๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 29, 2024, 09:53:15 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาน้ำท่วม กับการแก้ปัญหาด้วยปากของพณฯท่านนาย....ก  (อ่าน 2751 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
โจ
Hero Member
*****

คะแนน 51
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1367


« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 08:43:09 PM »

"ทักษิณ"โยงน้ำท่วม-การเมือง

  พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์น้ำท่วม จ.เชียงใหม่ ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม จึงป้องกันอย่างเต็มที่

  ผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุที่น้ำท่วม จ.เชียงใหม่ เพราะมีสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำไหลเป็นจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม่น้ำปิงมีภาวะตื้นเขินมาระยะหนึ่ง ประกอบกับมีการบุกรุกพื้นที่ริมน้ำมานานเป็นสิบๆ ปี บางที่มีโฉนดที่ดินด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมอบหมายให้นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาดำเนินการโดยใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศมาเปรียบเทียบ ทั้งนี้อาจจะต้องขยับขยายสถานที่ราชการบางแห่ง เช่น สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ขวางทางน้ำไหล รวมถึงต้องมีการขยับโดยเฉพาะลานจอดรถหรือบ้านพักบางส่วนออกไปด้วย

  ต่อข้อถามว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อื่น เช่น ภาคอีสานจะดำเนินการแก้ไขอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ความจริงมันอยู่ในแผนงานที่จะแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบและได้วางงบประมาณไว้ประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำทั้งระบบ แต่เนื่องจากมีวิกฤติทางการเมืองทำให้โครงการใหญ่ๆ ต้องหยุดชะลอ และคงต้องรอหลังการเลือกตั้ง คงจะเดินหน้าเต็มที่ เพราะวันนี้คงจะทำอะไรลำบาก

http://www.komchadluek.net/2006/08/01/a001_33450.php?news_id=33450

ผมว่าปัญหาภัยพิบัติของประเทศไทยทุกวัน จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตลอดระยะเวลา 5 ปี รัฐบาลชุดนี้กลับไม่เคยสนใจ และ ใส่ใจ ทำงานแบบสร้างภาพและทำงานด้วยปากอย่างเดียว เพิ่งจะมาสนใจเอาตอนจะเลือกตั้งครั้งใหม่

งานนี้ก็เอาอีกแล้วแถมยังคิดโยงกับเรื่องการเมืองอีก ใครว่าประชาธิปัตย์เล่นการเมืองเก่ง ผมว่านายกทักษิณเก่งกว่า

เรื่องฝายแม้วที่ในหลวงท่านทรงตรัสเมื่อ 5 ธันวาคม 2548 ตอนนี้ทำถึงไหน ถ้านายกทำอย่างจริงจัง ปัญหาน้ำท่วมที่ภาคเหนือคงมีปัญหาน้อยกว่านี้ครับ

ทักษิณคนเหนือแท้ๆน่าจะทำเพื่อคนเหนือบ้าง ไม่ใช่พัฒนาแต่วัตถุ คิดจะสร้างแต่สิ่งเพื่อเศรษฐกิจ รถไฟฟ้าที่เชียงใหม่ ถนนลอดอุโมงค์ แต่สิ่งที่ทำเพื่อแก้ปัญหาประชาชนอย่างแท้จริงกลับไม่สนใจ ไม่ว่าจะเรื่องภัยแล้ง ภัยธรรมชาติ และ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 09:41:51 PM »

 Undecided เมื่อกี๊ดูรายการ "รู้ทันประเทศไทย" ของ อ.เจิมศักดิ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "การตลาดการเมือง" แบบนี้เข้าข่ายพอดีเลย Undecided
บันทึกการเข้า

BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 10:02:40 PM »

....ไม่ว่านายกฯ จะคนภาคไหน...บ้านผม...ยังเหมือนเดิมครับ.....ไม่เจริญอย่างไหน...ก็อย่างนั้น....มีแต่ตึกรามบ้านช่อง...แต่เศรฐกิจยัง...ไม่เดินไปถึงไหนเลย.....แต่ขอยกเว้น...สมัยป๋าเปรม ...แถวบ้านนอกสงบสุขกันดีมาก...ยุคนั้นมีโครงการของรัฐบาลเช่น....แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง...ชาวบ้านและข้าราชการ  สมัครสมาน สามัคคีกันดีมาก....ไม่เดือดร้อน...มากมายเหมือนตอนนี้....ทุกวันนี้เป็นสังคมวัตถุนิยม....ผู้คนแก่งแย่งกันทำมาหากิน...ก็เพื่อต้องการยกระดับชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น...แต่...ดีขึ้น..ในที่นี้ก็คือ  การซื้อรถใหม่ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ...สร้างบ้านใหม่....แข่งกัน...มาก (พูดถึงบ้านนอกนะครับ)  ไม่เหมือนสมัยก่อน....อยู่แบบพอมีพอกิน....สงบร่มเย็น....อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ....อยากกิน ปลา ก็แค่ เดินไปกลางทุ่งนา....ปักเบ็ด...ตกปลา....ผักก็เก็บในสวนหรือตามข้างทางเดินไปทุ่งนา....ไก่ก็เลี้ยงกินเอง...รวมทั้งหมู....กินข้าวเย็นเสร็จ  ตามประสาญาติพี่น้อง  ล้อมวงคุยกันสนทนาเฮฮา...ตามประสาบ้านไร่บ้านทุ่ง....ไม่มี..มอร์เตอร์ไซด์  เร็ว ๆ แรง ๆ ให้รำคาญใจ....มีแต่ ควายเทียมเกวียน....ไม่มีบิ๊กซี  ไม่มีเอ็มเค...ไม่มี....โรงหนัง....มีแต่วิทยุทรานซิสเตอร์  ที่คุณสามารถเลือกรับฟังได้ทุกอย่างทุกแนว.....ตั้งแต่ข่าวสารบ้านเมือง.......ละครวิทยุ.....เพลง................ทุกอย่าง..อยู่แบบพอเพียงและปลอดสารพิษ........อากาศก็บริสุทธิ์  เพราะไม่มีรถมาวิ่งสร้างควันพิษเหมือนเช่นปัจจุบัน......ผมนึก..อยู่เสมอว่า...อยากกลับไปอยู่ยุคนั้นจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้...นะ..ครับ.....ถ้าผมมีตังค์เยอะ ๆ  ผมจะกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นครับ.... Cheesy
บันทึกการเข้า
NPD
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 10:14:49 PM »

 Cheesy Cheesy ท่าน Spoonner อู้ได้ถูกใจ๋ แต๊ ๆ..... สังคมบ้านผมพัง ตั้งแต่ยุค ชาติชาย.... ยุดสบู่โป่งพองนายหน้า ปั่นที่ดินแถวเชียงรายสนุกสนาน ช่วงนั้นไปที่ใหน ก็มีแต่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ..... ตอนนี้พวกที่ปรับตัวได้ ก็สบายไป ส่วนที่ปรับตัวไม่ได้ ก็กลับมาจนยิ่งกว่าเดิม...... ที่นารกร้างเป็นแถบ Cheesy
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 10:32:38 PM »

Cheesy Cheesy ท่าน Spoonner อู้ได้ถูกใจ๋ แต๊ ๆ..... สังคมบ้านผมพัง ตั้งแต่ยุค ชาติชาย.... ยุดสบู่โป่งพองนายหน้า ปั่นที่ดินแถวเชียงรายสนุกสนาน ช่วงนั้นไปที่ใหน ก็มีแต่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ..... ตอนนี้พวกที่ปรับตัวได้ ก็สบายไป ส่วนที่ปรับตัวไม่ได้ ก็กลับมาจนยิ่งกว่าเดิม...... ที่นารกร้างเป็นแถบ Cheesy

              Smileyใช่แล้วครับพี่.....แถวเชียงราย..เศรษฐีใหม่เกิดเพียบ.....รถยนต์อีกซูสุรุ่น...มังกรทองตอนนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...และขายดีต่อมาหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน...เป็น ดีแมกซ์..........ร้านขายรถ..ใหญ่ ๆ ปัจจุบัน ทั้งรถปิคอัพ  เก๋ง  บรรทุก  มอร์เตอร์ไซด์........ตั้งตัวได้....จนปัจจุบันก็มาจาก...ยุคชาติชายขายแผ่นดินกินทั้งนั้นแหละครับ....ลูกหลาน..เอามอร์เตอร์ไซด์ไปซิ่งตาย...ตามโค้งต่าง ๆ จนมีฉายาประจำโค้งเกือบทุกโค้ง..ก็เพราะเหตุนี้แหละ...บ่อน....หวย.....บาร์ คลับ   อะโกโก้.....สถานบันเทิง....ยาเสพติด.....ก็เจริญงอกงามมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้น.....มากเหมือนกัน..สมัยนั้น  .ธนาคารบ้านผมมีตั้ง   ๒ แห่ง  ทั้งที่เป็นเพียงแค่ อำเภอบ้านนอก  เล็ก ๆ  ......มีร้านขายรถมอร์เตอร์ไซด์   อยู่ติด ๆ กัน ตั้งเกือบ ๑๐ ร้าน.....แต่ปัจจุบัน  ธนาคาร เหลือแต่ ธ.ก.ส.  ร้านขายรถ ก็มีแค่ ๓-๔ ร้าน......ไม่ค่อยได้ขาย............บางคนไม่เคยรวย...ต้องมารวยแบบชั่วข้ามคืน....คนที่ใช้เงินเป็นก็ดีไป....บางคน..ใช้ไม่เป็นก็จนกว่าเดิม...แต่ส่วนมาก..แบบหลังนี้จะเยอะกว่า...บางคนถึงกับต้องไปเช่าที่ดินที่เคยเป็นของตัวเอง..ซึ่งขายไปแล้ว...ทำกินอีกที.....ผมไม่รู้ว่าจะกล่าวยังไง......

       Shocked ที่ดินยุคนั้น....บูมมาก....เชื่อมั๊ยครับว่า...มีแต่ที่ดินของผมเท่านั้น...ที่ไม่ยอมขาย....ที่บริเวณ รอบข้าง ...ของบ้านผม...ขายให้นายทุนหมดเลย....มีแต่บ้านผมหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่ขาย  ให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย.....พ่อผมไม่ขาย....ถามพ่อว่าอยากได้เงินล้านไหม...พ่อบอกว่าอยาก....แต่ต้องไม่ใช่เงินที่มาจากการขายแผ่นดินกิน....พ่อบอกว่า...คนที่ขายที่ดินซึ่งเปรียบเสมือน...คนสิ้นทุกอย่างแล้ว...แม้แต่แผ่นดินที่...ให้ตัวเองเหยียบย่ำ...ให้เป็นที่อยู่อาศัยหลับนอน ทำกิน ถ่ายทุกข์........เป็นทุกอย่างของเรา...แม่พระธรณี....ซึ่งดูแลปกปักรักษาอยู่.....ใครที่ขายแผ่นดินกิน...อย่าหวังว่าจะได้อยู่เสวยสุขนาน....ก็มีตัวอย่างให้เห็นอย่างนั้นจริง ๆ  .....

              Grinอันนี้...ไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงบุคคลใดหรือ....ประจานคนบ้านตัวเองนะครับ...เล่าตามที่ได้เคยประสบมาเพราะนั่นคือความจริง.....เป็นผลพวงจากสิ่งที่ผมไม่เคยสนใจและเกลียดมากเมื่อได้ยินคำ  ๆ  นี้.....ในสมัยเป็นเด็ก ...นั่นคือ  คำว่า.......... "ทุนนิยม".......... Sad
       

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2006, 10:37:32 PM โดย SPOONNER » บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31463


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 10:36:20 PM »

....ไม่ว่านายกฯ จะคนภาคไหน...บ้านผม...ยังเหมือนเดิมครับ.....ไม่เจริญอย่างไหน...ก็อย่างนั้น....มีแต่ตึกรามบ้านช่อง...แต่เศรฐกิจยัง...ไม่เดินไปถึงไหนเลย.....แต่ขอยกเว้น...สมัยป๋าเปรม ...แถวบ้านนอกสงบสุขกันดีมาก...ยุคนั้นมีโครงการของรัฐบาลเช่น....แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง...ชาวบ้านและข้าราชการ  สมัครสมาน สามัคคีกันดีมาก....ไม่เดือดร้อน...มากมายเหมือนตอนนี้....ทุกวันนี้เป็นสังคมวัตถุนิยม....ผู้คนแก่งแย่งกันทำมาหากิน...ก็เพื่อต้องการยกระดับชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น...แต่...ดีขึ้น..ในที่นี้ก็คือ  การซื้อรถใหม่ เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ...สร้างบ้านใหม่....แข่งกัน...มาก (พูดถึงบ้านนอกนะครับ)  ไม่เหมือนสมัยก่อน....อยู่แบบพอมีพอกิน....สงบร่มเย็น....อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ....อยากกิน ปลา ก็แค่ เดินไปกลางทุ่งนา....ปักเบ็ด...ตกปลา....ผักก็เก็บในสวนหรือตามข้างทางเดินไปทุ่งนา....ไก่ก็เลี้ยงกินเอง...รวมทั้งหมู....กินข้าวเย็นเสร็จ  ตามประสาญาติพี่น้อง  ล้อมวงคุยกันสนทนาเฮฮา...ตามประสาบ้านไร่บ้านทุ่ง....ไม่มี..มอร์เตอร์ไซด์  เร็ว ๆ แรง ๆ ให้รำคาญใจ....มีแต่ ควายเทียมเกวียน....ไม่มีบิ๊กซี  ไม่มีเอ็มเค...ไม่มี....โรงหนัง....มีแต่วิทยุทรานซิสเตอร์  ที่คุณสามารถเลือกรับฟังได้ทุกอย่างทุกแนว.....ตั้งแต่ข่าวสารบ้านเมือง.......ละครวิทยุ.....เพลง................ทุกอย่าง..อยู่แบบพอเพียงและปลอดสารพิษ........อากาศก็บริสุทธิ์  เพราะไม่มีรถมาวิ่งสร้างควันพิษเหมือนเช่นปัจจุบัน......ผมนึก..อยู่เสมอว่า...อยากกลับไปอยู่ยุคนั้นจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้...นะ..ครับ.....ถ้าผมมีตังค์เยอะ ๆ  ผมจะกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นครับ.... Cheesy


Cheesy Cheesy ท่าน Spoonner อู้ได้ถูกใจ๋ แต๊ ๆ..... สังคมบ้านผมพัง ตั้งแต่ยุค ชาติชาย.... ยุดสบู่โป่งพองนายหน้า ปั่นที่ดินแถวเชียงรายสนุกสนาน ช่วงนั้นไปที่ใหน ก็มีแต่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ..... ตอนนี้พวกที่ปรับตัวได้ ก็สบายไป ส่วนที่ปรับตัวไม่ได้ ก็กลับมาจนยิ่งกว่าเดิม...... ที่นารกร้างเป็นแถบ Cheesy

ใช่แล้วครับพี่.....แถวเชียงราย..เศรษฐีใหม่เกิดเพียบ.....รถยนต์อีกซูสุรุ่น...มังกรทองตอนนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...และขายดีต่อมาหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน...เป็น ดีแมกซ์..........ร้านขายรถ..ใหญ่ ๆ ปัจจุบัน ทั้งรถปิคอัพ เก๋ง บรรทุก มอร์เตอร์ไซด์........ตั้งตัวได้....จนปัจจุบันก็มาจาก...ยุคชาติชายขายแผ่นดินกินทั้งนั้นแหละครับ....ลูกหลาน..เอามอร์เตอร์ไซด์ไปซิ่งตาย...ตามโค้งต่าง ๆ จนมีฉายาประจำโค้งเกือบทุกโค้ง..ก็เพราะเหตุนี้แหละ...บ่อน....หวย.....บาร์ คลับ อะโกโก้.....สถานบันเทิง....ยาเสพติด.....ก็เจริญงอกงามมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้น.....มากเหมือนกัน..สมัยนั้น .ธนาคารบ้านผมมีตั้ง ๒ แห่ง ทั้งที่เป็นเพียงแค่ อำเภอบ้านนอก เล็ก ๆ ......มีร้านขายรถมอร์เตอร์ไซด์ อยู่ติด ๆ กัน ตั้งเกือบ ๑๐ ร้าน.....แต่ปัจจุบัน ธนาคาร เหลือแต่ ธ.ก.ส. ร้านขายรถ ก็มีแค่ ๓-๔ ร้าน......ไม่ค่อยได้ขาย............บางคนไม่เคยรวย...ต้องมารวยแบบชั่วข้ามคืน....คนที่ใช้เงินเป็นก็ดีไป....บางคน..ใช้ไม่เป็นก็จนกว่าเดิม...แต่ส่วนมาก..แบบหลังนี้จะเยอะกว่า...บางคนถึงกับต้องไปเช่าที่ดินที่เคยเป็นของตัวเอง..ซึ่งขายไปแล้ว...ทำกินอีกที.....ผมไม่รู้ว่าจะกล่าวยังไง......

 ที่ดินยุคนั้น....บูมมาก....เชื่อมั๊ยครับว่า...มีแต่ที่ดินของผมเท่านั้น...ที่ไม่ยอมขาย....ที่บริเวณ รอบข้าง ...ของบ้านผม...ขายให้นายทุนหมดเลย....มีแต่บ้านผมหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่ขาย ให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย.....พ่อผมไม่ขาย....ถามแกว่าอยากได้เงินล้านไหม...แกบอกว่าอยาก....แต่ต้องไม่ใช่เงินที่มาจากการขายแผ่นดินกิน....พ่อบอกว่า...คนที่ขายที่ดินซึ่งเปรียบเสมือน...คนสิ้นทุกอย่างแล้ว...แม้แต่แผ่นดินที่...ให้ตัวเองเหยียบย่ำ...ให้เป็นที่อยู่อาศัยหลับนอน ทำกิน ถ่ายทุกข์........เป็นทุกอย่างของเรา...แม่พระธรณี....ซึ่งดูแลปกปักรักษาอยู่.....ใครที่ขายแผ่นดินกิน...อย่าหวังว่าจะได้อยู่เสวยสุขนาน....ก็มีตัวอย่างให้เห็นอย่างนั้นจริง ๆ .....

 อันนี้...ไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงบุคคลใดหรือ....ประจานคนบ้านตัวเองนะครับ...เล่าตามที่ได้เคยประสบมาเพราะนั่นคือความจริง.....เป็นผลพวงจากสิ่งที่ผมไม่เคยสนใจและเกลียดมากสมัยเป็นเด็ก ...นั่นคือ "ทุนนิยม"..........
 

 


ด้วยความเคารพครับ

ขอคาระวะในความคิดครับ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Tee17 - รักพ่อหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 963



« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 11:05:50 PM »

คุณ SPOONNER ถ้ารวยแล้วผมขอไปอยู่ด้วยคนนะ บรรยายซะเห็นภาพเลย
บันทึกการเข้า

Mr.Tanit Cherdrungsi
Tel. : (081)643-8860
ธ.ไทยพานิชย์ 162-212-7593 ออมทรัพย์ สาขาย่อยเดอะมอลล์บางแค

PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 11:16:18 PM »

มนุษย์กำลังได้รับการตอบแทนอย่างแสนสาหัสในอีกไม่นานนี้แล้ว ......... ใครพร้อม ใครไม่ประมาท คนนั้นรอด
บันทึกการเข้า

                
Gonn
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2006, 12:08:22 AM »

Cheesy Cheesy ท่าน Spoonner อู้ได้ถูกใจ๋ แต๊ ๆ..... สังคมบ้านผมพัง ตั้งแต่ยุค ชาติชาย.... ยุดสบู่โป่งพองนายหน้า ปั่นที่ดินแถวเชียงรายสนุกสนาน ช่วงนั้นไปที่ใหน ก็มีแต่ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ..... ตอนนี้พวกที่ปรับตัวได้ ก็สบายไป ส่วนที่ปรับตัวไม่ได้ ก็กลับมาจนยิ่งกว่าเดิม...... ที่นารกร้างเป็นแถบ Cheesy

              Smileyใช่แล้วครับพี่.....แถวเชียงราย..เศรษฐีใหม่เกิดเพียบ.....รถยนต์อีกซูสุรุ่น...มังกรทองตอนนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...และขายดีต่อมาหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน...เป็น ดีแมกซ์..........ร้านขายรถ..ใหญ่ ๆ ปัจจุบัน ทั้งรถปิคอัพ  เก๋ง  บรรทุก  มอร์เตอร์ไซด์........ตั้งตัวได้....จนปัจจุบันก็มาจาก...ยุคชาติชายขายแผ่นดินกินทั้งนั้นแหละครับ....ลูกหลาน..เอามอร์เตอร์ไซด์ไปซิ่งตาย...ตามโค้งต่าง ๆ จนมีฉายาประจำโค้งเกือบทุกโค้ง..ก็เพราะเหตุนี้แหละ...บ่อน....หวย.....บาร์ คลับ   อะโกโก้.....สถานบันเทิง....ยาเสพติด.....ก็เจริญงอกงามมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้น.....มากเหมือนกัน..สมัยนั้น  .ธนาคารบ้านผมมีตั้ง   ๒ แห่ง  ทั้งที่เป็นเพียงแค่ อำเภอบ้านนอก  เล็ก ๆ  ......มีร้านขายรถมอร์เตอร์ไซด์   อยู่ติด ๆ กัน ตั้งเกือบ ๑๐ ร้าน.....แต่ปัจจุบัน  ธนาคาร เหลือแต่ ธ.ก.ส.  ร้านขายรถ ก็มีแค่ ๓-๔ ร้าน......ไม่ค่อยได้ขาย............บางคนไม่เคยรวย...ต้องมารวยแบบชั่วข้ามคืน....คนที่ใช้เงินเป็นก็ดีไป....บางคน..ใช้ไม่เป็นก็จนกว่าเดิม...แต่ส่วนมาก..แบบหลังนี้จะเยอะกว่า...บางคนถึงกับต้องไปเช่าที่ดินที่เคยเป็นของตัวเอง..ซึ่งขายไปแล้ว...ทำกินอีกที.....ผมไม่รู้ว่าจะกล่าวยังไง......

       Shocked ที่ดินยุคนั้น....บูมมาก....เชื่อมั๊ยครับว่า...มีแต่ที่ดินของผมเท่านั้น...ที่ไม่ยอมขาย....ที่บริเวณ รอบข้าง ...ของบ้านผม...ขายให้นายทุนหมดเลย....มีแต่บ้านผมหลังเดียวเท่านั้นที่ไม่ขาย  ให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย.....พ่อผมไม่ขาย....ถามพ่อว่าอยากได้เงินล้านไหม...พ่อบอกว่าอยาก....แต่ต้องไม่ใช่เงินที่มาจากการขายแผ่นดินกิน....พ่อบอกว่า...คนที่ขายที่ดินซึ่งเปรียบเสมือน...คนสิ้นทุกอย่างแล้ว...แม้แต่แผ่นดินที่...ให้ตัวเองเหยียบย่ำ...ให้เป็นที่อยู่อาศัยหลับนอน ทำกิน ถ่ายทุกข์........เป็นทุกอย่างของเรา...แม่พระธรณี....ซึ่งดูแลปกปักรักษาอยู่.....ใครที่ขายแผ่นดินกิน...อย่าหวังว่าจะได้อยู่เสวยสุขนาน....ก็มีตัวอย่างให้เห็นอย่างนั้นจริง ๆ  .....

              Grinอันนี้...ไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงบุคคลใดหรือ....ประจานคนบ้านตัวเองนะครับ...เล่าตามที่ได้เคยประสบมาเพราะนั่นคือความจริง.....เป็นผลพวงจากสิ่งที่ผมไม่เคยสนใจและเกลียดมากเมื่อได้ยินคำ  ๆ  นี้.....ในสมัยเป็นเด็ก ...นั่นคือ  คำว่า.......... "ทุนนิยม".......... Sad
       

     
ถูกใจพี่สปูนเนอร์ครับ โดนมากๆ
บันทึกการเข้า
NPD
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2006, 06:15:43 AM »

         สถานการณ์ตอนนั้นแถบบ้านผมยิ่งแล้วใหญ่ครับคุณ Spoonner   ที่สวนลิ้นจี่ของครอบครัวผมเพิ่งปลูกได้ประมาณห้าหกปี กำลังจะเก็บผลผลิตได้ โดนเวนคืนที่เพื่อสร้างสนามบิน.... วิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่เช้ามาก็ออกจากบ้าน เข้าสวนปลูกลิ้นจี่ พืชไร่ขายพอเลี้ยงตัว โดนเวนคืนที่ในราคาไร่ละสองหมื่น... ต้นลิ้นจี่เมตรละสองร้อย..... ตอนนั้นผมอายุประมาณ 17-18 ... ตัดต้นลิ้นจี่ไป ร้องให้ไป...... ก็ผมกับพ่อปลูกมันมากับมือตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ คนแก่ข้างบ้านเป็นเจ้าของสวนเหมือนกัน น้ำตาไหล ต่างสาปแช่งไอ้พวก......แต่ว่าก็ว่าเหอะคนที่ดีใจกับเป็นพวกที่มีที่ดินอยู่นอกเขต ที่ดินจากไร่ละไม่กี่หมื่น ถีบขึ้นมาเป็นล้าน และแล้วสภาพสังคมที่หมู่บ้านผมก็แตก.... วิธีชีวิตผู้คนเปลี่ยนไปมาก....  มากจนกู่ไม่กลับ ..... เหมือนที่คุณSpoonnerเล่าข้างบน.......ปัญหาตามมาในสังคมก็เรื่องยาเสพติด ยาบ้าระบาดหนัก ...ผมก็เกลียดจริง ๆ กับคำว่า ทุนนิยม..... แต่ก็ต้องปรับตัวเข้าหามัน

       ปล. ที่แถวบ้านท่าน Spoonner พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ใหม่ เข้าไปซื้อไว้เยอะเหมือนกัน  Cheesy Cheesy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2006, 07:14:32 AM โดย นักสำรวจ » บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2006, 01:57:58 PM »

คุณ SPOONNER ถ้ารวยแล้วผมขอไปอยู่ด้วยคนนะ บรรยายซะเห็นภาพเลย


...แหะ ๆ .....คงอีกนานครับ....ถ้าไม่ถูกรางวัลแจ๊กพอต...ซัก ๓๐ ล้านซะก่อน.....ก็คงต้องรอจนถึงเกษียณ....อีก ๓๐ ปี....(ถ้ายังมีชีวิตอยู่)...พูดถึงเรื่องนี้แล้ว....ก็คิดถึงสมัยเด็ก ๆ ที่ตามคุณพ่อของผมออกไปตัดไม้..ที่พวกนายทุนล้มไว้....ลืมบอกไป...พ่อผมตอนนั้นท่านเป็น สล่าแกะสลักช้าง  ครับ....คือ  แกะสลักไม้...เป็นช้าง ตั้งแต่ตัว...เล็ก ๆ จนถึงสูงท่วมหัวคน....ช้างไม้แกะสลักของพ่อ...จะมีเอกลักษณ์  เฉพาะตัว...คือ  หัวใหญ่  หูโค้งรี..ได้รูป...ทุกอย่าง..ตามลักษณะช้างไทย....และฝีมือการแกะปราณีต...กว่าช่างทั่ว ๆ ไป...ก็เลยมีคนมาว่าจ้าง..เยอะมาก  ผมจำความได้ก็เข้าป่ากับพ่อ...และ จับกระดาษทราย...ขัดช้างไม้แล้ว.....
   

         พูดถึงสภาพป่าสมัยก่อน...ประมาณ ๒๕ ปีที่ผ่านมา...ผมยังจำได้ว่า...ค่อนข้างสมบูรณ์  ..สังเกตจาก...เวลาเราเดินไป...ตามข้างทาง...จะเห็น  รอยเท้าสัตว์....ต่าง ๆ เช่น  .... กวาง...หมูป่า....รอยงูเลื้อย....เสียงนกนา ๆ ชนิด  ร้อง...ตลอดทาง....ขึ้นเขาไปไม่เท่าไหร่...ก็มีลำห้วย...น้ำใส ๆ  รินไหล...สร้างความชุ่มเย็น ให้กับป่า...และกับนักเดินป่าที่ได้ย่างกรายเข้าไป..........เดินเข้าไป..ผ่านเขาสูง ประมาณ ๒ ลูก...ก็จะเข้าสู่ป่า...ที่มีต้นไม้ใหญ่   ใหญ่ชนิดที่ว่า...ต้นหนึ่ง...ประมาณ ๕ คนโอบขึ้นไป....พอไปถึง  พ่อกับเพื่อน ๆ ที่ไปด้วยกัน...จะช่วยกันตัดเป็นท่อน ๆ และแบก   กลิ้ง  ออกจากป่ามาสู่กระท่อม...(บ้าน)   ...เพื่อทำการแกะสลักต่อไป.....

          ตอนนั้นผมยังเด็ก  มีอาวุธประจำมือ  เหมือนเด็กบ้านนอกทั่วไป  คือ  หนังสติ้ก....เวลาเดินตามผู้ใหญ่  ก็ เดิน  ยิงนกยิงแมลงไป เรื่อย ๆ  ....มีอยู่วันหนึ่ง ผมยังจำได้ดี....ช่วงที่เดินผ่านไป...ผมไปเจอรังผึ้ง..อยู่รังหนึ่ง....จะเอาเองก็ไม่ได้เพราะอยู่ติดกิ่งไผ่สูงมาก.....เลยตะโกนเรียกผู้ใหญ่ มาเอาให้....ท่านเอ๋ย...ผมยังจำรสชาติ หวานหอม...ของน้ำผึ้งวันนั้นได้ดี.....เป็นน้ำผึ้งป่า...สด ๆ แท้   ๆ  และเวลาเรากินในป่า....มันน่าเอร็ดอร่อย....ยิ่งนัก...ภาชนะที่รองรับก็ไม่มีอะไร...เหมาะสม..ไปกว่า ใบตองตึง......น้ำผึ้งและตัวอ่อน กลายเป็นอาหาร...มื้อเย็นของบ้าน....ผมวันนั้นนั่นเอง.....ป่าที่ผมใฝ่ฝัน...อยากกลับไปอยู่....ทุกวันนี้...กลายเป็น....สวน..ยางพารา...สวนลำไย...กฤษณา.....มีโรงงาน...อบลำไย...พวกเลี้ยงวัวนม......มีถนนลาดยาง.....อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด...ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อน...ต้องเดินเท้าเข้าไป...ใช้เกวียนเทียมควาย หรือวัว เท่านั้น...............
          .ผมนึกเสียดาย....ภาพเก่าๆ  ที่ยังอยู่ในหน่วยความจำของสมองผมอยู่.....นึกถึง...เวลา...ลงไปในนา...มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เราสามารถลงไปเล่นได้....น้ำใสไหลเย็น ลมพัดเอื่อย ๆ เอาความหอมของกล้าข้าวในนา...และกลิ่นโคลน  สาบควาย.....ทำให้สดชื่นหัวใจยิ่งนัก.............. ปู ปลา กุ้ง หอย...มีให้วิ่งเล่นไล่จับ....ไม่มีปุ๋ยเคมี...ไม่มีสารพิษ  ยาฆ่าแมลง.....ผมไม่แปลกใจเลยว่า...ทำไมทุกวันนี้...คนเราถึงเป็นโรคมะเร็งกันเยอะนัก.....เพราะรอบตัวเรามีแต่สารเคมี.....

           คนสมัยก่อนไม่ค่อยมีใครเป็นกันนัก..........และอีกอย่าง  เรื่อง ไข้หวัดนก....สมัยก่อน  บ้านนอกบ้านนา..เลี้ยงไก่ไว้ใต้ถุนบ้าน เลี้ยงควาย วัว หมู  ทุกอย่างอยู่ใต้ถุนบ้าน....ไม่เคยมีใคร...หรือสัตว์  เสียชีวิตเพราะโรคระบาดอย่างรุนแรง..อย่างนี้เลย....หนัก ๆ สมัยก่อน ก็พวก ปากเปือยเท้าเปื่อย..หรือ  แอนแทรกซ์  ถ้าเป็นโรคพวกนี้...ชาวบ้านจะแยก....และพอสัตว์ตาย ก็จะนำไปฝัง....บางส่วน  ก็ยังนำมากินกัน..โดยปรุงสุข....ก็ไม่มีใครเป็นอะไร.....แต่ปัจจุบัน....เชื้อโรค พัฒนา...เปลี่ยนแปลง   ตัวเองไปมาก...จนบางทีมนุษย์ เรายังตามไม่ทัน......นั่นอาจเป็นเพราะมนุษย์...ได้ทำลายธรรมชาติ..จนก่อให้เกิดความเสื่อมโทรม...เสียหาย...และกลายเป็นจุดเพาะพันธ์ เชื้อโรค...ใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง.........หรือเปล่า........... Huh
บันทึกการเข้า
เอก@ดอยฯ
ปฏิบัติอย่างถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 183
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9463


Do it right the first time


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2006, 02:40:59 PM »

หาภาพมาให้ชมครับ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมน้ำถึงได้ท่วมทุกปี ไม่ต้องบรรยายมากครับ

สังเกตุที่แม่น้ำปิงนะครับ




บันทึกการเข้า

SPSC No.057       THPSA No.A-331
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2006, 03:10:34 PM »

...น่าเห็นใจนะครับพี่เอก....บางช่วง...แทบคอด...ทีเดียว....แสดงให้เห็นถึงการ...รุกที่น้ำปิง....เป็นการทำลายธรรมชาติโดยแท้....ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของผู้เฒ่าผู้แก่สมัยก่อนว่า.....ห้ามปลูกบ้าน คร่อมเหมือง  ห้ามปลูกบ้านล้ำไปในน้ำเหมือง ลำคลอง  หนองน้ำ........มันจะ"ขึด"  คือไม่ดีนั่นเอง.....ไม่ดีอย่างไร...ทุกวันนี้เราก็เห็นและทราบกันดีอยู่แล้ว....ครับ..น่าเห็นใจ...
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.112 วินาที กับ 21 คำสั่ง