รพ. รัฐหรือเอกชนครับ เรียนถามท่านเด็กหัวตลาดครับ แล้วในกรณีที่รักษาไปแล้ว เกิดเกิน25000 บาทตามสิทธิ พรบ.รถยนต์ โรงพยาบาลจะเก็บได้จากตรงไหนหรือไม่ครับ ไม่ได้อคติอะไรเป็นการส่วนตัว แต่เป็นการติเพื่อก่อครับ เพราะประชาชนต้องทรมานหรืออาจถึงแก่ชีวิตเพราะ เรื่องเข้าใจผิดแบบนี้มาเยอะพอแล้วครับ
ขอชี้แจงดังนี้นะครับ ตั้งแต่มีการประกาศใช้พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๕ ประชาชนคนไทยทุกคนจะมีสิทธิในการรักษาพยาบาล และส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ทุกคน แต่จะแบ่งออกเป็นกลุ่มตามสิทธิคือ
๑.สิทธิข้าราชการ, พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลคือกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
๒.สิทธิประกันสังคม ผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลคือสำนักงานประกันสังคม
๓.สิทธิตามหลักประกันสุขภาพ หรือบัตรทอง คือผู้ที่ไม่มีสิทธิตามข้างต้นทุกคน เน้นว่าทุกคนที่เป็นคนไทยถูกต้องตามกฎหมายนะครับ
แต่ละสิทธิจะมีกฎระเบียบต่างกันในเรื่องค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เป็นอุบัติเหตุจราจร โดยสิทธิข้าราชการ และสิทธิบัตรทองกำหนดว่าต้องใช้สิทธิค่ารักษาพยาบาลตาม พ.ร.บ.ประกันภัยก่อน โดยเรียกเก็บจากบริษัทที่รับทำประกันภัย แล้วจึงจะใช้สิทธิส่วนเกินตามสิทธิข้าราชการหรือสิทธิบัตรทอง
กรณีที่รถไม่มีประกันภัยตาม พ.ร.บ. อันที่จริงเป็นการผิดกฏหมาย รัฐไม่มีหน้าที่รับผิดชอบกรณีเกิดเหตุ แต่ทางกรมการประกันภัย ได้ยกเว้นให้ว่าสามารถเรียกค่ารักษาตาม พ.ร.บ.ได้จากกรมการประกันภัย แล้วกรมการประกันภัยจะมีกระบวนการในการไล่เบี้ยของเขาเอง
ส่วนผู้ใช้สิทธิประกันสังคม ระเบียบเอื้อประโยชน์ให้มากกว่าสิทธิอื่น ผู้ประกันตนสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิประกันสังคมหรือสิทธิตาม พ.ร.บ. ก็ได้ครับ
โรงพยาบาลทุกแห่งจะรู้ระเบียบเหล่านี้เป็นอย่างดีครับ กรณีที่คุณ nars ว่าไว้โรงพยาบาลจะมีใบเรียกเก็บจากต้นสังกัดครับ ถ้าเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ก็จะเรียกเก็บไปที่กรมบัญชีกลาง ถ้าเป็นสิทธิบัตรทองก็จะเรียกไปที่ สปสช. ครับ ถ้าเป็นประกันสังคมก็เรียกเก็บไปที่สำนักงานประกันสังคม
ดังนั้น ถ้าโรงพยาบาลไม่มีลูกเล่น หรือตุกติกกลัวขาดทุน ก็คงจะไม่มีการปฏิเสธการรักษาครับ แต่มูลเหตุที่โรงพยาบาลตุกติก เกิดจากรัฐบาลกำหนดเงินงบประมาณค่ารักษาพยาบาลน้อยกว่าที่เป็นจริง ทำให้โรงพยาบาลอาจจะได้รับค่ารักษาพยาบาลน้อยกว่าที่เป็นจริง ความโชคร้ายจึงตกกับประชาชนครับ
สำหรับคำถามน้องทัดมาลา เงินรายหัว ๑๖๕๙ บาทต่อคนต่อปี ที่สถานพยาบาลได้รับจะต้องนำไปเป็นเงินเดือนบุคลากรด้วย แต่งบซื้ออุปกรณ์จะรวมเฉพาะกรณีลงทุนทดแทน ส่วนถ้าจัดหาใหม่เป็นภาระของกระทรวงเจ้าสังกัดครับ