๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 29, 2024, 09:05:58 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 3 4 5 [6]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จนตรอก  (อ่าน 12499 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16884


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 10:36:03 AM »

ล่าสุด...นายกฯทักษิณก็เผลอหลุดวรรคทอง “ผมเป็นคนไม่มีเส้น” ให้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีก
ที่ไม่มีเส้น เพราะถูกลิ้นกระดาษทรายน้ำลายชแล็คเลียหลุดไปหมดแล้วครับ Cheesy

 Grin Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า


686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #76 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 07:27:01 PM »

งานนี้สงสัย รักษาการ นายก คนนี้คงจะหมดความคิดใหม่ ๆ ในการหาเสียซ่ะแล้วถึงได้งัดเอาวิธีเดิม ๆ ออกมาใช้อีกรอบ จากไทยรัฐวันนี้ครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (1 ส.ค.) ว่า ระหว่างวันที่ 7-9 ส.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะ จ.ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด  มีรายงานว่าการเดินทางตรวจราชการในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยเฉพาะที่หมู่บ้านอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด  โดยพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า  ต้องขอดูอีกที ขณะนี้ยังไม่ได้จัดโปรแกรม 

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การเดินทางตรวจราชการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการไปดูงานที่ทำไว้ตามนโยบาย  ในส่วนของการประชุมครม.ก็จะประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ โดย ครม.ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล และหลังจากที่ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ก็จะเดินทางไปพื้นที่ภาคเหนือต่อไป

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. วันเดียวกัน ว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ครม. พ.ต.ท.ทักษิณ   แจ้งต่อที่ประชุมว่า ระหว่างวันที่ 7 - 9 ส.ค.นี้ จะเดินทางไปตรวจราชการที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการประชุมครม. วันอังคารที่ 8 ส.ค. จะเป็นการประชุมทางไกล จาก จ.ขอนแก่น และระหว่างวันที่ 14 - 17 ส.ค. จะเดินทางไปตรวจราชการที่ภาคเหนือ โดยการประชุมครม.วันอังคารที่ 15 ส.ค. จะเป็นการประชุมทางไกลจาก จ.เชียงใหม่

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีแจ้งให้ส่วนราชการที่ต้องการแจ้งปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ สามารถประสานงานได้ แต่โดยหลัก เรื่องที่จะไปติดตาม คือ การแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาด้านการเกษตร และปัญหาด้านสาธารณสุข  การตรวจราชการขณะนี้มีเพียง 2 แห่งเท่านั้น และไม่ได้กำหนดให้รัฐมนตรีต้องร่วมคณะไปด้วย ส่วนจะมีพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีแจ้งอีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงเลือกเดินทางไปช่วงนี้ น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีดูกำหนดการตัวเอง พบว่า ช่วงนี้ภาระงานที่มีอยู่เป็นงานประจำ เป็นเรื่องต่อเนื่อง ทำให้มีเวลาว่าง รวมทั้งเห็นว่า มีหลายโครงการที่ควรจะไปติดตาม ว่ามีผลคืบหน้าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า การไปตรวจราชการ ก่อนที่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดวันเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ จะทำให้มีปัญหาในแง่การเมืองหรือไม่ น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้อง 

"ในช่วงที่ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งมีผลในครั้งก่อนๆ ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี จะเดินทางไปตรวจราชการไม่ได้ ยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ จึงไม่จำเป็นต้องเร่งลงพื้นที่ก่อนที่พระราชกฤษฎีกาจะมีผลบังคับใช้" น.พ.สุรพงษ์ กล่าว และว่า ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการนำงบราชการไปหาเสียงนั้น   เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าไปทำอะไร ถ้าไปตรวจราชการ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ถือเป็นการทำงานในราชการ และการหาเสียงในเวลาราชการก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผิดกฎหมายเลือกตั้ง แม้ขณะนี้พระราชกฤษฎีกาจะยังไม่มีผลบังคับใช้ก็ตาม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่า  เวลาราชการจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง  และการตรวจราชการครั้งนี้ จะไม่มีการอนุมัติงบประมาณใหม่ เป็นเพียงการติดตามงานเดิมเท่านั้น แม้ขณะนี้จะยังไม่มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)   แต่ กกต.ก็ยังทำงานอยู่ หากทำอะไรผิดกฎหมายเลือกตั้ง ฝ่ายที่เป็นคู่แข่งในการหาเสียงเลือกตั้ง สามารถฟ้องร้องได้อยู่แล้ว   เชื่อว่าทุกฝ่ายจะระมัดระวังไม่ทำอะไรผิดกฎหมายเลือกตั้ง 

ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรีมีแผนที่จะไปตรวจราชการที่ภาคใต้หรือไม่ น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้พูด แต่การเดินทางไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการแสดงความเห็นหลากหลายว่า ควรปล่อยให้ผู้รับผิดชอบแก้ไขปัญหา เพราะหากฝ่ายนโยบายเดินทางไปพื้นที่บ่อยครั้ง อาจทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชะงัก เพราะต้องคอยต้อนรับ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีเลือกที่จะลงพื้นที่เท่าที่จำเป็น


ออกไปหาเสียงแน่ ๆ ครับ แต่ก็ขี้ขลาด ไม่กล้าลงไปหาเสียงทางภาคใต้ อ้างว่า ไม่จำเป็น
บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #77 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 09:55:08 PM »

ออกไปหาเสียงแน่ ๆ ครับ แต่ก็ขี้ขลาด ไม่กล้าลงไปหาเสียงทางภาคใต้ อ้างว่า ไม่จำเป็น

 Undecided ว่าที่ กกต. ชุดใหม่ จะตีความเหมือนที่ กกต. อย่างหนาทำกับคุณสโรชา หรือเปล่า Huh
บันทึกการเข้า

nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #78 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2006, 09:59:26 PM »

ออกไปหาเสียงแน่ ๆ ครับ แต่ก็ขี้ขลาด ไม่กล้าลงไปหาเสียงทางภาคใต้ อ้างว่า ไม่จำเป็น

 Undecided ว่าที่ กกต. ชุดใหม่ จะตีความเหมือนที่ กกต. อย่างหนาทำกับคุณสโรชา หรือเปล่า Huh
อย่าว่าแต่ภาคใต้เลยครับ ถนนในเมืองหลวงยังไม่กล้าเดิมเลยครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #79 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2006, 09:04:40 AM »

โผ ทบ.วุ่น “แม้ว” ล้วงลูกดัน “พฤณท์-มนัส” กุมกำลังทัพ 1, 3
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 สิงหาคม 2549 06:23 น.
 
 
   
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี
 
 
              โผทหาร ทบ.วุ่น “แม้ว” หักดิบประเพณีกองทัพ ปิดหูปิดตาขอดันเพื่อนรุ่น ตท.10 เสนอ “พฤณท์ ” นั่งแม่ทัพน้อยที่ 1 พร้อมต่อรอง “มนัส” นั่งแม่ทัพภาคที่ 3 แทน “สพรั่ง” จุ้นจ้านถึงตำแหน่งปลัดฯ ขอดัน “เสธ.อู้” ขึ้นหิ้ง ขณะที่ “บิ๊กยักษ์” ยืนกราน ต้อง “บรรณวิทย์” เท่านั้น
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ภายหลังการประชุมสภากลาโหม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. ได้นำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารของเหล่าทัพที่ได้จัดทำในเบื้องต้น ส่งให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม และได้ร่วมหารือในบางตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัวกับ พล.อ.สิริชัย ธัญญศิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เรืองโรจน์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และ ให้นำกลับไปพิจารณาก่อนส่งขึ้นมาให้อีกครั้งภายในวันที่ 1 ส.ค.นั้น
       
       มีรายงานว่า ยังมีปัญหาในการจัดทำโผในส่วนของ ทบ.บางตำแหน่ง เนื่องจากทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ยังต่อรองกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เพื่อส่งเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ลงในตำแหน่งที่สำคัญๆ หลายตำแหน่ง ซึ่งการต่อรองครั้งนี้ได้สร้างความกังวลให้กับ พล.อ.สนธิ เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้จัดทำบัญชีรายชื่อการปรับย้ายนายทหารในส่วนกองทัพบกเสร็จแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาท พล.อ.สนธิ ก็ได้จัดทำบัญชีรายชื่อในโผ 2 ขึ้นมา เพราะเชื่อว่า ยังมีหลายตำแหน่งที่ต้องเผื่อไว้หากมีการต่อรองในระดับบนอีกครั้ง จึงทำให้การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้ต้องกระทบชิ่งกับบางตำแหน่งในฝั่ง บก.สส. จึงจะทำให้เกิดความล่าช้าออกไปอีก
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำแหน่งที่มีปัญหา คือ ตำแหน่ง แม่ทัพภาคต่างๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนในหลายกองทัพภาค ทั้งกองทัพภาคที่ 1 ที่พล.อ.สนธิ ได้ปรับให้ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.10) เป็นเสนาธิการทหารบก เพราะเนื่องจากต้องการให้ พล.ท.อนุพงษ์ ขึ้นไปคานอำนาจกับ พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ. ทั้งที่เป็นเพื่อน ตท.10 ด้วยกัน แต่ยืนอยู่คนละข้างกับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยในปีหน้าหลังจากที่ พล.อ.สนธิ เกษียณอายุราชการ พล.อ.อนุพงษ์ ก็จะเข้ามาเป็นแคนดิเดทที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
       
       “การปรับย้ายครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ไม่เห็นด้วยที่จะให้ พล.ท.อนุพงษ์ ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. แต่ก็ไม่ยับยั้ง เพราะจะได้ พล.ท.จิรสิทธิ์ เกษะโกมล แม่ทัพน้อยที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนซี้อยู่ในก๊วนเดียวกัน ได้ปรับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งก็จะคุมกำลังทั้งหมดในภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้อำนาจในมือของ นายกฯ ในการคุมกำลังในเขตพระนครยังมีอยู่พอสมควร” แหล่งข่าว ทบ.กล่าว
       
       แหล่งข่าวระบุด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังต้องการส่งให้ พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) เพื่อน ตท.10 ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 เพื่อรอคิวขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 ในปีหน้า แต่ พล.อ.สนธิ และ คณะกรรมการในระดับ 5 เสือ ทบ.เห็นว่าขัดประเพณีของกองทัพบก เพราะ การเลื่อนตำแหน่งจาก ผบ.กองพล ต้องขยับไปเป็น รองแม่ทัพภาคก่อน ซึ่ง พล.อ.สนธิ ได้ขอนำข้อมูลเหล่านี้แจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทราบถึงหลักการดังกล่าว เพราะหากปรับย้ายลักษณะนี้จะข้ามหัวรองแม่ทัพภาคที่ 1 จำนวน 3 คน และ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 จำนวน 1 คน ซึ่งจะทำให้เสียระบบอาวุโสในกองทัพมากเกินไป
       
       “นายกฯ ต้องการวางตัว พล.ต.พฤณท์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อไป เพราะมีความไว้วางใจว่าสนับสนุนตนเอง อีกทั้งในสถานการณ์เช่นนี้ ท่านนายกฯ ย่อมต้องเลือกคนที่ไว้ใจที่สุดไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ผบ.พล.1 รอ.ก็แสดงบทบาทชัดเจนในการสนับสนุนท่าน” แหล่งข่าว ทบ.ระบุ
       
       สำหรับบัญชีรายชื่อในส่วนของกองทัพบกที่ พล.อ.สนธิ ได้จัดทำไว้ ประกอบไปด้วย พล.ท.จิรสิทธิ์ เกษะโกมล แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และโยก พล.ต.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.11) ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 โดยให้ พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ. ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แต่เนื่องจาก พล.ต.พฤณท์ ได้ไปขอตำแหน่งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยผลักดัน และออกแรงให้ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องต่อรองกับ พล.อ.สนธิ ทำให้การปรับย้ายครั้งนี้ยังไม่ลงตัว
       
       สำหรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ปรับ พล.ท.สุเจตน์ วัฒนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 (ตท.7) ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.สนธิ ได้ปรับให้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพน้อยที่ 2 (ตท.9) ซึ่งคุ้นเคยในพื้นที่ ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 เมื่อ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร (ตท.7) ถูกโยกเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขอให้ปรับ พล.ต.มนัส เปาริก รองแม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อนร่วมรุ่นขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 เพราะที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าเป็นผู้มีข้อมูลการซ่องสุ่มกำลังของ พล.ท.สพรั่ง เพื่อเตรียมทำการปฏิวัติ จนเป็นที่ฮือฮา และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีการเลือกตั้ง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องการให้เพื่อนร่วมรุ่นขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 และดัน พ.อ.ธงชัย เทพารักษ์ รองผบ.มทบ.33 เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนขึ้นเป็น ผบ.มทบ.33 เพื่อคุมพื้นที่ทั้งหมดในภาคเหนือ โดยเจาะจงในพื้นที่เชียงใหม่ที่ มทบ.33 คุมอยู่ จะแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในโผการปรับย้าย พล.อ.สนธิ ได้ปรับให้ พล.ท.จิระเดช คชรัตน์ แม่ทัพน้อยที่ 3 (ตท.9) ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 และโยก พล.ต.สีมอ อุดมผล ผบ.จทบ.เชียงราย (ตท.Cool ขึ้นเป็น ผบ.มทบ.33
       
       แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนตำแหน่ง ปลัดฯกลาโหม ที่ พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดฯกลาโหม เกษียณลง ได้เสนอชื่อ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดฯ กลาโหม (ตท.7) อาวุโสสูงสุด และเป็นรองปลัดฯมา 2 ปี ขึ้นในตำแหน่ง อีกทั้งเป็นวงรอบของทหารเรือ แต่เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ต้องการผลักดันให้ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร (ตท.7)ข้ามมาเป็น ปลัดฯกลาโหม ทำให้การปรับย้ายตำแหน่งปลัดฯ กลาโหม เป็นอีกเหล่าทัพที่ดูจะวุ่น เพราะทางฝ่ายการเมืองหลายคนโดยเฉพาะในพรรคไทยรักไทยที่สนิทสนมกับ พล.อ.เลิศรัตน์ ก็พยายามผลักดันให้ พล.อ.เลิศรัตน์ เข้าป้ายในตำแหน่งปลัดฯ กลาโหม ซึ่งทาง พล.อ.สิริชัย นั้นยืนกรานจะเสนอ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ขึ้นเป็นปลัดฯ กลาโหม เพราะเป็นรองปลัดฯ กลาโหมมาแล้ว 2 ปี และเป็นผู้อาวุโสในอัตราจอมพลทหารของกองทัพไทย ทั้งได้รับความชอบธรรม
       
       อย่างไรก็ตาม ในตำแหน่งรองปลัดฯ กลาโหม ที่ว่างลง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ขอตำแหน่งนี้ให้กับ พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล เลขาฯ สมช.(ตท.6) ที่จะข้ามมาจาก เลขาฯ สมช.เพื่อมาลงตำแหน่งเป็นรองปลัดฯ กลาโหม ทั้งที่ พล.อ.สิริชัย ได้เสนอ พล.อ.ทสรฐ เมืองอ่ำ ผอ.อผศ.(ตท.7) ขึ้นเป็น รองปลัดฯ กลาโหม ในฐานะที่เป็นพลเอกอาวุโสสูงสุดในกองทัพไทย
 
 
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
หน้า: 1 ... 3 4 5 [6]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 21 คำสั่ง