ตอนนี้ เกาหลีเหนือ ใกล้หมดไพ่ในมือ แล้ว ไพ่ ที่เรียกไป ก็ โดน เกทับ อเมริกัน ไม่ตอบสนอง มาเจรจา โดยตรง แถม ยังโดน จีน ฉีกหน้า ด้วยการ สนับสนุน มาตรการ คว่ำบาตร เข้าให้ ทำให้ หมาก ที่ คิม จอง อิล วางใว้ เพื่อให้ ลูกชายได้สืบอำนาจต่อไปจนตาย ต้อง สะดุดลง หาก คำขู่ ของ คิมจอง อุน ที่ บอกว่า จะ โจมตีก่อน หาก สหรัฐ และ เกาหลีใต้ ซ้อมรบร่วมกัน แต่กลับไม่ทำ ก็จะทำให้ คิม จอง อุน เสียหน้า และ อาจลามไปถึง ความมั่นคงของ ตำแหน่ง ผู้นำ ก็เป็นได้ เพราะ ตอนนี้ เกาหลีเหนือ ยังเริ่มปลูกข้าวไม่ได้ ประชาชน ก็ อดอยากหิวโหย เวลาที่จะเล่นเกมส์นี้น้อยลงทุกทีแล้ว
ทางเลือก มีได้ 2 ทาง คือ ยอม เจรจา 6 ฝ่าย กับ สงคราม
หาก เจรจา 6 ฝ่าย เท่ากับ แผนที่ คิม จอง อิล ได้วางใว้ ล้มเหลว อย่าง สิ้นเชิง แถมทำให้ คิมจอง อุน เสียหน้าในเวทีโลก และ ความเชื่อถือ ของ คน เกาหลีเหนือ เองด้วย
หาก เปิดสงคราม เกาหลีเหนือ เอง ก็ไม่พร้อม ที่จะทำสงคราม ยุคใหม่ ที เทคโนโลยี่ ของ เกาหลีเหนือ เป็นรอง เกาหลีใต้ ทุกด้าน โดยเฉพาะ สงคราม อิเล็กโทรนิค ที่ อาวุธ ส่วนใหญ่ ของ เกาหลีเหนือ ใช้ เทคโนโลยี่ ของ ยุค S'80 - S'90 ที่ ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ มาจาก อดีตสหภาพโซเวียด
สิ่งที่จะได้เห็นสิ่งแรกในสงครามครั้งนี้คือ ทั้ง สหรัฐ และ เกาหลีใต้ จะระดม โจมตี ฐานเรด้า และ ฐานทัพเรือ ของ เกาหลีเหนือ ด้วย จรวต ร่อน และ ระเบิดนำวิถี ให้หมดสภาพใช้งานโดยเร็วที่สุด ด้วยกำลังทางอากาศ ที่เหนือกว่า โดยเฉพาะ เกาหลีเหนือ
ไม่มีเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า ส่วน เครื่องบิน ส่วนใหญ่ ก็เป็น Mig-21 มีอยู่ 150 ลำ, Mig-23 มีอยู่ 56ลำ, ส่วน Mig-29 มีอยู่ 40 ลำ แต่ ไม่มีใครรู้ว่า บินได้จริง กี่ลำ แล้ว นักบิน มีความสามารถเท่าไหร่ เพราะ
เชื้อเพลิง และ อะไหล่ เครื่องบิน เกาหลีเหนือ ต้อง นำเข้า ทั้งหมด
หาก มองที่รถถัง ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะ รถถัง ที่ เกาหลีเหนือ นำเข้ามาร่วม ขบวน พาเรด กลับเป็น รถถัง ที่เกาหลีเหนือ ผลิตเอง โดยลอกแบบมาจาก รถถัง T-54/55 โดยรุ่นใหม่ ๆ ได้เปลี่ยน ป้อมปืนให้มีเกราะหนาขึ้น
หาก เกิดสงคราม ยืดเยื้อ เกินกว่า 100 วัน เกาหลีเหนือ จะเจอกับ ปัญหา ส่งกำลังบำรุง เพราะ ตอนนี้ จะหวังพึ่งจีน ให้มาช่วยรบ อย่างสงครามเกาหลี เมื่อปี 1950 คงไม่ได้ ส่วน การสนับสนุน อาวุธ จาก จีน และ รัสเซีย ความหวังก็คง เลือนลาง