๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

เรียนท่านผู้รู้ครับผมอยากทราบกรรมวิธีในการรมดำปืนมากเลยครับใครรู้ช่วยตอบผมหน่อยครับเพราะผมรู้แค่ลาง ๆ เองครับ จุดประสงค์ของผมก็เพื่อนำไปใชจริงครับเพราะในค่ายมีปืนเพื่อน ๆ พี่ ๆ เก่า ๆ หลายกระบอกเผื่อจะได้ไปรมให้เขาบ้าง  ผมจะถามเป็นหัวข้อเลยนะครับ
    ;Dวัสุดุอุปกรณ์ และการจัดหา
    ;Dกรรมวิธีการทำ

ขั้นตอนการทำมันเยอะครับ  ผมแค่อ่านแต่ไม่กล้าทำต้องซื้ออุปกรณ์หลายตังค์  สำหรบผมไม่คุ้มจ้างเค้าถูกกว่า  ผมได้หนังสือมาจากร้านหนังสือใหญ่ๆในห้าง  ถามพนักงานว่ามีหนังสือรมดำหรือไม่  ชุปฮาร์ดโครมก็มี  ทำหลายกระบอกหรือไปรับจ้างทำถึงคุ้มค่าของครับ ;D

ตอบทางนี้ไม่ได้  ประมาณ 100 หน้า  ไปซื้อหนังสือมาดีกว่า  สารเคมีซื้อได้ที่รวมเคมี  ใกล้วัดมหรรณ์  จอดรถในวัดเสีย 10 บาท  ค่าสารเคมี ชุดละ 200 บาท  รมดำปืนสั้นได้เจ็ดแปดกระบอก  แต่ถ้ายังไม่ได้อ่านหนังสืออย่าเพิ่งทำ  อันตรายมาก

ถึงคุณNumครับ ผมเองก็สนใจเรื่องวิธีการรมดำอยู่เหมือนกัน และมีความคิดว่าคงไม่ทำเองแน่นอน คุณnumพอยังหาซื้อหนังสือวิธีการรมดำได้อีกไหมครับ ผมอยากรบกวนฝากซื้อสักเล่ม ส่งรายละเอียดคุยกันทาง PMก็ได้นะครับ ถ้าผู้การมีหนังสืออะไรดีแนะนำก็เชิญได้นะครับ ผมเองอยู่ต่างจังหวัดเคยหาซื้อแต่ไม่มีครับ แค่สั่งชุดจับตายของท่านพนมเทียนยังรอเป็นอาทิตย์เลย ขอขอบคุณล่วงหน้าครับและขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

เรื่องรมดำ  ไม่ใช่เรื่องยาก โรงเรียนช่างกลก็มีสอน  เพราะน็อต สกรูที่ชุบแข็งแล้ว ต้องรมดำเคมีแบบเดียวกับรมดำปืน
ผมกับเพื่อนหลายคนก็รมดำชิ้นส่วนปืนเองที่บ้าน
เอางี้ก็แล้วกัน  จะเสนอคุณสุวิทย์ เกี่ยวกับบทความเรื่องรมดำปืน เพราะท่านผู้อ่านก็ซื้อ อวป.อยู่แล้ว  ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อหนังสืออื่นอีก

แล้วการทำผิวของผู้ผลิตปืนยี่ห้อต่าง ๆ มีวิธีการต่างกันอย่างไรครับ

เยอะแยะครับ
อโนไดซ์
ฮาร์ดโครม
ดำด้าน ดำมัน
รอยัล บลู
โอดี กรีน
เพียบ......

ถ้าเรื่องผิวด้าน กับผิวมัน  ก็อยู่ที่ขั้นตอนการขัดผิว
ขัดมัน ก็ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียดลงไปเรื่อย ๆ   แล้วต่อด้วยดินขัดกับล้อผ้าขัดมัน   ส่วนผิวด้าน ก็พ่นทราย, พ่นลูกแก้ว, ปัดด้วยแปรง, แช่ในสารเคมีให้ผิวด้าน  แล้วแต่ต้องการให้ออกมาแบบไหน
ส่วนสีของรมดำ อมน้ำเงิน หรืออมน้ำตาล  เป็นเรื่องของส่วนผสมน้ำยารมดำ  สูตรใครสูตรมัน  และต้องขึ้นอยู่กับเนื้อเหล็กด้วย  เหล็กที่มีโครเมี่ยมสูง ผิวจะออกแดง  แม้แต่เหล็กท่อนเดียวกัน  ส่วนที่ชุบแข็ง ก็จะมีสีที่ต่างออกไป

ต้องขอขอบคุณท่านผู้การมากครับที่จะเสนอลงในบทความเพราะจะเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่ไม่รู้อีกมากมายและผมได้ไปถามซื้อหนังสือรมดำดูแล้วไม่มีขายซักร้านเลยครับ

  ;) นอกจากรมดำแบบเต็มรูปแบบแล้ว...

พี่สุพินท์ช่วยเสริมเรื่องการแต่งผิวปืนเล็กๆน้อยๆที่พอทำเองได้ด้วยก็ดีคับ...

อย่างเช่น รมดำที่สึกไปแค่บางส่วน หรือ สนิมที่เป็นไม่มาก...  ;D

...หนับหนุน...หนับหนุน..ด้วยคน.. ;)

เคยคิดทำเองพอเอาหนังสือมาอ่านและคลุกคลีอยู่กับร้านรมดำเลยเปลื่ยนใจ แต่หนับหนุนใัห้มีการเผยแพร่ความรู้

สนับสนุนด้วยครับ

ขขอบคุณท่านผู้การครับ
ว่าแต่ ขอรบกวนเรื่อง น้ำยารมดำเย็นด้วยครับ
แนะนำหน่อยครับ

เอ่ออ คุณ sub ยังดำไม่พออีกหรือครับ   :~) :~) :~)

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก  :~) :~) :~)

 :DD :DD :DD :DD :DD :DD :DD :DD :DD :DD  :<< 555555555555555555555555555555555555555555

สะจาย จัง  ;D

ขขอบคุณท่านผู้การครับ
ว่าแต่ ขอรบกวนเรื่อง น้ำยารมดำเย็นด้วยครับ
แนะนำหน่อยครับ

เอ่ออ คุณ sub ยังดำไม่พออีกหรือครับ   
 :~) :~) :~)ขอหัวเราะดังๆด้วยคนครับ :~)

เรื่องน้ำยา รมดำ แบบเย็น จำได้ว่าผู้การสุพินท์เคยลงบทความไว้แล้ว   เอามาฉายอีกทีก็ดีครับ :)

น้ำยารมดำเย็น มีส่วนผสมตัวหนึ่งที่ราคาแพงมาก  ทำเองไม่คุ้มหรอกครับ  คือจะได้น้ำยาครึ่งลิตรในราคาประมาณสองพันกว่าบาท  หารออกมาแล้วถูกกว่าซื้อก็จริง  แต่ซื้อทีละขวดเล็ก ๆ สามสี่ร้อยบาทดีกว่าครับ
การใช้น้ำยารมดำเย็น  ให้ขัดสนิมให้หมด  ถ้าขัดออกไม่ได้เช่นเป็นรอยลึก ให้ใช้พู่กันแต้มไฮโดรคลอริก (กรดเกลือ) ล้างสนิมในรอยลึก ๆ ออก   ถ้ากลัวกรดเกลือก็ใช้น้ำยาล้างของเบิชวู๊ดเคซี่ก็ได้ (มันก็เป็นกรดเหมือนกัน)   เสร็จแล้วล้างด้วยแอลกอฮอล์  พอแห้งก็เช็ดน้ำยารมดำเย็น ทิ้งไว้ 5 นาที เช็ดด้วยแอลกอฮอล์แล้วทาน้ำยารมดำเย็นอีก  ทิ้งไว้ 5 นาที เช็ดแอลกอฮอล์ ซ้ำกันไปเรื่อย ๆ จนสีดำสนิท  ทาน้ำมันชุ่ม ๆ แล้วอบด้วยโคมไฟอ่านหนังสือประมาณหนึ่งชั่วโมง ให้น้ำมันเข้าไปแทนน้ำในรูพรุนที่เนื้อของผิวเหล็ก

ฝากไว้ก่อนเถอะ โอฬาร

และขอบคุณท่านสุพินท์ครับ

 ;D ;D ;D..................

ด้วยคน..... ;D

รู้แต่วิธีทำ parkerizing

เอาเคร่าๆๆก่อน parkerizing  ก้อแปบบเดียวกับ phosphate coating  zinc base type
  metal phosphate ในสารละลายฟอสฟอริก จะตกผลึกที่ ระดับ ph สูง อันนี้คือหลักการ
เมื่อเราเอา zinc ใส่เข้าไปใน สารละลายฟอสฟอริก จะเกิดปฎิกริยา เกิดเปน zinc dihydrogen phosphate
เมื่อเรานำชิ้นงาน ใส่ลงไป  ชิ้นงานต้องเปน ferrous ชิ้นงานจะถูกกรดอิสระของสารละลายกรดฟอสฟอริก กัดผิว
ปลดปล่อยอนุภาคของ iron ออกมาเข้าสู่สารละลาย เกิดเปน iron dihydrogen phosphate เท่ากับตอนนี้เรามี
phosphate 2 ตัวแล้ว  ระหว่างที่กรดกัดผิวงานจะเกิด hydroxonium ที่ผิวชิ้นงาน ทำให้ ph สูงขั้น
จากหลักการที่กล่าวมาแล้วว่า metal phosphate ในสารละลายฟอสฟอริกจะตกผลึกแยกตัวออกสารละลายเมื่อสารละลายมีระดับ
ph สูงขั้น ทำให้ metal phosphate 2 ตัว ตกผลึกรวมกันเกิดขั้นบนผิวชิ้นงานเกิดเปน ผิวเคลือบของผลึก metal phosphate
สารที่ใช้
1 สารละลายกรดฟอสฟอริก
2 กรดไนตริก  ใช้เปนตัวเร่งปฎิกริยา เนื่องจากระหว่างที่กรดกัดผิวงานจะเกิด gas hydrogen ขั้น form ตัวเปนฟองอากาศที่ผิวงานปิดกั้นมิให้กรดไปกัดชิ้นงาน ทำให้ ปฎิกริยาช้าลง เราแก้โดยใส่ ตัวนี้ลงไป
มันจะไปรวมกัวกับ gas hydrogen เกิดเปนน้ำ
3 zinc หรือ manganese ในกรณีทำ manganese base
4 steel wood
ผิวที่ได้ จะออก สีเทาออกไปทางดำ ด้าน ความหนาสูงทนทานมาก ใช้ในงานทหาร
ในกรณี zinc base ทาน้ำมันรักษาปืนทิ้งไว้นานๆ จะเปลียนสีเปน สีเขียว

ผมลองทำที่ สไลด์ปืน ผิวออกมาดังรุป

slide frame

พี่สุพินท์ เยี่ยมครับ