ที่บุกยึดอิรักในวันนี้ ก็มีเป้าหมายที่จะตั้งรัฐอิสลาม (caliphate) เช่นเดียวกับนายลาเดนที่ดับสิ้นไปแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ครั้งนี้ดินแดนที่หมายตาจะให้เป็นรัฐของตนขึ้นมานี้จะประกอบด้วยส่วนหนึ่งของซีเรีย และส่วนหนึ่งของอิรัก และนั่นแปลว่าจะต้องรบทั้งกับชาวซีเรีย อิรัก ชาวเคิร์ด (ที่มีเขตปกครองอยู่ทั้งในตุรกีและอิรัก) รวมทั้งยังไม่รู้ว่าจะต้องรบกับมุสลิมในตะวันออกกลาง หรือประเทศตะวันตกอีกเท่าใด



ประเทศที่อาจจะหนาวๆ ร้อนๆ มากสุดอาจเป็นซาอุฯ เพราะ กลุ่ม ISIS ยึดเมืองชายแดนของอิรักได้แล้วเมืองหนึ่ง และเมืองนี้มีชายแดนติดกับตอนเหนือของซาอุฯ ยาวถึงราว 400 ก.ม.



ปฏิกิริยาย่อยๆ ที่น่าจับตามองเช่นกันคือ ธนาคารอิสลามในดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เอาคำว่า "อิสลาม" ออกจากชื่อธนาคารด้วยเหตุว่าต้องการเจาะตลาดโลกมากขึ้น จึงต้อง rebranding ตนเอง ขณะเดียวกัน จีนก็ประกาศห้ามข้าราชการและนักเรียนมุสลิมในเขตซินเกียงเข้าร่วมการถือศีลอด ตามหลักศาสนาอิสลาม



และเรื่องสุดท้ายคือ ศาลฝรั่งเศสสั่งยืนยันไม่ให้สตรีมุสลิมในฝรั่งเศสใส่ผ้าปิดหน้า (ตามประเพณีอิสลาม) ในที่สาธารณะ



ไม่ว่าจะวุ่นแค่ไหน ผมเชื่อว่าสงครามเพื่อสันติภาพ ไม่มีจริง


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObWIzSXdOVEEyTURjMU53PT0%3D&sectionid=TURNd05nPT0%3D&day=TWpBeE5DMHdOeTB3Tmc9PQ%3D%3D
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
หน้า: 1 ... 11 12 13 [14] 15 16 17 ... 98
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.091 วินาที กับ 22 คำสั่ง