๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

รศ.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Somkiat Osotsapa ถึงรายได้เฉลี่ยและรายได้สูงสุดของบัณทิตจุฬารุ่นรับปริญญาปี 2557 โดยมีข้อความ ดังนี้

รายได้เฉลี่ยและรายได้สูงสุดของบัณทิตจุฬารุ่นรับปริญญาปี 2557 นักเรียนถูกสอนกันว่า งานที่ดีคืองานที่เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ เป็นงานที่มีความสุข สามารถช่วยเหลือสังคมได้ ภูมิใจในงานที่ทำ ไม่ใช่รายได้อย่างเดียว รายได้ต้องคิดจากรายได้ระยะยาวของอาชีพนั้น อย่าคิดเพียงรายได่เริ่มต้น


ในยุคที่เศรษฐกิจจะผันผวนเรื่อยๆ งานที่มั่นคงเป็นที่ต้องการมาก งานแนวฟรีแลนซ์นิยมน้อยลง ข้อมูลนี้จืงมีประโยชน์ในการเลือกงาน หน่วยงาน และอาชีพเพียงระดับหนื่ง ยุคนี้มีอาชีพหลากหลาย คนไม่ได้มีรายได้เพียงทางเดียว การเรียนรู้ พัฒนาตนเองตลอดชีวิตสำคัญมากกว่า


บัณทิตรุ่นนี้ทำงานกิจการของตนเอง และองค์กรต่างประเทศราว 10% ภาษาเป็นปัจจัยหลักในการได้งานรายได้สูง และการศืกษาต่อ บัณทิตที่ได้เกียรตินิยมราว 49% ก็มัน "เทพ" กันทั้งนั้น เอาไว้เป็นข้อมูลนะครับ ที่จริงพวกเข้าราชการน่าสนใจกว่า สตาร์ทที่ 10,000 เศษๆ แต่จะไปไกลกว่างานเอกชนหรือเปล่า ไม่แน่ใจครับ ยังไงก็รับใช้ชาติ ประชาชนด้วยละกัน


รายได้เฉลี่ย-สูงสุด ของบัณทิต"ปริญญาตรี"จุฬาฯ รุ่นรับปริญญาปี 2557

แพทย์ศาสตร์      45,000-90,000 บาท
ทันตแพทย์         40,000-160,000 บาท
สัตวแพทย์          23,000-52,000 บาท
เภสัชศาสตร์        20,000 บาท
สหเวชศาสตร์      21,000-100,000 บาท

จิตวิทยา             20,000-30,000 บาท


วิทยาศาสตร์การกีฬา  16,000-30,000 บาท

วิทยาศาสตร์               22,500- 57,500บาท

วิศวกรรมศาสตร์          28,000-66,000 บาท

สถาปัตย์                    19,000- 85,000 บาท
อักษรศาสตร์               23,500-80,000 บาท
ศิลปกรรม                   18,000-30,000 บาท

ครุศาสตร์                    18,000-100,000 บาท


นิติศาสตร์                   18,000-35,000 บาท

นิติศาสตร์ ภาคบัณทิต  42,000-180,000 บาท
นิเทศศาสตร์                25,000-50,000 บาท
บัญชี                       24,000-100,000บาท
รัฐศาสตร์                  20,000-50,000 บาท
เศรษฐศาสตร์              21,500-100,000 บาท

รายได้เฉลี่ย-สูงสุดของบัณทิต "ปริญญาโท" จุฬาฯ รุ่นรับปริญญาปี 2557

บัณทิตวิทยาลัย (จัดสอนเอง)   35,000-100,000 บาท
แพทย์ศาสตร์                     38,000-180,000บาท
ทันตแพทย์                        38,000-100,000บาท
สัตวแพทย์                         25,000-35,000บาท
เภสัชศาสตร์                      33,000-69,000บาท
พยาบาลศาสตร์                   24,000-100,000บาท


สหเวชศาสตร์            24,000-39,000 บาท
จิตวิทยา                  32,000-51,500บาท
วิทยาศาสตร์การกีฬา19,000-30,000บาท
วิทยาศาสตร์         30,000-80,000 บาท
วิศวกรรม                   36,000-80,000 บาท
สถาปัตย์                   31,000-80,000บาท
อักษรศาสตร์             25,500-600,000บาท


ศิลปกรรม              25,000-50,000 บาท
ครุศาสตร์              24,000-270,000 บาท
นิติ(ศาสตร์            42,500-250,000 บาท
นิเทศศาสตร์          33,000-85,000 บาท
บัญชี                   53,000-550,000บาท
รัฐศาสตร์             27,000-150,000บาท
เศรษฐศาสตร์       46,000-220,000 บาท
ประชากรศาสตร์      13,000-16,000 บาท


วิทยาลัยสาธารณสุข 41,000-110,000 บาท
ปิโตรเคมี                 28,000-41,000บาท
ศศินทร์MBA           54,000-100,000 บาท

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444219862


 :o :o :o

นึกถึงเวลาได้ยินเด็กหลายสถาบันชอบพูด"เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน สมัยนี้เขาเรียนแค่เข้าไปเอาสังคม"แล้วโคตรขำ  ::007:: ::007:: ::007::

รู้อย่างนี้ฟันหมอเอ้ยเป็นหมอฟันก็ดี ::005::

ลุงๆมาแอบดูนศ.สาวเหรอครับ  :DD ::005::

บัญชีเงินเดือนครึ่งล้าน เป็นเจ้าของสำนักตรวจบัญชีละมั้งนั่น

เป็นมือปืนรับจ้างไงความเสี่ยงสูงย่อมต้องได้มากไว้ก่อน

        รายได้เฉลี่ย
ของบัณฑิต ปักเป้า ละ มีไหมครับ ::001::

เพิ่งคุยกับเจ้าของธุรกิจรายหนึ่ง ตัวเลขที่ทางจุฬาบอก ไม่สามารถทำได้ในขณะนี้แน่นอน
มีธุรกิจบางตัวเท่านั้น ที่สามารถให้ได้

มาแล้ว ค.บ.(ปักเป้า) รุ่นเทียบเคียง ค.บ.(จฬา)  อิอิ ::005:: :~)

ธุรกิจบางตัวที่ว่า เขาเลือกสถาบันที่จะรับเข้าทำงานครับ ไม่ถึงกับเจาะจงว่าเอาที่นี่เท่านั้น แต่มีจัดอันดับ1 , 2 , 3 , 4 , 5แน่นอน

คุณภาพวัสดุต่างกัน เทใส่เตาหลอมคนละเกรดกัน........เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน .... ขำ  ::007:: ::007:: ::007::

ที่ทำงานผมถ้าเป็นวิศวะจะต้องจบจาก จุฬา ลาดกระบัง เกษตรศาสตร์ เป็นหลักครับจะไปเปิดบู๊ธรับครับ

ส่วนระดับพนักงานภาคสนามเมื่อก่อนราชมงคลสงขลาสมัยมี ปวส. แต่ตอนนี้รับจากสถาบันการบินพลเรือนเป็นหลักครับ

เน้นภาษาอังกฤษเป็นหลักครับ

ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือสอบเลยเรียนรู้เรื่องฝ่ายบริหารเพิ่มขึ้นครับ

แบบนี้เคยเจอมาแล้ว ระดับจบป.ตรี มานั่งเอ๋อ ทำอะไรไม่ได้

เยอะแยะครับ ;D ;D ;D พึ่งจบจะทำอะไรเป็นครับ เรียนแค่จบ ไม่ได้เรียนเอาความรู้กันส่วนใหญ่

        พอดีผมเคย งง ๆ
ในใบลงชื่อ-วุฒิ บังเอิญไปต่อคนข้างบน เห็นมีวงเล็บ 
ผมนึกว่าเขาให้วงเล็บต่อ ว่าวที่ชอบเลยเอาบ้าง ครับ.... ::004:: ::012::

ผมว่าตัวเลขค่อนข้างใกล้เคียงความจริงนะครับถ้าตัดภาคราชการ รัฐวิสาหกิจออกไป
อย่างวิศวะ5ปีที่แล้ว ภาคที่ได้น้อยสุดก็คือภาคโยธา startที่ 20k กรอบบนคือพวกทำ บ.น้ำมันอยู่ที่ 120 k
แต่โดยเฉลี่ยแล่้วต่ำสุดจะอยู่ที่ 25k ประมาณนี้

ส่วนบัญชีที่เห็นจบใหม่ได้ 1 แสนบาทนั้นคงเป็นพวกทำ investment bank ตามบ.หลักทรัพย์ต่างๆ
ตำแหน่งนี้ถ้าไม่จบนอกก็รับอยู่2ที่แหละครับ

ตัวเลขพวกนี้หลอกกันไม่ได้หลอกครับ เปิด jobsdb.com ก็เห็นหมดแล้ว

ญาติเภสัช โทจุฬา ก็ราว70-80k

อีกคนวิศวะทำบ.ปูนไทย80k ลาออก ไปลงแท่นในอ่าวไทย แสน+แต่ไม่ไหว ไม่ชินงานในทะเล  ย้ายไปอินโดฯก็ได้แสนกว่า  :)

ใครบอกได้เป็นแสน หลักล้านเลยนะ เงินรู เฮ้อแพงไปหมดนั่งแท๊กซี่ไปโรงแรมจากสนามบินไป Jimbaran หกหมืน ค่าสนามบินแสนกว่า

การตลาดหลังออกนอกระบบ เด๋วรอพระนครเหนือ ลาดกระบัง มาประชัน

  เพิ่งจบ ถ้าเงินเดือนเยอะๆ ผมว่ามีตัวเลขที่ทำงานตปท. หรือเป็นพวกทำธุกิจ(ติวเตอร์ ฯลฯ) มาลงไว้ด้วยมั้งครับ จบใหม่ๆเงินเดือนเป็นแสน ใครจะกล้าจ้างนอกจากบิดามารดาตัวเอง อย่างน้องสาวผมจบสถาปัตย์(เกียรตินิยมอันดับ 2 )  สี่ห้าปีก่อน บ.สถาปนิกชื่อดังจ้างเดือนละหมื่นแปด มากกว่าคะแนนปกติแค่สองพัน แต่พอไปทำงานที่สิงคโปร์ ขนาดไม่มีประสบการณ์และไม่ได้บอกว่าได้เกียรตินิยมยังเริ่มต้นเดือนละเกือบเจ็ดหมื่น(บาท) เวลากรอกแบบสอบถามที่ทางมหาวิทยาลัยส่งมา เค้าก็กรอกเงินเดือนที่ได้ทางนู้นกันทุกคนแหละครับ  ::014::

บ.สถาปนิก หรือ โยธาพวกนี้กดเงินเดือนต่ำจริงๆครับ แต่ไม่มีใครสน เพราะทำแปปได้ connection ออกไปทำงานเองรวยกว่าเยอะ
อย่างที่บอกรุ่นผม 5ปีก่อนทำโยธาได้แค่ 20k เหมือนๆกันทุกบริษัท แต่รวมโอทีก็ 30 กว่ากันทั้งนั้น(ช่วงนั้นเร่งงานรถไฟฟ้ากัน กินเหล้ากันอยู่ต้องกลับไปคุมเทปูน 55) ไม่รวมได้ยิบๆย่อยๆ

ส่วนจบใหม่ถ้าในได้เกียรตินิยม ทำงาน บ.ในไทย วิศวะ เกรด3.3 ขึ้นไป start 80k มีให้เห็นเยอะแยะครับ

กลับมาเรื่องตัวเลขของท่าน รศ.

เงินเดือนคนจบใหม่ได้ 25k มันไม่ได้เยอะเลยครับ อย่าลืมว่าต้องทำงานในเมือง ต่่ำกว่านี้ไม่มีใครทำแล้ว
ทกวันนี้ ถ้ามีธุระถ้าต้องเข้าเมืองแล้วพกเงินติดตัวต่ำกว่า 500 บาทนี่ค่อนข้างเสี่ยงแล้วครับ
กินประหยัดๆข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวข้างถนนก็ต้องมีมื้อละ 50*3 + ค่าเดินทาง รถไฟฟ้า รถตู้ รถเมล์ วันละ100ขึ้นแน่นอน ก็จะหมื่นอยู่แล้ว
หักประกันสังคม กองทุน หักภาษีเหลือหมื่นนึง ไม่รวมต้องให้พ่อแม่ ไม่รวมบางคนต้องเช่าหออีกต่างหาก
นี่คือต้องใช้ชิวิตแบบหุ่นยนต์ แทบไม่สามารถไปหาความสุขแบบมีค่าใช้จ่ายได้เลย

กลับกันถ้าเทียบกับเพื่อนๆที่จบ ม.ต่างจังหวัด ทำงานแถวๆนั้นรวยกว่าเยอะครับ ได้ 18000-20000 แต่เช้ามาขี่มอเตอไซค์ไปโรงงาน 20 นาทีถึง
บางที่ข้าวฟรี บางที่โรงอาหารขายราคาถูกๆ บางคนกลางวันขี่รถมากินข้าวเที่ยงกับที่บ้านด้วย 55 เหลือเดือนๆนึงเต็มๆ
เย็นๆเดินเล่นกับแฟนหาของกินในตลาดตัวเมือง มีความสุขกว่าเยอะครับ

   ผมก็ว่าราคามันออกจะเว่อร์ไปหน่อยครับ น้องสาวผมอีกคน จบบริหารฯ ธรรมศาสตร์ ปีที่แล้ว เกียรตินิยม อันดับ 2 เหมือนกัน กว่าจะหางานได้ก็นานพอดู เล่นเอาเกือบเสียเซลฟ์ไปเหมือนกัน พอตอนได้ ทั้งที่ธนาคาร กับ ยูนิฯ เงินเดือนพอๆกัน แต่ธนาคารดูแล้วจะอยู่ยากกว่า สุดท้ายเลือกที่ยูนิฯ เงินเดือนหักนู่นนี่แล้วเหลือเกือบๆสองหมื่น พวกเพื่อนๆที่อยู่แบงค์ก็อิจฉากันแทบแย่แล้ว แต่มีลูกพี่ลูกน้องอีกคน จบภาคอินเตอร์ที่มธ.ปีนี้ เค้าบอกว่าถ้าไม่ได้ เดือนละ 40,000 เค้าไม่ทำ จะไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ พ่อเค้าเองบอก ไปทำเรื่องหาที่เรียนได้เลย ขนาดป๊าเองยังไม่คิดจะจ้างเลย รีบๆไปเถอะ

    ที่ว่าจบปุ๊บ เงินเดือนเป็นแสนปั๊บ บ. ในไทย ไม่ใช่ไม่มีครับ แต่ปีๆนึงจะมีกี่คน แล้งคนพวกที่ว่า ชื่อเสียงเรียงนามอะไร ทำงานบริษัทไหน มันต้องเป็นบ.เครือญาติหรือ ของตระกูลตัวเองมั้ย
    ตัวอย่างเช่น  แพรทอง... จบจากจุฬา ทำงานที่  บ.ชิ...... เงินเดือน แสนสองแสน ผมว่าพ่อแม่เค้าคงดีใจมากครับ เพราะทำงานแล้วใช้เงินน้อยกว่าตอนเรียน
 ::014::

บอกในนี้ก็ได้ครับไม่ใช่ความลับ
ไล่ตั้งแต่สายconsultนะ Bain , Boston consult group,Mckinsey,LEK พวกนี้ start เกิน 80k แน่นอน
หรือสายการเงินก็ Worldquant(เจ้านี้ประกาศในjobsdb.comเลยว่า90K++),Merrill Lynch หรือจะเป็นของไทยก็อย่างภัทร(เงินเดือนอาจจะประมาณ60K แต่โบนัสก็หลัก10เดือนอยู่ดี)
สายcomputer ก็vervata,Microsoft,orionhealth
สายพลังงานคงไม่ต้องพูดถึงน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว

ยังไม่หมดนะ ยังมีอีกหลายที่ ให้ไว้เป็นแนวทางดูละกัน
อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่าก็ลองsearch ดูได้ เข้าไปดูใน linkedin.com ก็จะเห็นว่าใครทำอยู่บ้าง จบจากที่ไหนอายุเท่าไหร่
บางทีสิ่งที่ท่านไม่รู้ อาจจะไม่ได้แปลว่าไม่มีก็ได้นะครับ

55555..เครื่องมือหากินนักปั่น...ขุมทองโกโบริ...ถ้ำมหาสมบัติ..ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้มีอยู่จริง ตั๋วเครื่องบินไปยี่ปุ่น ๙๙๙ บาทก็ยังมี ::007::
คนไทยหลอกง่ายครับ ยิ่งเอาเงินมาล่อ ไม่คิดหน้าคิดหลังกันให้ดี โดดใส่ทันที...กว่าจะรู้ว่าโดนฝรั่งอำก็หงายเงิบ
กลยุทธ์ปั่นกระแสทางการตลาด ใช้ได้ยันตลาดหุ้น

คือ ถ้าเอาแค่รายได้เฉลี่ย(ตัวหน้า)มาลง ผมยังพอจะมองว่าเป็นเครดิตที่ดีของมหาวิทยาลัยครับ เพราะมันเป็นไปได้อยู่แล้วที่มหาวิทยาลัยอันดับ 1 จะมีรายได้เฉลี่ยของนิสิตที่จบการศึกษาเป็นอันดับหนึ่ง  แต่ไอ้ตัวหลังที่เป็นรายได้สูงสุดของแต่ละคณะ เอามาลง ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นผลดีนะครับ รุ่นหลังๆ พอเวลาเห็นตัวเลขพวกนี้ คิดว่าเราต้องมีรายได้ดีๆแบบพวกพี่ๆ เวลาไปสมัครงานที่ไหน เอามาเขียนเรียกราคาไปสูงๆ มันจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้ตัวเองเปล่าๆ   ::014::

ค่ากินอยู่มันก็แพงนะครับ ;D ;D ;D ได้ 70,000 ค่าบ้าน กินอยู่ไปเท่าไร อยู่สิงคโปรมีแต่ช๊อปปิ้งไม่มีอะไรทำเดินห้างหมดตัว 5555555

สิงคโปร์ค่าครองชีพ แพงมาก  น้ำดื่ม 1เหรียญกว่าไปทางครึ่ง  บุหรี่200กว่า  ข้าว3-8เหรียญ  ไปโน่รได้ 1 แสน อยู่ไทยได้สัก 35,000สบายใจกว่าเยอะครับ

ถ้าทำกินเองง่ายๆก็ประหยัดได้เยอะครับเคยเอาทีมติดตั้งไปทำงานเป็นอาทิตย์ใช้วิธีซื้อของสดมาทำเช่น ปลากินให้เบื่อโลละ $2.40 พอกินได้แต่แทบจะประหยัดบุหรี่ได้เลย

เค้าใช้ว้ธีไปกันเป็นทีมครับ อยู่กัน 5คน แก๊งค์เดียวกับที่ไปอเมริกากันมา เลยรู้ทางกัน ค่าครองชีพคิดแล้ว พอๆกับเมืองไทย ค่ากินค่าอยู่ดูเหมือนแพง แต่ค่าเดินทางเค้าคิดแล้วถูกมากครับ ตอนน้องไปอยู่ได้ 2 ปี กลับมามีเงินเก็บมากอยู่ครับ คิดแล้วทำอยู่ที่นี่ไม่กินไม่ใช้ยังได้ไม่เท่า เพราะตอนที่กลับมาเงินเดือนมากกว่าตอนเริ่ม เกิน 2 เท่าแล้ว  ::014::

   ตอนนั้นก็มีที่นี่ให้เค้า 40,000 หลังจากไปทำที่สิงค์โปรได้ปีนึงแต่เค้าไม่เอาครับ อยากหาประสบการณ์ต่อ
        พอทำได้ 2 ปี ตามที่ตั้งใจไว้เค้าก็กลับมาหาที่เรียนต่อ ป.โท หาไปหามามีแต่แพงๆทั้งนั้น ฮอลแลนด์เอย เยอรมันฯเอย เงินที่เก็บไว้ไม่พอ ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ก็เลยไปหาประสบการณ์ต่อฟากออสเตรเลียครับ พอไปถึงก็ทำงานร้านอาหารบ้าง ห้างฯบ้าง ไม่ได้ทำเกี่ยวกับสถาปัตย์เลย
 ปีนึงเต็มๆ กลับมาไม่ได้อะไรเลย เงินก็ไม่งอก ตอนก่อนไปที่บ้านก็เตือนกันแล้วว่าไปสิงค์โปรไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เหลือพอเรียน ก็ไม่ฟังใครเลยครับ อยากไปค้นหาชีวิต สุดท้ายก็ต้องกลับไปสิงค์โปร ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัยแห่งชาติที่นั่นแบบเต็มเวลาอีกปีนึงก็จบครับ ทำงานไปด้วยก็ไม่ได้ ยังดีที่ขอทุนได้ครึ่งนึงเลยเบาเรื่องค่าใช้จ่ายหน่อย
    

         เด็กสมัยนี้ เป็นอย่างนี้เยอะครับ อีโก้สูง พ่อแม่พี่น้อง พูดไม่ค่อยจะฟังกัน โดยเฉพาะพวกที่เรียนยิ่งเก่งยิ่งพูดด้วยยาก ตั้งแต่สมัยเอ็นท์เค้าสอบตรงเข้าสถาปัตย์จุฬาได้แล้ว แต่ไม่ยอมเอา บอกว่ามาสอบให้พ่อชื่นใจ มหาลัยโทรมาตาม 2 รอบ ไม่ยอมไปสัมภาษณ์  ทั้งๆที่ผลเอ็นท์ใหญ่ก็ยังไม่ออก ตอนนั้นที่บ้านประสาทจะกินกันทั้งบ้าน สุดท้ายค่อยยังชั่วได้ ลาดกระบังตามที่เค้าเลือกไว้
      อยากเตือนน้องๆคนอื่นว่าบางทีพ่อแม่พี่น้อง อาจเรียนไม่เก่งเท่าพวกเค้า แต่อย่าลืมว่าตอนที่เราเรียน ค่าใช้จ่ายมันก็ได้มาจากพ่อแม่ทั้งนั้น ประสบการณ์มันมีค่ามากว่าคะแนนเยอะครับ ในการใช้ชีวิต ::014::

ขอบคุณครับ  ::014::

ผมคนต่างจว. มีลูกสาวคนเดียว เรียนคณะวิทยาลัยนานาชาติ  ( โลจิสติกส์ ( บธ.บ. ) ม.บูรพา บางแสน )

ปีแรกอยู่หอใน  ( ห้องรวม 4 คน เตียง 2 ชั้น )

ขึ้นปี 2 ย้ายอยู่หอนอก ( พ่อกับแม่ไปนอนค้างได้ )





บอกลูกเสมอว่า เงินที่ส่งลูกเรียน มาจากหยาดเหงื่อพ่อแม่นะ  :VOV: :VOV: :VOV:

 ::002:: ::002:: ::002::

+1ครับ

กล่าวถึง สิงคโปร์แล้ว ขอกล่าวถึง ฮ่องกงบ้าง
ตอนนี้ คนไทยบอกว่า มีแรงงานต่างชาติ พม่า กัมพูชา ลาว มาอยู่ในไทยเยอะ
อย่าห่วงระดับแรงงานเลยครับ กิจการค้าขายระดับ SME คนฮ่องกงมาทำในไทยเยอะครับ
แรงผลักดันคือเรื่องของที่ดินฮ่องกงขยับราคาสูงจนคนรุ่นใหม่แทบซื้อไม่ได้
ไทยกับเวียตนามเป็นที่ ที่คนฮ่องกงเลือกมาขยับขยาย
ว่าไปคนฮ่องกง ไม่ล้นเกาะหรอกครับ แต่ผังเมืองเขาแข็งมาก ป่าคือป่า เมืองคือเมือง

    ชาติไหนถ้าเข้ามาแล้วมันดีกับเรามันก็ดีทั้งนั้นครับ ยินดีต้อนรับ แต่ถ้าเข้ามาแล้วมันไม่ส่งผลดี ผมคงทำได้แค่แช่งชักหักกระดูกให้เจ๊งขาดทุนย่อยยับกลับไปเท่านั้น

              ขอเล่าเรื่องสิงคโปร์ต่ออีกนิดครับ แล้วมาดูว่าทำไมประเทศเค้าถึงได้ไปไกลกว่าใครในภูมิภาคเรา  ทุนที่น้องสาวผมขอที่มหาวิทยาลัยเค้า มีให้เลือกหลายโปรแกรมครับ ทั้งฟรีเลยหรือจ่ายบางส่วน ส่วนหลักเกณฑ์การคัดเลือกก็เหมือนๆกันทั่วๆไปก็คือ ต้องเรียนดีก่อนครับ ความยากจนหรือความประพฤติ อะไรพวกนั้นมันจะรองๆลงมา ส่วนการใช้คืนทุนที่ขอมา อันนี้น่าสนใจครับ เช่น โปรแกรมที่น้องสาวผมเลือก คือ ลดค่าเล่าเรียนลงครึ่งนึง เงื่อนไขการใช้คืนคือ หลังจากเรียนจบแล้ว ต้องทำงานอยู่ในประเทศสิงคโปร์ 3 ปี โดยไม่ต้องใช้เงินคืนแม้แต่เหรียญเดียว ส่วนโปรแกรมอื่นๆก็ตามสัดส่วนกันไป รายละเอียดยังไม่ได้คุยครับ พอดียุ่งๆกันทั้งคู่ รอกลับมาปลายปีค่อยถามรายละเอียดกันอีกที
   ผมว่าแบบที่ประเทศเค้าทำนี่ดีนะครับ ลงทุนนิดเดียวก็ได้บุคคลมีคุณภาพมาทำงานในประเทศเค้าแล้ว ทั้งคนไทยคนจีน เวียดนาม ฝรั่ง อินเดีย ฯลฯ สมองไหลไปกันเยอะครับ และที่แน่ๆเคสน้องสาวผมคงไม่ได้ขาดดุลให้แค่สิงคโปร์ครับ โดนฟิลิปินส์มาจองไปเป็นสะใภ้แล้วด้วย  :~) ::014::