๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 29, 2024, 06:20:41 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จนตรอก  (อ่าน 12496 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2006, 01:29:42 AM »

บุชตอนนี้ก็กำลังแย่ คะแนนติดลบพอๆกับท่านผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองไทย
แต่บุชท่านอยู่ได้สมัยนี้เป็นสมัยสุดท้าย หลงรัก

ตามข่าวบอกว่า จดหมายส่งให้บุช ผู้พ่อครับ พี่บุญ แล้วส่งไปให้ตั้งแต่เดือน เมษายน แล้ว
บันทึกการเข้า
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12333


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2006, 03:18:50 AM »

ขอบารมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคุ้มครองประเทศไทย อยู่รอดปลอดภัยตลอดไป คนคิดร้าย ให้มีอันเป็นไป ๆโดยเร็ววัน
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 508
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9922


« ตอบ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2006, 08:16:26 AM »

หน้าด้านมากๆ
บันทึกการเข้า

...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2006, 03:45:27 PM »

สอนเนติบัณฑิตตีความกฎหมายในทางที่ดียึดหลักความถูกต้อง
 
วันนี้ (11 ก.ค.) นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ได้บรรยายพิเศษกับเนติบัณฑิตในหัวข้อ “การใช้โวหารกฎหมาย” ว่า เนติบัณฑิตมีหน้าที่ในการศึกษาและนำกฎหมายมาพัฒนา ดังนั้นควรศึกษาภาษากฎหมายและการใช้กฎหมายให้ดี เพื่อให้เกิดการตีความไปในทางที่ดี โดยยึดหลักความถูกต้อง ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไร ต่อให้ลงรักปิดทองหรือเสกคาถาอะไรเข้าไป แต่หากนำมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องก็จะเกิดสิ่งที่ไม่ดีได้ ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์

ด้านนายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย ระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ต้องยึดการเลือกตั้ง ว่า กระบวนการประชาธิปไตยมีองค์ประกอบอยู่หลายส่วน การเลือกตั้งถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ที่สำคัญการเลือกตั้งทำให้กระบวนการประชาธิปไตยสมบูรณ์ได้ ต้องเป็นการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม และเป็นประชาธิปไตย ขณะเดียวกันต้องเป็นการเลือกตั้งที่ดำเนินการและควบคุมโดยองค์กรที่มีความเป็นอิสระ เป็นกลาง และซื่อสัตย์สุจริต

อดีต ส.ส.ร. กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ใหญ่โต เกี่ยวข้องกับองค์กร บุคคล รวมทั้งงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ดังนั้น การที่กลุ่มพันธมิตรฯ หรือประชาชนกลุ่มใดก็ตามในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะคัดค้านการเลือกตั้งที่จัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบัน การที่พรรคการเมืองไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งและกาในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน หรือแม้แต่การเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี กกต. ลาออก ล้วนเป็นกระบวนการประชาธิปไตยทั้งสิ้น เพราะเป็นการใช้สิทธิในฐานะเป็นพลเมืองเจ้าของอำนาจอธิปไตย

นายคณิน กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลรักษาการยังตีขลุมใช้อำนาจอยู่ ทั้งที่สิ้นสภาพไปแล้วทั้งในทางนิตินัยและพฤตินัย จะอ้างว่าเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยและยึดรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญที่ไหนในโลกที่ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดใช้อำนาจรักษาการคุมประเทศ โดยไม่มีการตรวจสอบ และไม่มีกระบวนการประชาธิปไตยรองรับและกำกับเป็นเวลายาวนานถึง 4-5 เดือน และอาจกินเวลาเป็นปี



 http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=12316
 
 
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
S.V
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 647
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11296


เสียชีพ อย่าเสียสัตย์


« ตอบ #19 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2006, 05:11:37 PM »

เชิญให้บุชมาจุ้นจ้าน  แทรกแซง  แบบอีรักไปเลยซิครับ ท่านนายก   จะได้เช็คบิลกันเสียที.... Grin
บันทึกการเข้า

ถ้วยหนึ่งนงนุช  สองถ้วยพุทธวาจา  สามถ้วยแกล้วกล้าพูดจาองอาจ  สี่ถ้วยเก่งกาจผ้าขาดไม่รู้ตัว  ห้าถ้วยเมามัวพูดไม่กลัวความผิด  หกถ้วยมีฤกธิ์พูดผิดทุกคำ  เจ็ดถ้วยมืดคล้ำมือคลำหนทาง  แปดถ้วยเอวบางพี่เห็นช้างเท่าหมู  เก้าถ้วยโอ้ว่าโฉมตรูสุดรู้สุดคิด  สิบถ้วยมืดมิดสิ้นฤทธิ์พี่แล้วเจ้าแก้วเอย
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #20 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2006, 11:06:05 PM »

เอามาให้อ่านกันครับ จาก ผู้จัดการรายวัน

              ผู้จัดการรายวัน – เฮือกสุดท้ายไทยรักไทย-ทักษิณและพวกสู้หลังพิงฝา ลุ้นระทึกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ลาก กกต. นอนคุกในคดีอาญาพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ส่วนคดีเลือกตั้ง-ทักษิณพักร้อน ยื่นอุทธรณ์ตามเชคบิลกันถึงศาลปกครองสูงสุด
       
       การต่อสู้กันในศึกไล่ทักษิณระหว่างพรรคการเมืองและภาคประชาชน และพรรคการเมืองใหญ่ด้วยกันเอง ก่อให้เกิดคดีความตามมามากมายตามมา ทั้งที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา และศาลปกครอง นับตั้งแต่คดีการเลือกตั้งที่ลากยาวมาตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปจนถึงคดีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กที่ทุกฝ่ายกำลังลุ้นระทึกกันว่าถึงเวลาล้างไพ่กันใหม่หมด หรือเป็นแต่เพียงปาหี่ทางการเมืองของทักษิณและพวกพ้องเท่านั้น
       
       ***ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค
       
       คดีความที่จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญและมีลุ้นอยู่ในขณะนี้ คือ คดีการยุบพรรค 5 พรรคการเมือง คือ ไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ พัฒนาชาติไทย แผ่นดินไทย และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเวลานี้ สำนักงานอัยการสูงสุด ร่างคำร้องยุบพรรคพัฒนาชาติไทย, แผ่นดินไทย และประชาธิปไตยก้าวหน้า เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงพรรคไทยรักไทยและประชาธิปัตย์ โดยอัยการสูงสุดจะยื่นเรื่องถึงมือศาลรัฐธรรมนูญอย่างช้าในวันจันทร์ที่ 3 ก.ค. ที่จะถึงนี้
       
       สำหรับคำร้องการยุบพรรคไทยรักไทย ระบุถึงพฤติการณ์ผู้บริหารพรรคเชื่อมโยงกับการกระทำของพรรคตามสำนวนการสอบสวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในการจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. เพื่อเลี่ยงเกณฑ์กรณีมีผู้สมัครลงเลือกตั้งพรรคเดียวต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ต่ำกว่า 20%
       
       ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ สำนวนชี้มูลความผิดที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ระบุมา 6 ข้อ มีข้อที่ไม่เข้าลักษณะความผิดตามมาตรา 66 พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง เช่น การชี้มูลความผิดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เสนอให้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ขอนายกพระราชทาน
       
       ขั้นตอนการยื่นเสนอยุบพรรคการเมืองนั้น หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทำคำร้องส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ จะใช้เวลาพิจารณาว่าจะรับคำร้องหรือไม่ประมาณ 10 วัน หากไม่รับคำร้องศาลฯจะต้องแถลงด้วยวาจาและลงมติ ถ้าหากรับศาลฯ จะแจ้งเรื่องไปยังผู้เกี่ยวข้องให้รับทราบเพื่อให้ทำคำชี้แจงกลับมายังศาลฯ ภายใน 15 วัน แต่ศาลฯไม่สามารถระบุว่าจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าใด อย่างไรก็ตาม นับเป็นกรณีแรกที่ศาลฯ จะพิจารณายุบพรรคตามมาตรา 66 ตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง
       
       อนึ่ง สำหรับคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ คือ กรณีที่นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ที่ขอให้ศาลฯ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 142 และ มาตรา 226 กรณีส.ว. 35 คน ยื่นคำร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยว่า กกต. ทั้ง 3 คนพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยท้ายคำร้องประธานวุฒิสภา ระบุในท้ายคำร้องว่า ส.ว.ขาดสมาชิกภาพลงแล้วจะยื่นเรื่องขอให้ประธานรัฐสภาส่งเรื่องไปให้ศาลฯ วินิจฉัยได้หรือไม่ ส่งผลให้ศาลฯ ไม่รับคำร้องดังกล่าว โดยชี้ว่าเป็นเพียงการหารือ ไม่ใช่กรณีที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ศาลฯ จะรับวินิจฉัยได้
       
       กรณีสถานะของ 3 กกต.นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความจากสภาทนายฯ ได้ยื่นเรื่องผ่านทางผู้ตรวจการรัฐสภา เพื่อให้ผู้ตรวจการฯ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติของ กกต. ด้วยเช่นกัน
       
       **** กกต. ผิดอาญา สู้หลังพิงฝา
       
       สำหรับคดีอาญาที่ไล่บี้เอาผิดกกต.ในการจัดการเลือกตั้งมีอยู่หลายคดี ดังเช่น
       
       (1) คดีที่นายถาวร เสนเนียม รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ฟ้องสำนักงานกกต., กกต.ทั้ง 4 คน และเลขาธิการ กกต. เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 49 ตามคดีหมายเลขดำที่ 1234/2549 ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ฐานความผิดอาญา มาตรา 157 และ และฐานความผิดตามมาตรา 24 และ 42 พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 กรณีที่กกต. มีมติและออกประกาศให้สามารถ “เวียนเทียนลงสมัคร” ในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในรอบสอง แต่ศาลยกฟ้องสำนักงาน กกต. และเลขาธิการ เพราะทั้งสองไม่มีส่วนรู้เห็นหรือส่วนร่วมในการกระทำดังกล่าว
       
       คดีนี้ นายถาวร ยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัวในวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันแถลงเปิดคดีวันแรก แต่เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ทาง กกต. 3 คน คือ วาสนา ปริญญา วีระชัย ชิงตัดหน้ายื่นประกันตัวและศาลได้อนุญาตโดยใช้ตำแหน่งประกันออกไปแทนหลักทรัพย์รายละ 1.2 แสนบาท ครั้นถึงวันนัดแถลงเปิดคดีในวันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.อ.วาสนาขึ้นให้การปฏิเสธทุกข้อหา และนายถาวร ยังถอนฟ้องพล.อ.จารุภัทร เพราะลาออกไปก่อนแล้ว
       
       ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสืบพยานโจทก์ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.และต่อเนื่องจนถึงวันนี้ (30 มิ.ย.) โดยมีพยานโจทก์ 10 ปาก ในขณะที่การสืบพยานจำเลยจะเริ่มในวันที่ 4 ก.ค. ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งพยานเด็ดของฝ่ายโจทก์คือผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลย 7 – 8 คน
       
       (2) คดีหมายเลขดำที่ 1464/2549 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้อง กกต.ทั้ง 4 คน ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พ.ค. โจทก์ได้ขอถอนฟ้อง พล.อ.จารุภัทร เพราะลาออกไปก่อน นายสุเทพ ชี้ฐานความผิดสำคัญของกกต.ว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณี “พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก” ที่กกต.ละเว้นไม่ดำเนินการกับพรรคใหญ่ เอาผิดแค่พรรคเล็กและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของกกต.เท่านั้น
       คดีนี้ ไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 29 พ.ค. นายสุเทพ ขึ้นเบิกความพร้อมหลักฐานภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด 9 ภาพ ของพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา แกนนำพรรคไทยรักไทยและพวก พร้อมกับตัวแทนพรรคเล็กที่หน้าห้องทำงาน รมว.กระทรวงกลาโหม
       
       ต่อมา ศาลประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวในวันที่ 8 มิ.ย. ยกเว้นประเด็นการหมิ่นประมาทเนื่องจากเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ศาลนัดแถลงเปิดคดีในวันที่ 3 ก.ค.ที่จะถึงนี้
       
       คดีนี้ นายสุเทพ ยังยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัวของจำเลย และวันที่ 19 มิ.ย. ศาลไต่สวนคำร้องและให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยกระทำการหรืองดเว้นการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความล่าช้าต่อการพิจารณาคดีของศาล และต้องอำนวยความสะดวกต่อโจทก์ในการขอมติการประชุมใดๆ ด้วยความรวดเร็ว หากผิดจากนี้โจทก์สามารถร้องต่อศาลให้เพิกถอนประกันตัวจำเลยได้
       
       (3) คดีนายสุวโรช พะลัง ฟ้อง กกต.ทั้งสาม เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ใน 3 ฐานความผิด คือ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ออกมติ กกต.โดยมิชอบ และหมิ่นประมาทฯ กรณีที่ออกมติไม่รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.ชุมพร ที่นายฉัตรชัย พะลัง น้องชายของเขาได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเป็นอันดับ 1 อีกทั้งยังแจ้งข้อหาต่อนายฉัตรชัยพาดพิงถึงเขาในทางเสียหาย ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นกลาง ศาลจึงนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 31 ก.ค.นี้
       
       ***พันธมิตรฯ กัดไม่ปล่อย
       
       (4) คดีหมายเลขดำที่ 864/2549 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพวก ยื่นฟ้องพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ, นายวีระชัย แนวบุญเนียร, นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1 – 4 ด้วยฐานร่วมกันกระทำความผิดโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรมตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 และปฏิบัติหน้าที่มิชอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ ส.ว. พ.ศ.2541 และประมวลกฎหมายอาญา เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 49
       
       กล่าวคือ ไม่ควบคุมและจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยให้ไม่มีการอ่านชื่อและที่อยู่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ประสงค์จะลงคะแนน, ไม่มีการจด “หมายเลขประจำบัตรประชาชน” 11 หลัก (ใต้รูป) แต่กลับปล่อยให้มีการจด “หมายเลขบัตรประจำตัวผู้ถือบัตร” 13 หลักแทน และจำเลยมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งนำเอารูปและบัตรของผู้สมัครหมายเลข 2 หรือของพรรคไทยรักไทยไปติดบริเวณหน่วยเลือกตั้งอันเป็นการจงใจในลักษณะเจตนาชักจูง
       
       คดีนี้ศาลจังหวัดนครราชสีมานัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 18 ก.ย.นี้
       
       (5) คดีหมายเลขดำที่ 1394/2549 ที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ รักษาการณ์ ส.ว.อุบลราชธานี และพวก ยื่นฟ้อง 4 กกต. ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุความผิดฐานเดียวกันกับคดีที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ยื่นฟ้อง
       
       ทั้งนี้ โจทก์ระบุพฤติการณ์ว่า 1.จำเลยทั้งหมดไม่ยอมทักท้วงการกำหนดวันเลือกเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ซึ่งน้อยกว่าระยะเวลาขั้นต่ำที่กำหนดตามรัฐธรรมนูญ 2.มีคำสั่งให้จัดคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ซึ่งไม่เป็นความลับ และแก้ไขบัตรเลือกตั้งให้ตำแหน่งของช่องไม่ลงคะแนนมาอยู่ด้านล่างของบัตร 3.การติดหมายเลขและรูปผู้สมัครในคูหาเลือกตั้ง 4.การรับสมัครผู้สมัครเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งรอบสองในเขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครคนเดียวได้รับคะแนนไม่ถึงร้อยละ 20
       
       จากนั้น เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องและวันที่ 16 มิ.ย. ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องโดยระบุว่าคำฟ้องดังกล่าวไม่มีมูลความผิดทางอาญา ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิฟ้อง
       
       ส่วนมูลความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2541 และประมวลกฎหมายอาญานั้น ศาลพิเคราะห์แยกเป็นแต่ละประเด็นว่า การกำหนดวันเลือกตั้งของกกต.ไม่ถือเป็นการกระทำอันมิชอบต่อหน้าที่, การจัดคูหาใหม่และแก้ไขบัตรเลือกตั้งแม้ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองจะวินิจฉัยสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งแล้วก็ตาม แต่จำเลยจะรับผิดทางอาญาก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำโดยเจตนา และจำเลยเคยจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในรูปแบบดังกล่าวโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน
       
       นอกจากนั้น การติดรายชื่อและติดรูปผู้สมัคร เป็นคำสั่งให้ดำเนินการกับผู้สมัครทุกคนไม่ใช่แก่ผู้หนึ่งผู้ใดจึงไม่อาจส่อชัดเจนว่าเป็นการโฆษณาในคูหา, การออกคำสั่งให้มีการลงสมัคร “เวียนเทียน” ในการเลือกตั้งรอบสองใน 15 จังหวัด 38 เขตเลือกตั้ง ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าโจทก์ทั้ง 9 เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงในเขตดังกล่าว จึงถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
       
       นายวรินทร์ เทียมจรัส ทนายฝ่ายโจทก์ยืนยันว่าจะอุทธรณ์ต่อศาลให้ประทับรับฟ้องต่อไปโดยจะย้ำในประเด็นสิทธิของประชาชนที่รับรองในรัฐธรรมนูญว่าเหนือกว่าสิทธิของผู้สมัครและพรรคการเมืองที่ฟ้องในมูลความผิดของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ในขณะเดียวกันก็จะชี้ว่าผลของการเลือกตั้งครั้งดังกล่าวมีผลกระทบต่อโจทก์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตที่มีการเลือกตั้งแซมรอบสอง
       
       ***อุทธรณ์คดีเลือกตั้งต่อศาลปกครองสูงสุด
       
       ส่วน “คดีหันคูหา” ที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2549 สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านั้น กำลังเข้าสู่การกระบวนการอุทธรณ์ที่ศาลปกครองสูงสุด
       
       เดิมคดีนี้เป็นการฟ้องแยกกันของ 2 คณะ กล่าวคือ นายโพธิพงศ์ บรรลือวงศ์ อาจารย์พิเศษ ม.อัสสัมชัญ กับ นพ.ประมวล วีรุตมเสน กับพวกรวม 10 คน ต่อมาศาลรวมคดีเข้าด้วยกันและคำสั่งออกมาดังกล่าว สถานะของคดีขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ในหมายเลขคดี ร.338/2549 และ ร.339/2549 ตามลำดัง ซึ่งศาลก็สั่งรวมคดีอีกเช่นกัน
       
       ผลจากการวินิจฉัยในคดีดังกล่าว ทำให้คดีความในศาลปกครองที่ร้องขอให้เพิกถอนการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.และการเลือกตั้งแซมที่ตามมา อันมีเนื้อหาสอดคล้องกันถูกจำหน่ายคดีออกเกือบหมด
       
       นายโพธิพงศ์ ยังเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นนทบุรี และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.สมุทรสงคราม ประมาณ 60 คน ยื่นฟ้องต่อ กกต. กับศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนการประกาศผลการเลือกตั้งในเขตดังกล่าว เนื่องจาก กกต.ละเมิดกฎหมายอนุญาตให้พรรคไทยรักไทยสามารถส่งผู้สมัครซ้ำซ้อนได้ หลังจากนั้นศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรวมคดีไว้ด้วยกันและขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณา
       
       แม้ว่าหลายคดีในศาลปกครองจะมีคำขอให้ยกเลิกเพิกถอนการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.และการเลือกตั้งแซมที่ตามมา แต่เนื้อหาของการฟ้องในแต่ละคดีในช่วงนั้นก็แตกต่างกัน และการพิจารณาก็ต้องดำเนินต่อไปตามกระบวนการ
       
       ล่าสุด “คดีตรายาง” ซึ่งเป็นคดีศาลปกครองคดีแรกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสุดอัปยศครั้งนี้ ก็มีคำวินิจฉัยออกมาในวานนี้ (29 มิ.ย.) ซึ่งชี้ว่ามติกาให้ใช้ตรายางไม่ได้เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ และให้เพิกถอนเฉพาะมติ กกต. ที่ให้ประชาสัมพันธ์การทำเครื่องหมายกากบาทด้วยตรายางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนคำขออื่นศาลให้ยกคำฟ้อง เพราะการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว
       
       นอกจากนี้ ยังมีคดีค้างเติ่งขอให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกายุบสภาและเลือกตั้งใหม่อีก ดังคดีหมายเลขดำที่ 19/2549 ที่นายนิติธร ล้ำเหลือ และพวกรวม 3 คน เข้าฟ้องต่อ นายกรัฐมนตรี กกต.และพวกรวม 4 คน ที่กำหนดวันเลือกตั้ง ตามมาตา 3 และ 4 ของพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายฉบับ จึงขอให้เพิกถอน ล่าสุด ศาลปกครองกลางยกฟ้องเนื่องจากผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหาย ผู้ฟ้องทั้งสามจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 28 มิ.ยที่ผ่านมา
       
       นอกจากนี้ยังมีคดีหมายเลขดำที่ 601/2549 นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรฯ ยื่นฟ้อง กกต.ฐานละเลยล่าช้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง และขอให้ กกต.ดำเนินการ ศาลปกครองกลางได้ยุติการแสวงหาข้อเท็จจริงไปแล้วเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีคำวินิจฉัยเร็วๆ นี้
       
       *** คดีเชคบิลทักษิณ พักร้อน พักเลย
       
       คดีในศาลปกครอง ยังมีกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ลาปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ฟ้อง คือ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย เป็นผู้ยื่นต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำที่ 969/2549 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 49 ต่อมา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 49 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ 745/2549 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เพราะผู้ฟ้องคดีเป็นคนนอกไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายโดยตรงหรือได้รับผลกระทบจากมติคณะรัฐมนตรี โดยมติดังกล่าวจะมีผลต่อนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ ที่รักษาการแทนเท่านั้น
       
       คดีข้างต้น นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 49 ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าตนเองเป็นผู้เสียหายโดยตรงตามมาตรา 3 และ 5 ของรัฐธรรมนูญ เพราะนายกรัฐมนตรีได้รับเลือกตั้งจากประชาชน จึงกระทบต่อสิทธิของประชาชนโดยตรงในฐานะผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และการแต่งตั้งพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรักษาการนายกฯ ก็เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้รักษาการนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต หรือระบบบัญชีรายชื่อ แต่พล.ต.อ.ชิดชัย ไม่ได้เป็นผู้มาจากการเลือกตั้งทั้งสองระบบ
       
       ในคดีการลาพักปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ยังมีกลุ่มรักษาการส.ว. เช่น นายการุณ ใสงาม และ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเช่นกันว่าการกลับเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ หลังลาพัก ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ศาลปกครองกลางมีมติให้ยกคำร้อง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 49 เพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจที่ศาลปกครองกลางจะรับพิจารณาและวินิจฉัยได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรที่มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ นายการุณ กำลังรวบรวมรายชื่อจำนวน ส.ว. เพื่อเข้าชื่อร้องต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าการลาพักของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ ที่ใช้คำว่า ลาพักตลอดไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทนนั้น ถือว่าสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 ( 2 ) หรือไม่ ถ้าความเป็นรัฐมนตรี ของพ.ต.ท.ทักษิณ สิ้นสุดลง ก็จะทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 215 (1)
       
       ส่วนอีกทางหนึ่ง นายการุณ จะยื่นอุทธรณ์คำร้องของศาลปกครองกลางไปยังศาลปกครองสูงสุด อีกด้วย
 
บันทึกการเข้า
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #21 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2006, 01:56:24 AM »

รัฐบาลพร้อมเปิดเผยจดหมาย รอ 'บุช' ไฟเขียวตามมารยาท
วานนี้ (11 ก.ค.) น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำจดหมายชี้แจงสถานการณ์ทางการเมืองไทยไปถึงนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผ่านทางรายการ "ถึงลูกถึงคน" ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ว่าจดหมายดังกล่าวเขียนขึ้นอย่างเป็นทางการและส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ใช่เดือน เม.ย.อย่างที่เป็นข่าว และก่อนวันที่ 29 มิ.ย. ที่นายกฯ ไปพูดกับข้าราชการระดับสูงถึงเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ โดยเนื้อหาจะคล้ายคลึงกับที่นายกฯ เดินทางไปพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆ 5 ประเทศ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งถือเป็นมิตรประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ เพื่อให้ต่างประเทศมั่นใจว่ากระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศจะเดินหน้าต่อไป

 

น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เนื้อหาของจดหมายดังกล่าวก็จะคล้ายคลึงกัน คือ บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ว่ามีเหตุการณ์ทางการเมือง มีการเดินขบวนของประชาชน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ศาลตัดสินว่าการเลือกตั้งไม่ชอบ ทำให้ต้องกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปใหม่ และย้ำในช่วงท้ายของจดหมายว่า การพัฒนาประชาธิปไตยจะยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงก็จะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีการพูดถึง "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" อย่างที่หลายฝ่ายกังวลกันอยู่แต่อย่างใด

 

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะที่เขียนจดหมายดังกล่าวนั้น นายกฯ มีอำนาจตามกฎหมาย สามารถกระทำได้ และทางประธานาธิบดีบุช ได้มีหนังสือตอบกลับมาถึงนายกฯของไทย ลงวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา มีทัศนคติเป็นไปในเชิงบวก คือ ยืนยันว่ายังมีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังเป็นระบอบประชาธิปไตยอยู่ และจะมีการพัฒนาประชาธิปไตยต่อไปอย่างยั่งยืน รวมทั้งได้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ยังคงเป็นไปด้วยดี

 

ด้านนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา กล่าวในรายการเดียวกันว่า หากเป็นอย่างที่ น.พ.สุรพงษ์ กล่าวก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ในสถานการณ์ที่ประเทศมีวิกฤติ เพื่อให้ประเทศที่เป็นมิตร มีความสัมพันธ์ที่ดีตลอดมา โดยเฉพาะในด้านการตลาด เกิดความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของประเทศ แต่สิ่งที่ตนไม่ไว้วางใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองทำผิดในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่เป็นต้นเหตุของปัญหา เริ่มตั้งแต่การยุบสภา ทำให้เกิดปัญหาบานปลายตามมาจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญคือ ในจดหมายนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายปัญหาได้อย่างถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ และให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่คัดค้านหรือไม่

 

"ผมอดสงสัยไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาแม้การเจรจากับต่างประเทศที่ดูว่ามีความสำคัญกับประเทศ แต่กลับไม่มีรัฐมนตรี หรือเจ้าหน้าที่ร่วมขบวนไปด้วย มีเพียงนายกฯ เจรจากันสองต่อสอง และก็ไม่มีเอกสารหรือข้อมูลใดๆ ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเลย และผมไม่แน่ใจว่าที่ น.พ.สุรพงษ์ พูดมา จะตรงตามข้อเท็จจริงทั้งหมด จนกว่าจะได้เห็นจดหมายฉบับจริงเสียก่อน ถ้าได้เห็นแล้วผมจะเลิกพูดทันที" รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา กล่าวในที่สุด

 

น.พ.สุรพงษ์ กล่าวถึงการเปิดเผยข้อความในจดหมายว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการขออนุญาตจากอีกฝ่ายก่อน เพราะเป็นมารยาททางการทูต หากกระบวนการเสร็จสิ้นก็พร้อมที่จะเปิดเผยจดหมายทั้ง 2 ฉบับ ทั้งฉบับที่ไทยส่งไป และฉบับที่ทางสหรัฐฯ ตอบกลับมา เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป
 
 


http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=12356

กับแค่จดหมาย ทักษิณมันยังต้องรอเจ้านายอนุญาติอีกหรือครับ ฉะนั้นสาเหตุที่มันดื้อด้านได้ขนาดนี้เพราะ มันมีเจ้านายถึง 2 คน คือ usa กับ สิงค์โปร์ ซึ่งเจ้านายมันทั้งคู่ก็คงยังไม่อนุญาติให้ลาออกล่ะครับ  จบงานนี้ ทวงอำนาจกลับมาเป็นของคนไทยได้แล้ว อย่าลืม check bill ธุรกิจ สิงค์โปร์ด้วยนะครับ โดยเฉพาะสื่อสาร กับ ธนาคาร แต่คงได้แต่ฝัน เพราะถ้าได้รัฐบาลใหม่จริง แต่ก็คงได้นักการเมืองพันธ์ตะกวดเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด ได้เศษเงินสิงค์โปร์นิดหน่อยก็คงปล่อยให้เกาะโจรสลัดแห่งนี้ปล้นประเทศไทยต่อไปครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #22 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2006, 10:42:08 PM »

แต่ที่ไม่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมบารมี เพราะมั่นอกมั่นใจในรัศมีของตัวเอง ถึงขั้นกล้าท้าวัดดวงกับ “ผู้มีบารมี” ถึงนาทีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 

ก็ยังคงอยู่ในอิริยาบถสบายๆ

ยังมีแก่ใจเป็นสารถีขับรถพา “น้องเอม” พิณทองทา ชินวัตร ลูกสาวคนกลาง ที่เดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารหรูย่านซอยทองหล่อ สุขุมวิท

คนเราถ้ามีอารมณ์สรรหาของกินได้ แสดงว่าไม่ได้เครียดจนเกินไป 

ไม่ได้ถึงขนาดที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ

ทั้งๆที่มีปมแหลมจ่ออยู่ที่คอหอย ไหนจะปริศนา “ผู้มีบารมี” นอกรัฐธรรมนูญ สามัญชน ที่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ก็ยังไม่ได้เฉลย ไหนจะมีคิวใหม่แทรกขึ้นมากับปมของจดหมายน้อยที่ส่งถึงประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานสถานการณ์ประชาธิปไตยในประเทศไทยให้เพื่อนรักได้ร่วมรับรู้

ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ แล้ว “จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” เป็นใคร

สารพัดคำถามร้อนๆที่รอ “ทักษิณ” ไขข้อข้องใจ

เสียงขู่ฮึ่มๆต้องตอบให้ได้

แต่ก็อย่างว่า ขนาด “ผู้มีบารมี” ยังกล้าเปิดเกมวัดดวง เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย นับประสาอะไรกับเสียงโหวกเหวกของคนไม่มีบารมี

“ทักษิณ” ไม่สนอยู่แล้ว


รูปเกมเดินมาถึงจุดที่ต้องแลกหมัด ไม่มีอะไรจะเสีย ติดดาบปลายปืนรอตะลุมบอน

ฝั่งพันธมิตรม็อบไล่เองต่างหากที่ต้องเดินเกมกันอย่างยากลำบาก ไหนจะต้องระวังไม่เปิดเงื่อนไขให้ฝ่ายอำนาจพิเศษเข้าควบคุมสถานการณ์

ล่อให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร

ไหนจะต้องประเมินกำลังตอบโต้ของฝ่ายสนับสนุน “ทักษิณ” ที่ข่าวทางลึกว่ากันว่า วางเครือข่ายไว้แน่นปึ้ก ทั้งยุทธศาสตร์ด้านมวลชน และเครื่องมือในการโฆษณาประชาสัมพันธ์

ไม่หมูเหมือนยกแรก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพันธมิตรม็อบไล่เองก็เก๋าเกม เป็นมวยมากขึ้น ล่าสุด นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรม็อบไล่ แพลมไต๋ล่วงหน้า

อาจจะเลื่อนกำหนดวันนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 กรกฎาคมออกไปก่อน

โดยอ้างมุมมองสะท้อนกลับให้ต้องพิจารณา อาทิ เรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกำลังอยู่ในอาการประชวร การที่มีกระแสข่าวเรื่องการจัดม็อบชนม็อบ การที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ออกมาขอร้องไม่ให้กัดกัน

พันธมิตรม็อบไล่ต้องฟังความเห็นของเครือข่ายต่างๆด้วย

คุมเชิงแบบมีลีลา

ไม่บุ่มบ่ามให้โดนสวนง่ายๆเหมือนกัน
http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics03&content=12376
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2006, 12:04:14 AM โดย narcissus » บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #23 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 12:02:12 AM »

  ขณะนี้รายการถึงลูกถึงคน กำลังถกเถียงกันเรื่อง จดหมายที่ทักษิณส่งรายงานต่อ จอร์ช ดับเบิลยู บุช  ระหว่าง นายสุริยะใส กับ จักรภพเพ็ญแข  เนื้อหาหลักๆ ที่จักรภพบอกเกี่ยวกับเนื้อหาที่ฟ้อง บุชคือ เลือกตั้งได้เสียงข้างมากแล้ว(แต่ทักษิณไม่ได้รายงานเจ้านายว่าเป็นการเลือกตั้งพรรคเดียว เหมือนประเทศเผด็จการและคอมมิวนิสต์) ยังไม่ได้ตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่ได้รับความยุติธรรม จากขบวนการต่างๆ (น่าจะหมายถึงผู้มีบารมี และศาล)ดูยังไง จักรภพก็อธิบายไม่ออกว่าเหตุใดต้องส่งจดหมายรายงานกิจการภายใน ต่อ ประเทศมหาอำนาจที่มี ประวัติ ส่งออก ปฏิวัติ รัฐประหาร ตั้งรัฐบาลหุ่น เป็นสินค้าสำคัญครับ มันบ่งชี้ถึงหนทางที่ตีบตันลงไปทุกทีของทักษิณและบริวาร กับหนทางที่เหลือไม่มากนัก  หมาที่ยังหนีได้ กับ      "   หมาจนตรอก    "   โดยเฉพาะ  "   หมาบ้าที่กัดไม่เลือกแม้แต่ผู้มีบารมี   "   สิ่งหลังน่ากลัวนัก  คนไล่และประชาชนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเลือดตกยางออกบ้างไม่มีทางเลี่ยงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 13, 2006, 01:01:53 AM โดย narcissus » บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14564


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 04:36:13 AM »

 Undecided ประเดนสำคัญอยู่ที่ว่า "ทำไม" ต้องส่งจดหมายไปยังผู้นำอเมริกา และล่าสุดข่าวเช้านี้บอกว่านอกจากอเมริกาแล้ว ยังมีอีก 9 ฉบับที่ส่งไปยังผู้นำประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศในอาเซียนด้วย Undecided
บันทึกการเข้า

มือปืน อีโบ๊ะ
" ขวัญใจ ลูกทุ่ง "
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 312


กูผู้ชนะ


« ตอบ #25 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 09:36:37 AM »

ขอแสดงความเห็นบ้างนะครับ ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนหรือเข้าข้างใคร ประเด็นที่ นายกฯ ส่งจดหมายไปให้ บุช. ก็เพราะต้องการยืนยันว่าสถานการณ์ในเมืองไทยเป็นอย่างไร. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ยังลังเลอยู่ให้มาลงทุน. ถามว่าจำเป็นใหม? ที่ต้องทำแบบนี้ ผมว่ามันเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของผู้นำประเทศที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น มันไม่เกี่ยวกับการขายชาติหรือยอมเป็นเมืองขึ้นของใครหรอกครับท่าน ไม่ใช่"หมาจนตรอก" อย่างที่ narcissus พูด ผมรู้สึกว่าท่านผู้นี้ พูดแรงไปหน่อย มาจาก manager หรือครับ หรือว่ามาจาก พวก 500 เอ๊ย. 5 พันธมิตรที่เริ่มเป็น หมาจนตรอก ( ขอใช้บ้าง ) จัดชุมนุมไม่ได้แล้ว เพราะ 1. ไม่มีทุน 2.ไม่มีแนวร่วม 3.อ้างเบื้องสูงไม่ได้แล้ว หลังจากท่าน สุเมธฯ ออกมาด่าว่าห้ามอ้างเบื้องสูง 4. จะต้องเจอกลุ่มต้อต้านแน่ 5. ต้องใช้เวลาไปขึ้นศาล... ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16168


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 10:21:56 AM »

จริงครับที่ ผู้นำมีหน้าที่ต้องส่งจดหมายชี้แจงต่างชาติเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่ไม่ใช่นำเสนอปัญหาส่วนตัวส่วนพรรคขอความเห็นใจ โจมตีฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐบาลในประเทศที่ทำเหมื่อนกับที่ประชาชนในประเทศประชาธิปไตยตะวันตกชอบทำกันเอง

และเรื่องของเรื่องคือข้องความทีส่งไปก็มีความหมายเพียงให้เขารู้ว่า อยากจะบอกอะไรเท่านั้นละครับ คนเมกันอยู่เต็มเมืองและไม่ตาบอดหรือโง่ ไม่ได้อะไรเพราะเมกาจะทำอะไรก็ยึดผลประโยชน์ประเทศเขาอยู่แล้ว เมกาเคยจริงจังจริงใจกับผู้นำต่างชาติคนไหน/รัฐบาลไหนบ้าง? อย่างเก่งก็ยอมให้ลี้ภัยไปอยู่แผ่นดินเขา เวลาต่างชาติๆ นั้นเน่าแล้ว

ข้อมูลใดใครพูดจะเป็นพันธฯ หรือไม่พันธฯ ก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริง ต่อให้ ฮิตเลอร์ หรือ อีดี้ อามิน พูดว่า 1+1=2 ยังไงก็ถูกตามกฎเกณฑ์ของเลขฐาน 10

การส่งข้อความแบบนี้ ผมว่า "ไม่ได้เรื่อง" "เสียเกียรติประเทศชาติ" ตามกฎเกณฑ์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ครับ
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Chayanin-We love the king
ฟ้าสว่างสดใสไร้มลทิน เพียงเมฆินบังเบียดเสนียดฟ้า แกว่งยางยูงปัดป้องท้องนภา ผู้แก่กล้าโปรดอย่าว่าตัวข้าเลย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2610



« ตอบ #27 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 10:52:10 AM »

เมื่อมองเหตุการณ์ในบ้านเมืองเราแล้ว เรื่องอำนาจปกครองอาณาจักร มันก็มีความเหมือนกันคล้ายคลึงกันเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เช่นจีน  หรือ ไทยเราเอง  การต่อสู้ มีการแพ้ แลชนะ ทั้งในระดับยุทธศาสตร์ และยุทธวิถีปลีกย่อย 
ผู้ชนะ หรือ ผู้แพ้ อาจจะเป็นได้ทั้งฝ่ายธรรม  และ อธรรม  อย่างที่เราเคยได้เห็นได้ศึกษาจากประวัติศาสตร์
ฝ่ายธรรมหรือพระเอกผมขอนิยามว่า  เป็นฝ่ายที่คำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก
ฝ่ายอธรรมหรือตัวร้าย  ก็เป็นฝ่ายที่คำนึงถึงตัวเอง พวกพ้อง บริวารเป็นหลัก
หากผู้ปกครองมีธรรมมะ  บ้านเมืองก็จะมีความสงบเรียบร้อย ร่มเย็น ในระยะยาว
หากผู้ปกครองไม่มีธรรมมะ  บ้านเมืองก็จะระส่ำระสาย  เดือดร้อนไปทั่ว  ที่เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ สุดท้ายก็ย่อมเป็นการเพาะพันธุ์ สร้างพลังที่จะมาล้างระบอบทรราช ระบอบที่ไม่ดีให้หมดอำนาจลงไปในที่สุด และใช้เวลาไม่นานมากนัก ...โดยอัตโนมัติ
ระบอบที่ดี  ก็สั่นคลอน  อนิจจัง ได้เหมือนกัน   แต่ยากกว่าเพราะคนส่วนใหญ่จะคอยเกื้อหนุน ค้ำจุนเอาไว้  หรือหากล่มลง ชั่วเวลาไม่นานก็จะกลับฟื้นคืนมา  เพราะพลังส่วนใหญ่ในบ้านเมืองช่วยฟื้นฟู
คนทุกคนย่อมมีสัญชาติญาณต่อสู้เอาตัวรอด  แม้บางกาละ เทศะ  อาจจะถูกครอบงำ  กดดัน  สั่งสอน ให้ลืม ละเลย การใช้สัญชาติญานนั้น แต่เมื่อเป็นอิสระ หรือเริ่มมองเห็นอันตราย  สัญชาติญาณก็จะทำงาน

สถานการณ์ปัจจุบันก็กำลังพิสูจน์ระบอบบางระบอบอยู่ 
***คนสุจริตส่วนใหญ่ที่ยังรวมพลังได้มากพอสมควรก็ไม่พอใจระบอบนี้  แต่ยังทำอะไรไม่ได้เด็ดขาด เหมือนกับ คนที่ถูกโจรรีดเงินทุกวี่วัน เพื่อเอาไปแบ่งให้กับโจร และสมุนโจร(ทั้ง เดียงสา และไม่เดียงสา)
***โจร สร้างระบอบ บุกปล้น แล้วก็แบ่งเศษทรัพย์เล็กน้อยให้สมุนไปใช้สอย 
***สมุนพิการ(โดนตัดแขน ขา อวัยวะ  มันสมอง สติปัญญา) แต่มีจำนวนมากดั่งคลื่นในมหาสมุทร ถาโถมเป็นกำลัง เข้าปล้นตามคำสั่งนาย
เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร  น่าสนใจ  เคยอ่านสามก๊ก  ก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าจะมาเจอในชีวิตจริง

วันนี้ไปงานรับปริญญาที่  คณะ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี(ถ้าพิมพ์ผิดต้องขอโทษด้วยครับ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  มีบริวารใกล้ชิดทักษิณคนหนึ่ง ไปงานนั้นด้วย  ผมไม่อยากอยู่ในรัศมี50 เมตรเลย  กลัวโดนแรงระเบิด  เพราะแหล่งข่าวรัฐบาลเปิดเผยว่ามีผู้จ้องลอบสังหาร ทักษิณ อยู่   ผมไม่แน่ใจว่ารวมถึงบริวารใกล้ชิดด้วยหรือเปล่า  ผมกลัวจริงๆครับ Lips Sealed
บันทึกการเข้า

ไม่อยากเป็นมะเร็ง   ก็ใช่ว่าต้องเป็นโรคหัวใจ
สุขภาพดีเป็นเรื่องไม่ยาก
สุขภาพที่ดีของประเทศไทย   อยู่ที่สภาวะปราศจากโรคร้าย
ไม่ใช่อยู่ที่ต้องเลือกระหว่าง  มะเร็ง  กับ โรคหัวใจ
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #28 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 11:02:07 AM »

ขอแสดงความเห็นบ้างนะครับ ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนหรือเข้าข้างใคร ประเด็นที่ นายกฯ ส่งจดหมายไปให้ บุช. ก็เพราะต้องการยืนยันว่าสถานการณ์ในเมืองไทยเป็นอย่างไร. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ยังลังเลอยู่ให้มาลงทุน. ถามว่าจำเป็นใหม? ที่ต้องทำแบบนี้ ผมว่ามันเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของผู้นำประเทศที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น มันไม่เกี่ยวกับการขายชาติหรือยอมเป็นเมืองขึ้นของใครหรอกครับท่าน ไม่ใช่"หมาจนตรอก" อย่างที่ narcissus พูด ผมรู้สึกว่าท่านผู้นี้ พูดแรงไปหน่อย มาจาก manager หรือครับ หรือว่ามาจาก พวก 500 เอ๊ย. 5 พันธมิตรที่เริ่มเป็น หมาจนตรอก ( ขอใช้บ้าง ) จัดชุมนุมไม่ได้แล้ว เพราะ 1. ไม่มีทุน 2.ไม่มีแนวร่วม 3.อ้างเบื้องสูงไม่ได้แล้ว หลังจากท่าน สุเมธฯ ออกมาด่าว่าห้ามอ้างเบื้องสูง 4. จะต้องเจอกลุ่มต้อต้านแน่ 5. ต้องใช้เวลาไปขึ้นศาล... ตกใจ ตกใจ
จริงครับ แต่ควรเป็นการแจ้งสถานการณ์ที่เป็นสิ่งดีๆของประเทศ แต่เนื้อหาสาระ กลับมีใจความหลักๆว่า มีคนจ้องล้มประชาธิปไตยในไทย รวมถึงปัญหาส่วนตัว อย่างนี้เขาเรียกชักศึกเข้าบ้านครับ คนสติดี คนที่รักชาติบ้านเมืองไม่ควรกระทำครับ  สนธิและพันธมิตรโจมตีทักษิณ เพราะรักชาติบ้านเมืองหรือขัดผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ผมไม่รู้ แต่คนที่รักชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงไม่ชื่นชมทักษิณในประเด็นนี้แน่นอนครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
bigbang
จงใช้สติก่อนใช้ปืน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1018
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6602


รูปจากเวปผู้จัดการครับ


« ตอบ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2006, 12:43:00 PM »

ขอแสดงความเห็นบ้างนะครับ ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนหรือเข้าข้างใคร ประเด็นที่ นายกฯ ส่งจดหมายไปให้ บุช. ก็เพราะต้องการยืนยันว่าสถานการณ์ในเมืองไทยเป็นอย่างไร. เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ยังลังเลอยู่ให้มาลงทุน. ถามว่าจำเป็นใหม? ที่ต้องทำแบบนี้ ผมว่ามันเป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของผู้นำประเทศที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น มันไม่เกี่ยวกับการขายชาติหรือยอมเป็นเมืองขึ้นของใครหรอกครับท่าน ไม่ใช่"หมาจนตรอก" อย่างที่ narcissus พูด ผมรู้สึกว่าท่านผู้นี้ พูดแรงไปหน่อย มาจาก manager หรือครับ หรือว่ามาจาก พวก 500 เอ๊ย. 5 พันธมิตรที่เริ่มเป็น หมาจนตรอก ( ขอใช้บ้าง ) จัดชุมนุมไม่ได้แล้ว เพราะ 1. ไม่มีทุน 2.ไม่มีแนวร่วม 3.อ้างเบื้องสูงไม่ได้แล้ว หลังจากท่าน สุเมธฯ ออกมาด่าว่าห้ามอ้างเบื้องสูง 4. จะต้องเจอกลุ่มต้อต้านแน่ 5. ต้องใช้เวลาไปขึ้นศาล... ตกใจ ตกใจ

ขอแจมหน่อย(ไม่เอาเนย)  หากทักษิณต้องการยืนยันสถานการณก็สามารถเปิดแถลงข่าวให้สื่อมวลชนในและนอก
ก็ได้ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายไปฟ้องพ่อเนี่ย   ดูอย่างไรก็เหมือนเอาเรื่องในบ้านไปบอกคนอื่นอยู่ดี
ส่วนท่านสุเมธนั้นท่านพูดมากกว่าที่คุณฟังจากโทรทัศน์ แต่ทีวีภายใต้เท้าทักษิณคัดเน้นส่วนนั้นมาเล่น
สุดท้ายคนที่อ้างเบื้องสูงแถมคำพูดอื่นๆก็ทักษิณและพวกลิ่วล้อเอง  ผมเองก็ไม่ชอบสนธิแต่ ก็ต้องทำใจรำคราญ
แต่ก็ใช้ไว้เฝ้าบ้านระวังแทนเราบ้าง  สงสารประเทศจังจนป่านนี้แล้วคนยังไม่รู้สึกความชั่วร้ายของคนเหล่านี้อีก



บันทึกการเข้า

อเสวนา จะ พาลานัง
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.114 วินาที กับ 21 คำสั่ง