สมัยที่เขมรยังเป็นของไทย พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้แม่ทัพไทยย้ายปราสาทนครวัดมาไว้ที่กรุงเทพ พระองค์ตรัสว่า..เอามาให้จงได้..
ไม่พบหลักฐานว่าเคยมีรับสั่งเช่นนั้นนครวัดเป็นผลงานที่เกิดจากการกดขี่แรงงานทาสหลักแสนคน เป็นเวลายาวนานหลายสิบปี หากจะย้ายมา ก็ต้องใช้แรงงานมหาศาลเช่นเดิม ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะไทยนับถือศาสนาพุทธ แบบเถรวาท แต่นครวัดเป็นศาสนสถานแบบฮินดู ลักษณะทางสถาปัตย์ที่สร้างถวายพระวิษณุการยึดติดกับแนวความคิดในลักษณะนี้ เป็นการสร้างประเด็นขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะนครวัดเป็นสัญญาลักษณ์ของเขมร ถึงขนาดนำไปประดับบนธงชาติ
อ่านเจอในหนังสือ..สยามที่ไม่ทันได้เห็นของไกรฤกษ์ นานา..ครับ ข้าราชการไทยทูลเสนอว่าปราสาทนครวัดนั้นใหญ่โตเกินกว่าจะขนย้ายได้ จึงมีรับสั่งให้ย้ายปราสาทตาพรหม(ลือชื่อเรื่องปราสาทหินที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม)ที่มีขนาดเล็กกว่ามาแทน..เมื่อคณะคนไทยไปดำเนินการรื้อปราสาทตาพรหม ได้เกิดเหตุอาเพท..คือมีนักรบเขมรโบราณ 300 คนออกมาจากราวป่า..ตรงเข้าเข่นฆ่าคณะคนไทยตายไปหลายคนจนต้องหนีกันจ้าละหวั่น การรื้อปราสาทก็เป็นอันไม่สำเร็จ..พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าจึงให้จำลองปราสาทนครวัดมาประดิษฐานไว้ในวัดพระแก้ว ตราบจนปัจจุบันนี้ การเอาทรัพย์สินในลักษณะนี้ เหมือนกับปล้นเขา ความภาคภูมิใจในความเข้มแข็งของบรรพชนเป็นเรื่องดี แต่ถ้าจะงดเว้นการกล่าวถึงเรื่องชวนทะเลาะกับเพื่อนบ้านได้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านจะดีขึ้น
การทำสงครามในสมัยก่อน จะต้องมีเผาพระราชวัง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าสงครามยุติแล้ว หยุดต่อสู้กันได้ จะได้ไม่ต้องเสียชีวิตมากขึ้นอีก อังกฤษรบกับอเมริกาเมื่อปี 1812 ก็เผาทำเนียบขาว
การกวาดต้อนคนเพื่อมาใช้แรงงาน การยึดทรัพย์สินเพื่อเป็นบำเหน็จสงคราม แต่ก็ควรทำตามความเหมาะสม พระพุทธรูป หรือบางเรื่องที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ก็อาจจะต้องยึดมา เพื่อป้องกันการก่อกบฎ ตอนผมไปเวียงจันทร์ ก็รู้สึกอายที่บรรพชนเรายึดพระแก้วมรกตมาจากเขา หลังจากนั้นก็ยังเผาเวียงจันทร์อีก 3 รอบ ปัจจุบันลาวมีประชากรใกล้เคียงกับสิงคโปร์ ทั้ง ๆ ที่ขนาดประเทศใหญ่กว่าเกินสามร้อยเท่าตัว ตรงนี้เป็นผลจากที่ไทยกวาดต้อนคนของเขามา ครั้งใหญ่คือใช้เป็นแรงงานสร้างกรุงเทพ ฯ ต่อมาเจ้าอนุวงศ์เสด็จมาเป็นองค์ประกัน โตมากับรัชกาลที่ 2 (วังเจ้าอนุวงศ์อยู่ฝั่งธนฯ) เมือเสด็จมาพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ร.2 ได้ทูล ร.3 จะขอคนลาวกลับไป เพราะไทยไม่ได้ใช้แรงงานแล้ว บังคับให้อพยพออกไปอยู่นอกกรุงเทพเพื่อป้องกันการก่อกบฎ แต่ ร.3 ไม่ให้ เจ้าอนุวงศ์จึงแข็งเมือง เข้ามากวาดต้อนคนไทย คนลาวเดิมถึงสระบุรี
ชีวิตเจ้าอนุวงศ์เหมือนกับพระนเรศวร สร้างคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินเกิดมากมายมหาศาลเช่นเดียวกัน แต่จุดจบต่างกันฟ้ากับดิน
คราวเสียกรุง พ.ศ.2106 บุเรงนอง นำตัวสมเด็จพระมหินทราธิราช, พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางน้อยใหญ่ไปปรับทัศนคติที่พม่าสามหมื่นคน เหลือเฝ้าเมืองพันเดียว ตรงนี้เป็นเรื่องการถือโอกาส อ้างเรื่องสมประโยชน์ฝ่ายไทยที่จะเปลี่ยนราชวงศ์จากสุพรรณภูมิเป็นราชวงศ์พระร่วง จึงต้องกำจัดศัตรูทางการเมืองของพระมหาธรรมราชาให้หมด ถึงกระนั้นตอนเกิดกบฎญาณพิเชียร พระมหาธรรมราชายังแทบจะทิ้งกรุงศรีอยุธยา ไปตั้งรับที่พิษณุโลก ถิ่นเก่าของพระองค์