๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 19, 2024, 08:42:52 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บอร์ และ เกจ  (อ่าน 6121 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
E22RUG
eaknarin ฅนรักปืนบ้านหมี่
Full Member
***

คะแนน 10
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 124



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2012, 09:15:45 AM »

     การวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของปืนลูกซองที่ใช้หหน่วยเป็นเกจและบอร์ เป็นการบอกหน่วยที่ต่างกันไปจากปืนไรเฟิลและปืนสั้นทั่วๆไป ระบบนี้เป็นการใช้ที่ย้อนกลับไปสู่ในยุคต้นของปืนที่บรรจุกระสุนทางปากลำกล้อง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติสืบทอดกันต่อมา จากคำว่า เกจ ของปืนใหญ่ ศัพย์เฉพาะของจำนวนตะกั่วกับเส้นผ่าศูนย์กลางลำกล้องในน้ำหนัก 1 ปอนด์
     ถ้าหากลำกล้องมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางพอที่จะบรรจุลูกตะกั่วทรงกลมมีน้ำหนัก 1 ปอนด์ หรือ 453.59 กรัม เข้าไปได้พอดีก็จะมีขนาดเท่ากับ 1 เกจ ถ้าบรรจุลูกตะกั่วทรงกลมขนาด 1/2 ปอนด์ได้พอดีก็จะเรียกว่า 12 เกจ
     ลำกล้องขนาด 12 เกจ ก็คือลำกล้องที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่ากับลูกตะกั่วทรงกลมน้ำหนัก 1/12 ปอนด์ที่สามารถใส่เข้าไปในลำกล้องได้พอดี มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 0.729 นิ้วหรือ 18052 มม. ซึ่งในบางแห่งจะเรียกว่า ทเวลฟ์-ปอนด์เดอร์ หรืออย่างลำกล้องขนาด 16 เกจ จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางลำกล้อง 0.662 นิ้วหรือ 16.81 มม. และในขนาด 20 เกจ ก็จะแบ่งออกเป็น 20 ลูก แต่ละลูกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.625 นิ้ว หรือ 15.62 มม.
     ในอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธปืนของอังกฤษได้เสนอให้ใช้คำว่า บอร์ ( bore ) แทนคำว่า เกจ เช่นเบอร์ 12 หรือ 20 เบอร์ ซึ่งเป็นระบบค่อนข้างจะได้รับความนิยมมากกว่าเกจ ทั้งที่ทั้งสองคำนี้มีความหมายที่เหมือนกัน
     ส่วนระบบที่เรียกว่า เกจ ก็ยังคงได้รับความนิยมใช้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็มีการยกเว้นในกระสุนลูกซองบางขนาดเช่น กระสุนขนาด .410 ซึ่งจะมีขนาดเท่ากับ 68 เกจ หรือแต่นิยมที่จะเรียกว่า .410 คาลิเบอร์ มากกว่า เช่นเดียวกับในกระสุนลูกซองขนาด 9 มม. แบบชนวนริมจะถูกเรียกว่า คาลิเบอร์ ไม่เรียกว่า เกจ
     ในช่วงเวลาหนึ่งกระสุนปืนลูกซองได้รับการผลิตออกมาในทุกขนาดเกจ ตั้งแต่ประมาณ 1 เกจ ลงไปจนถึง 32 เกจ ในปืนลูกซองที่มีขนาดใหญ่กว่า 4 เกจ จะใช้กับปืนที่ติดตั้งเข้ากับเครื่องค้ำพยุงที่หมุนได้รอบตัว กรือใช้ในเรือสำหรับการล่าสัตว์อย่างพวกนกขนาดใหญ่หรือห่านป่า
     ในอเมริกาจะไม่ผลิดกระสุนที่มีขนาดใหญ่เกินกว่า 10 เกจ ซึ่งเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.775 นิ้ว หรือ 19.7 มม. สำหรับในกีฬาล่าสัตว์ แต่ในยุโรปบางประเทศหลายบริษัทยังคงทำการผลิตในขนาด 8 เกจ
     ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กระสุนปืนลูกซองได้รับการผลิตออกมาอย่างหลากหลายขนาด แตกต่างกันทั้งการบรรจุ ความยาวปลอกและประเภทของดินขับซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง  ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการผลิตปืนลูกซองที่มีความแตกต่างกันถึง 6500 - 7000 กว่าแบบ แต่หลังจากปี ค.ศ.1920 ความหลากหลายในการบรรจุกระสุนลูกซองถูกลดน้อยลงจนถึงทุกวันนี้ เหลือเพียงแค่ 200 กว่าแบบเท่านั้นเอง
บันทึกการเข้า

thongchai_h
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 13
ออฟไลน์

กระทู้: 192


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 03:09:09 PM »

ได้ความรู้เยอะเลยครับ เป็นพระคุณอย่างสูงครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า
ลูกซองสั้น
Shotgun lover
Moderator
Hero Member
*****

คะแนน 112
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1047


side by side


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 12, 2012, 08:27:20 PM »

บรรทัดที่ 5 พิมพ์ตกเลข 1 ไปครับ ที่ถูกต้องเป็น 1/12 ปอนด์
บรรทัดที่ 8 ไม่ได้บอกว่า แบ่งตะกั่ว 1 ปอนด์ออกเป็น 16 ลูก เท่าๆกัน

ขอบคุณสำหรับความเข้าใจครับ  เยี่ยม
บันทึกการเข้า
E22RUG
eaknarin ฅนรักปืนบ้านหมี่
Full Member
***

คะแนน 10
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 124



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 13, 2012, 10:10:04 AM »

ขอบคุณครับพี่ ลูกซองสั้น ที่ช่วยเข้ามาแก้ไขเพิ่มเติมให้ครับ
บันทึกการเข้า

mulinho
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 10:11:18 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

Post by Sa Bi Oni(SBO)
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 24 คำสั่ง