๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 06, 2024, 11:46:27 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: + + + ยุวอาชญากร + + +  (อ่าน 1972 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6923


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 08:55:42 AM »



เด็กกับความรุนแรง...ยุวอาชญากร

เยาวชนเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่ายิ่งของประเทศ ประเทศจะมีการพัฒนาเจริญก้าวหน้าได้เพราะมีเยาวชนที่ดีมีคุณภาพ ปัจจุบันยังปรากฏว่ามีเยาวชนส่วนหนึ่งอยู่ในสภาวะลำบาก ถูกละเมิดสิทธิและถูกกระทำทารุณกรรมทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น ถูกกดขี่แรงงาน หรือถูกบังคับให้เป็นโสเภณี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเด็กและเยาวชนบางกลุ่มที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมถูกละเลยทอดทิ้ง และถูกบีบคั้นจากครอบครัวประกอบกับสภาพปัญหาเศรษฐกิจ และสังคมที่รุมเร้า จึงส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและพฤติกรรม กลายเป็นคนก้าวร้าวต่อต้านสังคม หันไปใช้สิ่งเสพย์ติดและกระทำผิดกฎหมายในที่สุด กลุ่มเยาวชนที่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาระดับรุนแรงที่สุดคือ กลุ่มยุวอาชญากร


ปัญหาการกระทำผิดของเยาวชน นับเป็นปัญหาใหญ่ที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะการที่เยาวชนกระทำผิดกฎหมาย หรือกลายเป็นอาชญากรไปนั้นถือได้ว่าเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของทรัพยากรอันประเมินค่าไม่ได้ รัฐต้องใช้กำลังมหาศาลไปเพื่อการปราบปราบอาชญากร รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่และงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปีแทนที่จะได้นำไปพัฒนาประเทศด้านอื่น ๆ


"วิกฤตเยาวชนไทยในยุคปัจจุบัน" โดยนายสมพงษ์ จิตระดับ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งกล่าวว่า สถานการณ์เด็กและเยาวชนไทยจะแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ปัญหาหนักจนถึงขั้นวิกฤต เนื่องจากปัญหาหลัก 3 ด้าน คือ


1.ปัจจุบันเด็กและเยาวชน ร้อยละ 90 มีคุณลักษณะหรือคาแรคเตอร์ ก้าวร้าว หมกมุ่นเรื่องเพศ และติดเกม ทำให้เด็กมีคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรมลดลง
                2.เด็กที่ศึกษาในระดับมัธยมมีการเปลี่ยนแปลงในทางแย่มากขึ้น คือ เล่นกีฬา ช่วยงานบ้าน ไปเที่ยวกับครอบครัวและไปวัดน้อยลง ขณะที่เด็กเหล่านี้มีความต้องการที่จะเล่นอินเตอร์เน็ต ดูเว็บโป๊ ทำศัลยกรรม เที่ยวกลางคืน เล่นหวย คุยโทรศัพท์ และติดเพื่อนเพิ่มมากขึ้น


3.เด็กไทยจะเป็นเด็กที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย โดยเฉพาะวัฒนธรรม K-Pop คือ วัฒนธรรมของนักร้อง ดาราเกาหลี ซึ่งวัยรุ่นเกาหลี ร้อยละ 30 ทำศัลยกรรมทั้งสิ้น และ J-Pop วัฒนธรรมดารา นักร้องญี่ปุ่น จึงทำให้กลืนความเป็นไทย วัฒนธรรมดีๆ ของไทยลดน้อยลงเหลือประมาณร้อยละ 30 เท่านั้น คือเหลือเพียง รู้จักการไหว้ พูดภาษาไทย และใช้เงินไทยเท่านั้น


นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา มีมากถึงร้อยละ 4 ของเด็กในวัยเรียนทั้งหมด หรือประมาณ 2-3 แสนคนทั่วประเทศ จากทั้งหมด 175 เขตการศึกษา เฉลี่ยมีเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา เขตการศึกษาละ 1,000-1,200 คน เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มีเด็กกลุ่มนี้เฉลี่ยชุมชนละ 15-20 คน สาเหตุที่ทำให้เด็กไม่ได้เรียนหนังสือมาจากการอพยพย้ายถิ่นที่ทำงานตามพ่อแม่ และปัญหาความยากจน เด็กเหล่านี้เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือก็จะกลายเป็นแรงงานไร้ฝีมือ มักจะทำงานรับช่วงต่อจากพ่อแม่ โดยเด็กผู้หญิงมักจะไปทำงานเป็นสาวโรงงาน สาวห้าง หรือเด็กเสิร์ฟ สุดท้ายก็ถูกหิ้ว ถูกออฟ ส่วนเด็กผู้ชายก็จะหันไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเมื่อรายได้ไม่พอใช้ก็จะอพยพเข้าเมือง แต่ปัญหาก็ไม่จบเพราะชีวิตในเมืองอ้างว้าง โดดเดี่ยว ทำให้ต้องรีบหาคู่มีครอบครัวซึ่งวงจรชีวิตของลูกหลานของเขา ก็จะโคจรเหมือนพ่อแม่ เป็นปัญหาที่ไม่สิ้นสุด จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างพบว่าคนที่อายุเพียง 28 ปี ก็เป็นย่า เป็นยายคนได้


จากการติดตามพฤติกรรมเด็กพบเรื่องที่น่าตกใจคือ ว่าเด็กเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะพัฒนาเป็นยุวอาชญากรสูงมาก ยิ่งหากมีปัญหายาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็กก็จะพัฒนากลายเป็นโจรได้ง่ายขึ้น มีการตบทรัพย์จากเด็กด้วยกัน หรือไปจับกลุ่มตามห้างสรรพสินค้า อยู่ในซอก จุดอับ เพื่อขู่กรรโชกทรัพย์จากคนที่มาเดินห้าง ในอนาคตปัญหาเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดมาจากปัญหาการศึกษาเข้ามาถึงคนกลุ่มนี้

          สังคมไทยจำเป็นต้องเข้าใจปัญหาการใช้ความรุนแรงของเด็กในสังคมไทยให้แจ่มชัดมากขึ้น เพราะการใช้ความรุนแรงในการดำเนินชีวิตได้คืบคลานเข้ามาอยู่กับเด็กไทยทุกขณะแล้ว    


        กระแสการต่อต้านเกมส์ที่เน้นความรุนแรงและรัฐได้ปราบไม่ให้ร้านเกมส์มีเกมส์ประเภทความรุนแรงบริการเด็ก อันเนื่องมาจากกรณีเด็กนักเรียนอายุ ๑๖ ปล้นฆ่าแท็กซี่โดยยอมรับว่าได้รับอิทธิพลจากเกมส์ที่มีความรุนแรงเป็นสาระหลัก แม้ว่าการปราบปรามด้วยการใช้อำนาจรัฐเป็นเรื่องที่ควรจะทำ แต่สังคมไทยไม่ควรจะนิ่งนอนใจหรือพึงพอใจว่าได้ขจัดต้นตอการใช้ความรุนแรงไปได้แล้ว เพราะในความเป็นจริงนั้น การใช้ความรุนแรงของเด็กมีเงื่อนไขอื่นมากำหนดอีกมากมาย      


ตัวอย่างการก่ออาชญากรรมของเด็กวัยรุ่นที่กระทำต่อแท็กซี่และคนทั่วไปที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการเล่นเกมส์มีมากมาย เช่น เด็กจี้แท็กซี่เพราะต้องการเอาเงินไปเที่ยวกลางคืน การตี ฆ่า ข่มขืน ของเด็กแซ็บ เด็กแว้นท์ (เด็กกวนเมือง) ที่เกิดขึ้นทุกหัวระแหงของสังคมไทย หรือ เด็กผู้หญิงตบตีกันแล้วถ่านคลิปเอาไว้ “โชว์พาว” ข่มขู่เด็กอื่นๆ


ตัวอย่างมากมายเช่นนี้ชี้ให้ตั้งคำถามได้ทันทีว่า เกมส์เป็นต้นตอความรุนแรงจริงหรือ หรือว่า เกมส์จะเป็นเพียงเงื่อนไขการกระตุ้นสำนึกของการใช้ความรุนแรงในการดำเนินชีวิตที่ฝังในเด็กวัยรุ่นไปเรียบร้อยแล้ว


ผู้ใหญ่ในสังคมไทยมักจะอธิบายปัญหาของเด็กวัยรุ่นต่างๆอย่างมักง่ายตลอดมา โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยการโทษครอบครัวว่าครอบครัวแตกแยกหรือครอบครัวไม่มีเวลาให้แก่ลูกหลาน (ซึ่งตรงกับสำนวนไทยว่า “พ่อแม่ไม่สั่งสอน” นั่นเอง) จากนั้นก็ชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่โรงเรียนว่าไม่เอาใจใส่ และเลื่อนนิ้วไปชี้ที่เพื่อนว่าเกิดจากการคบเพื่อนแล้ว และท้ายที่สุดก็มักจะโทษที่ปัจจัยภายนอกที่ท่านทั้งหลายเชื่อว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาในเด็กวัยรุ่น อันได้แก่ การเล่นเกมส์หรือการรับวัฒนธรรมตะวันตก


การอธิบายแบบมักง่ายไร้ปัญญาของผู้ใหญ่ไทยได้ทำให้เกิดแบบแผนของการทำความเข้าใจความรุนแรงของเด็กวัยรุ่นที่ตื้นเขินขึ้นมา แต่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ คำอธิบายเช่นนี้กลับมีอิทธิพลอย่างมาก และขยายตัวออกไปจนทั้งสังคมไทยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆไปแล้ว


การอธิบายเช่นนี้วางอยู่บนพื้นฐานทางความคิดที่มองไม่เห็นหรือไม่ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยท่านเหล่านี้ยังคงเชื่ออย่างหักปักหัวปำว่าว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมที่ดียิ่ง แต่ที่เกิดปัญหาก็เพราะว่าคนหรือเด็กวัยรุ่นลืม “วัฒนธรรมไทย” หันไปหลงใหลบางสิ่งบางอย่างนอกวัฒนธรรมไทยชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้ ก็คือ การรณรงค์ให้เด็กวัยรุ่นหันกลับมาหา “วัฒนธรรมไทย”


การอธิบายเช่นนี้ ไม่ได้นำไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาใดๆ ที่มีประสิทธิภาพแต่ประการใด ดังที่เราจะพบเห็นปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดมาหลายสิบปี นอกจากจะทำให้เกิดความภาคภูมิใจปลอมๆว่าได้ทำการแก้ไขปัญหาที่สำคัญยิ่งนี้ได้ด้วยการรณรงค์ความเป็นไทย




       การกล่าวโทษถึงการรับ “วัฒนธรรมตะวันตก” ยิ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้สาระที่สุด เพราะเราสามารถชี้ได้ในทุกปัญหาว่าเกิดจากการรับ “วัฒนธรรมตะวันตก” ประเด็นที่จำเป็นต้องสังวรให้มากก็คือ “อะไรที่อธิบายได้ทุกอย่างก็มีความหมายเท่ากับไม่ได้อธิบายอะไรเลย”


ดังนั้น หากเราต้องการที่จะเข้าใจปัญหาเด็กวัยรุ่นจำเป็นต้องลืมหรือก้าวข้ามกรอบการอธิบายมักง่ายเช่นที่ผ่านมา


คำถามหลักที่ต้องถามกันก่อนก็คือ การใช้ความรุนแรงในชีวิตประจำวันของเด็กวัยรุ่นที่เพิ่มมากขึ้นกลายมาเป็น “บรรทัดฐาน” ของความสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กวัยรุ่นไทยนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร คำถามนี้เป็นคำถามใหม่ที่ถามขึ้นโดยเน้นที่จะทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลทำให้เกิด “บรรทัดฐาน” ซึ่งหมายความว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความหมายของการดำเนินชีวิตทีเดียว


เราจำเป็นต้องตั้งคำถามกันใหม่เพราะการตั้งคำถามลักษณะนี้จะเอื้ออำนวยให้เราแสวงหาคำตอบที่จะอธิบายให้สังคมไทยเข้าใจทั้งความเปลี่ยนแปลงในระบบอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของเด็กวัยรุ่นที่เป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย


การตั้งคำถามเช่นนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโครงสร้างความสัมพันธ์ทั้งหมดของสังคม และความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราสามารถมาองหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้กว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากกว่าการแก้ปัญหาด้วยการประณามแบบเดิม


สังคมไทยในวันนี้ไม่ใช่สังคมไทยแบบที่คนรุ่นอายุสี่สิบปีคุ้นเคย การอธิบายสังคมด้วยกรอบความคิดแบบเก่ารังแต่จะทำให้สังคมไทยงุ่มง่ามและไร้พลังในการแก้ไขปัญหา สังคมไทยจะเผชิญปัญหาใหม่ได้อย่างมีพลังก็เมื่อกล้าที่ตั้งคำถามใหม่ที่อาจจะท้าทายกรอบความคิดเดิม

อรรถจักร์    สัตยานุรักษ์ : เด็กกับความรุนแรงในสังคมไทย    
 
 
กลับไปที่ www.oknation.net
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2011, 01:52:18 PM โดย pasta » บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8202


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 09:13:14 AM »

ถ้าจะมาไล่หาสาเหตุ ก็เหมือนงูกินหางครับ โทษกันไปโทษกันมา มันเปลี่ยนไปตามกาล และเป็นไปตามกรรมครับ สังคมมนุษย์เมื่อขึ้นสูงสุดก็ถอยสู่ความเสื่อม ทำใจแล้วก็ดูแลคนในบ้านเราให้ดีที่สุดไว้ก่อน
บันทึกการเข้า

PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 09:30:58 AM »


                ยาวจัง  อ่านไม่ครบครับน้าอรรถ       

                เยาวชนทำผิดควรให้โอกาส แต่ถ้าผิดซ้ำผิดซ้อนแสดงว่าสันดานเลว

                ไม่ควรเลี้ยงไว้ให้หนักแผ่นดิน  ไม่ควรปล่อยให้โตและแข็งแรงมันจะเป็นภัยต่อสังคมมากมาย



บันทึกการเข้า

                
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2357
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 88266


« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 09:34:55 AM »

อนาคตของชาติ
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23203



« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 11:24:14 AM »


                ยาวจัง  อ่านไม่ครบครับน้าอรรถ       

                เยาวชนทำผิดควรให้โอกาส แต่ถ้าผิดซ้ำผิดซ้อนแสดงว่าสันดานเลว

                ไม่ควรเลี้ยงไว้ให้หนักแผ่นดิน  ไม่ควรปล่อยให้โตและแข็งแรงมันจะเป็นภัยต่อสังคมมากมาย


 เยี่ยม


บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 01:55:50 PM »


                ยาวจัง  อ่านไม่ครบครับน้าอรรถ       

                เยาวชนทำผิดควรให้โอกาส แต่ถ้าผิดซ้ำผิดซ้อนแสดงว่าสันดานเลว

                ไม่ควรเลี้ยงไว้ให้หนักแผ่นดิน  ไม่ควรปล่อยให้โตและแข็งแรงมันจะเป็นภัยต่อสังคมมากมาย





สังคมให้โอกาสเด็กพวกนี้เสมอครับ เว้นแต่บางพวกมีโอกาสแก้ตัวแต่ไม่แก้ และคอยสร้างปัญหาให้สังคมอยู่ตลอดเวลพวกนี้ ต้องตัดทิ้ง ชาติเราในภายหน้าจะได้เจริญรุ่งเรืองได้ครับ คุณ ปู

บันทึกการเข้า

รักปืน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -68
ออฟไลน์

กระทู้: 1992


« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 03:11:28 PM »

เด็กน่ารักเสมอครับ  ถ้าเป็นเด็กดียิ่งน่ารัก    เด็กเกเรไม่น่ารัก  บางครั้งการที่เราเปิดใจพูดคุยกับเด็กเกเร เด็กไม่ดีบ้างเราก็จะรู้เท่าทันเด็กครับ

เด็กดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่เด็กอย่างเดียวนะครับ    สังคม  กับการเลี้ยงดูของครอบครัวสำคัญมาก  เลี้ยงลูกดี สังคมดี มีชัยไปกว่าครึ่งครับ

บันทึกการเข้า
kon tung kru 91
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 04:45:10 PM »

เด็กน่ารักเสมอครับ  ถ้าเป็นเด็กดียิ่งน่ารัก    เด็กเกเรไม่น่ารัก  บางครั้งการที่เราเปิดใจพูดคุยกับเด็กเกเร เด็กไม่ดีบ้างเราก็จะรู้เท่าทันเด็กครับ

เด็กดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่เด็กอย่างเดียวนะครับ    สังคม  กับการเลี้ยงดูของครอบครัวสำคัญมาก  เลี้ยงลูกดี สังคมดี มีชัยไปกว่าครึ่งครับ



               จริงครับ บางทีก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู ปลูกฝัง แต่ถ้าหากไม่ทำตั้งแต่แรกเด็กๆ โตขึ้น

คราวนี้พูดอะไรลำบากแล้ว
บันทึกการเข้า
amfine02 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 142
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 402


เรียกผมว่าป้องครับ


« ตอบ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 06:48:28 PM »

ตรงประเด็นอย่างที่สุด
บันทึกการเข้า

[/url]
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 07:15:55 PM »

ทุกวันนี้ บทลงโทษการกระทำผิดกฏหมายบ้านเรา อ่อนเกินไป ...

ทุกอย่างที่ผิด "กฏหมาย" มักจะมี "ช่องทางและวิธีการ" ให้หลบเลี่ยงได้เสมอ

บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
Earthworm
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 211
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1359


« ตอบ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2011, 10:46:49 PM »



            ต้องดูที่ พ่อ แม่ ด้วยครับ ส่วนมากพ่อแม่รังแกลูกเสียเยอะครับ ถ้าเอาพ่อเอาแม่เข้าคุกด้วยแบบจริงๆจังๆ ปัญหามันน่าจะลดลงไปได้เยอะครับ มันน่าจะมีกฏหมายแบบว่าซื้อรถไม่มีที่จอดก็อย่าเพิ่งซื้อ มีลูกถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยงก็อย่าเพิ่งมี อะไรประมาณนี้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.09 วินาที กับ 22 คำสั่ง