จะว่าไปก็น่าแปลกใจว่า ในขณะที่ "มหากาพย์รามายณะ" ได้รับความนิยมจากหลายชาติในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ แต่ "มหากาพย์ภารตยุทธ์" ที่มาจากชมพูทวีปเช่นกันกลับไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่
กลับมีปรากฏแค่ในกลุ่มชาติที่เคยได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแบบเข้มข้นมาก่อนอย่างกัมพูชาและอินโดนีเซีย ทั้งๆ ที่เนื้อหาในมหาภารตยุทธ์ก็มีความสนุกและหลักปรัชญาล้ำลึกให้ค้นหาอยู่ไม่น้อย
ผมเข้าใจว่า หลักปรัชญาแนวคิดบางอย่างในมหาภารตยุทธ์อาจจะขัดแย้งกับแนวคิดของพุทธศาสนา เช่น หลักในคัมภีร์ภควัตคีตา เลยไม่นิยมนำมาดัดแปลงสอนผู้คนครับ
รามายณะแปลว่าชัยชนะของพระราม ส่วนรามเกียรติแปลว่าเกียรติของพระราม
ราชสำนักในสมัยกรุงศรีอยุธยาเลือกรามเกียรติ เพราะว่าเนื้อเรื่องตอบสนองต่อการเมืองการปกครองของไทย
รามายณะ เป็นเรื่องราวที่ดัดแปลงจากเหตุการณ์ที่พวกชาวอารยันรุกรานเข้ามาในอินเดีย และคนท้องถิ่นต่อต้านการรุกราน พวกที่ต่อสู้เข้มแข็ง ต้านทานได้นานที่สุดคือพวกทมิฬในทางใต้ของอินเดียกับในลังกา คนไทยฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด เอาเนื้อความในรามายณะไปเรียกเขาว่า "ทมิฬหินชาติ" ทั้ง ๆ ที่ชาวทมิฬเป็นครูใหญ่ของสุวรรณภูมิ พวกทมิฬ เป็นผู้นำเอาตัวอักษรปาลวะเข้ามาเผยแพร่ในสุวรรณภูมิ พัฒนาเป็นอักษรทวารวดี อักษรเขมร อักษรไทย อักษรมอญ-พม่า และอักษรธรรมล้านนา ประสาทหินทั้งหลายของพวกขอม ก็ได้จากชาวทมิฬ
เนื้อเรื่องในรามายณะ เป็นเรื่องขาวกับดำ ธรรมกับอธรรม ส่งเสริมความซื่อสัตย์ระหว่างบ่าวกับนาย ในระยะหลังไทยเราดัดแปลงกันจนไม่เห็นภาพนี้ชัดเจน อย่างเช่นหนุมานของไทย เอาบุคลิกแบบที่ชายไทยชอบ ไปใส่ให้กับหนุมาน กลายเป็นลิงชอบทำการงานนอกสั่ง เจอตัวเมียเป็นไม่ได้ แต่หนุมานต้นฉบับในอินเดียจะเป็นนักพรต ถือเพศพรมจรรย์ ปัจจุบันได้รับการนับถือเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของชาวฮินดู รูปเคารพของหนุมานจะมี 2 แบบ คือแต่งเครื่องทรงแบบกษัตริย์ กับหนุมานแหกอก ข้างในที่ตำแหน่งหัวใจเป็นรูปพระราม แสดงถึงความจงรักภักดี
ส่วนหนุมานในเมืองไทย กลายเป็นขอทาน เต้นไปถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว เก็บเงินรูปละ 20 บาท พระรามก็กลายเป็นเมนูพระรามลงสรงอยู่ในร้านอาหาร
มหาภารต เป็นเรื่องที่แต่งเติมจากเหตุการณ์ที่พวกอารยันทะเลาะกันเอง พี่น้องฆ่าฟันกันเอง ตายเป็นล้าน ในเมื่อเป็นการแต่งเรื่องของพวกเดียวกัน จึงไม่ได้มีการป้ายสีมากเกินสมควร ตัวละครทั้ง 2 ฝ่าย เป็นสีเทา ๆ เหมือนกัน มีทั้งดี มีทั้งชั่วอยู่ในตัวละครแต่ละตัว
ถ้าราชสำนักส่งเสริมมหาภารต จะไม่ได้ประโยชน์ทางการปกครอง อาจจะเป็นลบด้วยซ้ำ
ร.5 ท่านทรงวิจารณ์พงศวดารอยุธยาแบบสลดใจว่า มีการปราบดาภิเษก ฆ่าล้างตระกูลทั้งเจ้านายและขุนนางบ่อยมาก ในช่วงระยะเวลาเพียง 90 ปี มีถึง 13 ครั้ง