๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 27, 2024, 05:34:02 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า"  (อ่าน 22548 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
physics teacher
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2006, 03:52:49 PM »

..ถ้าไม่เหมาะสม  วมต.ลบทิ้ง เผื่อยังไม่มีผู้ยังไม่ทราบ..
   
   Winkรายละเอียด :
เจอข้อมูลนี้โดยบังเอิญ  วีรบุรุษนักบิน โอวีเทน2 ท่าน

๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ก่อนวันแห่งความรักเพียงหนึ่งวัน ช่วงเวลานี้ประชาชนคนไทยกำลังส่งความรักและความห่วงใย ไปให้เหล่าทหารหาญที่กำลังทำศึกสงครามอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณบ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก การรบเกิดขึ้นมาแล้วหลายวัน กองทัพบกส่งกองกำลังทั้งทหารราบ ทหารม้า และ ทหารปืนใหญ่จำนวนมากเข้าพื้นที่การรบเพื่อหวังชัยชนะในดินแดนบ้านร่มเกล้า ที่สำคัญคือการรบเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย แม้ชีวิตทหารเหล่านี้เขาก็สละได้เพื่อประเทศไทย และประชาชนที่อยู่แนวหลัง

เช้าวันนี้ เครื่องบินโจมตีจาก ฝูงบิน ๔๑๑ กองบิน ๔๑ เชียงใหม่ ซึ่งถูกส่งมา ปฏิบัติหน้าที่สนามชายแดนที่กองบิน ๔๖ พิษณุโลก เพื่อเข้าทำการลาดตระเวณและใช้อาวุธทั้งระเบิด ปืนกลอากาศ และจรวดสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินอย่างใกล้ชิดตามร้องขอ น.ท. สมนึก เยี่ยมสถาน ผู้บังคับฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ ๔๑๑ ทำหน้าที่นักบินในวันนี้ โดยมี ร.อ.ไพโรจน์ เป้าประยูร รองผู้บังคับหมวดบิน ๒ ฝ่ายยุทธการ ฝูงบิน ๔๑๑ เป็นนักบินที่ ๒ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้นำหมู่บิน บ.จ.๕ เข้าโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายภาคพื้นบริเวณบ้านนากอก ขณะที่นำหมู่บินเข้าโจมตีเป้าหมาย ด้วยการดำลงเพื่อทิ้งลูกระเบิดและยิงจรวดตามยุทธวิธีของเครื่องบินโจมตีแบบ โอวี-๑๐ ที่จ็อกกี้ม้าป่าเหล่านี้ฝึกฝนมาเป็นแรมปีจนจำขั้นตอนได้เป็นอย่างดีนั้น ข้าศึกซึ่งได้เตรียมอาวุธต่อสู้อากาศยานและมีการป้องกันทางอากาศที่ดีที่คาดว่า ฝ่ายเราจะต้องใช้ยุทธวิธีโจมตีทางอากาศก่อนที่กองกำลังภาคพื้นจะลุกตามมา จึงหันปืนต่อสู้อากาศยานและจรวดนำวิถีแบบ เอสเอ-๗ หรือ แซม-๗ ยิงระดมเข้ามาใส่เครื่องบินหัวหน้าหมู่ที่ดำลงมาเป็นเครื่องแรก ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ยอมเอาชีวิตเข้าแลกโดยมิได้หวั่นไหวเกรงต่ออันตรายที่จะได้รับ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จให้ได้ ทั้งกระสุนปืนต่อสู้อากาศยานและปืนเล็กประจำกาย มากมาย ไปจนถึงจรวดต่อสู้อากาศยานระดมยิงเข้ามาที่เครื่องบินโจมตี โอวี-๑๐ ซี หมายเลข ทอ. บ.จ.๕-๘/๑๔ ( Sel. No. 158403 ) ของ หัวหน้าหมู่บิน น.ท.สมนึก เยี่ยมสถาน ไม่ต่างไปจากเวลาเรานั่งดูหนังสงครามหรือเวลาเราเล่นเกมส์ซิมมูเรเตอร์ อย่างไงอย่างนั้น จะต่างกันตรงที่นี่คือชีวิตจริง ถ้าพลาดคือ GAME OVER จริงๆ เมื่อดูจาก ห่ากระสุนมากมายที่ระดมยิงขึ้นมาก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว และแล้วจรวดนำวิถีด้วยความร้อนแบบประทับบ่ายิงรุ่น เอสเอ-๗ หรือ แซม-๗ จากฝีมือการยิงของ สหายสอนเพ็ชร ก็พุ่งเข้าที่เครื่องยนต์ขวา ปีกขาดและไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วทันที เลข ๑๓ หรือ ลักกี้นัมเบอร์ก็เป็นเลขนำโชค์ของฝ่ายข้าศึกจนได้ มีการบันทึกของฝ่ายทหารลาวผู้ทำการยิงไว้ว่า เขายิงเครื่องบินแบบ โอวี-๑๐ ซี ของ กองทัพอากาศไทย ได้เมื่อเวลา ๑๓ .๑๓ น. ของวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ปีกที่ขาดและเกิดเพลิงลุกไหม้ทันที ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัว น.ท.สมนึก มีความรู้สึกหน้ามืดและกำลังจะหมดสติ แต่ก็ยังสามารถกำหนดอาการหมุนของ ม้าป่า พิการ ได้ว่าหมุนไปแล้ว ๓ รอบ ในขณะที่หมุนและกำลังจะขาดสติอยู่นั้น น.ท.สมนึก ก็ได้ยินเสียงนักบินผู้ช่วย ร.อ.ไพโรจน์ ตะโกนใส่ปากพูดว่า "ครูโดด" ซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ น.ท.สมนึก ทำการดีดตัวสละเครื่องก่อนที่จะตกถึงพื้นระเบิด น.ท.สมนึก รวบรวมกำลัง ดึงสายฉุกเฉินเพื่อทำการดีดตัวออกจากเครื่อง เครื่องบินโจมตีแบบ โอวี-๑๐ ซี เป็นเครื่องบินโจมตีใบพัดที่ติดตั้งเก้าอี้ดีดตัวทั้งสองตัว โดยที่นักบินไม่ต้องปีนออกมาที่ปีกเครื่องบินก่อนจะพุ่งตัวลงมาให้พ้นเครื่องเพื่อทำการกางร่มช่วยชีวิตเหมือนกับเครื่องบินโจมตีแบบ เอที-๖ และ เอที-๒๘ รุ่นพี่ที่บริษัทนอร์ธอเมริกันผู้สร้าง โอวี-๑๐ ได้สร้างออกมาก่อนหน้านี้และมีประจำการในกองทัพอากาศไทย ระบบเก้าอี้ดีดตัวของ โอวี-๑๐ ซี นั้น ระบบนี้จะถูกตั้งไว้ให้ทำงานแบบ ถ้านักบินที่สองหรือนักบินผู้ช่วยดึงระบบฉุกเฉินในการดีดตัวหรือสละเครื่องนี้ นักบินที่สองจะดีดตัวออกไปเพียงคนเดียวโดยนักบินที่หนึ่งจะติดไปกับเครื่องบิน แต่ถ้านักบินที่หนึ่งดึงระบบฉุกเฉินดีดตัวเพื่อสละเครื่องนี้ นักบินผู้ช่วยจะถูกดีดตัวออกไปก่อน ๐.๔ วินาที และนักบินที่หนึ่งจะดีดตัวออกตามไปพร้อมกับเก้าอี้ นักบินทั้งสองสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ตกไม่ไกลจากเป้าหมายซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของข้าศึกขณะนี้ เครื่องบินวีรบุรุษตกระเบิดสนั่นเขา ในขณะที่นักบินหนุ่มทั้งสอง ถูกจับเป็นเชลยอยู่ ๑๒ วัน จนกระทั่งการเจรจาระหว่างนายทหารไทย กับ นายทหารลาว เพื่อสงบศึกมีขึ้น นักบินวีรบุรุษบ้านร่มเกล้าทั้งสองท่าน จึงเดินทางกลับประเทศไทย และมีพิธีต้อนรับวีรบุรุษทั้งสองท่านที่สนามบินดอนเมืองอย่างสมเกียรติ อนึ่งในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๒ ได้มีพิธีพระราชทานเหรียญกล้าหาญจากเหตุการณ์รบเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยดังกล่าว กับวีรบุรุษบ้านร่มเกล้าทั้งสองท่านด้วย ส่วนเครื่องบิน โอวี-๑๐ ซี ที่ถูกยิงตก ทางการลาวได้รวบรวมชิ้นส่วนไปจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมกัน เก็บค่าดูคนละ ๑๐ กีบ ข่าวว่า งานนี้เก็บเงินได้มากกว่า หมื่นกีบทีเดียว

 

               เรื่องนี้ทำให้คิดถึงเจ้าม้าป่า จัง แถมมะกัน กำลังจะนำ เจ้าม้าป่ามาใช้ในภาระกิจ ทำหน้าที่ลาดตระเวณ สนับสนุนการโจมตีอย่างใกล้ชิด เป็นอากาศยานส่วนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการต่ำ..
ตกใจ.
 
บันทึกการเข้า
kok-krab
Full Member
***

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 201


« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2006, 04:46:48 PM »

OV-10 รับใช้กองทัพมานานแล้ว มีวีรกรรมมากมาย นับถือครับผม Cool Cool
บันทึกการเข้า

We leave no man behind
BANCHA34
Full Member
***

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 169

" ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง "


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2006, 05:05:19 PM »

ตอนนี้ ทราบว่า บริจาคให้ ทอ.ฟิลิปปินส์ไป 1 ฝูงครับ

บันทึกการเข้า
papa.n
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 42


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2006, 05:25:10 PM »

 Angry ให้เขาเอาหน้าว่าเป็นผู้นำอาเซียน เครื่องบินรบซักฝูงยุคเขาก็ไม่เคยซื้อ เอาเเต่เงินไปหว่านประชานิยมจนต้องเอาสนามบินไปเเลก F-16 เก่าๆเขามาไม่ถึงฝูง ไอ้ข้างใต้เราซื้อ ซู-30 กับf-18d พม่าซื้อ j-10 เราเเค่เงินทำmlu f-16 ไม่มีมีแต่เงินซื้อ ไทยคู่ฟ้า
บันทึกการเข้า
มือปืน อีโบ๊ะ
" ขวัญใจ ลูกทุ่ง "
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 312


กูผู้ชนะ


« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2006, 09:07:03 PM »

นักบินทั้ง 2 ท่านคือ "วีระบุรุษ" ในสนามรบที่แท้จริงครับ พูดถึง OV 10  พวกผมเรียกว่า"ไอ้ปากหมา" ครับไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามนะครับ เป็นชื่อที่ ผกค.,ขจก.,จคม. ในป่ามันเรียก ได้ยินมันพูดบอกกันใน ว. เลยเรียกตามเล่นๆ OV 10 เคยร่วมรบกับผมมาหลายสมรภูมิ ตั้งแต่  เขาค้อ,ยุทธการ "ใต้ร่มเย็น 9,11,15" และในเขตงานอิสานใต้ ปี 27-28 และ สมรภูมิ "ร่มเกล้า" OV 10 มีส่วนช่วยทางภาคพื้นดินมาก ตั้งแต่ การเปิดเครื่องขยายเสียงพูดบ้าง เปิดเพลงบ้างกล่อมขวัญพี่หาญทั้งหลายที่อยู่ในป่าเป็นแรมเดือน และพูด ปจว. ให้พวกไอ้เปีย,ไอ้จ่อย,ไอ้ไข่นุ้ย ฯลฯ ที่อยู่ในป่าเหมือนกันออกมามอบตัวซะ อย่ารบกันเลยเราคนไทยด้วยกัน ฯลฯ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นนักบินเพราะอยู่กันคนละหน่วย แต่ก็เคารพและนับถือ.โดยเฉพาะ ฝูงบินปีกหมุนที่ 1 ได้เคยช่วยพวกผมรบ ( มากกว่า OV10 ) จนได้ชัยชนะมาทุกสมรภูมิ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณท่าน จขกท.มากครับ Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 15, 2006, 09:10:09 PM โดย Say Suriya » บันทึกการเข้า

แจ็ค
"กำบ่มีอย่าไปอู้...กำบ่ฮู้อย่าได้จ๋า"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 461
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7529


« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2006, 12:40:02 PM »


............อ่าน....เรื่องที่ท่าน Say Suriya ขอบคุณผู้ที่ร่วมรบด้วยกันแล้ว................ผมในฐานะผู้ที่อยู่ในแนวหลัง   พูดง่าย ๆ ว่าแทบจะไม่มีส่วนอะไรในการรบกับท่านเลยก็ว่าได้    .....ต้องกราบขอบพระคุณท่านวีรบุรุษผู้กล้า  ทั้งหลาย  พวกเราแนวหลังซาบซึ้งในวีรกรรมที่ท่านได้ต่อสู้  ปกปักรักษาบ้านเมืองให้เราได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนปัจจุบัน.............

...............แต่พอมีความสุขมาก ๆ  เข้า  ก็เริ่มหาเรื่องกันเองละครานี้   เพราะว่ามันสบายเกินไปแล้วไง......ชักเริ่มจะไม่เป็นสุขอีกแล้ว...ขณะนี้.........เฮ้อ.......
บันทึกการเข้า

... เมื่อความกลัวถึงขีดสุด  มันจะเกิดเป็นความกล้าที่บ้าบิ่น ...
physics teacher
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2006, 02:30:49 PM »

..เครื่อง F-5 เราที่โดน ผกค สอยร่วงที่เขาคร้อ หรือ ที่ภูหินร่องเกล้า(เก็บไว้เป็นพิพธภัณฑ์ ใครเคยไปเที่ยวถ่ายรูปลงให้ดูน่าจะดี) ยุคที่เราปราบปรามช่วงปี22-25(จำไม่ได้) ไม่ทราบว่าเขาใช้อาวุธอะไรยิง เพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องเจ๊ต และทันสมัยพอสมควรในช่วงนั้น..ถามเพื่ออยากรู้ ถ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตอบผมหลังไมค์ก็ได้.. Grin
บันทึกการเข้า
51
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2006, 04:39:32 PM »

..เครื่อง F-5 เราที่โดน ผกค สอยร่วงที่เขาคร้อ หรือ ที่ภูหินร่องเกล้า(เก็บไว้เป็นพิพธภัณฑ์ ใครเคยไปเที่ยวถ่ายรูปลงให้ดูน่าจะดี) ยุคที่เราปราบปรามช่วงปี22-25(จำไม่ได้) ไม่ทราบว่าเขาใช้อาวุธอะไรยิง เพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องเจ๊ต และทันสมัยพอสมควรในช่วงนั้น..ถามเพื่ออยากรู้ ถ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตอบผมหลังไมค์ก็ได้.. Grin

วีรกรรมของนักบินเอฟ-5 เอ ใน สมรภูมิเขาค้อ



โดย...พ.อ.อ.รัชต์ รัตนวิจารณ์






ปี พุทธศักราช 2513
เมื่อกองทัพอากาศต้องสูญเสียนักบินและเครื่องบิน เอฟ-5 เอ เป็นเครื่องแรกในการรบ......
การโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเพิ่มมากขึ้น
มีการใช้เครื่องบินขับไล่ไอพ่นเข้าโจมตีเป้าหมายของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

นอกเหนือจากการที่เคยใช้เครื่องบินโจมตีใบพัดแบบต่าง ๆ มาหลายปี
ในวันที่ 6 ตุลาคม พุทธศักราช 2513 เวลา 12.00 น.
กองทัพอากาศมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ บ.ข.18 หรือ เอฟ-5 เอ
จากฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 13 กองบิน 1 ดอนเมือง และ เครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ บ.ข.17 หรือ เอฟ-86 เอฟ
จากฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 43 กองบิน 4 ตาคลี
เข้าโจมตีสองเป้าหมายที่มีการตรวจการณ์พบ เป็นหมู่บ้าน 40 หลัง
ซึ่งแหล่งข่าวยืนยันว่าเป็นบ้านพักของ ผกค. และมีบ้านพักของ ผกค.ระดับชั้นหัวหน้ารวมอยู่ด้วย
และอีกเป้าหมายเป็นบ้านถ้ำหวาย จังหวัดเพชรบูรณ์

การโจมตีทางอากาศครั้งนี้
ได้รับการสนับสนุนการชี้เป้าหมายจาก เครื่องบินตรวจการณ์แบบ โอ-1 จาก ฝูงบิน 71 กองบิน 7 สัตหีบ
ขณะเข้าโจมตีทางอากาศ เครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-5 เอ หมายเลขเครื่อง 1313
(เลข ทอ. บข.18-3/10  Sel.No.66-9161 )
ถูกฝ่าย ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ยิงตกบริเวณ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
ทำให้ เรืออากาศเอกชาญชัย มหากาญจนะ ซึ่งเป็นนักบินเสียชีวิตภายในเครื่องบิน

กองกำลังร่วมได้เข้าทำการช่วยเหลือนักบินที่คาดว่ารอดชีวิต
โดยการส่งทั้งเครื่องบินโจมตี เฮลิคอปเตอร์
และกองกำลังทหารภาคพื้นดินของกองกำลังผสมตำรวจ ทหาร พลเรือน

ซึ่งในวันต่อมาเมื่อมีการเข้าถึงเครื่องบินและพบศพนักบินผู้เสียสละชีวิตตนเอง
เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยในวันนั้นแล้ว ยังพบศพทหารฝ่ายคอมมิวนิสต์จำนวนมากที่เสียชีวิตใกล้จุดที่เครื่องบินตก
อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศยังคงส่งเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-5 เอ
เข้าโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ ในเขตงานจังหวัดเพชรบูรณ์อีกหลายภารกิจ
และหลายปีจนสงครามสงบ

อนึ่งกองทัพอากาศได้ปูนบำเหน็จเลื่อนยศขึ้นเป็น "นาวาอากาศโท"พร้อมเหรียญกล้าหาญ
ให้ เรืออากาศเอกชาญชัย มหากาญจนะ ซึ่งเป็นนักบินที่เสียชีวิต



พุทธศักราช 2519 ก่อนหน้านี้ การรบในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ถูกขยายตัวออกไปยังจังหวัดข้างเคียง
และมีการสนับสนุนอาวุธที่ทันสมัยจากประเทศที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทย

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ การรบเป็นไปอย่างดุเดือด หน่วย พตท.1617 ต้องสูญเสีย ผบ.หน่วย
คือ พ.ท.เจริญ ทองนิ่ม ผบ.พัน.สอ.ที่ 1 ขณะออกปฏิบัติการรบตามแผนยุทธการดอนเจดีย์ 2 ในพื้นที่

กองทัพอากาศจึงส่งเครื่องบินเข้าปฏิบัติการจำนวนมากและหลายเที่ยวบินขึ้น
จนต้องเสียเครื่องบินโจมตีแบบ เอที-6 ไปหนึ่งเครื่องพร้อมชีวิตนักบิน
เรืออากาศโทสมจิตร พงษ์เพชร ในวันที่ 11 เมษายน ครั้นในวันที่ 11 มิถุนายน พุทธศักราช 2519 เวลา 11.13 น.
กองทัพอากาศมีคำสั่งให้ ฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 13 กองบิน 1 ดอนเมือง
(ขณะนั้นเริ่มที่จะย้ายกองบิน 1 ไปอยู่ที่โคราช แล้ว ) เข้าโจมตีเป้าหมายที่ 29 เป็นครั้งที่สอง
ภายหลังจากที่ เอฟ-5 เอ ซึ่งมี เรืออากาศเอกชวลิต ขยันกิจ และเรืออากาศโทพงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ เป็นนักบิน
ได้เข้าทิ้งระเบิดนาปาล์มไปครั้งหนึ่งเมื่อวันวาน

เช้านี้นักบินทั้งสองนายกลับเข้ามาโจมตีซ้ำอีกครั้งโดยเป้าหมายดังกล่าวเป็นหุบเขา
และที่พักขนาดใหญ่ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ประมาณ 23 หลัง
โดยมีพื้นที่ทำการเพาะปลูกขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในเขตเขาค้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
ขณะที่ เรืออากาศโท พงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ ซึ่งเป็นหมายเลขสอง ( หมายเลข 1333 เลข ทอ. บข.18-17/17 Sel.No.71-0264 )
เข้าโจมตีถูกฝ่ายตรงข้ามยิงอาวุธไม่ทราบชนิด ในระยะสูงประมาณ 1,000 ฟุต
โดยเครื่องบินได้ทำการเลี้ยวซ้ายมุดลงระเบิดในกลางป่าห่างจากเป้าหมายประมาณ 2 กม.
ซึ่งจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศที่เครื่องบินตรวจการณ์แบบ โอวัน
ได้ถ่ายภาพมาพบว่าเครื่องบินไฟไหม้ตกลงในหุบเขา เขตบ้านภูชัย เขาค้อ ห่างจากแม่น้ำเข็กราว 1 กม.
และมีลักษณะคล้ายนักบินดีดตัวออกจากเครื่อง การช่วยเหลือนักบินที่คาดว่ารอดชีวิตจึงเริ่มขึ้น
ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นดินได้ถูกปฏิบัติทันที
ในขณะนั้น พลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธการ กองทัพภาคที่ 2
ซึ่งเป็นบิดาของนักบินผู้ที่ถูกยิงตก ได้มาร่วมปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ด้วย
การค้นหาและช่วยเหลือมีการส่งเครื่องบินและทหารจำนวนมาก
เข้าไปค้นหาตามพิกัดที่ได้จากการแปลความภาพถ่ายทางอากาศ
ซึ่งการปฏิบัติครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียเป็นจำนวนมาก เนื่องจากฝ่ายเราส่งกำลังทหารหลายชุดเข้าปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามที่แฝงตัวอยู่ภายในจังหวัดพิษณุโลก
ได้แจกใบปลิวโจมตีบิดาของนักบินว่าใช้อำนาจพาคนไปตายเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือลูกชายตนเอง


ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น ได้ลงภาพ
สหายที่ยืนแอ็คชั่นอยู่ข้างซากเครื่องบิน เอฟ-5 ที่ถูกยิงตก
ทำให้หน่วยข่าวกรองของเราประเมินได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามได้ถอดเอาวิทยุค้นหาออก
แล้วเดินออกไปไกลจากเครื่องบิน
ทำให้ฝ่ายเราคาดการณ์ว่านักบินยังมีชีวิตอยู่
จึงไม่ทราบจุดที่ชัดเจนของนักบินเมื่ออยู่ในพื้นที่ป่าทึบ

อย่างไรก็ตามแม้ขณะนั้นเราก็ยังสรุปไม่ได้ว่านักบินยังมีชีวิตอยู่หรือสูญเสียชีวิตไปแล้ว
เวลาผ่านไปหลายปีโดยยังมีการรบอยู่จนถึงปีพุทธศักราช 2526
สงครามครั้งนี้จึงสงบลง
และเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พุทธศักราช 2526 ภายหลังสงครามสงบนั้นเอง
ได้มีชาวม้งสองคน ชื่อนายช่อ แซ่ลี หรือ สหายสามารถ และ นายแย๊ะ แซ่ลี หรือ สหายพิชัย
ได้เข้ามาติดต่อกับทหารอากาศที่ชุดสนับสนุนทางอากาศโดยตรงที่ 331 ว่า
ได้เป็นผู้ฝังศพนักบิน เรืออากาศโทพงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ ที่เสียชีวิต
ซึ่งเขาเล่าว่าสภาพศพนั้นเริ่มเน่าอยู่ในลักษณะนอนหงาย จึงคาดว่าดีดตัวออกจากเครื่องบินแล้ว
แต่งชุดบินอยู่ครบ มีสิ่งของประกอบด้วยนาฬิกา เงิน 1,500.- บาท วิทยุสนาม ปืนพก
และรูปถ่ายหญิงสาว

โดยชาวม้งได้ทำการฝั่งศพใกล้กับซากเครื่องบินราว 10 เมตร
ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2519 ภายหลังจากที่เขาเข้าไปยังซากเครื่องบินที่เดิม
มีทหารฝ่าย ผกค.เต็มไปหมดได้

ทางเจ้าหน้าที่ทหารอากาศได้เข้าไปตรวจสอบและขุดศพนักบินที่ยังคงอยู่ในชุดบินกลับมาทำพิธีทางศาสนาต่อไป

โดยกองทัพอากาศได้ปูนบำเหน็จเลื่อนยศขึ้นเป็น "นาวาอากาศตรี"
ส่วนซากเครื่องบินส่วนหนึ่งได้นำไปตั้งแสดงอยู่ที่ ฐานอิทธิ บนเขาค้อ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์ของ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่เสียชีวิตในการรบที่เขาค้อ


จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...

บันทึกการเข้า
มือปืน อีโบ๊ะ
" ขวัญใจ ลูกทุ่ง "
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 312


กูผู้ชนะ


« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2006, 04:39:53 PM »


............อ่าน....เรื่องที่ท่าน Say Suriya ขอบคุณผู้ที่ร่วมรบด้วยกันแล้ว................ผมในฐานะผู้ที่อยู่ในแนวหลัง พูดง่าย ๆ ว่าแทบจะไม่มีส่วนอะไรในการรบกับท่านเลยก็ว่าได้ .....ต้องกราบขอบพระคุณท่านวีรบุรุษผู้กล้า ทั้งหลาย พวกเราแนวหลังซาบซึ้งในวีรกรรมที่ท่านได้ต่อสู้ ปกปักรักษาบ้านเมืองให้เราได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนปัจจุบัน.............

...............แต่พอมีความสุขมาก ๆ เข้า ก็เริ่มหาเรื่องกันเองละครานี้ เพราะว่ามันสบายเกินไปแล้วไง......ชักเริ่มจะไม่เป็นสุขอีกแล้ว...ขณะนี้.........เฮ้อ.......
แหะๆ มันเป็นเรื่องของผู้ที่อยู่ในช่วงของคนที่  "ชอบกินของขม ชอบชมเด็กสาว  ชอบเล่าความหลัง ชอบนั่งนานๆ" น่ะครับ ทุกวันนี้ก็นั่งๆนอนๆดูพวกมันกัดกันอยู่....แบบเซ็งๆ.. Angry Angry
บันทึกการเข้า

Jackpot
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2006, 10:12:29 PM »

เมี่อก่อนสติกเกอร์ติดป้ายวงกลมอนุญาตผ่านกองบิน41ที่เชียงใหม่มีรูป OV-10 เขียนไว้   พอ OV-10 ปลดประจำการก็มีรูป L-39 มาแทน  ส่วนตัวผมไม่ค่อยประทับใจนักเพราะเห็น OV-10 มันบินผ่านหลังคาบ้านทุกวันตั้งแต่เกิด จู่ๆก็มาบอกว่าปลดประจำการจะเก็บไว้แค่2ลำนอกนั้นให้ฟิลิปปินส์ ผมล่ะแทบคลั่ง
บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2006, 10:52:51 AM »

นักบินทั้ง 2 ท่านคือ "วีระบุรุษ" ในสนามรบที่แท้จริงครับ พูดถึง OV 10  พวกผมเรียกว่า"ไอ้ปากหมา" ครับไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามนะครับ เป็นชื่อที่ ผกค.,ขจก.,จคม. ในป่ามันเรียก ได้ยินมันพูดบอกกันใน ว. เลยเรียกตามเล่นๆ OV 10 เคยร่วมรบกับผมมาหลายสมรภูมิ ตั้งแต่  เขาค้อ,ยุทธการ "ใต้ร่มเย็น 9,11,15" และในเขตงานอิสานใต้ ปี 27-28 และ สมรภูมิ "ร่มเกล้า" OV 10 มีส่วนช่วยทางภาคพื้นดินมาก ตั้งแต่ การเปิดเครื่องขยายเสียงพูดบ้าง เปิดเพลงบ้างกล่อมขวัญพี่หาญทั้งหลายที่อยู่ในป่าเป็นแรมเดือน และพูด ปจว. ให้พวกไอ้เปีย,ไอ้จ่อย,ไอ้ไข่นุ้ย ฯลฯ ที่อยู่ในป่าเหมือนกันออกมามอบตัวซะ อย่ารบกันเลยเราคนไทยด้วยกัน ฯลฯ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นนักบินเพราะอยู่กันคนละหน่วย แต่ก็เคารพและนับถือ.โดยเฉพาะ ฝูงบินปีกหมุนที่ 1 ได้เคยช่วยพวกผมรบ ( มากกว่า OV10 ) จนได้ชัยชนะมาทุกสมรภูมิ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณท่าน จขกท.มากครับ Smiley

 Grin เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ Grin
 Grin ต้นกำเนิดของคำว่า "ไอ้ปากหมา" มาจากเครื่อง Cessna L-19 (O-1) Bird Dog  ซึ่งเริ่มมาจากความต้องการของกองทัพอเมริกาในสงครามเวียตนาม ที่ต้องการผู้รวจการหน้าทางอากาศที่เหมาะสม ซึ่งเครื่องบินที่ใช้อยู่ตอนนั้นล้วนมีความเร็วสูง บินอยู่เหนือพื้นที่การรบหรือเป้าหมายได้ไม่นาน จึงได้นำเอาเครื่องบิน L-19 มาใช้ ทั้งสามเหล่าทัพ มีสัญลักษณ์ต้นกำเนิดของฉายาไอ้ปากหมาจากการทาสีเป็นรูปปากหมามีลิ้นห้อยที่จมูกเครื่อง โดยติดจรวดควัน 4 นัดที่ปีกสองข้าง เพื่อใช้ยิงชี้เป้าให้อากาศยานโจมตีหรือบอกพิกัดให้ปืนใหญ่ยิง คุณสมบัติของไอ้ปากหมาคือบินช้าทำให้ค้นหาเป้าหมายง่าย บินอยู่เหนือพื้นที่ได้นาน แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกยิงสูง เพราะต้องบินต่ำ ความเร็วช้า และไม่ได้ติดอาวุธอื่นใดอีก แต่ก็มีบางเครื่องที่นักบินดัดแปลงติดปืนกลเอาเอง นักบินไอ้ปากหมาถือว่ากล้าหาญมาก เพราะต้องบินคนเดียวอยู่เหนือพื้นที่การรบเป็นเวลานาน บางครั้ง (และบ่อย) กว่าจะหมดภาระกิจบินกลับฐานเครื่องบินมีแต่รูกระสุนจากปืนประเภทต่าง ๆ มากมาย ถ้าโชคร้ายก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน Undecided





บันทึกการเข้า

มือปืน อีโบ๊ะ
" ขวัญใจ ลูกทุ่ง "
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 312


กูผู้ชนะ


« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2006, 11:00:52 AM »

  เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ
-ขอขอบคุณคุณ NaiMai ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่แปลชื่อผมผิดครับ.  ผมเป็นผู้ชายนะฮ้า  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2006, 11:17:10 AM »

  เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ
-ขอขอบคุณคุณ NaiMai ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่แปลชื่อผมผิดครับ.  ผมเป็นผู้ชายนะฮ้า  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน

 Grin ขออภัยครับพี่ เชื่อครับว่าชาย 100% นักรบชุดดำยืนเล็ง AK47 อยู่อย่างนั้น Grin
บันทึกการเข้า

Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10979


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2006, 11:19:57 AM »

นักบินทั้ง 2 ท่านคือ "วีระบุรุษ" ในสนามรบที่แท้จริงครับ พูดถึง OV 10  พวกผมเรียกว่า"ไอ้ปากหมา" ครับไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามนะครับ เป็นชื่อที่ ผกค.,ขจก.,จคม. ในป่ามันเรียก ได้ยินมันพูดบอกกันใน ว. เลยเรียกตามเล่นๆ OV 10 เคยร่วมรบกับผมมาหลายสมรภูมิ ตั้งแต่  เขาค้อ,ยุทธการ "ใต้ร่มเย็น 9,11,15" และในเขตงานอิสานใต้ ปี 27-28 และ สมรภูมิ "ร่มเกล้า" OV 10 มีส่วนช่วยทางภาคพื้นดินมาก ตั้งแต่ การเปิดเครื่องขยายเสียงพูดบ้าง เปิดเพลงบ้างกล่อมขวัญพี่หาญทั้งหลายที่อยู่ในป่าเป็นแรมเดือน และพูด ปจว. ให้พวกไอ้เปีย,ไอ้จ่อย,ไอ้ไข่นุ้ย ฯลฯ ที่อยู่ในป่าเหมือนกันออกมามอบตัวซะ อย่ารบกันเลยเราคนไทยด้วยกัน ฯลฯ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นนักบินเพราะอยู่กันคนละหน่วย แต่ก็เคารพและนับถือ.โดยเฉพาะ ฝูงบินปีกหมุนที่ 1 ได้เคยช่วยพวกผมรบ ( มากกว่า OV10 ) จนได้ชัยชนะมาทุกสมรภูมิ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณท่าน จขกท.มากครับ Smiley

 Grin เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ Grin
 Grin ต้นกำเนิดของคำว่า "ไอ้ปากหมา" มาจากเครื่อง Cessna L-19 (O-1) Bird Dog  ซึ่งเริ่มมาจากความต้องการของกองทัพอเมริกาในสงครามเวียตนาม ที่ต้องการผู้รวจการหน้าทางอากาศที่เหมาะสม ซึ่งเครื่องบินที่ใช้อยู่ตอนนั้นล้วนมีความเร็วสูง บินอยู่เหนือพื้นที่การรบหรือเป้าหมายได้ไม่นาน จึงได้นำเอาเครื่องบิน L-19 มาใช้ ทั้งสามเหล่าทัพ มีสัญลักษณ์ต้นกำเนิดของฉายาไอ้ปากหมาจากการทาสีเป็นรูปปากหมามีลิ้นห้อยที่จมูกเครื่อง โดยติดจรวดควัน 4 นัดที่ปีกสองข้าง เพื่อใช้ยิงชี้เป้าให้อากาศยานโจมตีหรือบอกพิกัดให้ปืนใหญ่ยิง คุณสมบัติของไอ้ปากหมาคือบินช้าทำให้ค้นหาเป้าหมายง่าย บินอยู่เหนือพื้นที่ได้นาน แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกยิงสูง เพราะต้องบินต่ำ ความเร็วช้า และไม่ได้ติดอาวุธอื่นใดอีก แต่ก็มีบางเครื่องที่นักบินดัดแปลงติดปืนกลเอาเอง นักบินไอ้ปากหมาถือว่ากล้าหาญมาก เพราะต้องบินคนเดียวอยู่เหนือพื้นที่การรบเป็นเวลานาน บางครั้ง (และบ่อย) กว่าจะหมดภาระกิจบินกลับฐานเครื่องบินมีแต่รูกระสุนจากปืนประเภทต่าง ๆ มากมาย ถ้าโชคร้ายก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน Undecided






Grinเสริมเกร็ดเล่าสนุก ๆ ของเจ้าปากหมาครับ คืออย่างที่พี่ใหม่เล่าเป็นด้วยเป็นเครื่องบินชี้เป้า ไม่มีระบบอาวุธ บางครั้งส่งสัยว่ามีข้าศึกอยู่ตรงนี้ก็บินยั่วเดี๋ยวก็โดนสวนแสดงตำแหน่งที่ตั้งแต่ถ้าข้าศึกที่เก๋า ๆและใจเย็นประเภทเอ็งมาข้ามุดต่อให้บินวนไปวนมาพี่ท่านก็ไม่ยอมแสดงตัว เพราะรู้ตัวดีว่าหากยิงแล้วอาจโดนบอมได้ ก็อาจมีรายการกดยั่วด้วยปืนกล ส่วนมากจะโผลออกมายิงตอบโต้ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ยอมแสดงตัวผู้ที่อยู่บนเครื่องเลยมีรายการใช้อาวุธลับครับ คือระเบิดมือยัดในแก้วแล้วถอดสลักออก เห็นว่าได้ผลดีทีเดียวคือหย่อนปุ๊บระเบิดปั๊บ พวกก็สวนทันที นักบินก็ยิงจรวดควัน แล้วข้าศึกก็โดนบอม แต่วิธีนี้ต้องคนใจกล้าบ้าบิ่นจริง ๆ ครับถึงจะทำได้..เพราะถ้าพลาดระเบิดบนเครื่องก็เห่อ ๆ  Smiley
ปล.อ่านมากจากแทงโก้นะครับ Grin
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
M629
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2006, 02:57:05 PM »

ตามคำขอครับ..


บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.107 วินาที กับ 21 คำสั่ง