๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
มีนาคม 29, 2024, 09:12:34 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปืน glock แต่ละ Generation ต่างกันอย่างไร ตรงไหนบ้างครับ  (อ่าน 28131 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
xxx
Full Member
***

คะแนน 33
ออฟไลน์

กระทู้: 455


« เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 05:24:33 PM »

ขอ update ข้อมูลหน่อยครับ  ผม มี Glock ไว้ใช้เหมือนกัน ได้มาตั้งแต่ ปี 44  ไม่รู้ gen ไหน  คงจะ 1 มั๊ง  รบกวน ชี้แนะหน่อยครับ ไม่ได้ ตาม ข้อมูลนานแล้ว ว่า แต่ละ gen มันต่างกันอย่างไร ครับ  ขอบคุณครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
rithikorn
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 94


ํํัYou Will Never Walk Alone


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 05:51:03 PM »

จัดให้เต็มๆ ปริ้นอ่านก็ได้ครับ....

ประวัติปืน GLOCK  ประวัติปืนกล๊อก ปืนGlock ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1963

Glock เป็นปืนพกมาตรฐานที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท Glock ประเทศออสเตรีย หากกล่าวถึงปืน Glock โดยคร่าวๆ คงเป็นการบอกล่าวถึงโครงสร้างของปืน โดยโครงสร้างของปืน Glock ทำจากโพลิเมอร์ ส่วนที่เป็นลำเลื่อนและลำกล้องจึงจะทำด้วยเหล็กกล้า ความพิสดารของปืน Glock อยู่ที่ไม่มี safe และวัสดุที่ดูเหมือนพลาสติก แต่อย่างเพิ่งคิดว่า Glock จะไม่มีสิ่งเย้ายวนใจให้น่าสนใจเหมือนปืนของที่อื่นเขานะครับ เพราะว่าความพิเศษของปืน Glock นั้นอยู่ตรงที่ ระบบการจุดชนวนที่เป็นแบบเข็มแทงชนวนชนิดพุ่งกระแทก ไม่ใช้นกสับ และที่สำคัญ เรื่องราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ซื้ออยู่มาก แต่ปัจจุบันหลังจากรัฐบาลได้มีนโยบายจำกัดการมีอาวุธปืน ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงเอาการอยู่ทีเดียว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปืนแบบอื่นๆ ที่มีขายในท้องตลาด ก็นับว่าเป็นราคาที่ยังพอรับได้ กับจุดประสงค์เพื่อนำมาใช้งานอย่างแท้จริง เรื่องความสวยงามนั้นก็แล้วแต่จิตใจของคุณจะชอบอย่างไร ไม่ขอออกความเห็น มาว่ากันด้วยเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานดีกว่า

 

          ปืน Glock ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1963 โดยผู้ที่ประดิษฐ์คือวิศวกรที่ทำงานอยู่ใน Deutsch-Wagram ซึ่งใกล้กับ Vienna ชื่อนักวิศวกรผู้นี้คือ Mr. Gaston Glock โรงงานที่เขาทำอยู่นั้นเป็นโรงงานที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ที่ทำจากพลาสติกและเหล็ก เขาได้เริ่มพัฒนาและประดิษฐ์ปืน Glock ของเขาอย่างจริงจัง ณ ที่แห่งนี้ ความหวังลึกๆ ของเขาคือ "ปืนของเขานั้นเป็นปืนที่ดีที่สุด เพื่อเข้าไปช่วยงานในกองทัพได้" และนอกจากปืนแล้ว เขายังผลิตยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญสำหรับการออกสนามรบ เช่น อุปกรณ์สนาม มีด และอาวุธต่างๆ ความมุ่งมั่นของเขาที่ทำให้ปืน Glock ขึ้นตำแหน่งผู้นำของโลกในเรื่องคุณภาพของปืน โดยเขายึดมั่นมาตรฐานการผลิต 3 ประการคือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าความสะดวกในการใช้งาน การพกพา และการบำรุงรักษาที่ง่าย ก่อนที่จะติดตามเนื้อหาของปืน ลองมาทำความรู้จักกับผู้ประดิษฐ์คิดค้นปืน Glock กันก่อนนะครับ ว่านายช่างผู้นี้เป็นใคร

 

          แกสตั้น กล็อค (Gaston Glock) ชาวออสเตรียเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัท Glock ไม่ต้องบอกเราคงจะทราบแล้วว่าลุงแกสตั้น แกเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะของโลก แต่ที่คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ก็คือ กล็อค ยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำวันละหลายกิโลเมตร ขนาดอายุปีนี้ก็ 77 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรง เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2542 กล็อคถูกทำร้ายที่เมืองลักซัมเบอร์ก โดยคนร้ายตีหัวด้วย ค้อนยาง หัวแตกถึงเจ็ดแผล เสียเลือดไปกว่าหนึ่งลิตร ลุงแกสตั้นยังมีแรงสามารถชกคนร้ายที่อายุน้อยกว่าเกือบ 20 ปี จนฟันหลุดออกจากปาก อัดกำปั้นเข้าเบ้าตา ไม่มีแรงหลบหนี เช้าวันต่อมามีคนไปพบทั้งสองคนนอนทับกันอยู่ จึงได้แจ้งตำรวจและหน่วยพยาบาลเข้าช่วยเหลือ

 

          แกสตั้น ยังเป็นคนค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง มุทะลุ และมีความเชื่อมั่นใจตัวเองสูงมาก มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อปี 2524 ก่อนกล็อคจะผลิตปืนตอนนั้น บริษัทยังเพียงแค่ทำเปลือกระเบิด พลั่ว และอุปกรณ์สนามพลาสติกให้กับกองทัพออสเตรีย เป็นช่วงฤดูกองทัพออสเตรียเปลี่ยนปืนพกประจำการ ลุงแกสตั้นไปได้ยินผู้พันท่านหนึ่งรำพึงกับเพื่อนร่วมงานว่า ไม่มีผู้ผลิตรายใด ยื่นเสนอปืนที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวตามต้องการของกองทัพได้ ลุงได้ยินเช่นนั้นก็สวนกลับไปว่า ได้สิ บริษัทกล็อคนี่แหละทำได้ ผู้พันสองคนหันดูลุงแกสตั้นแล้วหัวร่อใส่หน้า เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง เล่นดูถูกกันต่อหน้าเช่นนี้มีหรือคนอย่างแกสตั้น กล็อค จะยอม คุณคริสโตเฟอร์ เอ็ดเวิร์ดส (Christopher Edwards) อดีตมือปราบผู้ช่วยนายอำเภอเจพเฟอร์สัน เคาน์ตี้ มลรัฐเคนตั๊กกี้ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันฝึกสอนของกล็อค อิงค์ สหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ใกล้ชิดกับลุงกล็อค กล่าวว่า ไม่มีใครหัวเราะเยาะแกสตั้น กล็อคได้แล้วหลุดรอด

 

          กล็อคมั่นใจว่าตนสามารถออกแบบและผลิตปืนมีคุณสมบัติตามที่กองทัพออสเตรียต้องการได้ดีกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ลุงเองไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับปืนมาก่อน กล็อคบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า ก็เพราะไม่มีความรู้นี่แหละ เป็นจุดเด่นทำให้ได้เปรียบเหนือผู้ผลิตรายอื่นๆ เพราะจะทำให้ความคิดของเขาเปรียบเหมือนผ้าขาว เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ผูกติดกับวิธีการ เครื่องจักร หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีเก่าๆ

 

          เป็นระยะเวลาสองปีที่ แกสตั้น กล็อค ตั้งหน้าตั้งตาออกแบบปืนกระบอกแรกของ บริษัทกล็อค ลูกน้องลุงกล็อคเล่าให้ฟังว่า ลุงจะทดสอบปืนต้นแบบด้วยตนเองแต่จะยิงด้วยมือซ้าย เพราะเผื่อปืนระเบิดยังมีมือขวาไว้เขียนหนังสือ แกมุ่งมั่นกับโครงการนี้จนเกิดอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน ถึงขนาด คุณป้า เฮวก้า (Helga) ภรรยายังไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อปี 2526 กล็อคส่งมอบปืนชุดแรกให้กับกองทัพออสเตรีย หลังจากผ่านการทดสอบ ได้สั่งซื้อกล็อค 17 เป็นจำนวน 25,000 กระบอก กล็อคเป็นนวัตกรรมที่แตกต่างจากปืนอื่นๆ มีชิ้นส่วนเพียง 34 ชิ้นเปรียบเทียบกับปืนขนาด .45 เอซีพี ของสมิท แอนด์ เวสสัน ซึ่งมีส่วนประกอบถึง 60 ชิ้น โครงปืนผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่เพียงมีราคาต้นทุนต่ำกว่า แต่ยังทำให้ความรู้สึกแรงสะท้อนถอยหลังน้อยกว่าปืนโครงโลหะ คุณจอนห์ ฟาร์นั่ม (John Farnum) ผู้ก่อต้องสถาบันฝึกอบรมป้องกันตัว Defense Trianing International ให้ข้อมูลว่า แกสตั้น กล็อค จะไม่รวยได้อย่างไร ก็เมื่อปืนมีต้นทุนประมาณ 75 เหรียญสหรัฐฯ ขายในราคา 500 เหรียญสหรัฐฯ นิตยสารธุรกิจอเมริกันชื่อ ฟอร์เบส (Forbes) ประมาณรายได้ของบริษัทกล็อคไว้ที่ 100 ล้านเหรียญ สองในสามของรายได้มาจากตลาดในสหรัฐอเมริกาทั้งส่วนพลเรือนและราชการ ซึ่งมีกว่า 4000 หน่วยงาน

 

การพัฒนา

          ส่วนประกอบของปืน Glock ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเหมาะสม การพัฒนาเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ปืนมีความแข็งแรงต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น การพัฒนาผิวปืนที่แนบเนียน การฉาบสารพิเศษที่ผิวปืน ทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งของปืนมากยิ่งขึ้น ที่แน่ๆ คือ ปืน Glock ปลอดภัยจากสนิมแน่นอนครับ เนื่องจากวัสดุที่นำมาทำปืนนั้นเป็นพวกโพลิเมอร์

 

ความแม่นยำ

          ปืนพกของ Glock ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานที่แม่นยำ ลักษะณะปืนได้รับการออกแบบ มาอย่างเรียบง่าย แต่เน้นความถนัด ผู้ใช้งานสามารถเลือกขนาดปืนได้ตามต้องการของขนาดมือ การออกแบบที่กลมกลืนของปืน Glock จึงทำให้สามารถครองใจนักนิยมปืนอยู่เป็นจำนวนมาก อุปกรณ์ต่างๆ ได้ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวและเข้ากัน ที่สำคัญน้ำหนักของปืน Glock ก็ไม่หนักมากและเบามากจนเกินความพอดี ส่งผลให้การเล็งและบังคับทิศทางในการใช้ปืนได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น กล็อคได้เพิ่มความพิเศษของปืนด้วยการใช้สารโพลิเมอร์มาทำเป็นส่วนของโครงปืน และส่วนของด้ามจับหรือ Grip นั้นก็ได้รวมเข้ากับโครงปืนหรือตัวปืนด้วยเช่นกัน สำหรับเรื่องแรงดีดของปืนเวลายิงหรือที่เรียกว่าแรงรีคอยล์นั้น ก็ต่ำลงซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องความแม่นยำของได้มากยิ่งขึ้น ลำกล้องของปืนจะมีขนาดทีใหญ่เป็นพิเศษ และลักษณะของ Hammer-forged จะเป็นลักษณะเกลียวเล็กๆ ขดอยู่ในตัวปืน แน่นอนสิ่งพิเศษเหล่านี้ย่อมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Glock มากยิ่งขึ้น ส่วนไกปืนนั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ง่ายต่อการใช้งาน สำหรับการหวังเป้าหมายนั้น คุณสามารถไว้วางใจ Glock ได้ทุกประเภทของเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเป้านิ่งหรือเป้าเคลื่อนไหว Glock ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

 

ระบบความปลอดภัยไกปืนของ Glock

     ปืน Glock มีระบบความปลอดภัยในขณะยิงโดยใช้ระบบของกลไกปืนเป็นตัวป้องกันอันตราย โดยจุดนี้ถือว่าเป็นจุดได้เปรียบทางการค้าอย่างมาก สำหรับระบบรายละเอียดพอคร่าวๆ ดังต่อไปนี้

 

-ไม่มีระบบความปลอดภัยภายนอก

-ไม่มีระบบความปลอดภัยจากการง้างนก (เมื่อต้องการขึ้นนกปืน จะไม่มีระบบความปลอดภัยในจุดนี้)

-ปืนพกของ Glock ปลอดภัยในการยิงจนกระทั่งการยิงเสร็จสิ้น

 

          ในการทำงานของปืน Glock มีอยู่ด้วยกัน 3 ระบบอัตโนมัติ เมื่อการทำงานของไกปืนเพื่อความปลอดภัยแล้ว ระบบดังกล่าวจะทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน เมื่อคุณดึงไกปืนและยิงปืนออกไป ปืนจะทำการตั้งระบบใหม่ตั้งแต่ต้นโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องขึ้นไกปืนอีกครั้ง สำหรับระบบการหมุนกลับของไกปืนประกอบด้วย

 

1. Trigger Safety

2. Firing pin Safety

3. Drop Safety

 

 

      ปืนสั้นตระกูลกล็อคได้สร้างชื่อเสียงจากรุ่นกล็อค 17 ซึ่งได้พัฒนาจาก Austrian company Glock Gmbh ปัจจุบันกล็อคมีชื่อเสียงทั้งมีดที่มีคุณภาพ และเครื่องมือเครื่องจักร จนกระทั่งกล็อค 17 ได้เข้าร่วมในการแข่งขันทดสอบ เพื่อนำไปเป็นปืนประจำการในกองทัพ และกล็อคได้รับชัยชนะอย่างสวยงาม กล็อคถูกบรรจุในกองทัพบกและตำรวจของออสเตรีย ในช่วงต้น ค.ศ. 1980 ในชื่อ P-80 กล็อค 17 และปืนในตระกูลกล็อคก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในวงการตำรวจ ทหาร และ ผู้รักษากฎหมาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปืนกล็อคได้ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 50 ประเทศ ปัจจุบันกล็อคได้ผลิตปืนที่ใช้กระสุนปืนสั้น ที่เป็นที่นิยมหลักๆ ได้แก่ ขนาด 9x17mm Short (.380ACP), 9x19mm Luger, .357SIG, .40SW, 10mm auto และ .45ACP. กล็อคได้ผลิดตัวปืนทั้ง ขนาดตัวเต็มมาตรฐาน , ขนาดคอมแพคพกพา , ขนาดซับคอมแบท แบบซุกซ่อน และรวมถึงปืนในระดับแข่งขันด้วย ปืนกล็อคที่ใช้ในการฝึกซ้อมจะแยกสีของโครงปืนเป็น โครงปืนสีฟ้าสำหรับยิงกระสุนที่ไม่อันตราย(กระสุนสี) และโครงปืนสีแดงเป็นปืนที่ไม่สามารถยิงได้ กล็อคทุกรุ่นยกเว้นขนาด .380ACP จะใช้ระบบปฏิบัติการแบบรีคอยล์ โดยลำกล้อง กับสไลด์ขัดกลอนแบบบราว์นิ่ง โดยลำกล้องกับสไลด์จะล็อคตรงช่องคายปลอก ปืนกล็อคทุกรุ่นได้สิทธิบัตร "Safe action" หากไม่เหนี่ยวไก ปืนจะไม่ลั่น ก่อนทำการยิง เข็มแทงชนวนจะอยู่ในระดับครึ่งทาง และสมอล็อคเข็มแทงชนวนจะตกลงมา เมื่อผู้ยิงเหนี่ยวไก จะไปผลักให้สมอล็อคเข็มแทงชนวนยกตัวขึ้น พร้อมทั้งยันให้เข็มแทงชนวนถอยหลังไปจนถึงจุดลดเซียร์ จะทำให้เข็มแทงชนวนหลุดจากเซียร์ แล้วพุ่งกระแทกเข้ากับท้ายกระสุน แรงเหนี่ยวไกจะคงที่ทุกนัด (ปรับตั้งได้โดยเปลี่ยนตัว ลดเซียร์ มีน้ำหนักตั้งแต่ 2-5.5 กิโลกรัม) ต่างจากปืนอื่น กล็อคทุกรุ่นจะไม่มีระบบควบคุมอื่นภายนอก ยกเว้น ไก และ ปุ่มค้างสไลด์ (ข้อแตกต่าง ระหว่าง กล็อค 18 กับกล็อครุ่นอื่น คือปุ่มเลือกโหมดที่อยู่บนสไลด์) กล็อคที่ใช้กระสุน .380 ACP (โมเดล 25 และ 28) ต่างจากปืนกล็อค อื่น ๆ ตรงระบบปฏิบัติการโดยใช้ระบบโบว์แบ็ค ปืนรุ่นนี้ออกแบบเพื่อขายให้แก่ประชาชนในประเทศที่ไม่อนุญาติให้จำหน่ายกระสุนที่มีประจำการในกองทัพขายให้แก่ประชาชน ปืนกล็อคทุกรุ่นจะมีโครงปืนเป็น โพลิเมอร์ และ สไลด์โลหะที่เคลือบ อบความร้อน ด้วยสาร เทนิเฟอร์ เพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน กล็อครุ่นแรกจะไม่มีร่องนิ้วมือและร่องวางนิ้วหัวแม่มือ เหมือนกล็อคที่ผลิตในปัจจุบัน กล็อคที่ผลิตในทุกวันนี้จะมีรางใส่อุปกรณ์เสริมใต้ลำกล้อง ศูนย์หน้าและหลังจะมึขีดขาวหรือสารเรืองแสงสอดอยู่ และศูนย์ปรับได้จะอยู่ในรุ่นแข่งขัน เกือบทุกรุ่นของ กล็อคที่ถูกดัดแปลงเจาะพอร์ทจากโรงงานจะมีตัวอักษร "C" ต่อท้าย เช่น Glock 17C เป็นต้น กล็อค 17 (เพียงรุ่นเดียว)ที่สามารถติดตั้งชุดยิงใต้น้ำ ที่ทำให้ปืนกล็อคยิงใต้น้ำได้อย่างปลอดภัย โดยทั่วไปการยิงใต้น้ำเกิดขึ้นในสงครามน้อยมากเพราะระยะยิงที่สั้นมากนั่นเอง แต่จุดประสงค์หลักคือการแสดงให้เห็นว่ากล็อคสามารถยิงได้ในทุกสภาวการณ์ หากมีน้ำในลำกล้อง ปืนหลายรุ่นลำกล้องจะระเบิดแตกออกทันทีที่ยิง ชุดเลือกระบบการยิงของกล็อคในกล็อค 18 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับกระสุนขนาด 9mm Luger และออกแบบเพื่อจำหน่ายให้กับกองทัพและผู้รักษากฏหมายเท่านั้น กล็อค 18 สามารถเลือกยิงแบบทีละนัดหรือยิงทีละ 3 นัด กล็อค 18 จะมีแม๊กกาซีนพิเศษที่ใส่กระสุนได้ถึง 31 นัด และชุดพานท้ายที่สามารถต่อเพิ่มเติมได้เพื่อความปลอดภัย อุปกรณ์บางอย่างของกล็อค 18 จะไม่สามารถสับเปลี่ยนหรือใช้กับกล็อค 17 หรือกล็อค 19 ได้ จากการคำนวณในโหมด Full-Auto กล็อคจะสามารถยิงได้ถึง 1200 นัดต่อนาที ในปัจจุบันกล็อคได้ผลิตปืนสั้นออกมาโดยมีตัวเลขกำกับรุ่นอยู่ตั้งแต่กล็อค 17 จนถึงกล็อค 39


ก่อกำเนิด การเติบโตของ GLOCK

1980   จากผู้ผลิตเครื่องสนามทางทหาร ได้ทำการศึกษาและออกแบบปืนพก เพื่อเข้ารับการคัดเลือกใน
กองทัพ Austria โดยนำความชำนานด้าน High-strength synthetic มาเป็นแนวทางผลิตปืน โดยเรียน
เทคโนโลยี จากปืนพก H&K P7 และภายในปีเดียว GLOCK 17 ต้นต้นแบบ และตัว Pre Production
ก็ออกมา ได้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นปืนประจำการรหัส P80 ในกองทัพ Austria ในปี 1882

1986  ปืนตัวที่ 2 ของ GLOCK ก็ออกสู่สถารณชน โดยทางกองทัพ Austria ต้องการปืนพกกล เพื่อประจำ
การในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ EKO - Cobra ปืนของ GLOCK ตัวที่ 2 คือ GLOCK 18 ในปี 1986 GLOCK
ได้ทำการ Redisign ส่วนด้าม และหน้าโกงไกปืน ให้มีลายกันลืน เพื่อให้ปืนสามารถรองรับกับการเป็น
ปืนพกกลได้ และส่งผลให้ GLOCK 17 ได้รับการปรับปรุ่งส่วนนี้ไปด้วย และเป็นปีที่ GLOCK 17 เริ่มส่ง
ปืนไปขายในอเมริกาโดยตรง

1988   GLOCK ได้ออกปืนอีก 2 รุ่น คือ GLOCK 17L ที่ใช้ Lower Frame ของ GLOCK 17 มาใส่กับชุด Slideและลำกล้องยาว 6 นิ้ว เพื่อส่งปืนเข้าแข่งขันในรายการ IPSC และออกแบบโครงปืนขนาด Compact ที่ใช้
กับลำกล้อง และ Slide ขนาด 4 นิ้ว และให้รหัสรุ่นว่า GLOCL 19 และทำให้ GLOCK 19 ได้รับความสนใจ
เป็นอย่างมาก ด้วยขนาดที่กระชับมือ และเป็นปืนขนาด Compact ที่สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 15 นัด

1990 GLOCK ให้ความสนใจกับกระสุนขนาด .40S&W จึงทำการออกรุ่น GLOCK 22 และ 23 ออกมา ทำให้
ตลาดเจ้าหน้าทีของสหรัฐสนใจเป็นอย่างมาก และได้รับเข้าเป็นปืนของตำรวจ และเจ้าหน้าของสหรัฐอย่างมาก
มาย  และในปีเดียวกันตลาดสหรัฐเปิดกว้างรับ GLOCK มาขึ้น GLOCK จึงทำการออกแบบโครงปืน หรือ Frame เพื่อรองรับกับกระสุนขนาด 10mm Auto และ .45 ACP ปืนได้รับการตอบรับในหมู่เจ้าหน้าทีเป็นอย่างดีเช่นกัน
โดน GLOCK 20 ทาง FBI รับเข้าเป็นปืนประจำกาย GLOCK 21 ทาง SIS LAPD รับเข้าเป็นปืนประจำกาย

1994 GLOCK เป็นที่สนใจในหมู่นักกีฬายิงปืน IPSC และกระสุนขนาด .40 S&W ก็เริ่มที่เป็นที่สนใจในวงการ
GLOCK ได้ทำการออก GLOCK 24 .40S&W เข้ามาเสริมตัว GLOCK 17L ที่ใช้กระสุน 9 x 19 mm.

1995 GLOCK ขยายฐานการตลาดให้ครอบคลุม โดยออกปืนขนาด Sub Compact ซึ่งทำการออกแบบใหม่ทั้งหมด ออกรุ่น GLOCK 26 9x19mm. และ GLOCK 27 .40S&W และมองตลาดกระสุนแรงดันต่ำขนาด .380 ACP ในแบบCompact ในรุ่น GLOCK 25

1997 GLOCK สร้างความตกใจในวงการออกปืนขนาด 10mm Auto และ .45 ACP ในขนาดปืน Sub Compact โดยออกแบบโครงปืน Sub Compact ที่ใช้กับกระสุนขนาดใหญ่ใหม่ทั้งหมด ในรุน GLOCK 29 และ 30

1998 GLOCK ได้ทำการ Redisign ส่วนโครงปืนทั้งแบบ STD. Size และ Compact Size ใหม่ โดยโครงปืนส่วนด้ามทำการเสริมร่องกรีบนิ้วมือส่วนหน้าด้าม และร่องนิ้วหัวแม่มือที่ด้างข้าง ทำให้ปืนจับกระชับมากขึ้น ส่วนคางปืนส่วนครอบกันฝุน ใส่รางติดอุปกรณ์เสริมเข้าไป ถือว่าเป็น GLOCK New Generation รุ่นที่ออกเริมจากเดิมก็มีGLOCK 31 / 32 / 33 ทั้งหมดใช้กระน .357 SIG และออกปืนแข่งขัน GLOCK 34 9x19mm และ GLOCK 35 .40S&Wในปีนี้ GLOCK ถือว่าเป็นปีที่ GLOCK ออกรุ่นปืนมากที่สุด และมีการเปลี่ยนแปลงในตัวปืนมากที่สุด

1999 GLOCK ออกแบบเป็น Slimline หรือปืนที่ใช้แม็กกาซีนแบบแถวเดียว ในขนาด .45 ACP เพื่อให้เป็นปืน
ขนาด Sub Compact แบบพกซุกซอนได้อย่างแท้จริง รุ่นที่ออกมาคือ GLOCK 36 Slimline

2001 GLOCK ได้ทำการ Redisign โครงปืนที่ใช้กับกระสุน 10mm Auto และ .45 ACP ให้ส่วนด้ามมีกริบนิ้ว และมีราวติดตั่งอุปกรณ์ด้วยเช่นกันใน GLOCK 20 21

2003 GLOCK พิสูจน์ให้เห็นว่า GLOCK ไม่เพียงผลิตปืนตามขนาดกระสุนได้เท่านั้น GLOCK ยังสามารถออกแบบกระสุนเพื่อให้เหมาะกับปืนตัวเองได้ด้วย กระสุนที่ GLOCK ออกแบบคือ .45 GAP เป็นกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่สามารถใช้กับโครงปืนขนาด 9 x 19 mm. ได้ โดยออกมาในรุน GLOCK 37 / 38 / 38

2006 GLOCK เห็นว่า GLOCK 20 และ 21 มีขนาดที่ใหญ่ไป ได้ทำการ Redisign ตัวโครงปืน และส่วนของ Slide ให้มีขนาดที่เล็ก และสั้นลง แม้จะใช้กระสุนขนาด 10mm Auto และ .45 ACP ปืนรุ่นใหม่ล่าสุดของ GLOCK คือ GLOCK20 SF และ GLOCK 21 SF ซึ่งรหัสตัวหลังย่อมาจาก Shot Frame ปืนรุ่นใหย่มีขนาดที่เล็กลงจนมรขนาดใกล้เคียงGLOCK 17
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 06:03:17 PM »

http://en.wikipedia.org/wiki/Glock


มีรูปเปรียบเทียบครับ ^ ^

Product evolution

The Glock was modified several times throughout its production history. In 1991, an integrated recoil spring assembly replaced the original two-piece recoil spring and tube design. The magazine was slightly modified, changing the floorplate and fitting the follower spring with a resistance insert at its base.
[edit] Second generation models

A mid-life upgrade to the Glock pistols involved the addition of checkering on the front strap and serrations to the back strap. These versions were introduced in 1988 and are informally referred to as "second generation" models. To meet American ATF regulations, a steel plate with a stamped serial number was embedded into the receiver in front of the trigger guard.
[edit] Third generation models

In the late 1990s, the frame was further modified with an accessory rail (called the "Universal Glock rail") to allow the mounting of laser sights, tactical lights, and other accessories. Thumb rests on both sides of the frame and finger grooves on the front strap were added. Glock pistols with these upgrades are informally referred to as (early) "third generation" models.

Later third generation models additionally featured a modified extractor that serves as a loaded chamber indicator, and the locking block was enlarged, along with the addition of an extra cross pin to aid the distribution of forces exerted by the locking block. This cross pin is known as the locking block pin and located above the trigger pin.[19]

The polymer frames of third generation models can be black or olive drab. Besides that, non-firing dummy pistols ("R" models) have a bright red frame and Simunition-adapted practice pistols ("T" models)—a bright blue frame for easy identification.[20]

In 2009, the Glock 22 RTF2 (Rough Texture Frame 2) (chambered in .40 S&W) was introduced. This pistol featured a new checkering texture around the grip and new scalloped (fish gill shaped) serrations at the rear of the sides of the slide.[21][22]
[edit] Fourth generation models
Comparison of "third" (left) and "fourth" generation (right) Glock 19 grip frames

At the 2010 SHOT Show, Glock presented the "fourth generation" design, with updates centered on ergonomics and the recoil spring assembly. The fourth generation models do not have total parts modularity with its predecessors, meaning not all parts can be mixed and matched with previous Glock generations. The initial two fourth generation models announced were the full-size Glock 17 and Glock 22, chambered for the 9×19mm Parabellum and .40 S&W cartridges, respectively. The pistols were displayed with a modified rough texture frame, grip checkering, and interchangeable backstraps of different sizes. "Gen4" is rollmarked on the slide next to the model number to identify the fourth generation pistols.

The basic grip size of the fourth generation Glock pistols is slightly smaller compared to the previous design. A punch is provided to remove the standard trigger housing pin and replace it for the longer cross pin needed to mount the medium or large backstrap. With the medium backstrap installed, the grip size is comparable to the third generation pistols. The magazine release catches are enlarged and reversible for left-handed use. To utilize the swappable magazine release feature, fourth generation Glock magazines have two notches cut on both sides of the magazine body.

Mechanically, fourth generation Glock pistols are fitted with a dual recoil spring assembly to help reduce perceived recoil and increase service life expectancy. Earlier subcompact Glock models such as the Glock 26 have already used a dual recoil spring assembly which was carried over to the fourth generation versions of those models. The slide and barrel shelf have been resized, and the front portion of the polymer frame has been widened and internally enlarged, in order to accommodate the dual recoil spring assembly. The trigger mechanism housing has also been modified to fit into the smaller sized grip space.[23][24][25][26][27][28]

The introduction of fourth generation Glock pistols continued in July 2010 when the Glock 19 and Glock 23, the reduced size "compact" versions of the Glock 17 and Glock 22, became available for retail.[29] In late 2010 Glock continued the introduction of fourth generation models with the Glock 26 and Glock 27 "subcompact" variants.
[edit] 2011 recoil spring assembly exchange program

In September 2011 Glock announced a recoil spring exchange program in which the manufacturer voluntarily offers to exchange the recoil spring assemblies of its fourth generation pistols (with the exception of the "subcompact" Glock 26 and Glock 27 models) sold before 22 July 2011 at no cost “in order to ensure our products perform up to GLOCK’s stringent standards,” according to the company.[30]
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3987



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 06:15:13 PM »

ข้อแตกต่างตั้งแต่ เจนเนอเรชั่น 1-4 มีดังนี้

เจน 1 ลำกล้อง 6 เหลี่ยมบิด มักมีปัญหา ลำกล้อง แตก เพราะ แรงดันรังเพลิง สูงเกิน เนื่องจาก คราบตะกั่วสะสม

เจน 2 เปลี่ยนลำกล้อง จาก 6 เหลี่ยมบิด มาเป็น 6 เกลียวนูน ชุบโครเมี่ยม แบบ ปืนยี่ห้ออื่น

เจน 3 เพิ่มร่องนิ้วที่ด้าม, เพิ่มฐานโลหะ ที่ฝังอยู่ในโครงปืน ให้ใหญ่ขึ้น, ปุ่มกดสไลด์ นูนเพิ่ม และ ผิวปืนไม่เรียบเหมือนเจนก่อนหน้า

เจน 4 ลดขนาดโครงปืนบางลง, ปุ่มปลดแม็ก ขยายใหญ่ขึ้น และ สปริงค์ เป็นแบบ 2 ชั้น
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 06:21:12 PM »

http://www.youtube.com/watch?v=dKdxv35fn3s
เจน4เปลี่ยนข้างปุ่มปลดแม็กจากซ้ายมาขวาได้ด้วยครับ  ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
BIG BERETTA
Sr. Member
****

คะแนน 154
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 885


Just relax


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 11:12:40 PM »

ขอ update ข้อมูลหน่อยครับ  ผม มี Glock ไว้ใช้เหมือนกัน ได้มาตั้งแต่ ปี 44  ไม่รู้ gen ไหน  คงจะ 1 มั๊ง  รบกวน ชี้แนะหน่อยครับ ไม่ได้ ตาม ข้อมูลนานแล้ว ว่า แต่ละ gen มันต่างกันอย่างไร ครับ  ขอบคุณครับ ไหว้

                Smiley ลงรูปมาสิครับ เดี๋ยวสามท่านนี้จะได้บอกให้ว่าเจนฯใด
บันทึกการเข้า

ทำผิดคือมนุษย์   แต่ให้อภัยคือเทวดา       มนุษย์เราต่างเคยผิดพลาด ทุกคนควรได้โอกาสแก้ตัว
sakda m41 รักในหลวง
Hero Member
*****

คะแนน 751
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2893



« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 11:37:31 PM »

ขออนุญาติ +1 ทุกท่าน ใน หน้านี้ครับ

ปกติผมชอบเหล็กล้วน ไม่ชอบโพลิเมอร์

แต่วันนี้ ชักรู้สึก เอนเอียง  เอ.....

รึจะเอา อีกสัก หนึ่ง  ที่ไม่ใช่เหล็กล้วน ไหว้
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265



« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 21, 2012, 11:44:25 PM »

ขอ update ข้อมูลหน่อยครับ  ผม มี Glock ไว้ใช้เหมือนกัน ได้มาตั้งแต่ ปี 44  ไม่รู้ gen ไหน  คงจะ 1 มั๊ง  รบกวน ชี้แนะหน่อยครับ ไม่ได้ ตาม ข้อมูลนานแล้ว ว่า แต่ละ gen มันต่างกันอย่างไร ครับ  ขอบคุณครับ ไหว้

คลิกครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Glock#Second_generation_models
บันทึกการเข้า
คมขวาน รักในหลวง
"จากดินแดนที่ราบสูงแห่งใบขวาน ข้ามแม่น้ำ ข้ามทะเล(ถ้านั่งเครื่อง) ข้ามภูเขา สู่ดินแดนแห่งด้ามขวาน "
Hero Member
*****

คะแนน 1830
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19896


ดนตรี คืออาภรณ์ของปราชญ์


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 23, 2012, 07:04:57 PM »

        ขอบคุณ ครับ
อ่านกันตาลายเลยทีเดียว อ๋อย
บันทึกการเข้า

คลิ๊ก ทริปจักรยาน   "บินเดี่ยว ทางไกล ตามใจฝัน"     ลูกอิสาน พลัดถิ่น  จากแดนดิน  "ไหปลาแดก"  เร่ร่อน รอนแรม เดินทางดั้นด้น  มาสู่  "โคนต้นสะตอ"
basu2763
ผืนป่าหลากหลาย สัตว์ป่ามากมาย ป่าไม้ยั่งยืน
Jr. Member
**

คะแนน 10
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 60


ป่าดง คงไพร ไทยยั่งยืน


« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 23, 2012, 10:16:25 PM »

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
xxx
Full Member
***

คะแนน 33
ออฟไลน์

กระทู้: 455


« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 28, 2012, 07:18:04 PM »

ขอ update ข้อมูลหน่อยครับ  ผม มี Glock ไว้ใช้เหมือนกัน ได้มาตั้งแต่ ปี 44  ไม่รู้ gen ไหน  คงจะ 1 มั๊ง  รบกวน ชี้แนะหน่อยครับ ไม่ได้ ตาม ข้อมูลนานแล้ว ว่า แต่ละ gen มันต่างกันอย่างไร ครับ  ขอบคุณครับ ไหว้

                Smiley ลงรูปมาสิครับ เดี๋ยวสามท่านนี้จะได้บอกให้ว่าเจนฯใด


ขอบคุณทุกท่านครับ สำหรับข้อมูล

จากที่ได้อ่านมา  สรุป ของผม เป็น Gen 3 ครับ
บันทึกการเข้า
xxx
Full Member
***

คะแนน 33
ออฟไลน์

กระทู้: 455


« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 28, 2012, 07:23:25 PM »

ขออนุญาติ +1 ทุกท่าน ใน หน้านี้ครับ

ปกติผมชอบเหล็กล้วน ไม่ชอบโพลิเมอร์

แต่วันนี้ ชักรู้สึก เอนเอียง  เอ.....

รึจะเอา อีกสัก หนึ่ง  ที่ไม่ใช่เหล็กล้วน ไหว้

ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง  ขอเชียร์ครับ  เป็นปืนที่ใช้งานดีมากเลยครับ ไม่ต้องห่วงอะไรเลยนอกจากความร้อน

ผมใช้เจ้า glock 19 นี่ไปไหนมาไหนมากที่สุด และวางใจระบบกลไกมากที่สุด เพราะชิ้นส่วนน้อยชิ้น ประกอบ และทำความสะอาดดูแลรักษาง่ายมากครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.168 วินาที กับ 22 คำสั่ง