ลองสืบประวัติพระพุทธรูปปาง "ห้ามแก่นจันทร์" ดูบ้างนะครับ ที่ลงในวิกี ออกแนวสนับสนุนการสร้างพระพุทธรูป
แต่ท่านอาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก (สามเณรเปรียญธรรม 9 ประโยครูปแรกของรัชการปัจจุบัน... รูปที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์, ศาสตราจารย์พิเศษ ม.มหิดล) ให้รายละเอียดว่า หลังจากพระพุทธเจ้ายกพระหัตถ์ซ้ายห้ามพระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์ที่กำลังขยับตัวแล้ว ได้ตรัสว่า "หากระลึกถึงเรา ให้ปฏิบัติธรรมที่เราสอน ไม่ต้องสร้างรูปเหมือน"
ครับผม ............. ผมก็เชื่อเหมือนท่านอาจารย์ครับว่า แนวทางพุทธของเรา ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งเปลี่ยนไป
แนวพุทธ เน้น ศีล สมาธิ ปัญญา เน้นแนวจิตใจมากกว่าวัตถุ
ชาวพุทธของเราทุกวันนี้ ก็หลงทางไปทางแนววัตถุเสียเยอะ ผิดทิศทางไปหมด
ถ้าเป็นจริงตามตำนาน พระพุทธเจ้าผู้ออกบวช ผู้ประสงค์จะหาทางพ้นทุกข์แก่มวลมนุษย์ แล้วก็เจอทางพ้นทุกข์ว่า ไม่มีทางใด หรือสิ่งใดในโลก ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ นอกจาก มนุษย์ ต้องปฏิบัติตัวตามศีล เพื่อให้ไม่เกิดทุกข์ เช่น อย่าผิดศีล 5 ก็จะไม่ทุกข์ในเบื้องต้น แล้ว จากนั้น เมื่อไม่ผิดศีล ก็ทำแต่ความดี.....แล้วทำใจให้บริสุทธิ์ แค่เนียะ แนวพุทธ
แต่แนวพระเครื่อง วัตถุบูชา อันนี้ ไม่รู้มาจากไหนกันแน่ งง เหมือนกัน ก็ตำนานพุทธบอกว่า เน้นคำสอน ไม่เน้น รูปบูชา แล้วรูป บูชา ขนาดใหญ่ (พระพุทธรูป) หรือบูชา ขนาดพกพา (พระเครื่อง) มาจากไหน
ถ้าผมไม่ได้ละเมอ ในขณะที่กำลังพิมพ์ เนียะละก็ รู้สึกว่า พวกโรมัน ที่นับถือเทวรูป ได้แผ่อำนาจเข้ามาในอินเดีย พอมาศรัทธาในพุทธศาสนา ก็เลยสร้างรูปเหมือนพระพุทธเจ้าขึ้นมา (อาจละเมอ ลองมาคุยกันได้ สั่งสอนผมได้นะครับ)
เพราะตำนานพุทธบอก พระศาสดา ท่านห้ามไว้แล้ว ว่า ให้เชื่อตามคำสอนของท่าน โดยให้ตรองดูก่อนที่จะเชื่อเสียด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเชื่อท่าน ท่านไม่ได้บังคับให้เชื่อ ไม่ต้องมาเคารพตัวท่าน เพราะท่านอยากให้คนเชื่อตามคำสอนของท่านได้พ้นทุกข์ในการดำรงชีวิต
แล้วถ้าเจ้าโรมัน มันทำเรื่องไว้ ก็แสดงว่า ฝรั่งทำเรื่องไว้อีกแล้ว .....เพราะโรมัน คือ พวกแนวๆ ฝรั่งในปัจจุบัน นั่นแหละ
เพราะพวกเราในภูมิภาคนี้ ในอดีต เราเชื่อผีสางเทวดาครับ .... ดังนั้น พุทธในภูมิภาคนี้ จึงปะปะ ปนปน กันไปหมด
เรื่องปลุกเสก ยิงไม่เข้า คายไม่ออก มันไม่ใช่แนวพุทธเลย เลยพาพวกชาวต่างชาติ ฝรั่ง จีน หลงแนวไปด้วย ชอบพระเครื่องกันใหญ่เลย
เขาให้ห้อยไว้ยิดเหนี่ยวจิตใจ ให้ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำให้บริสุทธิ์ ครั้นจะไปไหว้พระทุกวัน ก็ไม่ไหว ก็เอามาห้อยคอไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ เอาไปยิงกันทำไมก็ไม่รู้
ผมไม่ขอลองหรอกนะ เพราะมีคนลองของให้แล้ว ขณะห้อยด้วยแหละ ประมาณ ปี 2534 แคล้ว ธนิกุล หรือเฮียเหลา เจ้าพ่อนครบาลผู้ล่วงลับ มีแนวโน้มว่าจะโด่งดัง คับ กทม.ในขณะนั้น จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม
ขณะกลับจากรับประทานอาหาร พอรู้ตัวว่าจะถูกรุมกินโต๊ะแน่นอน หยิบเอา พระที่ห้อยคอ อมเข้าไปในปาก เพื่อให้อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ของพระเครื่องเข้าคุ้มครองตน ถึงในตับไตใส้พุงเลยทีเดียว (ห้อยข้างนอก อานุภาพ ของพระเครื่องอาจลดน้อยลง อมเลยดีกว่า จะได้อานุภาพเต็มที่ ตามตำรานักเลงปืน ถ้าจำไม่ผิด พระวัดระฆังเลยเชียวนะ แล้วพระเครื่องขึ้นคอระดับ เจ้าพ่อ กทม. คงให้เสียน เหยียบเสียน ดูมาจนพรุ่นแล้วแหละว่า แท้ 100 เปอร์เซนต์ จึงจะเอาขึ้นคอได้ พอตอนโดนรุมกินโต๊ะ พร้อมสมุนคู่ใจ ตี๋ ดำเนินฯ ทั้งลูกพี่ และลูกน้อง พรุนทั้งคู่ ......