๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน
พฤษภาคม 12, 2024, 03:12:15 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 8 9 10 [11] 12 13 14 ... 37
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Gorget เกราะสมัยไอเวนโฮ ที่กลับมาในศตวรรษที่ 22  (อ่าน 82367 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #150 เมื่อ: เมษายน 01, 2016, 07:43:26 PM »

ชาวทมิฬ..เป็นคนพวกไหนครับ ระหว่างมองโกลอยด์ หรือ นิกรอยด์..อารยันนั้นไม่ใช่แน่ ๆ อยู่แล้ว 

ดราวิเดียนครับ
เป็นกลุ่มเดียวกับอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ  จุดเด่นอยู่ที่ระบบภาษา กับการก่อสร้างและระบบผังเมือง  ก้าวหน้ากว่าชาวยุโรปเป็นพันปี
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #151 เมื่อ: เมษายน 04, 2016, 01:55:06 PM »

มหาวิทยาลัยนาลันทาในเวลานั้น มีการนำแนวคำสอนของนิกายตันตระเข้ามาสอนปะปนกับพุทธศาสนาซึ่งจะพัฒนาเป็นนิกายวัชรยานในภายหลัง ร่วมถึงเริ่มมีความขัดแย้งกันมากขึ้นระหว่างนิกายเถรวาทกับนิกายอาจาริยาวาท (มหายาน) มากยิ่งขึ้น จนถึงขั้นไม่ร่วมนานาสังวาสกันในอุโบสถเดียวกัน และมีการแยกเป็นนิกายย่อยอีก 18 นิกาย

ส่วนในชนบทห่างไกล นอกจากศังกราจารย์แล้วยังปรากฏว่าบรรดากษัตริย์ในหลายแคว้น หลายเมืองเริ่มเปลี่ยนจากการนับถือพุทธศาสนามาเป็นฮินดูอีกครั้ง ซึ่งในช่วงราชวงศ์คุปตะ-ราชวงศ์ปาละ จะเป็นช่วงราชวงศ์ท้ายๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนาในอินเดีย ก่อนที่จะถูกกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของฮินดูครับ ส่วนชาวพุทธบางกลุ่มก็ลี้ภัยมายังดินแดนสุวรรณภูมิซึ่งจะตรงกับช่วงยุคทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-18) โดยประมาณ
พอดีอ่านข่าวมาว่าวัดที่นครศรีธรรมราชอายุจริงๆน่าจะ 1000 - 1100 ปีตรงกันไหมครับ


ศาสนาพุทธเข้ามาหลายช่วงอยู่ครับ ยุคแรกสุดเป็นเถรวาท (ยังมีนักประวัติศาสตร์โต้แย้งอยู่) แล้วก็มหายาน  แต่หลังสุดเป็นเถรวาทจากลังกา

นครศรีธรรมราชน่าจะเป็นยุคมหายาน แต่นักประวัติศาสตร์บางท่านก็บอกว่าใหม่กว่านั้น คือเป็นลังกาวงศ์ในช่วง พ.ศ.1800
ส่วนที่นครปฐม น่าจะเป็นรุ่นแรก ๆ คือ พ.ศ.สองร้อยกว่า ใกล้เคียงกับพระมหาธาตุหลวงที่เวียงจันทร์   ของเราถึงได้ชื่อ "ปฐมเจดีย์"  โครงสร้างก็ประหลาด คือใช้ต้นซุงใหญ่มาก มัดรวมกันด้วยโซ่ขนาดยักษ์  โครงสร้างเดิมเป็นรูปมะนาวผ่าซีก  เหมือนสถูปยุคแรกในอินเดีย  ต่อมาจึงได้เพิ่มพระปรางค์ขึ้นไป

พระปฐมเจดีย์ น่าจะเป็นเจดีย์เดียวกับพระธมเจดีย์ในเอกสารของพวกขอม  แต่ชื่อคนละความหมายกัน เพราะธมแปลว่าใหญ่ หรือของอะไรที่สำคัญ เช่นนครธมแปลว่าเมืองหลวง   ส่วนชื่อปฐมเจดีย์น่าจะตั้งขึ้นในสมัย ร.5

แต่เรื่องศาสนาในไทย อย่าไปจริงจังมาก   เพราะเรานับถือปะปนกันไปหมด  รับของใหม่แต่ไม่ทิ้งของเก่า
ตัวอย่างเช่นพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ  มีทั้งศาสนาผี (ไหว้ผีขวัญ)  พราห์ม พุทธ รวมอยู่ในพิธีเดียว
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6128
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #152 เมื่อ: เมษายน 04, 2016, 03:52:01 PM »

90 ปี  ต่อ 13 ครั้ง   ถ้ามาเฉลี่ยดู   ถ้าในรอบ 10 ปี ฆ่าล้างบางกัน1 ที  ก็จะมีการฆ่ากันแค่ 9 ครั้ง   แต่ นี่ มีถึง 13 ครั้ง ก็แสดงว่า ในบางครั้ง ยังไม่ทันครบสิบปี  ก็ฆ่าล้างบางกันเสียแล้ว
ฟังอาจารย์ มาถึงตรงนี้ ก็สบายใจว่า ในทุกวันนี้  มันก็ยังคล้ายๆ ของเดิม จึงไม่น่าแปลกใจอะไร ..... อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ไม่ถึงกับฆ่ากันตาย แค่สมบัติ ผลัดกันชม ......
ขุนหลวงพะงั่ว(ลุง) เคยเดินทัพจากสุพรรณบุรีมาเอาเมืองโยธยาจากหลานชาย(พระราเมศวร) แล้วลดฐานะให้พระราเมศวรไปเป็นเจ้าเมืองละโว้ที่ลพบุรี
พอสิ้นพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) พระราเมศวรก็ยกทัพกลับมาเอาอโยธยาคืนจากพระเจ้าทองลันบุตรแห่งขุนหลวงพะงั่ว ซึ่งขึ้นครองราชในขณะอายุ15ปี แล้วสำเร็จโทษพระเจ้าทองลันด้วยท่อนไม้จันทร์จนสวรรคต พระเจ้าทองลันครองราชสมบัติได้เพียง 7 วัน

แค่นี้ก็พอทราบถึงสภาพการปกครองของยุคนั้น

อยุธยาเป็นเมืองหลวงนานกว่า 330ปี ในขณะที่รัตนโกสินทร์ ยังเป็นเมืองหลวงอยู่ราวๆ234ปี (รัตนโกสินทร์ตั้งเมื่อ 2325)

ถ้านับ การเปลี่ยนกษัตริย์ ถือว่าเยอะ แต่นั่นยังไม่นับการเปลี่ยนราชวงศ์ของอยุธยา..
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #153 เมื่อ: เมษายน 04, 2016, 07:49:29 PM »

90 ปี  ต่อ 13 ครั้ง   ถ้ามาเฉลี่ยดู   ถ้าในรอบ 10 ปี ฆ่าล้างบางกัน1 ที  ก็จะมีการฆ่ากันแค่ 9 ครั้ง   แต่ นี่ มีถึง 13 ครั้ง ก็แสดงว่า ในบางครั้ง ยังไม่ทันครบสิบปี  ก็ฆ่าล้างบางกันเสียแล้ว
ฟังอาจารย์ มาถึงตรงนี้ ก็สบายใจว่า ในทุกวันนี้  มันก็ยังคล้ายๆ ของเดิม จึงไม่น่าแปลกใจอะไร ..... อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ไม่ถึงกับฆ่ากันตาย แค่สมบัติ ผลัดกันชม ......
ขุนหลวงพะงั่ว(ลุง) เคยเดินทัพจากสุพรรณบุรีมาเอาเมืองโยธยาจากหลานชาย(พระราเมศวร) แล้วลดฐานะให้พระราเมศวรไปเป็นเจ้าเมืองละโว้ที่ลพบุรี
พอสิ้นพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) พระราเมศวรก็ยกทัพกลับมาเอาอโยธยาคืนจากพระเจ้าทองลันบุตรแห่งขุนหลวงพะงั่ว ซึ่งขึ้นครองราชในขณะอายุ15ปี แล้วสำเร็จโทษพระเจ้าทองลันด้วยท่อนไม้จันทร์จนสวรรคต พระเจ้าทองลันครองราชสมบัติได้เพียง 7 วัน

ลุงกับหลานเขารู้มือกันครับ   เพราะพระราเมศวรเคยไปพลาดท่าเสียทีเขมร  ได้ขุนหลวงพะงั่วไปช่วย พระราเมศวรถึงรอดมาได้
แต่พระราเมศวรก็ยอมให้เฉพาะลุง  จึงชิงราชสมบัติจากลูกพี่ลูกน้องตัวเอง

ส่วนขุนหลวงพะงั่วเองก็รู้มือพระเจ้าอู่ทอง  เพราะร่วมกันกำราบหัวเมืองเหนือมาด้วยกัน  ระยะแรกพระเจ้าอู่ทองสวมบทเจมส์ บอนด์ ปลอมตัวเป็นพ่อค้าข้าว ลอบเข้าไปสืบสภาพการป้องกันเมืองสุโขทัย แต่หลังจากยึดครองหัวเมืองเหนือได้ ก็ให้ขุนหลวงพะงั่วปกครอง  จึงกลายเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์สุพรรณภูมิกับราชวงศ์พระร่วงมาจนถึงพระมหาธรรมราชาและพระนเรศวร

พระราเมศวร (ราชวงศ์อู่ทอง) ครองราชได้ 7 ปีก็สวรรคต  พระรามราชาราชโอรสขึ้นครองราชแทนได้ 15 ปี   ระหว่างนั้นพวกสุพรรณภูมิก็ค้าขายกับจีนรุ่งเรืองมากขึ้น จนกระทั่งพระเจ้ากรุงจีนให้การสนับสนุน ยกย่องเจ้านครอินทร์ (หลานขุนหลวงพะงั่ว) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยอีกพระองค์หนึ่ง   จนกระทั่ง พ.ศ.1952 สถานการณ์สุกงอม  ทางจีนก็เข้าแทรกแซง กดดันให้ราชวงศ์สุพรรณภูมิครองราชที่อยุธยา   เจ้าพระยามหาเสนาบดีของอยุธยาได้ย้ายข้างไปอยู่กับสุพรรณภูมิ จึงเปลี่ยนราชวงศ์  แต่ขุนนครอินทร์ไม่ปลงพระชนม์พระรามราชา  เนรเทศให้ไปครองเมืองเมืองปทาคูจาม (สันนิษฐานว่าเมืองนี้อาจจะอยู่ในเขมร)

ที่น่าแปลกใจก็คือ  สุพรรณภูมิชิงราชสมบัติ 2 ครั้งโดยไม่สำเร็จโทษราชวงศ์อู่ทอง  ส่วนราชวงศ์อู่ทองจัดการเรียบร้อย
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6128
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #154 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 02:20:49 PM »


อยุธยามีพระมหากษัตริย์ 33 พระองค์ ถ้านับขุนวรวงศา ฯ ด้วยก็ 34

คาใจ ขุนวรวงศาธิราชนี่แหละครับ บางตำราก็นับเป็นกษัตริย์ บางตำราก็ไม่นับ ทั้งๆที่ผ่านพิธีราชาภิเษกแล้ว
ที่มาก็คลุมเครือ ไม่แน่ชัด บ้างก็ว่าไปถึงเป็นหมอผี ยิ่งจุดจบของขุนวรวงศาฯ ต่างฝ่ายต่างบันทึก ยิ่งไม่ค่อยเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 05, 2016, 02:34:19 PM โดย submachine -รักในหลวง- » บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #155 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 07:06:00 PM »

 นั่นสิครับทำไมถึงไม่นับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #156 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 09:43:08 PM »


อยุธยามีพระมหากษัตริย์ 33 พระองค์ ถ้านับขุนวรวงศา ฯ ด้วยก็ 34
คาใจ ขุนวรวงศาธิราชนี่แหละครับ บางตำราก็นับเป็นกษัตริย์ บางตำราก็ไม่นับ ทั้งๆที่ผ่านพิธีราชาภิเษกแล้ว
ที่มาก็คลุมเครือ ไม่แน่ชัด บ้างก็ว่าไปถึงเป็นหมอผี ยิ่งจุดจบของขุนวรวงศาฯ ต่างฝ่ายต่างบันทึก ยิ่งไม่ค่อยเหมือนกัน
นั่นสิครับทำไมถึงไม่นับ

มีบันทึกว่าการได้ขึ้นครองราช  มาจากเรื่องเสียหายหลายเรื่อง เช่นเป็นชู้, ลอบวางยาพิษพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อน
ส่วนฝ่ายที่เห็นว่าขุนวรวงศา สมควรนับเป็นกษัตริย์  อาจจะศึกษาจะบันทึกอื่น ๆ เช่นพระชัยราชาบาดเจ็บจากสงคราม และสวรรคตก่อนถึงศรีอยุธยา ข้อหาวางยาพิษจึงไม่เป็นความจริง  รวมทั้งเทียบระยะเวลา ที่มองเห็นได้ว่าเป็นเรื่องของการมีสามีใหม่ ไม่ใช่การคบชู้

เราลองพิจารณาในสมมุติฐานทางรัฐศาสตร์
กรุงศรีอยุธยา มีปัญหาเรื่องเมืองลูกหลวง  ตั้งแต่สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) ให้ลูก 3 คนไปครอง 3 เมือง  แล้วก็มาแย่งราชสมบัติกัน  เจ้าอ้าย เจ้ายี่ ชนช้างกันตายทั้งคู่  ส่วนเจ้าสามพระยา   อยู่ไกลกว่าพี่  มาถึงช้าเลยได้ขึ้นครองราช
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงแก้ปัญหานี้ด้วยการยกเลิกเมืองลูกหลวง  เหลือเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น  ได้แก่พิษณุโลก
เมื่อพระชัยราชาขึ้นครองราช  พระมหาธรรมราชาได้เป็นเจ้าเมืองพิษณุโลกแทน  แต่เหมือนกับพระชัยราชาจะไม่ค่อยไว้ใจเท่าใดนัก จึงให้พระมหาธรรมราชาเป็นขุนพิเรนทรเทพ ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางของอยุธยา  คือเอาไว้ใกล้ตัว   ทางพิษณุโลก น่าจะให้ปลัดเมืองปกครองไป  ตรงนี้พระมหาธรรมราชาก็คงไม่พอใจเท่าใดนัก

เมื่อขุนวรวงศาขึ้นครองราช  หัวเมืองเหนือกระด้างกระเดื่อง ขุนวรวงศาจึงมีคำสั่งเรียกเจ้าเมืองทั้งหมดเข้ามากรุงศรีอยุธยา  ซึ่งอ่านเกมส์ได้ว่าจะถูกเปลี่ยนตัวแน่  จึงเกิดการรัฐประหาร โดยพระมหาธรรมราชาเป็นหัวหน้า ต่อจากนั้นฝ่ายชนะก็เป็นฝ่ายเขียนประวัติศาสตร์

แต่ถามว่าเมื่อยึดอำนาจสำเร็จ ทำไมถึงไม่ครองราชเอง   ตรงนี้ตอบได้ว่าต้นทุนทางการเมืองทางอยุธยาของพระมหาธรรมราชายังไม่พอ  จึงต้องหาผู้ที่มีต้นทุนทางการเมืองสูงกว่า แต่ต้องไม่เข้มแข็งมากนัก ไม่งั้นอาจจะถูกลดอำนาจซ้ำสอง  จึงเป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ  เพราะตอนเกิดเรื่องทีแรก ก็ไม่สู้ หนีไปบวชแทน

แล้วทำไมพระมหาธรรมราชาถึงได้ขึ้นครองราชหลังเสียกรุง   ตอบได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว  หลังเสียกรุงบุเรงนองเชิญสมเด็จพระมหินทราธิราชกับขุนนางที่เป็นศัตรูทางการเมืองของพระมหาธรรมราชาไปปรับทัศนคติที่พม่าเกือบหมดกรุง  เปิดโอกาสให้พระมหาธรรมราชาตั้งขุนนางใหม่ขึ้นเอง  ขนาดนั้น ตอนเกิดกบฎญาณพิเชียร (ขุนโกหก)  และสามารถเอาชนะกองทัพของพระยาจักรีได้  พระมหาธรรมราชาก็เกือบจะทิ้งกรุงศรีอยุธยาไปตั้งรับที่พิษณุโลก  พอดีญาณพิเชียรถูกทหารฝรั่งเล่นบทสไนเปอร์ ลอบสังหารได้เสียก่อน
บันทึกการเข้า
araki-รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน -561
ออฟไลน์

กระทู้: 699



« ตอบ #157 เมื่อ: เมษายน 06, 2016, 11:01:02 AM »

เพื่ออำนาจ นี่หน้ากลัวจริงๆ
เบี้ยเล็กเบี้ยน้อยอุทิศตัวตามความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
หน้าสงสารจังนะครับ สมัยนี้จึงเปลี่ยนเป็นรับค่าจ้างแทน
บันทึกการเข้า

"อำนาจ"
 มันเป็นเช่นนี้เอง
วีระศักดิ์ รักในหลวงครับ
Website Sponsor
Full Member
****

คะแนน 43
ออฟไลน์

กระทู้: 221



« ตอบ #158 เมื่อ: เมษายน 06, 2016, 01:13:59 PM »

 ไหว้ผมสงสัยอยู่เรื่องนึงครับ. คือขุนวรวงศาเป็นพรามณ์เฝ้าหอพระไม่ได้เป็นนักรบไม่มีกำลังในมือ และก็ขึ้นครองราชด้วยวิธีแปลกๆ ทำไมในตอนนั้นจึงไม่มีใครขัดขวางครับ แต่เพิ่งจะมายึดอำนาจและสำเร็จโทษกันในตอนหลังโดยขุนพิเรนทร
 วานท่านผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #159 เมื่อ: เมษายน 06, 2016, 03:48:52 PM »

ไหว้ผมสงสัยอยู่เรื่องนึงครับ. คือขุนวรวงศาเป็นพรามณ์เฝ้าหอพระไม่ได้เป็นนักรบไม่มีกำลังในมือ และก็ขึ้นครองราชด้วยวิธีแปลกๆ ทำไมในตอนนั้นจึงไม่มีใครขัดขวางครับ แต่เพิ่งจะมายึดอำนาจและสำเร็จโทษกันในตอนหลังโดยขุนพิเรนทร
 วานท่านผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ไหว้

รู้ได้ยังไงว่าไม่มีกำลังในมือ
พวกเชื้อสายละโว้เขาซ่องสุมกำลังกันที่บ้านมหาโลก เป็นชุมชนริมแม่น้ำป่าสัก  ปัจจุบันเป็นโรงงานปูนซิเมนต์ อยู่ที่อำเภอบ้านหมอ สระบุรี  ทุกวันนี้ก็ยังคงมีวัดมหาโลก มีพระร่วงโรจนฤทธิ์เป็นของศักดิ์สิทธิ์  ในหนังท่านมุ้ย ก็บอกว่าเป็นโรงตีดาบ  คือเทียบได้กับกรมสรรพาวุธในทุกวันนี้
การเป็นชุมชนที่มีการผลิตอาวุธ แล้วยังคงตั้งมั่นอยู่ได้ โดยที่กรุงศรีอยุธยาไม่ไปกวาดต้อนเข้ามาไว้ในกำแพงเมือง  ก็แสดงว่ามีอิทธิพลพอสมควร

ที่พวกอู่ทอง/ละโว้เป็นพราห์ม จึงรอดชีวิตมาได้หลังผลัดแผ่นดิน   สังเกตจากเมื่อขุนหลวงพะงั่วยกกองทัพมาจากสุพรรณบุรี  พระราเมศวรก็รอดชีวิตกลับไปครองลพบุรี แล้วตัวเองก็มาชิงบัลลังก์ ฆ่าน้อง  แต่รุ่นลูก ที่ถูกพวกสุพรรณภูมิมายึดอำนาจ  ทางสายสุพรรณบุรีก็ละเว้นชีวิตให้อีก ให้ไปครองเมืองปทาคูจาม
สมัยอยุธยา  เวลาพราห์มทำผิด  โทษเบามาก แค่ให้แขวนปะคำลูกใหญ่ ๆ เป็นการประจานเท่านั้น
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #160 เมื่อ: เมษายน 06, 2016, 04:12:48 PM »

นอกจากนั้น  ยังมีลพบุรี กับศรีเทพ ที่เกี่ยวดองกัน  รวมทั้งชุมชุมโบราณเชื้อสายขอมจากพิมายไปถึงเขมรอีกด้วย

ในยุคขอมเรืองอำนาจ  บรรพชนของพวกขอมอยู่ที่พิมาย แล้วจึงอพยพไปอยู่เขมรต่ำ  และมีการสร้างถนนจากโคราชไปเขมร  แสดงว่าทางโคราชเองก็ยังต้องมีชุมชนเขมรตั้งอยู่ จึงมีการสร้างมอเตอร์เวย์ไว้  เป็นถนนซึ่งที่มีที่พักค้างคืนตลอดเส้นทาง  บางที่พักเป็น อโรคาสถานหรือ Medic center ด้วย
ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ เห็นความสำคัญของโคราช ใช้โคราชเป็นฐานรวมกำลังเข้าตีเขมร  กำหนดให้เจ้าเมืองโคราชเป็นข้าราชการระดับสูงมาก ปรากฏตามพระอัยการตำแหน่งนาพลเรือน มีศักดินาถึงหมื่นไร่  และมีการวางกำลังคนจากอยุธยาไปไว้ที่โคราช   สำเนียงคนโคราชในปัจจุบันถึงได้ประหลาดกว่าจังหวัดอื่น ๆ ที่ล้อมรอบ  ออกลาวเหน่อ ๆ 
บันทึกการเข้า
วีระศักดิ์ รักในหลวงครับ
Website Sponsor
Full Member
****

คะแนน 43
ออฟไลน์

กระทู้: 221



« ตอบ #161 เมื่อ: เมษายน 06, 2016, 06:12:06 PM »

 ไหว้ขอบพระคุณมากครับ กระจ่างเลยครับ พอนึกออกแล้วครับในหนังของท่านมุ้ยกล่าวถึงญาติของขุนวรวงศาชื่อจันอยู่ที่โรงตีดาบ. ซึ่งหากขุนวรวงศากระทำการสำเร็จ ก็จะให้เป็นอุปราชจัน ซึ่งต่อมาก็ถูกหมื่นราชเสน่หา ยิงด้วยปืนไฟตกหลังช้าง  ไหว้
บันทึกการเข้า
แปจีหล่อ คนสันขวาน
Hero Member
*****

คะแนน 6335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8369



« ตอบ #162 เมื่อ: เมษายน 06, 2016, 07:11:20 PM »

 ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าเรืองนึงจากคนพม่าและคนไทยพลัดถิ่นว่าในอดีต กองทัพไทยกับพม่าเคยมีการสร้างเจดีย์แข่งกันแล้วพม่าใช้ลูกไม้สร้างเจดีย์ด้วยไม้ไผ่แล้วเอาผ้าขาวมาคลุมไว้มองดูไกลๆเหมือนเจดีย์จริงๆทำให้ฝ่ายไทยต้องยอมแพ้ไป และเจดีย์ที่ฝ่ายไทยสร้างแต่ไม่เสร็จนั้นมีชื่อว่า ไจ๋ตันลัน หรือไจ๊ตานลาน ซึ่งคำว่า "ตานลาน" หรือ"ตันลั่น"ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "ยังไม่เสร๊จเรียบร้อย" เรื่องนี้ผมค้นหาก็ไม่เจอ อยากทราบว่าเป็นเรื่องจริงไหมครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
R2D2
ท้าเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
Hero Member
*****

คะแนน 370
ออฟไลน์

กระทู้: 6107



« ตอบ #163 เมื่อ: เมษายน 07, 2016, 04:22:09 PM »

หลวงปู่ส้วน(เจ้าตำรับให้ลูกศิษย์ สร้างปลัดขิกยักษ์สะเดาะเคราะห์) วัดท่าลาดใต้ พนมสารคาม ว่าต้นแบบเสาหลักเมืองที่เรากราบไหว้กันอยู่นั้นคือศิวลึงค์ดี ๆ นี่เอง(ปัญญา ฤกษ์อุไร : เขาหาว่าผมฆ่านักข่าว)..แหม..ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย..ท่านว่าจริงไหมครับ(ผมยังวนเวียนอยู่ไม่พ้นอินเดียซะที-โฮ) 
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12902



« ตอบ #164 เมื่อ: เมษายน 07, 2016, 10:40:58 PM »

หลวงปู่ส้วน(เจ้าตำรับให้ลูกศิษย์ สร้างปลัดขิกยักษ์สะเดาะเคราะห์) วัดท่าลาดใต้ พนมสารคาม ว่าต้นแบบเสาหลักเมืองที่เรากราบไหว้กันอยู่นั้นคือศิวลึงค์ดี ๆ นี่เอง(ปัญญา ฤกษ์อุไร : เขาหาว่าผมฆ่านักข่าว)..แหม..ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย..ท่านว่าจริงไหมครับ(ผมยังวนเวียนอยู่ไม่พ้นอินเดียซะที-โฮ) 

ไม่น่าจะเชื่อมโยงถึงกันได้นะครับ
แต่ถ้าเป็นพระปรางค์  ตรงนี้ท่านนายกคึกฤทธิ์  เคยให้ความเห็นว่าใช่

เสาหลักเมืองกรุงเทพ ฯ ฝังใน พ.ศ.2325  เมื่อถึงฤกษ์ลงเสา ได้เกิดเหตุไม่เป็นมงคล คือมีงู 4 ตัวเลื้อยลงหลุม  โหราจารย์ได้ทำนายว่าจะมีเคราะห์ทั้งบ้านเมืองและราชวงศ์  คือบ้านเมืองจะมีเคราะห์ไป 7 ปี 7 เดือน  ส่วนราชวงศ์จะอยู่ได้ 150 ปี

ปรากฏว่าไทยมีศึกสงครามเก้าทัพ หลังจากนั้นเพียง 3 ปี  ซึ่งคำทำนายน่าจะแม่น เพราะ ดร.สุเนตร เคยกล่าวว่า ศึกนี้พม่าเตรียมการล่วงหน้านาน 3 ปี

ส่วน 150 ปีของราชวงศ์ตามคำทำนาย  2325+150 คือ พ.ศ.2475  ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง  ซึ่งเกิดในสมัยรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชสมภพเมื่อวันที่ 8 พ.ย. พ.ศ.2436   ตรงกับปีมะเส็ง หรือปีงู
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 10 [11] 12 13 14 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 23 คำสั่ง