๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
เมษายน 26, 2024, 07:26:22 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ๆคิดอย่างไร กับคนที่ชอบเอาปืนมายิงพระเครื่องเพื่อลองของ  (อ่าน 10535 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ชาวอีสาน
Full Member
***

คะแนน 6
ออฟไลน์

กระทู้: 142



« ตอบ #45 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 10:08:02 AM »

เกิดผิดยุค....ยุคทดลองของขลังต้องย้อนไปสัก 30-40 ปีที่แล้ว เพราะสมัยก่อน คุณภาพของปืน ลูกปืนยังไม่ดีเท่าปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
INFANTRY - LONG LIVE THE KING
Full Member
***

คะแนน 121
ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #46 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 10:11:25 AM »

ส่วนตัวแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะลบหลู่ คุณพระ คุณเจ้าเลย ไหว้

แต่มีคนเคยลองยิง ขณะผมแขวนพระอยู่เหมือนกัน...

แล้วมันก็ไม่ถามผมสักคำว่า อยากลองหรือเปล่า...

ถึงมันถาม ผมก็ไม่รู้ว่าจะฟังมันรู้เรื่องหรือเปล่าครับ

เดี๋ยวจะหาว่าผมงมงาย ลบหลู่พระ...

ผมลองกับเขมรครับ....(ไม่รู้จะเรียกว่าลองได้หรือเปล่า)

ไหว้ ขอแสดงความนับถือครับ... เยี่ยม

ขอบคุณครับคุณหมอ... ไหว้ ไหว้ ไหว้


เรื่องการลองพระ....ที่ผมเคยเห็น ส่วนใหญ่มีสองกรณีครับ

กรณีแรก...พุทธพานิชย์ครับ....เพื่อต้องการเพิ่มมูลค่า

กรณีสอง...ต้มตุ๋น หลอกลวง...เพื่อต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ

พวกต้มตุ๋น...มีทั้งแช่ลูกปืนในน้ำ แช่ในตู้เย็น เพื่อให้ดินปืนชื้น...ยิงไม่ออก กระสุนด้าน

บางที ใช้การลดนกปืน คนที่ไม่เล่นปืนมักไม่รู้ คิดว่าสับไม่แตก...มีสารพัดวิธีที่จะต้มตุ๋นครับ


ปล.การดูพระจริง นอกจากส่องดูพิมพ์ ดูเนื้อแล้ว บางทีก็เคยเห็น คนเอาพระ(องค์) ไปให้พระ(สงฆ์)ดู เหมือนวัดพลังอะไรทำนองนั้นครับ

      ผมไม่ใช่เซี่ยนพระนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

" ขอรองบาท   ราชวงศ์   พงษ์จักรี
    จนชีวี          สูญสิ้น     ดินกลบกาย "

 " การป้องกันประเทศ  และพิทักษ์ราชบัลลังภ์
    จะต้องชนะหรือตายเท่านั้น  จะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด"
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #47 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 02:03:47 PM »

ลองสืบประวัติพระพุทธรูปปาง "ห้ามแก่นจันทร์" ดูบ้างนะครับ  ที่ลงในวิกี ออกแนวสนับสนุนการสร้างพระพุทธรูป
แต่ท่านอาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก (สามเณรเปรียญธรรม 9 ประโยครูปแรกของรัชการปัจจุบัน... รูปที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์, ศาสตราจารย์พิเศษ ม.มหิดล) ให้รายละเอียดว่า หลังจากพระพุทธเจ้ายกพระหัตถ์ซ้ายห้ามพระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์ที่กำลังขยับตัวแล้ว  ได้ตรัสว่า "หากระลึกถึงเรา ให้ปฏิบัติธรรมที่เราสอน ไม่ต้องสร้างรูปเหมือน"
ครับผม ............. ผมก็เชื่อเหมือนท่านอาจารย์ครับว่า แนวทางพุทธของเรา ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งเปลี่ยนไป
แนวพุทธ เน้น ศีล สมาธิ ปัญญา เน้นแนวจิตใจมากกว่าวัตถุ
ชาวพุทธของเราทุกวันนี้ ก็หลงทางไปทางแนววัตถุเสียเยอะ ผิดทิศทางไปหมด
ถ้าเป็นจริงตามตำนาน  พระพุทธเจ้าผู้ออกบวช ผู้ประสงค์จะหาทางพ้นทุกข์แก่มวลมนุษย์  แล้วก็เจอทางพ้นทุกข์ว่า ไม่มีทางใด หรือสิ่งใดในโลก ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ นอกจาก มนุษย์ ต้องปฏิบัติตัวตามศีล เพื่อให้ไม่เกิดทุกข์ เช่น อย่าผิดศีล 5 ก็จะไม่ทุกข์ในเบื้องต้น แล้ว  จากนั้น เมื่อไม่ผิดศีล ก็ทำแต่ความดี.....แล้วทำใจให้บริสุทธิ์ แค่เนียะ แนวพุทธ

แต่แนวพระเครื่อง วัตถุบูชา  อันนี้ ไม่รู้มาจากไหนกันแน่   งง เหมือนกัน ก็ตำนานพุทธบอกว่า เน้นคำสอน ไม่เน้น รูปบูชา แล้วรูป บูชา ขนาดใหญ่  (พระพุทธรูป)   หรือบูชา ขนาดพกพา (พระเครื่อง) มาจากไหน

ถ้าผมไม่ได้ละเมอ ในขณะที่กำลังพิมพ์ เนียะละก็  รู้สึกว่า พวกโรมัน ที่นับถือเทวรูป ได้แผ่อำนาจเข้ามาในอินเดีย พอมาศรัทธาในพุทธศาสนา ก็เลยสร้างรูปเหมือนพระพุทธเจ้าขึ้นมา (อาจละเมอ  ลองมาคุยกันได้ สั่งสอนผมได้นะครับ)
เพราะตำนานพุทธบอก พระศาสดา ท่านห้ามไว้แล้ว ว่า ให้เชื่อตามคำสอนของท่าน โดยให้ตรองดูก่อนที่จะเชื่อเสียด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเชื่อท่าน ท่านไม่ได้บังคับให้เชื่อ ไม่ต้องมาเคารพตัวท่าน เพราะท่านอยากให้คนเชื่อตามคำสอนของท่านได้พ้นทุกข์ในการดำรงชีวิต 

แล้วถ้าเจ้าโรมัน มันทำเรื่องไว้ ก็แสดงว่า ฝรั่งทำเรื่องไว้อีกแล้ว .....เพราะโรมัน คือ พวกแนวๆ ฝรั่งในปัจจุบัน นั่นแหละ
เพราะพวกเราในภูมิภาคนี้ ในอดีต เราเชื่อผีสางเทวดาครับ .... ดังนั้น พุทธในภูมิภาคนี้ จึงปะปะ ปนปน กันไปหมด

เรื่องปลุกเสก ยิงไม่เข้า คายไม่ออก มันไม่ใช่แนวพุทธเลย  เลยพาพวกชาวต่างชาติ ฝรั่ง จีน หลงแนวไปด้วย ชอบพระเครื่องกันใหญ่เลย
เขาให้ห้อยไว้ยิดเหนี่ยวจิตใจ  ให้ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำให้บริสุทธิ์ ครั้นจะไปไหว้พระทุกวัน ก็ไม่ไหว ก็เอามาห้อยคอไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ เอาไปยิงกันทำไมก็ไม่รู้

ผมไม่ขอลองหรอกนะ เพราะมีคนลองของให้แล้ว ขณะห้อยด้วยแหละ   ประมาณ ปี 2534 แคล้ว ธนิกุล หรือเฮียเหลา  เจ้าพ่อนครบาลผู้ล่วงลับ มีแนวโน้มว่าจะโด่งดัง คับ กทม.ในขณะนั้น จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม
ขณะกลับจากรับประทานอาหาร พอรู้ตัวว่าจะถูกรุมกินโต๊ะแน่นอน หยิบเอา พระที่ห้อยคอ อมเข้าไปในปาก เพื่อให้อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ของพระเครื่องเข้าคุ้มครองตน ถึงในตับไตใส้พุงเลยทีเดียว (ห้อยข้างนอก อานุภาพ ของพระเครื่องอาจลดน้อยลง อมเลยดีกว่า จะได้อานุภาพเต็มที่ ตามตำรานักเลงปืน    ถ้าจำไม่ผิด พระวัดระฆังเลยเชียวนะ แล้วพระเครื่องขึ้นคอระดับ เจ้าพ่อ กทม. คงให้เสียน เหยียบเสียน ดูมาจนพรุ่นแล้วแหละว่า แท้ 100 เปอร์เซนต์ จึงจะเอาขึ้นคอได้    พอตอนโดนรุมกินโต๊ะ พร้อมสมุนคู่ใจ ตี๋ ดำเนินฯ     ทั้งลูกพี่ และลูกน้อง พรุนทั้งคู่ ......
บันทึกการเข้า
saksri1
Jr. Member
**

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #48 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 02:35:53 PM »

ของดีไม่ได้มีไว้ลองครับ
บันทึกการเข้า
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #49 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 04:17:33 PM »

 "พี่ๆคิดอย่างไร กับคนที่ชอบเอาปืนมายิงพระเครื่องเพื่อลองของ"
ตามคำถามเจ้าของกระทู้นะครับ...คิดว่างมงายครับ
เป็นคนงมงาย ที่เชื่อว่าวัตถุที่นำมาสร้างเป็นพระเครื่องและผ่านพิธีปลุกเศกแล้วจะทำให้ดินปืนไม่ทำปฏิกิริยากับเชื้อปะทุได้หลังจากเข็มแทงชนวนพุ่งกระแทกแล้ว
แต่หากคนที่เป็นคนลงมือยิงเพราะเพื่อนขอ เผอิญมีปืนก็เลยยิงให้  กับคนแบบนี้ผมเฉยๆครับ  เป็นผมถ้ามีใครมาขอ ผมยิงให้ทุกรายแหละครับ
แหมแต่ไม่เคยมีใครมาขอสักที  Grin
 
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
boon(เสือไบ)
ความประพฤติบกพร่อง จะทำให้บิดามารดาอับอาย
Hero Member
*****

คะแนน 532
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6011



« ตอบ #50 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 04:45:35 PM »

เรื่องลองของผมเคยลองพระเครื่อง ตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุคงไม่เกิน4-5ขวบ
ญาติๆเล่าว่าเด็กๆผมตัวอ้วนไม่ชอบนุ่งผ้า หลงรัก พี่ ป้า น้า อา ชอบเอาไปเลี้ยงเพราะเป็นเด็กอ้วน ซน+แก่นมาก
วันหนึ่งอยู่บ้านตา ท่านให้พระมเหศวรเลี่ยมเงิน1องค์พร้อมสร้อย  ตาและน้าๆบอกว่า ผมถามว่าพระดีอย่างไร พอรู้ว่าเหนียว ได้พระก็ลองเลย
ใช้มือหนึ่งจับน้องชายดึงใว้ มืออีกข้างก็ใช้มีดเจียนหมากเฉือนคอน้องชาย พระขลังจริงครับ ตัดเท่าไรก็ไม่เข้า ถ้าตัดเข้าโตขึ้นคงเสียใจน่าดู ขำก๊าก

บันทึกการเข้า

If a man says he is not afraid of dying, he is either lying or is a Gurkha
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #51 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 04:52:48 PM »

เรื่องลองของผมเคยลองพระเครื่อง ตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุคงไม่เกิน4-5ขวบ
ญาติๆเล่าว่าเด็กๆผมตัวอ้วนไม่ชอบนุ่งผ้า หลงรัก พี่ ป้า น้า อา ชอบเอาไปเลี้ยงเพราะเป็นเด็กอ้วน ซน+แก่นมาก
วันหนึ่งอยู่บ้านตา ท่านให้พระมเหศวรเลี่ยมเงิน1องค์พร้อมสร้อย  ตาและน้าๆบอกว่า ผมถามว่าพระดีอย่างไร พอรู้ว่าเหนียว ได้พระก็ลองเลย
ใช้มือหนึ่งจับน้องชายดึงใว้ มืออีกข้างก็ใช้มีดเจียนหมากเฉือนคอน้องชาย พระขลังจริงครับ ตัดเท่าไรก็ไม่เข้า ถ้าตัดเข้าโตขึ้นคงเสียใจน่าดู ขำก๊าก


Cheesy ถ้าใครให้ผมลองแบบที่พี่บุญลองตอนเป็นเด็กนี่ผมขอบายขอรับ 
ไม่เกี่ยวกับลองกับน้องชายนะครับ
แต่เกี่ยวเรื่องการใช้มีดเถือ  ผมกลัวของมีคมครับ ดูหนังแล้วตัวแสดงเอามือรับหรือจับใบมีดนี่ตัวอ่อน (เขียนเนี่ยยังตัวอ่อนเลย)  Cheesy
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
mrwhite
Full Member
***

คะแนน 26
ออฟไลน์

กระทู้: 183


« ตอบ #52 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 05:02:51 PM »

จะลองของขลังกันสักที ทำไมต้องไปเบียดเบียนไก่ ต้องแขวนคอคนอยากลองแล้วก็ยิงไปเลยครับ จะได้รู้ไปเลยว่าขลังไม่ขลัง   Undecided Undecided
บันทึกการเข้า
a lone wolf
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 290
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2064



« ตอบ #53 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 05:05:56 PM »

จะลองของขลังกันสักที ทำไมต้องไปเบียดเบียนไก่ ต้องแขวนคอคนอยากลองแล้วก็ยิงไปเลยครับ จะได้รู้ไปเลยว่าขลังไม่ขลัง   Undecided Undecided
ตำรวจกับอัยการท่านไม่โอเคด้วยน่ะครับ  ถึงคนห้อยพระจะบอกว่ายิงเลยจ้ะ  ไม่เอาผิดดอก
แต่บ้านเมืองจะเอาผิดคนยิงแน่นอนครับ 
บันทึกการเข้า

It's not the years in your life but the life in your years, that counts
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #54 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 07:11:42 PM »

เรื่องลองของผมเคยลองพระเครื่อง ตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุคงไม่เกิน4-5ขวบ
ญาติๆเล่าว่าเด็กๆผมตัวอ้วนไม่ชอบนุ่งผ้า หลงรัก พี่ ป้า น้า อา ชอบเอาไปเลี้ยงเพราะเป็นเด็กอ้วน ซน+แก่นมาก
วันหนึ่งอยู่บ้านตา ท่านให้พระมเหศวรเลี่ยมเงิน1องค์พร้อมสร้อย  ตาและน้าๆบอกว่า ผมถามว่าพระดีอย่างไร พอรู้ว่าเหนียว ได้พระก็ลองเลย
ใช้มือหนึ่งจับน้องชายดึงใว้ มืออีกข้างก็ใช้มีดเจียนหมากเฉือนคอน้องชาย พระขลังจริงครับ ตัดเท่าไรก็ไม่เข้า ถ้าตัดเข้าโตขึ้นคงเสียใจน่าดู ขำก๊าก


ว๊าย..... วิธีลองเหนียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน .....เสี้ยว....เสียว .....เล่นเข้าไปได้ เด็กไรก็ไม่รู้ ๆ พิเร้น  พิเรน จริงๆ
บันทึกการเข้า
manai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #55 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 07:56:30 PM »

จะลองของขลังกันสักที ทำไมต้องไปเบียดเบียนไก่ ต้องแขวนคอคนอยากลองแล้วก็ยิงไปเลยครับ จะได้รู้ไปเลยว่าขลังไม่ขลัง   Undecided Undecided
ตำรวจกับอัยการท่านไม่โอเคด้วยน่ะครับ  ถึงคนห้อยพระจะบอกว่ายิงเลยจ้ะ  ไม่เอาผิดดอก
แต่บ้านเมืองจะเอาผิดคนยิงแน่นอนครับ 
ยิงทีเผลอ ดีไหมครับ อย่าให้รู้ตัว  ล้อเล่นครับ555 อย่าไปทำเลย บาบทั้งไก่ทั้งคน 
บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10059



« ตอบ #56 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 08:49:04 PM »

เท่าที่เคยเห็นมาอะไรที่มาจากดินก็กลับไปเป็นดินเสมอ
บางคนขอขุ้ยเอาจีวรกลับไปด้วยก็มี  คิก คิก
บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1990
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22741


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #57 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 10:57:13 PM »

ลองสืบประวัติพระพุทธรูปปาง "ห้ามแก่นจันทร์" ดูบ้างนะครับ  ที่ลงในวิกี ออกแนวสนับสนุนการสร้างพระพุทธรูป
แต่ท่านอาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก (สามเณรเปรียญธรรม 9 ประโยครูปแรกของรัชการปัจจุบัน... รูปที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์, ศาสตราจารย์พิเศษ ม.มหิดล) ให้รายละเอียดว่า หลังจากพระพุทธเจ้ายกพระหัตถ์ซ้ายห้ามพระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์ที่กำลังขยับตัวแล้ว  ได้ตรัสว่า "หากระลึกถึงเรา ให้ปฏิบัติธรรมที่เราสอน ไม่ต้องสร้างรูปเหมือน"
ครับผม ............. ผมก็เชื่อเหมือนท่านอาจารย์ครับว่า แนวทางพุทธของเรา ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งเปลี่ยนไป
แนวพุทธ เน้น ศีล สมาธิ ปัญญา เน้นแนวจิตใจมากกว่าวัตถุ
ชาวพุทธของเราทุกวันนี้ ก็หลงทางไปทางแนววัตถุเสียเยอะ ผิดทิศทางไปหมด
ถ้าเป็นจริงตามตำนาน  พระพุทธเจ้าผู้ออกบวช ผู้ประสงค์จะหาทางพ้นทุกข์แก่มวลมนุษย์  แล้วก็เจอทางพ้นทุกข์ว่า ไม่มีทางใด หรือสิ่งใดในโลก ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ นอกจาก มนุษย์ ต้องปฏิบัติตัวตามศีล เพื่อให้ไม่เกิดทุกข์ เช่น อย่าผิดศีล 5 ก็จะไม่ทุกข์ในเบื้องต้น แล้ว  จากนั้น เมื่อไม่ผิดศีล ก็ทำแต่ความดี.....แล้วทำใจให้บริสุทธิ์ แค่เนียะ แนวพุทธ

แต่แนวพระเครื่อง วัตถุบูชา  อันนี้ ไม่รู้มาจากไหนกันแน่   งง เหมือนกัน ก็ตำนานพุทธบอกว่า เน้นคำสอน ไม่เน้น รูปบูชา แล้วรูป บูชา ขนาดใหญ่  (พระพุทธรูป)   หรือบูชา ขนาดพกพา (พระเครื่อง) มาจากไหน

ถ้าผมไม่ได้ละเมอ ในขณะที่กำลังพิมพ์ เนียะละก็  รู้สึกว่า พวกโรมัน ที่นับถือเทวรูป ได้แผ่อำนาจเข้ามาในอินเดีย พอมาศรัทธาในพุทธศาสนา ก็เลยสร้างรูปเหมือนพระพุทธเจ้าขึ้นมา (อาจละเมอ  ลองมาคุยกันได้ สั่งสอนผมได้นะครับ)
เพราะตำนานพุทธบอก พระศาสดา ท่านห้ามไว้แล้ว ว่า ให้เชื่อตามคำสอนของท่าน โดยให้ตรองดูก่อนที่จะเชื่อเสียด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเชื่อท่าน ท่านไม่ได้บังคับให้เชื่อ ไม่ต้องมาเคารพตัวท่าน เพราะท่านอยากให้คนเชื่อตามคำสอนของท่านได้พ้นทุกข์ในการดำรงชีวิต  

แล้วถ้าเจ้าโรมัน มันทำเรื่องไว้ ก็แสดงว่า ฝรั่งทำเรื่องไว้อีกแล้ว .....เพราะโรมัน คือ พวกแนวๆ ฝรั่งในปัจจุบัน นั่นแหละ
เพราะพวกเราในภูมิภาคนี้ ในอดีต เราเชื่อผีสางเทวดาครับ .... ดังนั้น พุทธในภูมิภาคนี้ จึงปะปะ ปนปน กันไปหมด

เรื่องปลุกเสก ยิงไม่เข้า คายไม่ออก มันไม่ใช่แนวพุทธเลย  เลยพาพวกชาวต่างชาติ ฝรั่ง จีน หลงแนวไปด้วย ชอบพระเครื่องกันใหญ่เลย
เขาให้ห้อยไว้ยิดเหนี่ยวจิตใจ  ให้ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำให้บริสุทธิ์ ครั้นจะไปไหว้พระทุกวัน ก็ไม่ไหว ก็เอามาห้อยคอไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ เอาไปยิงกันทำไมก็ไม่รู้

ผมไม่ขอลองหรอกนะ เพราะมีคนลองของให้แล้ว ขณะห้อยด้วยแหละ   ประมาณ ปี 2534 แคล้ว ธนิกุล หรือเฮียเหลา  เจ้าพ่อนครบาลผู้ล่วงลับ มีแนวโน้มว่าจะโด่งดัง คับ กทม.ในขณะนั้น จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม
ขณะกลับจากรับประทานอาหาร พอรู้ตัวว่าจะถูกรุมกินโต๊ะแน่นอน หยิบเอา พระที่ห้อยคอ อมเข้าไปในปาก เพื่อให้อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ของพระเครื่องเข้าคุ้มครองตน ถึงในตับไตใส้พุงเลยทีเดียว (ห้อยข้างนอก อานุภาพ ของพระเครื่องอาจลดน้อยลง อมเลยดีกว่า จะได้อานุภาพเต็มที่ ตามตำรานักเลงปืน    ถ้าจำไม่ผิด พระวัดระฆังเลยเชียวนะ แล้วพระเครื่องขึ้นคอระดับ เจ้าพ่อ กทม. คงให้เสียน เหยียบเสียน ดูมาจนพรุ่นแล้วแหละว่า แท้ 100 เปอร์เซนต์ จึงจะเอาขึ้นคอได้    พอตอนโดนรุมกินโต๊ะ พร้อมสมุนคู่ใจ ตี๋ ดำเนินฯ     ทั้งลูกพี่ และลูกน้อง พรุนทั้งคู่ ......

พี่เต่าน่าจะเข้าใจผิดไปแล้วครับ...

อาณาจักรโรมันปกครองถึงเอเชียตะวันออกกลางและตอนบนของอาฟริกาครับ...

ต้องพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งเรามักเรียกกันว่าเป็นชาวกรีก(อันที่จริงเป็นชาวมาซิโดเนีย)ซึ่งรุ่งเรืองมาก่อนโรมันครับ...

ที่พิชิตอาณาจักรเปอร์เซียและรุกเข้ามาจนถึงอินเดีย(ถ้าหากเข้าใจไม่ผิดยึดแคว้นปัญจาบได้ด้วย)...

และเป็นต้นกำเนิดของการนับถือรูปเหมือนบุคคลในอนุทวีปครับ... ไหว้
บันทึกการเข้า
tao bangkhaen
Hero Member
*****

คะแนน 354
ออฟไลน์

กระทู้: 3455


« ตอบ #58 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2011, 07:58:25 PM »

ลองสืบประวัติพระพุทธรูปปาง "ห้ามแก่นจันทร์" ดูบ้างนะครับ  ที่ลงในวิกี ออกแนวสนับสนุนการสร้างพระพุทธรูป
แต่ท่านอาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก (สามเณรเปรียญธรรม 9 ประโยครูปแรกของรัชการปัจจุบัน... รูปที่สามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์, ศาสตราจารย์พิเศษ ม.มหิดล) ให้รายละเอียดว่า หลังจากพระพุทธเจ้ายกพระหัตถ์ซ้ายห้ามพระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์ที่กำลังขยับตัวแล้ว  ได้ตรัสว่า "หากระลึกถึงเรา ให้ปฏิบัติธรรมที่เราสอน ไม่ต้องสร้างรูปเหมือน"
ครับผม ............. ผมก็เชื่อเหมือนท่านอาจารย์ครับว่า แนวทางพุทธของเรา ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งเปลี่ยนไป
แนวพุทธ เน้น ศีล สมาธิ ปัญญา เน้นแนวจิตใจมากกว่าวัตถุ
ชาวพุทธของเราทุกวันนี้ ก็หลงทางไปทางแนววัตถุเสียเยอะ ผิดทิศทางไปหมด
ถ้าเป็นจริงตามตำนาน  พระพุทธเจ้าผู้ออกบวช ผู้ประสงค์จะหาทางพ้นทุกข์แก่มวลมนุษย์  แล้วก็เจอทางพ้นทุกข์ว่า ไม่มีทางใด หรือสิ่งใดในโลก ทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้ นอกจาก มนุษย์ ต้องปฏิบัติตัวตามศีล เพื่อให้ไม่เกิดทุกข์ เช่น อย่าผิดศีล 5 ก็จะไม่ทุกข์ในเบื้องต้น แล้ว  จากนั้น เมื่อไม่ผิดศีล ก็ทำแต่ความดี.....แล้วทำใจให้บริสุทธิ์ แค่เนียะ แนวพุทธ

แต่แนวพระเครื่อง วัตถุบูชา  อันนี้ ไม่รู้มาจากไหนกันแน่   งง เหมือนกัน ก็ตำนานพุทธบอกว่า เน้นคำสอน ไม่เน้น รูปบูชา แล้วรูป บูชา ขนาดใหญ่  (พระพุทธรูป)   หรือบูชา ขนาดพกพา (พระเครื่อง) มาจากไหน

ถ้าผมไม่ได้ละเมอ ในขณะที่กำลังพิมพ์ เนียะละก็  รู้สึกว่า พวกโรมัน ที่นับถือเทวรูป ได้แผ่อำนาจเข้ามาในอินเดีย พอมาศรัทธาในพุทธศาสนา ก็เลยสร้างรูปเหมือนพระพุทธเจ้าขึ้นมา (อาจละเมอ  ลองมาคุยกันได้ สั่งสอนผมได้นะครับ)
เพราะตำนานพุทธบอก พระศาสดา ท่านห้ามไว้แล้ว ว่า ให้เชื่อตามคำสอนของท่าน โดยให้ตรองดูก่อนที่จะเชื่อเสียด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเชื่อท่าน ท่านไม่ได้บังคับให้เชื่อ ไม่ต้องมาเคารพตัวท่าน เพราะท่านอยากให้คนเชื่อตามคำสอนของท่านได้พ้นทุกข์ในการดำรงชีวิต 

แล้วถ้าเจ้าโรมัน มันทำเรื่องไว้ ก็แสดงว่า ฝรั่งทำเรื่องไว้อีกแล้ว .....เพราะโรมัน คือ พวกแนวๆ ฝรั่งในปัจจุบัน นั่นแหละ
เพราะพวกเราในภูมิภาคนี้ ในอดีต เราเชื่อผีสางเทวดาครับ .... ดังนั้น พุทธในภูมิภาคนี้ จึงปะปะ ปนปน กันไปหมด

เรื่องปลุกเสก ยิงไม่เข้า คายไม่ออก มันไม่ใช่แนวพุทธเลย  เลยพาพวกชาวต่างชาติ ฝรั่ง จีน หลงแนวไปด้วย ชอบพระเครื่องกันใหญ่เลย
เขาให้ห้อยไว้ยิดเหนี่ยวจิตใจ  ให้ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำให้บริสุทธิ์ ครั้นจะไปไหว้พระทุกวัน ก็ไม่ไหว ก็เอามาห้อยคอไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ เอาไปยิงกันทำไมก็ไม่รู้

ผมไม่ขอลองหรอกนะ เพราะมีคนลองของให้แล้ว ขณะห้อยด้วยแหละ   ประมาณ ปี 2534 แคล้ว ธนิกุล หรือเฮียเหลา  เจ้าพ่อนครบาลผู้ล่วงลับ มีแนวโน้มว่าจะโด่งดัง คับ กทม.ในขณะนั้น จึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม
ขณะกลับจากรับประทานอาหาร พอรู้ตัวว่าจะถูกรุมกินโต๊ะแน่นอน หยิบเอา พระที่ห้อยคอ อมเข้าไปในปาก เพื่อให้อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ของพระเครื่องเข้าคุ้มครองตน ถึงในตับไตใส้พุงเลยทีเดียว (ห้อยข้างนอก อานุภาพ ของพระเครื่องอาจลดน้อยลง อมเลยดีกว่า จะได้อานุภาพเต็มที่ ตามตำรานักเลงปืน    ถ้าจำไม่ผิด พระวัดระฆังเลยเชียวนะ แล้วพระเครื่องขึ้นคอระดับ เจ้าพ่อ กทม. คงให้เสียน เหยียบเสียน ดูมาจนพรุ่นแล้วแหละว่า แท้ 100 เปอร์เซนต์ จึงจะเอาขึ้นคอได้    พอตอนโดนรุมกินโต๊ะ พร้อมสมุนคู่ใจ ตี๋ ดำเนินฯ     ทั้งลูกพี่ และลูกน้อง พรุนทั้งคู่ ......

พี่เต่าน่าจะเข้าใจผิดไปแล้วครับ...

อาณาจักรโรมันปกครองถึงเอเชียตะวันออกกลางและตอนบนของอาฟริกาครับ...

ต้องพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งเรามักเรียกกันว่าเป็นชาวกรีก(อันที่จริงเป็นชาวมาซิโดเนีย)ซึ่งรุ่งเรืองมาก่อนโรมันครับ...

ที่พิชิตอาณาจักรเปอร์เซียและรุกเข้ามาจนถึงอินเดีย(ถ้าหากเข้าใจไม่ผิดยึดแคว้นปัญจาบได้ด้วย)...

และเป็นต้นกำเนิดของการนับถือรูปเหมือนบุคคลในอนุทวีปครับ... ไหว้
โอ้...กราบขอบพระคุณพี่รุทด้วยครับผม ที่พี่กรุณามาเติมเต็มให้น้องอีกแล้ว  โอ้โฮ ตั้งแต่ อเล็กซานเดอร์ สมัยกรีกเลยหรือนี่ ลึกกว่าโรมันเข้าไปอีกแฮะ
ว้า....... สรุป บรรพบุรุษของฝรั่ง มาทำเรื่องเอาไว้จริงๆ ด้วย .....
บันทึกการเข้า
sajja123
Sr. Member
****

คะแนน 40
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 523


« ตอบ #59 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2011, 09:16:00 PM »

ไม่คิดอย่างไรครับ  แต่คิดว่าพวกที่เรียกว่านักเลงพระและ
นักเลงปืน  ไม่มี Case นี้แน่นอนครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.182 วินาที กับ 22 คำสั่ง