๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

555   น้ำตาล ไม่หวานนะคะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007::


https://www.facebook.com/Tam.eig/?hc_ref=ARR542hak7W9ostgX_tfo0OgxqTsF2S5OeUV1DA5EWl2boosdE9l87q1XnviSYEeA8Q&fref=nf

ส่วน Tesla ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าชื่อดัง ช่วงนี้ขยับตัวอะไรก็เป็นข่าวตลอดๆเลยนะครับ
แต่รอบนี้เฮีย Elon Musk ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ครับ
.
“คำถามจากนักวิเคราะห์ จืดชืดมากๆ เป็นคำถามที่กำลังฆ่าผมชัดๆ” เป็นคำพูดของ เฮีย Elon Musk
ในช่วงที่ประกาศผลประกอบการ ทำให้เวทีเดือดนิดๆ เพราะเฮียแกไม่ชอบคำถามจากนักวิเคราะห์เลยครับ
.
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ Tesla ขาดทุนหนักมาก และถูกจี้ถามเรื่องความปลอดภัยของรถไร้คนขับ
.
================
.
สรุปสั้นๆครับ
.
1.Tesla ขาดทุน 784 ล้านเหรียญ หรือ 24,000 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เกือบเท่าตัว
(เฮียคาดว่า ครึ่งปีหลังน่าจะเห็นกำไรได้บ้าง จากการปรับโครงสร้างองค์กร)
.
.
2.แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นมากก็ตาม รายได้ไตรมาสล่าสุด: 3.41 พันล้านเหรียญ หรือ 1 แสนล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 700 ล้านเหรียญหรือ เกือบ 2 หมื่นล้านบาท
.
.
3.ยืนยันว่าไม่มีการเพิ่มทุน (ลดเงินลงทุนเหลือ 3 พันล้านเหรียญ จาก 3.4 พันล้านเหรียญ)
.
.
ส่วนไฮไลท์ ต้องข้อนี้เลยครับ
.
4.ยังตั้งเป้าว่าจะผลิตรถ Model 3 ให้ได้ 5 พันคันต่อสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ยังต่ำกว่าเป้าหมายมาก
(ทำได้ สัปดาห์ละ 2,270 คันมา 3 อาทิตย์ติดต่อกันละในเดือน เม.ย.)
.
แต่ช่วงไตรมาส 2 เค้าเตรียมปิดโรงงานชั่วคราว 10 วัน เพื่อแก้ไขปัญหาคอขวด
 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ตามเป้าหมายให้ได้ภายใน 2 เดือน
.
ตรงนี้ก็เดือดมาก เพราะมีคนขอให้เค้าเปิดเผยตัวเลขผลิตทุกๆสัปดาห์ เฮียแกเลยขึ้นเลยครับ
.
“ผมอยากให้นักลงทุนมอง Tesla ระยะยาว ผมจะไม่อยากเอาใจ นักเก็งกำไรรายวัน ถ้าไม่ชอบก็ขายไปซะ”
.
หลังจากนั้นนักลงทุนก็ขายจิงๆครับ หุ้นร่วง 5% มูลค่าบริษัทหายไป 7 หมื่นล้านบาท
.
.
================
.
ไม่อยากพลาด! Add line@ ไว้นะครับ �คลิก https://line.me/ti/p/%40Eig_Banphot
.
อ้างอิงภาพจาก CNBC อ้างอิงข้อมูลจาก Tesla

555  ยายเคยเขียน  ข้อมูล Insider ชนิด  " ขอบเตียง โตโยต้า " ค่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::

ถามเขาว่า  โตโยต้า  ซุ่มหรือเตรียมรับมือ " Tesla case "  ยังงัย ค่ะ ฮา 5555

เขาก็ตอบว่า  ทำเหมือนกัน  แต่ไม่ใช่  " First priority "  รถไฟฟ้า ไม่ใช่คำตอบตอนนี้ นะคะ ฮา 555

เขาบอก  " พลัง ไฮโดรเจน "  มาก่อน  เทคโนโลยี พร้อมแล้ว  แต่  แต่ แต่ ต้องรอ อ่ะค่ะ ฮา 555


5555  นานเท่าไหร่  ก็คง  " รอ ลูกบวช " แหละค่ะ ฮา 555 ::007:: ::007:: ::007:: ::007::

อันที่จริงค่ายญี่ปุ่นทำมาหลายปีแล้วที่เคยเห็นก็ Nissan Mitsu Tota แต่ยังไม่เน้นทำตลาด
สำหรับประเทศที่มีประชากรไม่มากแต่แหล่งพลังงานไฟฟ้าเยอะเช่นนิวเคลียร์คงจะใช้กันในอนาคตอันใกล้
แค่ประเทศที่ใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิลคงอีกนานมาก
เอาฟอสซิลไปผลิตไฟฟ้าแล้วเอาไฟฟ้าไปเติมรถแทนที่จะเอาฟอสซิลไปขับเคลื่อนรถโดยตรง เอ้อเอาตรรกกะอะไรมาคิด

ตรงนี้ ขอแย้งพี่ยุทธหน่อยนะครับ
เครื่องยนต์ มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงรอบเครื่องช่วงหนึ่ง
ถ้าเราเอาเครื่องยนต์ไปปั่นไฟ จะสามารถใช้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์สูงสุดได้เกือบตลอดเวลา
แต่ถ้าเราเอาเครื่องยนต์ไปขับเคลื่อนรถ เราไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดตรงนี้นะครับ เพราะเรามีช้ามีเร็วมีเร่งมีผ่อนมีเปลี่ยนเกียร์
แต่สำหรับรถไฟฟ้า มันไม่มีเกียร์ การปรับสปีดมอเตอร์ เสียประสิทธิภาพไปนิดเดียวเองนะครับ
ลองดูพวก เชฟโรเลต โวลต์หรือ นิสสันโนต อีพาวเวอร์นะครับ
ด้วยความเคารพครับ

ความหมายของพี่ยุทธ น่าจะหมายถึง ทุกวันนี้เราใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปปั่นไฟมาใช้กับยานยนต์ พอเราเปลี่ยนรถใช้ฟอสซิลมาใช้ไฟฟ้าแทน ก็เหมือนเราลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในส่วนยานยนต์ที่หันมาใช้ไฟฟ้าแทน มันก็ต้องเอาเชื้อเพลิงด้านที่ลดด้านนึงไปเพิ่มอีกด้านที่ต้องเอามาปั่นไฟเพิ่มไงครับ
   ถ้าใช้เชื้อเพลิงชนิดเดียวกัน เช่นเอาน้ำมันดีเซล มาปั่นเจนฯแล้วชารจ์แบตฯให้กับรถไฟฟ้า มันก็ไม่ประหยัดเหมือนเอามาเติมรถตรงๆ แต่ทุกวันนี้เราใช้ก๊าซธรรมชาติมาปั่นไฟ มันก็ดูเหมือนถูกกว่า ถ้าเกิดเลิกใช้รถทั่วไป หันมาใช้รถไฟฟ้ากันหมด การไฟฟ้าฯต้องปั่นไฟเพิ่มให้เพียงพอ.......คงไม่ใจดีขายไฟให้เราในราคาเดิมๆหรอกครับ ::014::

ผมเอง เล็งรถไฟฟ้ามาพักใหญ่ๆแล้วครับ เสียดายที่ปีนี้นิสสันไม่ยอมเปิดตัว นิสสันลีฟ  ::004::
นิสสันลีฟ ใช้แบตขนาด 40 Kwh วิ่งได้ 280 กิโล ถ้านอนบ้านทุกวัน ก็ติดโซลาร์เซลล์ขนาด 8-10 Kw พอชาร์จนะครับ
ใช้พื้นที่หลังคาประมาณ 60 ตรม.เท่านั้นเอง แต่จริงๆก็เอาแค่เท่าที่ใช้งาน ไป/กลับก็น่าจะพอ ส่วนคนเดินทางเยอะๆ ก็คงต้องเป็นรถน้ำมันกันต่อไป
คนกรุงเทพ น่าใช้กันเยอะๆนะครับไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือรถไฮบริด
ลองนึกภาพ รถติดไฟแดงตามสี่แยกนะครับ ถ้าทุกคันเป็นไฟฟ้าหรือไฮบริด ช่วงเวลาที่ติดไฟแดงจะไม่มีการเผาน้ำมันทิ้งไปเปล่าๆเลย

ผมบอกแล้วไฮโดรเจ้นฟิวเซลเป็นคำตอบ ;D ;D ;D รถไฟฟ้าแบตนะแค่ทางผ่าน 5555555555555

พอจะประมาณราคาแผงโซล่าเซล ขนาด 60 ตรม. (7.5mx7.5m)ได้มั้ยครับ ผมเดาว่าคงแตะๆแสนแน่ๆ มันจะคุ้มเหรอครับ แล้วตอนกลางวันเราเอารถออก ต้องชารจ์เก็บในแบตฯ ค่าแบตฯอีก รวมๆแล้วไม่น่าจะคุ้มในทางเศรษฐศาสตร์ ส่วนคุ้มไม่คุ้มเรื่องมลพิษก็ว่ากันไปครับ  ::014::

  พูดถึงเรื่องแผงโซล่าเซล ผมเคยคิดจะติดตั้งบนหลังคาบ้านเพื่อใช้กับเครื่องทำน้ำอุ่นและไฟส่องสว่างตามรั้ว
ยุ่งยากวุ่นวายการไฟฟ้าฯอ้างสารพัด...สงสัยพวกกลัวขาดรายได้ แต่สำหรับแป๋งไม่มีวันยอม เอ็งเผลอหรือลืมข้าฯให้ช่างมาจัดแน่ ::007::

ติดตั้งบนหลังคาบ้านแล้วแยกออกมาเป็นระบบหนึ่งต่างหากไม่เชื่อมต่อกับไฟฟ้าของการไฟฟ้า แบบนี้การไฟฟ้าไม่น่าจะมีปัญหาได้นะครับ ผมเห็นขายในเมกาโฮมมีโคมไฟแบบมีโซล่าเซลในตัวด้วยครับน่าจะตอบโจทย์เรื่องส่องสว่างตามรั้วได้ครับ

 ครับผม ::002::

300 W 1m.x2m.ราวๆ 5000 บาทครับ 9 Kw ก็ราวๆแสนห้า รวมอินเวอร์เตอร์ด้วยก็ตกสองแสนห้า  :~)
ค่าติดตั้งยังไม่ได้คิด  :~) :~) แบตเตอรี่ไม่ต้องใข้  ;D ว่าแต่ว่า คุณEarthworm ขับรถวันละสองร้อยโลเลยเชียวเหรอครับ
วิถีชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับ บางคนเหมาะกับรถไฟฟ้า บางคนเหมาะกับรถน้ำมัน บางคนก็ต้องไฮบริด
จริงๆแล้วอย่างผม มันต้องจักรยานครับ  ;D
เอาๆ มาต่อเรื่องเทคนิคอลดีกว่า แผงเนี่ย ผู้ผลิตเขาว่า อายุมัน 25 ปี อินเวอร์เตอร์ 10 ปี
ผมก็ตอบเป๊ะๆไม่ได้ แต่ผมก็ใช้มา 5 ปีแล้ว คิดคร่าวๆก็เกือบคืนทุนแล้วละครับ
เอาปีนี้เป็นตัวอย่าง ตั้งแต่มกรามา ผมจ่ายค่าไฟสี่สิบกว่าบาทมาตลอดละครับ(0 หน่วยครับ)
สมมุตินะครับ ถ้าผมซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ ผมก็จะติดมิเตอร์กับปลั๊กที่ชาร์จแบตรถ แล้วก็วัดเลย ว่า เดือนนึงผมใช้ไฟชาร์จแบตไปกี่หน่วย
แล้วก็ติดโซลาร์เซลล์ จำนวน หน่วย/150 (Kw) ใช้รถเยอะ ก็จ่ายค่าไฟเพิ่มนิดหน่อย ใช้รถน้อย ก็ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ
ปั๊มน้ำมัน ก็เอาไว้ฉี่อย่างเดียวครับ  ::007::

ผมขับรถวันละประมาณ 20 กิโล รถไม่ติดครับ ผมคงใช้ฟอสซิลไปอีกสักพัก แค่สงสัยว่าถ้าเราออกเช้ากลับเย็น ติดแผงโซล่า แล้วมันจะชาร์จได้ตอนไหน แต่ถ้าติดเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน หลอดไฟ ทีวี ตู้เย็น ฯลฯ พวกนั้นผมก็อยากครับ บางทีไม่สนใจเรื่องถูกแพงด้วย แค่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟให้การไฟฟ้า กับช่วยลดโลกร้อนก็แฮปปี้แล้วครับ  ::014::

เราใช้การไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่ครับ  ;D (สำหรับมิเตอร์จานหมุน)
ตอนกลางวันเราผลิตได้เกิน มิเตอร์หมุนกลับ ก็ส่งออกไป(ให้การไฟฟ้าเอาไปขาย)ตอนกลางคืน เราก็เอาส่วนที่เราผลิตได้กลับคืนมาใช้ครับ(มิเตอร์หมุนเดินหน้าคืนมา)
ถ้าเมื่อไหร่ ระบบ net metering เป็นที่ยอมรับของการไฟฟ้าบ้านเรา จะมีเฮกว่านี้อีกครับ

อ๋อ  ::002:: อย่างนี้นี่เอง เก็ทแล้วครับ แต่ถ้ามีคนทำแบบนี้เยอะๆ พอเค้าขายไฟได้ไม่เข้าเป้า มันก็จะมีปัญหาแบบที่เคยผ่านๆมาอีกมั้ยครับ บ้านเราอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ผมเคยคิดมาตลอดว่าไอ้เทคโนโลยีโซล่าเซลนี่ ที่มันไม่ค่อยพัฒนาไปถึงไหน เพราะพวกฝรั่งดั้งขอนี่แดดบ้านมันไม่เข้มข้นเหมือนทางบ้านเรา มันก็เลยไม่ค่อยจะพัฒนาทางนี้หรือเปล่า บ้านเราเองผมว่าโซล่านี่น่าสนใจมากที่สุดแล้ว ถ้าทุกหลังคาในเมืองติดกันให้หมด ไม่น่าจะแค่ลดโลกร้อน อุณหภูมิความร้อนในเมืองเองก็น่าจะลดลงได้บ้างครับ เปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้าเสียเยอะ  เห็นกังหันลมนี่ชอบทำกันจัง ตั้งไว้กี่ที่ต่อกี่ที่ ไม่เห็นจะหมุน วินด์ฟาร์มที่แถวๆโคราชที่ลงไปเป็นหมื่นๆล้าน จะมีที่ไหนทำได้อีกก็ไม่รู้ ::014::

รายได้ไม่เข้าเป้า ไฟฟ้าเขาก็ขึ้นค่าไฟซิครับ  ::007:: ไม่งั้นก็ขึ้น Ft
ยิ่งค่าไฟขึ้นไปแพงๆ คนก็ยิ่งหนีไปใช้พลังงานทดแทนกัน บิ๊กซี โฮมโปร โลตัส ตอนนี้ติดกันเพียบครับ
พวกนี้ ค่าไฟตอนกลางวันหน่วยละ 5 บาท ติดไปแป๊บเดียวคืนทุน
(http://image.free.in.th/v/2013/ie/180505080417.png)

ระหว่างการแปรรูปพลังงานมันสูญเสียไปมากครับระยะไม่ถึง 100 กิโลเสียไปเป็นล้านวัตต์ เราคงไม่สามารถเอาสถานีขาร์ทมาตั้งข้างๆโรงไฟฟ้าได้และคงไม่สามารถตั้งโรงไฟฟ้ากระจายไปตามพื้นที่ได้
กำลังที่ผลิตได้กว่าจะถึงปลายทางมาชาร์ทรถกายเป็นความร้อนไปเยอะนี่ก็ไม่ทำให้โลกร้อนน้อยลง มีงานวิจัย ดร. นาซาคนหนึ่งเขียนไว้
ไฟฟ้าผลิตตลอดเวลาใช้หรือไม่ใช้ก็ต้องผลิตลอยๆไว้ต้นทุนมันก็วิ่งไปเรื่อยๆ นอกจากว่าจะมีระบบจัดเก็บ (storage) ได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเรายังไปไม่ถึงจุดนั้น
ถ้ามีโรงนิวเคลียร์สักสองสามโรงนี่น่าจะดีนะเอามาชาร์ทรถไฟฟ้า

อย่าคิดว่าแดดของเราเข้มข้นพอใช้ครับฟ้ามีเมฆก็ร่วงแล้วยิ่งฟ้าครึ้มกำลังผลิตมันหายไปมากจนเอามาใช้แทบไปไม่ได้เรารู้สึกว่าแดดหายไปครึ่งแต่กำลังผลิตหายไปสี่เท่านะครับ ผมพอมีข้อมูลบ้างจากการไปติดเครื่องวัดพลังงานพวกนี้
สรุปว่าแดดหายก็ต้องเอาไฟฟ้าจากระบบเดิมมาใช้ การไฟฟ้าไม่รู้หรอกว่าจะกลับมาใช้เมื่อไรก็ต้องจ่ายเข้าระบบไว้ตลอดเวลา เรื่องที่จะเก็บเพิ่มจากผู้ติดโซลาร์เซลนี่คงจะเป็นค่าความพร้อมจ่าย

10 KW/Km. Loss อะไรมากมายขนาดนั้นครับ  :OO
โรงไฟฟ้าที่กระจายไปตามพื้นที่ ก็โซลาร์รูฟทอป/กังหันลม ไงครับ โรงไฟฟ้าที่ควรจะเดิน 24/7 ก็คือโรงสตีมครับ ใช้ไม่ใช้ก็ต้องเดิน
EGAT ถึงต้องทำโรงไฮโดรแบบสูบกลับ เพื่อเอาไว้เป็นแบตเตอรี่ของระบบตัวเอง
แต่.. ;D เดี๋ยวยายจะว่ามาพากระทู้ยายออกทะเล  ;D
ที่ผมอธิบายพี่ยุทธข้างต้น คือ น้ำมันเบนซินที่เอามาขับเคลื่อนรถ กับน้ำมันเบนซินที่เอามาปั่นไฟฟ้า แล้วเอาไฟฟ้ามาขับเคลื่อนรถ
มันเห็นความคุ้มค่าในทางพาณิชย์แล้วครับ รถ 2 โมเดลที่ผมว่า คือคำตอบครับ

ในส่วนอนาคตของระบบไฟฟ้าผมว่าแบตเตอรี่สำหรับบ้านคงมาในอีก 5-10 ปี  ::004::
ถึงตอนนั้นสองคนตายาย/แผง 20 Kw/อินเวอร์เตอร์ไฮบริด+แบตซักก้อน อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งการไฟฟ้าครับ

มีข่าวมาฝากครับ
https://mgronline.com/daily/detail/9610000044646 (https://mgronline.com/daily/detail/9610000044646)

กฟผ.เองก็เตรียมการสำหรับแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าในอนาคตนะครับ

https://www.matichon.co.th/news/944989

เข้ามาดูช้าไปเลยไม่ได้เอาหน้าระบบมาให้ดู จากสถานาบง 500kV มาอุดร 80 กิโลหายไป 7 MW เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาบันทึกมาให้ดู พอดีมาปืดงานที่ลาว

Loss เยอะนะครับ ไม่รู้ว่าตอนนั้นรับเข้ามากี่เมกะวัตต์
มิน่า..ค่าไฟถึงได้แพง  ;D

ขอโทษทีครับ 700 kW ครับ 80 กิโล เออผมทำหน้าจอเองงงเอง

   0.7 MW  ;D

นาบง รับไฟจากเขื่อนน้ำเงียบใช่ไหมครับ กำลังผลิต 289 MW
loss ไป 0.7 =0.2% ยังไม่ได้ส่งเต็มที่แน่ๆ
ขนาดนี้ พวกทำระบบส่งยังถือว่าจิ๊บๆ แต่สำหรับระบบจำหน่ายนี่ ตาค้างเลยละครับ  :OO

นาบง NBS รับไฟฟ้าจาก น้ำงึม2 NNG2 น้ำเงี๊ยบ1 NGP1 และน้ำเทิน1 NTN1 ครับ 600MW 289MW ???MW จำอันหลังไม่ได้ รวมกันแล้วจ่ายเข้าอุดรทางสายส่ง 500 kV
loss 0.7MW จ่ายแค่ 165MW ต่อสายส่งครับ 2 สายก็ 1.4MW คิดเป็นเงินก็หลายอยู่นะ เขาแชร์ Loss กันที่จุดกลางแม่น้ำโขงครับ
เวลาดู kWh 15 minutes interval มันวิ่งแล้วเห็นเงินไหลออกเลย แต่ช่วงไม่จ่ายไฟฟ้าก็ต้องซื้อกลับมาใช้เยอะเหมือนกันนะคิดอัตราเหมือนธุรกิจทั่วไป