๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: winok ที่ กันยายน 16, 2014, 09:46:34 PM



หัวข้อ: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: winok ที่ กันยายน 16, 2014, 09:46:34 PM
 ::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
     ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 ) โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ ) และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
     ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว) จะขายในราคาปัจจุบัน ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า
    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร
    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::         


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 16, 2014, 09:56:00 PM
อ่านแล้วมึนตึบ
ตามข้อ1.สัญญายังมีอยู่ น่าจะไปติดต่อยาย ก.ให้ทำการโอนกรรมสิทธิ์ เพราะตามกฎหมายการซื้อขายไม่ผ่านสำนักงานที่ดินถือว่าไม่สมบูรณ์ ยาย ก.เบี้ยวได้
ตามข้อ2.หากทำกินมา26ปีน่าจะครอบครองปรปักษ์ได้ก็ไปร้องศาลโดยให้ผู้ปกครองท้องถิ่นเป็นพยาน
ตามข้อ3.ต้องเป็นไปตามข้อ1-2 งงมั้ยครับ ::005::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: winok ที่ กันยายน 16, 2014, 10:02:41 PM
ตอนนี้เหลือแต่รุ่นลูกแล้วครับ ::004::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 16, 2014, 10:04:19 PM
ตอนนี้เหลือแต่รุ่นลูกแล้วครับ ::004::
ยาย ก. ยังมีชีวิตอยู่มั้ยครับ ถ้าไม่แล้วก็ต้องฟ้องทางแพ่ง กับทายาทต่อ ;D


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: winok ที่ กันยายน 16, 2014, 10:09:11 PM
ไม่อยู่แล้วครับ ถ้าจะให้ที่ดินดำเนินการแก้ไขชื่อได้ไหมครับพี่


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 16, 2014, 10:35:07 PM
ไม่อยู่แล้วครับ ถ้าจะให้ที่ดินดำเนินการแก้ไขชื่อได้ไหมครับพี่
หมดสิทธิ์ครับ ลูกหลานต้องตั้งผู้จัดการมรดกก่อน เรื่องต่อไปค่อยว่ากัน  ;D


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ กันยายน 17, 2014, 07:41:46 AM

 ::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า


ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 )
โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน

โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย
และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ )

และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว

ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
 
ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท
ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว)
จะขายในราคาปัจจุบัน    ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า

    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่

    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร

    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ
       จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้

ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::   

     


55555  เรื่องนี้  ยายว่า  " ขาด "    เป็นคุณกับ เจ้าของเดิม อ่ะ ฮา  555555

คนขาย  คือ ยาย กนก  "ไม่มีกรรมสิทธิ์"  แต่เอาที่ดินของ สามี  มาขาย ในปี 2529 อ่ะ ฮา

คนซื้อ  คือ ยายขวด  จ่ายเงิน แล้ว เข้าครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดิน ทันที
โดยไม่ได้ไป  " จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดิน "  อ่ะ ฮา
ถึงแม้ว่าจะให้กำนัน เซ็นต์รับรองเป็นพยาน   แต่ "กฎหมาย ไม่คุ้มครอง "  อ่ะ ฮา

และต่อมายายขวด  " ให้ " ทีดิน แก่บุตร   หลังจากนั้น ในปี 2557  ลูกยายกนก ฮา
มาแสดงตัว  ขอซื้อที่ดินคืน  แต่ราคายังตกลงกันไม่ได้  อ่ะ ฮา

1. สัญญาเป็น โมฆะ  ใช้บังคับไม่ได้ เพราะกฎหมายระบุ  ต้องไปจดทะเบียนสิทธิ์

2. ครอบครองปรปักษ์  ยายก็คิดว่าไม่ได้  เพราะไม่ตรงข้อเท็จจริง  เวลาไต่  หงายท้องอ่ะ ฮา

3. ยาก  อ่ะ ฮา  แต่มีวิธี คือ  จ่ายเงินเพิ่ม  ให้เขายอมเซ็นต์โอน อ่ะ

5555  หรือไม่ก็  " ยอมรับเงิน "  ในจำนวนที่พอเหมาะ อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ คนสันขวาน ที่ กันยายน 17, 2014, 09:01:48 AM
::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
     ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 ) โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ ) และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
     ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว) จะขายในราคาปัจจุบัน ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า
    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร
    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::         
ก็ยังไม่ต้องเปลี่ยนชื่อสิครับแล้วไปตกลงราคากันก่อนถ้าลูกยาย ก.ซื้อไหวก็เอาเอกสารสิทธิ์คืนให้ไปเลยครับ


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 17, 2014, 09:10:04 AM
สงสัยเอาข้อสอบวิชากฎหมาย ม.1299 มาให้เพื่อนๆหาธงคำตอบให้อ่ะ... ฮา...

นายสมชายไม่ใช่ทนาย แต่ขอตอบแบบมั่วไปก่อนว่าคนที่หลอกขายที่ดินโดยไม่มีกรรมสิทธิ์นี่มีความผิดอาญานะครับ(เป็นวิชาอื่นไม่ใช่วิชากฎหมายแพ่งว่าด้วยทรัพย์ - ขอไม่ตอบนอกวิชา) ดังนั้นเอาเฉพาะเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน/สัญญาซื้อขายที่ดิน...

ตอบข้อ 1) ว่าสัญญาโมฆะเพราะคนขายไม่มีกรรมสิทธิ์ จะเอาไปจดทะเบียนตาม 1299 วรรค 1 ก็ไม่ได้ เพราะวรรคนี้เป็นเรื่องของซื้อขายจากคนที่มีกรรมสิทธิ์แต่ไม่ได้เอาไปเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน ก็คือใช้ยันกับคู่สัญญาได้เท่านั้น แต่ถ้าใครดอดเอาไปเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนแล้ว คนที่ซื้อไปคนแรกจะไม่ได้ที่ดิน(ไปฟ้องแพ่ง/อาญากันอีกวิชาหนึ่ง)...

ตอบข้อ 2 สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ครับ โดยต้องสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ประจักษ์ได้ว่าที่ครอบครองที่ดินแปลงนี้มาตลอดระยะเวลายาวนานเกิน 10 ปีนั้นตั้งใจยึดถือเป็นเจ้าของเอง(ไม่ใช่เช่าที่นา) โดยสงบ(ไม่เคยโดนไล่) และเปิดเผยครับ... ขั้นตอนต้องไปขอคำสั่งศาลก่อน แล้วเอาไปเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน...


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 17, 2014, 09:16:25 AM
ท่านใดไปซื้อที่ดินต่างจังหวัดแล้วไม่ค่อยไปดูแลที่ดินต้องระวังนะครับ... เวลาไปดูที่ดินก็ต้องหาวิธีประกาศความเป็นเจ้าของให้โลกทั้งใบรู้ด้วยว่า ที่ดินนี้เป็นของข้าไม่ใช่ของคนอื่น ใครอย่าแตะ อย่าให้ย้ายเข้ามาอยู่/ทำประโยชน์(แม้แต่ปลูกเพิงหมาแหงน) เพราะเดี๋ยวมันจะได้สิทธิครอบครองซึ่งก็ยุ่งอยู่แหละ... แฮ่ๆ...

ที่ดินเป็นทรัพยากรจำกัดไม่มีเพิ่มขึ้น แต่ประชากรของโลกมีเพิ่มขึ้นทุกวินาที... การได้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงงามๆ ไม่ใช่ว่ามีตังค์อย่างเดียวแล้วจะไล่ซื้อกว้านซื้อได้โดยง่าย ต้องมีจังหวะที่เหมาะสมและมีโชคด้วย จึงสามารถฯ...


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพา ที่ กันยายน 17, 2014, 09:51:27 AM
::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
     ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 ) โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ ) และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
     ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว) จะขายในราคาปัจจุบัน ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า
    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร
    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::         
1. ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน  แต่กรณีนี้ผู้รับโอนได้เข้าครอบครองและยึดถือเพื่อตนแล้ว( เกินหนึ่งปี) ย่อมได้สิทธิครอบครอง
2. ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น  กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ
3. ขอได้มาตามม.1367 กับสำนักงานที่ดินครับ


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 17, 2014, 10:15:48 AM
...
2. ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น  กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ
...

ขอบคุณมากครับ...

นายสมชายอ่านข้ามได้ไง... เย้...


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: winok ที่ กันยายน 17, 2014, 10:56:11 AM
 ::014::ขอบคุณทุกท่านนะครับ บวกทุกท่านครับ ::014::
   สรุป ยังมีทางคือฟ้องครอบครองโดยดำเนินเรื่องที่สนง.ที่ดิน ใช่ไหมครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ กันยายน 17, 2014, 10:56:47 AM

 ::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า


ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 )
โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน

โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย
และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ )

และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว

ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
 
ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท
ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว)
จะขายในราคาปัจจุบัน    ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า

    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่

    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร

    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ
       จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้

ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::    

    

1.    ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน  
       แต่กรณีนี้ผู้รับโอนได้เข้าครอบครองและยึดถือเพื่อตนแล้ว( เกินหนึ่งปี) ย่อมได้สิทธิครอบครอง

2.    ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น  
       กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ

3.    ขอได้มาตามม.1367 กับสำนักงานที่ดินครับ



55555   ยายว่ามัน  ขาดไปหมดแล้ว  ทั้ง "  แพ่ง และ อาญา "  อ่ะ ฮา

เพราะ  การซื้อ - ขายที่ดิน  เขากำหนด ต้องจดทะเบียน

ตอนนี้  สมมุติว่า  เรื่อง  เดินไปถึงศาล  อ่ะ ฮา
ทายาท  นาง กนก  ต้องร้องศาลว่า  ....... ตามข้อเท็จจริงว่า ขาย  แต่ไม่ได้จดทะเบียน ร้องโมฆะ

ทายาท  นางขวด  ยอมรับเป็นการซื้อขาย  และ มีการครอบครองตั้งแต่ต้น

คดีนี้  เกินยี่สิบปี  มันขาด  ทั้งแพ่ง และ อาญา  ไปแล้ว อ่ะ

ศาลจะ  " พิจารณา " อย่างไร  ใครได้เปรียบ  เสียเปรียบ อ่ะฮา

5555  ยายคิดว่า  คนขาย เป็นต่อ  3 เอา สอง อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007::


เพิ่มเติม
  ยายว่า  ถ้าเดินไปที่ดิน  ที่ดินก็  แบะ แบะ อ่ะ ฮา
เขาจะบอกว่า  จดทะเบียนสิทธิ์ให้ไม่ได้อีก  เพราะ ไม่มีอำนาจ อ่ะ ฮา

ที่จดให้ไม่ได้  เพราะมีข้อโต้แย้ง  เรื่องกรรมสิทธิ์  ต้องให็ศาลสั่ง ก่อนอ่ะ ฮา
หรือไม่ก็  ทั้ง เจ้าของกรรมสิทธิ์  คนขาย  คนซื้อ  ต้องไปแสดงตัวต่อหน้า อ่ะ ฮา

เอกสารการขาย  สำเนาบัตร ทะเบียนบ้าน  หนังสือมอบอำนาจ
ถ้ามี  มันก็มีสภาพ  แค่  " กระดาษ ชำระ "  เพราะ หมดอายุ แล้ว อ่ะ ฮา



หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ กันยายน 17, 2014, 12:23:47 PM
...
2. ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น  กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ
...

ขอบคุณมากครับ...

นายสมชายอ่านข้ามได้ไง... เย้...



55555  " กระพริบไฟ  ถี่ๆ    กดแตร  รัวๆ "  อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::



(http://image.ohozaa.com/i/05b/emu0X.gif)(http://image.ohozaa.com/i/05b/emu0X.gif)(http://image.ohozaa.com/i/05b/emu0X.gif)(http://image.ohozaa.com/i/05b/emu0X.gif)


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 17, 2014, 01:54:25 PM
...

เหียก...


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพา ที่ กันยายน 17, 2014, 03:45:38 PM
...
2. ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น  กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ
...

ขอบคุณมากครับ...

นายสมชายอ่านข้ามได้ไง... เย้...

      ::014::  ครับพี่


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oil ที่ กันยายน 17, 2014, 06:33:45 PM
นักกฏหมายเยอะมากครับ


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pvjt ที่ กันยายน 17, 2014, 06:59:04 PM

 ::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า


ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 )
โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน

โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย
และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ )

และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว

ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
 
ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท
ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว)
จะขายในราคาปัจจุบัน    ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า

    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่

    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร

    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ
       จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้

ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::   

     

1.    ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน 
       แต่กรณีนี้ผู้รับโอนได้เข้าครอบครองและยึดถือเพื่อตนแล้ว( เกินหนึ่งปี) ย่อมได้สิทธิครอบครอง

2.    ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น 
       กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ

3.    ขอได้มาตามม.1367 กับสำนักงานที่ดินครับ



55555   ยายว่ามัน  ขาดไปหมดแล้ว  ทั้ง "  แพ่ง และ อาญา "  อ่ะ ฮา

เพราะ  การซื้อ - ขายที่ดิน  เขากำหนด ต้องจดทะเบียน

ตอนนี้  สมมุติว่า  เรื่อง  เดินไปถึงศาล  อ่ะ ฮา
ทายาท  นาง กนก  ต้องร้องศาลว่า  ....... ตามข้อเท็จจริงว่า ขาย  แต่ไม่ได้จดทะเบียน ร้องโมฆะ

ทายาท  นางขวด  ยอมรับเป็นการซื้อขาย  และ มีการครอบครองตั้งแต่ต้น

คดีนี้  เกินยี่สิบปี  มันขาด  ทั้งแพ่ง และ อาญา  ไปแล้ว อ่ะ

ศาลจะ  " พิจารณา " อย่างไร  ใครได้เปรียบ  เสียเปรียบ อ่ะฮา

5555  ยายคิดว่า  คนขาย เป็นต่อ  3 เอา สอง อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007::


เพิ่มเติม
  ยายว่า  ถ้าเดินไปที่ดิน  ที่ดินก็  แบะ แบะ อ่ะ ฮา
เขาจะบอกว่า  จดทะเบียนสิทธิ์ให้ไม่ได้อีก  เพราะ ไม่มีอำนาจ อ่ะ ฮา

ที่จดให้ไม่ได้  เพราะมีข้อโต้แย้ง  เรื่องกรรมสิทธิ์  ต้องให็ศาลสั่ง ก่อนอ่ะ ฮา
หรือไม่ก็  ทั้ง เจ้าของกรรมสิทธิ์  คนขาย  คนซื้อ  ต้องไปแสดงตัวต่อหน้า อ่ะ ฮา

เอกสารการขาย  สำเนาบัตร ทะเบียนบ้าน  หนังสือมอบอำนาจ
ถ้ามี  มันก็มีสภาพ  แค่  " กระดาษ ชำระ "  เพราะ หมดอายุ แล้ว อ่ะ ฮา



ยายให้ต่อ3เอา1     แต่ผมให้ทายาท ยาย ก.เป็นต่อ5เอา1 ;D  

1.ดับเบิ้ลโมฆะ  อย่าว่าแต่เรื่องจด..สนง.ที่ดิน  แต่รวมถึงยาย ก.และบุตรซึ่งตอนนั้นคงเป็นผู้เยาว์  ไม่มีสิทธิไปขายที่ของสามีแกอยู่แล้ว
2.ตามนั้น  นส3 คงไม่ได้
3.เห็นว่ายาย ก. เสียชีวิตแล้ว  แต่ถ้าสามียังอยู่จะเชียร์ให้ฟ้องเอาที่คืน  หรือทายาทยาย ก.ก็ควรเอาที่คืนได้.  ม.1367เวลาขึ้นศาลเห็นอ้างกันเยอะ  คงฟังไม่ขึ้น :)


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ กันยายน 17, 2014, 07:06:32 PM

 ::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า


ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 )
โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน

โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย
และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ )

และที่ดินเป็นนส. 3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียว

ยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
 
ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท
ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว)
จะขายในราคาปัจจุบัน    ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า

    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่

    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร

    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ
       จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้

ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::   

     

1.    ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน 
       แต่กรณีนี้ผู้รับโอนได้เข้าครอบครองและยึดถือเพื่อตนแล้ว( เกินหนึ่งปี) ย่อมได้สิทธิครอบครอง

2.    ครอบครองปรปักษ์มีได้เฉพาะที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์คือโฉนดเท่านั้น 
       กรณีนี้มีเพียงสิทธิครอบครองร้องปรปักษ์ไม่ได้ครับ

3.    ขอได้มาตามม.1367 กับสำนักงานที่ดินครับ



55555   ยายว่ามัน  ขาดไปหมดแล้ว  ทั้ง "  แพ่ง และ อาญา "  อ่ะ ฮา

เพราะ  การซื้อ - ขายที่ดิน  เขากำหนด ต้องจดทะเบียน

ตอนนี้  สมมุติว่า  เรื่อง  เดินไปถึงศาล  อ่ะ ฮา
ทายาท  นาง กนก  ต้องร้องศาลว่า  ....... ตามข้อเท็จจริงว่า ขาย  แต่ไม่ได้จดทะเบียน ร้องโมฆะ

ทายาท  นางขวด  ยอมรับเป็นการซื้อขาย  และ มีการครอบครองตั้งแต่ต้น

คดีนี้  เกินยี่สิบปี  มันขาด  ทั้งแพ่ง และ อาญา  ไปแล้ว อ่ะ

ศาลจะ  " พิจารณา " อย่างไร  ใครได้เปรียบ  เสียเปรียบ อ่ะฮา

5555  ยายคิดว่า  คนขาย เป็นต่อ  3 เอา สอง อ่ะ ฮา 5555 ::007:: ::007:: ::007::


เพิ่มเติม
  ยายว่า  ถ้าเดินไปที่ดิน  ที่ดินก็  แบะ แบะ อ่ะ ฮา
เขาจะบอกว่า  จดทะเบียนสิทธิ์ให้ไม่ได้อีก  เพราะ ไม่มีอำนาจ อ่ะ ฮา

ที่จดให้ไม่ได้  เพราะมีข้อโต้แย้ง  เรื่องกรรมสิทธิ์  ต้องให็ศาลสั่ง ก่อนอ่ะ ฮา
หรือไม่ก็  ทั้ง เจ้าของกรรมสิทธิ์  คนขาย  คนซื้อ  ต้องไปแสดงตัวต่อหน้า อ่ะ ฮา

เอกสารการขาย  สำเนาบัตร ทะเบียนบ้าน  หนังสือมอบอำนาจ
ถ้ามี  มันก็มีสภาพ  แค่  " กระดาษ ชำระ "  เพราะ หมดอายุ แล้ว อ่ะ ฮา




ยายให้ต่อ3เอา1     แต่ผมให้ทายาท ยาย ก.เป็นต่อ5เอา1 ;D 

1.   ดับเบิ้ลโมฆะ  อย่าว่าแต่เรื่องจด..สนง.ที่ดิน  แต่รวมถึงยาย ก.และบุตรซึ่งตอนนั้นคงเป็นผู้เยาว์ 
      ไม่มีสิทธิไปขายที่ของสามีแกอยู่แล้ว


2.   ตามนั้น  นส3 คงไม่ได้

3.   เห็นว่ายาย ก. เสียชีวิตแล้ว  แต่ถ้าสามียังอยู่จะเชียร์ให้ฟ้องเอาที่คืน 
       หรือทายาทยาย ก.ก็ควรเอาที่คืนได้.  ม.1367เวลาขึ้นศาลเห็นอ้างกันเยอะ  คงฟังไม่ขึ้น :)





5555  เฮ้ยพี่   pvjt  ยายต่อแค่  "  สาม เอา สอง "  แค่นั้น อ่ะ ฮา  55555

กะว่าจะมีใคร  เผลอ "  กระพริบไฟ ถี่ๆ   กดแตร รัวๆ "   อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::

ถ้าอย่างนี้  เปลี่ยนใหม่   " ร้อย นุงส์  เอา ขี้หมา เปียก "  กองเดียว อ่ะ ฮา

55555  ต้องเอา  " มือหยิบ "  ถ่ายรูป ลง เฟส  เป็นหลักฐาน  ด้วย อ่ะ ฮา   ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mrwhite ที่ กันยายน 17, 2014, 07:22:54 PM
::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
     ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 ) โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ ) และที่ดินเป็นนส.3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียวยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
     ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว) จะขายในราคาปัจจุบัน ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า
    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร
    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::        
ไปค้นในเนตมา สงสัยนิดนึง ตอนนี้ลูกคนที่6อายุครบ20ปีหรือยัง ถ้ายังก็จะเป็นสัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข คือมาจดทะเบียนโอนกันภายหลังได้ สัญญายังไม่โมฆะครับ  ;D


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ กันยายน 17, 2014, 07:31:54 PM



::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
     ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 ) โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ ) และที่ดินเป็นนส.3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียวยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
     ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว) จะขายในราคาปัจจุบัน ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า
    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร
    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::         


ไปค้นในเนตมา สงสัยนิดนึง ตอนนี้ลูกคนที่6อายุครบ20ปีหรือยัง
ถ้ายังก็จะเป็นสัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข
คือมาจดทะเบียนโอนกันภายหลังได้ สัญญายังไม่โมฆะครับ  ;D



555555  เออ  พี่ ไว้ท์   เจ๋ง  อ่ะ ฮา 5555555

เข้าข่าย  "นิติกรรม อำพราง " หรือ เปล่า อ่ะ ฮา 55555

ยายว่า ไม่ใช่  เพราะ  ลูกคนที่หก มัน  "ไม่ใช่ เจ้าของทรัพย์ " อ่ะ ฮา

ลองดู  " ประเด็น " อื่นๆ บ้างอ่ะ ฮา

5555  พวกเรา  " ทะแนะ " ก็คุยแบบสนุก  สับเพเหระ  อ่ะ ฮา  ::007:: ::007:: ::007::



หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: araki-รักในหลวง ที่ กันยายน 17, 2014, 07:46:30 PM

5555  พวกเรา  " ทะแนะ " ก็คุยแบบสนุก  สับเพเหระ  อ่ะ ฮา  ::007:: ::007:: ::007::


[/quote]

ล้อฟรีเลยนะยาย ;D
ผมเข้ามาหาความรู้ครับ  ทะแนะเคยเป็นแล้วเพื่อนด่าเสีย...เลย
เข็ดแล้วครับ ทะแนะเนี่ย ดีไม่เสียหายใหญ่โต
    araki


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ กันยายน 17, 2014, 08:28:22 PM

5555  พวกเรา  " ทะแนะ " ก็คุยแบบสนุก  สับเพเหระ  อ่ะ ฮา  ::007:: ::007:: ::007::



ล้อฟรีเลยนะยาย ;D
ผมเข้ามาหาความรู้ครับ  ทะแนะเคยเป็นแล้วเพื่อนด่าเสีย...เลย
เข็ดแล้วครับ ทะแนะเนี่ย ดีไม่เสียหายใหญ่โต
    araki

[/quote]



555555  พี่ araki  มาเจาะแจ๊ะ  กับยายมาก  โดน " -2 "  แล้วอ่ะ ฮา 555555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pvjt ที่ กันยายน 17, 2014, 08:55:29 PM
::014:: คืออยากจะสอบถามถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่า
     ยาย ก. ได้มาขอให้ยาย ข. ช่วยซื้อที่ดินในราคา  26,000 บาท ( ปี 2529 ) โดยได้ทำสัญญาซื้อขายกันเองโดยให้กำนันเป็นคนเขียน โดยเขียนให้ยาย ก. กับลูกอีก 6 คน เป็นผู้ขาย และจะโอนให้เมื่อลูกคนที่ 6 อายุครบ 20 ปี ( คนสมัยก่อนความรู้น้อยครับ ) และที่ดินเป็นนส.3 ครับ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือสามีของยาย ก. คนเดียวยาย ข. จึงรับซื้อไว้ (น่าจะแบบงงๆ) และใช้ทำนามาจนถึงปัจจุบัน
     ปัจจุบัน ลูกคนสุดท้องของยาย ก.ได้มาขอซื้อคืนในราคา 50,000 บาท ลูกของยาย ข. ไม่ยอมขาย(ที่ดินนั้นยาย ข.ได้ยกให้ลูกของตัวเองไปแล้ว) จะขายในราคาปัจจุบัน ซึ่งลูกของยาย ก.ก็จะซื้อ แต่ยังไม่ตกลงราคากัน อยากจะถามว่า
    1. สัญญานั้นเป็นโมฆะหรือไม่
    2. ถ้าจะฟ้องครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร
    3. ตอนนี้ที่ดินนั้นยังมีชื่อสามีของยาย ก. เป็นเจ้าของ จะทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นชื่อลูกของยาย ข.ได้
ขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยเหลือครับ ::014::         
ไปค้นในเนตมา สงสัยนิดนึง ตอนนี้ลูกคนที่6อายุครบ20ปีหรือยัง ถ้ายังก็จะเป็นสัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข คือมาจดทะเบียนโอนกันภายหลังได้ สัญญายังไม่โมฆะครับ  ;D

ถ้าจะยกมาตรา456วรรค2 ต้องดูว่ายาย ก.กับบุตร มีสิทธิทำสัญญาหรือไม่ :)


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ กันยายน 17, 2014, 10:05:29 PM
1 ประเด็นแรกสุด ที่ดินแปลงนี้ เป็นที่ดิน นส.3 เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง ไม่มีกรรมสิทธิ์
2 สัญญาซื้อขายโมฆะในแง่ทรัพยสิทธิ เพราะสัญญาผิดแบบ แต่สมบูรณ์ในแง่บุคคลสิทธิ คือ บังคับได้ระหว่างคู่สัญญา แต่ไม่มีผลกับบุคคลภายนอก
3 ที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครอง ผู้ครอบครองที่ยึดถือเพื่อตน มีสิทธิดีกว่าผู้อื่น
4 หากมีผู้แย่งการครอบครอง เจ้าของจะต้องฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี มิฉะนั้น ขาดอายุความฟ้องเรียกคืนการครอบครอง
ที่ว่ามา คือหลักกฎหมาย แล้วปรับข้อเท็จจริงตามหลักดังกล่าว

ถ้าจะบรรยายเรื่องสิทธิครอบครอง และกรรมสิทธิ์ในที่ดิน กับเรื่องทรัพยสิทธิและบุคคลสิทธิ ว่ากันยาววววววเลยครับ


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: araki-รักในหลวง ที่ กันยายน 17, 2014, 10:20:10 PM

5555  พวกเรา  " ทะแนะ " ก็คุยแบบสนุก  สับเพเหระ  อ่ะ ฮา  ::007:: ::007:: ::007::



ล้อฟรีเลยนะยาย ;D
ผมเข้ามาหาความรู้ครับ  ทะแนะเคยเป็นแล้วเพื่อนด่าเสีย...เลย
เข็ดแล้วครับ ทะแนะเนี่ย ดีไม่เสียหายใหญ่โต
    araki




555555  พี่ araki  มาเจาะแจ๊ะ  กับยายมาก  โดน " -2 "  แล้วอ่ะ ฮา 555555 ::007:: ::007:: ::007::
[/quote]
             
         เป็นเรื่องเข้าใจผิดมั้งยาย การตัดสินในโลกไซเบอร์มันก็เป็นแบบนี้  ความจริงก็คือความจริง
คุณประยุทธ บอกว่าใครทำผิดก็ว่ากันไปตามกฏหมายไม่ว่าจะฝ่ายไหน แต่ไม่ใช่เหมารวมเพื่อปิดคดี
บ้านเมืองถึงจะปลอดภัย  สงครามกลางเมืองถ้าเกิดขึ้น ก็จะรู้กันว่ามันโหดร้ายกว่าที่คิดนัก ตัวอย่างก็มีให้ดูในภูมิภาคอื่น
ผมว่ายายเดาได้ว่าเป้าของผมคือพวกไหน ตอนนั้นนะ ผมกำหนดเป้าหมายแล้ว  บ้านเมืองนะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดไม่ต้องไปดึงฟ้ามาอ้าง
คนไทยจริงๆ ต้องรู้หน้าที่   
 ::014:: อ้าวขอโทษเจ้าของกระทู้และผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมายทุกท่านครับ
            araki



         


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 18, 2014, 01:32:18 AM
1 ประเด็นแรกสุด ที่ดินแปลงนี้ เป็นที่ดิน นส.3 เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง ไม่มีกรรมสิทธิ์
2 สัญญาซื้อขายโมฆะในแง่ทรัพยสิทธิ เพราะสัญญาผิดแบบ แต่สมบูรณ์ในแง่บุคคลสิทธิ คือ บังคับได้ระหว่างคู่สัญญา แต่ไม่มีผลกับบุคคลภายนอก
3 ที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครอง ผู้ครอบครองที่ยึดถือเพื่อตน มีสิทธิดีกว่าผู้อื่น
4 หากมีผู้แย่งการครอบครอง เจ้าของจะต้องฟ้องเรียกคืนภายใน 1 ปี มิฉะนั้น ขาดอายุความฟ้องเรียกคืนการครอบครอง
ที่ว่ามา คือหลักกฎหมาย แล้วปรับข้อเท็จจริงตามหลักดังกล่าว

ถ้าจะบรรยายเรื่องสิทธิครอบครอง และกรรมสิทธิ์ในที่ดิน กับเรื่องทรัพยสิทธิและบุคคลสิทธิ ว่ากันยาววววววเลยครับ

เยี่ยมเลยครับท่าน yutthakarn   ::002::  +

ถ้าทำสัญญาว่าจะขายคืนกันเป็นสิบยี่สิบปีได้ คงวุ่นวายพิลึก ผมว่ามั่วกันเกินไปครับ เดี๋ยวก็มีคนขายอ้างว่าลูกไม่ยอม ผัวไม่ยอม ปู่ไม่ยอม 55

คนเรานี่ก็แปลก ทำยังกะหนังไทย ละครไทยไปได้ ตกลงจะให้ลูกแต่งกันตอนโต เด็กมันจะเอาด้วยรึเปล่า คงมีแต่ในละครเท่านั้น  ::007::



หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 18, 2014, 01:41:49 AM
ที่เคยได้ยิน แบบหลายๆปี เช่น หุ้นกันซื้อหรือรับขายฝากที่ดิน(กรณีที่หลุดมา) ก็เก็บไว้ร่วมกัน แบบเพื่อนแชร์กัน รับไว้ลงกันสัดส่วนเท่าไหร่50-50  60-40 ..ฯ

ผ่านไปนานนับสิบปี เวลาขายที่ได้ เค้าก็แบ่งกัน ไม่รู้เค้าใช้สัญญาแบบไหน ลืมถามครับ  ;D

ประเภทขายไปแล้ว เขียนสัญญาบอกจะขอซื้อคืนอีก20ปีเนี่ย มันพิลึกพิลั่นมากครับ บางที่20ปีก่อนไร่3หมื่น  ปัจจุบันไร่30ล้าน ใครจะขายคืน3หมื่นละ จะบ้าเหรอ  ::005::





หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Yoshiki_Silencer - รักในหลวง ที่ กันยายน 18, 2014, 03:42:36 PM
ขอเสนอข้อกฎหมายในอีกแง่มุมหนึ่งนะครับ

   ประเด็นแรก  ยาย ก. มีสิทธิขายที่ดินหรือไม่

          -   ตามที่ยกตัวอย่างเมื่อที่ดินเป็นชื่อสามียาย ก. ดังนั้นถ้ามองเผิน ๆ ยาย ก. ไม่น่ามีสิทธิขายที่ดินใช่ไหมครับ
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ายาย ก. กับสามียาย ก. เป็นสามีภรรยากัน และภายหลังการซื้อขาย ยาย ข. ก็เข้าครอบ
ครองที่ดินมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ดังนั้นตามความเป็นจริงสามียาย ก. ก็น่าจะรู้เห็นในการซื้อขายที่ดินกัน
และได้ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อมาถึง 30 ปี โดยไม่ได้ขัดขวาง หรือทักท้วงในการที่ ยาย ข. เข้าครอบครองที่ดินมาโดย
ตลอด ดังนั้นในทางกฎหมายจึงน่าจะถือว่าสามียาย ก. ได้เชิดยาย ก. เป็นตัวแทนในการขายที่ดินหรือรู้แล้วยินยอม
ให้ยาย ก. เชิดตนเองเป็นตัวแทนครับ ดังนั้นสามียาย ก. จึงถูกกฎหมายปิดปากให้ต้องรับผิดในการการกระทำของ
ยาย ก. ตามหลักตัวแทนเชิดครับ (ดูประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821)

ประเด็นที่สอง การซื้อขายกันเป็นโมฆะหรือไม่

          -   ผมมองว่าในขณะที่ทำสัญญาซื้อขายกันมีข้อตกลงกันว่าจะโอนที่ดินให้เมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี
ดังนั้นตามเจตนาของคู่กรณีจึงไม่ได้มีเจตนาจะซื้อขายกันให้เสร็จเด็ดขาดกันในตอนนั้น แต่จะไปทำการโอนกันอีก
ครั้งหนึ่งเมื่อลูกยาย ก. มีอายุ 20 ปี ดังนั้นสัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญา
ซื้อขายเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ตกเป็นโมฆะครับ

          -   ผลต่อมาเมื่อเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย  ดังนั้นการที่ ยาย ข. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินจึงเป็นการครอบ
ครองแทนเจ้าของที่แท้จริงในระหว่างรอการโอนเมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี เท่านั้น จึงถือว่า ยาย ข.
ไม่ได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนตาม ป.พ.พ.1367 จึงไม่สามารถร้องขอให้เปลี่ยนชื่อใน น.ส.3
ให้เป็นของตนได้แม้จะได้ครอบครองครบ 1 ปีแล้ว  (ป.พ.พ.1374) และยิ่งไม่สามารถร้องขอครอบครองปรปักษ์ได้
เพราะที่ดิน น.ส.3 มีแค่สิทธิครอบครองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ครับ

ประเด็นที่สาม ทางออกในกรณีนี้
         
         -   เจรจากับทายาทของยาย ก. ได้จะดีที่สุดครับคดีจะได้ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ถ้า
ตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะฟ้องสามีของ ยาย ก. ให้รับผิดตามหลักตัวแทนเชิด แต่ถ้าสามีของ ยาย ก. เสียชีวิตไปแล้วก็
คงต้องฟ้องกองมรดกของสามียาย ก. ให้โอนที่ดินให้แก่ทายาทของ ยาย ข. ครับ

          ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า  ::014::



หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 18, 2014, 04:54:32 PM
โห... กระทู้นี้มีท่านอัยการเข้ามาช่วยตอบอย่างน้อยตั้ง 2 ท่าน(เฉพาะเท่าที่ทราบ)...

ขอบพระคุณแทน จขกท. ครับ... เย้...


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: winok ที่ กันยายน 19, 2014, 01:11:58 PM
 ::014::ขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับที่กรุณาให้คำแนะนำมา ::014::



ขอเสนอข้อกฎหมายในอีกแง่มุมหนึ่งนะครับ

   ประเด็นแรก  ยาย ก. มีสิทธิขายที่ดินหรือไม่

          -   ตามที่ยกตัวอย่างเมื่อที่ดินเป็นชื่อสามียาย ก. ดังนั้นถ้ามองเผิน ๆ ยาย ก. ไม่น่ามีสิทธิขายที่ดินใช่ไหมครับ
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ายาย ก. กับสามียาย ก. เป็นสามีภรรยากัน และภายหลังการซื้อขาย ยาย ข. ก็เข้าครอบ
ครองที่ดินมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ดังนั้นตามความเป็นจริงสามียาย ก. ก็น่าจะรู้เห็นในการซื้อขายที่ดินกัน
และได้ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อมาถึง 30 ปี โดยไม่ได้ขัดขวาง หรือทักท้วงในการที่ ยาย ข. เข้าครอบครองที่ดินมาโดย
ตลอด ดังนั้นในทางกฎหมายจึงน่าจะถือว่าสามียาย ก. ได้เชิดยาย ก. เป็นตัวแทนในการขายที่ดินหรือรู้แล้วยินยอม
ให้ยาย ก. เชิดตนเองเป็นตัวแทนครับ ดังนั้นสามียาย ก. จึงถูกกฎหมายปิดปากให้ต้องรับผิดในการการกระทำของ
ยาย ก. ตามหลักตัวแทนเชิดครับ (ดูประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821)

ประเด็นที่สอง การซื้อขายกันเป็นโมฆะหรือไม่

          -   ผมมองว่าในขณะที่ทำสัญญาซื้อขายกันมีข้อตกลงกันว่าจะโอนที่ดินให้เมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี
ดังนั้นตามเจตนาของคู่กรณีจึงไม่ได้มีเจตนาจะซื้อขายกันให้เสร็จเด็ดขาดกันในตอนนั้น แต่จะไปทำการโอนกันอีก
ครั้งหนึ่งเมื่อลูกยาย ก. มีอายุ 20 ปี ดังนั้นสัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญา
ซื้อขายเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ตกเป็นโมฆะครับ

          -   ผลต่อมาเมื่อเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย  ดังนั้นการที่ ยาย ข. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินจึงเป็นการครอบ
ครองแทนเจ้าของที่แท้จริงในระหว่างรอการโอนเมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี เท่านั้น จึงถือว่า ยาย ข.
ไม่ได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนตาม ป.พ.พ.1367 จึงไม่สามารถร้องขอให้เปลี่ยนชื่อใน น.ส.3
ให้เป็นของตนได้แม้จะได้ครอบครองครบ 1 ปีแล้ว  (ป.พ.พ.1374) และยิ่งไม่สามารถร้องขอครอบครองปรปักษ์ได้
เพราะที่ดิน น.ส.3 มีแค่สิทธิครอบครองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ครับ

ประเด็นที่สาม ทางออกในกรณีนี้
          
         -   เจรจากับทายาทของยาย ก. ได้จะดีที่สุดครับคดีจะได้ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ถ้า
ตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะฟ้องสามีของ ยาย ก. ให้รับผิดตามหลักตัวแทนเชิด แต่ถ้าสามีของ ยาย ก. เสียชีวิตไปแล้วก็
คงต้องฟ้องกองมรดกของสามียาย ก. ให้โอนที่ดินให้แก่ทายาทของ ยาย ข. ครับ

          ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า  ::014::


จากข้อความข้างบนนะครับ สามียาย ก. เสียชีวิตก่อนทำสัญญา ตอนนี้ยาย ก. เสียชีวิตแล้ว ลูกของยาย ก. เขาจะมาขอซื้อคืนในราคาแค่ 50,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าเขาซื้อไปขายต่อ (ราคาตอนนี้หลายแสน)  และพวกเขาก็ใช้วิธีนี้กับยาย ข.มาสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ทางลูกของยาย ข.รู้เลยไม่ยอมเพราะเสียโง่มาสองครั้งแล้ว แต่จะขายให้ได้ในราคาปัจจุบันเท่านั้น ส่วนที่ดินนั้นตอนนี้ลูกของยาย ข. ได้ทำนาอยู่มานานแล้ว (28 ปี) ได้ข่าวว่าตอนนี้ทางยาย ข.ได้เปรียบอยู่ครับ
            แล้วจะมารายงานสถานการณ์ให้ทราบต่อไปครับ ::014::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ กันยายน 19, 2014, 02:11:25 PM
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นะครับ   ขอสอบถามเพื่อความรู้ครับ
กรณีที่ ยาย ก ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดิน นส.3 แปลงนี้  และ บุตรทั้งหมดของยาย ก ทั้ง 6 คน ก็ไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองบุตรตามกฎหมายของสามี ยาย ก  ระหว่าง ยาย ก กับบุตรทั้ง 6 คน ที่เกิดกับสามีคนนี้  ใครมีสิทธิเป็นทายาทตามกฎหมายกับที่ดินแปลงนี้มากกว่ากัน ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pvjt ที่ กันยายน 19, 2014, 02:23:26 PM
::014::ขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับที่กรุณาให้คำแนะนำมา ::014::



ขอเสนอข้อกฎหมายในอีกแง่มุมหนึ่งนะครับ

   ประเด็นแรก  ยาย ก. มีสิทธิขายที่ดินหรือไม่

          -   ตามที่ยกตัวอย่างเมื่อที่ดินเป็นชื่อสามียาย ก. ดังนั้นถ้ามองเผิน ๆ ยาย ก. ไม่น่ามีสิทธิขายที่ดินใช่ไหมครับ
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ายาย ก. กับสามียาย ก. เป็นสามีภรรยากัน และภายหลังการซื้อขาย ยาย ข. ก็เข้าครอบ
ครองที่ดินมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ดังนั้นตามความเป็นจริงสามียาย ก. ก็น่าจะรู้เห็นในการซื้อขายที่ดินกัน
และได้ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อมาถึง 30 ปี โดยไม่ได้ขัดขวาง หรือทักท้วงในการที่ ยาย ข. เข้าครอบครองที่ดินมาโดย
ตลอด ดังนั้นในทางกฎหมายจึงน่าจะถือว่าสามียาย ก. ได้เชิดยาย ก. เป็นตัวแทนในการขายที่ดินหรือรู้แล้วยินยอม
ให้ยาย ก. เชิดตนเองเป็นตัวแทนครับ ดังนั้นสามียาย ก. จึงถูกกฎหมายปิดปากให้ต้องรับผิดในการการกระทำของ
ยาย ก. ตามหลักตัวแทนเชิดครับ (ดูประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821)

ประเด็นที่สอง การซื้อขายกันเป็นโมฆะหรือไม่

          -   ผมมองว่าในขณะที่ทำสัญญาซื้อขายกันมีข้อตกลงกันว่าจะโอนที่ดินให้เมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี
ดังนั้นตามเจตนาของคู่กรณีจึงไม่ได้มีเจตนาจะซื้อขายกันให้เสร็จเด็ดขาดกันในตอนนั้น แต่จะไปทำการโอนกันอีก
ครั้งหนึ่งเมื่อลูกยาย ก. มีอายุ 20 ปี ดังนั้นสัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญา
ซื้อขายเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ตกเป็นโมฆะครับ

          -   ผลต่อมาเมื่อเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย  ดังนั้นการที่ ยาย ข. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินจึงเป็นการครอบ
ครองแทนเจ้าของที่แท้จริงในระหว่างรอการโอนเมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี เท่านั้น จึงถือว่า ยาย ข.
ไม่ได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนตาม ป.พ.พ.1367 จึงไม่สามารถร้องขอให้เปลี่ยนชื่อใน น.ส.3
ให้เป็นของตนได้แม้จะได้ครอบครองครบ 1 ปีแล้ว  (ป.พ.พ.1374) และยิ่งไม่สามารถร้องขอครอบครองปรปักษ์ได้
เพราะที่ดิน น.ส.3 มีแค่สิทธิครอบครองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ครับ

ประเด็นที่สาม ทางออกในกรณีนี้
         
         -   เจรจากับทายาทของยาย ก. ได้จะดีที่สุดครับคดีจะได้ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ถ้า
ตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะฟ้องสามีของ ยาย ก. ให้รับผิดตามหลักตัวแทนเชิด แต่ถ้าสามีของ ยาย ก. เสียชีวิตไปแล้วก็
คงต้องฟ้องกองมรดกของสามียาย ก. ให้โอนที่ดินให้แก่ทายาทของ ยาย ข. ครับ

          ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า  ::014::


จากข้อความข้างบนนะครับ สามียาย ก. เสียชีวิตก่อนทำสัญญา ตอนนี้ยาย ก. เสียชีวิตแล้ว ลูกของยาย ก. เขาจะมาขอซื้อคืนในราคาแค่ 50,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าเขาซื้อไปขายต่อ (ราคาตอนนี้หลายแสน)  และพวกเขาก็ใช้วิธีนี้กับยาย ข.มาสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ทางลูกของยาย ข.รู้เลยไม่ยอมเพราะเสียโง่มาสองครั้งแล้ว แต่จะขายให้ได้ในราคาปัจจุบันเท่านั้น ส่วนที่ดินนั้นตอนนี้ลูกของยาย ข. ได้ทำนาอยู่มานานแล้ว (28 ปี) ได้ข่าวว่าตอนนี้ทางยาย ข.ได้เปรียบอยู่ครับ
            แล้วจะมารายงานสถานการณ์ให้ทราบต่อไปครับ ::014::

..ชัดเจนทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่คุณwinokกล่าวเพิ่ม
..ราคาตีกลับเป็นลูกยาย ข.ได้เปรียบ10เอา1      :)


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: บูรพา ที่ กันยายน 19, 2014, 09:40:22 PM
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นะครับ   ขอสอบถามเพื่อความรู้ครับ
กรณีที่ ยาย ก ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดิน นส.3 แปลงนี้  และ บุตรทั้งหมดของยาย ก ทั้ง 6 คน ก็ไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองบุตรตามกฎหมายของสามี ยาย ก  ระหว่าง ยาย ก กับบุตรทั้ง 6 คน ที่เกิดกับสามีคนนี้  ใครมีสิทธิเป็นทายาทตามกฎหมายกับที่ดินแปลงนี้มากกว่ากัน ครับ  ::014::
ทรัพย์สินที่สามีภริยา(ไม่จดทะเบียน)ซื้อมาจะไม่เป็นสินสมรสครับแต่จะเป็นเจ้าของร่วมแบ่งกันแบบหุ้นส่วนและต่างฝ่ายไม่มีสิทธิรับมรดกระหว่างกัน  แต่บุตรที่เกิดมาจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายหญิงและเป็นบุตรนอกสมรสของฝ่ายชาย   ส่วนสิทธิในการรับมรดกนั้นบุตรนอกสมรสฝ่ายชายรับได้ครับถ้าบิดายอมรับเป็นบุตรโดยแสดงให้ปรากฎในข้อเท็จจริงเช่น ให้ใช้นามสกุล  ส่งเสียเลี้ยงดู/ส่งเรียน  ฯลฯ


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: p23-504 รักในหลวง ที่ กันยายน 19, 2014, 11:16:35 PM

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้นะครับ   ขอสอบถามเพื่อความรู้ครับ
กรณีที่ ยาย ก ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับสามีซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดิน นส.3 แปลงนี้  และ บุตรทั้งหมดของยาย ก ทั้ง 6 คน ก็ไม่ได้มีการจดทะเบียนรับรองบุตรตามกฎหมายของสามี ยาย ก  ระหว่าง ยาย ก กับบุตรทั้ง 6 คน ที่เกิดกับสามีคนนี้  ใครมีสิทธิเป็นทายาทตามกฎหมายกับที่ดินแปลงนี้มากกว่ากัน ครับ  ::014::
ทรัพย์สินที่สามีภริยา(ไม่จดทะเบียน)ซื้อมาจะไม่เป็นสินสมรสครับแต่จะเป็นเจ้าของร่วมแบ่งกันแบบหุ้นส่วนและต่างฝ่ายไม่มีสิทธิรับมรดกระหว่างกัน  แต่บุตรที่เกิดมาจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายหญิงและเป็นบุตรนอกสมรสของฝ่ายชาย   ส่วนสิทธิในการรับมรดกนั้นบุตรนอกสมรสฝ่ายชายรับได้ครับถ้าบิดายอมรับเป็นบุตรโดยแสดงให้ปรากฎในข้อเท็จจริงเช่น ให้ใช้นามสกุล  ส่งเสียเลี้ยงดู/ส่งเรียน  ฯลฯ
แสดงว่า ยาย ก จะไม่มีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกในที่ดินแปลงนี้ เพราะตัวเองมีสิทธิอยู่ครึ่งเดียว  ส่วนลูกทั้ง 6 คน  สามารถยินยอมให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้  เพราะได้สิทธิทั้งเป็นลูกพ่อและลูกแม่  ผมเข้าใจถูกไหมครับ  ที่ขอความรู้เพราะมีคนในครอบครัวเข้าไปมีส่วนในมรดกคล้ายๆกันนี้ครับ  ขอบคุณครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: ขอความอนุเคราะห์จากนักกฎหมายทั้งหลายหน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Yoshiki_Silencer - รักในหลวง ที่ กันยายน 20, 2014, 11:21:30 PM
::014::ขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับที่กรุณาให้คำแนะนำมา ::014::



ขอเสนอข้อกฎหมายในอีกแง่มุมหนึ่งนะครับ

   ประเด็นแรก  ยาย ก. มีสิทธิขายที่ดินหรือไม่

          -   ตามที่ยกตัวอย่างเมื่อที่ดินเป็นชื่อสามียาย ก. ดังนั้นถ้ามองเผิน ๆ ยาย ก. ไม่น่ามีสิทธิขายที่ดินใช่ไหมครับ
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ายาย ก. กับสามียาย ก. เป็นสามีภรรยากัน และภายหลังการซื้อขาย ยาย ข. ก็เข้าครอบ
ครองที่ดินมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ดังนั้นตามความเป็นจริงสามียาย ก. ก็น่าจะรู้เห็นในการซื้อขายที่ดินกัน
และได้ปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อมาถึง 30 ปี โดยไม่ได้ขัดขวาง หรือทักท้วงในการที่ ยาย ข. เข้าครอบครองที่ดินมาโดย
ตลอด ดังนั้นในทางกฎหมายจึงน่าจะถือว่าสามียาย ก. ได้เชิดยาย ก. เป็นตัวแทนในการขายที่ดินหรือรู้แล้วยินยอม
ให้ยาย ก. เชิดตนเองเป็นตัวแทนครับ ดังนั้นสามียาย ก. จึงถูกกฎหมายปิดปากให้ต้องรับผิดในการการกระทำของ
ยาย ก. ตามหลักตัวแทนเชิดครับ (ดูประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821)

ประเด็นที่สอง การซื้อขายกันเป็นโมฆะหรือไม่

          -   ผมมองว่าในขณะที่ทำสัญญาซื้อขายกันมีข้อตกลงกันว่าจะโอนที่ดินให้เมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี
ดังนั้นตามเจตนาของคู่กรณีจึงไม่ได้มีเจตนาจะซื้อขายกันให้เสร็จเด็ดขาดกันในตอนนั้น แต่จะไปทำการโอนกันอีก
ครั้งหนึ่งเมื่อลูกยาย ก. มีอายุ 20 ปี ดังนั้นสัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญา
ซื้อขายเสร็จเด็ดขาดจึงไม่ตกเป็นโมฆะครับ

          -   ผลต่อมาเมื่อเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย  ดังนั้นการที่ ยาย ข. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินจึงเป็นการครอบ
ครองแทนเจ้าของที่แท้จริงในระหว่างรอการโอนเมื่อลูกคนที่ 6 ของยาย ก. มีอายุ 20 ปี เท่านั้น จึงถือว่า ยาย ข.
ไม่ได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนตาม ป.พ.พ.1367 จึงไม่สามารถร้องขอให้เปลี่ยนชื่อใน น.ส.3
ให้เป็นของตนได้แม้จะได้ครอบครองครบ 1 ปีแล้ว  (ป.พ.พ.1374) และยิ่งไม่สามารถร้องขอครอบครองปรปักษ์ได้
เพราะที่ดิน น.ส.3 มีแค่สิทธิครอบครองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ครับ

ประเด็นที่สาม ทางออกในกรณีนี้
         
         -   เจรจากับทายาทของยาย ก. ได้จะดีที่สุดครับคดีจะได้ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ถ้า
ตกลงกันไม่ได้ก็น่าจะฟ้องสามีของ ยาย ก. ให้รับผิดตามหลักตัวแทนเชิด แต่ถ้าสามีของ ยาย ก. เสียชีวิตไปแล้วก็
คงต้องฟ้องกองมรดกของสามียาย ก. ให้โอนที่ดินให้แก่ทายาทของ ยาย ข. ครับ

          ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า  ::014::


จากข้อความข้างบนนะครับ สามียาย ก. เสียชีวิตก่อนทำสัญญา ตอนนี้ยาย ก. เสียชีวิตแล้ว ลูกของยาย ก. เขาจะมาขอซื้อคืนในราคาแค่ 50,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าเขาซื้อไปขายต่อ (ราคาตอนนี้หลายแสน)  และพวกเขาก็ใช้วิธีนี้กับยาย ข.มาสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ทางลูกของยาย ข.รู้เลยไม่ยอมเพราะเสียโง่มาสองครั้งแล้ว แต่จะขายให้ได้ในราคาปัจจุบันเท่านั้น ส่วนที่ดินนั้นตอนนี้ลูกของยาย ข. ได้ทำนาอยู่มานานแล้ว (28 ปี) ได้ข่าวว่าตอนนี้ทางยาย ข.ได้เปรียบอยู่ครับ
            แล้วจะมารายงานสถานการณ์ให้ทราบต่อไปครับ ::014::

        ไม่ทราบว่า ยาย ก. กับสามี ได้จดทะเบียนกันรึเปล่าครับ