๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

พรุ่งนี้ข้าน้อยต้อง present วิชาเศรษฐศาสตร์ ซึ่งข้าน้อยอ่านแล้วไม่เข้าอยู่หัวข้อหนึ่ง เกี่ยวกับ Changing Rules and Social Cooperation. ซึ่งกล่าวไว้ว่า

"Social cooperation requires relatively stable property rights because it presupposes the ability to predict the consequences of decisions."

ข้าน้อยได้เมล์ไปถามอาจารย์ และอาจารย์ก็ได้(พยายาม)อธิบายข้าน้อยมาแล้ว แต่ข้าน้อยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี :~) เลยมาขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ช่วยอธิบายข้อความของอาจารย์เป็นไทย ให้ข้าน้อยเจ้าใจหน่อยได้ไหมเจ้าคะ

INTERPRETATION: If property rights are stable (i.e. well defined), then members of society understand the extent to which they have control of property. That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property. They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership. If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.

ขอบคุณทุกๆ ความช่วยเหลือล่วงหน้าเจ้าค่ะ (http://www.thpsa.com/PHP-Nuke/html/modules/Forums/images/smiles/sm25.png)

มาให้กำลังใจครับ

 :~)

เหมือนกันครับ
เข้ามาสองรอบแล้วคร๊าบ มึนครับ :-\

Changing Rules and Social Cooperation.

"Social cooperation requires relatively stable property rights because it presupposes the ability to predict the consequences of decisions."

INTERPRETATION: If property rights are stable (i.e. well defined), then members of society understand the extent to which they have control of property. That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property. They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership. If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.

...อาจารย์ให้คำอธิบายดีแล้วนี่ครับ  ผมว่า key word มันอยู่ที่คำว่า presupposes  ;)

อ่านแล้วคงต้องทำความเข้าใจกับคำว่า Property Rights เสียก่อนครับ ว่ามันแปลว่าอะไร?  ครอบคลุมถึงอะไรบ้าง?

แปลว่า สิทธิในการครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (หนึ่งๆ) หรือไม่ครับ?  ยกตัวอย่างเช่น สิทธิบัตร  ทรัพย์สินทางปัญญา  ลิขสิทธิ์ในเพลง ซอฟท์แวร์ ฯลฯ  ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความละเอียดอ่อนมากกว่าสังหาหรืออสังหาริมทรัพย์  และเป็นที่ถกเถียงเป็นปัญหากันมาก ทั้งในเรื่องของขอบเขตความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์  ระยะเวลาของการเป็นเจ้าของ  วัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ ทำซ้ำ ฯลฯ เป็นต้น

ในส่วนของทรัพย์สินจำพวกที่ดินก็เป็นปัญหาเหมือนกัน  โดยเฉพาะในกรณีของที่ดินที่มีการเวนคืน  การเข้าทำประโยชน์  เข้าถือครองปรปักษ์  ฯลฯ เป็นต้น

ด้วยความเคารพครับ

อยากช่วยแต่ผมมันประเภท งูๆปลาๆครับ :~) :~) :~)

ขอบคุณครับ

 พี่เอ้ turus อยู่ไหนครับ  มาช่วยน้องโบว์ด่วน... ;D

มาต่ออีกหน่อย...

ที่ยกเอา Property Rights คือสิทธิในทรัพย์สินนั้น  ผมว่ามันเห็นเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนกว่าสิทธิหน้าที่หรือสิทธิประโยชน์ ซึ่งเป็นนามธรรม  หากคนเราเข้าใจและตระหนักถึงขอบเขตของสิทธิในทรัพย์สินหนึ่งๆ (ของตน หรือของผู้อื่น) การถือสิทธิครอบครอง การสงวนรักษาสิทธิ รวมถึงการถ่ายโอนสิทธิก็เป็นที่เข้าใจตรงกัน

ประเด็นจึงอยู่ที่การจำกัดความให้เข้าใจถูกต้องตรงกัน (well defined) เสียก่อนของสิทธิในทรัพย์สินครับ


...เดา  ;D

จะกลับมาช่วยตอบประมาณ ๓ ทุ่ม จะทันไหมครับ
เพิ่งเปิดเจอ และต้องรีบออกไปทำงาน

ผมเรียนโทอยู่ที่ Australia ครับ น่าจะช่วยได้


อ่านไปรอบเดียวขอตอบแบบดำน้ำนิดๆ ครับ

"น่าจะหมายถึงสิทธิการใช้ทรัพย์สิน รวมถึงอุปโภค บริโภค
คนในสังคมควรใช้อย่างประหยัด เพื่อที่จะเหลือให้ชนรุ่นหลัง"

เท่านี้ก่อนครับ อย่าเพิ่งเชื่อผมมากนัก

กลับจากทำงานแล้วจะมาต่อครับ

ข้าน้อยขออธิบายเพิ่มเติมหน่อยนะเจ้าคะ บทนี้ที่ข้าน้อยจะ present เกี่ยวกับ Poverty & distribution of income.

หัวข้อก่อนหน้านี้พูดถึงว่าทำไมสังคมถึงมีความยากจน และรายได้ถึงไม่เท่ากัน เขาบอกว่าสาเหตุที่รายได้ของคนในสังคมไม่เท่ากัน เนื่องจาก supply ของ less skilled เพิ่มขึ้นในขณะที่ demand ของผู้จ้างก็ต้องการจ้าง skilled worker มากขึ้นด้วยเช่นกัน และค่าแรงของ skilled และ less skilled ก็แตกต่างกัน อัตราค่าจ้างก็ขึ้นต่างกัน ทำให้มีช่องว่างระหว่างค่าแรงเกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้

แล้วก็ยังมีการพูดถึงเรื่องการเก็บภาษีจากคนที่มีรายได้สูง เพื่อเอามาชดเชยให้กับผู้มีรายได้ต่ำ เพื่อลดความจน และความแตกต่างระหว่างรายได้ ฉะนั้นรัฐก็เลยเปลี่ยนแปลงกฎเพื่อบังคับให้ผู้มีรายได้สูงจ่ายภาษีมาก แต่นั่นก็ทำให้กลุ่มคนที่ต้องจ่ายภาษีมากพยายามหลีกเลี่ยงภาษี ไม่ว่าจะใช้วิธีที่ถูก หรือผิดกฎหมาย พอจบหัวข้อเรื่องนี้ ก็เข้าสู่หัวข้อ Changing Rules and Social  Cooperation ที่ข้าน้อยกำลังงงอยู่ ว่าทำไมการร่วมมือกันของสังคมจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิในทรัพย์สิน และสิทธิในทรัพย์สินจะช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ ได้อย่างไร :~)

 ;Dมาให้กำลังใจครับ ;D

ได้แล้วเจ้าค่ะ :D....ขอบคุณทุกๆ คำตอบและกำลังใจนะเจ้าคะ (http://www.thpsa.com/PHP-Nuke/html/modules/Forums/images/smiles/sm25.png)

อาจจะคล้าย ๆ กับเมืองไทย    มั้ง  ?

ทำไม   ?   เกษตรกร    จึงอยากได้สิทธิในการครอบครอง   (  เป็นเจ้าของโดยถูกต้องชอบธรรม  )  ในที่ดิน    ....    ถ้าเขามีความมั่นใจในเรื่องนี้    ........    การลงทุน / ลงแรงของเขา    คงจะทำกันอย่างเต็มที่    ..........      :)

กำลังคิดจะประกาศหาคนหายอยู่เลย พอคิดถึงก็มาแบบนี้ต้องคิดถึงน้องโบว์บ่อยๆ :VOV:
คำถามเกี่ยวกับการเรียนตอบไม่ได้ครับ ขอมาให้กำลังใจ :VOV:

ดีใจจัง มีคนคิดถึง ;D

ช่วงที่ผ่านมา ข้าน้อยเพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ได้เดือนนึง งานเยอะมากเจ้าค่ะ มีโปรเจคให้ทำตั้งแต่วันแรกที่มาทำงาน :~) (ไม่รู้ทรูจะทำโปรเจคอะไรมากมาย...แอบบ่น :P) แต่ก็ยังไม่หนักเท่าเรียน เพราะต้องเรียนปรับพื้นฐาน 5 วิชาภายในสองเดือน แล้วก็ต้องสอบให้ผ่านทุกวิชา เพื่อที่จะได้เรียนคอร์สหลัก แล้วแต่ละวิชาอาจารย์ก็ให้งานกันทุกอาทิตย์ อาทิตย์หน้าสอบไฟนอลแล้ว ข้าน้อยยังไม่ได้เขียน business plan ส่งวิชา management เลยเจ้าค่ะ...ภาษาอังกฤษด้วย :~)

เอ้อ.....อ้า.....เป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะครับ.......อย่างอื่น แบ๊ะ แบ๊ะ

...ชอบตรงนี้ เหนื่อยแต่สู้ว้อย  ;D

สู้ ๆ ครับ ขอเป็นกำลังใจ ไม่มีอะไรเกินความสามารถและความตั้งใจ หากเรามีความมุ่งมั่น

สู้เขานะคุณโบว์

ขอส่งกำลังใจให้น้องโบร์ครับ ;)

มิน่าเล่า..............งานหนักเรียนหนักนี่เอง ถึงไม่ค่อยเข้าเวป :D

เข้ามาให้กำลังใจครับ

มาเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ขอให้โชคดีครับ





วิชาความรู้คืนท่านอาจารย์ไปหมดแล้วครับ

 :)...........................ขอมาให้กำลังใจน้องโบว์ก็แล้วกันครับ.................... :VOV: :VOV: :VOV:

ส่วนใหญ่วิศวะ จะเรียนบริหารธุรกิจ กันนะครับ

แย่เลยช่วยคุณโบว์ไม่ได้ ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับ เฮลิคอปเตอร์ ละก็จะตอบให้ละเอียดยิบเลย.................ก๊าบ

เป็นกำลังใจให้น้อง....คงเรียนหนักมาก เห็นซูบๆไป ;D

เก่งจริงๆนะครับงานก็หนักเรียนก็ยาก ....ขนาด ปตรีผมเกือบได้เอาไก่แลกออกนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ;D

ครับ คุณ Bow ได้รับคำตอบแล้ว

ถ้ามีอะไรอีกก็ถามมาได้ครับ เพราะผมเรียนอยู่ที่ Aus ก็พอช่วยได้บ้าง
อ้อ สมาชิกท่านอื่นด้วยครับ

ขอให้โชคดีนะจะสาวน้อย...

คุณโบว์ สู้ ๆ  ;D ;D ;D

ผมชอบ web นี้จังเลย อบอุ่นมาก :D

ขอบคุณเจ้าค่ะ...

ที่ข้าน้อยว่าได้แล้วนี่คือ ได้บอกอาจารย์ไปว่า "ไม่เข้าใจอีกแล้ว" อะ :~)

ข้าน้อยถามเจ้านายเก่า พี่เขาอธิบายว่า
การลดความยากจน และความไม่เท่ากันของรายได้ เกิดขึ้นจากการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกัน และ Supply ของคนกลุ่ม less skilled เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ Demand ก็ต้องการ skilled worker มากขึ้น และความแตกต่างของการขึ้นรายได้ของ skilled worker ก็มากกว่า less worker จึงทำให้เกิดช่องว่าง ความแตกต่างระหว่างรายได้
ดังนั้นรัฐจึงแก้ไขปัญหาโดยการเก็บภาษีจากคนรวย เอามาช่วยคนจน แต่การทำแบบนี้ ในที่สุดคนรวยก็จะพยายามเลี่ยงภาษีไม่ว่าจะใช้วิธีถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย วิธีการใช้ภาษีนี้เป็นวิธีหนึ่ง เมื่อใช้วิธีที่หนึ่งไม่ได้ ก็มีวิธีที่สอง คือการเพิ่มสินทรัพย์ให้คนจน นั้นคือเพิ่มการศึกษา หรืออาจจะเป็นที่ดินทำกิน (พี่เขาบอกว่า property rights ในที่นี้หมายถึงสินทรัพย์อะไรก็ได้ เป็นสินทรัพย์ทางปัญญาก็ได้) เมื่อเขามีการศึกษา หรือที่ทำกิน เขาก็สามารถทำงาน และหาเงินได้ โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากภาษีของคนรวย ในเมื่อความช่วยเหลือจากคนที่มีรายได้ลดลง แต่รายได้ของเขาที่ได้มาจากการการทำงานของตัวเองเพิ่มมากขึ้น ช่องว่างระหว่างรายได้ก็จะลดลงไปเอง ซึ่งก็ต้องใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กันไป

พี่เขาบอกว่าเรื่องความร่วมมือของสังคมนี่ก็คือวิธีการแก้ปัญหาวิธีที่สองอะเจ้าค่ะ...ซึ่งข้าน้อยก็ยังงงๆ ว่าจะตรงกับที่อาจารย์อธิบายหรือเปล่า ก็เลยเมล์ไปหาอาจารย์ใหม่ ว่าข้าน้อยเข้าใจถูกต้องหรือยัง :~)

ไม่รู้อาจารย์จะว่าว่าไอ้นี่โง่อังกฤษยังริมาเรียนอินเตอร์หรือเปล่า :~)

สภาพตอนนี้เป็นประมาณนี้เจ้าค่ะ ;D

(http://images.google.co.th/images?q=tbn:3oQQBiCGgrdvsM:www.tartpop.com/my%2520tired%2520head%2520full.gif)

ต้องให้กกต.ลาออกก่อนครับ

The best person for you to ask is Pa Sundance . To interpret some sentences ,one has to read the whole thing to be able to understand or interpret it , Especially if one has no idea what is the subject is all about.
From what I understand the " property rights  " in this case mean to keep the society balance and in check and that came by Social cooperation .

ผมยังมองไม่ออกว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร  เพราะหากจะเอาเรื่องสิทธิในทรัพย์สินมาแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้  ดูมันจะออกไปในแนวทางของระบอบสังคมนิยมครับ

หากจะมองว่าสาเหตุของรายได้ของคนในสังคมไม่เท่าเทียมกัน เพราะแรงงานทักษะมากมีป้อนตลาดน้อยกว่าแรงงานทักษะน้อย  แถมอัตราผลตอบแทนของแรงงานทั้งสองแบบนี้ก็แปรผกผันกัน  ทำให้ช่องว่างของรายได้ยิ่งห่างออกไป  มันก็อาจจะเป็นประเด็นหนึ่ง  แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้คนมีรายได้ไม่พอยังชีพอยู่  เช่น  โอกาสในการศึกษา  โอกาสในการเข้าทำงานอย่างยุติธรรม  ความขยันของบุคคล  การมีวินัยทางการเงินของบุคคล  รวมไปถึงระบบเศรษฐกิจและอัตราการจ้างงานของประเทศ เป็นต้น

เท่าที่อ่านจากคำอธิบายที่เป็นภาษาอังกฤษ  ดูเหมือนว่าควรจะมีการกำหนดขอบเขตสิทธิในการถือครองทรัพย์สินให้ชัดเจน  นั่นคือ  เมื่อถึงกำหนดระยะเวลาหนึ่ง  หรือหากเจ้าของสิทธิไม่ได้ทำประโยชน์ในทรัพย์สินนั้นแล้ว  หรือเจ้าของสิทธิต้องการโอนกรรมสิทธิ์  ทรัพย์สินนั้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนสิทธิในการถือครอง หรืออนุญาตให้ผู้อื่นเข้าทำประโยชน์ต่อไปได้

กรณีนี้จะเห็นได้ชัด ถ้าเป็นที่ดินรกร้างที่เจ้าของไม่ได้ทำประโยชน์ (ซึ่งประชาชนอยู่ๆจะบุกรุกเข้าไปทำกินไม่ได้) รัฐอาจจะเรียกเก็บภาษีที่ดิน หรือไม่ก็อาจจะมีข้อกำหนดในการให้ผู้ไม่มีที่ทำกินได้เข้าทำประโยชน์  หรือในกรณีของสิทธิบัตร ที่มีผู้คิดค้นต่อยอดออกไป เป็นต้น

INTERPRETATION: If property rights are stable (i.e. well defined), then members of society understand the extent to which they have control of property. That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property. They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership. If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.

ขอแปลแบบตรงตัวก่อน แล้วมาวิเคราะห์กัน
If property rights are stable (well defines)
ถ้าสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สิน มีความมั่นคง แน่นอน (ความหมายในทางบวก หรือ ดี)
เช่น ถ้า ผบ.ทบ. อนุมัติให้ใช้เงินค่ากระสุนได้เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นเวลาหนึ่งปี
เราก็มีความต้องการใช้เงินแค่นี้ซื้อลูกปืนไว้ยิงในเดือนนั้น

then members of society understand the extent to which they have control of property.
That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property.
ทำให้คนในสังคมนั้น เข้าใจและเคารพในสิทธิการใช้ทรัพย์สินนั้น
เช่น เราเอาเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ไปซื้อกระสุนอย่างเดียว หรือ ซื้อให้เพื่อนก็ได้

They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership
และผู้ที่ถือสิทธิ์นั้นต้องเข้าใจว่า ทรัพย์สินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินอื่นๆ ของสมาชิกในสังคมนั้น
เช่น ที่เราได้รับอนุมัติ ๑๐,๐๐๐ บาท เราคิดว่าน้อยไป แต่เราต้องยอมรับ เพราะ ผบ.ทบ. ต้องใช้เงินเพื่อการอย่างอื่น
อาทิเช่น ค่าเทอมลูก

ทั้งหมดนี้ประเด็นหลักอยู่ที่ stable
ถ้าความต้องมีคงที่ หรือ เพิ่มขึ้นแบบคงที่ (ประเมินได้แม่นยำ)


If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.
อันนี้ตรงกันข้ามกับ อันแรก เพราะถ้าความต้องการไม่คงที่
เช่น ถ้าได้รับอนุมัติ ๑๐,๐๐๐ บาท ๒ ถึง ๔ เดือนแรก พอใช้ แต่พอมาเดือนที่ ๕ บอกว่าไม่พอต้องการอีกเป็น
๑๕,๐๐๐ บาท ซึ่งเงินที่เพิ่มมาอาจจะเอามาจากงบประมาณค่าขนมลูก

หรือ ถ้าได้ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่ใช้แค่ ๖,๐๐๐ บาท อีก ๔,๐๐๐ บาท เขาบอกว่าเป็นส่วนเกินที่ไม่เกิดประโยชน์
เราน่าจะวางแผนล่วงหน้าว่า จะเอาเงิน ๔,๐๐๐ บาท นี้ไปทำอะไรก่อน


เดี๋ยวขอคิดอีกซักครู่ครับ

ข้าน้อยเกรงใจคุณลุงเจ้าค่ะ และที่ไม่ได้เมล์ถามพี่เจษแต่แรกก็ด้วยเหตุนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณลุงจะเข้าเว็บเวลาไหน เลยเอามาโพสถามพี่ๆ เลย ตอนนี้กำลังทำความเข้าใจตามของคุณกล็อคแกล็คกับของคุณ Springfield อยู่เจ้าค่ะ ถ้ายังทื่ออย่างไร พรุ่งนี้คงยอมรับกับอาจารย์ตรงๆ ว่า "หนูไม่เข้าใจจริงๆ" :~)

 ;D
หมาป่าแปลเป๊ะตรงตัวทุกตัวไม่ได้
แต่สำหรับคำถามเกี่ยวกับคำอธิบายของอาจารย์คุณโบว์
หมาป่ามองเห็นดังนี้


"สังคมจะเกิดการร่วมมือกันหรืออยู่ร่วมกันเพื่อให้สมาชิกแต่ละคนในสังคมได้รับประโยชน์ที่เขาควรได้ ต้องมีกติกาชุดหนึ่งที่คนในสังคมนั้นยึดถือร่วมกัน"

"การมีกติกาเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สิน หรือ กรรมสิทธิ  ก็เป็นอีกกติกาหนึ่งที่จำเป็นในสังคม"

"สิทธิในทรัพย์สิน/ กรรมสิทธิ มีได้หลายแบบ  ยกตัวอย่าง... หากเราคิดค้นอะไรได้สักอย่างแล้วเราไปจดสิทธิบัตรไว้  กติกาของสังคมบอกว่า คนที่เป็นต้นคิดมีสิทธิครอบครองความรู้การคิดค้นนั้นได้ชั่วระยะหนึ่ง  ใครจะเอาความรู้นี้ไปใช้ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของ  หรือต้องจ่ายค่าตอบแทนให้  นี่คือกติกาที่ตัวผู้ค้นคิดคาดหมายว่าคนอื่นในสังคมจะยึดถือร่วมกับเขา
แต่หากสังคมนั้นไม่ยึดกติกานี้  ใครก็สามารถลอกแบบได้โดยไม่แคร์ถึงสิทธิของผู้ค้นคิด  ทุกอย่างมันก็เละ  ลอกกันมั่ว  ในท้ายที่สุดก็จะไม่มีคนค้นคิดอะไรใหม่  เพราะคิดแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์แก่ตนเอง   และสุดท้ายสังคมนั้นก็ล้าหลังเพราะไม่มีใครคิดพัฒนาสิ่งใดๆเลย  สังคมไม่เกิดความร่วมมือขึ้นในภาพรวม"


"ข้างต้นนั้นเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของสิทธิในทรัพย์สินที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการร่วมมือกันในสังคม"

นี่หมาป่าแปลแบบด้นสด  แต่คุณโบว์ลองคิดใคร่ครวญดูว่าเข้าเค้ากับคำอธิบายของอาจารย์ไหม ;D

ครับ
น้ำใจสมาชิกหลายท่านที่ส่งความเห็นมา ผมดีใจครับที่ได้เป็นสมาชิกของ Web นี้ ;D

มาทบทวนความหมายของ Property rights กันครับ
ผมว่าน่าจะแปลว่า เป็นสิทธิการใช้ทรัพย์สิน หรือ สินทรัพย์ เช่น การอุปโภค บริโภค การใช้บริการ เป็นต้น
ซึ่ง บุคคลก็มีสิทธิในการใช้ทรัพย์สิน ต่างกัน

ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันพวกสิทธิบัตร หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา
เพราะ rights มีความหมายหลายอย่างมาก เช่น สิทธิ หรือ สิทธิ์บัตร
Property เป็น อสังหาริมทรัพย์ หรือ ทรัพย์สินที่มีรูปร่าง จับต้องได้

ถ้าเป็น สิทธิบัตร หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Copyright, brandnames, licences, patents เป็นต้น หรือ ศัพท์ทางบัญชีว่า intangible assets ครับ

ผม Online  อีก หลายชั่วโมงครับ ยังไม่ได้ไปไหน

 

ไม่ว่าแต่ละท่านจะตีความออกมาอย่างไร ข้าน้อยก็ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ  :)

อ่ะพากย์ไทยได้แล้ว
"Social cooperation requires relatively stable property rights because it presupposes the ability to predict the consequences of decisions."

ความอยู่รอดของสังคม จะอยู่ได้จากความร่วมมือกัน จากการเคารพสิทธิของผู้อื่น ในกรณีนี้เป็นสิทธิทางอาณาเขตขอบข่ายความเป็นเจ้าของ ของผู้อื่น เช่นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย หรือรถยนต์  ของใช้ส่วนตัวเป็นต้น  และคนในสังคมนั้นสมควรรู้ว่าถ้าไม่เคารพสิทธิอันนี้ก็ผู้อื่น อะไรจะเกิดขึ้นตามมา เพราะผิดกฏหมาย

ข้าน้อยกำลังคิดว่าข้าน้อยคิดมากเกินไปหรือเปล่า ที่พยายามเอาเรื่องการเคารพในสิทธิ กับเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ ให้สองเรื่องนี้มันมาเกี่ยวข้องกัน :~)

ไม่สู้ไม่ได้เจ้าค่ะ จ่ายค่าเทอมไปแล้ว :~)

ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องรายได้  แต่เป็นเรื่องเคารพสิทธิกันมากกว่า

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านอีกครั้งนะเจ้าคะ (http://www.thpsa.com/PHP-Nuke/html/modules/Forums/images/smiles/sm25.png) เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเตรียมข้อสอบ กับ business plan ก่อนเจ้าค่ะ พรุ่งนี้สายๆ อาจารย์คงจะเมล์ตอบข้าน้อย อาจารย์อาจจะรัก ไม่ก็เกลียดไอ้เด็กคนนี้ไปเลย :~) อาจารย์ตอบเมล์มาอย่างไร แล้วจะมาแจ้งให้ทราบนะเจ้าคะ :D

ขออนุญาตครับ

น้องโบว์เรียนโทอยู่หรือเอกครับ

ดีใจจัง น้องสถาบันก้าวหน้า

ไม่เหมือนผม  จบมาก็ดักดานทำงานหาเช้ากินค่ำ

ขอให้ประสบความสำเร็จสมใจนะครับ

สู้ว้อย

ด้วยความเคารพครับ

 ;D สู้ ๆ นะจ๊ะหนูโบว์ ;D

เป็นกำลังใจให้ครับ

แค่ป.โทเจ้าค่ะ ป.เอกคงไม่ไหว แค่นี้ก็แทบไม่รอดแล้วเจ้าค่ะ :~) ดันทะลึ่งไปเลือกคอร์สอินเตอร์ คิดว่าจ่ายเท่ากันเอาภาคอินเตอร์ดีกว่า กลายเป็นว่าฟังอาจารย์ไม่ออก อาจารย์เป็นชาวอังกฤษคน อเมริกันคน พม่าอีกคน แล้วก็มีอาจารย์ไทยด้วย อาจารย์พม่า กับไทยนี่ค่อยยังชั่วหน่อย สำเนียงพอฟังกันออก แต่อาจารย์ฝรั่งสองคนที่เหลือนี่สิเจ้าคะ ทำอย่างกับข้าน้อยเกิดที่นิวยอร์ค พูดใส่เป็นไฟเลย :~)

ช่วยเป็นกำลังใจครับพอดีพี่ความรู้น้อย ป.3ยังไม่ผ่านเลย

อาจารย์ยังไม่ตอบเมล์ข้าน้อยเลยเจ้าค่ะ สงสัยถูกเกลียดแล้ว :~)

ข้าน้อยเพิ่งสอบป.สามผ่านเมื่อวานซืนเองเจ้าค่ะ ;D

 ;D ยินดีด้วยจ้า ผ่าน ป.3 คอร์สไหนหรอ ;D

ยินดีกับ ป.3 ก่อนครับ แล้วตามด้วย ป.โท อีกปีเศษๆ

ผมเองแค่ภาคภาษาไทยเมื่อหลายปีก่อนยังเกือบแย่ ส่วนเพื่อนห้องเดียวกันต่อเอกไปหลายคนเห็นจบมาก็แก่งั๊กกันเลยคงเครียด แถมเดี๋ยวนี้คุยกันไม่รู้เรื่องซะแล้ว คุณโบว์เก่งจัง สู้ต่อไปนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ ;D

ทำไม ไม่ถามพี่เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้วล่ะ น้องเอ้ย...
ถามไรตอนนี้...ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

(ในที่ฉุด ก็รู้ว่า คืนอาจารย์ไปหมดแย้วจริงๆ)

อ้อ...โบว์ ศัพท์เทคนิค(Technical Term)ทางด้านเศรษฐศาสตร์ค่อนข้างเยอะ (คล้ายๆกับหการเรียนสาขาอื่นที่มีศัพท์เทคนิคเฉพาะทาง)
ลองหาดิกชันนารี ที่เกี่ยวกะศัพท์เทคนิคด้านเศรษฐศาสตร์ดู หรือเสิร์ชๆหาจากเวบเอา
(สมัยพี่เรียน ไม่มีเวบ วิ่งเอาอย่างเดียว ไปได้ เทคนิคอล เทอม จากศูนย์หนังสือจุฬา)

:o คุณทรัพย์ฯ เรียน ป.โท ตั้งแต่สิบเอ็ดปีที่แล้ว  :o

55555 ตรีครับ แค่ตรียังเอาตัวแทบไม่รอดเลย

10/22 เองเจ้าค่ะ (http://www.thpsa.com/PHP-Nuke/html/modules/Forums/images/smiles/sm20.png)

 ;D เป็นการเริ่มต้นแบบเบา ๆ ;D

คุณโบว์ ถ้าแปลที่ละ ย่อหน้า ผมว่าไม่รู้เรื่องแน่......
เอาวัตถุประสงค์ รายวิชา มาดูก่อนดีกว่าครับ ว่าบทที่จะกล่าวถึง เขาต้องการให้ผู้เรียนทราบอะไร  ?

เป็นวิชาเศรษฐศาสตร์เจ้าค่ะ บทนี้พูดถึง Poverty & distribution of income.

หัวข้อก่อนหน้านี้พูดถึงว่าทำไมสังคมถึงมีความยากจน และรายได้ถึงไม่เท่ากัน เขาบอกว่าสาเหตุที่รายได้ของคนในสังคมไม่เท่ากัน เนื่องจาก supply ของ less skilled เพิ่มขึ้นในขณะที่ demand ของผู้จ้างก็ต้องการจ้าง skilled worker มากขึ้นด้วยเช่นกัน และค่าแรงของ skilled และ less skilled ก็แตกต่างกัน อัตราค่าจ้างก็ขึ้นต่างกัน ทำให้มีช่องว่างระหว่างค่าแรงเกิดขึ้น จึงทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้

แล้วก็ยังมีการพูดถึงเรื่องการเก็บภาษีจากคนที่มีรายได้สูง เพื่อเอามาชดเชยให้กับผู้มีรายได้ต่ำ เพื่อลดความจน และความแตกต่างระหว่างรายได้ ฉะนั้นรัฐก็เลยเปลี่ยนแปลงกฎเพื่อบังคับให้ผู้มีรายได้สูงจ่ายภาษีมาก แต่นั่นก็ทำให้กลุ่มคนที่ต้องจ่ายภาษีมากพยายามหลีกเลี่ยงภาษี ไม่ว่าจะใช้วิธีที่ถูก หรือผิดกฎหมาย พอจบหัวข้อเรื่องนี้ ก็เข้าสู่หัวข้อ Changing Rules and Social  Cooperation

อีกชม.ครึ่งก็จะไปเรียนแล้ว อาจารย์ยังไม่ตอบเมล์เลย :~)  

เข้ามาเอาใจช่วยก่อนน้องโบว์เข้าเรียนครับ......พี่ว่าบางครั้งคนเราก็ต้องทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน มันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้....สู้ๆนะครับ

INTERPRETATION: If property rights are stable (i.e. well defined), then members of society understand the extent to which they have control of property. That is, the limits of usage, exclusion and transfer of rights over property. They also understand how they stand in relation to other members of society with respect to ownership. If property rights are ill-defined, claims of ownership are uncertain.
People don't know what they and others can do with property. The ability to cooperate between members of society depends on how they understand who owns what, and the extent of ownership. Cooperation breaks down if people cannot claim ownership.

นายสมชายสรุปแบบสั้นๆ ตามภาษาของนายสมชายเองดีกว่าครับ...

สรุปว่าเรื่องสิทธิการครอบครองทรัพย์สินต้องสม่ำเสมอ และแน่นอน การที่เรารู้ว่าอะไรเราสามารถเป็นเจ้าของได้ อะไรเป็นเจ้าของไม่ได้ เราก็รู้วิธีการแสวงประโยชน์... หากสิทธิอันนี้มันไม่แน่นอน เราก็จะไม่รู้ว่าเราสามารถทำอะไรกับมันได้ คนอื่นก็เหมือนกันกับเรา ไม่รู้ว่าใครจะทำอะไรได้ไม่ได้ เลยไม่ร่วมมือกัน...

แปลว่าสิทธิในทรัพย์สิน(สงสัย อสังหาฯ)คือพื้นฐานทำให้ทั้งสังคมรู้หน้าที่ รู้บทบาทของแต่ละคน รู้ขอบเขตของสิทธิและการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน สามารถร่วมมือกันได้ครับ...

เพิ่มเติมอีกนิดครับ...

เรื่องสิทธิในที่ดิน... คือหัวใจของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมครับ จะเห้นว่าระบอบคอมมิวนิสต์จะเอาหัวข้อนี้เป็นหัวข้อชูโรงเสมอ... และคำว่า Land Loard คือเจ้าของที่ดิน มีที่มาจากสมัยกลางครับ พวกขุนนางเท่านั้นเป็นเจ้าของที่ดิน...

ระบบศักดินาฯ ในสมัยก่อน ก็มาจากเรื่องนี้... ดีว่า ร.5 เริ่มให้"กรรมสิทธิ์"ที่ดินครับ... บ้านเมืองเลยราบคาบไม่มีเหตุร้ายแรงเหมือนประเทศยุโรปที่แผ่นดินลุกเป็นไฟเมื่อเปลี่ยนระบอบ...

นายสมชายว่าคนที่ตอบรายละเอียดเรื่องนี้เชิงรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์พร้อมกันได้ดีที่สุดคือคุณ L/E ครับ... ไม่ฮา
(เรื่องเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์หลายประเด็นเป็นเรื่องเดียวกันโดยธรรมชาติ)

ขอบคุณมากเจ้าค่ะ :D

  ยินดีด้วยครับ เจ้าตัวนี้ กินเปลืองจริง ๆ  :D :D :D

 ;D มาเป็นกำลังใจให้น้องโบว์ค่ะ...ตอนแรกที่พี่เริ่มเรียน ป.โท ก็ว่าเหนื่อยแล้ว รู้สึกจะเจอคนเหนื่อยกว่าอ่ะ
บางทีขบคิดมากๆ อาจทำให้มองไม่เห็น ลองพักสายตาจากตัวหนังสือบ้าง กลับมาอ่านใหม่ อาจเข้าใจ..ง่ายขึ้นได้ค่ะ  ;)
สู้ต่อไปจ้ะ....  ;D

โอ้ว..มึนครับ

แต่นแต้น...ผ่านพ้น present ไปด้วยดี โดยการโยนให้อาจารย์ present หัวข้อนี้ให้เจ้าค่ะ :~) อาจารย์ก็อธิบายเหมือนที่พี่นายสมชาย(ฮา) บอกมาเจ้าค่ะ พอถามอาจารย์กลับไปว่าแล้วการร่วมมือกันทางสังคมนี่จะช่วยลดปัญหาความยากจน และความไม่เท่าเทียมกันได้หรือไม่ อาจารย์ก็บอกว่ามันยังมีอีกหลายๆ ปัจจัย นี่แค่ fundamental รู้แค่นี้ไปก่อน :~)

 ;D ยินดีด้วยเจ้าค่ะ เข้าใจนะ โยนให้อาจารย์ เป็นทางออกที่ดีเลยเชียว ;D

ยินดีกับคุณโบว์ด้วยครับ  สู้ครับสู้ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปข้างนึง

วานซืน present Economics วันนี้สอบ Final Statistics เจ้าค่ะ ฮ่า ฮ่า

อืมมมมม......ยังหัวร่อ ออกอยู่แสดงว่ากำลังใจดีรึปล่าวววว