๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 12, 2024, 01:56:18 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 9 10 11 [12] 13 14 15 ... 37
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Gorget เกราะสมัยไอเวนโฮ ที่กลับมาในศตวรรษที่ 22  (อ่าน 82354 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #165 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 01:43:18 PM »

ถ้าพม่าเตรียมกำลังถึงเก้าทัพน่าจะเป็นไปได้ที่เตรียมตัวสามปี
แต่งู 4 ตัวนี่ยังคิดไม่ออกว่าเกี่ยวกับ 7 ปี 7 เดือนอย่างไร เซียนๆลองอธิบายหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #166 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 02:56:46 PM »

ถ้าพม่าเตรียมกำลังถึงเก้าทัพน่าจะเป็นไปได้ที่เตรียมตัวสามปี
แต่งู 4 ตัวนี่ยังคิดไม่ออกว่าเกี่ยวกับ 7 ปี 7 เดือนอย่างไร เซียนๆลองอธิบายหน่อยครับ

ที่บอกว่าเตรียมการ 3 ปี  คือเป็นช่วงที่ปราบปรามชนกลุ่มน้อยในพม่า แต่ ดร.สุเนตร ถือว่าเป็นการเตรียมโจมตีไทย เพราะพระเจ้าปดุงประกาศไว้ล่วงหน้า 3 ปีว่าจะโจมตีไทย

และออกจะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์แบบเว่อร์ ๆ เพราะประกาศว่าจะเอาชนะสยาม จีน กับโมกุล (อินเดีย)   เรื่องจีน เขารบกันติดพันอยู่แล้ว อย่างเช่นศึกอะแซหวุ่นกี้ก่อนหน้านั้น  ที่ถูกเรียกตัวกลับไปก่อนเสร็จศึกกับไทย ก็เพราะพม่าจะให้ไปรบกับจีน (อะแซหวุ่นกี้เป็นแม่ทัพคนสำสัญ และยังเป็นพี่เขยพระเจ้าปดุง)   แต่เรื่องที่จะปราบโมกุล ออกจะเกินไป เพราะตอนนั้นอังกฤษยึดอินเดียจะหมดประเทศอยู่แล้ว
บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8575


« ตอบ #167 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 04:14:13 PM »

มาเยี่ยงทัพกษัตริย์  ไม่ได้มาแบบทัพโจร
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #168 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 05:31:19 PM »

แถวบ้านงูกับปลาจะตีเลขคล้ายๆกันครับ ตัวเล็ก7ตัวใหญ่ 8 ยกเว้นบางประเภทใช้ 9 (เป็นความเชื่อนะครับ)
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #169 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 07:02:58 PM »

มาเยี่ยงทัพกษัตริย์  ไม่ได้มาแบบทัพโจร

แน่นอนครับ
กรุงศรีอยุธยา มีระบบป้องกันตามธรรมชาติ ดีที่สุดในสุวรรณภูมิ  และในสมัยพระมหาธรรมราชา ดังได้เพิ่มเติมให้แข็งแรงอีกหลายจุด
การยกทัพมาตีอยุธยา เป็นภารกิจทางทหารที่ต้องลงทุนสูงมาก  มาแบบทัพโจรไม่ได้แน่

และเมื่อย้ายเมืองหลวงมาลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง   เส้นทางเดินทัพของพม่าก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ
ดูจากสงครามเก้าทัพ  เห็นได้ชัดเจนว่าพม่าต้องการเข้ายึดครองการค้าโลหะ  ถึงได้เข้าตีถลาง ทั้ง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจหลัก
ส่วนที่มุ่งเข้าโจมตีส่วนกลาง ก็จะหลีกเลี่ยงสถานีการค้าของจีน ซึ่งตั้งอยู่แถบราชบุรี แม่กลอง ท่าจีน  เห็นได้ว่าต้องการเข้าแย่งชิงการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างสองคาบสมุทรของไทย
บันทึกการเข้า
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #170 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 09:20:34 PM »

สมัยกรุงแตกครั้งที่2 ไม่ใช่ทัพใหญ่เค้าใช่มั้ยครับ เหมือนเคยอ่านเจอว่าเป็นแค่ทัพหน้านี่ละ เพราะทางพม่าติดศึกกับจีนพอดี แต่อยุธยาอ่อนแอสุดๆเลยโดนดีแตก
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #171 เมื่อ: เมษายน 08, 2016, 10:46:36 PM »

สมัยกรุงแตกครั้งที่2 ไม่ใช่ทัพใหญ่เค้าใช่มั้ยครับ เหมือนเคยอ่านเจอว่าเป็นแค่ทัพหน้านี่ละ เพราะทางพม่าติดศึกกับจีนพอดี แต่อยุธยาอ่อนแอสุดๆเลยโดนดีแตก

ทัพกษัตริย์ครับ  เอกสารไทยกับพม่าตรงกันว่าพระเจ้าอลองพญายกทัพมาเอง  ที่ไม่ตรงกันคือไทยบอกว่าพระเจ้าอลองพญาคุมยิงปืนใหญ่ แล้วปืนระเบิดตายถึงยกทัพกลับ  ส่วนเอกสารพม่าบอกว่าป่วยตายเอง  ตอนหลังพม่ารู้ว่าไทยเขียนแบบนี้ยังชอบใจ เพราะตายในสนามรบมีเกียรติกว่าตายเพราะโรคบิดแบบที่พม่าบันทึกไว้

ศึกเสียกรุง พ.ศ.2306 นำทัพโดยพระเจ้ามังระ ซึ่งตามเสด็จพระเจ้าอลองพญาตั้งแต่ศึกใน พ.ศ.2303 ท่านจึงรู้ลู่ทางดี   และใช้วิธีตัดรอนกำลังหัวเมืองรอบ ๆ ของไทยเสียก่อน  เตรียมเรือมาสำหรับอพยพในฤดูน้ำหลาก  ที่พระเจ้ามังระสำรวจพื้นที่ไว้ล่วงหน้า พอน้ำเหนือหลาก ก็ไม่ต้องถอนทัพกลับ แต่ใช้วิธีไปตั้งค่ายตามคุ้งน้ำที่แม่น้ำไหลอ้อมเกือบเป็นวงกลม ขุดคูลัดให้มีน้ำล้อมรอบเป็นแนวระวังป้องกัน   และจัดกำลังทางเรือปิดล้อมกรุงศรีอยุธยา  ไทยเป็นฝ่ายจะอดตายเอง

พระเจ้าอลองพญา เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หนึ่งในสามพระองค์ของพม่า   องค์แรกคือพระเจ้าอโนรธามังช่อ สมัยพุกาม,  บุเรงนองแล้วก็พระเจ้าอลองพญา   ถัดจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย จนถึงยุคของนายพลอองซาน พ่อของอองซาน ซูจี นั่นแหละ

และที่บอกว่าไทยอ่อนแอ ปล่อยให้ฝ่ายในมีอำนาจเท่ากับพระมหากษัตริย์   ตรงนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ฝ่ายไทยใส่ร้ายป้ายสีกันเอง เพื่อหาผู้รับผิดชอบการเสียกรุง  เอกสารพม่ารวมทั้งของชาวตะวันตกกลับบอกว่าพระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชกิจที่ดีหลายเรื่อง  เช่นกำหนดมาตรฐานการค้าขาย ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บริจาคทรัพย์ให้แก่คนยากจน

แต่เราก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า  ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีแนวความคิดในเรื่องต่อต้านชาวต่างชาติ มาตั้งแต่ปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์   ซึ่งทำให้การค้าระหว่างประเทศตกต่ำลง
บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8575


« ตอบ #172 เมื่อ: เมษายน 09, 2016, 01:51:59 AM »

อ.สุเนตร วิเคราะห์ กรุงศรีอยุธยาได้ต่อสู้ป้องกันพระนครเต็มความสามารถ พงศาวดารคองบอง และ บันทึกของชาวต่างชาติได้บันทึกไว้ แต่เนื่องจากยังใช้ยุทธศาสตร์การตั้งรับในพระนคร ยุทธวิธีรอฤดูน้ำหลากท่วมกองทัพ.แล้วแต่งเรือออกจู่โจม ซึ่งเป็นแนวเดิมๆ
เมื่อทัพพม่าแก้ยุทธศาสตร์นี้ได้  จึงแพ้ เพราะทัพพม่าสำรวจพื้นที่ ตั้งทัพในที่โคกตลอดฤดูน้ำหลาก มีการจัดเสบียงให้พอถึงสิ้นฤดู  เมื่อเป็นเช่นนั้นกลายเป็นว่าอยุธยาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นานวันเข้าเสบียงก็เริ่มหมด ไม่สามารถหามาเติมได้เพราะถูกล้อมแทน
เห็นได้จาก เมืองสุพรรณก็ถือน้ำสาบานฝั่งพม่า  แสดงว่าพม่าได้เตรียมการด้านการส่งกำลังบำรุงไว้อย่างดี
ยุทธศาสตร์ที่ใช้น้ำเป็นปราการ ชลอให้ทัพข้าศึกล้า แล้วให้ทัพหัวเมืองขนาบ เป็นไปไม่ได้  เนื่องปัญหาทางการเมืองระหว่างขุนนางเชื้อสายราชวงค์ต่างๆ สงครามเจ้าฟ้าปรเมศ เจ้าฟ้าอภัยกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือเหล่าพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  , ความขัดแย้งเจ้าฟ้าอุทุมพรกับพระเจ้าเอกทัศน์

ครั้นกรุงถูกล้อม 1ปี 2เดือน กรุงศรีอยุธยาก็ต้านไม่ไหว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 09, 2016, 01:57:23 AM โดย โทน73 -รักในหลวง- » บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #173 เมื่อ: เมษายน 09, 2016, 09:12:48 AM »

ขอบคุณครับ ผมอ่านมามันหลายทางไม่ตรงกัน บางคนก็ลากเข้าการเหมือนปัจจุบันเพราะมีเหตุการณ์ต่อเนื่องเยอะ คนที่รู้เรื่องจริงๆเลยไม่คุยต่อ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #174 เมื่อ: เมษายน 09, 2016, 10:03:23 AM »

พม่าใช้คนไทยเป็นกองหน้า รบกับไทยด้วยกันเอง
ที่คุณโทนบอกว่า เจ้าเมืองสุพรรณ ถือน้ำสาบาน  ตรงนี้ไม่ได้ทำด้วยความสมัครใจหรอกครับ   แต่เป็นพิธีกรรมสมัยก่อนที่สุวรรณภูมิรับมาจากอินเดีย   แม่ทัพที่เข้าร่วมในกองทัพทุกเมือง จะต้องถืออาวุธเข้าพิธีกระทำสัตย์สาบานต่อหน้าทหารทั้งกองทัพว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของแม่ทัพใหญ่
ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ ฉบับหอแก้วของพม่า (เพราะเก็บหนังสือไว้ในห้องกระจก) บอกว่าเจ้าเมืองสุพรรณบุรี สู้กับคนไทยด้วยกันจนตายในที่รบ   และพระเจ้าอลองพญาได้กล่าวชมเชย และให้แม่ทัพฝ่ายมอญ พม่า ถือเอาวีรกรรมของเจ้าเมืองสุพรรณ เป็นตัวอย่าง

ที่เจ้าเมืองสุพรรณ สู้อย่างกล้าหาญแบบนั้น ผมไม่แปลกใจหรอก ท่านรู้ชะตากรรมตัวเองตั้งแต่แรก จึงพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อความอยู่รอดของไพร่พลและครอบครัว   เพราะวิธีการของพม่า  เขาจะเอาครอบครัวของทหารในกองทัพที่ไม่ใช่พม่าด้วยกัน   เอาไปเก็บไว้ในหมู่บ้านที่เหมือนค่ายกักกัน  มีฟืน ฟาง เชื้อเพลิงสุมเตรียมไว้พร้อม  ยึกยักเมื่อไหร่ ครอบครัวทั้งกองทัพถูกเผาทั้งเป็น

พระเจ้าอลองพญา ท่านไม่มีเชื้อสายกษัตริย์  ตามประวัติบอกว่าเป็นพรานป่า ที่แสดงความกล้าหาญต่อสู้ขับไล่มอญที่มาเก็บภาษี (ตอนนั้นมอญเป็นใหญ่)   จนได้รับการยกย่องขึ้นเป็นกษัตริย์   และเมื่อรวบรวมแผ่นดินพม่าได้เป็นปึกแผ่น  สู้กับจีนจนกระทั่งจีนต้องยอมสงบศึก  ถึงกระนั้นท่านก็ยังไม่พอใจ โกรธอะแซหวุ่นกี้ที่ไปเจรจาสงบศึกโดยไม่ปรึกษาก่อน  แต่ก็ไม่กล้าลงโทษอะแซหวุ่นกี้ตรง ๆ  ไปลงโทษเมียอะแซหวุ่นกี้ (พี่สาวตัวเอง) แทน

หลังจากนั้นก็เริ่มขยายเศรษฐกิจการค้า  แต่ตอนนั้นอยุธยายึดครองการค้า 2 คาบสมุทร  ทั้งอ่าวเมาะตะมะและอ่าวไทย  พระเจ้าอลองพญาต้องเริ่มด้วยการค้าทางน้ำ ไปสร้างเมืองย่างกุ้ง กับฟื้นฟูหงสาวดี  แต่เรือสินค้าพม่าที่จะเข้าแม่น้ำพะโค จะต้องผ่านเมืองมะริดที่สยามครอบครองอยู่  เรือสินค้าพม่าจึงถูกยึด   ทำให้เป็นชนวนสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2
บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8575


« ตอบ #175 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 04:03:13 PM »

อยุธยา ก็ส่งออกการปฎิวัติ ทางทวาย และมอญ  ก็เป็นชนวนเหตุเหมือนกัน
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #176 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 04:32:01 PM »

อยุธยา ก็ส่งออกการปฎิวัติ ทางทวาย และมอญ  ก็เป็นชนวนเหตุเหมือนกัน

เรื่องปกติ  ที่ใช้มอญเป็นกันชน
แล้วยังมีเรื่องเจ้าเมืองชายแดนของสยาม ข้ามไปกวาดต้อนมอญพม่ากันทุกปี  ขนาดอังกฤษยึดพม่าไปแล้ว  ก็ยังไปกวาดต้อน  จนเกือบจะต้องรบกับอังกฤษ
บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7670
ออฟไลน์

กระทู้: 10061



« ตอบ #177 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 04:56:08 PM »

เขาเคยตัวน่ะหาแรงงานไม่ได้ก็ไปกวาดแถวโน้น อังกฤษงงเต้กเลยมั้ง
บันทึกการเข้า
Ghost of the darkness
Sr. Member
****

คะแนน -487
ออฟไลน์

กระทู้: 891



« ตอบ #178 เมื่อ: เมษายน 11, 2016, 11:51:29 AM »

  บ้านอรัญญิกมีชื่อเรื่องตีดาบมาตั้งแต่สมัยไหนครับ หนังสือพม่าเสียเมืองน่าเชื่อถือได้ไหมครับ จะหามาอ่านประกอบกันครับ
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #179 เมื่อ: เมษายน 11, 2016, 01:01:27 PM »

 บ้านอรัญญิกมีชื่อเรื่องตีดาบมาตั้งแต่สมัยไหนครับ หนังสือพม่าเสียเมืองน่าเชื่อถือได้ไหมครับ จะหามาอ่านประกอบกันครับ

เรื่องดาบไม่ทราบครับ รู้แต่เรื่องปืน
หนังสือพม่าเสียเมือง  ท่านนายกคึกฤทธิ์ เขียนไว้นานมากแล้ว  รวบรวมข้อเท็จจริงจากเอกสารภาษาอังกฤษจำนวนมาก จึงน่าเชื่อถือได้พอสมควร ปัจจุบันซีเอ็ดก็ยังพิมพ์ขายอยู่
นอกจากนั้น  มีเอกสารใหม่ ๆ พิมพ์ออกมามาก  ก็ควรศึกษาเปรียบเทียบกันหลาย ๆ เล่ม

นอกจากนั้น ยังมีหนังสือพงศวดารพม่า ฉบับที่กรมพระยาดำรง ฯ ท่านให้นำมาแปลจากภาษาพม่าเป็นภาษาไทย และพระองค์ท่านเองเป็นผู้ตรวจทาน   แต่ไม่มีการพิมพ์ เพราะเนื้อความขัดแย้งกับเอกสารประวัติศาสตร์ของไทยอยู่หลายเรื่อง
จนกระทั่งมีผู้นำต้นฉบับมาให้สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรมจัดพิมพ์ขึ้นมา ดูเหมือนจะชื่อมหาราชวงษ์พงศวดารพม่า  ซึ่งเป็นเรื่องเป็นราวอยู่พักหนึ่งว่าต้นฉบับหลุดออกมาได้อย่างไร
หนังสือจริง ๆ คงหาไม่ได้แล้ว  แต่พอจะมีแบบ PDF อยู่บ้าง  ลองโหลดมาอ่านดูก็ได้ครับ
http://digi.library.tu.ac.th/journal/0098/23_2_dec_2544/04PAGE48_PAGE56.pdf
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2016, 02:00:58 PM โดย สุพินท์ - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 11 [12] 13 14 15 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.098 วินาที กับ 21 คำสั่ง