๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

สนทนาภาษาปืน => ซึมเศร้าทีม => ข้อความที่เริ่มโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 11:30:27 AM



หัวข้อ: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 11:30:27 AM
 ::014:: ::008::

04/05/55
17.30 น.รถตู้โตโยต้ารุ่นล่าสุดจอดที่หน้าบ้าน ผมเปิดประตูก้าวลงจากรถ กล่าวขอบคุณคนขับพร้อมปิดประตู
“ วันอังคารเจอกันใหม่ครับ” น้าเร หรือเรวัติคนขับรถรับ-ส่งพนักงาน กล่าวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ใช่สิ เย็นวันศุกร์ วันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์ และวันพรุ่งนี้เป็นวันมหามงคล วันฉัตรมงคล ได้หยุดชดเชยในวันจันทร์อีก  รวมแล้วสัปดาห์นี้ได้หยุดยาวถึง 3 วัน เหล่าลูกจ้างหรือที่เรียกกันอย่างเพราะพริ้งว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างพวกผมจึงได้เฮกันเต็มที่  

ผมเปิดประตูก้าวเข้าในบ้าน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศประทะเข้ากับร่างจนหนาวยะเยือก ลูกทั้งสามคนชายตามองผมนิดหนึ่งแล้วหันกลับไปจ้องจอคอมพิวเตอร์ต่ออย่างสนอกสนใจ

ผมเป็นลูกจ้างในโรงงานเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เงินเดือนตำแหน่งหัวหน้าส่วนไม่ได้มากมายอะไรนัก หักค่าน้ำค่าไฟ ผ่อนรถแล้ว จึงเหลือแค่พอพาครอบครัวอันประกอบด้วยลูกสามเมียหนึ่งมีกินไปวัน ๆ เดือนไหนมีรายจ่ายอื่นเช่นค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ กิจกรรมต่างๆของลูก นั่นหมายถึงต้องพึ่งบริการของแหล่งเงินกู้สารพัดบัตรเครดิต บัตรเงินสดที่มีอยู่แน่นกระเป๋า

ผมเกิดในครอบครับที่ค่อนข้างขัดสน   เงินเดือนอันน้อยนิดยของครูประชาบาลของพ่อไม่ได้อำนวยความสุขให้กับลูกทั้ง 6 คนเท่าไหร่นัก อาศัยได้อิ่มท้องจากข้าวฝีมือการทำนาของแม่  มีเสื้อผ้าใหม่ๆจากเงินเดือนของพ่อ ก็พอจะดูดีกว่าเด็กทั่วไปในหมู่บ้านหน่อยนึง

 ชีวิตในวัยเด็กของผมไม่ได้โลดโผนโจนทะยานเหมือนเด็กในปัจจุบัน  ตื่นเช้าล้างหน้าแปรงฟันกินข้าวแล้วก็เดินไปโรงเรียน  วันหยุด คว้าหนังกะติ๊กคู่มือ กระติ๊บข้าว น้ำพริกปลาร้ากระโดด ขึ้นหลังควายมุ่งสู่ท้องนา  อันเป็นศูนย์รวมของเด็กในละแวกนั้น

การเลี้ยงควายของเราคือการนำวัวควายไปเลี้ยงที่ทุ่งนาหลังเก็บเกี่ยว ใช้เชือกล่ามยาวประมาณ 10 เมตร ผูกกับเสาหลัก อย่างแน่นหนาป้องกันวัวควายหลุดเข้าไปลุยไร่มันสำปะหลัง หรือลงไปในแปลงนาที่ยังไม่เก็บเกี่ยว ซึ่งหมายถึง ผิวหนังอันบอบบางจะได้สัมผัสกับ ไม้เรียวหรือฝ่ามืออรหันต์ฝีมือไม่แม่ก็พ่อ หนักบ้างเบาบ้างตามสถาณการณ์

ผูกควายเสร็จเรียบร้อย ก็เป็นเวลาของพวกเรา หนังสะติ๊กที่คล้องคอ ลูกดินเหนียวในกระเป๋ากางเกง ถูกนำออกมาอยู่ในสภาพพร้อมยิง พวกเราเดินเราย่องตามป่าละเมาะ สายตาสอดส่ายหาเหยื่อ เป้าหมายของพวกเราก็คือ นก กิ้งกา หรือสัตว์ป่านานาชนิด ที่อาวุธคู่กายจะจัดการได้ วันไหนเจองูสิงหรืองูเห่า อาหารเที่ยงวันนั้นก็สุดแสนจะโอชา และเป็นเรื่องเล่ากล่าวขวัญกันไปนาน

หมดยกที่ 1


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 03:37:45 PM
พบ  เพชรน้ำดี  อีกเม็ดหนึ่งแล้ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 03:42:47 PM
 ::014:: ::005::ขอบคุณครับท่าน...อยู่ว่างๆพิมพ์อะไรเล่นๆเรือยเปื่อยไป

 ::012::ขอคั่นเวลาด้วยภาพที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ...เวลานี้ รอสัญญานอพยพครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 03:54:07 PM
 ::012::เว๊ยยยยย...อพยพซะทีสิโว๊ยยยย...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 03:55:00 PM
...ระเบิดในโรงงานอะไรครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 03:59:20 PM
 ::014::ยังไม่ชัดเจนครับพี่ ทิคนั้นคือ โรงกลั่น  ...ตามวิทยุที่ติดต่อกันบอกว่า ฟ้าผ่าถังเก็บก๊าซของโรงงานแถวนั้นครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 04:00:40 PM
...แถวนั้นปกติสารเคมีเพียบอยู่แล้ว  ::013::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 04:05:19 PM
 ::012::ครับพี่ ทั้งสารเคมี ก๊าษพิษ ...ควันลอยไปทางชุมชนมาบตาพุด

 ::012::โชคดีที่ผมไม่อยู่ได้ลม แต่ก็ได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันไว้แล้ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 04:42:11 PM
เซาะกราวจะนับ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ตูรุส ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 04:56:06 PM
เซาะกราวจะนับ ::005::

แน๊ะ. ศัพท์วัยสะรุ่นซะด้วย

รอยก2 ครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 04:58:53 PM
 ::005::ขอเวลาลี้ภัยก่อนก๊าบบบบบบ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 05:43:55 PM
ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ... ::014::

เซาะกราวจะนับ ::005::
::005:: ::005:: ::005::



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 07:27:31 PM
ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ... ::014::


 ::014::ขอบคุณครับป้าโม่ ได้แต่ภาวนา...ขนาดผมอยู่ห่างร่วมครึ่งค่อนกิโล เสียงระเบิด แรงสะเทือนแทบตกเก้าอี้...คนที่อยู่หน้างานนึกภาพไม่ออกว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพเช่นไร

http://socialcam.com/v/7EorGEdQ?autostart=true&autostart=true&facebook=true&fb_action_ids=2762809368738%2C291032947650028%2C403272833027328&fb_action_types=video.watches&fb_source=other_multiline


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 08:05:41 PM
 ::005::ยกที่ 2 ครับ
      เสียงกลองเพลดังแว่วมาบอกเวลาใกล้เที่ยง พวกเราแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามที่ตัวเองถนัด  ทำกับข้าว ตำส้มตำ กางตาข่ายไล่จับปลาซิว ขุดปูขุดกบเขียดมาเพิ่มเติม พาควายไปกินน้ำที่หนองน้ำซึ่งภารกิจสำคัญ ทั้งนี้ต้องไม่ลืมวัวควายที่ชาวบ้านเขาฝากเลี้ยงเพราะเจ้าของติดธุระเช่น ไปช่วยลงแขก ไปโห่ งานศพ ฯลฯ
      การที่อยู่ในสังคมที่พึ่งพาและแบ่งปันงานฝากเลี้ยงจึงเป็นงานที่พวกเรารับด้วยความเต็มใจ เพราะนั่นหมายถึงกับข้าวอร่อย ๆ ที่เจ้าของงานให้คนนำมาส่งให้อีกด้วย

      ลงแขกหรือภาษาชาวบ้านเรียก”นาวาน”อาจจะมาจากการวานให้ช่วยทำนา และต่อมาคงใช้ไปกับงานอื่นด้วยเช่นปลูกบ้าน ขุดมัน ฯลฯ นาวานจะมีทั้งแบบไปขอแรงให้ช่วย หรือไปช่วยกันเอง

      แบบแรก ตอนเย็นก่อนวันนาวานเจ้าของงานจะไปหาเพื่อนบ้าน นั่งยกมือพนมแล้วกล่าว”มาขอนาวานไปทำ....”บอกงานที่ทำ พร้อมวันเวลา ผู้ถูกหาก็พนมมือรับแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ ก็เป็นอันเสร็จพิธี พอถึงวันงานเจ้าของงานแค่เตรียมอาหารหรือของที่จำเป็นไว้ และแน่นอนที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือสาโทไหใหญ่ ๆ  ซึ่งต้องเตรียมไว้ให้เพียงพอกับแรงงานที่ไปหามา ส่วนผู้ถูกขอแรงก็จะเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือไป เช่น เคียว จอบ เสียม ฆ้อน เลื่อย หรือ คราดไถ วัวควาย ตามลักษณะงานที่ถูกขอแรง

      แบบหลังเป็นลงแขกแบบเฮโล ซึ่งแบบนี้จะใช้กับเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกัน มีบ่อย ๆ โดยเพื่อนที่ทำของตัวเองเสร็จแล้วจะชวนกันไปรุมช่วยเพื่อนที่ยังไม่เสร็จซึ่งอาจเพราะเป็นลูกคนเดียว มีที่นามาก หรือเหตุอื่นๆ...โดยเจ้าของงานไม่รู้ตัว ทุกงานจบด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเจ้าบ้านและแขก ลงท้ายด้วยช่วยกันหามขี้เมาไปส่งบ้าน  

      การนาวานมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาจนถึงปัจจุบัน และคงจะมีต่อไปอีก จนกว่าความเจริญทางวัตถุจะเข้ามากลืนกินวัฒนธรรมอันดีงามนี้ไป

      การลงแขก ที่ผมได้เห็นที่บ้านเกิด เป็นเรื่องที่งดงาม น่าสรรเสริญ แต่ทำไมการลงแขกที่ได้อ่านตามหนังสือพิมพ์มีแต่เรื่องชั่วช้าเลวทราม อัปรีย์จัญไร

      ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่าเรื่อง ไปโห่ และงานศพ ด้วยก็แล้วกัน  

      ไปโห่ มันก็คือ การออก"ไล่ราว"นั่นเอง ย้ำ ไล่ราวนะครับ ไม่ใช่"ไล่ลาว" เพราะลาวอย่างผม เมื่อรู้ว่าเธอรังเกียจ ก็จะจากไปในทันที ไม่ต้องให้ใครมาออกปากไล่ให้เมื่อย ...ไม่ง้อและไม่ต้องการให้ใครมาง้อด้วย หุ หุ หุ จำไว้เลยยายอ้วน...  

      เริ่มจากจากมีชาวบ้านพบร่องรอยสัตว์ป่าแล้วนำข่าวมาบอกกันด้วยวิธีง่ายคือ แบกปืน(แก๊บ)ไปยังจุดหมา เดินผ่านที่ไร่ที่นาใคร ก็จะตะโกน “โห่ โห่ ...ห้วยเสือร้องเด้อ “ คนที่ได้ยินไม่ว่าจะเป็น เด็ก สตรี หญิงครรภ์ หรือวัยชรา ก็จะตะโกนบอกต่อๆกันไปแบบภาษาทหารเค้าเรียกการสื่อคำสั่ง ... ผู้สนใจก็จะหยิบปืนผาหน้าไม้ มีดพร้ากระท้าขวาน ตามเขาไป และงานแบบนี้ พรานมือฉมังอย่างพวกผมมีหรือจะนิ่งเฉย จัดแจงแบ่งกำลังไปร่วมสนธิ อย่างน้อยครึ่งของกำลังที่มี ออกร่วมปฏิบัติการทันที ..
      
อาจมีคำถามว่า แค่หนังกะติ๊กจะไปทำอะไรได้ คำตอบคือ ไปตีเกาะเคาะไม้ โห่ร้องให้สัตว์ตกใจ วิ่งหนีไปทางพรานปืนที่ดักซุ่มอยู่ นี่กะมังเขาจึงเรียกการไล่ราวนี้ว่า ไปโห่ ...  

       หากการโห่ครั้งนั้น”หมาน”การแบ่งสรรปันส่วนก็จะเกิดขึ้น โดยพรานผู้ยิงได้ จะได้หัว หนัง ส่วนเนื้อจะได้มากกว่าเพื่อน ในกรณีที่นัดแรกเอาไม่อยู่พรานที่ซ้ำ จะได้เนื้อมากรองลงมาหน่อย ที่เหลือก็เป็นของพรานปืน พรานโห่ ได้ลดหลั่นกันมา การแบ่งเนื้อนั้น เรียกว่า”แบ่งพูด “

      การแบ่ง ก็แบ่งแบบง่าย ๆ โดยการนับจำนวนพรานแต่ละหน่วยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แล้วตัดไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่เล็กๆ เสี้ยมปลายแหลมสำหรับเสียบเนื้อ จากนั้นก็จะหั่นเนื้อทุกส่วนเป็นชิ้นเท่ากับจำนวนคน ไม่เสียบร้อยเป็นพวงแบ่งกันน้อยมากตามหน้าที่

      ต่อไปงานศพครับ
 
      เมื่อมีคนในหมู่บ้านตาย คนในบ้านจะลากปืน(แก๊ป)ออกมา ยิงขึ้นฟ้าตูมนึง...อ้อ ขอร้องอย่าให้ผมไปบอกเขา ว่ายิงขึ้นฟ้ามันไม่ดี ยิงลงดินเถอะ...เสียงปืนในหมู่บ้านจะบอกถึงความผิดปติ คนใกล้ก็ตะโกนบอกกันต่อๆไปจนถึงท้องไร่ท้องนา และมาที่บ้านงานอย่างน้อยบ้านละคน คนที่มางานนั้นจะมีของช่วยงานติดมือมาด้วย เช่นข้าวสาร มะละกอ ปลาร้า ฯลฯ  เรียกว่า “ ไปกินทาน “ งานอวมงคล เป็นงานที่ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ย่อมขาดความพร้อม    

       ศพจะตั้งอยู่ที่บ้านและสวด 1 คืน นำไปป่าช้าในบ่ายวันต่อไป จากนั้นก็สวดที่บ้านต่ออีก 3 คืน เป็นอันเสร็จพิธี ระหว่างนั้น บ้านงานจะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพ หนุ่มสาวได้เจอกัน เซียนพนันมีได้เสีย ประเพณีนี้ เรียกว่า “งันเฮือนดี” เพื่อนผมหลายคนมีเมียก็เพราะงันเฮือนดีนี่แหละ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 09:11:50 PM
 ::002::  มาติดตามครับ....สนุก และได้ความรู้  ::014::
++


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 09:15:54 PM
 ::014::ขอบคุณครับพี่


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 09:20:30 PM
 ::002::เยี่ยมเลยทิด เอาอีก........เอาอีก  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมคนอีสานจากรากเหง้าที่แท้จริง

ไม่นึกว่าพี่ธำรงจะมาติดตามด้วย :D



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 09:45:58 PM
::002::เยี่ยมเลยทิด เอาอีก........เอาอีก  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมคนอีสานจากรากเหง้าที่แท้จริง

ไม่นึกว่าพี่ธำรงจะมาติดตามด้วย :D


ต้องติดตามซิครับ ... ผมต้องถือเป็นลูกอีสานครับพี่หลวงรินสุราพ่าย - รักในหลวง ...... แม้ว่าผมจะพูดภาษาอีสานไม่ได้  ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 10:09:08 PM
มารออ่านยกสามครับ

+ ให้จ้ะ  :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 11:02:11 PM
ขอบพระคุณน้าเป้าครับ  รออ่านเช่นกัน  ....  อิอิอิ 


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 07:48:31 AM
::002::เยี่ยมเลยทิด เอาอีก........เอาอีก  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมคนอีสานจากรากเหง้าที่แท้จริง

ไม่นึกว่าพี่ธำรงจะมาติดตามด้วย :D


ต้องติดตามซิครับ ... ผมต้องถือเป็นลูกอีสานครับพี่หลวงรินสุราพ่าย - รักในหลวง ...... แม้ว่าผมจะพูดภาษาอีสานไม่ได้  ::005::
สงสัยจะเป็นลูก(เขย)อีสานกระมังครับ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ตูรุส ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 07:58:20 AM
ผมก็เขยคนต้ายยยังแหล่งต้ายยไม่ชัดเลยก้าาาาา ฮานีบ่เฮ้ยยยยย.  อิอิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 08:23:20 AM
เห็นอู้กำเมืองได้ชัดเจน...........สงสัยจะย้ายจากใต้ขึ้นเหนือละม๊างงงงงงงงงงงง ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 08:32:33 AM
 :D  ชอบครับกด like ตรงไหนครับ ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 05:49:16 PM
 ::014::ขอบคุณครับทุกท่าน...คงจะทะยอยพิมพ์-ลงไปเรื่อยๆ มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ตามเอกลักษณ์ของผมครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 06:34:24 PM
กินเหล้าคนเดียวเหงาจัง :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 06:59:22 PM
 :D~ถ้าระยะทางซัก ยี่สิบโล ปู่ต้องไม่ได้กนคนเดียวแน่ครับ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 08:13:39 PM
มาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกันดีกว่า........จะได้เมาทุกวัน ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 08:15:46 PM
 ::005::ปลูกบ้านนี่...ใช้ปุ๋ยสูตรไหนอ่ะครับปู่..... ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 08:28:33 PM
40-40-40% :D~


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 09:24:53 PM
 40 ดีกรีแหง๋ๆ    ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 09:28:27 PM
 ::005::เอาน่าน้าเสือ พอกล้อมแกล้ม......ท่องไว้ว่า เป้าหมายของการดื่มเหล้า ก็คือ เพื่อให้เมา...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 09:32:50 PM
::005::เอาน่าน้าเสือ พอกล้อมแกล้ม......ท่องไว้ว่า เป้าหมายของการดื่มเหล้า ก็คือ เพื่อให้เมา...

ใช่เลย........เมื่อวานไปเมืองเลยก็เมาตั้งแต่ขึ้นรถบัสจาก กทม.-เลย  เสียงไม่ขาด

ถึงบ้านงานก็เจอสุราอีกแล้ว  ขากลับขึ้นรถก็มีจิบๆมานิดหน่อย.......... ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 09:38:00 PM
RO  ช่วยปักหมุดด้วยนะครับ....... จะได้มีกระทู้ที่คุยกันได้สบายใจ อีกซอยรู้สึกว่าจะเป็นซอยตันนะครับ.....เอิ๊กๆ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 10:12:59 PM
::005::เอาน่าน้าเสือ พอกล้อมแกล้ม......ท่องไว้ว่า เป้าหมายของการดื่มเหล้า ก็คือ เพื่อให้เมา...

ใช่เลย........เมื่อวานไปเมืองเลยก็เมาตั้งแต่ขึ้นรถบัสจาก กทม.-เลย  เสียงไม่ขาด

ถึงบ้านงานก็เจอสุราอีกแล้ว  ขากลับขึ้นรถก็มีจิบๆมานิดหน่อย.......... ::005::

 ::007::ขับเคลื่อนด้วย L.ก.ฮ.อ่ะครับน้าเสือ...กทม.-เลย ไม่ไกลหรอกครับ...ถ้า บดท.อนุญาตให้นำเหล้าและกลองยาวขึ้นเครื่อง...ผมว่า บินไปหาพี่เจษ พี่บุญที่เม-กา คงใกล้ไป...รอบโลกก่อน 3 รอบแล้วตอยเอาเครื่องลงก็ยังไหว


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 06, 2012, 11:04:02 PM
::005::เอาน่าน้าเสือ พอกล้อมแกล้ม......ท่องไว้ว่า เป้าหมายของการดื่มเหล้า ก็คือ เพื่อให้เมา...

ใช่เลย........เมื่อวานไปเมืองเลยก็เมาตั้งแต่ขึ้นรถบัสจาก กทม.-เลย  เสียงไม่ขาด

ถึงบ้านงานก็เจอสุราอีกแล้ว  ขากลับขึ้นรถก็มีจิบๆมานิดหน่อย.......... ::005::

 ::007::ขับเคลื่อนด้วย L.ก.ฮ.อ่ะครับน้าเสือ...กทม.-เลย ไม่ไกลหรอกครับ...ถ้า บดท.อนุญาตให้นำเหล้าและกลองยาวขึ้นเครื่อง...ผมว่า บินไปหาพี่เจษ พี่บุญที่เม-กา คงใกล้ไป...รอบโลกก่อน 3 รอบแล้วตอยเอาเครื่องลงก็ยังไหว

ถ้าพวกเราเหมาลำไป USA   เดี๋ยวผมคุยกับการบินไทยให้ ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 06:43:31 AM
สิ้นปีว่าจะซื้อ Jet สักลำ  เอาไว้บินไปกินกาแฟแถวบราซิล........บินไปยิงปืนเมกา........

ไปกินว๊อดก้ารัสเซีย...........ไปหาเมียอเมริกาใต้ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 07:05:46 AM
สิ้นปีว่าจะซื้อ Jet สักลำ  เอาไว้บินไปกินกาแฟแถวบราซิล........บินไปยิงปืนเมกา........

ไปกินว๊อดก้ารัสเซีย...........ไปหาเมียอเมริกาใต้ ::005::


 ::014::  สวัสดียามเช้าครับพี่ต้อยและพี่-น้อง

เดี๋ยวเอาโพสต์นี้ให้พี่ติ๋มดู............ ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 07:30:00 AM
เดี๋ยวก็โดนตอกหน้ากลับมาว่า..........จะมีปัญญารื๊อออออออออออออ ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 08:21:22 AM
เดี๋ยวก็โดนตอกหน้ากลับมาว่า..........จะมีปัญญารื๊อออออออออออออ ::007::

เอ้า................พี่ติ๋มเป็นซะงั้น  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 10:01:37 AM

  +10 like ...  :VOV: :VOV: :VOV: ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 12:44:09 PM
สิ้นปีว่าจะซื้อ Jet สักลำ  เอาไว้บินไปกินกาแฟแถวบราซิล........บินไปยิงปืนเมกา........

ไปกินว๊อดก้ารัสเซีย...........ไปหาเมียอเมริกาใต้ ::005::


 ::014::การขับ Jet สำหรับพลเรือน เค้าห้ามขับเร็วนะครับปู่...ต้องค่อยๆ ย่อง ไป


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 12:47:52 PM
ตกลงครับ........ถ้าขับเจ๊ท...........จะค่อยๆย่อง........ไป ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 12:54:00 PM
"ขับเจ็ท" เฉยๆนะ   ไม่มีผวน ไม่มีเติมใช่ป่ะ  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 01:22:49 PM
ตกลงครับ........ถ้าขับเจ๊ท...........จะค่อยๆย่อง........ไป ::005::
::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 02:25:26 PM
ตกลงครับ........ถ้าขับเจ๊ท...........จะค่อยๆย่อง........ไป ::005::
::007:: ::007:: ::007::

เอิ๊กๆ ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 02:34:15 PM
ตกลงครับ........ถ้าขับเจ๊ท...........จะค่อยๆย่อง........ไป ::005::
::007:: ::007:: ::007::

เอิ๊กๆ ;D

เข้ามาจังหวะที่พี่ๆเค้าขำกัน   ขอแอบขำด้วยคนนะครับ  ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 02:34:39 PM
ตกลงครับ........ถ้าขับเจ๊ท...........จะค่อยๆย่อง........ไป ::005::
::007:: ::007:: ::007::

เอิ๊กๆ ;D

โห....... ปู่บังเอิญหรือเจตนาครับเนี่ย 


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 02:35:49 PM

  ระดับนี้ไม่ต้องถาม 555  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 02:58:07 PM
 ::005::แบบว่า กลัวพี่ติ๋มตื่น ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: alpa ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 03:06:07 PM
+555 ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 03:42:34 PM
+555 ::007::

 ::002::สวัสดีครับ ท่าน alpa  +1 ก่อน...สมัครสมาชิกแล้วเข้ากระทู้นี้...มาปุ๊บ หัวเราะปั๊บ แสดงว่าท่านเป็นคนอารมย์ดี...ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ...เข้าเวปเพื่อหาความรู้ พักผ่อน คลายเครียด ...หากเข้าแล้วเครียด ก็ไม่รู้จะเข้ามาทำไม

 ::005::โบราณว่าไว้ว่า หัวเราะหนึ่งครั้ง อายุยืนไปอีก 7 วัน...

 ::014::ส่วนคุณหมอที่อนามัยบอกว่า สูบบุหรี่หนึ่งมวน อายุสั้นลง 7 วัน...

 ::005::ผมสูบบุหรีวันละสิบกว่ามวน และในหนึ่งวัน ผมหัวเราะ มากว่า 20/วัน...ฉะนั้น ผมอายุยืนแน่ๆ สะบาย สบาย...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 03:58:11 PM
ผมอายุจะยืนกว่า  เพราะได้กุศลที่ทำให้พี่ๆน้องๆหัวเราะกันได้.............จริงป่ะ ::005::

ตกลงครับ........ถ้าขับเจ๊ท...........จะค่อยๆย่อง........ไป ::005::
::007:: ::007:: ::007::

เอิ๊กๆ ;D

โห....... ปู่บังเอิญหรือเจตนาครับเนี่ย 
ไม่ได้เจตนาเลยจริง........จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...............เชื่อป่ะ ::005::

+ให้ท่านalpa และท่านเขรางค์-รักในหลวง ด้วยครับที่เข้ามาร่วมขำ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ พฤษภาคม 08, 2012, 08:59:23 AM
 
  แก๊งๆๆๆๆๆ....ปลุกพี่เป้ามาเล่าต่อครับ... ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 08, 2012, 10:32:50 AM
 
  แก๊งๆๆๆๆๆ....ปลุกพี่เป้ามาเล่าต่อครับ... ;D

อ้ายตี๋  สั่นกระดิ่ง+ตีระฆังทำอยางกับรถเก็บขยะอ่ะ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 08, 2012, 10:40:20 AM
 ::005::ยังเล่าต่อไม่ได้อ่ะ...มะคืนปรึกษากะปู่ว่าควรจะเล่าเรื่องอะไรดี...ปู่เมาพูดไม่รู้เรื่อง รอให้ปู่หายเมาค่อยสรุปอีกทีครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ พฤษภาคม 08, 2012, 11:39:01 AM
 
  แก๊งๆๆๆๆๆ....ปลุกพี่เป้ามาเล่าต่อครับ... ;D

อ้ายตี๋  สั่นกระดิ่ง+ตีระฆังทำอยางกับรถเก็บขยะอ่ะ ::005::


   :OO..รถขยะที่ไหน รถไอติมครับพี่เสือ  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 12:17:12 AM
 
  แก๊งๆๆๆๆๆ....ปลุกพี่เป้ามาเล่าต่อครับ... ;D

รอด้วยจ้ะ

 ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 08:47:23 AM
 
  แก๊งๆๆๆๆๆ....ปลุกพี่เป้ามาเล่าต่อครับ... ;D

อ้ายตี๋  สั่นกระดิ่ง+ตีระฆังทำอยางกับรถเก็บขยะอ่ะ ::005::


   :OO..รถขยะที่ไหน รถไอติมครับพี่เสือ  ;D

อ้าวหรอ.......... ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 09:09:42 AM
 ;D ;D ;D
รอ...ร้อ...รอ....
อยากรู้ ทางอีสานจะมีเด็กๆชอบตกปลาเหมือนเราหรือเปล่า...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 09:56:32 AM
ตอนเด็กชอบตกปลา...........โตขึ้นมาชอบชักว่าว...................................ปักเป้า ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:08:01 AM
 ::005:: ต่อ ยกที่เท่าไหร่ไม่รู้ครับ

อ่ะ ก่อนที่ผมจะพาพี่น้องเข้ารกเข้าพง จนหลงทางกัน ขอแนะนำให้รู้จักกับบ้านผมก่อน เพื่อเวลาเจออะไรแปลก ๆ ไปกว่าชาวบ้านเขา จะได้ไม่มีข้องกังขาครับ

      บ้านผมเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ อยู่ในอำเภอเล็กๆ ที่ความเจริญอยู่ในอันดับท้ายๆของจังหวัด อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 60 กม. มีธนาคารอยู่ 2 แห่ง คือ ธนาคารไทยพานิชย์ เปิดบริการจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 09.00น. – 12.00 น. และ ธกส. และทั้งอำเภอ มีตู้เอทีเอ็มอยู่ 2 แห่ง คือ ที่หน้าธนาคารไทยพานิชย์และที่หน้าโรงพยาบาล

“ บ๊ะ งั้นข้าไปจ่ายบัตรเครดิตตอนบ่ายโมง ก็จ่ายไม่ได้สิ “....ครับแบงค์ทำงานครึ่งวันเช้าครับ บ่ายเขาเข้าไปทำงานที่สาขาในตัวเมืองครับ

“ ทำไม ไม่ทำทั้งวันเหมือนที่อื่น แบบนี้ อู้นี่หว่า“ ...ไม่อู้ครับ ไม่คุ้ม ไม่มีลูกค้า เสียเวลาเปล่า อำเภอเล็ก ๆ มีแต่ฝาก ไม่มีถอน ...เช้า ๆ ไปแบงค์ ฝากเงินก่อน แล้วค่อยไปสวน  ขุดมันสำปะหลัง ใส่รถอีแต๊ก หัวสั่นด๊อกแด๊กไปขายโรงมัน กว่าจะได้เงินมาก็เย็นแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยเอาไปฝากครับ

      การคมนาคม ทางบกเท่านั้นครับ ถนนลาดยางอย่างดี แต่ต้องหลีกเลียงในช่วงเช้าและเย็น ถ้าจำเป็น ก็ต้องขับช้า ๆ อย่างระมัดระวัง  เพราะเป็นเวลาสำหรับวัวควายและรถไถคูโบต้า...มีรถโดยสารวิ่งเข้าตัวจังหวัดตั้งแต่เวลาประมาณ 06 – 10 น. และจากจังหวัดไปอำเภอเวลาประมาณ 12-16 น....

นอกเหนือจากเวลานี้ หากไม่มีรถส่วนตัว ก็เหมาคันครับ  อ้อ...รถโดยสารที่ว่าานี้ เป็นรถสองแถวนะครับไม่ใช่รถบัสติดแอร์เหมือนรถเจ๊เกียว..รถบัสสวยๆแบบนั้น ถ้าไม่เข้าตัวเมือง หรือมีผ้าป่ากฐินมาทอดก็ไม่ได้เห็น...ดังนั้น หากไปเทียว อย่าเอารถบัสไปเป็นอันขาด อาจถูกผมมองจนเหลียวหลังได้ครับ แบบว่านานๆพวกผมจะเจอที เลยสงสัยว่าใคร มาทำอะไร อิอิอิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:21:46 AM
ดีจัง เราอยู่ กทม.ไม่เคยเห็นเลย....
เอ้อ...ที่ต่างจังหวัดมีเซเว่นไหมครับ...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:28:38 AM
 ::012::ไม่มีว๊อย..เซเว่นมีแต่ในตัวจังหวัด ...บ้านผมมีแต่ร้านขายของชำ ...ขายตั้งแต่ปลาร้ายันปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง...ขายครบวงจรแบบนี้  บ้านน้าซับมีป่าว


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:30:15 AM
อูย..ย...ไม่มีวุ๊ย....
แล้วบ้านที่ต่างจังหวัดเขาชอบใช้พัดลมหรือติดแอร์กันอ่ะครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:38:56 AM
 ::002::อยู่กลางป่า บนเขา มีลมพัดตลอด ...ไม่ร้อน...ใช้พัดลมก็เพียงพอครับน้าซับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:45:01 AM
อิ อิ ว่ากันต่อ ถึงตอนที่พี่เป้าไปขโมยมะม่วงบ้านกำนันแล้ว...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:48:46 AM
 ::014::ต่อครับ
      จังหวัดผมเป็นจังหวัดที่ใช้ภาษาหลากหลายจังหวัดหนึ่ง มีทั้งภาษาย้อ กะเลิง ภูไท โส้ โย้ย ส่วนอำเภอที่อยู่ค่อนติดอุดรธานีอุดรจะพูดภาษาอิสานเหมือนชาวอิสานทั่วไป... และมีอำเภอหนึ่ง เป็นน้องใหม่ ประชากรส่วนมาจะเป็นคนที่อื่น มาจับจองที่ดินตั้งหลักปักฐาน จึงค่อนข้างหลากหลายเอาการ

      บรรพบุรุษของผม อพยพมากจากเมืองมหาชัยก่องแก้ว บางท่านอาจสัณนิษฐานว่าบรรพบุรุษของผมอาจเบื่อชีวิตตังเก อาจเปลี่ยนแนวจากทำนาเกลือลงเรือจับปลา ลองมาเข้าป่าทำนาข้าว เหมือนในเพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือของสรเพชร ภิญโญดูมั้ง ...ผิดครับ เมืองที่ว่านี้อยู่ในประทศลาว ไม่ใช่สมุทรสาคร แต่ไม่ทราบชัดเจนว่าส่วนไหน..
.
      แม่เฒ่า(ยาย)เล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ของยายและเพื่อนบ้านอพยพหนีจีนห่อ(ฮ่อ)มาอยู่ริมของ(โขง) แต่จีนห่อยังตามราวี จึงหนีต่อมาเรื่อยๆที่ราบใกล้ตัวเมือง ผู้คนส่วนหนึ่งตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ส่วนปู่สังกะสาย่าสังกะสีของผมคงจะกลัวมากจึงลุยป่าฝ่าหนามมาตั้งปักหลักกลางเขาภูพาน เรียกตัวเองว่า ไทกะเลิง มีภาษาพูด ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างจากชาวอิสานส่วนใหญ่

      มาถึงตอนนี้ ท่านอาจสงสัยว่า ”อ๊ะ ดูหน้าตาทิดเป้าก็ดูหล่อเหลา ยังหนุ่มแน่น เกิดทันแม่เฒ่าที่มาจากลาวได้ไง โม้ป่าว ? “ ....หุ หุ หุ ไม่ได้โม้ครับ ยายผมเสียตอนอายุ 124 ปี ผมเรียนอยู่ ป.2

      อาจจะสงสัยอีกว่า”ท่านอยู่มาได้ไงตั้งนานเน”...ท่านก็อยู่ของท่านเรื่อยๆไปเหมือนเราๆท่านๆนี่แหละครับอาหารท่านก็นเน้นผักปลา ตื่นแต่เช้าเดินไปเก็บใบหูกวางมาห่อกะบอง ตำขอนดอก ว่างๆท่านก็ตำข้าวแดกงาให้ผมกิน

      บทท่านจะไป ท่านก็บอกลูกหลานว่าเมื่อยอยากนอน แล้วก็หลับไปเลย พอท่านเสีย ลูกหลานถึงได้รู้ว่าหมอนขิดใบใหญ่ที่ท่านนั่งพิงอยู้นั้น ข้างในอัดแน่ไปด้วยเงินหมากข้อและเงินฮาง แล้วเงินที่ว่านี่ คือเงินชาติไหน เงินหมากค้อ คือเงินที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดตะค้อที่ถูกแกะบางส่วนออก ส่วนเงินฮางลักษณะคล้ายเรือแจว กว้างยาวเท่านิ้วมือ..

      ”.อูยยยย....ของเก่ามีราคาทั้งนั้น แบบนี้ทิดก็รวยเละสิ” ...ปล่าวครับ บรรดาลูกๆเผาไปกับร่างของท่านหมดเลย...เหลือไว้เพียงดาบสองเล่ม หอกด้ามไม้ไผ่ยาวสองเมตรกว่า และหน้าสีนู ( หน้าไม้ ) ....

      “เหลือไว้แต่ของดี ๆ ทั้งน้านนนนน”  ครับ ผมก็ว่างั้นแหละ

      “ แล้วทิดได้อะไรมามั่งล่ะ” ตอนลูกผมเกิด ลุงเอาเงินสตางค์รูผูกข้อมือ คนละหลายสิบเหรียญครับ

       “ขอดูมั่งเด่ะ มีของพ.ศ.ไหนบ้าง”  อย่าเสียเวลาหาเลยครับ ยายอ้วนเมียผมดูทุกเหรียญแล้ว พ.ศ.ที่ทำหวยได้ ไม่มีซักเหรียญครับ
 
      “งั้นทิดก็มีลูกอีกดิ ลุงเค้าจะได้ให้อีก ”  เสียใจครับ เมียผมทำหมันแล้ว

       “ไม่เห็นยาก หาเมียใหม่เลย” บอกตรง ๆ ว่าไม่กล้าครับ ไม่ต้องถึงสากกะเบือในมือหล่อนหรอก  แค่หล่อนแกล้งละเมอกลิ้งทับผม ผมก็ถึงแก่กรรมแล้ว อย่ายุเสียให้ยาก

       “แสดงว่าทิดเป้ากลัวเมีย ? “ เปล้า...ผมไม่ได้กลัวเมีย ผมกลัวตายต่างหาก

      “งั้นเปลี่ยนเรื่องใหม่” ดีครับ คุยเรื่องเมีย สติสะตังผมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวยังไงชอบกล

       “แล้วภาษาล่ะมันแตกต่างจากชาวบ้านเขายังไง”...ภาษนากะเลิงจะห้วน สั้น หลายๆคำ สระ ไอ จะพูดเป็น สระเออ ...เอาพอเป็นออเดิ๊ฟก็แล้วกันครับ

      พ่อ โพ๊ะ... แม่ เบ๊ะ... ใบไม้ เบยไม้...น้ำใส น้ำเส็ย...ใกล้  เก้ย ฯลฯ

      “อืมมมม...มันแตกต่างชาวบ้านเค้าจริงวุ๊ย เวลาเจอกันจะคุยกันรู้เรื่องมั๊ย ” …รู้ครับ แต่ละภาษาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ศัพท์คล้ายกัน ผิดเพียงสำเนียง ยกเว้นภาษาโส้
        
      “ โซ่  ? “ ... โส้ครับ ไม่ใช่โซ่ ... โซ่น่ะเก็บไว้ให้ครูหมูใส่จักรยานขี่ตามหารักแท้ของแกเหอะ อย่าไปยุ่งกับของแกเลย

      “ เป็นยังไงล่ะ “...ว้า ไปมุดอยู่ใหนมาถึงไม่รู้ว่า ครูหมูขี่จักรยานออกล่าเด็กหนุ่ม ๆ ไปหลายจังหวัด... เขารู้วันทั้งเวป

      “ เรื่องครูหมู เกย์เฒ่าคนนั้น รู้ตั้งนานแล้วว๊อย ที่ถามนี่ ถามเรื่องภาษาโส้ “.....อ๋อครับ สำเนียยงคล้ายส่วยหรือเขมร แต่ไม่ใช่ คนส่วยหรือเขมรมาฟัง ก็ไม่รู้เรื่องครับ
 
      “ แล้วทิดฟังรู้เรื่องมั๊ย “...หึ มืดตึ๊บ เวลาออกนอกหมู่บ้าน เจอชาวต่างถิ่นเจอกันก็จะส่งภาษาย้อ อันเป็นภาษากลางของจังหวัด จะได้สื่อสารกันง่าย ๆ ครับ

      ” พี่น้องแถวๆ นาจะหลวย บุญฑริก ที่พูดสลับกันระหว่าง ด เด็ก กับ ร เรือ “....ครับที่อำเภอผมก็มีครับ  

อาจมีคำถามอีกว่า ..”.ทิดเป้ารู้ไหมว่า คนที่อพยพครั้งนู้นนนน...มีใครบ้าง”
 
      มีนายศรีมุกดา  นายจำวงค์ลา ฯลฯครับ   ต่อมาทางรัฐบาลให้มีการตั้งนามสกุล กลุ่มของนายศรีมุกดาทั้งหมด ก็ใช้นามสุกศรีมุกดา กลุ่มนายจำวงศ์ลา ใช้นามสกุลจำวงลา กลุ่มพองพรหมใช้พองพรหม...

       คงมีสงสัยอีกว่า “ ยังงี้มันก็ซ้ำๆกันสิ” แม่นแล้วครับ ทั้งหมู่บ้านมีแค่นามสกุลแค่นี้ ...ในตัวอำเภอ มีนามสกุลพองพรหม ดาบโสมศรี ดาบพิมพ์ศรี และแต่ละหมู่บ้านมีแค่สองามนามสกุลเท่านั้น ดังนั้นแค่เห็นนามสกุล ก็รู้ได้ว่า มาจากหมู่บ้านไหน ข่าวหนุ่มสาวนามสกุลเดียวกันแต่งงานกัน มีให้เห็นอยู่ตลอด

       “แล้วยังงี้ มันกันเหมือนกับภาษาหมอที่เขาว่ายีนส์ด้อย ลูกเกิดมามีแววปัญญาอ่อนเหมือนทิดล่ะสิ” เปล่าครับ เขานามสกุลเดียวกันเฉย ๆ ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และที่เป็นญาติกันก็จำได้ ว่าใครเป็นใคร

       “แล้วทิดอยู่กลุ่มไหนล่ะ” ตากลุ่มพองพรหม ยายศรีมุกดาครับ

      ข้อมูลที่ผมได้จากโรงเรียนในหมู่บ้านเดือนเมษาปีกลาย พบว่า ปัจจุบันนี้ ในหมู่บ้าน มีถึง 47 นามสกุล แสดงว่าการคมนาคม การสื่อสารสะดวกขึ้น จึงมีการไปหาคู่ครองได้ไกลขึ้น  

ยกนี้เอาความเป็นมาล้วนๆ ...หากไม่เล่าความเป็นก็คงมีการเป็นงง ต่อไม่ถูก...และในยกนี้ เป็นการเล่าจากความทรงจำ อาจผิดเพี้ยนไปบ้างครับ



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 11:17:01 AM
แจ๋วเลยพ่อทิดความเป็นมาที่หลายๆคนอยากทราบ   ::002::



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 11:30:33 AM
ดีจังครับ  ตอนนี้มีคนต่างถิ่นเข้าไปอยู่เยอะเลย
ไม่เกิดปัญหาหรือครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 12:08:51 PM
เล่ามั่ง คั่นเวลา


เรื่อง ..จูบบบ........ใครคิดว่าไม่สำคัญ.......


ทนายความชาวอินเดียคนหนึ่ง ทำงานอยู่ในอังกฤษ
เขียนจดหมายถึงภรรยาที่นิวเดลี

สุนิตายอดรัก......
เดือนนี้ผมส่งเงินเดือนมาให้ไม่ได้ เพราะเกิดปัญหาวิกฤติ ทางการเงินของโลกกระทบไปถึงบริษัท
ที่ผมทำงานอยู่ด้วย...ดังนั้น จึงขอส่งจูบ 100 ครั้ง มาแทน ผมรักคุณมากที่สุด โปรดบริหารจัดการ
ไปก่อนนะจ๊ะ

........................... จากสามีสุดที่รักของคุณ
ชิดา ซิงห์

........................................................... ....................................

ภรรยาจึงมีจดหมายตอบกลับไปว่า

ขอบคุณสำหรับ จูบ 100 ครั้ง ฉันได้บริการจัดการไปแล้ว ดังนี้

1..คนส่งนม ตกลงรับจูบ 2 จูบ สำหรับนม 1 เดือน

2..พนักงานไฟฟ้า ตกลงจะไม่ตัดไฟถ้าฉันให้ 7 จูบ

3..เจ้าของบ้าน มาเก็บค่าเช่าทุกวัน วันละ 2 หรือ3 จูบ แทนค่าเช่าบ้าน

4..เจ้าของร้านขายของชำ ไม่ยอมรับชำระด้วยจูบ ฉันจึงต้องทำอย่างอื่นให้แทน
หวังว่าคุณคงพอเข้าใจ.....

5..และยังมีค่าใช้จ่ายยิบ ๆ ย่อย ๆ อีก 40 จูบ

ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันยังพอมีจูบเหลือใช้ถึงเดือนหน้า จะให้ฉันเตรียมตัวไว้ สำหรับเดือนหน้าด้วยไหมคะ


...................


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 12:12:55 PM
 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 03:45:01 PM
 ::012::ระเบิดก็ระเบิดแล้ว...ยังจะมารั่วซ้ำอีก...ตรูขี้เกียจวิ่งแล้วนะว๊อยยยย


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 04:47:21 PM
 ;D ;D ;D

โรงงานไหนอีกครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 04:59:10 PM
;D ;D ;D

โรงงานไหนอีกครับ

ที่เดิม...ควบคุมได้แล้ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 09, 2012, 10:32:56 PM
ได้อ่านแล้วก็ +  ไปทั้งพี่ทิดและก็เจ้ซับ   คนละหนึ่งแต้ม

 ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 10, 2012, 12:02:26 PM
ทอนคืนจร๊า.....
+เจ้าของกระทู้ด้วย1แต้ม


แล้วรอพี่เป้ามาเหลาต่อ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 10, 2012, 10:44:39 PM
 ::005::วันนี้ ตื่นมาเล่ายามดึกครับ

      หมดหน้านาอันเป็นงานเหนื่อยที่สุดของคนและควาย ชาวบ้านส่วนมากจะปล่อยขึ้นโคก คือการปล่อยวัวควายขึ้นไปหากินอย่างอิสระบนเขาภูพานจนกว่าจะถึงหน้านาปีหน้า โดยเจ้าของไปดูบ้างเดิอนละครั้งสองครั้ง

      “ อ๊ะ...งั้นก็เสร็จโจรสิ “ ไม่เสร็จครับ เขามีวิธีป้องกันที่ดีพอ ตามที่ผมเรียนแล้วว่า บ้านผมเป็นสังคมพึ่งพาและแบ่งปัน หมดหน้านาก็จะเป็นโอกาสของคนหนุ่มยังไม่มีครอบครัว ที่แสวงหาที่อยู่อาศัย อันเป็นปัจจัย4 ของมนุษย์ โดยจะจับคู่กัน 2- 4 คนเป็นคู่ๆ เก็บข้าวของจำเป็น พวกข้าวสาร เกลือ ปลาร้า เลื่อย ขวาน มีด ที่ขาดเสียไม่ได้คือปืนแก๊ป และหมาพราน ต้อนวัวควายขึ้นไปเลี้ยงบนเขา เก็บหน่อไม้ล่าสัตว์เป็นอาหาร

      วัวควายที่รับฝากก็เป็นของญาติๆ เพื่อนบ้านข้างเคียง ที่นาติดกัน หรือของสาวที่หมายปอง แน่นอนครับ เขาจำได้หมดว่า ตัวไหนเป็นของใคร บางคนถึงกับจำได้ แยะแยะว่าเสียงหมากกะโหล่ง (กระดึง) หรือเสียงหมากกะแหล่ง(กระดิ่ง) เสียงไหนเป็นของตัวไหน จำนวนที่รับฝากก็น้อยบ้าง มากบ้างตามกำลัง ส่วนมากก็อยู่ที่ 20-30 ตัว

      ยามว่างก็จะโค่นต้นไม้ลำสวยๆ เลื่อยเป็นไม้กระดาน เสา ทะยอยขนลงมาเพื่อเตรียมสร้างบ้าน พักเหนื่อยจากงานเลื่อยไม้ก็เดินออกดูฝูงวัวควายที ตกเย็นก็ต้อนควายเข้า”แหล่ง”เช็ดยอด ครบตามจำนวนแล้วก็นอน สานกระติ๊บข้าว ข้อง ไซ ออกส่องสัตว์ไปตามเรื่องตามราว หรือจะเป่าแคน ตีกะลอ ก้ไม่มีใคว่า  กว่าจะถึงหน้านาอีกปีเขาก็ได้ไม้พอที่จะสร้างบ้านได้ เมื่อมีไม้ การยกบ้านก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไปขอนาวาน ช่วยกัน 2-3 วันก็เป็นรูปเป็นร่าง


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านชายหาด ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 03:19:37 AM
อ่านแล้วนึกถึงคุณลุงน้อยอินทนนท์...แต่สงสัยว่าการถามตอบนี่พี่เป้าคิดได้อย่างไร..สุดยอดครับผมไม่เคยเจอเลย..กดไลค์ให้ล้านครั้ง


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 08:33:10 AM
อ่านแล้วนึกถึงคุณลุงน้อยอินทนนท์...แต่สงสัยว่าการถามตอบนี่พี่เป้าคิดได้อย่างไร..สุดยอดครับผมไม่เคยเจอเลย..กดไลค์ให้ล้านครั้ง

 ::014::ขอบคุณครับท่านต่อ...การถามตอบก็เรื่อยเปื่อยไป เป็นแบบคิดเองเออเองครับ....คิดว่าเรื่องเล่า ย่อมมีคนสงสัย ...ก้เลยตั้งคำถาม คุยกับตัวเองซะเลยครับ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: S.V ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 08:38:32 AM

   พี่ต่อต้องมากดบวกทุกๆ 2 ช.ม แทนครับ...555  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 08:48:06 AM
 ::005::
          และเมื่อมีบ้านแล้ว การที่จะให้เถ้าแก่ไปสู่ขอสาวคนรักก็เป็นเรื่องง่าย และไม่อายใคร เพราะได้แสดงให้ฝ่ายเจ้าสาวเห็นว่า เป็นผู้มีมานะ ขยันเป็นที่ไว้ใจได้ ส่วนหญิงสาวก็จะทำไร่ฝ้าย เพื่อนำมาทอเป็นผ้าห่ม ที่นอน หมอน ผ้าขาวม้า เครื่งนุ่งห่มไว้เช่นกัน ไม่ต้องแปลกใจเมื่อยามไปพักบนเรือนของคนอิสานแล้วเห็นผ้าห่มที่นอนมากมายก่ายกอง ใช้ได้ถึงลุกถึงหลาน..นั่นคือฝีมือของลูกสาวคนขยันของเขาล่ะ

        ชาวบ้านทั่วไปก็จะพึ่งคนหนุ่มเหล่านี้ด้วยการนำวัวควายไปฝากเลี้ยง นานๆ  จะไปดูทีและไม่ลืมที่จะหาของกินของใช้จำเป็นรวมถึง หมื่อ(ดินปืน) แก๊บ ยาเส้น แก๊สก้อนสำหรับเติมตะเกียง ติดมือไปฝากเป็นสินน้ำใจ....

      ” ...........พวกเขาหลับนอนกันที่ไหน หรือว่าบนเขาภูพานที่ว่ามีบังกะโล ?“  ......นอน ”ทับ “ครับ ....

      ”ทับคือะไร เป็นด่านเก็บเงินเหมือนทับช้างรี ? ”    ........คนละทับกันครับ

      ทับ คือกระท่อม ขนำ หรือเถียงนา นั่นเองครับแต่มีขนาดใหญ่ อยู่กลางเขา กระจายกันอยู่ในทำเลทีมีแหล่งน้ำ หญ้าอาหารสัตว์อุดมสมบูรณ์ การปลุกทับ ไม่ได้เกิดจากการนาวาน หากเกิดจากการชักชวน ร่วมมือร่วมใจกันสร้างที่พักแรมสำหรับคนไปเฝ้าวัวควาย ล่าสัตว์ เลื่อยไม้

      เครื่องอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ ก็มีแค่หมอนเก่าเลอะขี้คราบน้ำลายโอ่งน้ำแตกๆแหว่งๆใบเล็ก เขียง จานชามหม้ออลูมิเนียมบิดๆเบี้ยวๆ หวด หม้อนึ่งข้าว ข้าวของเหล่านี้เป็นของผู้ที่มาพักในทับ ยามเดินทางกลับก็จะทิ้งของกินของใช้ให้คนข้างหลังได้กินได้ใช้ ไม่แบกกลับให้หนัก ใครจะไปจะมาจะกินจะอยู่ที่ทับไหนก็ได้ไม่วากัน 

      “ทับ “จึงเป็นศาลาสาธารณประโยชน์ เป็นสมบัติของทุก ๆคน  พวกเขาจะกลับเข้าหมู่บ้านเมื่อยามของใช้จำเป็นหมด (โอกาสเกิดขึ้นน้อยเพราะมีผู้นำไปให้ตลอด) เจ็บป่วย ที่บ้านมีงานบุญ วงดนตรีลูกทุ่งมาปิดวิก คิดถึงหน้าสาวเจ้า

      และพบว่าวันควายขาดหายไปตามหาสุดกำลังแล้วไม่พบ พวกเขาจะรีบลงมาที่หมู่บ้านแจ้งข่าวให้เจ้าของ ผู้ใหญ่บ้านระดมชาวบ้านออกช่วยกันตามหา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หายไปเพราะแตกฝูง ติดตัวเมียฝูงอื่น หรือเชือกสนตะพายติดอยู่กับกิ่งไม้ บางตัวถึงรัดคอหายใจไม่ออกถึงตาย เจ้าของก็ได้แต่ปลงแล้วก็ตกพูดแบ่งกัน...เหตุการณ์เช่นนี้ ผู้เจ้าของมักจะป้องกันโดยการตัดเชือกสนตะพายสายหมากกะโหล่งก่อนปล่อยขึ้นโคก   


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 09:11:08 AM
อยากเกิดเป็นควาย  จะได้ขึ้นโคกๆ ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 09:47:33 AM
อยากเกิดเป็นควาย  จะได้ขึ้นโคกๆ ::008::
พี่ต้อยฮึกเหิมๆ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 11:23:47 AM
พี่เป้าคับ..... " ขอเรื่องเหล้า " อีกครับ ^-_-^ :<><>


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 12:45:32 PM
 ::014::
      วัวควายก็เหมือนสัตว์อิ่นทั่วไป ที่มีที่นอนแหล่งหากินที่ชัดเจน การไล่ต้อนวัวควายออกจากเขตหากินของมันนั้นเป็นเรื่องยาก ต้อนขึ้นเขาสูงชันย่อมยากกว่าและยิ่งต้อนไปให้เล็ดลอดจากสายตาผู้คนคนและเหล่าหมาพรานที่กระจัดกกระจายกันอยูตามทับยิ่งยากขึ้นไปอีก เรื่องโจรขโมยจึงแทบจะตัดออกไปได้เลย

      “อืมมม... แสดงว่า นอกจากมันผูกคอตายเองแล้ว วัวควายบ้านทิดเป้าก็ไม่เคยหายเลยสิ “...........หาย แต่ตามคืนได้เกือบทั้งหมดครับ
 
      “ ตามยังไงล่ะทิด เล่าให้ฟังหน่อยซิ” .............แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ตีกะลอ ระดมคนพร้อมปืนผาหน้าไม้ ส่งม้าเร็วไปบอกหมู่บ้านข้างเคียงช่วยกันดู ส่วนหนึ่งดักชายเขา ส่วนนึงตามรอยไป ไม่ช้าก็เร็ว เดี๋ยวก็เจอครับ

      “ แล้วที่บอกว่าได้คืนเกือบทั้งหมด ก็แสดงว่าตามไม่เจอล่ะสิ “.............เจอครับ เหลือแต่หนังกับเขา ส่วนเนื้อกลายเป็นซิ้นหลอดไปเสียแล้ว

      “โจรไม่คิดต่อสู้เหรอ แบบว่ายิงกันสนั่นระเบิดภูเขาเผากระท่อม เหมือนหนังคุณฉลองภักดีวิจิตรน่ะ “....ไม่หรอกครับ  แค่หวังต่อทรัพย์ ไม่ได้ต่อสู้ชิงพื้นที่เหมือนตอนที่ป๋ามะขิ่นนำกำลังไปตบกะโหลกทหารต่างชาติออกจากแผ่นดินไทยที่ชายแดนปราจีน หรือท่าน INFANTRY - LONG LIVE THE KING พาลูกน้องไปตะเพิดเพื่อนบ้านเกเรแถวภูมะเขือครับ ขโมยพวกนี้ เห็นชาวบ้านเป็นร้อย ก็วิ่งหางจุกตูดแล้วครับ

      “ ทิดเป้านี่ ไม่ธรรมดาเลยจำวัวควายได้ทั้งหมด “ ..........เปล่าวครับ ควายก็คือควาย หน้าตาก็เหมือนควาย ผมแยกแยะไม่ออก เลยใช้วิธีจำเชือก ซื้อเชือกไนล่อนขดใหญ่ เปลี่ยนให้เหมือนกันทั้งหมด แค่นี้ก็ไม่ไล่ควายชาวบ้านเขาเข้าแหล่งแล้วครับ

      “ อืมมมม...ฉลาดไม่ใช่ย่อย “.........ครับ ผมก็ว่างั้นแหละ


      เมื่อย่างเข้าฤดูฝน เขาเหล่านั้นก็กลับเข้าหมู่บ้านอีกครั้ง พร้อมกับฝูงวัวควายพ่วงพีอ้วนท้วนสมบูรณ์ที่ถูกไล่ต้อนจากบรรดาผู้เป็นเจ้าของ เพื่อรับความเหน็ดเหนื่อยของฤดูไถหว่านแห่งปี ที่หมุนเวียนมาอีกครั้ง ......


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 01:18:27 PM
เล่าตอนอยู่ในป่าให้มั่งสิ เจออะไรสนุกๆบ้างไหม


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 02:03:48 PM
เล่าตอนอยู่ในป่าให้มั่งสิ เจออะไรสนุกๆบ้างไหม


นี่ไง พี่เป้า กำลังต้อนควายเข้าป่า......เดี๋ยวควายก็จะเป็น======>>>>ควายป่า :VOV: ::001:: ::002:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 08:24:12 PM
อีเผือก   เป็นควายตัวเมีย   ติดฝูงไปเลี้ยงบนเทือกเขาภูพาน  เฉกเช่นควายตัวอื่นี

แต่อีเผือกเป็นควายสาวที่สมบูรณ์พันธุ์    หลังจากที่ควายสาวถูกปล่อยในป่า

มหิงสา  ซึ่งขาดคู่เคียงเรียงหมอน   ก็ปะกับอีเผือก  ควายบ้าน  ด้วยธรรมชาติ

หลังจากอีเผือก  กลับมาที่หมู่บ้าน   ก็ตกลูกเป็นควายที่กำยำล่ำสัน  มีเขาผิดแผกจาก

ควายบ้านทั่วไป     .........................ถ้าจำควายที่เล่นหนังเรื่องบางระจัน

นั่นแหละลูกผสมระหว่างมหิงสากับควายบ้าน




หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 08:25:33 PM
มหิงสา    เป็นควายป่า  สูง  ๒  เมตรเศษ  หนักตันกว่า    สามารถผสมกับควายบ้านได้


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 09:52:04 PM
จ้ดมาอีกครับ   รออ่านอยู่ 

+ ให้พี่ทิดกับท่านป้อมทอง   คนละแต้มจ้ะ

 ::002::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 11, 2012, 10:12:33 PM
 ::014::ขอบคุณครับ +1 ทุกท่านเช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 12, 2012, 08:28:33 AM
ขอบคุณพี่ป้อมครับ.. สาระดีๆ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 12, 2012, 11:45:08 AM
วันนี้ยังไม่เห็นพี่ทิดเลย   สงสัยยังไม่ตื่นแหงมๆ

 ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 12, 2012, 11:47:48 AM
ตื่นแล้ว ซักผ้า ถูบ้าน ตัดหญ้า ล้างห้องน้ำ  ทำกับข้าว ยังไม่เสร็จครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 12, 2012, 11:54:02 AM
 ::002::...เยี่ยมเลยครับพี่ทิด   ขยันแท้   



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 01:37:57 PM
อยากฟัง......เรื่องหมี บ้างครับพี่เป้า ::005:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 01:56:50 PM
พักนี้ไม่ค่อยเห็นหมีมั้ง  เลยไม่มีเรื่องเล่า ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 02:05:21 PM
พักนี้ไม่ค่อยเห็นหมีมั้ง  เลยไม่มีเรื่องเล่า ::005::

นั่นนะซิครับ......สงสัยจะห่างๆหมี หรืออาจจะไม่เห็นก็ได้ครับ ::007:: ::007:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 02:35:46 PM
 ::005::น่านนนนนน.....กำลังปั่นอยู่ก๊าบบบบบ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 04:14:13 PM
 ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 04:25:31 PM
::005::น่านนนนนน.....กำลังปั่นอยู่ก๊าบบบบบ

ปั่นนานแล้วก๊าบบบบ.....สงสัยแข็ง แรงหมดพอดี ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 05:41:11 PM
น้าติง    ถามแต่เรื่องหมี ๆ   

มีหอยติดมาบ้างเปล่า


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 06:52:39 PM
ถ้ามีแต่หอย........แต่ไม่มีหมี........ว๊าววววววววๆๆๆๆ ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 07:05:28 PM
 ::014::ง่ะ...ปู่อ่ะ พลอยตามน้าป้อมไปด้วย


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 07:08:18 PM
อุ๊ปส์ส์ส์..........ขออภัยครับ  เค...ลิ้มไปหน่อย ::005::



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 08:03:44 PM
มีแม่ค้าสองคนขายของที่ตลาด...ร้านอยู่ติดกัน... :<><>.
คนแรกชื่อ ยายสี......แกขาย "หอย" ทุกชนิด :VOV:
อีกคน ชื่อ ยายสอย......แกขาย " หมี " ::005::
วันหนึ่งยายสีกับยายสอยทะเลาะกัน....จนเรื่องถึงตำรวจ ::007::
ตำรวจ...เอ้ามีเรื่องอะไรกัน เล่าให้ฟังหน่อย ::011::
ยายสี...เอ่อ คือว่าหมีของยายสอย..มากัดหอยของยายสี...อ่ะค่ะคุณตำรวจ ::010::
ยายสอย....ไม่ใช่ค่ะคุณตำรวจ...คื่อหอยของยายสี....มากัดหมีของยายสอยก่อนค่ะ ::010::
ตำรวจ.....????!!!!??? ::009:: :OO


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 15, 2012, 11:41:35 PM
 ::005:: ::005::

อ่านไปเกร็งไป



+ ให้   เป็นค่าขำละนะครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 07:14:33 AM
 ::005::แบบนี้ตำรวจทำงานลำบากครับน้าติงลี่ ...มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวัง ...จะแยกหอยออกจากหมี หรือแยกหมีออกจากหอย...แยกผิดข้าง ผิดขั้นตอน ถึงขั้นฟ้องร้อง โดนข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากยายสี หรือยายสอยได้ง่าย ๆ ครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 04:15:42 PM
ไม่ยาก...........โกนขนหมีซะ  ไม่ให้ไปยุ่งกับหอย  แค่นี้ก็จบ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 10:46:20 PM
มาว่าผม   มีคนต่อเรื่อง หอย  เรื่อง หมี  กันตรึม

ตำรวจไม่ปวดหัวหรอกครับเรื่อง  ยายสี  กับ  ยายสอย

เพราะทำเป็นงง   รวบทั้งยายสีกับยายสอย

เพราะทั้งหมี  และ หอย ที่เลี้ยงไว้   เป็นสัตว์สงวน


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 17, 2012, 10:35:35 AM
เค้าคงกลัวจะสูญพันธุ์.......เพราะถ้าสูญพันธุ์ไป.....ลำบากแย่เลย ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 19, 2012, 03:04:54 PM
ช่วงนี้ ไม่มีเรื่อง เหล้า เลยครับพี่ทิด

ถ้างั้น...ขอเป็นกับแกล้ม บ้างก็ได้ครับ ::002:: ::002:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 21, 2012, 04:07:16 PM
หิวเลยอ่ะ... :D~


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 21, 2012, 04:48:46 PM
หิวไรอ่ะป้า :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 21, 2012, 05:21:46 PM
หิวไรอ่ะป้า :D
หิวกับค่ะ... :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 21, 2012, 08:31:17 PM
ลืมไปว่าชื่อ...........ขุนขยับ  กับพินาศ ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 07:21:27 AM
ลืมไปว่าชื่อ...........ขุนขยับ  กับพินาศ ::005:: ::005::
แหม ๆๆๆ...มาเรียกขุนได้ไงคะ หนูเป็นผู้หญิงต้องเรียกแม่นางซิคะ... ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 03:10:24 PM
เป็นแม่นางเรไร  รึแม่นางดวงแขดีล่ะป้า ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 03:19:10 PM
แม่นางรมมี่ค่ะ...ดูอินเตอร์หน่อย... ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 03:27:52 PM
แม่นางรัมมี่ ดีไหมนี่


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 03:37:27 PM
แม่นางคนนี้    สูง   ขาว    ยาว   เล่นเอาขุนศึกรบไม่เป็น

สูงนั้นคือวัย    ขาวนั้นคือผม   ยาวคือสายตา


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 03:49:08 PM
กรี๊ด ๆ ๆ ๆ .....พี่ป้อมอ่ะ เดี๋ยวหนูจะฟ้องตำรวจ...  :~)


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 04:01:56 PM
 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 04:14:26 PM
::007:: ::007:: ::007::
::013:: ::013:: ::013::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 04:17:04 PM
 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 04:20:22 PM

                .... ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 04:25:37 PM
 ::005:: ::005:: ::002::

(http://image.ohozaa.com/i/a87/jFstL.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/tu3k)


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 04:45:35 PM
เย็นแระ.........ไปเป็นวีรบุรุษดีกว่า :D~ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 05:15:25 PM

             ...ทิดเป้าของเรา  ช่วงนี้งานเข้า งานเยอะ งานยุ่ง

                จึงไม่มีเวลามาเล่าเรื่องให้ฟัง   ดึกๆคงได้ซักตอนนึง ;)


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 22, 2012, 11:17:11 PM
 ::005:: ::014::อิอิอิ...เข้าได้ตอนดึก...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 23, 2012, 07:18:58 AM
อ่า... ไม่ต้องบอก...  เห็นภาพเลย...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 27, 2012, 03:24:51 PM
 ::005::“ ทำไปเราไม่ปล่อยควายขึ้นโคกครับลุง “  ผมถามลุงขณะที่ท่านกำลังสาละวนเก็บอัฐบริขารอันได้แกระติ๊บข้าว ดินปืน ใส่ถุงย่ามใบเก่า

      วัวควายเราตั้งสี่สิบห้าสิบตัวตัว ไม่มีใครเขาดูให้หรอกหลายเอ๊ย ถ้าซัก 4-5 ตัวก็ว่าไปอย่าง  ขี้เกียจแล้วใช่ม๊ย  ไปโรงเรียนก็ไม่อยากไป พอปิดเรียน ให้เลี้ยงควายก็ขี้เกียจ ชีวิตมึงจะเอาไงกันแน่   ลุงว่าพลางกฉวยปืนแก๊ปขึ้นสะพายบ่า แล้วหันมากำชับอีกที  ...ลุงจะไปตามรอยหมู   ดูแลวัวควายให้ดี อย่าให้หลุดไปเข้าวนเขา ตอนเย็นไปเข้าแหล่ง ตอกลิ่มให้แน่น ๆ ...ว่าแล้วลุงก็เกินดุ่ม ๆ หายไปในแนวป่า โดยมีสมุนทั้ง 4 คือ โคกสนั่น กั่นพร้าหัก ผักอีตู่เหี่ยนและ หัวสิงไคบ่ป่ง วิ่งตามไปติด ๆ

เจ้าสมุนที่ว่าคือหมาหมานหรือหมาพราน ซึ่งเป็นผู้ช่วยของบรรดาพราน

      “ทิด หมาทำไมชื่อแปลกๆ ทำไม่ชื่อ น้ำตาล ว๊อดก้า ออกแนว ๆ เหมือนหมาปู่ต้อย หริอ โคล่าเหมือนน้าน่อย “

มงคลนามของหมาหมานเหล่านี้ มันมีที่มาที่ไปครับ โคกสนั่น หมายถึงเมื่อเจอสัตว์ป่าจะเห่าจนสะท้านเขา...กั่นพร้าหัก ขยันล่า ได้เหยื่อจนด้ามมีดชำแหละหัก ...และขยันจนตะไคร้ ใบแมงลักงอกไม่ทัน

      “ แล้วมันหมานแบบไหนยังไง ...ไม่ใช่ไฮโล อย่ายักไว้..ตรูคนบางกอกไม่ใช่คนบ้านนอกเซาะกราวอย่างทิด....เล่ามาให้หมดเลย “

หมาหมาน คือคือหมาผู้ช่วยพราน นิสัยชอบล่า ไม่เห่าพร่ำเพรื่อ นอกจากเวลาเจอเหยื่อถ้าจ้ดการได้ก็ซัดเลยหากทำอะไรไม่ได้ ก็เเฝ้าและเห่าจนกว่าพรานจะมา

      ไม่ใช่ว่าหมาจะหมานและเป็นหมาพรานได้ทุกตัว...หมามานจะหมายโดยสายเลือด-กรรมพันธุ์ เวลาหมาหมานหรือเมียของหมาหมานตั้งทั้งจะมีคิวจองกันมากมาย บ้างครั้งถึงกับซื้อขายกันตั้งแต่อยู่ในท้องเลยก็มี

      ลุงผมเป็นคนร่างเล็ก ผอม  ท่านได้ชื่อว่าเป็นพรานมือหนึ่งของหมู่บ้าน  ฐานะจัดได้ว่าเป็นเศรษฐี.. เศรษฐีในความหมายของคนบ้านผมก็คือคนที่ไร่นาวัวควายมาก  

      ลุงมีที่นาเยอะ ไหนจะไร่สวน ที่ดินว่างเปล่า มีวัวคควายร่วมครึ่งร้อย จนเจ้าตัวเลี้ยงไม่ไหว ต้องให้ชาวบ้านช่วยนำไปเลี้ยง(ใช้งาน)  ด้วยความเป็นคนโสดและไม่ได้รับการศึกษาเลย ท่านจึงทุ่มเทความรักให้กับหลานทั้งหก ส่งเรียนเท่าที่หลานอยากเรียน  “ ให้มันเรียน  ให้ได้เป็นเจ้าเป็นนาย เงินไม่พอ ...เอาควายไปขาย ”เป็นประโยคที่ท่านบอกแม่ผมบ่อย ๆ

      หลังจากพาควายลงกินน้ำแล้ว ผมกับเพื่อน ๆ เพลินกับการหาปลากัดที่บึงใหญ่ จนใกล้ค่ำ จึงชวนกันต้อนควายเข้าแหล่ง แหล่งควายหรือคอกควายของลุงมีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ในจำนวนนั้นมีต้นกะบกใหญ่ ลูกกะบกที่ร่วงลงมา เป็นอาหารอย่างดีของวัวควาย ...เวลาว่างๆ ผมมักจะคุ้ยกองขี้ควายซึ่งนอกจากจะได้กุ๊ดจี่แล้วยังได้เม็ดกะบกมาผ่ากินเป็นประจำ

      “ อีแหว่งหาย...ควายกูหาย “ ผมรีบวิ่งไปบอกเพื่อน ๆ อย่างตกใจ หลังจากที่นับจำนวนควายในแหล่ง  


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 27, 2012, 04:10:55 PM
โปรดติดตามตอนต่อไป........แหมจบตอนตื่นเต้นเหมือนละครทีวีเลย ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ พฤษภาคม 27, 2012, 06:05:59 PM
จบตอนจะเอา ด้ายเข้า เข็มพอดีเลย ::005:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 29, 2012, 02:23:50 PM
จบตอนจะเอา ด้ายเข้า เข็มพอดีเลย ::005:: ::007::

 ::005:: ::005:: ผมลอกแบบหนังช่อง 7 ครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 29, 2012, 02:27:22 PM
 ::005::
      พวกเราช่วยกันหาตามบริเวณใกล้เคียง พื้นที่สวนใหญ่จะเป็น นาข้าว ไร่มันสำปะหลัง หากอีแหว่งอยู่บริเวณนั้นไม่รอดสาวตาไปแน่ แต่อีกซีกหนึ่งที่เรามองหน้ากันแล้วทำตาปริบ ๆ คือดงใหญ่ที่รกครึ้มแสงแดดส่งไม่ถึงพื้น เต็มไปด้วยไม้ใหญ่นานาพันธุ์ เถาสะบ้าเท่าท่อนขาทอดยาวประหนึ่งงูยักษ์เลื้อยลงจากยอดไม้ ดงแห่งนี้นอกจากยุงป่าจะชุมแล้ว ลุงบอกว่า ผีดุ...( ผมทราบทีหลังว่าดงแห่งนี้เป็นที่ของลุง... ต่อมาได้แผ้วถางทำไร่มัน และเมื่อสองปีที่ผ่านมานี้ ลุงได้ยกที่แปลงนี้ให้กับหลาน ๆ ทั้ง 6 คน )

      “ ป่ะ เรากลับบ้านไปบอกผู้ใหญ่มาช่วยกันหาดีกว่า “

       เรารีบครึ่งวิ่งครึ่งเดินกลับเข้าหมู่บ้านอย่างรีบเร่งจนถึงบ้าน เสียงคนพูดจาไม่ได้ศัพย์สลับกับเสียงเฮฮามาจากบ้านของลุง ผมฝ่าวงเหล้าขาวที่ลานบ้านตรงตรงเข้าไปหาลุงแล้วบอกดัง

      “ ลุง อีแหว่งหาย “ 

      “ หายกี่ตัว ตัวไหนบ้าง “ ลุงถามเสียงเรียบ ๆ

      “ อีแหว่งหายตัวเดียว “ ผมบอกเสียงปนสะอื้น

      “ เฮ้ย เลี้ยงยังไง ปล่อยให้ควายหาย เป็นลูกครูซะเปล่า ป่านนี้ ควายเป็นซิ้นหลอดแล้วมั๊ง “ เสียงแซวมาข้างหลัง ควายหายทั้งตัว ผมไม่สนุกด้วยหรอก

      “  เพ็ง ดำ ไปดูหน่อย เดี๋ยวมันไปเข้าไร่เข้าสวนเขา ไม่ไปไหนไกลหรอก “ ลุงหันไปบอกญาติที่นั่งล้อมวง ที่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า กำลังชำแหละหมูป่าตัวเขื่อง ที่ลุงยิงได้เมื่อตอนเย็นแล้วช่วยกันหามมาชำแหละที่บ้านเพราะไม่ได้เตรียมตะเกียงไป 

      ญาติทั้งสองคว้าตะเกียงแก๊ส ( ตะเกียงที่ใช้แก๊สก้อน หรือ calcium carbide ) เดินดุ่มออกไปทันที โดยผมเดินตามติด ๆ พวกเพื่อน ๆ ผมนั้นถูกผู้ใหญ่เรียกกับบ้านกันหมดแล้ว
     
อีแหว่ง เป็นควายชราตัวเดียวที่เรามีอยู่ ผมเคยถามลุงว่าทำไม่ไม่ขายมันเสีย...

      “  มันเป็นควายนา เคยลากคราดลากไถ ให้เขาเอาไปฆ่าไม่ได้หรอก สงสารมัน  “ ลุงตอบสั้น ๆ ...ควายทุกตัวไม่ใช่ว่าจะเอามาลากไถได้เลย ต้องมีการฝึกการหัด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลาพอสมควร ควายทั้งฝูงจึงมีควายนาอยู่แค่ 5 – 6  ตัว

       “ ชื่อควายคุ้น ๆ หู ...ลุงของทิดเป้าจำมาจากชื่อช้างของอาจาย์พนมเทียนหรือเปล่า ”
 
      “ เปล่าครับ ลุงผมอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ อย่าว่าแต่อ่านเพชรพระอุมาเลย เขียนชื่อตัวเองยังไม่เป็น “
“ เอ๊าแล้วกัน ...เวลาติดต่ออำเภอ จะทำยังไง “

      “ ไม่ยาก..แค่.แปะโป้ง พิมพ์ลายนิ้วมือ ก็เป็นอันเสร็จสรรพครับ เร็วดีด้วย “

      การตั้งชื่อคนหรือสัตว์ในสมัยก่อนนั้น มักจะนำจุดด้วย จุดเด่นมาเป็นนาม เช่น ตัวขาว จะได้ชื่ออีขาว ไอ้เผือก... ตัวดำ ๆ  เรียก ไอ่ซับ...เอ๊ย ไอ่นิล ไอ่ดำ ฯลฯ  ...ชื่ออีแหว่งได้มาเมื่อครั้งมันยังเล็ก มันเข้าลุยสวนของญาติที่อยู่ใกล้กัน โดนเจ้าของสวนเอาไม้ไล่ตี...บังเอิญเหลือเกิน ปลายไม้ไผ่แหลมคมที่ตีมันนั้น ไปเฉี่ยวเข้าอวัยวะที่บอกเพศเพมียของมัน ฉีกแหว่งไป มันจึงได้ชื่อ”แหว่ง “มาตั้งแต่บัดนั้น

      “ อืมมมม...พอจะเข้าใจวื่อหมาของปู่ต้อยแล้วว่า ชื่อไอ้หรั่ง นังตาล มาจากไหน แต่ชื่อน้าซับนี่สิเป็นงง...ทำไมไม่ตั้งชื่อว่า น้าดำ หรือจะให้ออกแนวฝรั่งหน่อยก็ชื่อน้าแบล็คไปเลย “ ครับ อย่ายุ่งกับน้าซับแกเลย...ปล่อยให้แกใช้เวลาไปหารักแท้ของแกเหอะ “

       พี่เพ็งเดินนำไปยังป่าละเมาะใกล้ ๆ ที่เลี้ยงควาย จากชายป่าเข้าไปประมาณ 30 เมตร แสงไฟจากตะเกียงแก๊สส่องเห็นร่างผอมดำสนิทของอีแหว่งยืนเคี้ยวเอื้องอยู่ข้างต้นไม้ขนาดย่อม ผมรีบวิ่งเข้าหาทันที อีแหว่งถูกล่ามด้วยเชือกยาวประมาณ 1 เมตร ปลายเชือกผูกไว้กับต้นรัง ตรงโคนต้มมีฟางกองอยู่ ...ที่เขาของอีแหว่งมีข่า ตะไค้ และห่ออะไร 2ห่อมัดด้วยตอกติดอยู่อย่างแน่นหนา ผมรีบแกะดูข้างในอย่างสงสัย

       “ ห่อพริก เกลือ...แกะดูทำไม “เสียงพี่ดำเอ่ยขึ้นอย่างขำ ๆ

       “ เขาห่อพริกแล้วมัดติดกับเขาอีแหว่งทำไม “ ผมถามต่ออย่างสงสัย

      “ นี่แสดงว่าอีแหว่งเข้าสวนเขา เขากำลังเตือนมึงให้ดูแลควายให้ดี อย่าให้ไปเข้าสวนเขาอีก ไม่งั้นเขาจะเอามันทำลาบ เห็นมั๊ยเขาเตรียมเครื่องลาบไว้แล้ว “

       อีกความรู้และประสบการณ์หนึ่ง ที่ผมต้องจำไว้...การอยู่ในสังคมย่อมมีความขัดแย้ง .วิธีแก้ไขและยุติข้อขัดแย้งมีตั้งหลายวิธีให้เลือก จะเอาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หรือแบบบัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น ...จากเบา ไปหาหนัก


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 08:25:53 AM

           ...หนุกอ่ะ  ::002::

              วันอาทิตย์ไม่ต้องเล่านะ มาตามเรื่องในนี้ดีกั่ว ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 09:08:52 AM
ขอเบิกเงินค่าตัวหน่อย
เอาเราไปเป็นตัวประกอบคู่กะอีแหว่งเฉยเลย...  ::013:: ::013:: ::013::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 09:46:31 AM
ขอเบิกเงินค่าตัวหน่อย
เอาเราไปเป็นตัวประกอบคู่กะอีแหว่งเฉยเลย...  ::013:: ::013:: ::013::

             ...ที่ชอบนะ    ตรงนี้แหละ ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 10:45:07 AM
พาดพิงอีกที....
ปั๊ด..ขวิด..ใส้ทะลัก....

 ::009:: ::009:: ::009::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 12:31:10 PM
พาดพิงอีกที....
ปั๊ด..ขวิด..ใส้ทะลัก....

 ::009:: ::009:: ::009::

อ้าว...เขางอกแล้วเหรอ... ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 01:25:58 PM
 :D   ::002::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 04:21:34 PM
มาติดตามซีรีย์ของทิดเป้า  หรือมาดูตาซับไล่ขวิดชาวบ้านครับพี่ธำรง ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 06:11:54 PM
มาติดตามซีรีย์ของทิดเป้า  หรือมาดูตาซับไล่ขวิดชาวบ้านครับพี่ธำรง ::005::

 ::014:: ชอบสไตล์การเล่าการเขียนของทิดเป้า และอบอุ่นกับการหยอกเย้ากันของสมาชิกครับพี่หลวงรินสุราพ่าย   ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 06:25:03 PM
 ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 30, 2012, 07:16:13 PM
มาติดตามซีรีย์ของทิดเป้า  หรือมาดูตาซับไล่ขวิดชาวบ้านครับพี่ธำรง ::005::

 ::014:: ชอบสไตล์การเล่าการเขียนของทิดเป้า และอบอุ่นกับการหยอกเย้ากันของสมาชิกครับพี่หลวงรินสุราพ่าย   ::005::
ครับผม ::005:: ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 31, 2012, 07:05:13 AM


           ...ขอบคุณครับพี่ ::014:: 

     


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ พฤษภาคม 31, 2012, 08:52:56 AM
มาติดตามซีรีย์ของทิดเป้า  หรือมาดูตาซับไล่ขวิดชาวบ้านครับพี่ธำรง ::005::
::014:: ชอบสไตล์การเล่าการเขียนของทิดเป้า และอบอุ่นกับการหยอกเย้ากันของสมาชิกครับพี่หลวงรินสุราพ่าย   ::005::
หยอกมั่งขวิดมั่งค่ะ...::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 05, 2012, 11:37:17 AM
วันนี้อยากขวิดอ่ะ แต่ไม่เห็นมา....


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ มิถุนายน 05, 2012, 12:52:25 PM
วันนี้อยากขวิดอ่ะ แต่ไม่เห็นมา....
::006:: ::006:: ::006:: ::001::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 05, 2012, 04:27:31 PM
วุ๊ย..งอนไปทั่ว
พี่เป้าก๊าบ แถวบ้านพี่เป้าเขาทำยังไงก๊าบ...
เวลาเจอคนงอน....


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ มิถุนายน 05, 2012, 11:05:41 PM
วุ๊ย..งอนไปทั่ว
พี่เป้าก๊าบ แถวบ้านพี่เป้าเขาทำยังไงก๊าบ...
เวลาเจอคนงอน....
คลานเข้าไปง้อ..อิ..อิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 09, 2012, 11:43:21 AM
วุ๊ย..งอนไปทั่ว
พี่เป้าก๊าบ แถวบ้านพี่เป้าเขาทำยังไงก๊าบ...
เวลาเจอคนงอน....
คลานเข้าไปง้อ..อิ..อิ

           ....แสดงว่าอยู่ใต้เตียง


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มิถุนายน 15, 2012, 06:36:43 AM
 ::012::ฮ่วย !!!!!!


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ มิถุนายน 18, 2012, 11:36:12 AM
::012::ฮ่วย !!!!!!

 ::007:: ::007:: ::007:: ห้วย  ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 19, 2012, 02:18:17 PM
...หัวคอย...


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มิถุนายน 19, 2012, 09:01:20 PM
...หัวคอย...

 ::013::แน่ะ...ยักลงต่ำอีก...ไม่เอาว๊อย...อาร์โอเงื้อมะเหงกรอแล้ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเล่าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 24, 2012, 09:28:45 PM
 ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 07:52:01 AM
 ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 24, 2012, 11:20:37 PM
  พี่น้าเป้าคนอีสานแท้บ่หรือคนกรุงเทพอยู่อีสานมาโดน  .....   เพื่อนผมคนชัยภูมิ  คนกาฬสิน  คนโคราช  คนหนองบัว  บ่มีไผ เรียกควายว่าควาย  .....   อิอิอิ 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 08:54:52 AM
สกลนคร นครพนม หนองคาย จะเรียก"ควาย" ไม่ผิดเพี้ยนครับน้องรู ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 10:34:33 AM
 ::014::


ชื่อสามัญ                           กระหังหรือกะหัง

ชื่อวิทยาศาสตร์                    เกาะหาง

ตระกูล                               ผีดิบ

ถิ่นกำเนิด                           ประเทศไทย

สาเหตุการกำเนิด     เชื่อกันว่า เกิดจากผู้ชายที่ไปเรียนวิชาคาถาจนอาคมแก่กล้า แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ครูบาอาจารย์ห้ามไว้ จึงกลายร่างเป็นกระหัง

ถิ่นที่พบ     ทั่วทุกภาคในประเทศเทศไทยและลาว  ไม่ไปรากฎว่ามีผู้พบเห็นในประเทศอื่นหรือทวีปอื่นนอกเหนือจากนี้

ลักษณะทั่วไป      ผีกระหัง ผีกระหังนี้เป็นผีspeciesผีกระสือและผีปอบ แตกต่างกันตรงกระสือเป็นเพศหญิง กระหังเป็นเพศชาย   กระหังเป็นผีที่บินได้ แต่หลอกไม่เป็นที่แตกต่างจากผีอื่นซึ่งมักจะแลบลิ้นปลิ้นตา แหกอก ควักตับไตใส้พุงออกมาโชว์ ส่วนกระหังนั้นพบเห็นเพียงบินไปหากินตามที่ต่างๆ ยามกลางวันก็จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมผู้คนในสังคมอย่างปกติ  แต่ตอนกลางคืนจะกลายร่างเป็นอีกร่างหนึ่ง มีกระด้งติดอยู่ที่แขนทั้งสองข้าง และใช้กระด้งนี้เป็นปีกกระพือ ทำให้ยกตัวหนีแรงดึงดูดของโลก บินขึ้นสู่ท้องฟ้า อันเป็นวิธีเดียวกับแมลงหรือสัตว์ปีกทั่วไป  แต่ไม่พบว่ากระหังเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้บังคับอากาศยานหรือบินได้ตามกฎหมาย

อาวุธ     ไม่ปรากฎว่ากระหังจะใช้อาวุธปอื่นเป็นอาวุธประจำกายไม่ว่าจะเป็นปืนสั้น-ยาวหรือมีด  เท่าที่พบเห็น พบว่ากระหังมีเพียงสากกระเบือเป็นอาวุธประจำกาย และเหน็บไว้ที่หว่างขาเท่านั้น อาจเป็นเพราะปัจจุบันมีการณรงค์ปราบปรามปืนื่อน และทางการไม่ออก ป12 ให้แก่บุคคลทั่วใปหากพกอาวุธปืนในที่สาธารณะอาจถูกจับต้องหาหลักทรัพย์มาประกันตัว และถูกส่งฟ้องศาล จึงพกเพียงสากกระเบือซึ่งไม่ขัดต่อกฎหมาย หากมีด่านตรวจพบก็สามารถแจ้งว่านำไปใช้งานอื่น เช่น ตำน้ำพริกได้

อาหาร     กระหังหากินในเวลากลางคืน กินสิ่งสกปรกโสโครกเป็นอาหาร เช่น อุจจาระ ซากสุนัข ของเน่าเสียต่างๆ สังเกตได้ว่า กระหัง กระสือ ปอบ จะมีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารเหมือนกัน

ประโยชน์     กระหังจะช่วยกำจัด(กิน)สิ่งสกปรกโสโครก เน่าเสียที่มีอยู่ทั่วไป เป็นห่วงโซ่อาหารและจัดการสิ่งแวดล้อม

โทษ     ผู้คนทั่วไปมักจะเกิดความหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล
การขยายพันธุ์ ขายพันธุ์ด้วยการสืบทอดทายาท เช่น บ้วนน้ำลายใส่ปาก หรืออาหาร ให้ผู้ที่เป็นทายาทกิน เมื่อนกินแล้ว ทายาทนั้นก็จะเป็นกระหังโดยสมบูรณ์

การกำจัด      ต้องใช้หมอผีที่มีอาคมแก่กล้ามาทำการถอดถอนวิชา เมื่อถอนเสร็จแล้วร่างกระหังมักจะเสียชีวิตให้ทำลายด้วยการเผาอย่าให้เหลือซาก หามฝังหรือทิ้งไว้ค้างคืนเด็ดขาดมิฉะนั้นกระหังอาจคืนชีพอีกได้ ซึ่งถ้าคืนชีพแล้วจะมีอำนาจแก่กล้า ยากต่อการกำจัด

ข้อควรระวัง    การกำจัดต้องคัดเลือกหมอผีที่เก่งกล้าทั้งคาถาอาคมและการต่อสู้เพราะอาจพลาดท่า ถูกกระหังใช้สากกระเบือตีหัวได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้

ทิดเป้า ผู้ค้นคว้า/เรียบเรียง


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 10:43:08 AM
บ๊ะ  เอาไปทำวิทยานิพนธ์ สำหรับปริญญาโทเหรอครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 11:11:20 AM
สกลนคร นครพนม หนองคาย จะเรียก"ควาย" ไม่ผิดเพี้ยนครับน้องรู ::005::

แปลว่าเรียกทับศัพท์   .....   อิอิอิ 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 11:12:56 AM
กระหังเป็นผีที่ผมว่าน่ากลัวน้อยที่สุด นึกภาพที่ไรฮาทุกที 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 11:13:47 AM
ถามน้าเป้าเรื่องผี  ....   ทำไมผีสาว ๆถึงต้องมาในชุดนอนครับ 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 11:14:18 AM
คนแถวนั้นจมูกโด่ง เสียงเลยไม่ตวัด


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 02:27:41 PM
บ๊ะ  เอาไปทำวิทยานิพนธ์ สำหรับปริญญาโทเหรอครับ


เมื่อวานมีข่าวผีกระหังอาละวาดที่โคราช คนส่วนมากแม้แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่รุ้จักผีชนิดนี้ จึงค้นคว้าและเรียบเรียงมาเผยแพร่ครับ

กระหังเป็นผีที่ผมว่าน่ากลัวน้อยที่สุด นึกภาพที่ไรฮาทุกที 

 ::014::ผีกระหัง โดยภาพรวมแล้ว เป็นผีที่น่ารัก ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร...ไม่เหมือนผีปอบที่วันๆ เอาแต่วิ่งไล่ชาวบ้านให้เข้าไปอยู่ในโอ่ง เป็นเหตุให้โด่งของชาวบ้านแตกกันทุกบ้าน ต้องซื้อใหม่ทุกปี ประเด็นผีกระสือนี้ ทางจนท.ได้ตั้งข้อสงสัยว่า อาจมาจากกลุ่มพ่อค้าโอ่งที่ส่งมาเพื่อหวังผลทางการค้าครับ
ถามน้าเป้าเรื่องผี  ....   ทำไมผีสาว ๆถึงต้องมาในชุดนอนครับ 


 ::014::เป็นคำถามที่ดีมากครับ แต่ถ้ารู้จักสังเกตหน่อย จะไม่มีข้อสงสัยเลย...จากสถิติที่ถูกผีนานาชนิดหลอก จะพบว่า ถูกหลอกในเวลากลางคืน ซึ่งบรรดาผีๆกำลังพักผ่อนหลับนอน เมื่อมีเหยื่อมาบรรดาผีเหล่านั้นรีบลุกมาหลอกโดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งตัว  เพราะถ้ามาช้าอาจไม่ทันหลอกหรืออาจถูกผีตนอื่นหลอกตัดหน้าไปก่อน ดังนั้น ในบางครั้งจะพบว่า มีผีบางตนออกมาหลอกหลอนโดยไม่ได้นุ่งผ้าเลย

คนแถวนั้นจมูกโด่ง เสียงเลยไม่ตวัด

ครับ คนแถวนั้นจะสูงโย่ง จมูกโด่ ผิวขาวโบ๊ะครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 02:48:20 PM
ทำไมผีต้องหลอกครับน้าทิดเป้า    ผีที่จริงใจไม่มีเลยเหรอครับ    ???



                                                                  (http://image.ohozaa.com/i/106/zWbwx.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/6pE)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 02:53:18 PM
ทำไมผีต้องหลอกครับน้าทิดเป้า    ผีที่จริงใจไม่มีเลยเหรอครับ    ???



                                                                  (http://image.ohozaa.com/i/106/zWbwx.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/6pE)

 ::014::เป็นผีต้องหลอกตามหน้าที่ครับ...ผีที่ไม่หลอกเป็นผีที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ นอกจากจะเป็นที่รังเกียจของบรรดาผีด้วยกันแล้ว ยังผิดจรรยาบัญและระเบียบข้อบังคับของผีอีกด้วย มีโทษทั้งปรำทั้งจับครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 02:56:52 PM
อ้อ...ครับ   แล้วในหนังผีไทยน่ะ เวลาผีออกมา มักจะมีควันขาว ๆ ลอยกรุ่น ๆ อยู่ข้างหลัง มันคือควันอะไรครับ    ???


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: น่อย พีที99-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 02:59:10 PM


               ...หนุกจัง   ครึ่งโหลไปเลย   55555555


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 03:05:51 PM
อ้อ...ครับ   แล้วในหนังผีไทยน่ะ เวลาผีออกมา มักจะมีควันขาว ๆ ลอยกรุ่น ๆ อยู่ข้างหลัง มันคือควันอะไรครับ    ???

 ::014::เป็นควันที่สืบเนื่องมาจากการฌาปนกิจครับ ควันเหล่านี้จะติดไปกับตัวผีตลอดไปจนกว่าจะได้เกิดใหม่...บางครั้งผีที่ได้เกิดใหม่บางตน ลืมเก็บควันดังกล่าว ทำให้ควันติดตัวมาด้วย...คนบางคนจึงตัวดำ หน้าดำปื้อ ราวกับตกเตาถ่านครับ



หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 03:08:02 PM
อ้อ...ครับ   แล้วในหนังผีไทยน่ะ เวลาผีออกมา มักจะมีควันขาว ๆ ลอยกรุ่น ๆ อยู่ข้างหลัง มันคือควันอะไรครับ    ???

 ::014::เป็นควันที่สืบเนื่องมาจากการฌาปนกิจครับ ควันเหล่านี้จะติดไปกับตัวผีตลอดไปจนกว่าจะได้เกิดใหม่...บางครั้งผีที่ได้เกิดใหม่บางตน ลืมเก็บควันดังกล่าว ทำให้ควันติดตัวมาด้วย...คนบางคนจึงตัวดำ หน้าดำปื้อ ราวกับตกเตาถ่านครับ


ขอบคุณครับหมดคำถาม เดี๋ยวน้าซับคงมาถามต่อเอง    ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 03:09:57 PM
ผีที่ไม่นุ่งผ้านี่ผีทะเลหรือเปล่าครับ  น้าทิดเป้า 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 03:51:10 PM
 ::009:: ::009:: ::009::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ตูรุส ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 04:05:41 PM
เรียนพี่เป้าที่เคารพ ผมเป็นแฟนประจำของพี่เป้า ผมมีปัญหาค้างคาใจมานานแสนนานแล้ว

อยากจะปรึกษาและหาคนที่รู้เรื่องเข้าใจในด้านวิชาผีแบบพี่เป้า แต่ก็หาไม่ได้สักที

จนมาเจอพี่เป้านี่แหละ พี่เป้าต้องช่วยผมนะครับ มันค้างคาในใจมานาน เหมือนเยี่ยวคั่น ปัสสาวะไม่สุด

ถามเลยนะครับ มีคนบอกว่า ถ้ามีผีมาจับหัวผู้หญิงคนใด ในเวลาต่อมาผู้หญิงคนนั้นจะร้องครวญคราง

เหมือนปานจะสิ้นใจ เป็นเพราะสาเหตุใดและอย่างไรครับ. ถ้าผีตนนั้นมาจับหัวผู้ชายบ้าง ไม่เห็นเป็นไร

พี่เป้าต้องตอบให้ผมหายข้อข้องใจด้วยนะครับ จากแฟนคนเศร้าที่เฝ้ารอคำตอบ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 05:26:51 PM
 ::005::   ไอ้เอ้รอคำตอบผีจับหัวอยู่ครับพี่เป้า


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 06:01:20 PM
เรียนพี่เป้าที่เคารพ ผมเป็นแฟนประจำของพี่เป้า ผมมีปัญหาค้างคาใจมานานแสนนานแล้ว

อยากจะปรึกษาและหาคนที่รู้เรื่องเข้าใจในด้านวิชาผีแบบพี่เป้า แต่ก็หาไม่ได้สักที

จนมาเจอพี่เป้านี่แหละ พี่เป้าต้องช่วยผมนะครับ มันค้างคาในใจมานาน เหมือนเยี่ยวคั่น ปัสสาวะไม่สุด

ถามเลยนะครับ มีคนบอกว่า ถ้ามีผีมาจับหัวผู้หญิงคนใด ในเวลาต่อมาผู้หญิงคนนั้นจะร้องครวญคราง

เหมือนปานจะสิ้นใจ เป็นเพราะสาเหตุใดและอย่างไรครับ. ถ้าผีตนนั้นมาจับหัวผู้ชายบ้าง ไม่เห็นเป็นไร

พี่เป้าต้องตอบให้ผมหายข้อข้องใจด้วยนะครับ จากแฟนคนเศร้าที่เฝ้ารอคำตอบ

 ::014::
สวัสดีครับท่านตูรุส

         ผมก็เป็นแฟนลิเกของท่านอย่างเหนียวแน่นเช่นกัน ยามท่านปิดวิกที่ใด ผมก็ติดตามชมอย่างมิได้ขาด รู้สึกเป็นเกียรติ ไม่ขี้เกียจและรังเกลียดเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้ตามตามและถามปัญหามา เพราะหากมีปัญหาค้างคาใจแล้ว

          นอกจากจะมีอาอัดอั้นเหมือนเยี่ยวไม่สุดแล้ว ยังมีอาการปวดโคนขาอันเป็นสาเหตุมาจากโลหิตไม่หมุนเวียน และจะมีอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายตามมาอีกด้วยด้วย

         ก่อนอื่นเราต้องดูสาเหตุมูลฐานของการจับหัวก่อนครับ..ลักษณะนิสัยและวัฒนธรรมของผีนั้น นอกจากหลอกแล้ว ยังชอบสัมผัสบริเวณศีรษะไม่ว่าจะเป็น  จับ,ลูบ,บีบ,คลำ หนักบ้างเบาบ้างตามลักษณะนิสัยของผีแต่ละตนหรือตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของหัว  

         ไม่เคยมีประวัติว่ามีผู้ใดถูกผีกระทำรุนแรง เช่น เตะ ต่อย ถีบ หรือกระทืบเลย ดังนั้นพอจะสรุปได้ว่า  ยามสัมผัสหัวนั้น ผีกระกระทำอย่างแผ่วเบา อย่างมากก็แค่กระแทกดังนั้นจงอย่าวิตกหรือเกรงกลัวจนเกินเหตุ

จากคำถาม ...

         สาเหตุที่เมื่อถูกจับจะร้องครวญครางนั้น เนื่องมาจากผีเป็นผู้มีอิทธฤทธ์สามารถให้หวาดกลัวจนร้องครวญครางได้ ซึ่งกิริยาเหล่านี้ เป็นพฤติกรรมต่อเนื่อง ส่งผลให้บรรดาผี ๆเจ็บปวด ร้องครวญครางได้เช่นกัน  

         ในตรงกันข้าม ผีจะไม่ชอบจับหัวสุภาพบุรุษเพราะ เพราะสุภาพบุรุษมีพลังจิตที่แข็งกล้าสามารถต่อต้านอิทธิฤทธ์ต่างได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้โดยสิ้นเชิง เพราะหากสัมผัสเบา ลูบ ทึ้ง ดึงบ้างตามความเหมาะสม ก็จะช่วยให้สถาณการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 06:05:00 PM
วุ๊ย...พอพูดถึงเรื่องผี...มากันเพียบเลย...วมต.ก็มามุงกับเค้าด้วย ::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 06:19:42 PM
ผีที่ไม่นุ่งผ้านี่ผีทะเลหรือเปล่าครับ  น้าทิดเป้า 

ใช่ครับ...ทางสภาผีกำลังรวมกำลัง ยื่นหนังสือ ประท้วงผีชนิดนี้อยู่ครับ....ได้ข่าวเชิงลึกมาว่าเป็นผีปลอม แอบอ้างทำให้เสียสถาบันผีครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 06:50:51 PM
แล้ว"ผีกะหลั่ว"ล่ะครับเป็นผีชนิดไหน........เห็นว่าหน้าตาดี  แต่ดุดันเป็นที่เกรงกลัวต่อผู้พบเห็น


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 07:12:53 PM
แล้ว"ผีกะหลั่ว"ล่ะครับเป็นผีชนิดไหน........เห็นว่าหน้าตาดี  แต่ดุดันเป็นที่เกรงกลัวต่อผู้พบเห็น

 ::005::นึกแล้วว่าผีประเภทนี้ต้องมา


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 07:36:46 PM
 ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 09:13:21 PM
วันนี้    ไม่มีเรื่องเหล้าเหรอ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 09:26:10 PM
วันนี้วันโกนครับ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 09:36:10 PM
   ว่าจะถามต่อเรื่อง ผี   .... ถ้ามาเลียหัว  จะมีอาการอย่างไรอยู่พอดี  .....   รอพี่น้าทิดเป้า  ตอบของปู่ก่อนก็ได้คร้าบบบ  


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 26, 2012, 08:34:11 AM
   ว่าจะถามต่อเรื่อง ผี   .... ถ้ามาเลียหัว  จะมีอาการอย่างไรอยู่พอดี  .....   รอพี่น้าทิดเป้า  ตอบของปู่ก่อนก็ได้คร้าบบบ 

จัดอยู้่ใน species เดียวกันกับ บรรดาพวกที่ชอบจับหัว ลูบหัว ฯลฯครับ


วุ๊ย...ผีประเภทนี้ ตอบยากจริงๆ ผมไม่ได้ค้นคว้าอย่างละเอียด ถี่ถ้วนซะด้วยสิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 26, 2012, 08:57:44 AM
โบร่ำโบราณเค้าว่าไว้ว่า.......ก่อนนอนให้สวดมนต์ไหว้พระ  สวดพระคาถาอิติปิโส 9 จบ

เวลานอนก็ให้สังเกตุดูว่าผี(หลวง)อยู่ทิศไหน  ถ้ารู้ว่าอยู่ทิศไหนก็อย่าหันหัวให้ผี(ทิศผีหลวง)

ก็จะรอดปลอดภัยจากการโดนผี  จับ,จูบ,ลูบ,คลำ.......ขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากการ จับ,จูบ,ลูบ,คลำ

ของผี ;) :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กรกฎาคม 26, 2012, 09:31:09 AM
ผีส่วนใหญ่ไม่มีหัวเหรอครับพี่หลวง......ถึงได้มาเล่นหัวคนอื่น  :~) แล้วผีมีหัว กับผีไม่มีหัว ตนไหนดุกว่ากัน


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 26, 2012, 09:36:40 AM
ผีส่วนใหญ่ไม่มีหัวเหรอครับพี่หลวง......ถึงได้มาเล่นหัวคนอื่น  :~) แล้วผีมีหัว กับผีไม่มีหัว ตนไหนดุกว่ากัน

 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 26, 2012, 10:09:50 AM
เอ้า......หัวเราะอยู่นั่นแหละทิด  มาตอบคำถามพี่ธำรงในฐานะผู้สันทัดกรณีเรื่องผีหน่อย

ผมมึนกับเรื่อง ผีๆ  หัวๆ  เต็มที  ขืนตอบพี่ธำรง  เดี๋ยวหลุด.....กร๊ากกกกกกกกกกกก ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 27, 2012, 09:30:20 AM
การที่แนะนำกันมาว่าให้หันหัวสู้ผีนั้น ผมเห็นว่าจะเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ..เอ้ย..อำนาจผีเกินไป แทนที่ผีจะคลำหรือจับอย่างเดียว อาจเปลี่ยนใจทำอย่างอื่นให้เดือดร้อนได้
หรือท่านดร.เป้า ปีศาจศาสตร์มหาบัณฑิต มีความเห็นว่าอย่างไรครับ   ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 27, 2012, 09:53:11 AM
 ::005::ถ้าผีมายุ่งๆกับหัว...อย่าหลีกเลี่ยงเลยครับ...หนีไปก็เหนื่อยเปล่า...ถ้าไม่ได้หลอกเรา ...อาจเปลี่ยนเป้าหมายไปหลอกคนอื่น ยุ่งยากไปอีก...เป็นผลเสียมากกว่าผลดี...ปล่อยให้หลอกๆไป หลอกเสร็จ ก็จบ...

 ::005::วุ๊ย....เรื่องผีกับหัวนี่ เมื่อไหร่จะจบ...จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงพอๆกับ GT200 เลยนะครับ ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 27, 2012, 09:55:38 AM
จบแล้วครับ    ::005::   ผู้ดูแลที่นี่ใจร้ายเหรอครับ    ::008::   


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 27, 2012, 10:00:20 AM
จบแล้วครับ    ::005::   ผู้ดูแลที่นี่ใจร้ายเหรอครับ    ::008::   

 ::005::ผู้ดูแลเป็นคนถามครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 27, 2012, 10:11:26 AM
เรียนพี่เป้าที่เคารพ ผมเป็นแฟนประจำของพี่เป้า ผมมีปัญหาค้างคาใจมานานแสนนานแล้ว

อยากจะปรึกษาและหาคนที่รู้เรื่องเข้าใจในด้านวิชาผีแบบพี่เป้า แต่ก็หาไม่ได้สักที

จนมาเจอพี่เป้านี่แหละ พี่เป้าต้องช่วยผมนะครับ มันค้างคาในใจมานาน เหมือนเยี่ยวคั่น ปัสสาวะไม่สุด

ถามเลยนะครับ มีคนบอกว่า ถ้ามีผีมาจับหัวผู้หญิงคนใด ในเวลาต่อมาผู้หญิงคนนั้นจะร้องครวญคราง

เหมือนปานจะสิ้นใจ เป็นเพราะสาเหตุใดและอย่างไรครับ. ถ้าผีตนนั้นมาจับหัวผู้ชายบ้าง ไม่เห็นเป็นไร

พี่เป้าต้องตอบให้ผมหายข้อข้องใจด้วยนะครับ จากแฟนคนเศร้าที่เฝ้ารอคำตอบ

 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 30, 2012, 10:11:12 PM
 ::008::



หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ติงลี่ ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 01:58:52 PM
หมดเรื่องผีแระ.....เรื่องเหล้าก็ยังไม่มี

อยากให้พี่ทิดเป้า เล่าเรื่องหมี บ้างครับ ::005:: ::005:: ::006::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 06:44:20 PM
เขี่ยบอลแระ ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 07:33:41 PM
 ::014::เรื่องหมี ผมไม่ค่อยถนัดครับ...เคยเลี้ยงไว้แถวริมตลิ่ง...พักเดียวมันลงไปเล่นน้ำ ยุ่มย่ามยุ่งเหยิงไปหมด

 ::014::อ่ะ...ปู่มาแล้ว...ปู่เป็นผู้สันทัดกรณีในเรื่องหมีครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กรกฎาคม 31, 2012, 11:16:14 PM
::014::เรื่องหมี ผมไม่ค่อยถนัดครับ...เคยเลี้ยงไว้แถวริมตลิ่ง...พักเดียวมันลงไปเล่นน้ำ ยุ่มย่ามยุ่งเหยิงไปหมด

 ::014::อ่ะ...ปู่มาแล้ว...ปู่เป็นผู้สันทัดกรณีในเรื่องหมีครับ
งั้นก็เอาเรื่องสัตว์เล็ก ๆ อย่างอีเห็น ก็ได้ครับ  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 01, 2012, 10:00:45 AM
::014::เรื่องหมี ผมไม่ค่อยถนัดครับ...เคยเลี้ยงไว้แถวริมตลิ่ง...พักเดียวมันลงไปเล่นน้ำ ยุ่มย่ามยุ่งเหยิงไปหมด

 ::014::อ่ะ...ปู่มาแล้ว...ปู่เป็นผู้สันทัดกรณีในเรื่องหมีครับ
หน้าตามันเป็นยังไงนะ.....ไม่เห็นมานานแระ ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ไพโรจน์ ที่ สิงหาคม 01, 2012, 11:38:42 AM
คุณเปิ้ลเคยโพสต์ในเฟสบุ๊คว่า... ตอนเช้าวันหนึ่งแมวมาเลียหน้า  น้ำลายเหม็นน่าดู
อยากจะแซวว่า..ให้อธิษฐานให้ผีมาเลียหัวเสียดีกว่า  น้ำลายผีไม่เหม็น   แต่ไม่กล้าแซวในเฟส..กลัวเสียภาพพจน์  ::010::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 01, 2012, 12:00:01 PM
ผีนั่นแหละจะเหม็น..........เพราะกว่าจะเช้าบูดแล้วบูดอีก ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ สิงหาคม 01, 2012, 12:28:02 PM
คุณเปิ้ลเคยโพสต์ในเฟสบุ๊คว่า... ตอนเช้าวันหนึ่งแมวมาเลียหน้า  น้ำลายเหม็นน่าดู
อยากจะแซวว่า..ให้อธิษฐานให้ผีมาเลียหัวเสียดีกว่า  น้ำลายผีไม่เหม็น   แต่ไม่กล้าแซวในเฟส..กลัวเสียภาพพจน์  ::010::
::005:: ::007::

ผีนั่นแหละจะเหม็น..........เพราะกว่าจะเช้าบูดแล้วบูดอีก ::007:: ::007:: ::007::
:OO ::013:: ::009::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ สิงหาคม 01, 2012, 12:36:38 PM
 ::013:: ::013:: ::013::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ สิงหาคม 01, 2012, 05:02:10 PM
จบเรื่องผี   แล้วหันมาเห็นหมีอีก

ถ้าเจอผี  ต้องจับไปผัดกับเห็ด

ต่อไปคงไม่พ้นเรื่องหอย  เพราะมันอยู่ใกล้หมี

กระทู้นี้เป็นกระทู้เรื่องเหล้า จึงต้องมีกับแกล้ม



หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ สิงหาคม 01, 2012, 05:43:47 PM
 ::007:: ::007:: ::007::วุ๊ยยยยย......ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนี้แหละ...


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ สิงหาคม 01, 2012, 06:33:00 PM
โห...พี่ป้อมมาแรงแซงลิบๆ... ::005:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 01, 2012, 07:01:28 PM
จบเรื่องผี   แล้วหันมาเห็นหมีอีก

ถ้าเจอผี  ต้องจับไปผัดกับเห็ดต่อไปคงไม่พ้นเรื่องหอย  เพราะมันอยู่ใกล้หมี

กระทู้นี้เป็นกระทู้เรื่องเหล้า จึงต้องมีกับแกล้ม


:D~ :D~ :D~ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ สิงหาคม 02, 2012, 12:23:23 AM
เก็บอาการนิดค่ะปู่ต้อย... ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 02, 2012, 07:14:01 AM
เห็นกับแกล้มก็แค่หิวเหล้าอ่ะป้า ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 02, 2012, 11:49:20 AM
มานั่งรออ่านเรื่องผีเล่าของพี่ทิด

 ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 16, 2012, 07:14:37 PM
 ::014::ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ...ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง...ผมจะพยายามลำดับเรื่องราวนำมาถ่ายทอดครับ


เมื่อวาน ซื้อเครื่องวัดความดันมาครับ...ตั้งใจว่าจะส่งไปสกลนคร ให้แม่ใช้...แต่พอผมเอาเข้าบ้าน ก็ของเล่นที่สนุกสนานของคนในบ้าน.. ต้องซื้ออีกเครื่องแล้วล่ะครับ
(http://image.ohozaa.com/i/2cc/fyIIyY.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wkKCUM8HTXlcmz9v)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ตูรุส ที่ กันยายน 22, 2012, 09:49:46 AM
เครื่องวัดความดันต่ำแน่ๆ ยี่ห้อ อมร่อน


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ กันยายน 22, 2012, 10:06:52 AM
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ::007::

::014::ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ...ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง...ผมจะพยายามลำดับเรื่องราวนำมาถ่ายทอดครับ


เมื่อวาน ซื้อเครื่องวัดความดันมาครับ...ตั้งใจว่าจะส่งไปสกลนคร ให้แม่ใช้...แต่พอผมเอาเข้าบ้าน ก็ของเล่นที่สนุกสนานของคนในบ้าน.. ต้องซื้ออีกเครื่องแล้วล่ะครับ
(http://image.ohozaa.com/i/2cc/fyIIyY.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wkKCUM8HTXlcmz9v)
ฝากซื้อเครื่องนึงครับ ::002::

ปล.ตอนนี้เสร็จสิ้นภารกิจ.....นัดพบได้ตลอดเวลา ;) :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 10:48:01 AM
 ::014::ใช่ครับน้าเอ้ เครื่องอีเล็คทรอนิคในที่ทำงานผม ส่วนมากก็จะเป็นยี้ห้อนี้ คุ้นตาดี เลยตัดสินใจง่ายหน่อยครับ

 ::014::คงรอบหน้าแล้วล่ะครับปู่...วันนี้ร้านขายเค้าปิด


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 10:50:12 AM
เมื่อวันศุกร์ ไปดูงานที่ไบเทค บางนาครับ
(http://image.ohozaa.com/i/98d/H17ZZf.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBBCXEKxPG2cLYa)
(http://image.ohozaa.com/i/532/JsvcLp.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBGx7pTQ7Yb99Cf)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 10:55:04 AM
 ::012::ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง...ดูกร่อยๆ ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ

(http://image.ohozaa.com/i/92c/MJjre9.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBFeEf5tpxYQCnM)

อ่านลำบาก  สระพยัญชนะ วางไม่ถูกที่
(http://image.ohozaa.com/i/250/IGBahe.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBFJQn6qwEBs3Q1)

บ.นี้ ผมใช้บริการบ่อย เจอหน้าทักทายกัน ไม่ต้องแนะนำตัว ไม่ใช้นามบัตร
(http://image.ohozaa.com/i/737/T0EAvi.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBGD93uF9gJZJE9)

รายนี้ ขาดไม่ได้ครับ
(http://image.ohozaa.com/i/f69/R2pDHT.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBGWZRGxGunhkbz)

แม้แต่ชั้นวางของ ก็มีพริตตี้ครับ
(http://image.ohozaa.com/i/5d8/ptqTqe.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBHcWUniOwY5C5I)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 11:18:50 AM
หัวลากจากจีนครับ
(http://image.ohozaa.com/i/841/lvQKM7.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBHiCzhQ7q446uU)

ปุ่มควบคุมต่างๆ มีให้พร้อมใช่งาน ดูทื่อๆ ไม่โฉบเฉี่ยวเหมือนรถโซนยุโรป
(http://image.ohozaa.com/i/937/BBXaXn.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBHrQ11ddvd3eTn)

ภายในเก๋งกว้างขวาง มีที่นอนสองชั้น
(http://image.ohozaa.com/i/f9f/QjxJLN.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBHM2NTnkd7QoB9)

เหนือศีรษะคนขับ ที่ช่องดูดวงอาทิตย์ และช่องเก็บของมากมาย  ใส่ไรเฟิลได้หลายกระบอกครับ
(http://image.ohozaa.com/i/7d9/N7JW6L.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBHS4rucdc0EpKJ)

เบาะปรับระดับด้วยแรงดันลม
(http://image.ohozaa.com/i/g08/oV3ytz.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBNkC8MZZwtIOSk)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ กันยายน 23, 2012, 11:27:27 AM
เข้ามาอ่านเอาเรื่องครับ  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 11:27:34 AM
จะส่งไปไหน แบบใด ดูได้ บอกเส้นทาง เวลา พร้อมค่าใช้จ่าย...ลงชื่อรับทางอีเมล์ไว้แล้วครับ
ดูเส้นทางแล้ว อดคิดถึงคอคอดกระไม่ได้...เฮพาะที่ทำงานผม เดือนนึงส่งออกหลายพันตู้คอนเทนเนอร์
(http://image.ohozaa.com/i/95e/Vb9ihS.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBON0IHj9kxkb5t)
(http://image.ohozaa.com/i/015/J2kslc.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBORYqfhhlREpem)
(http://image.ohozaa.com/i/884/21xKqe.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBOzby6fuhrBpmO)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 11:39:42 AM
ทั้งจีน อินเดีย เวียตนาม กัมพูชา ฯลฯ...มากันพร้อมหน้า...ไทยเอาแต่กัดกัน คงไปไม่ถึงไหน
 (http://image.ohozaa.com/i/fdd/FJJvgB.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBU39a8bAhDWdVP)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 23, 2012, 12:20:54 PM
ปิดท้าย
 ::012::งานใหญ่ระดับนานาชาติ...คนมาร่วมงานน่าเป็นคนที่มีการศึกษา มีการงาน อยู่ในสังคมที่ดี...แต่เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว ก็ได้แต่ปลง...ถังขยะอยู่ห่างไม่กี่ก้าวเอง
(http://image.ohozaa.com/i/g6d/9ssesQ.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBP5NAQkVvVsJqu)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ กันยายน 23, 2012, 10:01:20 PM
ปิดท้าย
 ::012::งานใหญ่ระดับนานาชาติ...คนมาร่วมงานน่าเป็นคนที่มีการศึกษา มีการงาน อยู่ในสังคมที่ดี...แต่เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว ก็ได้แต่ปลง...ถังขยะอยู่ห่างไม่กี่ก้าวเอง
(http://image.ohozaa.com/i/g6d/9ssesQ.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wlBP5NAQkVvVsJqu)
ฝีมือคนไทยหรือต่างชาติครับ ทำไมน่าเกลียดจัง


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 24, 2012, 08:49:56 AM
ฝีมือพี่ไทยเองครับ... ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ กันยายน 24, 2012, 05:29:15 PM
ฝีมือพี่ไทยเองครับ... ::014::
ทำอะไรตามใจคือไทยแท้  เมื่อไหร่จะแก้ไขกันเสียทีนะ  จะเข้า AEC แล้ว ขายหน้าเขาแย่เลย  ::004::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 26, 2012, 02:02:54 PM
ที่อื่นก็มีครับ คนสูบบุหรี่เคยชินกับเขี่ยที่ไหนก็ทิ้งตรงนั้นแบบที่เขี่ยบุหรี่



หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 26, 2012, 02:03:24 PM
มาเข้าเรื่องดีกว่า
ดช.เป้า อ่านออกเสียงดังๆให้เพื่อนๆฟังซิ

(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/s480x480/250093_412611442127378_1524749358_n.jpg)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ กันยายน 29, 2012, 07:14:06 PM
มาเข้าเรื่องดีกว่า
ดช.เป้า อ่านออกเสียงดังๆให้เพื่อนๆฟังซิ

(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/s480x480/250093_412611442127378_1524749358_n.jpg)
อ่านออกเสียงไม่ได้  ลิ้นมันพันกัน  ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 29, 2012, 09:19:56 PM
 ::012:: ::005:: ::005:: ::005::
อ่านแล้วอ่านอีก ก็ ผิดแล้วผิดอีก


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ กันยายน 30, 2012, 07:07:16 AM
ถ้ให้ผวนล่ะ อ่านคล่องปรี๊ด  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ ตุลาคม 05, 2012, 11:27:26 PM
เจ้าของกระทู้หายไปไหนเนาะ หลายวันแล้ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:25:22 PM
 ::012::ตรูมาของตรูอยู่ดีๆ ...ดันมาจูบตรูดตรูได้...ตรูดถลอกนิดหน่อย...แต่เขา หน้ายุบ แผงแอร์ หม้อน้ำแตก...

 ::012::หมดอารมณ์...ไปบ้านปู่ดีก่า
 (http://image.ohozaa.com/i/ed5/hYzdMG.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wnykwn05J94Flzuv) (http://image.ohozaa.com/i/a79/u6FvBU.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wnykBkHDHhfn0i1p) (http://image.ohozaa.com/i/261/h3FbAz.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/wnykFArP6eVKkYiJ)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:28:29 PM
ไวด์แทรคนี่แข็งเป๊ก....


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:28:35 PM
ไปด้วยจิ.... ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:43:14 PM
 ::002::มาเลยครับป้าโม่...อยู่กทม.เด๋วน้ำท่วมนะ

ไวด์แทรคนี่แข็งเป๊ก....
โดนกันชนด้วยแหล่ะ...คู่ชก ยับตามที่เห็น...ถึงหามเลย


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:47:57 PM
ได้เคลมประกันทั้งที ใส่แบบนี้เลยพี่

(http://image.ohozaa.com/i/871/w469kF.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/waaAwizcxWgQQFXs)


ฟอร์ดใส่แล้วหล่อล่ำ เหล็กแข็งโป๊ก

ราคา6,900ถูกกว่าเบิกOEM ประกันไม่งอแงอยู่แล้ว  ::002::





หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:50:50 PM
เอาเจ้านี้นะ http://www.weekendhobby.com/thai2market/Question.asp?ID=38300&group=offroad แพงกว่าเจ้าอื่นๆ400แต่ท่อกันด้านข้างเค้าใช้2" หล่อกว่า แข็งแรงกว่าเจ้าอื่นๆที่ใช้ท่อ1 5/8"เยอะ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:59:26 PM
เราเป็นฝ่ายถูก อย่ายอมให้อู่ประกันเอาของเทียบมาใส่นะพี่ บ.ประกันมันไปเรียกเก็บเต็มกับบ.ของคู่กรณีอยู่แล้ว

เบิกศูนย์7,***ขึ้นไป ของเทียบราคาไม่ถึง3,000ใส่เดือนแรกๆดูไม่ออก พอติดรถซัก2เดือนสารรูปอุบาทย์สุดทน



ขับเข้าอู่แจ้งขอเลือกชิ้นกันชนเอง อื่นๆให้อู่ทำ อู่มันจะยกหูไปคุยกับประกันแป๊บนึง เราค่อยเอาเบอร์จนท.ประกันไปโทรยืนยันการอนุมัติ

ลำบากที่ต้องออกเงินสำรองจ่ายไปก่อน แต่สบายใจกว่าเยอะ ว่าไม่โดนมั่วเอาของเทียบตามราวข้างถนนมาใส่ให้แน่ๆ...เอาใบเสร็จไปส่ง 2อาทิตย์ก็ได้เงินคืนแล้ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ตุลาคม 08, 2012, 02:59:51 PM
ดีนะ พี่ไม่ถลำไปโดนคันอื่นอีก

พี่สาวเคยถูกชนแถวซอยเสนาที่มาออก เกษตรนวมินทร์
มาทางซอยเสนา จอดรอไปแดงเป็นคันแรก
พอทางเกษตร-นวมินทร์ด้านขวามือ ได้ไฟเขียว รถทางนั้นก็พุ่งมา
ข้างหลังพี่สาวก็มีอีซูสุพุ่งมา่เหมือนกัน ชนโครมเข้าให้ แรงพอที่ฝากระโปรงหลังเปิด
แล้วรถพี่สาวก็พุ่งออกมาขวางรถที่เพิ่งได้ไฟเขียว.....

เห็นบอกว่้าหัวแถวที่ได้ไฟเขียวมาเบรคเอี๊ยด ห่างกันชนหน้าไม่ถึงคืบ ไม่งั้นซวยสองต่อ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ตุลาคม 08, 2012, 03:33:02 PM
 ::005::ได้ข้ออ้าง ไม่เข้าทำงาน อิอิอิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ตุลาคม 08, 2012, 03:47:37 PM
เอ๊า... ไปช่วยงานบ้านพี่ต้อยสิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: godone108 ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 05:20:05 PM
ได้ความรู้จริงๆด้วย


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 04, 2012, 09:42:19 AM
 ::014::
ปุ๊ง ปุ๊ง ปุ๊ง ปุ๊ง ปุ๊ง...

     เสียงญาคูทั่งโปงแลงจากวัด ดังเป็นจังหวะดังแว่วมา บอกให้พวกเรารู้ว่า ค่ำแล้ว หมดเวลาเล่น ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า เสียงโปงแลงจะเป็นสัญญานบอกว่าหมดเวลากลางวันซึ่งเป็นเวลาของคน ย่างเข้าเวลากลางคืนอันเป็นเวลาหากินของผี ลูกเล็กเด็กแดง สาวๆต้องกลับเข้าบ้าน ...ครับกุศโลบายของคนสมัยก่อนเนียนมาก ทำให้เราต้องรีบวิ่งตาเหลือกกันกลับบ้าน  

“โปงคืออะไรวะไอ้ทิด”

คือ ท่อนไม้เนื้อแข็งกลม ยาวประมาณสองเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางฟุตครึ่งคว้านรูตรงกลาง แขวนไว้ที่ใต้ศาลาวัดหรือที่บ้านผมเรียกโรงธรรม  เวลาทั่งหรือตีจะใช้ไม้ท่อนพอเหมาะกระแทก จะเกิดเสียงดังทุ้มกังวาลไปไกล ใช้แทนระฆัง จากคำบอกเล่าต่อๆกันมา  ว่ากันว่าโปงลูกนี้บรรพบุรุษของผมหอบหิ้วแบกหามมาจากเมืองมหาชัยก่องแก้วตั้งแต่ตอนอพยพนู๊นและเป็นที่น่าสังเกตว่าในตำนานของคนกะเลิงที่อพยพมาพร้อมกันในครั้งนั้นจะนำโปงที่มีน้ำหนักร่วมร้อยกิโลมา ซึ่งก็พอจะอนุมานได้ว่าต้องมีพระมาด้วยแต่ไม่มีบันทึกไว้
โปง จะทั่งวันละสองครั้งคือเวลาเช้าก่อนพระบิณฑบาต และเย็นก่อนพระทำวัตรเย็น  

ผมวิ่งตื๋อเข้าบ้าน เสียงแม่ร้องบอกให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินข้าวพร้อมกัน วันนี้แม่ทำต้มหน่อไม้ แจ่วปลาร้า และป่นปลาเข็งอีกตามเคย มันช่างเป็นอาหารที่น่าเบื่อสำหรับเด็กๆอย่างผม ช่วงนี้พ่อกับลุงไม่ได้ไปโห่ ไม่มีใครหิ้วปลาหิ้วนกมาขาย ผมคงต้องทนกินหน่อไม้สารพัดเมนูของแม่ไปอีกมื้อ

“หน่อไม้ต้ม แจ่วปลาร้าข้ารู้จัก ไอ้ป่นปลาเข็ง หน้าตามันเป็นยังไงวะ”

ปลาเข็งก็คือปลาหมอ ป่นก็เอาปลาปลามาต้ม เลาะเอาแต่เนื้อมาป่นให้ละเอียด เติมพริกเกลือปลาร้า หอม ผักแผ้ว น้ำต้มลงไป
  
 “ เฮ่ย...มันจะเป็นสับปะรดรึ ทำไมไม่เอามาฉู่ฉี่ ปลาหมอต้องฉู่ฉี่สิวะ ถึงจะอร่อย “

         มันเปลืองครับ มีปลาแค่สองตัว จะทำให้กินอิ่มทั้งครอบครัว ก็ต้องทำแบบนี้ ยิ่งเติมน้ำลงไปเยอะๆ ยิ่งได้ปริมาณมาก เอาให้พอเลี้ยงทหารทั้งกองร้อยเลยยังไหวครับ
ผมจกข้าวเหนียวจากกระติ๊บจ้ำป่นในถ้วย ส่งเข้าปากเคี๊ยวตุ๊ยๆ พร้อมกับถามแม่ “พ่อยังไม่มาหรือแม่” “ยัง เห็นบอกว่ามีประชุม” แม่ตอบเบาๆ สายตามองออกไปหน้าบ้านอย่างไร้จุดหมาย

         พ่อผมเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนอีกหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กม. แต่พ่อไม่ได้ไปสอนหรอก ท่านไปทำงานที่อำเภอ บ่อยครั้งที่พ่อกลับมืด และบ่อยครั้งที่พ่อ ลุง พร้อมเพื่อนบ้านเข้าป่าล่าสัตว์เป็นเวลาหลายวัน เมื่อกลับมาก็รีบเข้าไปในเมืองจะแบ่งเนื้อส่วนหนึ่งไปด้วย แม่บอกว่า พ่อเอาไปให้”นาย”  ผมเคยถามแม่ว่า”นาย”ของพ่อคือใคร แม่จะดุทันที บอกว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่าถาม  
         หลังจากนั้นหลายปีผมจึงได้รู้ว่า”นาย”คือใคร และเหตุผลของพ่อคืออะไร
 ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 04, 2012, 09:46:58 AM
 ::014::
ป๊อก ป๊อก ป๊อก....

         เสียงกะลอ สัญญานการเรียกประชุมดังมาจากบ้านผู้ใหญ่บ้านหรือที่เราเรียกว่าพ่อบ้าน พร้อมๆเสียงเบรคเอี๊ยดของจักรยาน เสียงพี่สาวตะโกนขึ้น “พ่อมาแล้ว”  พ่อจูงจักรยานคันใหญ่เข้ามาในบ้านพร้อมบอกแม่ว่า ”ประชุมเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ต้องเตรียมงานนานหน่อยเลยกลับช้า พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้าอีก”

“ไปครู ไปฟังชุมกัน” เสียงคนตะโกนข้ามรั้วมาจากหน้าบ้าน

“เอ๊า เอา...ไปเลย เมื่อเช้าประชุมกับพ่อบ้านแล้ว”

 “ พ่อบ้านสิชุมเรื่องหยังน้อคุณครู”

“ สมเด็จพระบรมราชชนนีศรีสังวาลย์เพิ่นสิมาเยี่ยมอำเภอเฮา”

“ เพิ่นเป็นไผน้อบาดนี่”

“ เอ๊า เพิ่นกะเป็นแม่พระเจ้าแผ่นดินฮั่นเด้” พ่อบอก

“คุณครูกะบ่บอกแต่ทีแรกเนาะ บ้านเฮาทุกข์ยากหลาย เพิ่นสิมาอยู่บ้อ ”

“ นั่นแหละเพิ่นสิมาเบิ่งว่าไทบ้านเฮาอยู่แนวใด๋ ทุกข์ยากหยัง เพิ่นสิได้หาทางซ่อย ...ไป๋ฟ้าวไปฟังพ่อบ้านเพิ่นเว่า” พ่อบอก

คนขี้สงสัยเดินบ่นไปพลางหัวเราะ เป็นธรรมดาที่เขาถามพ่อ เพราะรู้ว่าพ่อประชุมร่วมกับพ่อบ้าน ช่วยพ่อบ้านอธิบายเรื่องราวต่างๆที่ทางการแจ้งมา นำข่าวสารใหม่มาเล่าให้ฟังเสมอ บุคคลที่คนบ้านนอกอย่างเราเคารพนับถือเชื่อฟัง และเป็นที่พึ่งก็คือ พระสงฆ์และครู

         เช้าวันนั้น พวกผมไปพร้อมกันที่โรงเรียนตามคำสั่งของครู ทุกคนแต่งชุดนักเรียนที่คิดว่าใหม่และสะอาดที่สุด แน่นอนครับ ทุกคนเสื้อผ้าไม่ได้รีดและเท้าเปล่า ไม่ได้ใส่รองเท้ากัน หลายๆคนเสื้อผ้าขาดกระรุ่งกระริ่ง ปะแล้วปะอีก สัมภาระของเราทุกคนก็มีเพียงกระติ๊บข้าวเหนียว

         ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว กลุ่มนักเรียนร้อยกว่าคน ก็ถึงที่ว่าการอำเภอ  ระยะทาง 3 กม.จากหมู่บ้านของเราไปยังที่ว่าอำเภอนั้นไม่ไกลในความรู้สึกของเรา   เม็ดหินลูกรังที่แหลมคมนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเท้าเปล่าของพวกเราเลย


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 04, 2012, 09:57:37 AM
 ::014::
         เราเข้าไปตั้งแถวในปะรำหรือที่ถูกก็คือเพิงไม้ไผ่หลังคามุงด้วยใบตองนานาชนิด ที่สร้างรอบสนามหน้าที่ว่าการอำเภอ เด็กและคนแก่นั่งแถวหน้า ผู้ใหญ่อยู่ข้างหลัง ตามป้ายชื่อหมู่บ้าน
นอกจากปะรำใหญ่ที่ตบแต่งไว้อย่างสวยงามมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่นั่งอยู่แล้วนั้น ยังมีปะรำที่มุงด้วยผ้าเต๊นท์สีเขียวอยู่ใกล้กันมีผู้คนมุงแน่นไปหมด ครูบอกว่าเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ มีหมอมารักษา ใครเจ็บป่วยก็ไปได้เลย รักษาฟรี

 “ครูจะให้ไปล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จแล้วให้กลับมานั่งที่เดิม ใครนั่งตรงไหน ใกล้กับใคร ให้นักเรียนจำไว้”สิ้นเสียงครูบอก เรารีบวิ่งไปที่แท๊งค์น้ำทันที

         เสียงใบพัดตัดอากาศดังแว่วมา ทุกสายตาจ้องไปยังทิศที่มาของเสียง เฮลิคอปเตอร์หลายลำบินวนก่อนลงจอดบนสนาม คนในเครื่องแบบสีเขียวกลุ่มหนึ่งลงมาและตรงไปที่ปะรำ เสียงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้บอกว่า อีกประมาณหนึ่งชัวโมง พระองค์ท่านจะเสด็จมาถึง ให้ทุกคนทำธุระส่วนตัวตามสบาย เมื่อใกล้ถึงเวลาจะประกาศบอกอีกที

         ความสนใจของพวกเรานั้นอยู่ที่อากาศยานทั้งสี่ลำที่จอดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางสนามหญ้า สิ่งที่เราเคยเห็นบินอยู่บนท้องฟ้าไกลๆ บัดนี้มาจอดสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าแล้ว เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารย์ตามประสาเด็กดังเซ็งแซ่

“กูว่าคันนั้นเก่งกว่าเพื่อนว่ะ มีปืนสองกระบอกเลย”

“กูว่าคันนั้นเก่งกว่า มึงเห็นไหม คันอื่นไม่มีล้อ คันนั้นมีล้อด้วย ถ้าเขาไม่อยากบิน ก็ให้มันวิ่งบนถนนได้เหมือนกับรถก็ได้”
                                                                ฯลฯ

         จากที่นั่งดูก็เริ่มขยับชะเง้อ จากชะเง้อก็ยืน และเริ่มก้าวเข้าไปทีละนิดโดยไม่สนใจเสียงห้ามของครู และแล้วในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ทั้งสี่ลำก็ตกอยู่ในวงล้อมที่ค่อยๆบีบเข้าไปทีละนิดของพวกเรา

         “เด็กๆเข้ามาดูใกล้ๆเลย ห้ามซนนะ เดี๋ยวมันจะพัง” สิ้นเสียงของพี่ทหารที่ประจำอยู่แต่ละลำ พวกเราวิ่งกรูกันเข้าไปอย่างรวดเร็ว เราดูอย่างไม่รู้เบื่อ จนมีเสียงประกาศให้กลับเข้าที่

        เฮลิคอปเตอร์หลายลำทะยอยลงจอดบนสนาม ร่างของหญิงสูงวัยท่านหนึ่งในเครื่องแบบสีเขียวสวมหมวกเบเร่ต์ท่าทางทะมัดทะแมงเดินนำหน้า มีเสียงบอกต่อๆกันว่านั่นคือสมเด็จพระบรมราชชนนี

         อีกไม่กี่นาทีต่อมา ท่านก็เดินไปตามปะรำพูดคุยกับชาวบ้านพลาง พูดกับผู้หญฺงถือสมุดจดที่อยู่ใกล้พลาง บางครั้งท่านก็นั่งคุยนานๆ อย่างไม่ถือพระองค์ด้วยรอยยิ้มและไม่รู้เหน็ดเหนื่อยท่ามกลางแสงแดดยามใกล้เที่ยง บรรดาผู้ติดตามที่หิ้วถุงพะลุงพะลังมาด้วยก็ล้วงเอาของในถุงซึ่งเป็นของเล่นนานาชนิดออกมาแจกเด็กๆ ผมและเพื่อนได้รถไขลานบ้าง แตรบ้าง ตุ๊กตาบ้าง

         หลังจากที่ท่านเสด็จมาเยี่ยมไม่นาน เพื่อนผมคนหนึ่งที่ปากแหว่งพูดไม่ชัดเพราะปากแหว่างเพดานโหว่คนหนึ่งได้ไปรับการรักษาจนหายเหลือเพียงรอยแผลเป็นจางๆเท่านั้น คนเฒ่าคนแก่หลายคนได้ไปรักษาอาการเจ็บป่วยในโรงพยาบาล

         อำเภอที่มีความเจริญล้าหลังที่สุดของจังหวัดเริ่มพัฒนา ทางเข้าจากถนนใหญ่ถึงตัวอำเภอ 23 กิโลเมตรได้เปลี่ยนจากลูกรังเป็นถนนลาดยาง มีไฟฟ้าใช้ มีโรงพยาบาล ความทุกข์ยากในเรื่องของความขาดแคลนสิ่งสาธารณูประโภคหมดไป
 
          ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ”สมเด็จย่า”ผู้ให้กำเนิด”พ่อ”ของปวงชนชาวไทย ซึ่งจะครบรอบวันประสูติของ”พ่อ”ในวันพรุ่งนี้แล้ว
 

         การใช้ถ้อยคำบางถ้อยคำอาจจะไม่เหมาะสม ซึ่งเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผม ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้

 ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 04, 2012, 10:25:40 AM
+1พี่เป้าครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 04, 2012, 12:14:55 PM
 ::014::ขอบคุณครับน้าซับ...1 ดอกเช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ ธันวาคม 04, 2012, 01:43:19 PM
บวกให้น้าทิดเป้าครับ   ผมเคยได้รับรู้ความรู้สึกแบบนี้ และได้รับรถไขลานสังกะสีจากพระหัตถ์ุท่าน เสียดายหายไปแล้ว    ::014::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 04, 2012, 07:51:23 PM
เยี่ยมมากทิด ::002::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ตูรุส ที่ ธันวาคม 04, 2012, 07:59:06 PM
บวก10ครับพี่ป้าววว


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 05, 2012, 10:10:43 AM
 ::014::ขอบคุณครับ...+ 1 เช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ ธันวาคม 18, 2012, 03:10:44 PM
กระทาชายนายซับสิน    เดินกะลิ้มกะเหลี่ยเข้าไปพบหมอสาว ทรงสล้าง ด้วยท่าทางพิกล

หมอ.."เป็นไงคะ ให้หมอช่วยอะไรได้บ้าง"

นายซับสิน.."เอ่อ....อ่า...คือ...เอ่อ...."

หมอชักฉิว......" เอางี้ค่่ะ   ด้วยเกียรติและจรรยาบรรณของหมอ  ฉันสัญญาว่าจะตรวจรักษา วินิจฉัย ทุกอาการของคุณ โดยเต็มกำลัง 

ทีนี้คุณจะบอกได้รึยัง..ว่าคุณเป็นอะไร..ฮึ"

"ครับ.. คือ..เอ่อ... ภรรยาของผมน่ะครับ.................เธอบอกผมว่่า..........น้องหนูของผมรสชาติประหลาดครับ..."

นายซับสินบอกหน้าตายิ้มกริ่ม.............


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 19, 2012, 08:34:05 AM
 :D~ :D~ :D~


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 19, 2012, 11:38:27 AM
 ::007::น้าซับเอาอะไรทาล่ะครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ ธันวาคม 25, 2012, 04:35:47 PM
ยายทำเซอร์ไพรส์ตา เนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงาน 50 ปี ด้วยการใส่ชุด"วันเกิด" กระโดดออกมา จ๊ะเอ๋ ที่้ห้องครัว

"จ๊ะเอ๋ แกดูสิ ชั้นใส่ชุดอะไร"  ว่าพลางหมุนตัวไปรอบ ๆ

ตาขยับแว่น จ้องมองซักพัก

"อืม.....ก็ดี ...แต่แกน่าจะรีดมันซักหน่อยนะ..ก่อนจะใส่.."

.............


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 25, 2012, 06:28:40 PM
 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 06, 2013, 04:22:57 PM
อยู่สกล เ้คยเห็นขวานแบบนี้บ่อ้าย....

(http://i1323.photobucket.com/albums/u596/Krisda_Promtep/DSCF7392_zpsb1fa1748.jpg)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กุมภาพันธ์ 06, 2013, 06:53:51 PM
แถวบ้านผมมีแต่ขวานแบบนี้ทั้งนั้น มีกันทุกบ้านครับ...ตัดไม้ ผ่าฟืน ถากเสาเรือน เจาะขุมขี้ยาง แบบนี้ทั้งนั้นครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ กุมภาพันธ์ 06, 2013, 09:07:55 PM
ขวานแบบนี้ใช้ฟัน   ถาก   ขุด   


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2013, 08:29:33 AM
ผมเพิ่งเคยเห็น หน้าแคบแบนดี น่ากินเนื้อไม้ไว แต่หงอนนี่น่ากลัว เวลาเหนื่อยแรง
อาจยกขึ้นเป๋ๆ มันมีชื่อเฉพาะไหมครับ ขวานอันหยัง ด้ามเหมือนไม้ไผ่


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2013, 09:19:51 AM
ขวานแบบนี้บ้านผมเรียกขวานขุด  ใช้เจาะเสา  หงอนยาวๆใช้ถ่วงให้นิ่ง  เอามาผ่าฟืนน่ากลัวจะเป๋มาล่อหน้าผากตัวเองอย่างน้าซับว่า   ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2013, 06:24:01 PM
จับสองมือ เหวี่ยงเข้าเหมือนใช้จอบขุดดินครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2013, 02:43:37 PM
แล้วทำไม ไม่เอาจอบมาฟันไม้ แล้วเอาขวานไปขุดดิน


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 08, 2013, 08:43:37 PM
ขวานแบบนี้ เริ่มหายไปแล้ว  แต่ทางภาคเหนือ ยังนิยมใช้อยู่ 

ที่ชอบกันคือ  ก้านที่สวมหัวขวาน  ปรับระดับได้  โดยมีรูสลักเป็นช่วงๆ    ตัวในรูปไม่มีจุดนี้ครับ  หยาบไปนิด


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มีนาคม 30, 2013, 10:32:46 AM
     แค่บอกว่า เป็นคนขับสิบล้อ คนฟังก็ส่ายหน้า อาชีพนี้ตามที่คนเท่าไปเล่าต่อๆกันมา บอกว่า เป็นศูนย์รวมของคนร้อยแปดพันเก้า แถมร้อยพ่อพันแม่  มีตั้งแต่มหาบาเรียนไปจนถึงมหาโจร เสือสิงห์กระทิงแรด หนีคดี หนีหมายจับ หนีสังคม อายุตั้งแต่วัยรุ่นเพิ่งหย่านม ถึงคนแก่คราวลุง  ...จะว่าป่าเถื่อนน้องๆลูกเรือประมงก็ไม่ผิด...

“ คุณทำได้แน่  ผมเชื่อความสามารถของคุณ “ เจ้านายผมทิ้งท้ายก่อนผมเดินออกจากห้อง

     คุมงานรถบรรทุกทั้ง 10 ล้อ 6 ล้อ หัวลากกว่า 300 คัน และ กรรมกรแบกของขึ้นรถอีก 40 คน ไม่รวมถึงคนขับมือสอง เด็กติดรถ มันแทบจะทำให้ผมแทบถอดใจ เอาหัวโขกโต๊ะเลยแหละครับ

     รถบรรทุกทั้งหมด ใช้รถของบริษัทผู้รับเหมา  ซึ่งมีทั้งของผู้รับเหมาเอง รถร่วมจากบริษัทอื่น รวมรถที่เจ้าของจะก้าวขึ้นเป็นเถ้าแก่ฝึกหัด เอาที่ไร่ที่สวนเข้าแบ็งค์เอาเงินดาวน์รถออกมาวิ่งร่วม

     รถเหล่านี้จะต้องวิ่งไปส่งของให้ลูกค้าตามออร์เดอร์ของเซลที่ผมรับมาล่วงหน้า 1 วัน ซึ่งลูกค้าก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ ลูกค้าในประเทศ และลูกค้าต่างปรเะทศ  ลูกค้าในประเทศ ก็จะมีอยู่ทั่วไปทั้งในกรุงเทพ เหนือ กลาง อิสาน ใต้  ส่วนลูกค้าต่างประเทศส่วนใหญ่ก็จะส่งเป็นคอนเทนเนอร์ไปลงเรือท่าเรือแหลมฉบัง และอีกบางส่วนก็จะส่งไปลาว มาเลเซีย และจีน( ที่สามเหลี่ยมทองคำ)

     วันเวลาผ่านไป พร้อมกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน มีทั้งสุข ทุกข์ ขบขัน และเศร้า งานนอกเหนือจากงานประจำของผมมีเข้ามาเพียบ  ไม่ว่าจะทำหน้าที่เป็นครู นักสืบ ตำรวจ กรรมการห้ามมวย ผู้พิพากษา ศิราณี นักสังคมสงเคราะห์  หมอและอื่นๆอีกสารพัดตามสถานการณ์

    จากเมื่อก่อนที่เคยกลัว เบื่อ หนัก เหนื่อย หมดยาแก้ปวดเป็นกำมือ ...กลับกลายเป็นชอบและสนุกกับงาน แล้วล่ะสิ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ มีนาคม 30, 2013, 10:58:51 AM
 ::002::+


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มีนาคม 30, 2013, 01:22:46 PM
 ;Dพระเอกในวันนี้ มีเป็นคนขับรถพ่วง มีนามว่าโด่ง ใครจะเรียกเขาว่าพี่โด่ง น้องโด่ง คุณโด่ง หรือแม้กระทั่งไอ้โด่ง เขาก็จะได้เพียงเอียงคอยิ้ม และก้มหัวรับนิดๆ โด่งเป็นคนขยัน ไม่ปฏิเสธงาน ปากหวาน พูดน้อย   หน้าตารึก็หล่อเหลาเอาการ  ดูท่าทางแล้ว  ผมคิดว่าเขาน่าจะไปเป็นพระเอกลิเกเสียมากกว่า  และด้วยความที่เป็นคนพูดง่ายใช้คล่องทำให้ผมสนิทกับเขาพอสมควร รู้ว่าเขามีพื้นเพอยู่แถวนั้น  มีฐานะดี บ้านอยู่กลางสวน  เมียกำลังท้อง ชื่อเดือน  เดือนเป็นคนขยันตื่นแต่เช้าไปขายของจำพวกผักผลไม้ในตลาด  ชีวิตของโด่งมีความพร้อมอยู่สุขสบายกว่าคนขับรถคนอื่นมากมาย

     ผมก้มหน้าก้มตาตรวจสอบความเรียบร้อยเช่น ชื่อลูกค้า ประเภทของสินค้า จำนวน  น้ำหนัก ประเภทของรถ ทะเบียน ชื่อคนขับใน invoice ก่อนเซ็นอนุมัติ การตรวจสอบนี้ นอกจากป้องกันการผิดพลาดของเอกสารซึ่งมีผลกับการวางบิลเก็บเงินแล้ว ยังเป็นการตรวจสอบการจัดส่งอีกด้วย ตำแหน่งที่ตั้งลูกค้าและสภาพถนนในเมืองไทยไม่ใช่ว่าจะเอารถอะไรวิ่งไปส่งก็ได้ บางที่เข้าได้เฉพาะ 6 ล้อ บางที่ห้ามรถพ่วง บางที่ก็ติดเวลา หากส่งรถไปผิด ย่อมหมายถึงลงของไม่ได้ ลูกค้าไม่มีของใช้ หรืออาจจะไปปิดถนนหนทางเขาเลยก็เป็นได้

“ พี่นัส ไอ้โด่งไปใหน “ ผมถาม คนคุมรถของผู้รับเหมา เมื่อพบว่ารถทะเบียนนั้นชื่อคนขับไม่ใช่คนเดิมที่ผมคุ้นเคย

“ อยู่โรงบาล เห็นคนขับแทนบอกว่า มันนอนดูทีวีที่บ้าน อีเดือนเมียมันถือมีดเดินผ่าน แล้วมีดร่วงโดนมันเข้า  นี่ผมแจกเอกสารเสร็จก็ว่าจะไปเยี่ยมครับ”

“ งั้นผมฝากตังค์ซื้อของไปเยี่ยมมันด้วย แค่มีดหล่นโดน คง ไม่มีอะไรมากหรอกอาจจะโดนเส้นเอ็น  เดี๋ยวก็หาย “ พลางผมควักแบ็งค์รือยยับยู่ยี่ส่งให้
    
     เกือบเที่ยง พี่นัสเดินยิ้มเข้ามาที่อีอฟฟิต

“ เป็นไงมั่ง “ ผมถาม

“ หนักครับลูกพี่  ต้องพักเป็นเดือนเลยแหละ ”

“ ฮ้า!!! แค่มีดหล่นนี่นะ มันโดนตรงไหน “ ผมถามอย่างตกใจ

“ หน้าผาก แขนซ้าย แขนขวา แข้งซ้าย แข้งขวา แถมท้ายทอยอีกหนึ่ง รวมแล้ว 6 แผล เย็บร้อยกว่าเข็ม “ พี่นัสบอกพร้อมหัวเราะ

“ เฮ๊ย!!! มันโดนอีท่าไหน ยังไง “ คราวนี้ผมแปลกใจเสียมากกว่า

     แล้วเรื่องราวตลกปนเศร้า(หรือเปล่า)ทั้งหลายทั้งปวงก็พรั่งพรูออกมาจากปากพี่นัส

     บ่ายวันนั้น หลังจากลงของเสร็จ โด่งก็ตีรถกลับเข้าอ๊อฟฟิต การเข้ามาวันนี้ต่างจากวันก่อนๆ แทนที่โด่งจะมารับใบงานและบิลน้ำมันและเงินสำรองต่างๆจากเสมียน   โด่งกลับตรงเข้าหาเถ้าแก่

“ เสี่ยครับ ผมขอลางานซัก 3 ครับ เมียผมไม่ค่อยสบาย ตั้งแต่ท้อง เมียผมป่วยบ่อยๆ  ผมขอหยุดดูมันหน่อย  “โด่งบอกด้วยสีหน้าเศร้า ๆ

“ เออ ๆ รีบพาไปหาหมอ  เอาเงินไปฝากท้องฝากใส้ให้เรียบร้อย เวลาเรา ไปไหนมาไหนจะได้ไม่เป็นห่วง “  เสี่ยควักเงินส่งให้ ความใจกว้างของเสี่ยและเจ๊เป็นที่ยอมรับของบรรดา
ลูกน้องและคนขับรถบริษัทอื่น  บริษัทนี้ดูแลลูกน้องเหมือนญาติ รถที่ขับต้องสะอาด  แอร์ต้องเย็น เครื่องเสียงต้องดี  มีบ้านพักให้คนขับอยู่ฟรี  ทำประกันชีวิตให้ หรือใครอยากซื้อบ้าน ซื้อรถ ถ้าราคาไม่สูงนักก็จะออกเงินซื้อให้ก่อน แล้วค่อยหักเงินเดือน ดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคาร ดังนั้นบริษัทนี้ จึงไม่เคยมีป้ายประกาศรับคนเลย คนขับบางรายมาทั้งพ่อ ลูกชาย ลูกเขยจองคิวทั้งครอบครัว

     หลังจากตรวจครรภ์ตามที่นัดแล้ว เดือนก็เดินออกจากคลีนิค มุ่งหน้าไปยังคิวรถสองแถวอยู่ไม่ไกลนัก

“ ไปไหนมาล่ะเดือน” เสียงทักออกมาจากคนในรถยุโรปคันใหญ่ที่จอดอยู่ไหล่ทาง

“หมอนัดมาตรวจท้อง กำลังจะกลับบ้านค่ะเจ๊ “

“ ไปกลับด้วยกัน  รอเสี่ยแป๊บนึง”

“ ทำไมไม่ให้โด่งพามาล่ะ คนกำลังท้องคนใส้ปีนขึ้นลงสองแถว เดี๋ยวเป็นอะไรมาลำบากนะ ”

“ ก็เรือเข้าช้าตั้ง 3 วัน พี่โด่งยังไม่ได้ลงของเลย” เดือนตอบตามที่ผัวโทร.บอก หลังจากที่นั่งเรียบร้อย

“ อ้าว ก็โด่งลาตั้ง 3 วันนี่ อุ๊บบบ....”  เจ๊หยุดพูดเหมือนจะนึกอะไรได้  ในเวลาเดียวกันนั้น เสี่ยก็มาถึง

     ในระหว่างทาง เสี่ยก็ถามเช่นเดียวกับเจ๊  ยิ่งทำให้เดือนคิดไปต่างๆนานา แต่ก็เก็บความสงสัยสงสัยไว้ในใจ
สายวันต่อมา ผักหมดแผง เดือนก็กลับบ้าน ขณะเดินผ่านแผงอาหารทะเลนั้น ก็มีเสียงทัก

“ ไปแถวบ้านก็ไม่ยอมแวะเลยนะเดือน  แหม  ไปเช่าบังกะโลดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ น่าอิจฉา “ เสียงทักมาจากแผงอาหารทะเล

“ ไปไหน ไม่ได้ไป เมื่อวานหนูไปหาหมอ “

“ อย่ามาหลอกเลย ก็เห็นอยู่ว่ารถจอดอยู่บังกะโลทั้งคืน ”

“ พี่หนูไหว้หล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยว่าเจอที่ไหน เมื่อไร ผัวหนูไม่กลับบ้านมาอาทิตย์นึงแล้ว สงสารหนูเหอะ ”
 
     เดือนก้าวเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่จิตใจไม่อยู่กับตัว เสียงทีวีดังแว่วออกมา เมื่อก้าวพ้นธรณีประตูเห็นร่างของโด่งผัวรักนอนหลับสนิทหน้าจอทีวี  จากเรื่องราวที่ได้ฟังจากแม่ค้าของทะเล ทำให้แรงแค้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เดือนคว้ามีดปอกผลไม้ที่วางบนโต๊ะฟันฉับลงไปอย่างไม่นับ
เหมือนมีของแข็งกระแทกแรงๆ ที่หน้าผาก โด่งลืมตามขึ้นมาเห็นเมียรัก เงื้อมีดฟันลงมา ด้วยสัญชาตญาณ เขายกแขนขวาขึ้นกัน  มีดนั้นยังคงฟันกระหน่ำลงมา คราวนี้ โด่งยกทั้งแขนทั้งขาขึ้นป้องกันคมมีด  ก่อนลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกทางหลังบ้าน

“ โอ้ โหดจริงโว๊ย...เดือนวิ่งไล่ฟันท้ายทอยมันอีกแผลละสิ “ ผมถามอย่างตื่นเต้น

“ เปล่า เดือนเขวี้ยงมีดตาม ด้ามมันเข้าท้ายทอยเต็มๆ แถมอีกแผลนึง “

“มันพาใครที่ไหนไปค้างบังกะโลล่ะ ”

“ เด็กไทยใหญ่ มันเจอแถวๆแม่สาย อยากมาเที่ยวทะเล   ไอ้โด่งมันตั้งใจจะแวะบ้านนอนพักเอาแรงซักหน่อยแล้วจะไปรับรถมาขึ้นของ แล้วไปรับผู้หญิงกลับ  แต่ผิดแผน เมียรู้เสียก่อน “

“ อ้าว แล้วผู้หญิงจะทำยังไงทีนี้ “ คราวนี้ผมกังวล

“ อ๊ยยย...ไม่ต้องห่วงหรอกลูกพี่ ห่วงงานของเราดีกว่า ผมว่าวันนี้ปิดงานช้าแน่  พวกเพื่อนมันแย่งกันไปส่งไทยใหญ่จนแทบจะฆ่ากันแล้ว อย่าว่าแต่คนขับรถเลย พวกฟอร์คลีฟท์ก็ยังจะไปกับเค้าเลย” พี่นัสบอกปนหัวเราะ

     โธ่.... ไอ้โด่งเอ๊ย...ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องให้ดี ...บอกแล้วว่า อย่าล้อเล่น สาวเมืองสิงห์  …นี่แค่มีดร่วงจากมือเท่านั้นนะโว๊ย

หากชื่อตัวละคร ซ้ำกับชื่อผู้ใด หรือตรงกับเรื่องราวของผู้ใด .... ก็ขอกราบประทานอภัยมา ณ ที่นี้


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ มีนาคม 30, 2013, 07:26:10 PM
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: .บ่าวฮ้าง. ที่ เมษายน 07, 2013, 08:37:25 PM
ลุง ทิดเป้า มาต่อด้วยครับกำลังดี..
มักคักๆ หว่าแหม่นชีวิตจริงผมเอาโลด..


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ เมษายน 10, 2013, 10:14:08 AM
ลุง ทิดเป้า มาต่อด้วยครับกำลังดี..
มักคักๆ หว่าแหม่นชีวิตจริงผมเอาโลด..

 ::014::+1 ขอบคุณหลายๆครับ


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: .บ่าวฮ้าง. ที่ เมษายน 11, 2013, 09:41:14 PM
ผุดูแลห้องนี้มาลบ Spam Web(พวกขายของ) ถิ่มแหน่คับ เคืองสายตา..


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 01, 2013, 12:05:08 AM
๑ พฤกษาคม ๒๕XX
๐๘๓๐  

“ไป ไปเป็นทหารด้วยด้วยกัน” ผมบอกดอกหางนกยูงสีส้มสดใสในใจ ก่อนเด็ดมาใส่กระเป๋ากางเกง  ขณะเดินขึ้นรถสองแถวหกล้อคันใหญ่ เสียงชายชุดเขียวตะโกนเรียก บรรดาหนุ่มฉกรรจ์ที่ร่ำลาลูกเมียญาติพี่น้องที่มาส่ง ให้ขึ้นรถไวๆ   ผมเหวี่ยงกระเป๋าใบเล็กขึ้นบ่า ก้มหัวก้าวเข้าไป มือดำๆข้างนึงผลักอกผมไว้ พร้อมบอก
“สมทบค่าเหล้าก่อนโว๊ย”เจ้าของมือพูดกับผมยิ้มๆ  ผมควักแบ๊งค์ร้อยให้เจ้าของมือ พร้อมบอก “กูยังไม่สร่างเลยว่ะ”

ผ่านหลายร้านค้าข้างทาง แม้เราจะกดออด เคาะกระจก ก็ดูเหมือนว่าโซเฟอร์สองแถวคันน้นจะไม่ได้สนใจเลย ยังคงขับตะบึงไปเรื่อย มีเพียงชายชุดเขียวที่นั่งคู่คนขับโบกไม้โบกมือให้
“ซื้อในเมืองก็ได้ว่ะ” เจ้านอบอก ผมพยักหน้าพร้อมหลับตาอย่างอ่อนเพลีย

เสียงตุ๊บตั๊บโครมครามระคนเสียงด่าทอดังขึ้นใกล้ตัว ทำให้ผมตกใจสะดุ้งตื่น เมื่อเห็นร่างสูงผอมที่นอนกลิ้งโค่โล่อยู่กระบะรถผมก็อดที่จะถีบเข้าไปอย่างแรง

“ ไอ้เวรนี่ยังเสือกตื่นขึ้นมาเอากับเขาอีก กูบอกแล้วแล้วว่าตอนจับสลาก หลวงพ่อกูหลับโว๊ย”เสียงเจ้าของร่างร้องโอดโอย

ผมนึกถึงวันนั้น วันที่ ๒ เมษา เราเด็กหนุ่มผู้มีอายุครบ ๒๑ ปีต้องไปเกณฑ์ทหาร พบเจอเพื่อนฝูงที่เคยเรียนด้วยกันเมื่อยังเด็ก เจ้าสกลผู้มีรูปร่างผอมสูงขาโกง ที่ร้ายไปหกว่านั้นคือ ใบหูทั้งสองข้างของมันหักพับเหมือนหูลูกหมา เพื่อนๆเลยเรียกมันว่า ไอ้ตูบ

“ พวกมึงมาเลย กูมีพระรอด  ปู่กูให้มา...รับรองใครนั่งหน้ากูหลังกู ...๗ คน  ได้ใบดำ รอดแน่ๆ....มันพูดเสียงดัง พร้อมกับโชว์พระเครื่องที่ห้อยคอ
ดูเหมือนว่าความศักด์สิทธิ์จะมีจริง ประมาณสิบคนผ่านไปได้ใบดำล้วนๆ... แต่เมื่อถึงคิวของมัน ผู้เป็นเข้าของ
 
“ แดง ทบ.๑...” เสียงโห่ฮาปนเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นทั้งหอประชุม  ผมลุกขึ้นตามเสียงขานชื่อ แล้วล้วงเข้าไปในโหล

“ แดง ทบ.๑ จทบ.ขก.” เสียงเจ้าหน้าที่เหมือนดังแว่วๆมาแต่ไกล ผมเข่าอ่อน มือไม้เย็นเฉียบ รู้สึกมีมือมาประคองให้เดิน จับมือไปพิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วบอกว่า “กองทัพบกยินดีต้อนรับนะน้อง”

หน้าศาลาลากลางจังหวัด ชายชุดเขียว(สัสดี)ให้เราแยกกันไปเข้าแถวตามป้าย รายงานตัวตามเอกสารที่รับจากอำเภอ จากนั้นก็เข้าแถวขึ้นรถบัสคันใหญ่  ผมมองหาเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่ไม่เจอเลยซักคน

ถึง จทบ.ขก.ก็เป็นเวลาบ่ายเพื่อนๆที่มาด้วยกัน แยกย้ายเข้าแถวตามเอกสารอีกที   ผมไปตามเสียกเรียกที่เป็นอักษรย่อและตัวเลข ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกเรียกอีกทีเมื่อใกล้ค่ำ  
รถบัสสีเขียวพาพวกเราฝ่าความมืดไปเรื่อยๆ  มีเสียงพูดคุยไต่ถามกันเบาๆว่า “เขาจะพาพวกเราไปไหน” พี่ทหารบอกมาเป็นภาษาที่เราไม่เข้าใจ  “ มันจะเอาไปไหนก็ช่างมัน คงไม่ถึงตายหรอก” ผมหลับตาและนึกในใจ

เสียงนกหวีดดังขึ้นข้างหู ผมลืมตาตื่น เสียงคนพูดเสียงดัง “ ถึงบ้านเราแล้ว ที่นี่คือค่ายของเรา  ก่อนเข้าต่ายโปรดถอดเขี้ยวเล็บและความยิ่งใหญ่ของท่านไว้ที่หน้าประตู  ที่นี่ มีแต่สุภาพบุรุษ  มีแต่นักรบ  ไม่มีนักเลงอันธพาล “

เราลงรถที่หน้าอาคาร  อาหารจัดวางรออยู่แล้ว เมื่อเข้านั่งที่ และนับจำนวนคนครบ ทหารก็สั่งให้เรากินกันที ข้าวและเนื้อกระป๋องเย็นชืดแข็งโป๊ก ทำให้ผมตักกินแค่ ๒-๓ ช้อน ไม่ฟังสนใจเสียงบอกให้กินเยอะๆ

ออกจากโรงอาหาร เราเดินมาอีกประมาณสามร้อยเมตรถึงอาคารหนึ่ง เขาให้เราเดินไปประจำเตียงซึ่งมีที่นอนหมอนมุ้งพร้อมแล้วให้นอน...บอกว่า พรุ่งนี้ตื่นตีห้า

ผมรีบล้มตัวนอน นึกคาดเดาอนาคต สิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตในวันรุ่งขึ้น ก่อนม่อยหลับไป




หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 01, 2013, 10:51:55 AM
จะเพลแล้วยังไม่ตื่นอีก  เดี๋ยวเจอซ่อม ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 01, 2013, 07:42:20 PM
 ;D 2 พ.ค.
0500 น.
เสียงแตรดังโหยหวนตามมาด้วยเสียกนกหวีดแสบแก้วหูมาแต่เช้า ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้า  เสียงทหารที่ใส่หมวกเหล็กสวมปลอกแขนแดงตะโกนให้ตื่น ผมใช้มืออุดหูอย่างรำคาญ “ ไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ให้เวลา 5 นาที่ “เสียงนั้นยังตามมาอีก

  “แม่ง 5นาที่มันจะทำห่อะไรได้วะ “ด้วยความอ่อนเพลี่ยและความง่วงทำให้ผมหลับตานึกด่าอยู่ในใจ
“โครม ... ตื่นได้แล้ว นับจากวันนี้ไป ท่านคือทหาร มีระเบียบวินัย ไม่ใช่จิ๊กโก๋ข้างถนน หรือคุณหนู เด็กขี้แยที่นึกอยากจะนอนก็นอน อยากกินก็กิน ทำอะไรได้ตามใจตัวเอง...เร็วรีบไปทำธุระส่วนตัว “เสียงดังหนักๆเตียงสะท้านเยือก ตามมาด้วยเสียงตะโกนกรอกเข้าหู  ทำให้ผมจำใจต้องลุกบิดขี้เกียจ รื้อกระเป๋าหาสบู่ยาสีฟัน นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินลงจากอาคารไม้หลังนั้นพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรม อาคารหรือ”โรงนอน”นี้ เป็นอาคารไม้ ใต้ถุนสูง ชั้นบนสำหรับนอน ชั้นล่างที่เปิดโล่งมีกระดานดำ โต๊ะเก้าอี้เรียงรายเป็นระเบียบ คล้ายห้องเรียน ป้ายด้านหน้าหน้าบอกชื่อ “หน่วยฝึกทหารใหม่”  

ผมต่อคิวเข้าห้องส้วม ที่มีเพียงไม่ถึง 10 ห้อง วัสดุทำจากสังกะสีล้วนๆ  ห้องน้ำที่เป็นเพียงอาคารเล็กๆมีอ่างคอนกรีต 3x6 สูงเมตรนึง ซึ่งกว่าเราทั้ง 130 คน จะเสร็จเรียบร้อยท่ามกลางเสียงตะโกนเร่งของทหารก็ปาเข้าไป 6 โมงกว่า

ผมเดินไปเข้าแถวตามที่เสียงนกหวีดและเสียงเรียก หลังจากนับคนแล้ว เราก็เดินไปที่อาคารหนึ่งที่เขาเรียกว่า “ตอนสูทกรรม” หรือเรียกง่ายๆว่า “โรงเลี้ยง” ซึ่งเป็นที่ที่เรามากินข้าวเย็นกันเมื่อคืน แต่เช้าวันนี้ ไม่มีคนตักข้าวมารอ เราเข้าแถวหยิบถาดหลุม ช้อน ซ่อม เข้ารับอาหารที่มีคนตักแจกแล้วเดินเข้านั่งที่โต๊ะ เสียงสั่งให้เอามือกอดอกรอให้เพื่อนมานั่งครบก่อนแล้วค่อยกิน ทำให้ผมมีเวลาพิจารณาอาหารที่อยู่ในถาดข้างหน้า ข้าวสีขาวสะอาดต็มถาดหลุมใหญ่ อีกสองช่องเล็กเป็นพะโล้มีไข่สองใบ อีกหลุมนึงเป็นหมูผัดถั่วงอก พอสิ้นเสียง”เชิญรับประทาน” ผมรับตักข้าวเข้าปากทันที แล้วเกือบจะถุยทิ้งทันทีอีกเช่นกันผัดจืดชืดเหมือนกับมันผัดด้วยน้ำเปล่า ผมทนกระเดือกข้าวกับไข่ลงคออย่างลำบากยากเย็นไม่กี่คำ ผมก็วางช้อนดื่มน้ำ ขยับตัวจะลุก

“ จะไปไหน “เสียงตวาดมา
“อิ่มแล้วครับ “ " ไอ้เวร แค่นี้ก็ตะคอก พูดคุยกันดีๆไม่ได้รึไง"ผมตอบและด่าในใจ
“กินนิดเดียวเอง อิ่มได้ไง เสียดายข้าวเหลือตั้งเยอะต้องเททิ้ง พวกท่านคงรู้ดีว่า กว่าจะได้ข้าวมาซักเม็ดต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน ฉะนั้นต้องกินให้หมด จะได้มีเรี่ยวแรงฝึก ” ผมต้องนั่งลงกินต่ออีกรอบ

เรากลับมานั่งในใต้ถุน”โรงนอน” แล้วถูกเรียกเรียกไปให้ประวัติละเอียดยิบ จากนั้นก็ไปรับเสื้อผ้าของใช้ แล้วให้เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เสื้อผ้าผ้าเช้ดตัวที่เอามาจากบ้านทั้งหมดรวมตั้งกระเป๋าเงินบัตรต่างๆ นาฬิกา พระเครื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าถุงเท้ากางเกงใน ทั้งหมดถูกยัดเข้าไปในถุง  มัดปากถุงเขียนชื่อนามสกุลข้างถุงแล้วนำไปเก็บไว้ในอาคารหนึ่งใส่กุญแจอย่างแน่นหนา เงินสดทั้งหมดถูกนำออกมานับแล้วส่งให้ส่งให้จ่ากองร้อยเก็บ ถึงตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงบุหรี่ 2- 3 ซอง ไม่มีข้าวของเงินทองที่เอาติดตัวมาจากบ้านเลย

ทันทีที่ปัตตาลี่ยนแตะหัว ผมสะดุ้งด้วยความตกใจปนเจ็บ การใช้งานติดต่อกันตั้งแต่เช้าทำให้ความคมหายไป สวนทางกับความร้อนที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นการตัดผมที่ทรมานมากที่สุดในชีวิตกว่าจัดตัดเสร็จ ก็เสียน้ำตาไปหลายหยด จะเรียกว่าตัดก็คงไม่ถูกนัก น่าจะเรียกว่าถอนเสียดีกว่า ใช้เวลาประมาณ15 นาที หัวผมก็อยู่ในสภาพที่เกือบโล้น  รูปทรงที่ได้มาก็แทบจะกระโดดเตะช่างสองตีนพร้อมกัน ในเวลาเดียวกันนั้นบรรดาพวกที่รอตัดผมและซักประวัติ พวกเราเพิ่งจะได้โอกาสพูดคุยกัน กลุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ใต้ต้นลำใยมุมโรงนอน ชายร่างสูงใหญ่หลายคนคุยกันหัวเราะเสียงดัง หลายๆกลุ่มกระจัดกระจายกันหลบแดดอยู่หน้าห้องน้ำบ้าง ข้างโรงนอนบ้าง เลือกเดินเข้าหากลุ่มเล็กๆคนประมาณ 10 คนหน้าห้องน้ำ

“ นั่งด้วยกันสิเพื่อน  มาจากจังหวัดไหน “ พวกในวงเรียกให้นั่งพร้อมถาม
“ สกลฯ แล้วพวกนายล่ะ “ ผมถามมั่งพลางควักบุหรี่ออกมาวางกลางวง เมื่อได้คำตอบ ผมก็อึ้ง บ้างก็มาจากร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม  ทั้งหมดไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
“ ใครรู้บ้างว่าเราอยู่ที่ไหน “ ผมถามความข้องใจที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืน
“ ไม่รู้ว่ะ เราถามเขา เขาก็บอกว่า เดี๋ยวก็รู้ ” คำตอบที่ได้มาไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เพื่อนร่วมวงของผมที่ส่วนมากจะร่างเล็ก ผอม หลายคนตาเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมายอย่างเศร้าสร้อย  
“ เมื่อใรเขาจะให้เรากลับบ้าน” อีกคนถามเหมือนบ่น
“ เราได้ยินพวกที่เคยเป็นทหาร เขาว่า เราต้องฝึกหนักมากจนครบสามเดือนแล้วจะให้กลับ  เขาว่าอาทิตย์แรกจะไม่ค่อยหนัก พอกำลังเราอยู่ตัวแล้วก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ” ผมฟังและเก็บข้อมูลอย่างตั้งใจ
“ ทนเอาโว๊ย เขาว่าจบสามเดือนก็สบายแล้ว ลำบากตอนเป็นใหม่ๆสามเดือนแรกนี่แหละ “ อีกคนเสริม

เสียงเรียกให้เข้าห้องอบรม เราได้ฟังการบรรยายชี้แจงให้รู้เกี่ยวกับระเบียบวินัย การเป็นอยู่ ผลตอบแทน ธรรมเนียมทหาร วิธีผูกเชือก-ขัดรองเท้า ฯลฯ และแนะนำให้รู้จักบรรดาทหารที่เป็นผู้ฝึก ครูฝึก และผู้ช่วยครูฝึกซึ่งเป็นทหารรุ่นพี่ จนกระทั่งบ่าย เราก็ถูกต้อนออกมาเข้าแถวที่จุดรวมพลข้างโรงนอนอีกที คราวนี้เขาพาวิ่งไปตามถนนรอบๆค่าย เพียงไม่กี่ร้อยเมตร หลายคนช้าลง บางคนถึงกับทรุดนั่ง ร้องโอดโอย ครูฝึกสั่งหมอบกลิ้งไปตามถนนลาดยางที่ร้อนฉ่าจากแดดเผา จากนั้นก็วิ่งสลับหมอบคลาน จนเวลาประมาณ 5โมงเย็น เราก็มาถึงโรงเลี้ยง อาหารเย็นมื้อนั้น ยังคงรสชาดสุนัขไม่รับประทานเช่นเดิม พยายามกินให้มาก แบบหนักท้องไว้ก่อน พรุ่งนี้ ไม่รู้จะเจออะไรพิเรนๆอีก

     เครพธงชาติเสร็จ เราแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว แล้วเข้าห้องอบรม หัวข้ออบรมส่วนมามากก็จะเป็นเรื่องระเบียบ วินัย ธรรมเนียมทหาร จนถึงเวลาสามทุ่ม สวดมนต์ไหว้พระแล้ว ให้เวลาเข้าห้องน้ำก่อนพาร่างที่สะบักสะบอมขึ้นโรงนอน หลับไปอย่างรวดเร็ว


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 02, 2013, 07:36:44 PM
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า วันไหนๆเราเหนื่อยเหมือนกันทุกวัน สังคมภายนอกเป็นอย่างไรเราไม่รู้  ถึงเวลานอนก็นอน หลับทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ถึงเวลากินก็กิน กินอย่างไม่คำนึงถึงรสชาด อะไรก็ได้ที่กินแล้วอิ่ม ขอหนักท้องมีแรงไว้ก่อน...การยึดพื้นคราวละ 2-300 ครั้งกลายเป็นเรื่องธรรมดา เฉียงอาวุธวิ่งได้ทั้งวัน ไม่เคยได้เดินติดต่อกันถึง 5 ก้าว การลงโทษหนักเบาสารพัดรูปแบบที่เราโดนทั้งวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิชาต่อสู้การใช้อาวุธการรบ ยุทธวิธีต่างๆ ถูกบรรจุเข้าสมองแล้วฝึกอย่างหนักจนกลายเป็นสัญชาติญาน  ตลอดวันร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อบ้างฝนบ้าง ฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาสลับกับแดดในเดือน พ.ค มิ.ย. ทำให้ผิวไหม้เกรียม หนังหัวลอกออกมาเป็นแผ่นขาว เท้าที่เปียกชื้นในรองเท้าคอมแบทเป็นตุ่มคันส่งกลิ่นเหม็น ฮ่องกงฟุต เริ่มทำหน้าที่ของมันแล้ว แผลที่ซอกขาเริ่มคันบอกถึงการมาเยือนของสังคัง  ได้รับแจกเพียงยาซีม่าขวดเล็กผลัดกันทาให้กันและกัน ทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อย ความหิว  ความรู้สึกผิดหวัง สมหวัง  โกรธแค้น สงสาร ท้อแท้ ถูกบรรจุเข้าไปเป็นปัญหาให้เราแก้ เป็นกิจกรรมให้เราร่วมกันปฏิบัติไม่เว้นในแต่ละวัน บ่อยครั้งที่นกหวีดผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราถูกเป่าปลุกเรามาฝึกตอนดึกๆจนชาชิน การที่ได้หยุดพักนิ่งๆสักห้านาทีมันเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์แต่บางครั้งบนสวรรค์ก็มีนรกเพราะเมื่อมีเวลาว่างก็อดที่จะคิดถึงบ้านน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว บางครั้งก็อยากจะหนี บางครั้งก็อยากจะทำให้ตัวเอง”เจ็บ”  เพื่อจะได้ไปนอนโรงพยาบาล เพื่อจะได้"ทุเลา"การฝึก หากการทำให้”เจ็บ” นั้นผิดคิวจนถึงตายก็ถือว่าสิ้นกรรม ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีก หลายความคิดที่ฟุ้งซ่าน แรงใจเพียงจากเพื่อนๆที่ช่วยปลอบโยนทั้งที่คนปลอบก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกัน วันนี้เราปลอบเพื่อน วันหน้าเราอาจจะถูกเพื่อนปลอบมั่ง


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 02, 2013, 09:34:53 PM
ยาวไป..........ยาวไป :D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2013, 09:28:43 AM
บ้านใครมีรถแบบนี้บ้างครับ  ;D

(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/308514_4134008729133_10568215_n.jpg)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 09, 2013, 10:44:00 AM
โห...สุดยอดนวัตกรรม ::002::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 09, 2013, 02:09:38 PM
อิ อิ ส่งรูปให้ทางบ้านดูเลยพี่
ต้องการอะไรขอให้บอก แล้วซื้อส่งไป
ตัวด้านบนยังไม่ได้ใส่โช้คอัพ ถ้าต้องการใส่ ไม่น่าจะยาก
เดี๋ยวกลับไปก็ได้ขับ  ;D


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ พฤษภาคม 09, 2013, 05:04:06 PM
ยาวไป..........ยาวไป :D

ปู่กำลังบอก พิมพ์ สั้น ๆ หน่อย อ่านไม่ทัน  .... 55555


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 11, 2013, 09:58:34 AM
อิ อิ ส่งรูปให้ทางบ้านดูเลยพี่
ต้องการอะไรขอให้บอก แล้วซื้อส่งไป
ตัวด้านบนยังไม่ได้ใส่โช้คอัพ ถ้าต้องการใส่ ไม่น่าจะยาก
เดี๋ยวกลับไปก็ได้ขับ  ;D

ดูรูปแล้วคงใส่โช้คหน้าไม่ไม่ได้ครับน้าซับ...ระหว่างต้นกำลังถึงล้อมันมีแรงดึง ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 11, 2013, 10:00:45 AM
ยาวไป..........ยาวไป :D

ปู่กำลังบอก พิมพ์ สั้น ๆ หน่อย อ่านไม่ทัน  .... 55555

 ::002::ปู่ใช้ภาษาสิบล้อครับน้องรูฯ...หมายถึงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องหยุด รีรอ...๕๕๕


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 15, 2013, 03:42:51 PM
 ::002:: ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: .บ่าวฮ้าง. ที่ พฤษภาคม 18, 2013, 05:34:12 PM
มานั้งรอ 17.33 May 18,2013..


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: Bigfarmer ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 02:29:22 PM
มันมาอีกแล้ว...😜😜😜


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 03:31:59 PM
อิ อิ ส่งรูปให้ทางบ้านดูเลยพี่
ต้องการอะไรขอให้บอก แล้วซื้อส่งไป
ตัวด้านบนยังไม่ได้ใส่โช้คอัพ ถ้าต้องการใส่ ไม่น่าจะยาก
เดี๋ยวกลับไปก็ได้ขับ  ;D

ดูรูปแล้วคงใส่โช้คหน้าไม่ไม่ได้ครับน้าซับ...ระหว่างต้นกำลังถึงล้อมันมีแรงดึง ::005::

นั่นสิ...


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤษภาคม 21, 2013, 04:19:37 PM
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/734067_457729140976458_483468833_n.jpg)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ พฤษภาคม 22, 2013, 09:30:53 AM
อืมมมมมม.....มีประโยชน์มาก


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 22, 2013, 09:33:44 AM
มีการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่  ถ้ามีจะได้หันกลับมาดื่มเบียร์อีกสักครั้ง ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 03, 2013, 02:58:41 PM
บอกพี่ติ๋มว่าผมยืนยัน...


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: โมโม่153 ที่ มิถุนายน 03, 2013, 03:06:46 PM
บอกพี่ติ๋มว่าผมยืนยัน...
พี่ติ๋มคงไม่เชื่อหรอกจ้ะ...เพราะเห็นแต่นอนยันเต... ::005:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ มิถุนายน 03, 2013, 04:37:43 PM
 ::005:: ::005:: ::005::  ไปไหนก็โดน 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 03, 2013, 05:21:35 PM
บอกพี่ติ๋มว่าผมยืนยัน...
พี่ติ๋มคงไม่เชื่อหรอกจ้ะ...เพราะเห็นแต่นอนยันเต... ::005:: ::007::
กินอะไรก็นอน 555 ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มิถุนายน 05, 2013, 11:18:30 AM
ผู้ชายคนนึงอยากแต่งงาน  แต่ไม่รู้จะเลือกใครดีระหว่างผู้หญิง 3 คน เขาเลยให้ของขวัญทั้ง 3 คนเป็นเงินสดคนละ 50,000 บาท  แล้วดูว่าแต่ละคนจะทำอะไรกับเงินที่ให้ไป

คนแรกเอาไปใช้เรื่องแต่งตัวหมดเลย เธอเข้าร้านเสริมสวยทำผมใหม่ แต่งหน้าใหม่ ซื้อชุดสวยๆ ใหม่ใส่ เธอบอกเขาว่าที่ทำไปทั้งหมด ก็เพื่ออยากสวยสำหรับเขา เพราะเธอรักเขามาก เขาประทับใจเธอมาก

สาวคนที่สองไปซื้อของใช้ผู้ชายให้เขา เธอซื้อไม้กอล์ฟใหม่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้าแพงๆ ให้เขา
ตอนเธอให้ของขวัญเขา เธอบอกว่าเธอใช้เงินทั้งหมดเพื่อเขาคนเดียว เพราะเธอรักเขา เขาก็ประทับใจอีก

คนที่สามเอาเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น ได้เงินมาหลายเท่า เธอคืนเงิน 50,000 แก่เขา และลงทุนต่อโดยใช้ชื่อร่วม
เธอบอกเขาว่าเธออยากเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตสำหรับเธอและเขา เพราะเธอรักเขามาก เขาประทับใจเป็นที่สุด


ชายหนุ่มคิดอยู่นานเกี่ยวกับวิธีใช้เงินของผู้หญิงแต่ละคน
และแล้วเขาก็แต่งงานกับคนที่






นมใหญ่ที่สุด



เครดิค ก็อบเขามา


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 05, 2013, 08:08:04 PM
 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มิถุนายน 27, 2013, 04:47:23 PM
วันนี้ภรรยาบ่นเรื่องคนขับรถคนใหม่ที่เพิ่งรับมา ให้สามีฟัง

'คุณต้องไล่คนขับรถคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ....
ขับรถแย่มากๆๆรู้มั้ย....วันนี้เขาเกือบทำฉันตายตั้งสามครั้ง'

สามีปลอบว่า' อื่อ... ใจเย็นๆ สิที่รัก

ให้โอกาสมันอีกสักครั้งเถอะ !!


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กรกฎาคม 12, 2013, 03:10:40 PM
(https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/1005168_10200656947838565_1116441845_n.jpg)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กรกฎาคม 14, 2013, 08:42:02 AM
มาอีกแล้ว...ตรูฟูดฝรั่งไม่เป็นว๊อยยยย ::009::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: เขรางค์-รักในหลวง ที่ กันยายน 21, 2013, 04:45:23 PM
 
;D

(http://image.ohozaa.com/i/b5e/ZzLgR.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/2VBj)


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 22, 2013, 02:45:42 PM
 ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2014, 07:53:08 PM
::014::ต่อครับ
      
      “อืมมมม...มันแตกต่างชาวบ้านเค้าจริงวุ๊ย เวลาเจอกันจะคุยกันรู้เรื่องมั๊ย ” …รู้ครับ แต่ละภาษาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ศัพท์คล้ายกัน ผิดเพียงสำเนียง ยกเว้นภาษาโส้
        
      “ โซ่  ? “ ... โส้ครับ ไม่ใช่โซ่ ... โซ่น่ะเก็บไว้ให้ครูหมูใส่จักรยานขี่ตามหารักแท้ของแกเหอะ อย่าไปยุ่งกับของแกเลย

      “ เป็นยังไงล่ะ “...ว้า ไปมุดอยู่ใหนมาถึงไม่รู้ว่า ครูหมูขี่จักรยานออกล่าเด็กหนุ่ม ๆ ไปหลายจังหวัด... เขารู้วันทั้งเวป

      “ เรื่องครูหมู เกย์เฒ่าคนนั้น รู้ตั้งนานแล้วว๊อย ที่ถามนี่ ถามเรื่องภาษาโส้
“.....อ๋อครับ สำเนียยงคล้ายส่วยหรือเขมร แต่ไม่ใช่ คนส่วยหรือเขมรมาฟัง ก็ไม่รู้เรื่องครับ
 
      “ แล้วทิดฟังรู้เรื่องมั๊ย “...หึ มืดตึ๊บ เวลาออกนอกหมู่บ้าน เจอชาวต่างถิ่นเจอกันก็จะส่งภาษาย้อ อันเป็นภาษากลางของจังหวัด จะได้สื่อสารกันง่าย ๆ ครับ
    

       ไม่รู้มีอะไรดลใจ
ให้มาตามอ่าน หัวเราะกันน้ำหูน้ำตาเล็ด ::007:: ::007:: ::004:: ::012:: :~) :~) :~) ::006:: ::006:: ::001::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2014, 08:07:28 PM
        อยู่หนายยย...?
ภรรยาชักสงสัยในพฤติกรรมสามี
เลยแอบดอดตามไปที่ห้องทำงาน
เป็นไปตามคาด  ไม่เจอพ่อตัวดีเลยโทรหา
ภรรยา:ฮัลโล คุณอยู่ที่ไหน?(ข่มอารมณ์..พูดเสียเพราะ)
สามี: "อ้าว..ถามได้เวลาตอนนี้  ก็อยู่ที่โรงเรียนนะซิ?"(ทำเป็นอารมณ์ขุ่น ๆ)
ภรรยา:"อยู่ โรงเรียนแล้วอยู่ตรงไหน?"
สามี:"บร๊ะ...ก็อยู่ห้องดนตรี..ซิ ถามได้"(เริ่มออกอารมณ์  ทำว่าพี่ยุ่ง ไม่รู้ว่ามหันตภัยกำลังจะถึงตัว)
ภรรยา:"กรู...นิ๊ อยู่หน้าห้องดนตรี..มรึง..หน่ะ..อยู่ไหน?(เต็มพิกัดแล้ว)
สามี:........ตอบว่าไงดี พี่เป้าช่วยตอบ(เพื่อนผม)หน่อย...?
เพื่อนพ๊มมมมม...นะ ไม่ใช่พ้มมม....!!! ::007:: ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มีนาคม 24, 2014, 04:40:45 PM
        พ่อใย่เป้า
ไปทางไหนแล้วหนอ?


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ มีนาคม 25, 2014, 08:35:00 AM
 ::007:: ::007:: ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มีนาคม 26, 2014, 09:51:01 PM
        จังแมนถืกใจ คัก นอ ::004:: ::004::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: สหายแป๋ง คนดง ที่ เมษายน 11, 2014, 12:06:05 PM
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/734067_457729140976458_483468833_n.jpg)

    น้าซับกล่าวประโยชน์ของการดื่มเบียร์ แป๋งนับได้ 11 ประการ แต่มีข้อเสียอยู่ข้อหนึ่งที่พึ่งทราบ
"การดื่มเบียร์ทุกวันจะทำให้เงินในกระเป๋าของท่านลดน้อยถอยลง" กะจะซัดคนเดียวสัก 3 ขวดตื่นเช้ามาทำไมเก็บขวดได้ตั้ง 8 ใบ ::013::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มิถุนายน 21, 2014, 03:45:14 PM
www.roxyjapanonline.com/ (http://www.roxyjapanonline.com/)      (http://www.roxyjapanonline.com/--outlet-8.html) 
   (http://www.gentenkutujapan.com)     (http://www.coachonlinejpshop.com/---outlet-60.html)   
100   (http://www.roxyjapanonline.com/--outlet-16.html)    (http://www.jpzerohalliburtonshop.com/--outlet-1.html)
วัดอิสยัวร์แหนม ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: สหายแป๋ง คนดง ที่ เมษายน 18, 2018, 07:17:31 AM
ขุดขึ้นมาอ่านไว้อาลัย...เฮ้ย...ไว้เตือนใจให้คิดถึงคนตั้งกระทู้ ::008::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ เมษายน 18, 2018, 04:32:16 PM
ขุดขึ้นมาอ่านไว้อาลัย...เฮ้ย...ไว้เตือนใจให้คิดถึงคนตั้งกระทู้ ::008::
::012:: ::012:: ::012::



หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ กันยายน 30, 2018, 10:11:16 AM
สวัสดีทุกๆท่านครับ  ....   ^_^ 


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ กันยายน 30, 2018, 08:15:44 PM
สวัสดีทุกๆท่านครับ  ....   ^_^ 
กลับมาเถอะวันวาน วันวานยังหวานอยู่ ::005::


หัวข้อ: Re: เรื่องเหล้าสายนี้
เริ่มหัวข้อโดย: สหายแป๋ง คนดง ที่ ตุลาคม 01, 2018, 09:33:28 AM
สวัสดีทุกๆท่านครับ  ....   ^_^ 
กลับมาเถอะวันวาน วันวานยังหวานอยู่ ::005::
   น้าจอยร้องเพลงพ่อตาฟิงค์ได้ด้วย แสดงว่าแก่จริง ::007::