ย้อนรอย "ทุ่งใหญ่นเรศวร"

<< < (3/6) > >>

NPD:
 ผมก็เกิดไม่ทันในยุคนั้น  ขอบคุณ พี่ Naimai ครับ  เหตุการณ์นี้ มันเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ เดือน ตุลา ปี 16 อย่างไรบ้างครับ ผมเคยอ่านว่า คุ้น ๆ ว่ามันเกี่ยวข้องกัน.......

NaiMai>รักในหลวง:
 ;D

ป้อมทอง พรานชุมไพร:
 ;D ;D ถ้าผมจำไม่ผิด     ข่าวแว่วว่า   ผู้ที่นำ  ฮ.กองทัพ  ไปล่าสัตว์

         เป็นลูกนายกในขณะนั้น...............

narongt:
ร่วมเปิดโปงกรณีล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร
       หลังจากการประท้วงประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์อันเป็นปมเงื่อนสำคัญที่นำไปสู่การประท้วงต่อสู้ของนักศึกษาประชาชนในอีกหลายกรณีซึ่งสะสมความไม่พอใจต่อรัฐบาลจอมพลถนอมมากขึ้นเรื่อยๆจนประทุกลายเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นั่นคือการเปิดโปงกรณีที่นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พร้อมทั้งพลเรือนอีกส่วนหนึ่งรวมประมาณ 60 คน ได้นำพาหนะและอาวุธยุทโธปกรณ์ของทางราชการไปตั้งค่ายล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี จนเป็นเหตุให้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ตกที่อ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2516 มีผู้เสียชีวิต 6 คนและทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวนมาก  ซึ่งในกรณีนี้ กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่า ชมรมนิเวศวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกับชมรมอนุรักษ์และกลุ่มอนุรักษ์อีก 3 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและตีแผ่เรื่องออกมาสู๔สาธารณชน

          จากหนังสือ”บันทึกลับจากทุ่งใหญ่” ระบุว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่กินอาณาเขต 2 จังหวัดคือกาญจนบุรีและจ.ตาก และใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี หากรวมพื้นที่ 2 เขตนี้เข้าด้วยกันจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นกรมป่าไม้จึงได้ส่งนายเกษม รัตนไชย เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตและทีมงาน เข้าไปสำรวจเพื่อเตรียมจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธูสัตว์ป่าให้เรียบร้อยตั้งแต่เดือนมกราคม 2516  การสำรวจดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้พบการละเมิดพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 ของบรรดาพรานบรรดาศักดิ์ซึ่งประกอบไปด้วยทหาร ตำรวจที่เข้าไปล่าสัตว์อย่างโจ๋งครึ่มไม่เกรงกลัวกฎหมาย  ต่อมาจึงได้รายงานไปยังกรมป่าไม้ ในที่สุดข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปยังนิสิตกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และอีก 3 มหาวิทยาลัย รวมทั้งนักข่าวหนังสือพิมพ์บางฉบับในเวลาต่อมา

           ต้นเดือนเมษายน 2516 บรรดาพรานบรรดาศักดิ์ ได้ไปซื้อกระสุนปืนเตรียมการล่าสัตว์ครั้งใหม่ข่าวจากร้านปืนรั่วมาเข้าหูอาจารย์เกษตรศาสตร์ที่เป็นนักเลงปืนคนหนึ่งจึงได้นำมาแจ้งผู้เกี่ยวข้องและวางแผนที่จะเปิดโปงเรื่องดังกล่าว ต่อมาคณะอาสาสมัครจากกลุ่มอนุรักษ์ฯ เกษตรศาสตร์รุ่นแรก 3 คนได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่และดักซุ่มอยู่บริเวณที่จะข้ามห้อวยเข้าสู่ทุ่งใหญ่ แต่ไร้วี่แววจึงได้ถอนตัวกลับ เพราะเกรงจะมีอันตรายเนื่องจาก 2 ใน 3 เป็นผู้หญิง  จากนั้นจึงได้ชักชวนกลุ่มอนุรักษ์ฯอีก 3 มหาวิทยาลัย คือนายสมพงษ์ จิรบันดาลสุข และนายภราดร จากจุฬาฯ  นายสวัสด์ มิตรานนท์ จากธรรมศาสตร์  นศพ.ทองประกอบ ศิริวาณิชย์ จากคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหิดล และอรรถ นักเรียนจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บุกเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยสมพงษ์และภราดร เดินทางล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ส่วนสวัสดิ์  ทองประกอบ และอรรถเดินทางไปในวันที่ 26 เมษายน

         จากหนังสือ”บันทึกลับจากทุ่งใหญ่” ระบุว่า ชุดสมพงษ์กับภราดรได้พบกับขบวนรถยีเอ็มซี.ของทหาร 2 คัน รถจิ๊ปทหาร 3 คันของป.พัน 9 ที่มีทหารชั้นผู้น้อยเป็นพลขับ กำลังข้ามแม่น้ำแควใหญ่โดยแพขนานยนต์เพื่อเตรียมไปสร้างแคมป์ในทุ่งใหญ่ ส่วน 3 คนในทีมหลังไปที่คลิตี้และได้ข่าวจากชาวบ้านวง่าคณะดังกล่าวจะมาล่าสัตว์อีกหลังจากล่าไปหลายครั้งแล้ว  ต่อมาวันที่ 27 เมษายน จึงได้ออกติดตามคณะพรานบรรดาศักดิ์จนพบว่าตั้งแคมป์อยู่ริมห้วยเซซ่าโหว่ และยังเห็นเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ 1 ลำด้วยจึงเข้าไปสอบถาม แต่กลับถูกซักถามกลับว่าเป็นนักศึกษากลุ่มอนุรักษ์ฯใช่หรือไม่และสอบถามนายเกษม รัตนไชย ที่ร่วมเดินทางไปด้วยว่าเป็นผู้รายงานการเข้ามาครั้งก่อนของพวกเขาใช่หรือไม่

       เหล่าพรานบรรดาศักดิ์ต่างชี้แจงว่ารู้ว่าการล่าสัตว์ในเขตนี้เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่ทำไปเพราะต้องการผ่อนคลายอารมณ์ และกล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว เพราะสัตว์มีเป็นจำนวนมาก ล่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด  ซึ่งหลังจากถูกขอร้องแกมบังคับให้ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่มีแต่เนื้อสัตว์ที่ถูกล่าแล้ว คืนนั้นยังพบว่ามีการจุดพลุและกระสุนส่องวิถีฉลองวันเกิดให้นายตำรวจระดับรองผู้กำกับคนหนึ่งด้วย ซึ่งในการพบกันดังกล่าว นักศึกษากลุ่มนี้ได้แอบถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวที่ได้ทราบข่าวกลุ่มหนึ่งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกกลุ่มหนึ่งที่เตรียมการจะเข้าไปจับกุมเดินทางสมสมทบ แต่เมื่อเผชิญกับกำลังคนและอาวุธครบมือ ก็ทำได้แต่เพียงเข้าไปสืบข้อมูลและแอบถ่ายรูปไว้เท่านั้น

       วันที่ 29 เมษายน นายสวัสดิ์และนศพ.ทองประกอบต้องเดินทางกลับก่อนเนื่องจากนศพ.ทองประกอบต้องกลับมาประชุมที่มหิดล ระหว่างเดินทางกลับก็พบซากสัตว์ที่ถูกยิงตายจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มที่ยังอยู่กลับไปยังจุดที่ตั้งแคมป์ของพรานบรรดาศักดิ์อีกรั้ง แต่ปรากฎว่าถูกรื้อหมดแล้ว คงเหลือแต่ร่องรอยซากสัตว์ เช่นกีบกระทิง หนังกวาง  หนังชะมดถูกทิ้งไว้  วันรุ่งขึ้น 30 เมษายน เมื่อทั้งคระพากันเดินทางกลับ ได้พบอาจารย์และนิสิตเกษตรศาสตร์ที่ตั้งใจจะร่วมเดินทางมาตั้งแต่ทีแรกและได้ข่าวจากตำรวจว่าเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา มีเฮลิคอปเตอร์ตกที่นครปฐม มีคณะทหาร ตำรวจที่กลับจากาญจนบุรีบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย 6 คน พร้อมทั้งพบซากสัตว์จำนวนมาก

          กรณีที่เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ที่เข้าไปร่วมสืบค้นได้เปิดโปงขบวนการดังกล่าว ขณะเดียวกันกลุ่มอนุรักษ์ 4 สถาบัน พร้อมทั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยก็ได้ออกแถลงการณ์เปิดโปง โดยมีหลักฐานทั้งบุคคลและภาพถ่ายยืนยันหนักแน่น  ทำให้ประชาชนที่ได้รับทราบข้อมูลต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก   แต่รัฐบาลจอมพลถนอม จอมพลประภาส จารุเสถียร และพ.อ.ณรงค์ กิตติขจรกลับแก้ต่างให้คระพรานบรรดาศักดิ์ว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ไปราชการลับบริเวณตะเข็บชายแดนกาญจนบุรี ในปัญหาความปลอดภัยระหว่างที่นายพลเนวินแห่งพม่าเดินทางมาเยือนไทย และชี้แจงว่ารูปถ่ายที่ทหาร ตำรวจเหล่านี้ยืนล้อมซากสัตว์ก็เป็นภาพเก่าและเป็นการยืนถ่ายโชว์โดยที่ไม่รู้ว่าใครยิง เป็นต้น

        จากกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน 9 คน โดย 6 ใน 9 เป็นนายทหารและตำรวจมีนายกมล วรรณประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ซึ่งในที่สุดผลปรากฎว่า กรรมการเชื่อว่าการนำเฮลิคอปเตอร์ไปใช้ครั้งนี้เป็นไปตรามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารบกเพื่อปฏิบัติราชการลับ โดยถือเอาป่าทุ่งใหญ่เป้นฐานปฏิบัติการแต่ภารกิจลับไม่ได้อยู่ที่ทุ่งใหญ่หากอยู่ห่างออกไปทางชายแดนที่ติดต่อกับพม่า และเชื่อว่าได้มีบุคคลในคณะที่พักอยู่ในแคมป์ทุ่งใหญ่กระทำการล่าสัตว์และมีซากสัตว์ป่าอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจริง

      ดังนั้นศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจึงร่วมกับชมรมอนุรักษ์ 4 สถาบันดังกล่าวพิมพ์หนังสือ”บันทึกลับจากทุ่งใหญ่”ออกเผยแพร่ ปรากฎว่ามีผู้สนใจแย่งซื้อจน 5,000 เล่มหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผลสะเทือนจากเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ประยูร จรรยาวงศ์หวนกลับมาวาดรูปการ์ตูนการเมืองอีกครั้ง หลังจากหยุดไปเกือบ 2 ปี  และจากข้อความในหนังสือเล่มนี้ที่เขียนว่า” ด้วยสถานการณ์ในทุ่งใหญ่ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ จึงเสนอต่ออายุการทำงานของกระทิงจ่าฝูงเป็นเวลาอีก 1 ปีกระทิง”  จากสภารักษาความปลอดภัยแห่งชาติกระทิงซึ่งเป็นการล้อเลียนจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกษียณอายุเมื่อต้นปี 2516 แต่สภากลาโหมมีมติให้ต่ออายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปอีก 1 ปี โดยอ้างว่าสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ

               สำหรับบทจบของกรณีทุ่งใหญ่นี้  คณะกรรมการได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังศาลกาญจนบุรี  ซึ่งกระบวนการทางศาลใช้เวลาจนถึง 1 กันยายน 2517 ก็มีคำตัดสินให้ปล่อยตัว 9 จำเลย คงจำคุก 6 เดือน มีแต่พรานแกละ หมื่นจำปา ที่ต้องตกเป็นแพะรับบาปแต่ผู้เดียว  ขณะเดียวกันนายกมล วรรณประภา ก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลสมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ อีกด้วย

ลองเข้าไปอ่านดูครับ

http://www2.se-ed.net/poommahidol/information_1_6.html

http://www.thungyai.org/thai/index.htm

51:
กรณีล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร

เหตุการณ์อันเป็นปมเงื่อนสำคัญที่นำไปสู่การประท้วงต่อสู้ของนักศึกษาประชาชน
ซึ่งสะสมความไม่พอใจต่อรัฐบาลจอมพลถนอมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนประทุกลายเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
นั่นคือ  การเปิดโปงกรณีที่นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พร้อมทั้งพลเรือนอีกส่วนหนึ่งรวมประมาณ 60 คน
ได้นำพาหนะและอาวุธยุทโธปกรณ์ของทางราชการไปตั้งค่ายล่าสัตว์ป่า
ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี

จนเป็นเหตุให้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ตกที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2516 มีผู้เสียชีวิต 6 คนและทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวนมาก 

ซึ่งในกรณีนี้ กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่า ชมรมนิเวศวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกับชมรมอนุรักษ์และกลุ่มอนุรักษ์อีก 3 มหาวิทยาลัย
คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประสานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เ
ข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและตีแผ่เรื่องออกมาสู่สาธารณชน

จากหนังสือ "บันทึกลับจากทุ่งใหญ่"  ระบุว่า
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่
กินอาณาเขต 2 จังหวัดคือกาญจนบุรีและจ.ตาก และใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี
หากรวมพื้นที่ 2 เขตนี้เข้าด้วยกันจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดังนั้นกรมป่าไม้จึงได้ส่งนายเกษม รัตนไชย เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตและทีมงาน
เข้าไปสำรวจเพื่อเตรียมจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธูสัตว์ป่าให้เรียบร้อย
ตั้งแต่เดือนมกราคม 2516  การสำรวจดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ได้พบการละเมิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503
ของบรรดาพรานบรรดาศักดิ์ซึ่งประกอบไปด้วยทหาร ตำรวจที่เข้าไปล่าสัตว์อย่างโจ๋งครึ่มไม่เกรงกลัวกฎหมาย 
ต่อมาจึงได้รายงานไปยังกรมป่าไม้
ในที่สุดข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปยังนิสิตกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และอีก 3 มหาวิทยาลัย
รวมทั้งนักข่าวหนังสือพิมพ์บางฉบับในเวลาต่อมา

ต้นเดือนเมษายน 2516 บรรดาพรานบรรดาศักดิ์ ได้ไปซื้อกระสุนปืน
เตรียมการล่าสัตว์ครั้งใหม่ข่าวจากร้านปืนรั่วมาเข้าหูอาจารย์เกษตรศาสตร์
ที่เป็นนักเลงปืนคนหนึ่ง  จึงได้นำมาแจ้งผู้เกี่ยวข้องและวางแผนที่จะเปิดโปงเรื่องดังกล่าว
ต่อมาคณะอาสาสมัครจากกลุ่มอนุรักษ์ฯ เกษตรศาสตร์รุ่นแรก 3 คนได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่และดักซุ่มอยู่บริเวณที่จะข้ามห้วยเข้าสู่ทุ่งใหญ่
แต่ไร้วี่แววจึงได้ถอนตัวกลับ
เพราะเกรงจะมีอันตรายเนื่องจาก 2 ใน 3 เป็นผู้หญิง 
จากนั้นจึงได้ชักชวนกลุ่มอนุรักษ์ฯ อีก 3 มหาวิทยาลัย
คือนายสมพงษ์ จิรบันดาลสุข และนายภราดร จากจุฬาฯ  นายสวัสด์ มิตรานนท์ จากธรรมศาสตร์ 
นศพ.ทองประกอบ ศิริวาณิชย์ จากคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหิดล และอรรถ นักเรียนจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บุกเข้าร่วมสังเกตการณ์

โดยสมพงษ์และภราดร เดินทางล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ส่วนสวัสดิ์  ทองประกอบ และอรรถเดินทางไปในวันที่ 26 เมษายน

จากหนังสือ "บันทึกลับจากทุ่งใหญ่" ระบุว่า
ชุดสมพงษ์กับภราดรได้พบกับขบวนรถ ยีเอ็มซี.ของทหาร 2 คัน
รถจิ๊ปทหาร 3 คันของ ป.พัน 9
ที่มีทหารชั้นผู้น้อยเป็นพลขับ กำลังข้ามแม่น้ำแควใหญ่โดยแพขนานยนต์
เพื่อเตรียมไปสร้างแคมป์ในทุ่งใหญ่
ส่วน 3 คนในทีมหลังไปที่คลิตี้และได้ข่าวจากชาวบ้านว่า
คณะดังกล่าวจะมาล่าสัตว์อีกหลังจากล่าไปหลายครั้งแล้ว 

ต่อมาวันที่ 27 เมษายน จึงได้ออกติดตามคณะพรานบรรดาศักดิ์จนพบว่า
ตั้งแคมป์อยู่ริมห้วยเซซ่าโหว่ และยังเห็นเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ 1 ลำด้วย
จึงเข้าไปสอบถาม แต่กลับถูกซักถามกลับว่าเป็นนักศึกษากลุ่มอนุรักษ์ฯ ใช่หรือไม่
และสอบถามนายเกษม รัตนไชย ที่ร่วมเดินทางไปด้วยว่าเป็นผู้รายงานการเข้ามาครั้งก่อนของพวกเขาใช่หรือไม่

เหล่าพรานบรรดาศักดิ์ต่างชี้แจงว่า
รู้ว่าการล่าสัตว์ในเขตนี้เป็นการละเมิดกฎหมาย
แต่ทำไปเพราะต้องการผ่อนคลายอารมณ์ และกล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว
เพราะสัตว์มีเป็นจำนวนมาก ล่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด 
ซึ่งหลังจากถูกขอร้องแกมบังคับให้ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่มีแต่เนื้อสัตว์ที่ถูกล่าแล้ว
คืนนั้นยังพบว่ามีการจุดพลุและกระสุนส่องวิถีฉลองวันเกิดให้นายตำรวจระดับรองผู้กำกับคนหนึ่งด้วย
ซึ่งในการพบกันดังกล่าว นักศึกษากลุ่มนี้ได้แอบถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย
ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวที่ได้ทราบข่าวกลุ่มหนึ่งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกกลุ่มหนึ่งที่เตรียมการจะเข้าไปจับกุมเดินทางสมทบ
แต่เมื่อเผชิญกับกำลังคนและอาวุธครบมือ ก็ทำได้แต่เพียงเข้าไปสืบข้อมูลและแอบถ่ายรูปไว้เท่านั้น

วันที่ 29 เมษายน นายสวัสดิ์และ นศพ.ทองประกอบ
ต้องเดินทางกลับก่อนเนื่องจาก นศพ.ทองประกอบต้องกลับมาประชุมที่มหิดล
ระหว่างเดินทางกลับก็พบซากสัตว์ที่ถูกยิงตายจำนวนมาก
ขณะที่กลุ่มที่ยังอยู่กลับไปยังจุดที่ตั้งแคมป์ของพรานบรรดาศักดิ์อีกครั้ง
แต่ปรากฎว่าถูกรื้อหมดแล้ว คงเหลือแต่ร่องรอยซากสัตว์
เช่น กีบกระทิง หนังกวาง  หนังชะมดถูกทิ้งไว้ 


วันรุ่งขึ้น 30 เมษายน เมื่อทั้งคณะพากันเดินทางกลับ
ได้พบอาจารย์และนิสิตเกษตรศาสตร์ที่ตั้งใจจะร่วมเดินทางมาตั้งแต่ทีแรก
และได้ข่าวจากตำรวจว่าเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา
มีเฮลิคอปเตอร์ตกที่นครปฐม
มีคณะทหาร ตำรวจ ที่กลับจากกาญจนบุรีบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย 6 คน
พร้อมทั้งพบซากสัตว์จำนวนมาก

กรณีที่เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ที่เข้าไปร่วมสืบค้นได้เปิดโปงขบวนการดังกล่าว
ขณะเดียวกันกลุ่มอนุรักษ์ 4 สถาบัน พร้อมทั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยก็ได้ออกแถลงการณ์เปิดโปง
โดยมีหลักฐานทั้งบุคคลและภาพถ่ายยืนยันหนักแน่น 
ทำให้ประชาชนที่ได้รับทราบข้อมูลต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก   
แต่รัฐบาลจอมพลถนอม จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร
กลับแก้ต่างให้คระพรานบรรดาศักดิ์ว่า
ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ไปราชการลับบริเวณตะเข็บชายแดนกาญจนบุรี
ในปัญหาความปลอดภัยระหว่างที่นายพลเนวินแห่งพม่าเดินทางมาเยือนไทย
และชี้แจงว่ารูปถ่ายที่ทหาร ตำรวจเหล่านี้ยืนล้อมซากสัตว์ก็เป็นภาพเก่าและเป็นการยืนถ่ายโชว์โดยที่ไม่รู้ว่าใครยิง เป็นต้น

จากกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน 9 คน โดย 6 ใน 9 เป็นนายทหารและตำรวจ
มีนายกมล วรรณประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน
ซึ่งในที่สุดผลปรากฎว่า กรรมการเชื่อว่าการนำเฮลิคอปเตอร์ไปใช้ครั้งนี้
เป็นไปตามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารบกเพื่อปฏิบัติราชการลับ
โดยถือเอาป่าทุ่งใหญ่เป็นฐานปฏิบัติการ แต่ภารกิจลับ ไม่ได้อยู่ที่ทุ่งใหญ่
หากอยู่ห่างออกไปทางชายแดนที่ติดต่อกับพม่า
และเชื่อว่าได้มีบุคคลในคณะที่พักอยู่ในแคมป์ทุ่งใหญ่กระทำการล่าสัตว์และมีซากสัตว์ป่าอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจริง


ดังนั้นศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจึงร่วมกับชมรมอนุรักษ์ 4 สถาบันดังกล่าวพิมพ์หนังสือ "บันทึกลับจากทุ่งใหญ่" ออกเผยแพร่
ปรากฎว่ามีผู้สนใจแย่งซื้อจน 5,000 เล่มหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ผลสะเทือนจากเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ ประยูร จรรยาวงศ์ หวนกลับมาวาดรูปการ์ตูนการเมืองอีกครั้ง
หลังจากหยุดไปเกือบ 2 ปี 
และจากข้อความในหนังสือเล่มนี้ที่เขียนว่า "ด้วยสถานการณ์ในทุ่งใหญ่ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ จึงเสนอต่ออายุการทำงานของกระทิงจ่าฝูงเป็นเวลาอีก 1 ปีกระทิง” 
จากสภารักษาความปลอดภัยแห่งชาติกระทิง ซึ่งเป็นการล้อเลียนจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกษียณอายุเมื่อต้นปี 2516

แต่สภากลาโหมมีมติให้ต่ออายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปอีก 1 ปี
โดยอ้างว่าสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ


สำหรับบทจบของกรณีทุ่งใหญ่นี้ 
คณะกรรมการได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังศาลกาญจนบุรี 
ซึ่งกระบวนการทางศาลใช้เวลาจนถึง 1 กันยายน 2517
ก็มีคำตัดสินให้ปล่อยตัว 9 จำเลย คงจำคุก 6 เดือน
มีแต่พรานแกละ หมื่นจำปา ที่ต้องตกเป็นแพะรับบาปแต่ผู้เดียว 
ขณะเดียวกันนายกมล วรรณประภา ก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลสมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ อีกด้วย

จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว