๏ฟฝ๏ฟฝ็บบ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝสน๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝาปืน

 ::008::  พอดีช่วงนี้ ดูสารคดี เกี่ยวกับการสร้างรถถังขึ้นมาใหม่ แทงค์โอเวอร์ฮอร์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 WW2 และ บางครั้งมีการเปรียบเทียบรถถัง 10สุดยอดรถถัง ทำให้รู้ว่าที่ 1  รถถังของโลก ที่เปรียบเทียบ ความสามารถ ตามยุคสมัยที่ประจำการเป็น รถถัง T34 ของรัสเซีย
    พอดีมีสารคดี ตอนหนึ่งกล่าวถึงรถถัง เยอรมันสมัยใหม่ LEOPARD 2 A6 หุ่นคล้ายแมงสาปเลย เลยสงสัยว่าติดเครื่องยนต์ ดีเซล มันจะไปวิ่งหรือ ความสามรถจะเท่ากับ M1A2 ที่เป็นรถถังที่ทันสมัยเหมือกันแต่ใช้เครื่องยนต์ Engine Honeywell AGT1500C multi-fuel turbine engine  1500 hp (1119 kW)  Vs. Leopard 2 A6 ที่ใช้เครื่องยนต์  MTU MB 873 diesel engine, providing 1,100kW (1,500shp)  นะครับ แต่ดูจากแรงม้ามันเท่ากัน หรือเปล่า hp กับ hsp   และสมรรถนะ อี่นๆๆเปรียบเทียบกันนะครับ   ช่วยให้ความรู้และวิจารณ์ กันด้วยครับชาว อวป. สำหรับรถถังทันสมัยสองคันนี้ ::014::

ด้านเครื่องยนต์ผมว่าพอๆกันแหละครับ ทำไมดูถูกเครื่องยนต์ดีเซลจังล่ะครับ :~) :~)   ถ้าเครื่องดีเซลไม่เจ๋งจริงคงจะลาก10ล้อ18ล้อไม่ไหวหรอกครับ ไม่เจ๋งจริงคงไม่ได้เป็นแชมป์เลอมัง24 ชม. LMP1 Class  ;D ;D
M1 Abrams    
Engine Honeywell AGT1500C multi-fuel turbine engine  
1500 hp (1119 kW)  
Power/weight 24.5 hp/metric ton
Operational range 289 mi (465.29 km)  With NBC system: 279 mi (449.19 km)
Speed Road: 42 mph (67.7 km/h)  Off-road: 30 mph (48.3 km/h)
(http://www.defenseindustrydaily.com/images/ENG_AGT-1500_M1_Engine_Cutaway_lg.jpg)

Leopard 2A6  
Engine MTU MB 873 Ka-501 12-cylinder diesel  
1,500 PS (1,479 hp, 1,103 kW) at 2600 rpm  
Power/weight 24.1 PS/t (17.7 kW/t)
Operational range 550 km (340 mi) (internal fuel)
Speed 45 mph (72 km/h)
(http://files.waffenvombodensee.com/200001978-e9e0ceada9/MB%20873-Ka%20501%20-%20B.jpg)

ตามไปดูรายละเอียดที่นี่ครับ   ;D ;D
http://en.wikipedia.org/wiki/M1_Abrams
http://en.wikipedia.org/wiki/Leopard_2

 ::014::ขอบคุณ สำหรับความเห็นครับ เยอรมัน ผลิดยอดเครื่องยนต์ ดีเซลเยี่ยมอยู่แล้วครับ และความสามารถด้านการรบด้านอื่น ท่านมีความคิดเห็นกันเป็น เช่นไร ครับสำหรับรถถังทั้งสองคันนี้เปรียบเทียบกันครับ ::008::

ตัวต่อตัวซัดกันโดยไม่มีระบบอื่นช่วยผมว่ากระจุยทั้งคู่ ปืนก็120เหมือนๆกัน กระสุนซาโบต์ลูกดอกยูเรเนียมก็มีเหมือนๆกันเกราะแจ๋วแค่ไหนโดนเข้าไปก็รอดยากแต่นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมต้องรอพี่ๆท่านอื่นว่ายังไง  ;D ;D

เพิ่มเติมครับ
ข้อดีของเครื่องยนต์ Gus Turbine คือให้กำลังมาก
แต่ก็ "ซด" น้ำมัน "จุ" เหลือหลายครับ

นั้นคือสาเหตุที่ทำให้สายส่งบำรุงของรถถังเอบรามมีขนาดใหญ่มาก เพราะซดน้ำมันยังกะซดน้ำ

ขออนุญาตถามพี่ HYDRA  เขาใช้เทคโนโลยีอะไรที่ทำให้เป็น Multi fuel Engine  ครับ
ถ้าเป็น JP กับ Diesel นี่ไม่แปลกเพราะใช้แทนกันได้ แต่ Gasoline นี่ละครับ เอามาใช้ในเครื่งยนต์เดียวกันได้อย่างไร
 ::014:: ::014::

ผมไม่เชี่ยวชาญขนาดจะตอบให้ได้หรอกครับ ถ้าหาให้อ่านล่ะพอไหว ;D ;D
http://www.turbokart.com/about_agt1500.htm

ผมว่าLeopardรวมๆแล้วยืดหยุ่นกว่าM1A2 แต่พวกอเมกันมันชอบว่าของมันดีที่สุดล่ะ
การซ่อมบำรุงของLeopardก็ทำได้ง่ายกว่า เครื่องยนต์ก็เปลี่ยนได้ง่ายความซับซ้อนน้อย ชิ้นส่วนน้อย

ส่วนรถถังเอบรามความร้อนจากเครื่องยนต์มันก็ล่อเป้าจรวดจับความร้อนได้ดี
แต่มันก็ผ่านการทดสอบมาหลายสมรภูมิรบแล้วนี่ครับ ว่าทนทานต่อการรบในรูปแบบและกองโจร

แต่ผมอยากทราบคือทำไมลำกล้องปืนใหญ่รถถังสมัยใหม่ชอบใช้แบบเรียบกัน หรือว่าแบบเกลียวมันมีขอเสียยังไง

เคยได้ยินมาเมื่อหลายปีก่อน จากไหนก็เลือน ๆ แล้ว ว่า M1 ซดกิโลละสิบลิตร  :OO

ขนาดนั้นเลยหรือเปล่าครับ

ขอบคุณสำหรับลิงค์ครับ พอดีงานที่ทำเกี่ยวข้องกับ Turbine enging อยู่พอสมควร
พึ่งรู้ว่ามันมีแบบ  Multi fuel Engine  ด้วย 

เท่าที่จำได้นะครับ
กระสุนรุ่นเก่าจะเป็นแบบระเบิด ทรงตัวด้วยการหมุนรอบตัวเอง
กระสุนเจาะเกราะรุ่นใหม่จะใช่พลังงานจลน์ (ความเร็ว)
รูปร่างจะเหมือนกับลูกดอก ทรงตัวด้วยครีบหาง
ไม่จำเป็นต้องหมุนรอบตัวเอง และ เกลียวในลำกล้องจะทำให้ความเร็วต่ำลง

จริงๆ เครื่องยนต์ Multi fuel ของทางเยอรมันก็มีครับเติมน้ำมันได้สารพัดยกเว้นน้ำมันหมู  ;D ;D กองทัพอินเดียได้นำไปใช้ในรถถังของตัวเองด้วย

T80ของรัสเซียเองก็ใช้เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบด์แบบ Multi fuel เหมือนกัน http://en.wikipedia.org/wiki/T-80

เท่าที่ผมจำได้ ไม่ทราบผิดหรือถูกนะครับ เห็นเขาบอกว่า ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบเนี่ย ลำกล้องเรียบได้ เพราะกระสุนมีระบบนำวิถีครับ รู้สึกว่าจะด้วยเลเซอร์

สวัสดีครับ
ผมว่าไม่น่าถึงกิโลเมครละ 10 ลิตรครับ

เครื่องบิน Boeing 777 สองเครื่องยนต์
กำลังขับเครื่องละ 60,000 ปอนด์ (เทียบเท่า 60,000 แรงม้า)
น้ำหนักบินขึ้นสูงสุด 250 ตัน
บินระหว่าง กรุงเทพ กับ Melbourne ระยะทาง 7,500 กิโลเมคร
ใช้น้ำมันประมาณ 80,000 ลิตร
(หากข้อมูลไม่ถูกต้อง ขออภัยด้วยครับ)

กระสุนไม่ได้นำวิถีด้วยเลเซอร์ครับ แต่นำวิถีให้ปากกระบอกปืนใหญ่ คือเลเซอร์ล๊อคเป้าไปที่ไหนปากกระบอกจะหันตามไปพร้อมกับชดเชยวิถีกระสุนให้ด้วย


กระสุนแทบทุกชนิดเป็นกระสุนพลังงานจลน์ทั้งนั้นครับ กระสุนปืนพกที่เราใช้อยู่ก็ใช่
ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบลำกล้องก็ไม่ได้เรียบเป็นท่อประปาแต่บีบหัวเล็กน้อย และกระสุนก็ไม่ได้มีเพียงลูกดอกซาโบต์เจาะเกราะความเร็วสูงเพียงแบบเดียว แต่ยังมีแบบที่เป็นหัวรบดินโพรง แล้วแบบกระสุนเจาะเกราะตันๆธรรมดาสำหรับทำลายป้อมหรือรถหุ้มเกราะบางๆ (ลูกดอกซาโบต์มันแพง)

ซ้ายกระสุนเจาะเกราะธรรมดา   กลางกระสุนหัวรบดินโพรง   ขวาลูกดอกซาโบต์ความเร็วสูง
(http://www.supervideo.com/Merkava120mmCutAwayRounds.jpg)

ลูกดอกซาโบต์พอยิงออกไปแล้วจะสลัดเปลือกทิ้ง
(http://static.howstuffworks.com/gif/m1-tank-sabot.gif)

 Multi fuel Engine  มันคือเครื่องยนต์ ที่เติมน้ำมันชนิดไหนก็ได้ ดังนั้นรถถัง M 1 และ LEOPARD 2 ก็เติมได้ทั้ง ดีเซลและเบนซิล รวมทั้ง jet  a1 ด้วย ถูกต้องไหมครับ ???

ครับขออย่าให้เป็นน้ำมันหมูน้ำมันเครื่อง   แต่กำลังที่ได้ก็จะไม่เท่ากันแล้วแต่ชนิดเชื้อเพลิง

ผมว่าเปรียบเทียบลักษณะนี้ไม่ได้ครับ เพราะการใช้พลังงาน/พาหนะต่างกัน เป็นเทอร์โบแฟน พ่นไอร้อน สำหรับอากาศยานที่การเคลื่อนที่ จะต่างกับ เครื่องเจตที่ต่อเฟืองหมุนล้อ แทรกๆๆๆๆ ตามถนน

แล้วของยิว ละครับ... ?

"Merkava Mark 4"
(http://img201.imageshack.us/img201/6964/111yh9.jpg) (http://imageshack.us)

สมัยสงครามโลกรถถังเยอรมันก็ดีใช่ย่อยครับ  แพ้แต่เครื่องบินของสหรัฐ  ;D

Merkava ;D

..รถถังในปฏิบัติการโจมตีกองโจรใต้ดิน :o

ไต่ลงเนิน  แต่ผเอิญเนินสูงไปหน่อย    ::007::

จุดเด่นของเมอคาว่าถ้าผมจำไม่ผิด จะวางเครื่งยนต์ไว้ข้างหน้า แล้วใช่ระบบป้อนกระสุนแบบอัตโนมัติ ทำให้ลดพลประจำรถไปได้1คน
ความจุเชื้อเพลิง 1400 ลิตร พิสัยทำการไกลถึง500 km. และมีประตูทางออกฉุกเฉินทางด้านท้ายรถ

รถถังเยอรมันเหนือกว่ารถถังฝ่านสัมพันธมิตรทุหด้านครับถ้าดวลกันตรงๆมีแต่ตายกับตาย เพราะยิงรถถังเยอรมันไม่เข้า
แต่รถถังเยอรมันยิงทำลายได้ก่อนที่รถถังพันธมิตรเข้าระยะยิง  เรื่องเครื่องบินเยอรมันทั้งๆที่มีเครื่องยนต์เจ็ทใช้ก่อนพันธมิตรก่อนร่วมปี
แต่ท่านผู้นำดันคิดใช้ให้เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล แทนที่จะใช้เป็นเครื่องขับไล่

กว่าจะผลิตเป็นเครื่องขับไล่ขึ้นใช้ได้ก็เสียเวลาเปล่าๆไปร่วม18เดือน ซึ่งมันช้าไปเสียแล้ว

ผมเคยอ่านเจอ สมัยสงครามโลกรถถังของอังกฤษก็สู้รถถังของเยอรมันไม่ได้   เพราะรถถังของอังกฤษเน้นบรรทุกกระสุนมาก  แต่ปืนมีขนาดเล็กยิงไม่ไม่ไกล  ส่วนของเยอรมัน กระสุนบรรทุกได้น้อย  ลูกใหญ่กว่า ยิงได้ไกลกว่า  รถถังอังกฤษเลยถูกรถถังเยอรมันยิงซะเรียบเลย
สหรัฐต้องส่งรถถังมาช่วย  และส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่ห้องเครื่อง(ส่วนท้ายของรถถัง) รถถังเยอรมัน  ;D

ยุทธวิธีผิดกันครับ แนวคิดในการออกแบบก็ผิดกัน เลโอปาร์ด ถูกออกแบบไว้ในเชิงตั้งรับมากกว่าอับบราม และบำรุงรักษาง่ายกว่า มีค่าใช้จ่าย น้อยกว่า
เคยมีการแข่งขันยิงปืนใหญ่รถถัง มี เลโอปาร์ด2 อับบราม เซ็นจูเรียน เลคเลิร์ค
อับบรามเป็นที่1 ในการยิงขณะเคลื่อนที่ครับ
ส่วนเลโอปาร์ด เป็นที่1 ในการยิงขณะหยุดนิ่ง
อับบราม ใช้เกราะคอมโพสิท
เลโอปาร์ด ใช้ แผ่นเหล็กเป็นเกราะชั้นในส่วนชั้นนอกใช้ เหล็กหล่อขึ้นรูป
เซ็นจูเรียน ใช้ชอบแฮม เป็นแผ่นเกราะซ้อนกันหลายชั้น
เลคเลิร์ค ไม่ทราบครับ
แล้วยังมีอัตราเร่ง 0-24 0-36 0-48 ภายใน 10 วินาทีด้วยครับที่เป็นจุดต่าง
เคยอ่านเจอในนิตยสารสงคราม เล่มเก่า ๆ นานมากแล้ว รายละเอียดเลยตก ๆ หล่น ๆ บ้างต้องขออภัยครับ

ขอวก มา ที่รถถังไทยหน่อยครับ
เคยมีข่าว เมาท์ๆ  ว่า ไทย สนใจรถถุงจีน รุ่น type 96g
http://www.sinodefence.com/army/tank/type96.asp

 ไม่ทราบว่า พอ สูสี กับ พวก pt 91  ของ ประเทศข้างล่างได้หรือเปล่าครับ

เอบรามใช้เกราะโลหะยูเรเนียมครับ ไม่ใช่คอมโพสิท
M1 Abrams Armor      Chobham, RHA, steel encased depleted uranium mesh  plating

เลโอพาร์ดใช้เกราะคอมโพสิทครับ
Leopard 2A6  Armor 3rd Generation composite; including high-hardness steel, tungsten and plastic filler with ceramic component.

ผมว่าไอ้อ้วนนี่มันหนักและเทอะทะเกินไป แต่ก็มีข้อดีอยู่เยอะเช่นเกราะบนป้อมปืนทำมุม60องศาโดยรอบทำให้เกราะหนาขึ้นเท่าตัว รถถังส่วนใหญ่เกราะทำมุม60องศาแค่ด้านหน้า แถมสามารถบรรทุกทหารแทนยานเกราะลำเลียงทางด้านหลัง

M1 Abrams              น้ำหนัก 61.4 tonnes  1520.72 แรงม้า         กำลัง/น้ำหนัก   1/40.38    Speed 42 mph (67.7 km/h) Off-road: 30 mph (48.3 km/h)
Leopard 2A6                       62.3 tonnes  1499.66 แรงม้า         กำลัง/น้ำหนัก   1/41.54    Speed 45 mph (72 km/h)
Merkava Mark IV                  65 tonnes     1520.72 แรงม้า         กำลัง/น้ำหนัก   1/42.74    Speed 40 mph (64 km/h)   Off road 34 mph  (55 km/h)
ม้าของเมอคาว่าแบกหนักกว่าม้าของเอบรามแค่2กิโลเอง  ความเร็วก็ไม่หนีกัน   ส่วนเรื่องบรรทุกทหารรถถังหลักพวกนี้ไม่สามารถบรรทุกทหารได้ครับ แค่พลประจำรถ3-4คนก็เต็มแล้ว

ขอถามหน่อยครับ  รถถัง ๑ คันสามารถบรรทุกกระสุนได้กี่นัดครับ ::014::

Leopard 2A6            42 นัด
Merkava Mark IV      48 นัด
ส่วนเอบรามผมหาไม่เจอครับ  :~) :~)

Merkava Mark IV วิ่ง Off road ได้ไว มิน่าละ ถึงเอาปลายกระบอกปืน จิ้มดิน ดักยิงพวกขอม.... ::005::

Basic Load

M1A1  40 นัด
M1A2  42 นัด
http://www.globalsecurity.org/military/systems/ground/m1-specs.htm

ผมได้อัตราซดน้ำมันล่ะ
M1 Abrams     Fuel Capacity 498 gal (1,885 liters) / 505 gal (1,907 liters)
Cruising Range   265 Miles (426.46 KM.)
คิดเป็น 0.223 Km / l.

Leopard 2A6  Fuel capacity    1,200  liters
Operational  range 550 km (340 mi)   
0.458 Km / l.
   
Merkava Mark IV    Fuel capacity 1400 litres
Operational  range 500 km (311 mi)
0.357 Km / l.

ลืม T-90 ไปกันได้งัย

น้อยใจจัง

อิอิอิ

มารออ่าน T-90 ครับ  ;D

ที่ว่าหนักและเทอะทะผมไม่ได้พูดเองนะครับผู้เชี่ยวชาญในรายการของช่องดิสคัฟเวอร์รี่เค้าพูดเอง

สงสัยข้อมูลผมคงจะเก่าไปแระ
ขอบคุณครับ

T-90 ต้องติดป้าย " แอบแซง เพราะแรงน้อย"... ::008::

ส่วนตัวชอบ Leopard ครับ (น่าจะ) ขับง่าย ซ่อมง่าย (ไม่ต้องตุนเครื่องกังหันเทอร์บาย)  ไม่ค่อยเลือกน้ำมัน (ถ้ารบที่ร้อนๆใช้น้ำมันหมูก็ได้นา) ตั้งกองพลน้อยได้ง่ายกว่า

ปืนก็พอๆกับ M1 เผื่อรบแถวๆยุโรปแล้วเครื่องเจ๊งก็เอาหัวลากมายำใส่ก็ไม่ยาก แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครกลายเป็นหมูย่างเวลาอยู่ท้ายรถ



ความเห็นส่วนตัวล้วนๆโปรดพิ-นาครับ

up

Merkava Mark 4 เป็นรถถังที่ดีแบบหนึ่งออกแบบโดย Israel เอง โดยเอา เอา เครื่องยนต์มาไำว้ด้านหน้ารถช่วยป้องกันพลประจำรถ และออกแบบให้มีทางเข้าและออกได้ทั้งทางป้อมปืนและ ด้านหลังรถทำให้สะดวกต่อการเข้าออกและการลำเลียงสิ่งของอย่างมาก ที่แปลกกว่าชาวบ้านก็คือติดเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม. ด้วย และได้รับการทดสอบในสนามรบจริงแล้วและปรับปรุงตลอด

ส่วน Leopard นั้นดังอย่างมากในการฝึกREFORGER ประลองทีไรชนะชาวบ้านเขาตลอด จน M1 ปรากฏตัว ขึ้น ก็ต้องยกแชมป์ให้ไป
ส่วน M 1 ไม่ต้องพูดมาก เข้าสนามรบ มาแล้ว สอย ตระกูล T จนป้อมปลิว ไปหลายร้อยคัน และไม่มีรายงานปรากฎว่าศูนย์เสียจากข้าศึกแม้แต่คันเดียว(เกราะหนามากกกกกก)

http://en.wikipedia.org/wiki/Merkava
http://en.wikipedia.org/wiki/Leopard_2

เดี๋ยวนี้โครงการ Compact tank ไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว ลดพลประจำรถเหลือ 2 นาย ปืน 140 มม
ปล ปืน 125 มม. ของรัสเซีย ยิง กระสุนนำวิถีได้ด้วย

ขอแย้งซักนิดครับ ถ้าผมจำไม่ผิด เจ้า M1 เคยเจอตุ๋ย ในอิรักนะครับ ;D

ไม่แน่ใจว่าเคยเห็น M1 โดนรถถังข้าศึกทำลายหรือเปล่า แต่มีพังในการรบบ้างครับ โดนกับระเบิด ฯลฯ 

ถูกแม่บ้าน เอา RPG 7 ใส่ท้ายรถ ขับสวนทาง  แล้วลงมายิงใส่ห้องเครื่องยนต์

...คนอิรักคงกลัวเมียกันน่าดูนะครับ

ผมเคยอ่านเจอว่า  Merkava ถูกออกแบบมาเพื่อสนองรูปแบบยุทวิธีการรบของยิว  ที่ต้องการบรรทุก ทหารราบติดไปกับรถถังด้วย
 Merkava Mark 4 เลยมีประตูออกทางด้านหลังเหมือนพวกรถหุ้มเกราะลำเลียงพล   จำได้ว่าพาทหาราบติดไปได้ 6 นาย (อาจจะจำผิดก็ได้)ครับ ::014::

ประตูด้านหลังถูกออกแบบให้ออกจากรถถังได้รวดเร็วคล้ายประตูฉุกเฉินครับเข้าออกได้ทีล่ะคนเท่านั้น
(http://www.defense-update.com/images/merkava-3-baz-lic-rear.jpg)

และไม่สามารถบรรทุกทหารราบไปด้วยได้ เพราะไม่มีที่ว่าภายในมากขนาดนั้นแค่พลประจำรถ 3-4คนก็เต็มแล้ว  แต่ถ้าเมอคาว่าแบบลำเลีงพลโดยเฉพาะล่ะมีครับ ชื่อเหมือนกันอาจจะสับสน
(http://www.thaifighterclub.org/images/question/Q2370060803110239.jpg)

 :~) :~)....ว่าแล้วเชียวจำผิดปล่อยไก่เลย :~) :~)

ยิวเขามีของดีๆ ใช้เยอะ... ไม่งั้นคงโดนลบออกจากแผนที่โลกไปแล้ว... :DD

ที่ฉนวนกาซา...
(http://img392.imageshack.us/img392/2089/610x5dm5.jpg) (http://imageshack.us)

(http://img122.imageshack.us/img122/1008/610x6vq1.jpg) (http://imageshack.us)

(http://img208.imageshack.us/img208/8043/610x44vz8.jpg) (http://imageshack.us)

(http://img208.imageshack.us/img208/963/610x7777vp1.jpg) (http://imageshack.us)

งานเข้าครับ ไม่รู้จะเคลื่อนเขาตีทางบกหรือเปล่า ฉนวน กาซ่า นะครับ

ตัวนี้ที่อัดตูดอะบรามส์ น่าจะเป็นจรวดแบบ PG-7VR ครับ

(http://euroasia.cass.cn/2006Russia/Military/images/U1335P27T1D370977F3DT20060518071658.jpg)


เคยมีรายงานว่ามันเคยทะลวง M-1 รุ่นแรกๆ จากด้านข้าง ที่มีเกราะช็อบแฮม ป้องกัน แล้วทะลวงไปถึงถังน้ำมันได้ครับ

สงคราม ๗ วัน  อิสราเอลเคยพิสูจน์ความสามารถมาแล้ว  รอบ ๆ มีประเทศที่มีประชากรที่เป็นศัตรู 200 ล้านคน อิสราเอลมี 5 ล้านคน 
จำนวนทหารต่างกันลิบลับ แต่ ๗ วัน อียิปถูกยึดไปครึ่งประเทศ เฉพาะที่แหลมซีนายและฉนวนกาซา ทหารอียิปต์เสียชีวิตไปราว 10,000 นาย ขณะที่อิสราเอลสูญเสียแค่ 300 นาย โดยรวมแล้ว อียิปต์เสียทหาร 11,000 นาย จอร์แดนเสียประมาณ 6,000 นาย ซีเรียเสียราว 1,000 นาย และอิสราเอลเสีย 700 นาย


ไม่ทราบว่าถูกรึเปล่าครับ  ::014::

ขออภัยครับ...

เคยรู้จักแต่สงครามหกวัน...

http://en.wikipedia.org/wiki/6_day_war

กับสงคราม ยม-คิปปูร์ ครับ...

http://en.wikipedia.org/wiki/Yom_Kippur_War

หมายถึงครั้งไหนหรือว่าครั้งอื่นครับ...:D

ดูเกราะของพวกมันสิงามจริงๆ พวกยิวนี่เก่งสุดยอดแต่เห็นแก่ตัวสุดยอดมากกว่า

เจอเยอะครับ  รถถังทุกแบบมีจุดอ่อนที่ด้านหลังกะด้านบน

ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านล่างเป็นจุดแกร่งสุด

(http://lh5.ggpht.com/_L1AQitLIbd4/RzpPnJ2GhSI/AAAAAAAASjE/wV02nEmVSsA/s640/DM-SD-04-14985.jpg)

(http://www.globalsecurity.org/military/library/report/2004/onpoint/fig103.jpg)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/40/Destroyed_tank_on_the_road_to_Drnis_1.jpg)

ที่เหลือ เอา m1 tank destroyed เข้ากูเกิลแล้ว คลิกไปที่รูปภาพ  ได้มาครับ

http://images.google.co.th/images?um=1&hl=th&q=M1+tank+destroyed&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E
 (http://images.google.co.th/images?um=1&hl=th&q=M1+tank+destroyed&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E)

ขอโทษครับ รบกัน 6 วันครับ ไม่ใช่ 7 วัน

รูปแรกกับรูปสุดท้ายน่าจะโดนตุ๋ย แต่รูปที่ 2 ส่งสัยจะกินขนมเข้าไป ถึงได้จมดินขนาดนั้น ;D

แล้วถ้ารบในเมืองเจอระเบิดขวดเข้าไปคนในรถจะอยู่ได้ไหมครับ ::014::

จิ๊บๆครับ...

รถถังสมัยนี้ทำมาเผื่อสงครามนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ ครับ...

แค่โมโลตอฟคอกเทล เด็กๆครับ...:D

M1กรณีที่โดน RPG อัดถั่วนั้นโดนแค่เครื่องยนต์ครับพลประจำปลอดภัย แต่ก็ไปไหนไม่ได้ เลยโดนรุมต่อ
ส่วนคลังกระสุน(ท้ายป้อมปืน)นั้นออกแบบให้มีบานประตูออกแบบให้เปิดด้านบน ในกรณีที่โดนยิงตรงนั้นแรงระเบิดจะได้ไม่ทำอันตรายกับพลประจำรถ

จัดอันดับรถถังที่ดีที่สุดในยุคนี้

1.  M1A2  (อเมริกา)
2.  Leopard 2  (เยอรมัน)
3.  Challenger 2  (อังกฤษ)
4.  Merkava Mark IV  (อิสราเอล)
5.  AMX-56  (ฝรั่งเศส)
6.  T 90  (รัสเซีย)
7.  CI Ariete  (อิตาลี)
8.  Type 90  (ญี่ปุ่น)
9.  Arjun  (อินเดีย)
10. Type 99  (จีน)

ที่มาในการใช้อ้างอิง  http://www.youtube.com/watch?v=gP5rWXxnIRE&feature=related

ขอถามต่อซักนิดนะครับ พี่ๆ รถถังมีระบบปรับอากาศ(แอร์)ไหมครับ

เท่าที่ทราบ M1 มีเอาไว้อัดอากาศ เป็นระบบป้องกัน NBC และเพื่อความสะดวกสบายของพลประจำรถ

ทำไมจีนอยู่ 10. Type 99  (จีน) ได้ละ   ;D

อาวุธต่อสู้รถถังแบบบุคคล พวก rpg ใช้หัวรบ2 หัวรบ หรือ อาวุธนำวิถีระยะยิงก็ไกลร่วมๆ 2 km พอๆกับระยะยิงปืนรถถัง แถมตรวจจับยากราคาก็ถูกนั้น รถถังสมัยใหม่ก็ทนไม่ค่อยไหว ล่าสุดสงครามที่ยิวบุกภาคใต้เลบานอน เข้าไปถล่มฮิสบอลเลาะห์ก็โดนสอยไปหลายสิบคันครับ  :D
ปืนรถถังของ leopard 2 มีคาลิเบอร์(ความยาวลำกล้องยาวที่สุด)ทำให้ระยะหวังผลไกลกว่าเพื่อน ยิงลูกดอกซาโบต์ ทังเสตนมีระยะหวังผลได้ไกลสุดครับ  :D

ที่ติดกัยบ leopard 2 a 6 ใช่หรือเปล่าครับ  จาก 120-L44 เป็น 120-L55 ใช่ไหมครับ

ใช่ครับพี่ 
Leopard 2A6  Primary  armament   1 x 120 mm Rheinmetall L55 smoothbore gun
(http://www.fprado.com/armorsite/Leo2_Pics/Rheinmetall-120-L55-svg-01.png)

ตามไปอ่านได้ที่นี่ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Rheinmetall_120_mm_Gun

อิอิ  ..จีนแพ้แขก..

 ;D

(http://img224.imageshack.us/img224/989/45713714mo6.jpg) (http://imageshack.us)
(http://img224.imageshack.us/img224/45713714mo6.jpg/1/w700.png) (http://g.imageshack.us/img224/45713714mo6.jpg/1/)

(http://img84.imageshack.us/img84/977/abrams012bd0.jpg) (http://imageshack.us)
(http://img84.imageshack.us/img84/abrams012bd0.jpg/1/w700.png) (http://g.imageshack.us/img84/abrams012bd0.jpg/1/)

ทำไมรถถังของจีนถึงสู้ประเทศอื่นไม่ได้ครับ  ::014::

อำนาจการยิง leopard 2 a6 ยิงแม่นกว่า M1A2 เพราะปืนยาวกว่าใช่ไหมครับ  ::007::

(http://www.pixnice.com/upload/files/uwjm2q0izzvyqowjjy2n.jpg) (http://www.pixnice.com/upload/)

.... ปีใหม่แล้ว  สงครามเบา ๆ บ้างนะจ๊ะ .....

 ;Dฮี่ฮี่ ;D   แบบนี้คนอิรักเอามาทำมีดดามัสกัสได้หลายเล่มเลย

มีดชั้นดีเลยละครับ  ::005::

สงสัยครับ... สงสัยว่าเจ้าบรรดาลูกตุ้มทั้งหลาย... ที่ห้อยอยู่รอบๆ ป้อมปืนของรถถังกองทัพยิวนั้น... มีประโยชน์อันใดครับ... เอาไว้ปัดกวาดกระสุนและระเบิด... หรือเพื่อการอื่นใดครับ... เพราะติดกันแทบทุกคันครับ...

เอาไว้กัน lpg หรือเปล่าครับ

เอาใว้เบี่ยงวิถีกระสุนครับ เพราะเวลาถูกยิงด้วยกระสุนก็ต้องกระทบกับลูกตุ้มก่อนทำให้กระสุนเปลี่ยนวิถีไม่เจาะตรงๆอาจเบี่ยงและลดอำนาจเจาะทำลายได้

เอาไว้ป้องกันตัวรถจากการยิงของ RPG แบบนี้ครับ

เฮ้อโลก นี้ ไม่เคยว่างจากสงครามเกิน 20 ปีเลย

สงครามก่อการร้ายคิดว่าจะยืดเยื้ออีกนานหลาย 10 ปีนะครับ ตามคำทำนายของนอตตาดามุต

ขอบคุณครับ ::014::

ผมก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถถังเหมือนกันครับ

แต่ที่แน่ๆ เยอรมันเป็นผู้ด้านทหารม้าของโลกครับ แม้แต่อเมริกายังยอม (เขายอมรับมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่1แล้วครับ)

แล้วตกลงเจ้าลูกตุ้มที่ว่า... มันมีหน้าที่อะไรกันแน่ครับ... สงสัยมากๆ ครับ...

ตามนี้ครับ ที่ท่าน   Boy Camp ให้ข้อมูลนะครับ

ลูกตุ้มเอาไว้เบี่ยงวิถีของกระสุนปืน เพื่อให้กระสุนกระทำต่อรถถังน้อยลง
หรือทำให้ หัวรบของจรวดระเบิดก่อนถึงตัวรถถัง ซึ่งลดการเสียหายของรถถังได้ระดับหนึ่ง

คนข้างในคงคิด กรูทำผิดอะไร ถึงจับมาใส่กรงขังแบบนี้
ปล.ถ้าผมเป็น ผบ.หน่วยรถถัง ผมจะเอารูปพี่ซับไปติด ที่รถถัง รับรองอาวุธอะไรก็ยิงไม่เข้า
 ::005:: เล่นก่อนซะ 1 ดอก........สวัสดีปีใหม่ครับพี่ ::014::

ย่ะหล่อน  สวัสดีปีใหม่ด้วย

ข้อมูลอาจจะไม่ใช่นะครับ .....................ต้องแยกก่อนระหว่าง ทหารม้า ใช้ม้า กับทหารม้ายานเกราะ

ทหารม้าใช้ม้า....เป็นเหล่าทหารม้าแท้ๆ(Cavalry) ............รบบนหลังม้า ใช้การเคลื่อนที่เร็วเป็นข้อได้เปรียบในการโยกย้ายกำลัง ตามแผนการยุทธ และ ใช้เป็นหัวหอกทะลวงแนวป้องกันของทหารราบ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ................. ทหารม้าที่รบบนหลังม้า ที่มีชื่อเสียงมาแต่โบราณ ก็มี ทหารม้ามองโกล ผู้ชำนาญการรบแบบ"ตูลุกม่า" ............. ทหารม้าคอคแซค ของรัสเซีย ............ ทหารมาดูมิเนี่ยน แห่งกองทัพคาเถจ ..................แม้แต่กองทหารม้าของทหารอเมริกัน ในยุคสงครามกลางเมือง เป็นต้น..............

ทหารม้ารบบนหลังม้า เริ่มเข้าสู่จุดเสื่อม ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 .................. จากที่อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยขึ้น เช่นปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนที่บรรจุกระสุนได้ครั้งละ 5-10 นัด แทนที่จะบรรจุครั้งละ 1นัดแบบเก่า หรือกำเนิดของปืนกล ที่ใช้อำนาจการยิงสูง ควบคุมแนวรบ................. รวมทั้งยานเกราะ ที่อังกฤษคิดค้นได้ ด้วยการดัดแปลงรถแทรกเตอร์ มาใส่เกราะ ใส่ปืน .............บวกกับการรบแบบการวางแนวสนามเพลาะยาวเหยียด ................. การใช้กองทหารม้า เพื่อดำเนินกลยุทธ จึงไม่ได้ผล ...............และเริ่มเสื่อมลง

จนเข้าสู่ยุคที่ใช้ยานเกราะ ผสมผสานกับทหารราบ เคลื่อนที่เข้าทำการรบ ..............

เยอรมัน เป็นชาติที่ริเริ่มการรบแบบผสมผสานยานเกราะกับกำลังภาคพื้นดิน และสมทบด้วยกำลังทางอากาศต่างหาก .............

กล่าวคือ นายพลกูเดเรี่ยน แม่ทัพใหญ่ของเยอรมัน .............. เป็นผู้คิดค้นยุทธวิธีนี้ ด้วยการ ใช้กำลังยานเกราะ ผสมกับทหารราบ เคลื่อนที่เข้าหาที่หมายด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับอำนาจการยิงภาคพื้นที่เหนือกว่า ............... ผสมผสานด้วยการใช้กำลังทางอากาศ ทำการโจมตีในระดับต่ำ ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง ................ ยุทธวิธีนี้เรียกว่า "ยุทธการสายฟ้าแลบ หรือสายฟ้าฟาด"หรือที่เรียกว่า Blitzkrieg ....................ซึ่งยุทธการนี้ เปิดตัวครั้งแรก ในการบุกโปแลนด์ ............

ตามนี้    http://www.cmgame.net/tanarmy/index/ww2/poland1939.htm

แล้วก็ใช้การรบแบบเดียวกัน ในการตีแนวมายิโน่ ของฝรั่งเศส จนแตก ในสงครามโลกครั้งที่ 2

โอ้ว ขอบคุณสำหรับ ความรู้ครับ

สวัสดีปีใหม่ครับพี่มะขิ่น  ขอพี่เล่ารอมเมลต่ออีกนิดครับพี่  จริงไหมครับที่ว่ารอมเมลนี่ซ่อมรถถังเก่งเอารถถังที่เสียหายจากการรบทั้งของเยอร์มันและของพันธมิตรมาซ่อมแซมแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ ไล่ตีสัมพันธมิตรเสียเกือบหมดท่า

ขออนุญาตเสริมก่อนครับ

จริงครับ เยอรมันในอัฟริกาเหนือประสบปัญหาเรื่องการส่งกำลังบำรุงากๆ ยึดอะไรมาได้ก็ต้องใช้ไปก่อน ตัว รอมเมล เองใช้รถเกราะ แมมมอธ ของอังกฤษเป็นรถบัญชาการซะเองเลย บางทีวิ่งไปตรวจแนววิ่งปนๆ กับอังกฤษด้วยซ้ำ มีครั้งหนึ่งไปจอดนอนพักกัน หมู่ลาดตระเวนอังกฤษผ่านมา ก็เดินเข้าไปเคาะประตูทักทาย เยอรมันก็เปิดโผล่หน้าออกมา ช๊อกก้ากันทั้งคู่ กดปืนใส่กันมั่วๆ แล้วก็ออกรถหนีไปเยอรมัน

ตอน รอมเมลตีโทบรูคแตก ฮิตเล่อร์เลื่อนให้เ็ป็นจอมพลก็ไม่มีอินธนูจอมพลติดเครื่องแบบ คงไม่สนใจสั่งให้ใครเอามาฝากด้วย ตอนนั้นรอมเมลบอกว่า ให้กำลังมาเสริมสักสองกองพลยังดีกว่าซะอีก อีกหลายเดือนต่อมารอมเมลไปเจอจอมพลเยอรมันคนอื่นเขาเลยแบ่งอินธนูมาให้ใช้

รอมเมลชอบอยู่แถวแนวรบ ครั้งหนึ่งนั่งกินข้าวอยู่สะเก็ดระเบิด เช่าชามข้าว ทะลุกำแพงพุ่งมานอนบนตักพอดี

ทั้งนี้จากหนังสือ Rommel's paper เป็นบันทึกของรอมเมลตอน WWII ลูกชายนำมารวบรวมพิมพ์หลังสงครามครับ บก. โดย นาย ลิดเดิ้ลฮาร์ท นักการทหารอังกฤษ ครับ

ขอบคุณ ครับ ::014:: +1 คะแนนครับ

   จิ้งจอกทะเลทราย  นี่ถ้าฮิตเล่อร์ฉลาดมากกว่านี้ลดอีโก้หน่อยป่านนี้เยอรมันครองโลกแล้ว   ::008::

ขอบคุณครับคุณต๊อก   บวกหนึ่งครับ  ผมชอบสมญานามของรอมเมลมากครับเท่สุดๆ คนแบบไหนนะครับที่จะถูกคนอื่นเขาตั้งฉายาเอาว่า"จิ้งจอกทะเลทราย"  คงจะทั้งอึดอดทน  อีกทั้งฉลาดเฉลียว

 ::004::สงสารท่าน ลอมเมล  ตอนสุดท้ายถูกบีบให้ฆ่าตัวตายเพื่อครอบครัว นะครับ ::004::

ฮ่าๆ... เพื่อนบ้านแถบนี้คงใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ ไทยก็เป็นหนึ่งในผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย........

จริงๆ ครับพี่ อึดอดทน และมีความเป็นทหารในสายเลือด เมื่อมีโอกาสบังคับบัญชาก็รบได้ดีมาก หนังสือที่เขาเขียนมีสองเล่ม เรื่องตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 กับครั้งที่สอง เล่มแรก Infantry attack หรือพิมพ์บางครั้ง Attack เป็นมุมมองของนายร้อยรบแนวหน้า แต่ละบทมีการทบทวนสถานการณ์ รูปแบบการรบ วิเคราะห์บทเรียนและมีคำแนะนำด้วย   ฮิตเล่อร์ก็อ่านเล่มนี้เลยชอบใจให้บังคับกำลังส่วนหนึ่งที่ไปบุกฝรั่งเศสทางเหนือ รอมเมลนำกำลังพุ่งไปถึงชายฝั่งแอตแลนติกเป็นกองแรก

รอมเมลเป็นนายทหารที่ทำตัวมีเกียรติของนักรบตามแบบฝรั่ง ทำนอง "เหี้ยมเมื่อรบ สงบแล้วกรุณา" ในหนังสือของตัวก็ชอบชมข้าศึกที่กล้าหาญ ดูแลเชลยที่ยอมแพ้ดีเท่าที่ทำได้ และให้หมอรักษาข้าศึกทีบาดเจ็บอย่างดี แต่เวลารบก็ไม่ยั้งมือเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ เช่น ในฝรั่งเศส ทหารเยอรมันข้ามแม่น้ำ โดนข้าศึกซุ่มยิง รอมเมลดูลู่ทาง ทางลมแล้วก็ให้ทหารเผาบ้านชาวบ้านริมฝั่งเพื่อให้ควันกำบัง พอเยอรมันข้ามไปได้ยิงกันเสร็จไปเจอศพสไนเปอร์ดยมีปลอกกระสุนอยู่มากก็เขียนชมว่าเป็นทหารที่กล้าหาญมาก สู้ไม่หนี ฯลฯ

ตอนปลายสงครามเยอรมันระดมกำลังสูงสุดมีทหารเกือบ 10 ล้านคน มีจอมพลหลายสิบคน รอมเมลไม่ใช่จอมพลที่คุมกำลังมากที่สุด แต่ก็มีชื่อมากกว่าคนอื่นหลายๆ คน ตอนฮิตเล่อร์คลั่งกำจัดทหารบกที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดลอบสังหาร เพื่อนรอมเมลบอกว่า "คุณคงรอด เพราะคุณมีชื่อเสียงมากพอ" แต่ก็ไม่รอดจนได้

ปล. ตามรูปรอมเมลตัวเตี้ยกว่าฮิตเล่อร์นิดหน่อยครับ คงพอๆ กับมุสโสลินี น่าจะสูงประมาณ 170 ซม. เท่านั้นครับ

ครับ เกสตาโปที่เอายาพิษมาให้ ให้การตอนหลังว่าตอนนั้นเอากำลังมาล้อมไว้แล้ว ถ้าขัดขืนไม่ยอมกินยาพิษก็จะรุมยิงเลย ตอนนั้นเมียกับลูกชายก็อยู่ที่บ้าน ลูกเป็นนายร้อยลางานมาพอดี ต่อมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสตุ๊ดการ์ด

สงสัยว่า ตกลงไทยได้ซื้อ รถเกราะ ยูเครน หรือเปล่าครับ เห็นเงียบๆๆ ไป

สงสัยด้วยคนครับ... ขออนุญาตยกกระทู้ซะเลย... ;D ;D ;D


...อยากชมรถถัง-ยานเกราะของไทยบ้างจังเลยครับ...

Stingrayรถถังที่ประจำการในกองทัพไทยแห่งเดียวในโลกครับ อยากทราบรายละเอียดเจ้านี้จังครับว่าทำไมไทยเราถึงชื้อจากอเมกาประเทศเดียว
แถมอเมกาก็ไม่เคยใช้ประจำการในกองทัพตัวเองเลย ผมก็รู้แบบงูๆปลาๆ

 :~)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/0/01/Stingray_tank_%28Tawporn%29.jpg)

Stingray Light Tank

Type Light tank
Place of origin  United States
Service history
Used by Thailand    ;D ;D ;D
Specifications
Weight 22.6 tonnes
Length (With gun forward) 9.3 meters
Width 3 meters
Height 2.7 meters
Crew 4 (commander, driver, gunner, radio operator/loader)

--------------------------------------------------------------------------------
 
Armor 23 mm
Primary  armament L7A3 105 mm rifled tank gun
Secondary  armament 7.62 mm co-axial machine gun, 12.7 mm AA machine gun
Engine    Detroit Diesel Allison 8V-92TA 535 hp (399 kW), liquid cooled turbo charged 2 stroke V-8 diesel engine  550 hp (410 kW)
Suspension    Independent trailing arm torsion bar
Operational  range   300 miles (480 km)
Speed 70 km/h

จริงหรือเปล่าที่วิ่งมากๆๆแล้วตัวถังมันพัง นะครับดีที่บริษัทยังรับประกันซ่อมให้นะครับ

พอดีเพิ่งไปเจอไอ้พวกปาก....ในเวปอื่นชอบดูถูกประเทศตัวเอง เค้าว่าโง่ที่ชื้อมาเกราะก็บาง มันว่าป้อมปืนไม่ทันใช้ก็ร้าว จะยิงออกรึป่าวไม่รู้แต่น่าจะวิ่งได้  มันนึกว่าทหารม้าของไทยเป็นชาวบ้านบางระจันรึไง ::007:: ::007::  เกราะมันก็บางจริงๆอ่ะแต่คงมีเหตุผลล่ะที่เราเลือกใช้เจ้านี้

เกราะมันบางจริง หากถูกมันยิงก็ตายนะ

สติงเรย์ นี่ ถังเบาหรือถังหนักครับ

เป็น รถถังเบาครับ หนักแค่ 20 ตัน 500 แรงม้า ความเร็วบนถนน 73 กม./ชม. ;)
ถือว่าเร็วแล้วครับสำหรับรถถัง ที่ตอนนั้นเราซื้อมาเพราะต้องการความคล่องตัว และเทคโนโลยีของสติงเรย์ไม่แพ้รถถังเบาของชาติใดในยุคนั้น ;D
อีกอย่างพื้นที่บ้านเราส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม เข้าหน้าฝนก็กลายเป็นโคลน เลน ถ้าใช้แบบหนักมันจะติดหล่มครับ ::009::
ใช้สติงเรย์โอกาสติดหล่มมันจะน้อยกว่าและปืน 105 มม. ก็เกินที่จะทำลายรถถังหนักทุกแบบในโลก ถ้าโดนจัง ๆ
ในระยะหวังผล ::008::
 ผมว่าดีกว่ารถถังจีนเยอะครับ  ::013::

อีกครับๆ หามาให้ชมให้ดูอีกครับ อยากรู้อยากอ่านครับ ขอบคุณครับ

แล้วเรื่องรถหุ้มเกราะที่ซื้อจากยูเครนละครับ ไปถึงไหนแล้ว  ::014::

เรื่องอะหลั่ย ของสติงเรย์นี่ ขาดบ้างหรือเปล่าครับ?

ขอบคุณครับ

เราน่าจะพัฒนาต่อยอดเองนะครับ รถก็อยู่บ้านเรา ประเทศอื่นก็ไม่มีใช้อะไหล่น่าจะต้องทำเองให้ได้ไม่งั้นเราจะแย่เอง
คนไทยเก่งๆเยอะถ้าสนับสนุนกันจริงๆน่าจะมีอะไรดีๆออกมาอีกเยอะ ::002::
ครั้งหนึ่งผมเคยดุรายการสู้แล้วรวยที่คนไทยผลิตเครื่องJETสำหรับ บ.วิทยุบังคับขาย :VOV:
หลักการเหมือนจริงแต่ย่อส่วนลงมา สุดยอดเลย :D~

คนไทยเก่ง ๆ เยอะ เช่น ที่ผลิตพวกปืนเถื่อนได้  แต่เสียดายรัฐฯ ไม่สนับสนุนเลยต้องไปอยู่ในคุก  :~)

 :o รถถังไทเกอร์ และ เพนเตอร์ ของ เยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เครื่องยนต์ เบนซิน หรือดีเซลครับ เห็นดูรายการ
 UBC แทงโอเวอร์ฮอ บอกว่าเป็นเบนซิน ผมคิดว่าเครื่องดีเซลเสียอีก ???

Tiger และ Panther ใช้เครื่องยนต์  Maybach HL 230 P30 V12 gasoline engine

http://en.wikipedia.org/wiki/Maybach_HL230

เมื่อหลายปีก่อน เยอรมันเคยเสนอ รถถัง พร้อมตั้งโรงงานในไทย เราไม่เอาครับ มีอาร์เจนติน่า ที่เดียวที่เอาเข้าประจำการครับ ;D
http://en.wikipedia.org/wiki/TAM_(tank)

น่าเสียดายนะครับ...

รถถัง Tiger และ Panther นั้นตอนรบกันในแนวรบด้านตะวันออกกับพวกโซเวียต มักเจอปัญหาน้ำมันเบนซีนแข็งตัวในฤดูหนาว น้ำหนักที่มากของรถถังทั้ง 2 รุ่น (รถถัง Tiger 1 หนัก 56.9 ตัน ส่วนรถถัง Panther หนัก 44.8 ตัน) จนทำให้วิ่งผ่านพื้นที่ที่มีสภาพเป็นโคลนตมได้ยาก ตลอดจนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาเรื่องความร้อนจนดับบ่อยครั้ง (ผมว่าน่าจะมาจากการที่เครื่องยนต์เบนซีนต้องรับภาระแบกน้ำหนักรถมากถึงขนาดนั้น)

จากปัจจัยในข้างต้น ทำให้รถถัง 2 รุ่นนี้เคยได้เปรียบรถถัง T-34 ในเรื่องเกราะด้านหน้าที่หนากว่าจนยิงแทบไม่เข้า และติดตั้งปืนใหญ่รถถังขนาด 88 มม.และ 75 มม.ที่ทรงอานุภาพและยิงได้ไกลกว่า รวมทั้งมีกระสุนเจาะเกราะแบบแกนทังสเตน (APCR : Armor Piercing Composite Rigid) ใช้ ต้องกลายเป็นเป้านิ่งไปทันทีเมื่อวิ่งตะลุยแล้วเกิดติดหล่มจนพาลให้เครื่องดับ เลยเจอรถถัง T-34 กับ M4 Sherman วิ่งอ้อมไปยิงทางด้านข้างกับด้านหลังของรถถังจนพังครับ (สงสัยวิศวกรเยอรมันจะออกแบบมาดีเกินไปมั้ง เลยลืมดูไปว่ามันหนักเกินไปหรือเปล่า ::012:: )

สมัยนั้น รถถัง เยอรมัน เมกัน อังกฤษ ใช้เครื่องเบนซินหมดครับ มีแต่ โซเวียต ใช้เครื่องดีเซล

....เครื่องดีเซลมีมาก่อนหน้านั้นตั้งนานแล้ว คนคิดสร้างเครื่องยนต์ รูดอฟ ดีเซล ชื่อบอกยี่ห้อเยอรมัน อิ อิ

เรื่องเล่านะครับ  ไม่มีการยืนยันใดๆ จริงป่าวไม่ทราบ

ว่ากันว่า ตอนมีสงครามเวียตนาม ยูเอส มาตั้งฐานทัพในบ้านเรา
มี ตำรวจไทยจับช่างความรู้น้อยคนหนึ่งมา เพราะดันทำที่เก็บเสียงขายเลี้ยงชีพ
แถมประสิทธิภาพเก็บเสียงดีกว่า ขนาดเล็กกว่าของยูเอสเสียอีก

สุดท้าย ช่างความรู้น้อยคนนั้น ถูกกองทัพยูเอสดึงตัวออกจากตะรางของไทย
ไปคุยกับฝรั่งในโรงงานผลิตเครื่องเก็บเสียงของ ยูเอส
 ;D

ที่เก็บเสียงสามารถทำได้จริงครับ  ที่ผมทราบมามีแบบใช้ใยแก้ว และแบบเรียงวงแหวน 
ยังไม่เคยลองไม่ทราบจริงเท็จประการใด (เพื่อนเคยลองแล้วมาบอก)  ::014::

ไทยทำ.....ไทยใช้.....ไทยเจริญ :VOV:

 ;D ถ้าไม่ผิดกฏหมาย ปืนไทย ที่เก็บเสียงไทย น่าจะขายดี  ;D

กำลังคิดทำ.22 autoแบบบ้านๆอยู่ครับ  Opp!!.....พูดความเพ้อฝันอะไรออกไปเนี่ย

นอกเรื่องยานเกราะแล้วครับ  :D

ผมก็ว่างั้นนอกเรื่องซะแล้ว งั้นมาเข้าเรื่องดีกว่า

(http://img65.imageshack.us/img65/9581/060203f7823a008kc2.jpg) (http://imageshack.us)
(http://img65.imageshack.us/img65/060203f7823a008kc2.jpg/1/w858.png) (http://g.imageshack.us/img65/060203f7823a008kc2.jpg/1/)

ที่พ่นเป็นสีดำตรงด้านหน้าป้อมปืนนั่นใว้ลดการสะท้อนของแสงแดด เหมือนนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลเอาเขมาป้ายใต้ตาหรือป่าวครับ

มีอะไรกันมั่ง   ::008::

 :o

 :o

 :)

 ;)

 :D

 ;D

 :VOV:

 :o  หมดสต็อก   :~)

แถมๆ   ;D

อย่าลงแต่รูปสิครับ  อธิบายด้วยครับ  :D

ผมอยากได้แบบนี้ ขับไปทำงาน

(http://cache.gizmodo.com/assets/resources/2006/11/Tank%20Chair.jpg)

  แฮ่ๆ  ผ้มมันพวกพิมพ์ไม่เก่ง  ถ้าให้ผมลงรายละเอียดด้วยล่ะก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไรแล้วครับ นั่งพิมพ์กันสองสามชั่วโมงเลย   :~) :~) :~)

เดี๋ยวพี่ๆเขาต้องมาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยผมมั่งล่ะน่า  นะครับๆ พลี้สสสสสสสสสสสสสส   :~)

อันนี้เป็นการเอารถถัง ลงพื้นโดยเร็ว จากเครื่องบิน(ไม่ทราบเรียกวิธีอะไร)

(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/plane-lost-tank.jpg)



เนื่องจากรถถัง ไม่มีสัญญาณไฟเบรค  กองทัพโปรดพิจารณา  ::014::
(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/Picture20076.jpg?t=1203146808)



มองแต่เป้าที่จะยิง ไม่มองทาง  ;D
(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/tank-accident.jpg?t=1203146849)


ถังหนักกับที่ลุ่ม  ดูกันเอง  ให้สองภาพเลย  :<< :<<
(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/tank_stuck_in_mud.jpg?t=1203146632)

(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/stuck-tank.jpg?t=1203146682)


หงายเงิบ  ;D
(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/dead_tank1.jpg?t=1203146525)

มันหมุนตัวเลี้ยวยังไง  ;D
(http://i248.photobucket.com/albums/gg174/tomcat_14a/plane/tankbunker.jpg?t=1203146585)

ตกลงรถล้อยางยูเครนไทยยังซื้ออยู่หรือเปล่าครับ

แล้วเมื่อไหร่จะถึงครับเนี่ย ;D ;D ;D

เอามาโมดิฟายด์เข้าสิ สัก100 กม./ชม. ก็ได้ตาย....เอ๊ย.ย.ย...ได้เร็วไร้ที่ติแล้วครับ

 :D

 ::014::

รถถัง  M18  รถถังที่มีความสามารถสูงในการรบ ของ US ใน WW2 สมกับตัวเล็กหมัดหนัก  เพราะติดปืนใหญ่ที่ใช้ปราบรถถังด้วยกันและความเร็วสูง แต่เกราะบางเป็นกระป๋องนะครับ
  ข้อมูลและภาพจาก Wiki pedia
The M18 served primarily in Western Europe, but was also present in the Pacific.

On September 19, 1944, in the Nancy Bridgehead near Arracourt, France, the 704th Tank Destroyer Battalion was attached to the 4th Armored Division. Lt. Edwin Leiper led one M18 platoon of C Company to Rechicourt-la-Petite, on the way to Moncourt. He saw a German tank gun muzzle appearing out of the fog 30 feet away, and deployed his platoon. After five minutes, five German tanks of the 113 Panzer Brigade were knocked out, with the loss of one M18. The platoon remained in their position and destroyed a further ten German tanks, with the loss of another two M18s. One of the platoon's M18s, commanded by Sgt Henry R. Hartman, knocked out six of these and lived to fight another day. Most of the German tanks were Panthers.[2]

The M18 Hellcat was a key element during World War II in the Battle of the Bulge.[3] The 705th Tank Destroyer Battalion was attached to the 101st Airborne Division in Bastogne. By the end of the battle, the 705th had destroyed 43 German tanks, with the loss of only 6 of their Hellcats.[4]

รถถัง scorpion ของเรายังใช้ปืน 76 มม อยู่หรือเปล่า หรือว่าเปลี่ยนเป็น 90 มม แบบ ของอินโด
แล้ว M113 จะปรับปรุงป้อมปืน จาก .50 BMG เป็น .50 กับ เครื่องยิงลูกระเบิด 40มม แบบของ นย หรือเปล่านะ
หรือไม่ก็ติด ปืนใหญ่ยิงเร็ว 25 มม

M113

AAV 7A1 โปรดสังเกตุป้อมปืน

scorpion 90

แล้วระเกราะวีเซล.. ของกรุ๊ป แม๊กฯ จากเยอรมันนี... มีประเทศไหนนำเข้าประจำการบ้างครับ... ตอนเด็กๆ อ่านบททดสอบ... รู้สึกชอมมากๆ เลยครับ... ป้อมปืนสามารถดัดแปลงติดอาวุธได้หลายแบบ... ตั้งแต่ปืน ๒๐ มม. ไปจนถึงจรวดต่อสู้รถถังโทว์....

ตามภาพนี้ใช่ไหมครับ

ตามภาพนี้ใช่ไหมครับ

เห็นรถเกราะ Wiesel ติดอาวุธแล้ว ผมนึกถึงรถปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังหลายลำกล้องแบบอัตตาจร M50 Ontos (http://en.wikipedia.org/wiki/Ontos) เลยครับ ;D

ผมว่าถ้านำรถเกราะ Wiesel หรือรถ รสพ. M113 มาติดแท่นยิง ปรส. M40 106 มม. 6 ลำกล้องแบบนี้ด้วยคงดีไม่น้อยเลยครับ  ::002::

M50 Ontos
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/34/Ontos.jpg)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/3/32/Ontos_on_display_at_the_National_Museum_of_the_Marine_Corps.JPG/800px-Ontos_on_display_at_the_National_Museum_of_the_Marine_Corps.JPG)

ได้ความรู้ดีขอบคุณครับมีอีกไหมครับ

ติดปืน 6 ลำกล้องแล้วน่ากลัวดีครับ  ไม่รู้ว่ายิงแม่นด้วยรึเปล่า  :D

อย่าลืมว่ารถ M50 Ontos ติดตั้งแค่ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง M40 ขนาด 106 มม. รุ่นเดียวกับที่ติดตั้งบนรถจี๊ปทหาร ไม่ใช่ปืนใหญ่รถถัง (ปถ.) นะครับ รถคันนี้ผมว่าภารกิจมันคงเอาไว้แค่ยิงสนับสนุนมากกว่าเอาไปดวลตัวต่อตัวกับรถถังด้วยกันครับ :OO

ส่วนปรส.รุ่น M40 นี้ไม่ต้องกลัวว่าไม่แม่นหรอกครับ ขนาดยิงข้ามเขาใส่บังเกอร์บนเขาอีกลูกห่างกันตั้งหลายกิโลเมตรตอนศึกช่องบกกับศึกบ้านร่มเกล้า เรายังยิงโดนเป้าหมายเลย แต่ข้อเสียของ ปรส. คือมันเสียงดังมากครับ แล้วยิงทีฝุ่นฟุ้งกระจายไปหมด ถ้าลูกแรกเอาไม่อยู่กลัวจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งแล้วเจอสวนกลับก่อนนะสิครับ  ::003::

ใช่เลยครับคุณ ART เจ้าตัวนี้แหละ... เล็ก พริกขี้หนูตัวจริง...

ภาพเพิ่มเติม

(http://www.military-today.com/apc/wiesel_2.jpg)



(http://www.military-today.com/apc/wiesel_1.jpg)

ไทยน่าจะซื้อไว้นะครับ อาวุธ หนักแต่ตัวนิด ::002::เดียว

มองไกลๆ คิดว่ารถเกี่ยวข้าว..  ::005::

ขอบคุณครับ

รถแบบนี้ ยิงจนหมดทุกกระบอกแล้วบรรจุอย่างไง ไม้แคล้วพลบรรจุต้องลงมาใส่ลูกเอง คงไม่เหมาะกับสงครามสมัยนี้นะครับ

มาดู ของเล่นของฝรั่งออสซี่คนนี้ซิครับ   ;D :D~

http://www.youtube.com/watch?v=hlUbZhsxcWI (http://www.youtube.com/watch?v=hlUbZhsxcWI)

ถ้าเคยเห็นกันแล้วก็ขออภัยนะครับ  ::014::

(http://www.military-today.com/apc/wiesel_1.jpg)
น่าจะคล่องตัวในป่าเขาบ้านเรา แต่ไม่แน่ใจเรื่องกำลังปีนไต่ทางชัน

รถ M50 Ontos ไม่แคล้วต้องมีพลบรรจุมาใส่กระสุน ปรส. อยู่แล้วครับ คิดว่าเวลาออกภารกิจจริงๆคงมีรถกระสุนวิ่งตามและออกรบร่วมกับพวกทหารราบครับ ไม่อย่างนั้นถ้าให้ทำทั้งยิงเองใส่กระสุนเองคงเจอสวนก่อนด้วย RPG ก่อนแน่เลยครับ ;D

ผมลองอ่านดูใน Wikiprdia พบว่า M50 Ontos จัดอยู่ประเภท Tank Destroyer ด้วย มีน้ำหนักรถแค่ 8.5 ตัน สามารถวิ่งบนพื้นที่ดินอ่อนได้อย่างสบาย และมีบทบาทมากในช่วงสงครามเวียดนามโดยเฉพาะกับภารกิจยิงถล่มที่กำบังของพวกเวียดกง

ผมเลยมีความคิดว่าถ้ากองทัพไทยจะลองดัดแปลงนำ ปรส. เอ็ม.40 106 มม.มาประกอบเป็นแท่นยิงแบบ 6 ลำกล้องอย่าง M50 Ontos บ้าง แล้วนำมาติดตั้งกับ รสพ. เอ็ม 113 รถ GMC บ้างก็น่าจะดีไม่น้อยครับ เพราะปรส. เอ็ม.40 106 มม.นี้อำนาจการยิงเฉียบขาด ระยะทำการไกลครับ :VOV:   

คลิปวีดิโอของรถถัง M50 Ontos ใน Youtube ครับ  :)
1. http://www.youtube.com/watch?v=eYu_oo3JpOA  ออกปฏิบัติภารกิจในสงครามเวียดนาม
2. http://www.youtube.com/watch?v=wrg00gRRLog
3. http://www.youtube.com/watch?v=9MZvEUlSwqU

(http://www.battletanks.com/images/M50_Ontos-1.jpg)
(http://www.battletanks.com/images/M50_Ontos-2.jpg)
(http://www.battletanks.com/images/M50_Ontos-3.jpg)
(http://www.diggerhistory.info/images/tanks/ontos1.jpg)

รถหุ้มเกราะ Buffalo Armored Vehicle
อยากให้ไทยมีบ้างครับ สำหรับกวาดล้างระเบิดแสวงเครื่องครับ

นี่ถ้าได้มาเข้าขบวนแห่กระทงของจังหวัดผมก็เรี่ยมเลยครับเดี๋ยวนี้คนดูขบวนแห่กระทงเหลือน้อยหล๋อมแหล๋มเต็มทน คือเขาเบื่อรูปแบบขบวนอย่างที่สุด รถชนะเลิศปีนี้กับปีแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย แค่ย้ายที่นั่งนางนพมาศมังครับ

รถถังของอังกฤษ ที่จะพอสู่ tiger ของเยอรมันได้ เพราะติดปืน 17 ปอนด์ และใช้เครื่องยนตร์ดียวกับเครื่องบินสปิตร์ไฟย์
ครับ

M2&M3
M2 linebacker

นี่ก็ปิดโครงการไปแล้ว

เลิกผลิตไปแล้วหรือครับ เป็นของ US หรือเปล่าสงสัย ถังแตก

ไม่คุ้มค่าครับพี่

ดูๆๆ ไปโครงการคล้ายปืนใหญ่ อัตตราจร ของเยอรมันที่ยิงแบบ กึ่งอัตโนมัติ

   
   M1A1 / M1A2 Abrams กับภารกิจในอิรักครับ

   http://www.youtube.com/watch?v=coPn06OrooM&NR=1

   http://www.youtube.com/watch?v=d1X4r2nHSb0

ดูแล้วมันดีเหมือนขับไปรบเองเลยครับ มิ น่ารถถังอิรักถึงหมดไปแล้วสั่งเป็นของ US รุ่นใหม่มาแทนหมดแล้ว

ข้อมูลจาก WIKI PEDIA

Vehicle[63] Origin Type Versions Ordered
LAV 25  United States light armored vehicle LAV-25/24/16 352 LAV-25, 24 LAV-CC, 16 LAV-A (Ambulances), 5 LAV-R (Recovery) and 4 LAV-L (Logistics); plus ammunition, support equipment and training. In competition with other vehicles.
M1126 Stryker  United States Wheeled APC  Possible order for up to 400 units. In competition with other vehicles.
Saur 1  Romania Wheeled APC  Possible order for up to 400 units. In competition with other vehicles.
Lazar BVT-SR-8808-MRAP  Serbia Mine Resistant Armored Vehicle  Possible order [64] [65]
ILAV Badger  United States Mine Resistant Armored Vehicle  2 on order to replace damaged inventory.
Medium Tactical Vehicle Replacement  United States Heavy Transport  41 on order. (replacements)
M1A1 Abrams  United States Main Battle Tank Modified and Upgraded to M1A1M 280 on order. 140 to be delivered in 2010 and 2011.
Armored High Mobility Multi-Purpose Wheeled Vehicles (HMMWV)  United States HMMWV/Multipurpose  64 on order.
M1152  United States HMMWV/Troop Transport  92 on order.
M577A2  United States Command Post Carrier  12 on order.
M548A1  United States Tracked Logistics Vehicle  16 on order.
M113A2  United States Armored Ambulance  8 on order.
M1070  United States Heavy Equipment Transporter  35 on order.
M978A2 Heavy Expanded Mobility Tactical Truck (HEMTT)  United States Tanker  40 on order.
M985A2 HEMTT  United States Cargo Truck  36 on order.
M984A2 HEMTT  United States Wrecker Truck  4 on order.
M1085A1  United States 5-ton Cargo Truck  140
MMWV  United States Ambulance  8 on order.
Contact Maintenance Truck  United States Maintenance Truck  8 on order.

 :D :D :D

ตัวบนนี่เป็นของกองทพไหนครับเนี่ย

กัมดั้มหรือเปล่าครับ ::008::

สงสัยจะเป็นพวก Gun Cannon ครับ ต้องรอเฉลย

ของกันดั้มจะออกแบบสวยกว่านี้เยอะครับผมก็ไม่รู้เรื่องกันดั้มแต่ไปดูๆมาที่ห้าง เป็นหุ่นยนต์รถถังชื้ออะไรจำไม่ได้ล่ะสวยมากๆ
ตัวหัวและลำตัวจะหมอบลงกลายเป็นป้อมปืนดูเหมือนรถถังปกติ พอดันขึ้นมาก็จะเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่นที่ด้วยตัวรถถังตีนตะขาบ
อยากได้เหมือนกันแต่ตัวละตั้งสองพันกว่าบาท

ตัวนี้ชื่อ RX-75 Guntank ครับ เป็น Mobile Suit ของกองทัพสหพันธ์โลก  (Earth Federation Forces)

 :D

ปืน OQF 17 pdr. (http://en.wikipedia.org/wiki/Ordnance_QF_17_pounder) รุ่นนี้ไม่ได้ติดตั้งกับรถถัง Cromwell (http://en.wikipedia.org/wiki/Cromwell_tank) ในภาพนี้ครับ แต่ติดตั้งกับรถถัง Sherman Firefly (http://en.wikipedia.org/wiki/Sherman_Firefly) แทนโดยพัฒนามาจากปืนต่อสู้รถถัง Ordnance QF 17 pounder ขนาด 3 นิ้ว (76.2 มม.) ครับ ส่วนรถถัง Cromwell  ติดตั้งแค่ปืน Ordnance QF 75 mm. ครับ :)

แล้วทั้งรถถัง Cromwell กับ Sherman Firefly ถ้านำไปดวลตรงๆกับรถถัง  Tiger ของนาซีเยอรมันก็ไม่ไหวหรอกครับ เพราะเกราะหนาแค่ 76 มม.กับ 89 มม. (เฉพาะด้านหน้า) ตามลำดับ เจอปืนใหญ่รถถังขนาด 88 มม.ของรถถัง Tiger เข้าไปตูมเดียวก็พังพอดีครับ แต่ถ้าอาศัยการรุมเป็นหมู่แล้วยิงระยะไกลก็คงพอสู้กันไหวครับ  ;D

รถถัง Cromwell
(http://img134.imageshack.us/img134/3277/800pxcromwelllatrun2gj2.jpg)

รถถัง Sherman Firefly
(http://img232.imageshack.us/img232/6792/shermanfireflybu3.jpg)

ปืนต่อสู้รถถัง Ordnance QF 17 pounder ขนาด 3 นิ้ว (76.2 มม.)
(http://img134.imageshack.us/img134/7031/800pxqf17pounderbateyhadh5.jpg)

กระสุนปืนต่อสู้รถถัง Ordnance QF 17 pounder
(http://img26.imageshack.us/img26/6438/17poundershellfortnelsoti0.jpg)

เยอรมันนี่สร้างรถถังเก่งจริง ๆ  :D

ผบ.รถถัง tiger 1 ของเยอรมันที่ผมชื่นชอบ ครับ พร้อมประวัติ การรบจาก wiki pedia
Michael Wittmann
From Wikipedia, the free encyclopedia
Jump to: navigation, search
Michael Wittmann
22 April 1914(1914-04-22) – 8 August 1944 (aged 30)

Michael Wittmann
Nickname The Black Baron[1]
Place of birth Vogelthal
Place of death Between the towns of Cintheaux and St. Aignan de Cramesnil near the farm of Gaumesnil[2]
Resting place La Cambe German war cemetery (reinterred)
Allegiance  Nazi Germany
Service/branch  Waffen SS
Years of service 1934 – 1944
Rank Hauptsturmf&uuml;hrer
Unit Leibstandarte SS Adolf Hitler and Schwere SS-Panzer-Abteilung 101
Awards Knight's Cross with Oak Leaves and Swords
Michael Wittmann (22 April 1914 – 8 August 1944) was a German SS-Hauptsturmf&uuml;hrer during World War II. Wittman's crews (chiefly gunner Balthasar "Bobby" Woll, also a Knight's Cross of the Iron Cross holder) are credited with the confirmed destruction of 138 tanks and 132 anti-tank guns, along with an unknown number of other armoured vehicles. Together with Johannes B&ouml;lter, Ernst Barkmann, Otto Carius and Kurt Knispel (the top scoring German Panzer ace of the war with 168 confirmed tank kills[3]), he is considered to be one of the greatest tank commanders in history.[citation needed]

He is famous for his ambush of elements of the 4th County of London Yeomanry, British 7th Armoured Division, during the Battle of Villers-Bocage on June 13 1944. While in command of a single Panzerkampfwagen VI Tiger he destroyed between 10 and 11 tanks, 2 anti-tank guns and 13 personnel carriers within the space of 15 minutes.[4][5][6]

The circumstances behind Wittmann’s death have caused some debate and discussion over the years, but it has been generally accepted that Trooper Joe Ekins in a Sherman Firefly commanded by Sergeant Gordon of the 1st Northamptonshire Yeomanry was his killer.[7][8][9][10] However, in recent years, some commentators have suggested that members of the Canadian Sherbrooke Fusiliers Regiment may have instead been responsible.[11]

Contents [hide]
1 Early life and career
2 Second World War
3 Death
3.1 Discredited claims
3.2 The most recent claim
3.3 Burial
4 Criticism
5 Personal life
6 Summary of SS career
6.1 Dates of rank
6.2 Notable decorations
7 Footnotes
8 References
9 External links
 


[edit] Early life and career
Michael Wittmann was born on 22 April 1914 in the village of Vogelthal in the Oberpfalz region of Bavaria. He was the second son of local farmer Johann Wittmann and his wife Ursula. In February 1934, Michael joined the Volunteer Labor Service, the FAD (what later became the RAD) and on 30 October 1934 he joined the German Army. He was assigned to the 19. Infantry Regiment based at Freising by Munich, eventually reaching the rank of Gefreiter(private). In October 1936 the 22-year old Wittmann joined the Allgemeine-SS. On April 5 1937, he was assigned to the premier regiment, later division Leibstandarte-SS Adolf Hitler and was given the rank SS-Mann (private). A year later, he participated in the occupation of Austria and the Sudetenland with an armoured car platoon.


[edit] Second World War
 
Wittmann sitting on the gun barrel of his Tiger I tank in northern France, 1944.
Wittmann receiving the Swords to his Knight's Cross.His first experience of combat came in the Polish Campaign, followed by the Battle of France as a commander of the new self-propelled assault guns, the Sturmgesch&uuml;tz III Ausf. A. The Greek campaign - Operation 'Marita' - was launched on 6 April 1941. Leibstandarte SS Adolf Hitler (LSSAH) captured the Greek capital and formed the spearhead, alongside the 9th Panzer Division, which punched through the Greek countryside. After three weeks of campaigning, Nazi Germany had conquered Greece. Wittmann and his unit were sent to Czechoslovakia for a refit. The rest would not last long, however, as Wittmann's unit was soon dispatched to the Eastern Front to participate in the invasion of the Soviet Union. He initially served as a commander of a StuG III assault gun. He was assigned for both officer and tank training in the winter of 1942-43.

Returning to the Eastern Front as a newly-commissioned officer, Wittmann was reassigned to a tank unit with the rank of SS-Untersturmf&uuml;hrer, where he commanded a Panzer III tank. By 1943, he commanded a Tiger, and by the time of the Battle of Kursk (Operation Citadel), he was a platoon leader. On January 14 1944, he was awarded the Knight's Cross of the Iron Cross and on January 30, the Oak Leaves for his continued excellence in the field. By this time, he had destroyed 88 enemy tanks and a significant number of other armoured vehicles. Wittmann left the Leibstandarte, as the Tiger company of the division was used as the nucleus of a new Waffen-SS heavy tank battalion, Schwere SS-Panzer-Abteilung 101. This new formation was part of the I SS-Panzerkorps and was not permanently attached to any division or regiment.

By the time he was posted to France, in the late spring of 1944 following the Allied D-Day invasion, Wittmann held the rank of SS-Obersturmf&uuml;hrer. His most famous exploit during the Normandy campaign was his ambush of the lead elements of the 7th Armoured Division's 22nd Armoured Brigade, which brought about the Battle of Villers-Bocage on 13 June 1944.

During the opening phase of this battle, within a 15 minute period, he is credited with the destruction of between 10 and 11 tanks, 2 anti-tank guns and 13 personnel carriers.[4][5][6] Historians have claimed that Wittmann's attack ended after he had withdrawn from the town following an unsuccessful duel with a Sherman Firefly.[12][13] A British tanker claimed he was responsible for denting the driver visor on the Tiger tank, during the unsuccessful duel with the Firefly, and that this forced Wittmann to withdraw his tank.[14] Wittman's Tiger is then said to have continued eastwards, out of town, before being disabled by a British 6-Pounder anti–tank gun.[15] Wittmann's own account contradicts this sequence of events. He states that his tank was disabled in the town centre and photographic evidence, taken after the event, of the Tiger tanks knocked out in Villers-Bocage corroborates this position.[16][17]

Wittmann did not take part in the fighting throughout the rest of the morning nor the afternoon[18][16], although German propaganda claimed he did[18] and credited him with the destruction of nearly all the British losses.[19] For his actions at Villers-Bocage Wittmann was promoted to SS-Hauptsturmf&uuml;hrer, was awarded Swords to his Knights Cross with Oak Leaves and had his story appear in Das schwarze Korps (the German Panzer forces magazine).[20]


[edit] Death
 
The only known photograph of the wrecked Tiger 007, taken by French civilian Mr. Serge Varin in 1945, still in the field near Gaumesnil where it had been stopped a year before.Michael Wittmann was killed on 8 August 1944 while taking part in a counterattack to retake Hill 122, near the town of St. Aignan de Cramesnil. The town and surrounding high ground had been captured a few hours previously by Anglo-Canadian forces during Operation Totalize.[21][22]

A group of seven Tiger tanks from the 3rd Company and HQ Company, Schwere SS-Panzer-Abteilung 101 supported by several Panzer IV and Stug IV were ambushed by tanks from A Squadron, 1st Northamptonshire Yeomanry, 33rd Armoured Brigade, A Squadron, the Sherbrooke Fuisilier Regiment, 2nd Canadian Armoured Brigade and B Squadron, The 144 Royal Armoured Corps, 33rd Armoured Brigade.[23][7][24][10][9][22]

The killing shots have long been thought to have come from a Sherman Firefly of ‘3 Troop’, A Squadron, 1st Northamptonshire Yeomanry (commander - Sergeant Gordon; gunner - Trooper Joe Ekins), which was positioned in a wood called Delle de la Roque on the advancing Tigers' right flank[25] at approximately 12:47.[26]

It appears the shells penetrated the upper hull of the tank and ignited the Tiger's own ammunition, causing a fire which engulfed the tank and then blew off the turret.[27]


[edit] Discredited claims
For such a junior officer, there has been quite a lot of speculation surrounding how he died. At the time of his death, although the majority of allied soldiers had never heard of him,[28] Wittmann had become a household name within Germany.[29]

In 1985, Issue 48 of After the Battle Magazine was published, containing an article on the last battle of Michael Wittmann. In this issue, Les Taylor, another member of the 1st Northamptonshire Yeomanry during the war, stated that Joe Ekins was the man who was responsible for the death of Wittmann.[7]

The 1st Polish Armoured Division, the 4th Canadian Armoured Division, the 144 Regiment Royal Armoured Corps and the RAF Second Tactical Air Force have also been the subject of claims to have killed Wittmann. No Holding Back, a book by Brian Reid on Operation Totalize, contains an entire appendix devoted to the death of Michael Wittmann, in which these claims are completely discredited.

Examination of the armoured divisions' war diaries revealed that they were too far north of St. Aignan de Cramesnil to have taken any part in the defeat of the German armoured counterattack. Investigation also ruled out the 144 Royal Armoured Corps; although they did take part in defeating the counterattack, they were positioned around Cramesnil and therefore out of effective range of Wittmann’s tank. The regiment did originally claim that they destroyed two Tigers during this German counterattack. However, their commanding officer changed this claim to one Tiger and one Panzer IV destroyed, post-battle.[30]

The main source of controversy surrounding Wittmann's demise comes from the claim that he was killed when an RP-3 rocket from a Royal Air Force Hawker Typhoon struck his tank.

This myth, originating in German propaganda,[citation needed] stated Wittmann had fallen in combat to the dreaded fighter-bombers. This was further enhanced when a French civilian, Mr. Serge Varin, who took the only known photo of the destroyed Tiger, stated that in his opinion the tank had been destroyed by an air attack. He said he had found an unexploded rocket nearby and could not see any other penetration holes, other than the one on the upper hull. However, some accounts describe this as an exit hole and state the engine was intact and not damaged from any explosion.

Brian Reid has also discredited this explanation after examining the logs of the RAF Second Tactical Air Force. Reid notes that they made no claim of engaging or destroying any tanks in the area during the time frame of the battle.[31] He concludes:

"...no tanks were claimed destroyed or damaged in the forward areas by immediate support aircraft"[32]

"...the only tanks claimed were by Typhoons on armed reconnaissance missions in areas away from the actual battle. Therefore Wittmann and his crew almost assuredly did not fall victim to an attack from the air."[32]

Reid also notes that Kurt Meyer, the divisional commander of the 12th SS Panzer Division Hitlerjugend who had ordered the Schwere SS-Panzer-Abteilung 101 to counterattack,

"…made a point of remarking on the Allies' failure to use their tactical fighters on the morning of 8 August."[33]

There is also no evidence to support any other aircraft outside of the Second Tactical Airforce attacked the tank.[citation needed]

The final piece of evidence, which rules out air attack upon the attacking German tanks, comes from eyewitness testimony. German tank crews and other members of the Schwere SS-Panzer-Abteilung 101, such as Alfred Bahlo, Hans Dollinger, Hans H&ouml;flinger and Doctor Rabe, along with Allied tankers such as Captain Boardman, Trooper Ekins and Major Radley-Walters have all stated in interviews (as well as other media such as letters) that the Tiger tanks came under tank attack only and do not mention any air attacks during this battle.[34][7][24][10][9]


[edit] The most recent claim
After discrediting the main claimants other than Joe Ekins, Brian Reid then discusses another possibility, as there was another armoured regiment much closer to Wittmann’s tank. A Squadron of The Sherbrooke Fusiliers Regiment, 2nd Canadian Armoured Brigade, commanded by Major Sidney Radley-Walters, was positioned in the chateau grounds at Gaumesnil. This area, south of Hill 112, is parallel with the Delle de la Roque woods and the location of Joe Ekin’s Firefly. The regiment at this time was made up of several Sherman III and 2 Sherman VC, whose tankers had created firing holes in the property's wall. From this position, based on verbal testimony of the Canadian tankers, they engaged several tanks (including Tigers) and self-propelled guns driving up the main road and across the open ground towards Hill 112.[11]

Reid puts forth the opinion that, with the range Joe Ekins would have to fire over to hit Wittmann’s tank,[2] the proximity of The Sherbrooke Fusiliers Regiment to the tank, no other evidence to suggest anything other than tank-to-tank combat, that the latter are most likely responsible for Wittmann's death.[11] Because of changes in land use from orchards to ploughed fields since 1944, it is problematic to establish the exact location of Ekin's Firefly at the beginning of the engagement and even more difficult to know the position of the claimed kill shot as Ekins' tank moved during the engagement. At a minimum, the 1st Northamptonshire Yeomanry was positioned over 1000 metres away, possibly as much as 1200m, while the Canadian tanks were only around 500 metres away.[32] Recent field studies that located the exact position of the Sherbrooke tanks puts the range at less than 150 yds and the firing angle from their position behind the Chateau's now removed east wall coincides exactly with the damage area to Wittman's Tiger in the left rear engine compartment. There are no official Canadian records to back up this position due the Regimental Headquarters halftrack being destroyed by a stray USAAF bomb.[23]

Ken Tout, who at the time of Operation Totalize, was a member of C Squadron of the 1st Northamptonshire Yeomanry, published a postwar account of the battle and of Wittmann’s demise. Tout credited Joe Ekins at that time. However, when researching his new book on the subject, he interviewed former members of A Squadron, Sherbrooke Fusiliers. In this book, for the first time, he does not claim Wittmann for the 1st Northamptonshire Yeomanry and acknowledges that other regiments were in the area at the time and engaged the attacking Tigers.[35][24]

With the Tigers caught in a crossfire between the Northamptonshire Yeomanry and The Sherbrooke Fusiliers Regiment, it is understandable that both regiments claimed to have destroyed his tank. However it is still generally accepted that Joe Ekins was Wittmanns killer. The significant hole in this belief is that, if Wittman's Tiger was one of three Tigers engaged and destroyed by Ekins that afternoon - a truly remarkable feat of tank gunnery, who then is responsible for one of the three Tigers nearest to where Ekins fired from. He killed three Tigers and if one was Wittman's, someone else had to engage and kill one of these three destroyed Tigers within 800 yds of Ekins position. There is no record or claim by any other Allied tank for any of these three Tigers.

In the appendix of “No Holding Back”, devoted to Wittmann’s demise, there is topographical map[2] of the engagement, diagrams of the tank[36] and the location of the shell strike.[37] Using this and Google Earth it is quite easy to re-create the engagement scenario and measure the distances involved, an exercise that strongly supports the Canadian claim.


[edit] Burial
 
Photograph taken of Michael Wittmann and his crew's grave in the La Cambe German war cemeteryThe German war graves commission, either with help of veterans from the s.SS-Pz Abt. 101 or from the author of Panzers in Normandy – Then and Now, located Wittmann and his crew's unmarked grave in 1983. They were then reinterred together at the German war cemetery of La Cambe in France.[38]


[edit] Criticism
Historian Wolfgang Schneider has questioned the competence of Michael Wittmann, stating, "A competent tank company commander does not accumulate so many serious mistakes as Wittmann made".[39] While other historians have praised Wittmann for his actions at Villers-Bocage, Schneider has criticised the solitary advance of Wittmann into Villers-Bocage. He states that, while it may "seem brave", he notes that "it goes against all the rules". Not only was intelligence not gathered, there was "no centre of gravity" or "concentration of forces" and because of Wittmann's actions, "the bulk of the 2nd Company and Mobius 1st Company came up against an enemy who had gone onto the defensive".[39] He sums up "The carefree advance of a single panzer into a town occupied by the enemy is pure folly" and states elsewhere that "Such overhastiness was uncalled for". Had Wittmann waited to regroup with elements of his company and the 1st Company, "Such action would have been more effective".[39] He ends, "Thoughtlessness of this kind was to cost [Wittmann] his life on August 9th 1944, near Gaumesnil, during an attack casually launched in open country with an exposed flank.” [39]


[edit] Personal life
On March 1, 1944, Wittmann married Hildegard Burmester in the town of L&uuml;neburg.


[edit] Summary of SS career

[edit] Dates of rank
SS-Mann: April 01, 1937
SS-Sturmmann: November 11, 1937
SS-Unterscharf&uuml;hrer: April 20, 1939
SS-Oberscharf&uuml;hrer: November 09, 1941
SS-Untersturmf&uuml;hrer: December 21, 1942
SS-Obersturmf&uuml;hrer: January 30, 1944
SS-Hauptsturmf&uuml;hrer: June 21, 1944

[edit] Notable decorations
Iron Cross Second (1941) and First (1941) Cl.
SS-Honour Ring
Knight's Cross of the Iron Cross (1944)
Oak Leaves (1944)
Swords (1944)
Wound Badge in Black (1941)
Panzer Badge in Silver (1941)
Eastern Front Medal (1942)
Sudetenland Medal (1938)
Anschluss Medal (1938)
Soldier's Cross Of The Order Of Bravery 2nd Class (Tsardom Of Bulgaria) (1941)
Mentioned in the Wehrmachtbericht on 13 January 1944

[edit] Footnotes

Michael Wittmann
Nickname The Black Baron
  เพิ่มเติมครับ ผบ.รถถัง ท่านนี้ทำลายรถถัง+รถสายพานลำเลียง ของอังกฤษประมาณ  25 คัน  ภายหลังวันดีเดย์ที่ฝรั่งเศส ในปี 1944 ในการรบครั้งเดียวโดย TIGER 1  ภายใน 15 นาที  สุดยอด แต่ประมาณเดือนๆๆกว่าแก่ก็ถูกรถถังเชอร์ แมนของแคนนาดา  ติดปืน 17 ปอนด์  ลุมยิงป้อมกระเด็น ตายทั้งคันนะครับ แต่ยังมีอีกกระแสว่าถูกจรวดจากเครื่องบิน typhoon ยิงทำให้ป้อมกระเด็นออกมา

อื้อฮือ...เห็นท่าทางแต๋วๆตุ๊ดๆนี่นึกไม่ถึงว่าจะใจเด็ดปานนี้นะครับ..สู้ถวายหัวจริงๆ  ช่วงนั้นหลังดีเดย์กองทัพเยอร์มันถอยกรูดเป็นน้ำป่าไหลบ่า  คงจะเหลืออีตานี่ไว้ลายอยู่หน่วยเดียว

พวกแต๋วๆ ตุ๊ดๆ เท่าที่ผลเคยเจอมา... ล้วนใจเด็ดเกือบทั้งสิ้นครับ... ใจเด็ดในสิ่งที่พวกหล่อนต้องการทำนะครับ... สู้แบบถวายหัว... บ้านผมเรียกสู้แบบ "โสตาย" ;D ;D ;D

 ;D วิทท์มานน์ เคยบาดเจ็บฟันหักไปหลายซี่ ตอนไปรับกางเขนประดับโอ๊คเหล็กกับฮิตเลอร์ ฮิตเลอร์เห็นเลยให้ไปทำฟันปลอมกับหมอฟันประจำของฮิตเลอร์ อีกครั้งได้รับสิทธิ์ได้กลับไปแต่งงานกับสาวคนรัก ก่อนที่จะมานอร์มังดีแล้วจึงถูกรุมสกรัมป้อมปืนหลุดเสียชีวิต ;D
 ;D บ๊อบบี้ วอล พลปืนคู่ใจของวิทท์มานน์ คนเดียวตลอดจนวันสุดท้ายที่ตาย วอลเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างคนแรกที่ได้รับเหรียญไนท์ครอส ;D

รถถัง M4 Sherman ของกองทัพแคนาดาที่รุมยิงรถถัง Tiger I ของ Michael Wittmann จนป้อมปืนปลิวก็คือรถถัง Sherman Firefly ที่ได้รับการอัพเกรดปืนจาก M1 ขนาด 75 มม.เป็นปืน Ordnance QF 17 pounder (OQF 17 pdr.) ขนาด 3 นิ้วหรือ 76.2 มม.ครับ

ซึ่งเป็นการแก้ลำรถถัง Tiger ที่ได้ผลอย่างยิ่งของฝ่ายพันธมิตรเพราะปืน OQF 17 pdr. เป็นปืน AT ที่มีขนาดลำกล้องใหญ่ที่สุดแล้วในยุคนั้นและสามารถใช้งานกับกระสุนเจาะเกราะ APDS ได้ด้วย  แต่สุดท้ายก็ยังต้องใช้วิธีการรุมยิงอยู่ดี  ::012::

อันนี้เสริมครับ รถถัง M26 Pershing (http://en.wikipedia.org/wiki/M26_Pershing) มีประวัติเคยดวลกับรถถัง King Tiger (Tiger II) (http://en.wikipedia.org/wiki/King_tiger) มาแล้ว ติดตั้งปืน M3 90 mm. L/53 และมีรุ่นพิเศษ Super Pershing ซึ่งติดตั้งปืน 88 mm. KwK 43 L/71 (http://en.wikipedia.org/wiki/KwK_43_L/71) ของรถถัง King Tiger แทนด้วยครับ แต่ใช้งานได้ไม่นานก็มีปัญหาเรื่องน้ำหนักรถที่มากไปเลยถูกนำมาปรับปรุงใหม่เป็นรถถัง M41 ในปัจจุบันนี้ครับ  :)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/af/M26_Pershing.jpg)
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/0/0a/8th_M26.jpg)   

Super Pershing
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/16/Super_pershing.jpg)

รถถัง King Tiger (Tiger II)
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/6/6c/PanzerVI_TigerII_Porsche1.jpg)

ขอบคุณครับ ::014::

 ::014::

ไม่รู้มีคนสนใจหรือเปล่า "Panzers in Normandy. Then and Now" ประมาณ ๒๐๐ หน้า เป็นไฟล์ pdf ขนาดประมาณ ๑๐๐ เม็ก  :~)

(http://img9.imageshack.us/img9/7616/30406107db7.png)
(http://img9.imageshack.us/img9/5989/52305420qi7.png)
(http://img9.imageshack.us/img9/4539/86172727rq1.png)
(http://img9.imageshack.us/img9/6580/38518534he2.png)

ตอนแรกคิดจะส่งเมล์ พอเห็นขนาด เลยมึนครับ  ::012::

สนใจครับ... ไม่ทราบว่าทำยังไงถึงจะได้ครับ...

สนใจเหมือนกันครับ... อยากจะได้ครับ(ถึงแม้ภาษาอังกฤษจะไม่ค่อยแข็งแรง)...

อยากได้เหมือนกันครับ  ผมว่าคงต้อง COPY ใส่แผ่น CD  แล้วละครับ  ::014::

โห... ถ้าขอเยอะๆ นี่คุณ Jakrit97 วุ่นแน่ๆ ครับ... อย่างน้อยก็ค่าซีดีเปล่า... ค่าส่ง... แถมยังเสียเวลานั่งเขียนอีก... แต่ทำยังไงถึงจะได้อย่างทั่วถึงโดยรบกวนคุณ Jakrit97 ให้น้อยที่สุดดีครับ... คิดๆๆๆๆ

ผมขอรบกวนคุณ Jakrit97 ทำการบีบอัดไฟล์แยกเป็นส่วนๆละประมาณ 25-50 MB เป็นนามสกุล RAR หรือ ZIP แล้วอัพโหลดไปเก็บไว้ที่

1. http://upload.sanook.com/ (ดีที่สุด เร็วที่สุด โหลดพร้อมกัน 2 ไฟล์ได้)
2. http://www.upchill.com/ (ดีและเร็ว แต่โหลดพร้อมกัน 2 ไฟล์ไม่ได้)
3. http://www.uploadd.com/ (เวบนี้แนะนำว่าให้เก็บไว้เป็นสำรองครับ เวบ 2 อันแรกดีกว่า เร็วกว่าเยอะ)

จากนั้นค่อยนำลิงค์มาโพสต์ให้สมาชิกไปดาวน์โหลดมาเองก็ได้ครับ  :VOV:

ขอบคุณมาล่วงหน้าครับ  ::014::

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะมาอัพเดดอีกครั้งครับ ;D

บวกหนึ่งครับ

ขอบคุณครับพี่จักรกฤษ เดี๋ยวผมจะมาเทียวกดคะเเนนให้ ห้าคะแนนครับ

เข้ามาอัพเดดครับ ....

เวป http://upload.sanook.com ผมลองแล้วครับ เห็นมันนิ่งนาน เลยเปลี่ยนเป็นเวปฝากไฟล์ของคุณวัฒน์ (www.mediafire.com) แทน ... มีส่วนติดต่อผู้ใช้สวยงามดีครับ  ;D

ที่ลิงค์นี้ครับ Jakrit's Shared Folder 'TANK' (http://www.mediafire.com/?sharekey=9d7970f0f6dfa91d4012e8015643d9c8c7b8725afdefbb6f)

ลิงค์ตรง
pdf - [After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.pdf (http://www.mediafire.com/?reyuzymyzwm) - 97.99 MB

rar ไฟล์ที่ ๑ - [After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part1.rar (http://www.mediafire.com/?ztwz0zyi352) - 19.53 MB
rar ไฟล์ที่ ๒ - [After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part2.rar (http://www.mediafire.com/?m5i1fggnye5) - 19.53 MB
rar ไฟล์ที่ ๓ - [After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part3.rar (http://www.mediafire.com/?dgmnnmwojwn) - 19.53 MB
rar ไฟล์ที่ ๔ - [After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part4.rar (http://www.mediafire.com/?mzwwmzwogze) - 19.53 MB
rar ไฟล์ที่ ๕ - [After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part5.rar (http://www.mediafire.com/?tgjgdnnz5ni) - 17.58 MB

WinRAR - WinRAR 3.80 (http://www.rarlab.com/rar/wrar380.exe) - 1.18 MB

ผมลอง http://www.mediafire.com/ มันโหลดไม่ค่อยได้เลยครับ ความเร็วตกจนสุดท้ายหลุดไปเลย  ::012::

ผมว่าลองอัพโหลดไปสำรองไว้ที่ http://www.upchill.com/ หรือ http://www.uploadtoday.com/ ก็ดีครับ ทั้ง 2 เวบนี้มีถ้าโหลดได้ก็เร็วปรื้ด ไฟล์ 100 MB โหลดแค่ 10-15 นาทีเองครับ (2 เวบนี้จำกัดขนาดไฟล์สูงสุดไม่เกิน 100 MB ครับ) แถมมีแถบสถานะบอกด้วยว่าตอนนี้อัพโหลดสำเร็จไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ::002::

แต่ข้อด้อยคือ สำหรับ Upchill เวลาจะดาวน์โหลดถ้า Server มันแจ้งว่ามีคนใช้งาน 100 % ก็เป็นอันว่าดาวน์โหลดไม่ได้ครับ ต้องรอให้แถบลดลงมาจาก 100% ก่อนครับ และเวลาฝากไฟล์ของทั้ง 2 เวบก็ให้แค่  30 วันนับจากที่มีการดาวน์โหลดครั้งสุดท้ายครับ  ::004::

จัดให้ครับ ;D

ไฟล์ที่ UpChill.com ครับ
[After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part1.rar (http://www.upchill.com/download.php?id=8216c99138bf094147331996f7fb8a68)
[After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part2.rar (http://www.upchill.com/download.php?id=dcbde061d4014eda36ef79615cf82fec)
[After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part3.rar (http://www.upchill.com/download.php?id=cfac95305bb61f526c337efc088dae2b)
[After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part4.rar (http://www.upchill.com/download.php?id=0c12562e7bdc6802deb8e35813b09c81)
[After the Battle] - Panzers in Normandy. Then and Now.part5.rar (http://www.upchill.com/download.php?id=e33b6394b01a44d379e65e3f3fd10b21)

นอกจากนี้ ผมยังแอบไปฝากอีกที่ครับ .... เซิร์ฟนี้ไม่มีหมดอายุ (ถ้าเจ้าของเขายังอนุญาตอยู่  :OO) ความเร็วในประเทศไม่น่าเป็นปัญหา ความเร็วต่างประเทศก็ไม่น่าเป็นปัญหาเช่นกัน ..... แต่เซิร์ฟอาจถูกยิงตก (DoS - Denied of Services) ได้เป็นบางครั้งครับ (ใช้แล้วอย่าเอ็ดไปครับ)
ใช้คลิกขวา เลือก "Save Linked As..." ครับ
panzers_in_normandy.part1.rar (http://admission.cuas.or.th/.panzer/panzers_in_normandy.part1.rar)
panzers_in_normandy.part2.rar (http://admission.cuas.or.th/.panzer/panzers_in_normandy.part2.rar)
panzers_in_normandy.part3.rar (http://admission.cuas.or.th/.panzer/panzers_in_normandy.part3.rar)
panzers_in_normandy.part4.rar (http://admission.cuas.or.th/.panzer/panzers_in_normandy.part4.rar)
panzers_in_normandy.part5.rar (http://admission.cuas.or.th/.panzer/panzers_in_normandy.part5.rar)
ลิงค์ชุดบนนี้ ผู้ใดใช้แล้วเกิดปัญหา ช่วยแจ้งด้วยครับ จะได้นำไปปรับปรุงบริการ (เจ้าของเซิร์ฟ) ;D

 ::014::

ขอบคุณครับ โหลดได้ 2 วันแล้วเพิ่งดูได้ครับ เป็นปัญหาไม่มี SOFTWARE WINRAR ครับ ขอบคุณครับ +1 คะแนนให้นะครับ

ขอบคุณครับคุณ  Jakrit97 โหลดจากตัวหลังสุด... เร็วดีครับ... มีปัญหานิดหน่อยตรงไฟล์ที่ ๔ แต่ก็โหลดใหม่ได้ครับ... ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ...

ขอบคุณครับ  ::014::

ไม่น่าเชื่อว่ารถถังคันนี้ T34 ของรัสเซีย จะเป็นรถถังที่ดีที่สุดในโลกจากการจัดอันดับ ของ Discovery channal  นะครับเมื่อเทียบกับรถถังในยุคเดียวกัน WW2 ความสามารถในการรบ ปริมาณที่ผลิต เทคโนโลยี่ ล้ำยุค เทียบกับในยุคสมัยนั้นนะครับ เยอรมันต้อง ผลิต Panther และ Tiger 1,2 เพื่อใช้สู้กับ T34

อาวุธยิว
http://www.militaryphotos.net/forums/showthread.php?t=109837

นาซีเยอรมันพัฒนารถถัง Panther โดยได้แนวคิดส่วนหนึ่งมาจากรถถััง T-34 ของโซเวียตนี่เองครับ :)

โดยได้นำแนวคิดเรื่องการทำให้แผ่นเกราะด้านหน้าและด้านข้างมีความลาดเอียงเพื่อเพิ่มความหนาของเกราะและเพิ่มอัตราการแฉลบของกระสุนปืนใหญ่ให้มากขึ้น และผลิตป้อมปืนจากโลหะชิ้นเดียว รวมทั้งมีการติดตั้งปืนใหญ่รถถังขนาด 75 มม. รุ่นใหม่ KwK 42 L/70 (http://en.wikipedia.org/wiki/KwK_42) แบบลำกล้องยาวทดแทนปืนใหญ่รถถัง KwK 40 L/48 (http://en.wikipedia.org/wiki/7.5_cm_KwK_40) ลำกล้องสั้นแบบเดิม และมีการนำกระสุนเจาะเกราะแบบ APCR (APCR : Armor Piercing Composite Rigid, tungsten core) ซึ่งเป็นกระสุนแบบแกนโลหะทังสเตนมาใช้งานกับปืนใหญ่รุ่นนี้และปืนใหญ่ KwK 36 L/56 (http://en.wikipedia.org/wiki/8.8_cm_KwK_36) ด้วย ซึ่งมีความแม่นยำในสนามรบที่ระยะ 3,000 ม.คือ 25% (ยิง 4 นัดเข้าเป้า 1 นัด) ซึ่งรถถังของฝ่ายสัมพันธมิตรทุกรุ่นยิงไกลให้แม่นยำขนาดนี้ไม่ได้ครับ

รถถัง Panzer Mark IV
(http://img87.imageshack.us/img87/4852/798pxbundesarchivbild18.jpg)

รถถัง Panther
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3a/PantherTankColor.jpg)

คุณ rapin2000 ลองไล่แคร่รถถังเยอรมันสมัย WWII ดูสิครับ ........... ตั้งแต่

38(t) .......... panzer I .......... ถึง VII ........... ถึง maus และ E-100

จะเห็นวิศวกรรมการพัฒนาแคร่รถถังของเยอรมัน WW II ชัดเจน

สุดยอดทั้งนั้นเลยครับ  ไทยน่าจะมีสัมพันธ์กับยิวเพิ่มอีก  เพื่ออาวุธพวกนั้นนะครับ  :D~

ในเกมCompany of hero ถ้าสองเสือTiger+Pantherออกรบเมื่อไหร่ข้าศึกหนาวครับ ::011:: ::011::

ขอบคุณอามะขิ่นมากครับ ผมเพิ่งสังเกตเห็นจริงๆ  ::014::

ผมเคยอ่านเจอว่าเทคโนโลยีของแคร่รถถังเยอรมันรุ่นหลังๆพัฒนามาจากระบบแคร่ล้อของรถไฟครับ เพราะเป็นแคร่ชนิดเดียวที่สามารถรองรับน้ำหนักมโหฬารของรถถังหนักรุ่นหลังๆได้มากกว่าแคร่แบบอื่น และมีความทนทานมากกว่าด้วย โดยเฉพาะพวกรถถังตระกูล Tiger กับตระกูล Pantherจะใช้แคร่ระบบนี้หมด (เรื่องเทคโนโลยียานยนต์ต้องยกให้เยอรมันจริงๆครับ  ::002:: )

ส่วนเรื่องการวางล้อผมไม่แน่ใจว่าทำไมของรถถัง Tiger รถถัง Panther แล้วก็พวก E-100 ถึงได้วางระบบล้อแบบสลับฟันปลาอย่างนั้น แต่คิดว่าน่าจะเพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับน้ำหนักของตัวรถและเพิ่มความราบเรียบขณะเคลื่อนที่มากกว่าครับ

ป.ล. ผมว่าถ้ารถถัง E-100 พัฒนาสำเร็จก็คงนำมาใช้งานได้ไม่ดีเท่าไหร่หรอกครับ เพราะน้ำหนักมากถึง 140 ตันแบบนี้คงวิ่งอุ้ยอ้ายน่าดู ดีไม่ดีเจอรถถังฝ่ายสัมพันธมิตรขับสวนแล้ววิ่งอ้อมมายิงข้างหลังหรือเจอเรียกเครื่องบิน P-47 มาทิ้งระเบิดใส่อีกต่างหากครับ  :-\

ในเกม CoH ผมไม่ค่อยกลัวรถถัง Tiger นะครับ เพราะเจอผมเอาทหารราบสัก 3 หมู่ช่วยกันโยนระเบิด Sticky Bomb ให้หน่วย US Airborne สัก 3-4 หมู่ช่วยกันรุมยิงด้วย ปรส. M18 57 มม. หรือให้หน่วย Ranger วิ่งอ้อมไปข้างหลังแล้วยังอัดเข้าไป แค่นี้รถถัง Tiger ก็เหลือแต่ซากแล้วครับ

แต่ผมว่าที่น่ากลัวที่สุดคือ รถถัง King Tiger+รถถัง Jadgepanther แล้วก็มีรถ ปตอ. อัตตาจร Wirbelwind หรือรถ ปตอ. อัตตาจร Ostwind ตามมา 2 คันช่วยยิงเก็บคนหรือเครื่องบินแบบนี้ ฐานไหนให้ระดับ Expert ยังต้านไม่อยู่เลยครับ ผมเคยเจอมาแล้ว นรกแตกจริงๆ   ::012:: ::012:: ::012:: (แล้วก็เคยร่วมกับเพื่อนใช้ชุดรถแบบนี้ลุยศัตรูระดับ Expert 3 ฐานแตกไม่เป็นท่าเลยเหมือนกันครับ  ::002:: ::002:: ::002:: )

รถถัง King Tiger (Tiger II)
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/b/b8/Tiger-II-La_Gleize.jpg)

รถถัง Jadgepanther
(http://img90.imageshack.us/img90/6083/jagdpantheriwm.jpg)

รถ ปตอ. อัตตาจร Wirbelwind ติดตั้ง ปตอ. Flakvierling 38 ขนาด 20 มม. 4 กระบอก
(http://img27.imageshack.us/img27/3454/wilberwindcfbborden2.jpg)

รถ ปตอ. อัตตาจร Ostwind ติดตั้ง ปตอ. FlaK 43 ขนาด 37 มม. 1 กระบอก
(http://vm.aganet.pl/images/photoalbum/album_7/ostwind.jpg)

kingTigerก็น่ากลัวครับแต่มันอืดไปหน่อย แต่ถ้าเป็นของคอมในด่านสุดท้าย(แคมแปนอังกฤษ)น่ากลัวมาก ยิงนัดเดียวรถถังเรากระจุยแถมอึดมาก
ส่วนJadgepantherนี่น่าจะสมดุลกว่าทั้งอึดและความเร็วพอได้

ขอไร้สาระนิดนึงครับ
พี่ๆว่า ถ้า Leopard2A6 สู้กับ M1A1 Abram ใครจะชนะครับ...

ก็ด่านสุดท้ายรถถัง King Tiger มันคือ Boss ของฝ่าย SS Panzer เขานี่ครับ วิธีปราบที่ง่ายที่สุดคือเอาเรียกรถปืนใหญ่อัตตาจร M7 Priest มา 3 คันแล้วสั่งยิงถล่มปูพรมเข้าไปเรื่อยๆ พอมันทำท่าจะออกมาจากเมืองก็ให้พวก AT Gun 17 ปอนด์ใช้กระสุนเจาะเกราะยิงยันเข้าไว้เดี๋ยวมันก็ตายเองครับ เมื่อก่อนผมก็มัวแต่เล่นสายยานเกราะเจอสวนมาทีแทบพัง  ::003::

แต่ผมว่าถ้ามาเจอกับพลร่มฝูงนี้ก็ไม่แน่นะครับ อาจจะยุ่ยตั้งแต่ต้นเกมเลยถ้าในเกมยอมให้ฝ่าย US เข้ามาแจมได้ 11 หมู่ก็ปรส. M18 ขนาด 57 มม.ตั้ง 22 กระบอก แถมมีระเบิด TNT ขว้างอีก งานนี้รอดได้ก็เก่งแล้ว  ::008::
(http://img89.imageshack.us/img89/7087/relic00000resize.jpg)

สงสัยเหมือนกันครับท่านผู้รู้ตอบด้วยครับ

ผมว่าเดายากครับก็พอๆกันแล้วแต่ฝีมือพลประจำรถ แต่ในสมรภูมิรบที่ส่งกำลังบำรุงได้ยากผมว่าลีโอเหนือกว่าเอ็ม๑

ถ้าสู้กันในทะเลทราย เอ็ม1กินขาด
สู้กันในเมืองแบบสงครามกลางเมือง ที่คับแคบ
 Leopard2A6  คล่องตัวกว่า โอกาสชนะพอมี

คนที่จับเป้า ยิงอีกข้างถูกก่อนครับ

m1  ใช้เครื่องยนแก๊สเทอร์ไบน์กินน้ำมัน 6 gallon/mile leopard 2 a6 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1500 แรงม้า เท่า m1 แต่ระยะทำการไกลกว่า เกราะดีกว่า m1 ปืนใหญ่รุ่นใหม่ ความเร็วต้นสูงกว่ายิงได้ไกลกว่า m1 ครับ ระบบบรรจุกระสุน m1 ใช้ พลบรรจุ leopard บรรจุอัตโนมัติ ทำให้m1 มีขนาดใหญ่กว่าเป็นเป้าใหญ่กว่า leopard ครับ
http://www.army-technology.com/projects/abrams/
http://www.army-technology.com/projects/leopard/

แถมราคาถูกกว่ามากอีกด้วยหรือเปล่าครับ???...

เชียร์ leopard2 A6 ครับมันแบนๆๆดีเหมือนแมงสาป

ผมอีก ๑ เสียงครับ

ไม่รู้เอามาลงยังครับ T28 Heavy Tank ของไอ้กันยุคWWII
ปืนใหญ่105mm หนัก84ตัน
ความเร็วสูงสุด13กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระยะทำการ161กิโลเมตร

http://www.youtube.com/watch?v=CAKeIbSMzSw&NR=1
วิ่งกระดกเงยๆจะไปรอดไหมเดนี่ย

เห็นด้วยกับท่านวิลเฮล์มครับ...

ผู้ที่มีข้อมูลมากที่กว่ามีโอกาสชนะสูงกว่าครับ...:D

ไม่แน่ครับเกราะ M1 ใช้ DU ซึ่งขึ้นชื่อว่าเหนียวสุดๆ ขนาด กระสุน DU ยิงจาก m1 ยังกินไม่ลงเลยครับ

As a result of tactical requirements Rheinmetall Waffe Munition GmbH developed the improved kinetic energy ammunition known as LKE 2 DM53. With the DM53 round the L55 gun can fire to a range of 5,000m. The effect of the kinetic energy projectile on an enemy target is achieved by 1) the penetrator length and projectile mass and the impact velocity and 2) the interaction between the projectile and the target.
"The Leopard 2 is equipped with a land navigation system."

The penetrator material is heavy tungsten powder in a monoblock structure. The improved kinetic energy ammunition has higher muzzle energy and recoil forces. Especially when using the new DM 53 KE round, the L55 enables an approx. 30% increase in performance compared with conventional systems. For example a muzzle velocity can be achieved in excess of 1,750m/s.

ส่วนของเสือดาวเยอรมันใช้ The penetrator material is heavy tungsten  ไม่แน่ว่าจะหยุดเกราะ M1 ได้หรือเปล่า

เอาโฆษณาไปดูครับ http://www.youtube.com/watch?v=Zl6uaq7DTdg (http://www.youtube.com/watch?v=Zl6uaq7DTdg)

ฮาๆๆการแข่งรถสูตรหนึ่งยังอายเลยครับเข้าpit4วิทำไปได้โม้จริงๆ

ผมว่ารถถังแบบนี้เอาไปลงสนามรบ ถ้าลุยเดี่ยวหรือยู่กลางวงล้อมเมื่อไหร่เจอข้าศึกรุมยิงด้วยคจตถ. M72 หรือ RPG จนพังแน่ครับ เพราะกว่าจะหันปืนกลับมายิงได้ก็เสียเวลาไปมากแล้ว ยิ่งเดี๋ยวนี้มีกระสุน Sabot แบบ DU เข้าไปด้วย คงเจอยิงอัดข้างกับยิงถล่มด้านบนแล้วก็ด้านหลังจนพังแน่ครับ

รถถังแบบนี้นาซีเยอรมันก็เปิดสายการผลิตมาแล้ว โดยจัดเป็นรถถังตระกูล Tank Destroyer โดยมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า Jadge รุ่นต่างๆเช่น Jadgepanther, Jadgetiger , etc. พวกนี้ โดยจุดประสงค์หลักคือเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันต่อความต้องการใช้รถถังในแนวรบที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องการผลิตรถถังที่ใช้ป้อมปืนหมุนได้มันใช้เวลานานและมีต้นทุนสูง โดยจะเน้นไปที่การเสริมเกราะด้านหน้าและด้านข้างให้หนา และติดตั้งปืนใหญ่รถถังขนาดใหญ่ตั้งแต่ 75 มม.ขึ้นไป หรือบางรุ่นก็ติดตั้งปืนใหญ่ Howitzer ขนาด 105 มม.เข้าไปแทน เช่น รถถัง StuH 42 ครับ

หน้าที่หลักส่วนใหญ่ก็จะเป็นการวิ่งตามหลังพวกทหารราบหรือรถถังหลักด้วยกัน แล้วทำการยิงสนับสนุนข้ามหัวจากระยะไกลเพื่อทำลายทำลายข้าศึก แต่มีข้อเสียคือเมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องดวลกันตัวต่อตัว รถถังพวกนี้มักจะเสร็จรถถังฝ่ายสัมพันธมิตรเสมอเพราะหันป้อมปืนมายิงสู้ไม่ทันนี่ละครับ บางรุ่นถึงขนาดปืนกลประจำรถยังไม่มีให้เลย ::012::

หลักนิยมการใช้ยานเกราะ ............ จำนวนต้องไม่ต่ำกว่า 2 ครับ และต้องคู่กับทหารราบเดินเท้าหรือ ทหารราบยานยนต์ ...................

หลักนิยมการใช้ Tank Destroyer  .......... สำหรับเพิ่มอำนาจการยิง ในการสนับสนุนทหารราบและยานเกราะ ............ในการเข้าตีและตั้งรับ ระยะไกล โดยเฉพาะการซุ่มยิงทำลายยานพาหนะข้าศึก และเปลี่ยนที่ตั้งยิงอย่างรวดเร็ว..........จะหลีกเลียงการใช้Tank Destroyer ในการปะทะตรงๆแบบรถถัง............หลังช่วงสงครามเกาหลี การใช้ Tank Destroyer  เริ่มล้าสมัยและเลิกใช้เพราะ รถถังด้วยกันสามารถทำหน้าที่นี้ได้ และต่อมาเป็นหน้าที่ของ ฮ.โจมตีและ อากาศยานโจมตีระดับต่ำ ........

Tank Destroyer ของเยอรมันในช่วง WW II .............. แนวความคิดเกิดจาก ของเหลือใช้

เริ่มต้นจาก Panzer I .......... ที่เป็นรถถังเบาติดปืนกล7.92 mm MG13 machine guns 2 กระบอก ........... และเป็น Tank Destroyer โดยติดปืน 47 มม. บนแคร่รถ Panzer Iเป็น Panzerj&auml;ger I ............. และนำปืน 105 มม. มาติดตั้งเป็นปืนอัตาจรใน Bison .......

ต่อมาการพัฒนารถถังเป็นรุ่น Panzer II ติดปืน 20มม.(2 cm KwK 30 L/55 cannon)................ แคร่รถรุ่น Panzer I ก็ยังคงเอามาทำ Tank Destroyer และ รถปืนอัตาจร..............

พอพัฒนาเป็น Pazer III ติดปืนตั้งแต่ 37  มม. 50 มม.  และเป็น 75 มม. ความเร็วต้นปานกลางในรุ่น N ..................เอาแคร่รถ Panzer II มาติดปืน 75 มม.( 7.5 cm PaK 40)..............มาติดปืนHowizer 105 ทำเป็นรถอัตาจร Wape .................. รวมทั้งเอาแคร่รถรุ่น 38(t) ที่เอามาจากสโกด้าของเช็คฯ มาใส่ปืน 76.2 มม. ของโซเวียตที่ยึดได้มาติดตั้ง รวมทั้งเอาแคร่รุ่นสองมาติดปืน 75 มม. Hetzer เป็น Tank Destroyer ...........

เมื่อพัฒนาเป็น Pazer IV ติดปืน 75 มม.KwK 40 L/48  ............... ก็เอาแคร่ panzer III มาติดปืน 75 มม. KwK 40 L/48 รุ่นเดียวกับ IV เป็น Tank Destroyer รุ่นStug III ..................เอาปืน Howizer 105 มม.(10.5 cm leFH 18 howitzer)ใส่ใน Stug III เป็นรถอัตาจร รุ่น StuH 42

เมื่อพัฒนาต่อเป็น Panther รุ่น Panzer V ติดปืน 75 มม. 7.5 cm KwK 42 L/70ความเร็วต้นสูง .................ก็เอาแค่ Panzer IV ที่เหลือ มาทำเป็น Tank Destroyer  เป็นแบบปิด ติดปืน 7.5 cm KwK 42 L/70รุ่นเดียวกับ panther เป็นรุ่น Stug IV ...........ติดปืน 88 มม. PaK 43/1แบบหลังคาเปิดในรุ่น  Nashorn............. เอาHowizer 105 มาทำเป็นรถปืนใหญ่อัตาจรหลังคาเปิด ในรุ่น Hummell ...........เอามติดปืน 150 มม. เป็นรถปืนใหญ่อัตาตรสนับสนุนทหารราบ   Brummb&auml;r...............รวมทั้งเอาชุดปตอ. 20 มม. 4 กระบอก มาติดตั้งแบบป้อมดอกบัวเป็นรถปตอ.อัตาจร Wirbelwind ..........

เมือ่การพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเป็น รถถังหนัก Panzer VI หรือที่รู้จักกันในชื่อ Tiger I ติดปืน 8.8_cm_KwK_36  ที่เลื่องลือ ..............แคร่รถของ Panzer V หรือ Panther ก็ถูกนำมาทำเป็นTank Destroyer  ในรุ่นJadgepanther ติดปืน 88 มม. (8.8 cm Pak 43/3 or 43/4 L/71) .............

และเมื่อผลิตรถถัง King Tiger หรือ Tiger II หรือ Panzerr VII ติดปืน8.8 cm KwK 43 L/71ความเร็วต้นสูงที่ปลอกกระสุนใหญ่ขึ้นมาอีก.............. Tank Destroyer ช่วงนี้ ไม่ใช้แคร่รถของ Tiger I ตัว Henschel ..............แต่ใช้แคร่ Tiger I ของตัว  Porscheซึ่งตกสเป็คตอนประกวดแคร่รถแข่งกับ  Henschel ตอนที่ผลิต Tiger I เอามาใส่ปืน 8.8 cm PaK 43/2 L/71ของ King Tiger แบบป้อมปิด ในรุ่น Elefant ..........และเอาแคร่ King Tiger มาใส่ปืน 12.8 cm PaK 44 L/55แบบป้อมปิดเช่นกันในรุ่น Jadgetiger ...............

การพัฒนารถถังของเยอรมัน ถึงขั้นที่ฮิตเลอร์บ้าสุดขีด ............ คือการออกแบบและสร้างรถถังที่หนักและใหญ่ที่สุดในโลกคือ Maus หรือ Panzer VIII หนัก 180 ตัน เฉพาะป้อมหนัก 50 ตัน ติดปืนใหญ่หลัก 128 mm KwK44 L/55 ปืนใหญ่รอง 75 mm KwK 44 L/36.5 ..........ความเร็ว 13 กม./ชม.


คร่าวๆครับ............เหนื่อยแล้ว ::005::

ขนาดคร่าวๆ ::005:: ขอบพระคุณครับพี่ ::014::

Landkreuzer P1000สัตว์ประหลาดที่ออกแบบเมื่อ1942โดยKrupp แต่ถูกยกเลิกเมื่อ1943โดยAlbert Speer
-ปืนใหญ่ขนาด280มิลสองกระบอก
-ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด20มิลแปดกระบอก
-ปืนกลขนาด15มิลสี่กระบอก
เกราะด้านหน้าหนา360มิลหนักหนึ่งพันตัน แปดเครื่องยนต์ให้แรงม้า17,000แรงม้า

(http://img519.imageshack.us/img519/65/ratte800.jpg) (http://imageshack.us)
(http://img519.imageshack.us/img519/ratte800.jpg/1/w800.png) (http://g.imageshack.us/img519/ratte800.jpg/1/)

ขอขอบคุณท่านอามะขิ่นมากครับ  ::014::

ผมว่าจริงๆฝ่ายนาซีเยอรมัน เรื่องเทคโนโลยีรถถังกับอาวุธก็ดีกว่าใครทั้งหมดแล้วในยุคนั้น เสียแต่ว่าชอบเอาทรัพยากรที่ตัวเองมีจำกัดไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น ทดลองผลิตรถถังหนักแบบ Super Heavy Tank อย่าง Maus (Panzer VIII) แบบนี้ ซึ่งผมว่าผลิตออกมาก็คงไม่ได้ใช้งานได้สักเท่าไหร่หรอกครับ คาดว่าพอออกมาก็น่าจะโดนฝ่ายสัมพันธมิตรใช้ยุทธวิธีให้เครื่องบิน P-47 ยิงด้วยจรวด High Velocity Aerial Rockets (HVARs) ขนาด 5 นิ้ว (127 มม.) แล้วก็ทิ้งระเบิดขนาด 2,500 ปอนด์ซ้ำอย่างแน่นอน  ::012::

ป.ล. เรียนอามะขิ่นครับ คำว่า "อัตตาจร" ที่ถูกต้องนั้นเขียนแบบนี้ครับ เพราะสมาสมาจากคำว่า "อตฺต+จร" ครับ  :)

หน้าตาของจรวดไม่นำวิถี High Velocity Aerial Rockets (HVARs) ขนาด 5 นิ้วหรือ 127 มม.ครับ
(http://www.catalystwwiifacts.com/images/web5in_rocket.jpg)

เป็นป้อมปราการเคลื่อนที่เลยนะครับ  :D

ขอบคุณครับ ...........  :D

ใหญ่ๆ  แบบนี้มันจะวิ่งได้เร็วใหมเนี่ย

บริโภคกี่ กิโลลิตร ครับเนี่ย แล้วถ้าออกรบจริง ๆ เผลอ ๆ ประเทศที่ใช้อาจต้องยอมแพ้ เพราะไม่สามารถหาน้ำมัน(ทรัพย์ยากรอันมีคุณค่ายิ่งในการทำสงคราม) ได้เพียงพอที่จะทำสงครามต่อ ;D

มีไว้เพื่อข่มข้าศึกไม่ให้เข้าใกล้รัศมีของมันมากกว่าครับ

นี่ขนาดคราวๆนะเนี่ย + 1 ครับผู้การ มะขิ่น
วิศวกรเยอรมัน ใช้ของคุ้มจริงๆเลยนะครับ นี่ถ้าไม่เปิดศึก ด้านตะวันออก คงไม่เละเทะอย่างนี้

ถ้าตอนต้นสงครามรถถัง Landkreuzer P 1000 หรือชื่อเล่นว่า Ratte อาจจะมีผลด้านจิตวิทยาต่อข้าศึกบ้างครับน้าซับฯ เหมือนกรณีรถถัง Tiger ที่พอได้ยินเสียงปุ๊บ ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรจะมีอาการขวัญผวา รบแทบไม่ออกทันที แต่สุดท้ายพอมีเริ่มมีบางหน่วยสามารถทำลายรถถัง Tiger ได้ ขวัญกำลังใจและความฮึกเหิมมันก็กลับมาเองทันทีครับ 

ผมเองมีความเห็นว่ารถถัง Landkreuzer P 1000 นี้ ถ้านำมาออกรบจริงๆก็จะมีชะตากรรมไม่ต่างกับพวกเรือรบขนาดใหญ่อย่างเรือรบ Bismarck ของเยอรมันหรือเรือรบ Yamamoto ของญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ ที่แพ้ภัยตัวเองเพราะความใหญ่โตจนเป็นเป้าสะดุดตานี่เองแล้วสุดท้ายก็โดนรุมยิงจนอับปางหมดทั้ง 2 ลำ  ::004::

แล้วยิ่งช่วงหลัง ฝ่ายสัมพันธมิตรเปลี่ยนกลยุทธ์เน้นการโจมตีทางอากาศด้วยการนำจรวด HVAR ขนาด 127 มม. (5 นิ้ว) มาใช้ในการโจมตีรถถังและยานเกราะด้วย  ผมว่างานนี้มีสิทธิ์โดนเครื่องบิน P-47 รุมยิงด้วยจรวดขนาด 5 นิ้ว แล้วถล่มซ้ำด้วยระเบิด 2,500 ปอนด์จนพังเป็นเศษเหล็กแน่นอนครับ สรุปว่ารถถังกับเรือรบยังไงก็แพ้ทางเครื่องบินอยู่ดีครับ  ::012::

ภาพเปรียบเทียบขนาดของรถถัง  Landkreuzer P 1000 กับรถถัง Panzer VIII Maus และรถถัง Panzer IV Tiger I ครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6c/P1000.png)

เจ้ายักษ์ นี่ ถ้าสร้างจะต้องเป็นเป้าของเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรแน่นอนครับ

ได้ข่าวว่า ทร.ได้ลงนามซื้อยานเกราะใหม่ ไม่ทราบว่าได้รุ่นไหนและจำนวนเท่าไหร่ครับ

ขออนุญาตแก้ไขชื่อเรือครับ... น่าจะเป็นยามาโต้ (YAMATO) มากกว่านะครับ...

นี่เรือยามาโต้...

(http://www.bismarck-class.dk/miscellaneous/illustrations_and_drawings/steve_nuttall/pictures/yamato/illustr_yamato_01.jpg)

(http://www.bismarck-class.dk/miscellaneous/illustrations_and_drawings/steve_nuttall/pictures/yamato/illustr_yamato_04.jpg)



ส่วนนี่... บิสมาร์ค... เรือที่ไม่มีวันจม... แต่ก็จมครับ...

(http://www.navweaps.com/index_inro/GERbb08_Bismarck-LDclr.jpg)

สร้างใหญ่ไปไม่คุ้มทั้งนั้น

ผมว่ารถถังใหญ่เกิน เสียประสิทธิภาพมากกว่าเรือประจัญบานใหญ่มาก

เพราะความใหญ่มากขึ้นของรถถัง จะเพิ่มปัญหาเรื่อง การเคลื่อนที่ และการอำพราง มากกว่าเรือ

เรือยิ่งใหญ่ จะเพิ่มศักยภาพ "ในรูปแบบของเรือประจัญบาน" ได้ดีขึ้น แต่สำหรับรถถัง ถ้าใหญ่เกินกว่าเคลื่อนที่ได้ในภูมิประเทศส่วนมาก และเสียประสิทธิภาพในการซ่อนพราง เสียศักยภาพ "ในรูปแบบของรถถัง" มาก

กว่าจะจมเรือประจัญบานใหญ่มากกว่า ได้สักลำต้องใช้เรือเล็กกว่ารุมหลายลำ อย่างกรณี กราฟ ชเป และบิสมาร์ค

แต่ถ้าเรือไม่มีการคุ้มกันทางอากาศ ก็เสียท่ากำลังทางอากาศทั้งนั้นไม่ว่าเรือจะขนาดไหน เช่นกรณี  รีพัลพ์ /ปรินซ์ ออฟ เวลส์ /ยามาโต้ เป็นข้อเสียอย่างแรง้พราะในสงครามโลกครั้งที่สองเครื่องบินมีศักยภาพมากขึ้น ถ้าไม่มีการคุ้มกัน ออกไปไหนเดี่ยวๆ ตายลูกเดียว บิสมาร์กโดนจมทำให้เยอรมันไม่กล้าส่ง Tirpitz เรือชั้นเดียวกันออกไปอาละวาดในทะเลเปิดเลย

ส่วนมากที่เรือประจัญบานใหญ่ๆ จม เกิดเพราะการให้ความสำคัญในการโจมตีของข้าศึก บางครั้งระดมเรือเป็นสิบๆ ลำ หรือเครื่องบินเป็นร้อยๆ ลำล่าเรือประจัญบาน/ลาดตระเวนใหญ่ๆ ลำเดียว จึงอาจจะดึงกำลังของข้าศึกมากกว่าเอาทรัพยากรไปสร้างเรือเล็กกว่า 2-3 ลำ

ไหน ๆ ก็ออกจากทุ่งหญ้ามาลงทะเลกันแล้วสอบถามต่อเพื่อประดับความรู้สักนิดครับ ว่าเรื่อประจัญบานในปัจจุบันยังมีอยู่หรือไม่ครับ และถ้ามีระหว่างเรือประจันบานกับเรือบรรทุกเครื่องบิน อย่างใดมีความสำคัญมากกกว่ากัน :)

ยังมีอยู่ครับ อาวุธมีหลายหลายกว่าเมื่อก่อนมาก และเน่องจากเรือเล็กกว่าสมัยนี้ใช้มิสซายต่างๆ ได้ เรือประจัญบานจึงไม่มีลักษณะเด่นอย่่างสมัยก่อน ที่เป็นเรือ "ปืนโต" ที่สุด

สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เรือประจัญบานมีบทบาทมากในแอตแลนติก เพราะอังกฤษไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินมาก เครื่องบินครอบคลุมการยุทธทางทะเลที่ห่างจากฝั่งไม่ได้มากอย่างเมกาในแปซิฟิก ในแปซิฟิกเรือประจัญบานไม่ได้ประจัญบานกับเรือปืนโตด้วยกันเพราะการรบระหว่างกองเรือใช้เครื่องบินกันเป็นหลัก เรือปืนโตเอาไว้ยิงสนับสนุนการรบบนเกาะมากกว่า

ญี่ปุ่นทุ่มทรัพยากรไปสร้างเรือปืนโตมากเพราะยังติดมาจากสมัยรบที่ ซูชิม่า สงคราม ญี่ปุ่น-รัสเซีย 1904-1905 ซึ่งญี่ปุ่นชนะรัสเซียจากการยุทธวิธีทางเรือ ดวลปืนโต

สมัยนี้ ส่วนตัวผมว่าเรือบรรทุกสำคัญกว่ามากครับ อิ อิ

บิสมาร์คผมเคยดูสารคดีไอ้เจ้านี้มันแสบ อังกฤษต้องใช้เรือรบออกล่าถึง20ลำรุมอยู่นาน
พอดีบิสมาร์คเสียท่าเจอตอปิโดเข้าหางเสือจึงวิ่งได้แค่เป็นวงกลม แต่ก็ยังไม่หมดฤษธิ์สามารถยิงต่อสู้เรืออังกฤษต่อได้
เนื่องจากระยะยิงที่ใกลกว่า กว่าจะจมหืดขึ้นคอ

ถ้าเยอรมันนี มี บิสมาร์ค ซัก 10 ลำ อังกฤษคงจะหืดขึ้นคอ ยิ่งถ้าใช้วิธีการตีแล้วหนีไปซ่อน อังกฤษคงจะเสียหายอีกมากแน่ๆ

ผมว่าเยอร์มันแพ้สงครามโดยที่ลำที่ 10 ยังไม่ทันได้วางกระดูกงูซะด้วยซ้ำ

ผมว่าถ้าเอาทุนสร้างเรือประจัญบานมาทำเรือบรรทุกเครื่องบินและเรืออู อังกฤษคงโดนปิดล้อมสำเร็จไปแล้ว เรืออูที่ไม่ต้องโผล่ขึ้นมากว่าจะเข้าประจำการก็ปลายสงครามมากแล้วครับ

อิ อิ ดูจากหนังเรื่อง อู 571 โดนระเบิดน้ำลึกซะขวัญผวาเลย

ขอบคุณครับ  ผมมองทีแรก กะว่าตัวนี้ เอาไว้ใช้ในจุดที่เอาชนะข้าศึกยาก ไม่ได้เอาไว้ใช้แบบหลายๆจุด

เออ ไม่ทราบว่าเรือ เมื่อก่อนราคาแพงมากหรือครับถ้าเทียบกับตอนนี้ ถึงสร้างเยอะไม่ได้

อยู่ที่นโยบายการระดมทรัพยากรละครับว่าใครจะสร้างอะไรเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับปัจุบัน จำนวน อาวุธสมัยนั้นมากกว่าสมัยนี้มากๆ ครับเพราะความยากในการสร้าง ราคาต่อชิ้นน้อยกว่า เช่นเครื่องบิน เห็นชัดมาก ทหารที่สามารถฝึกให้ใช้ได้ก็มีจำนวนมากกว่า สมัยสงครามโลกครั้งทีสอง เครื่องบินรุ่นที่ใช้มากๆ ผลิตกันออกมารุ่นละหลายหมื่นลำ

ในสงครามโลกครั้งทีสอง ปริมาณทรัพยากรที่นำมารบกันและเสียหายสูงน่าสยองมากครับ เช่น

1. ระวางขับน้ำรวมเรือสินค้าที่โดนข้าศึกจมของชาติสัมพันธมิตรคือ อังกฤษ 11.357 เมกา 3.334 อื่นๆ 6.503 หน่วยเป็น "ล้านตัน" ครับ

2. จำนวนเรือดำน้ำที่โดนทำลายของ เยอรมัน 781 อิตาลี 85 ญี่ปุ่น 130

นอกจากนี้ต้องเทียบจำนวนประชากร ศักยภาพทางอุตสาหกรรมสมัยนั้น ฯลฯ เทียบด้วยครับ

นอกจากการสร้างแล้ว  ผู้ใช้ ผู้ควบคุม อย่างเรือระดับบิสมาร์คนี่ คนที่เหมาะที่จะเป็นกัปตัน คือความสามารถถึง
มีกี่คน เอาคนความสารถไม่ถึงมาคุม เห็นจะเสียของเปล่า แถมเสียเรือไปไม่พอ ยังจะทำให้คนยังเหลือเสียขวัญไปอีก

ดังนั้น ถ้าจะสร้าง ใครจะดูแล
ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมัน มีศักยภาพทางเทคโนโลยีสูงมากครับ

ครับพี่ ปีทีแล้วผมอ่านเรื่อง Iron Coffins: A Personal Account of the German U-Boat Battles of World War II  ของ Herbert A. Werner ผู้การเรือดำน้ำเยอรมัน ที่เขาอยากได้มากๆ คือเรือที่มี ชนอกเกิลท่อไอเสีย/อากาศ เครื่องดีเซล ทีช่วยให้เรือวิ่งอัดแบตใต้น้ำได้โดยไม่ต้องโผล่ขึ้นเหนือน้ำโดนเรดาห์จับ

จากเรื่องนี้ หลายครั้งที่เรือโดนตรวจจับได้ โดนบอร์มระเบิดน้ำลึกข้ามวันข้ามคืนหลายร้อยลูก ลำไหนบอร์จนระเบิดหมดแล้วก็ไป ข้างล่างได้ยินเสียงใบจักรเรือแล่นไป แล้วก็มีลำใหม่เข้ามาประจำตำแหน่งบอร์มแทน บางทีเรือเอียงจมโคลน ลูกเรือต้องปีนขึ้นไปถ่วงน้ำหนักที่ปลายอีกข้าง ฯลฯ อากาศก็เน่า ทั้งน้ำมัน คาร์บอนมากเกิน ของเสียที่ยังทิ้งไม่ได้ ต้องใช้ความทรหดสูงมาก

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันถือได้ว่าเป็นชาติที่มีเทคโนโลยีทางทหารดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้เช่นกันครับน้าซัีบฯ  ::002::

จริงๆแล้วอาวุธในสมัยนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นมรดกทางความคิดที่ถ่ายทอดมาจากเทคโนโลยีของนาซีเยอรมันนี่เอง เช่น เครื่องบินไอพ่นสมัยใหม่ที่ได้พัฒนามาจากเครื่องบินไอพ่น Messerschmitt Me 262 จรวดขีปนาวุธก็ได้มาจากเทคโนโลยีของจรวด V1 และ V2 รถถังหลายรุ่นก็พัฒนามาจากแนวคิดของรถถัง Panther แล้วก็ปืนไรเฟิลจู่โจมยุคใหม่อย่างปืน AK-47 ที่ได้แนวคิดมาจากปืน StG44 หรือ MP44 

ผมว่าถ้าเยอรมันไม่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์คับแคบแบบอดอร์ฟ ฮิตเลอร์มาปกครอง บางทีตอนนี้เยอรมันอาจจะชนะสงครามและได้ครองโลกสมใจไปเรียบร้อยแล้วครับ   

ญี่ปุ่นทุ่มทรัพยากรไปสร้างเรือปืนโตมากเพราะยังติดมาจากสมัยรบที่ ซูชิม่า สงคราม ญี่ปุ่น-รัสเซีย 1904-1905 ซึ่งญี่ปุ่นชนะรัสเซียจากการยุทธวิธีทางเรือ ดวลปืนโต

สมัยนี้ ส่วนตัวผมว่าเรือบรรทุกสำคัญกว่ามากครับ อิ อิ  
สงครามนี้คล้ายๆ เวลาเล่นเกมส์ war craft หรือ red alert ที่แข่งกันปั๊ม unit ออกมาสู้กัน อเมริกา มีทรัพยากร และกำลังผลิตอุตสาหกรรมสูงกว่า ญี่ปุ่นและเยอรมันหลายเท่าครับ ญี่ปุ่นมีแค่ ยามาโต้และมุซาชิ แต่อเมริกาผลิตเรือชั้นนิวเจอร์ซี 4 ลำ ติดปืน16 นิ้ว 9 กระบอก ในระหว่างสงคราม เรือบรรทุกเครื่องบินนับสิบ เรือพิฆาตนับไม่ถ้วน ที่สำคัญอเมริกา สร้างเทคโนโลยีหัวกระสุนเฉียดระเบิด โดยใช้หลอดสูญญากาศเป็น sensor มาใช้กับปตอ. 5 นิ้ว และ 40 มม. ปตอ 40 มม. นี่แสบมาก อย่างบนเรือบรรทุก บ. นี่แท่นปืน 40 มม. 1 แท่น มี 4 กระบอก อัตรายิงรวมประมาณ 400-600 นัด/ นาที1 วินาที ยิงได้เกือบ 10 นัด กระสุน40 mm รัศมีฉกรร คือ 5 เมตร x พาย แล้วยกกำลังสอง เท่ากับ 1 นัดคลุมพื้นที่ประมาณ 80 ตารางเมตร 10 นัดก็ 800 ตารางเมตรภายใน 1 วินาที (แต่อาจจะยิงหลายวินาทีก็ได้ลำหนึ่งมีกว่า 10แท่น)แปลว่า ยิงเครื่อง ซีโร่ kate ร่วงได้บางส่วนตั้งแต่5-6 km. ส่วนระยะ 1-2 km. เครืองบินญี่ปุ่นน่าจะร่วง100Z%หมดสิทธิ์เข้าใกล้เรือบรรทุกบ.หรือ เรือประจันบาญอเมริกันครับแล้วครับ แม้แต่กามิกาเซ่ส่วนใหญ่กลายเป็นตามเปล่าตกทะเลแทนที่จะพลีชีพพร้อมเรือข้าศึกครับ

แล้วลำนี้พบจุดจบอย่างไรครับ
Scharnhorst

จุดจบครับ  ที่มา wiki pedia ครับ

   Scharnhorst often sailed into battle accompanied by her sister-ship, Gneisenau. She was sunk after being engaged by Allied forces at the Battle of North Cape in December 1943.

 รายละเอียด ถามท่านผู้เชี่ยวชาญ  ww2  มาตอบครับ

โอว..
พี่ท่าน ข้อมูลแน่นจริงๆครับ ขอบคุณครับ ติดสินบนให้ด้วย 1 แต้มครับ ชอบๆๆๆ
ต่อเลยครับ

สวัสดีครับคุณนาร์ หายไปนานเลยนะครับ ขอ + 1

ไหน ๆ ก็หลวมตัวกันมาทั้งคู่แล้ว  กระทู้เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำมัยปล่อยให้เงียบไปละครับ พี่nar และพี่Wil เรารึอุตส่าตามอ่าน อยู่ดี ๆ ก็ปล่อยให้ตกไปซะงั้น ::001::

ไม่ว่าเรือรบจะเยอะหรือใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าเครื่องบินจะล้ำยุคและครองน่านฟ้าได้ก็ตาม...สุดท้ายต้องใช้รถถังกับทหารราบเท่านั้นที่จะเข้าไปยึดครองและทำให้การรบบรรลุผลจบสิ้นโดนแท้จริงใช่ไหมครับ?
แต่เห็นกองทัพอเมริกาบอกว่าการรบทางอากาศสำคัญมาก เพราะถ้าทางอากาศเราชนะทางบกและน้ำเราก็จะชนะ

ก็ดีเหมือนกันครับจะได้เอาบางโพสในกระทู้อื่นไปรวมด้วย แต่ผมก็หากระทู้เดิมไม่เจอแล้วครับ

ขออนุญาตเห็นแย้งซักดังนี้ครับ

ไม่ว่าเรือรบจะเยอะหรือใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าเครื่องบินจะล้ำยุคและครองน่านฟ้าได้ก็ตาม...ไม่ว่าจะมีรถถังกับทหารราบที่จะเข้าไปยึดครองพื้นที่การรบอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดแต่การที่จะชนะสงครามแบบเบ็ดเสร็จได้ในปัจจุบันคือการเอาเอาชนะใจของคนในดินแดนนั้น
กองทัพอเมริกาชนะสงครามแบบนี้ครั้งสุดท้ายก็ตอนปลดปล่อยคูเวต
บทเรียนราคาแพงในการไม่สามารถชนะใจคนในต่างดินแดนคือสงครามเวียดนาม สงครามปราบปรามกลุ่มตาลีบัน และสงครามกับอิรัก
รักตายเลย เดี๋ยวหาให้ครับพี่ :VOV:

ผู้ใดครองฟ้า ผู้นั้นครองโลก

ของกองทัพอากาศไทยครับ

การครองน่านฟ้า เป็นตัวชี้วัดผลแพ้ชนะของคู่สงครามอย่างหนึ่งครับ

   เคยมีการวิเคราะห์มุมกลับมั้ยครับ  ว่าถ้าเป็นเยอรมันชนะสงคราม  ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร   

Scharnhorst เป็นเรือชั้น ลาดตระเวณหนักติดปืน 11 นิ้ว 9 กระบอก โดนกองเรืออังกฤษ นำโดยเรือชั้น king gorge ชือเรือ duke of york ติดปืน 14 นิ้ว 10 กระบอก  (คลาสเดียวกับเรือ prince of wale ที่ในยุทธการจมเรือ hood ที่บิสมาร์คถูกยิงถังน้ำมันจาก prince of wale) พร้อมกับเรือลาดตระเวณ และ เรือพิฆาตจำนวนมาก แต่จุดอ่อนที่สุดคือ การเอากัปตันเรือพิฆาต มาเป็นผบ.เรือ Scharnhorst ทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานกับเรือประจันบานมาก่อน เปรียบไปก็เหมือนเอา สุนัขมานำราชสิห์ ความหายนะย่อมบังเกิด พอๆกับเอาเด็กทารก2 คนที่ไม่เคยมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาถือหางเสือประเทศฝ่ามรสุมเศรษฐกิจครับ :D

นอกจากการสร้างแล้ว  ผู้ใช้ ผู้ควบคุม อย่างเรือระดับบิสมาร์คนี่ คนที่เหมาะที่จะเป็นกัปตัน คือความสามารถถึง
มีกี่คน เอาคนความสามารถไม่ถึงมาคุม เห็นจะเสียของเปล่า แถมเสียเรือไปไม่พอ ยังจะทำให้คนยังเหลือเสียขวัญไปอีก

ดังนั้น ถ้าจะสร้าง ใครจะดูแล
ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมัน มีศักยภาพทางเทคโนโลยีสูงมากครับ
[/quote]
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมันถือได้ว่าเป็นชาติที่มีเทคโนโลยีทางทหารดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้เช่นกันครับน้าซัีบฯ  ::002::

จริงๆแล้วอาวุธในสมัยนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นมรดกทางความคิดที่ถ่ายทอดมาจากเทคโนโลยีของนาซีเยอรมันนี่เอง เช่น เครื่องบินไอพ่นสมัยใหม่ที่ได้พัฒนามาจากเครื่องบินไอพ่น Messerschmitt Me 262 จรวดขีปนาวุธก็ได้มาจากเทคโนโลยีของจรวด V1 และ V2 รถถังหลายรุ่นก็พัฒนามาจากแนวคิดของรถถัง Panther แล้วก็ปืนไรเฟิลจู่โจมยุคใหม่อย่างปืน AK-47 ที่ได้แนวคิดมาจากปืน StG44 หรือ MP44 

ผมว่าถ้าเยอรมันไม่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์คับแคบแบบอดอร์ฟ ฮิตเลอร์มาปกครอง บางทีตอนนี้เยอรมันอาจจะชนะสงครามและได้ครองโลกสมใจไปเรียบร้อยแล้วครับ  
[/quote]

   เคยมีการวิเคราะห์มุมกลับมั้ยครับ  ว่าถ้าเป็นเยอรมันชนะสงคราม  ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร  
[/quote]

เรื่องนี้งูกินหาง ผมว่าถ้าไม่มีฮิตเล่อร์ เยอรมันคงไม่คิดครองโลกครับ และถ้าทหารรบเอง ก็คงไม่รบกับหลายประเทศ ทำให้ไม่มีการแพ้หรือชนะในที่ต่างๆ อย่างที่เกิดขึ้นเนื่องจากฮิลเล่อร์สั่งให้รบ

เรื่อง ลีเบนส์รุม หรือ ที่สำหรับอาศัยใช้ชีวิต สำหรับชนชาติเยอรมัน ที่ต้องขยายไปทางยุโรปตะวันออกเกิดขึ้นได้เพราะนาซีนำมายึดถือปฏิบัติ ซึ่งฮิตเล่อร์โฆษณาไว้ตั้งแต่ในหนังสือ การต่อสู้ของข้าพเจ้า  

ขอบคุณมากครับคุณสน เดี๋ยวผมย้ายโพสของผมไปกระทู้โน้นนะครับ

เรื่องนี้งูกินหาง ผมว่าถ้าไม่มีฮิตเล่อร์ เยอรมันคงไม่คิดครองโลกครับ และถ้าทหารรบเอง ก็คงไม่รบกับหลายประเทศ ทำให้ไม่มีการแพ้หรือชนะในที่ต่างๆ อย่างที่เกิดขึ้นเนื่องจากฮิลเล่อร์สั่งให้รบ

เรื่อง ลีเบนส์รุม หรือ ที่สำหรับอาศัยใช้ชีวิต สำหรับชนชาติเยอรมัน ที่ต้องขยายไปทางยุโรปตะวันออกเกิดขึ้นได้เพราะนาซีนำมายึดถือปฏิบัติ ซึ่งฮิตเล่อร์โฆษณาไว้ตั้งแต่ในหนังสือ การต่อสู้ของข้าพเจ้า  
[/quote]

   ขอบคุณครับพี่   ::014::     

ขอดึงกลับมาเรื่องรถถัง-ยานเกราะต่อนะครับ หลังจากออกอ่าวออกทะเลไปเรื่องสงครามโลกกันใหญ่แล้ว  ;D แต่ถึงออกอ่าวออกทะเลก็ออกแบบมีสาระความรู้ติดมาด้วยนะครับ  ::002::

วันนี้ผมจะมาเสนอรถยานเกราะติดแท่นยิงจรวดหลายลำกล้อง (จลก.) ของนาซีเยอรมันที่มีชื่อว่า Wurfrahmen 40 (http://en.wikipedia.org/wiki/Wurfrahmen_40) หรือ Walking Stuka ซึ่งนำมาติดตั้งบนรถบรรทุกกึ่งสายพาน SdKfz 251 (http://en.wikipedia.org/wiki/SdKfz_251)  

โดยเจ้าแท่นยิง Walking Stuka นี้ประกอบด้วยแท่นยิงจำนวน 6 ชุด สามารถยิงลูกจรวดชนิดต่างๆได้แก่ ชนิดระเบิดแรงสูง (High Explosive : HE) ขนาด 280 มม.และ 300 มม. และชนิดกระสุนเพลิง (Incendiary) ขนาด 320 มม. ซึ่งแท่นยิงจรวดดังกล่าวพัฒนาต่อมาจากเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องขนาด 150 มม. Nebelwerfer (http://en.wikipedia.org/wiki/Nebelwerfer) นี่เองครับ   

(http://img23.imageshack.us/img23/9056/bundesarchivbild101i216.jpg)

ภาพขณะทำการยิงจรวด Wurfrahmen 40
(http://img25.imageshack.us/img25/3392/ordnhalftrck.jpg)
(http://img6.imageshack.us/img6/7343/cm32nebfire.jpg)

หน้าตาของลูกจรวดครับ
(http://img26.imageshack.us/img26/5260/ordn32cm.jpg)
(http://img21.imageshack.us/img21/255/ordn32cmx6.jpg)

ภาพการบรรจุลูกจรวดลงแท่นยิงครับ
(http://img6.imageshack.us/img6/1511/ordn32cmg4.jpg)

เมื่อวานดู history chanel ช่วงท้ายๆสงครามโลกครั้งที่2 ใช้ทรัพยากรเหล็กปีละ 65 ล้านตัน คิดง่ายๆ เรือบรรทุกเครื่องบินลำล่าสุดของ us ชั้น จอร์จ บุช ระวางขับน้ำ ประมาณ แสนตัน ใช้เวลาสร้าง 3-5 ปี  เท่ากับสร้างเรือยักษ์คลาสนี้ปีละ 650 ลำ ถ้าคิดในมุมกลับ เอาไอ้เครื่องจักรสงครามจำนวนนี้มาคงทำให้คนทั้งโลกหายอดอยาก  ไม่มีคนจน สงครามเป็นหายนะของมนุษยชาติจริงๆครับ :D

History  อยากมีช่องนี้ที่บ้านมากครับ ที่บ้านมีแค่Discovery  x-zyte กับnational geographicที่ดูแล้วมีประโยชน์

เครื่องหมายที่รถถังของอังกฤษที่เป็นรูปสัตว์หางยาวๆเหมือนตัวมิว จริงๆแล้วมันคือตัวอะไรและหมายถึงอะไรท่านใดพอทราบไหมครับ
ตอนแรกก็ไม่สังเกตุพอดีไปเห็นตรงเครื่องเล็งของรถถังChallengerมีสัญลักษณ์เจ้าตัวนี้อยู่เหมือนกัน
แล้วก็มาเห็นบนรถถังในเกมCoHอีกถึงได้รู้ว่ามันมีมาตั้งแต่สงครามโลกแล้ว
(http://img19.imageshack.us/img19/4203/13959977.jpg) (http://img19.imageshack.us/my.php?image=13959977.jpg)

หนูทะเลทราย ฉายาของ กองพลยานเกราะที่ 7 ของอังกฤษครับ ไอเดีโลโก้ได้มาจากตอนอยู่อัฟริกาเหนือ WWII

http://www.btinternet.com/~ian.a.paterson/main.htm

ขอบคุณครับ ::014:: หนูทะเลทรายหางยาวจริงๆ อีกรูปเหมือนจิงโจ้ไม่รู้ว่าจิงโจ้จัดเป็นหนูทะเลทรายหรือป่าว

มุมมองของผมถ้าเยอรมันชนะสงครามจริง คนผิวสีทั้งหลายจะซวย เพราะฮิตเลอร์มองว่าชนชาติตนเป็นอารยัน สูงส่งกว่าชาติพันธุ์อื่นๆมองคนผิวดำว่าเป็นได้แค่ทาส เหยียดคนผิวเหลืองว่าเป็นเหมือนลิงเหลือง เยอรมันจะข่มเหงเหมือนที่ทำกับพวกยิว  สุดท้ายก็จะเกิดสงครามระหว่างเยอรมันและญี่ปุ่นเพราะเรื่องชาติพันธุ์สีผิว   ::014::

รถหุ้มเกราะล้อยางของ ยูเครน ตกลงไทยซื้อหรือเปล่าครับเรียนถามผู้รู้ด้วยครับ

The Cavalry Moves Out In Vietnam

(http://img219.imageshack.us/img219/6821/56003932.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=56003932.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/7738/39541536.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=39541536.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/6108/16362531.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=16362531.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/2650/96175676.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=96175676.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/6527/96211466.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=96211466.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/2879/49753765.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=49753765.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/8715/78799542.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=78799542.jpg)
(http://img219.imageshack.us/img219/9164/23896730.jpg) (http://img219.imageshack.us/my.php?image=23896730.jpg)

คันนี้อย่างเทพครับ challenger2 ของอังกฤษ บุกอิรัก 2003 ครับ ไม่แพ้ M1A2 อัมบรามท์ ของ  US นะครับ

Crew4 - Commander, gunner, loader, driverLength8.3mWidth3.5mLength With Gun Forward11.5mHeight2.5mWeight62,500kgGuns1 x 120mm, model L30 gunFull specifications
--------------------------------------------------------------------------------

Challenger 2 is an advanced main battle tank built by BAE Systems Land Systems (formerly Vickers Defence Systems, then Alvis Vickers Ltd). Challenger 2 is in service with the British Army and with the Royal Army of Oman. The UK placed orders for 127 Challenger 2 tanks in 1991 and an additional 259 in 1994. In 1993 Oman ordered 18 Challenger 2 tanks and an order for a further 20 tanks was placed in November 1997.

Challenger 2 entered service with the British Army in June 1998 and the last of the 386 tanks was delivered in April 2002. Deliveries for Oman were completed in 2001. Challenger 2 has seen operational service in Bosnia and Kosovo. British Army Challenger 2 tanks were deployed on active service in Operation Iraqi Freedom.

 

เรียนถามผู้รู้ครับ ว่าเครื่องหมายติดอยู่กับรถถังที่ เขียนเป็นรูปตัว V ทั้งคว่ำ หงาย ซ้าย ขวา มีความหมายว่าอย่างไรครับ
V  ^     <  >     

แล้ว..ประเทศใดมีรถถัง มากที่สุดครับ    และไทยเรามี จำนวนเท่าไร่ครับ ? 

จาก wiki pedia ไทยมีประมาณ 800++คันครับ ประเทศที่มีมากที่สุดไม่ทราบครับ

ชาร์นฮอร์ส เป็นเรือลาดตระเวนประจัญบานในชั้นชาร์นฮอร์สครับ เพราะระวางขับน้ำร่วมๆ 38900 ตัน และมีเร ือที่เป็นลำน้อง ชื่อว่ากไนเชเนา ครับ ในยุทธการครั้งสุดท้ายโดนรุมกินโต๊ะจากอังกฤษที่นอร์ทเคป โดยชาร์นฮอร์สลำเดียว ดวลปืนกับเรือประจัญบาน 1 ลำ เรือลาดตระเวนหนัก 1 ลำ เรือลาดตระเวนเบา 3 ลำ และเรือพิฆาต 9 ลำ

แม้ว่ากำลังจะด้อยกว่ามาก แต่พลเรือโทอีริค เบย์(เคยเป็น ผบ กองเรือพิฆาตมาก่อน) ก็ให้นำเรือเข้าต่อสู้ จนเรือจม และตนเองก็เสียชีวิตในที่รบ

หลังจากยุทธนาวีสิ้นสุดลง พลเรือเอก บรูซ เฟรเซอร์ ผบ กองเรืออังกฤษในยุทธนาวีที่นอร์ทเคป ได้กล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนว่า

"Gentlemen, the battle against Scharnhorst has ended in victory for us. I hope that if any of you are ever called upon to lead a ship into action against an opponent many times superior, you will command your ship as gallantly as Scharnhorst was commanded today".

(ทุกท่าน การรบกับชาร์นฮอร์สจบลงด้วยชัยชนะของเรา ข้าพเจ้าหวังว่าหากท่านต้องนำเรือเข้าต่อสู้กับข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าหลายเท่า ท่านจะนำเรือเข้าต่อสู้อย่างกล้าหาญ เหมือนกับที่ชาร์นฮอร์สได้ทำในวันนี้)

หลังจากนั้นได้มีการปล่อยพวงมาลา ณ จุดที่ชาร์นฮอร์ส ได้จมลงไปครับ

ผมว่าการเปรียบเทียบกับสุนัข คงจะไม่งามเท่าไรครับ ด้วยความเคารพ

ส่วนเรือฮูด ผมว่าโดนเข้าไปที่คลังกระสุนครับ เพราะโดนเข้าจากการยิงครั้งที่ 5 ของบิสมาร์คและจมใน 3 นาที  ตอนนี้มีหลายทฤษฏีมาก แต่ทุกทฤษฏีล้วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดของกระสุนในคลัง หรือไม่ก็ตอร์ปิโดตัวเองครับ



สมัยนั้นนอกจากเรือยามาโต และมูซาชิ ในชั้นยามาโต ทั้งสองลำแล้ว ยังมี

ชั้นนากาโต สองลำ คือ นากาโต และ มัตสึ สองลำนี้ติด 16 นิ้ว ครับ ไม่เบาเหมือนกัน ลำแรกรอดจากสงคราม ด้วยครับ
ชั้นอิเสะ สองลำ อิเสะ และ ฮยูกะ อาวุธหลักคือ 14 นิ้ว ภายหลังอิเสะถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินประจัญบาน
ชั้นคองโก เรือชั้นนี้ต่อที่อังกฤษครับ และญี่ปุ่นก็มาสร้างเพิ่ม มีสี่ลำ คือ คองโก ฮารุนะ ฮิเอ คิริชิม่า
ชั้นฟูโซ เรือเก่า ค่อนข้างตกยุค มีสองลำ คือฟูโซ กับ ยามาชิโร

ตั้งแต่เหตุการณ์ที่อ่าวเพิร์ล ผมว่าญี่ปุ่นน่าจะคิดได้ครับ ถึงคุณค่าของเรือบรรทุกเครื่องบิน จะเห็นได้ว่ามีการนำเรือสินค้ามาดัดแปลง เช่นเรือชั้นจุนโย หรือเรือชั้นชินาโน ที่เอาตัวเรือชั้นยามาโตมาดัดแปลง จนไปถึงเรืออิเสะ ที่เป็นเรือประจัญบานบรรทุกเครื่องบิน

ส่วนกระสุนชนวน VT ผมว่าน่ากลัวจริงๆครับ เคยดูสารคดี เห็นเขายกให้เป็นอาวุธที่น่ากลัวแบบหนึ่งของโลกเลย

king tiger ที่ยังวิ่งได้ ::002::

Kingtiger (http://www.youtube.com/watch?v=CfbjnQzaBXY&playnext_from=TL&videos=IO3enzAhbxE&feature=grec#)

รถสายพานลำเลียงพลที่ใช้ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

รายละเอียดครับ ของไทยมีการดัดแปลงป้อมปืนเพิ่มรับการยิง  m79
http://en.wikipedia.org/wiki/File:ChineseType85C2Veh.jpg (http://en.wikipedia.org/wiki/File:ChineseType85C2Veh.jpg)

การดัดแปลงป้อมปืนนั้น เพื่อป้องกันพลประจำปืนกล เพราะเป็นคนเดียวที่เอาร่างกายโผ่มานอกตัวรถ

ผมสนใจปืนของคนที่วิ่งข้างๆ รถมากกว่าครับ... ปลยบ.๘๘ ติดกล้องเล็งซะด้วย...  :VOV:

 ;D ใครสังเกตุบ้างหรือไม่ว่า รถหุ้มเกราะที่นำมาใช้ในวันที่ 19 ที่ผ่านมา แตกต่างจากเดิมที่นำมาใช้เมื่อวันที่ 10 เมษายน อย่างไร ;D

ถอดปืนกลหนักออก ;D

เสริมเกราะเพิ่มเติมครับพี่ใหม่

กระทู้นี้ดีครับอ่านแล้วเพลิน  ว่าแต่ต่างยังไงเหรอพี่

สังเกตอีกอย่างคือ ทหารถือ ปลย.88 ครับ

 ;D ไม่ใช่ครับพี่จอย ปืนกลหนักยังอยู่ ;D



 ;D ถูกต้องครับ มีการเสริมแผ่นเหล็กเต็มด้านข้างรถทั้งสองข้าง จะว่าเกราะหรือเปล่าผมเองก็ยังไม่แน่ใจ เพราะดูบาง ๆ ;D

 ;D ขออภัยที่ผมหารูปไม่เจอเพราะใช้เนทช้ามาก ใครเนทเร็วผมรบกวนช่วยนำมาลงให้เพื่อน ๆ ได้ดูหน่อยครับ ;D



 ;D ปืนกับชุดเข้ากันดีจัง ซีดเชียว ;D
 ;D ตัวปืนผมยังมีความสงสัยว่าอาจไม่ใช่ ปลยบ.๘๘ อาจเป็น M-14 ซึ่งเป็น M-1 ที่ปรับปรุงมาใช้กระสุน .308 แทน .30-06 และเปลี่ยนเป็นซองกระสุนแบบปลดได้หรือเปล่า เพราะ M-14 รุ่นแรก ๆ ก็ยังมีหลายส่วนที่เหมือนกับ M-1 อยู่มาก ;D

ไม่ใช่ ปลย.๘๘ แน่ๆ ครับ... แต่สงสัยเป็น ปลยบ.๘๘ (ปืนเล็กยาวบรรจุเองแบบ ๘๘) ตอนแรกผมก็สงสัยว่าใช่หรือไม่... แต่ดูที่หล้องเล็งติดเยื้องข้างแล้ว... น่าจะใช่ ปลยบ.๘๘ หรือกาแรนต์ เอ็มวัน... ;D ;D ;D

 ;D ความหมายของผมเป็นตามที่พิมพ์ให้ความเห็นไว้ครับ เนื่องจากผมตีความหมาย ปลย.88 ของคุณ JC ว่าคุณ JC คงหมายถึง ปลยบ.88 เพราะส่วนใหญ่ลืมตัว บ ครับ ซึ่ง ปลย.๘๘ นั้นจะหมายถึงปืน Springfild M1903 กระสุน .30-06 ครับ ;D
 ;D แต่ในรูปจะเป็น M-1 หรือเป็น M-14 ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะเป็นตามเหตุผลข้างต้นครับ ;D

ผมว่าน่าจะเป็น M๑ ครับคุณใหม่ เพราะ M๑๔ ท่อแกสไม่ยาวไปข้างหน้าขนาดในรูป

แนวกล้องดูไม่ชัดมาก แต่ดูเหมือนว่าติดเอียงข้างซ้ายหลาแนวบรรจุด้วย อย่างไรก็ตามในรูปไม่มีรองแก้มเสริมพานท้าย

   น่าจะเป็น M 1 D ครับ

แปลกใจว่าทำไมเลือกใช้M 1 แทนM16ติดกล้อง  ??? ???

เทียบรูปดูครับ

ต้องดูในคลิปข่าวครับ ยิงเข้าไปในกองยาง ยางที่โดนยิงลอยขึ้นมาเลย

เรื่vงละเอียดมากๆผมไม่ทราบจริงๆครับ เห็นหน้าตาประมาณนี้ ก็บอกแค่ ปลย.88... ลึกกว่านี้ ผมต้องรบกวน พี่ๆชี้แนะครับ ^o^

มุมหลังรถเกราะ ที่ ดัดแปรงแล้วครับ

 ;D ผมก็เห็นไม่ชัดน่ะ เลยวิเคราะห์ไปแบบนั้น ;D


 ;D รูปนี้ ปลย.๘๘ ครับพี่ ไม่ใช่ ปลยบ.๘๘ ;D



 ;D ปลย.๘๘ เป็นกระบอกในรูปที่พี่จอยนำมาลงไว้ครับ คนละแบบกับ ปลยบ.๘๘ ครับท่าน JC ;D

สุดยอด

 ;D ปลย.๘๘ เป็นกระบอกในรูปที่พี่จอยนำมาลงไว้ครับ คนละแบบกับ ปลยบ.๘๘ ครับท่าน JC ;D
[/quote]
ความหมายที่ลงรูปคือ ดูจากปืนทหาร น่าจะใช่ สปริงฟิวส์ 1903 แต่ชื่อประจำการของไทยผมไม่ทราบ ครับนายใหม่ ;D

ความหมายที่ลงรูปคือ ดูจากปืนทหาร น่าจะใช่ สปริงฟิวส์ 1903 แต่ชื่อประจำการของไทยผมไม่ทราบ ครับนายใหม่ ;D
[/quote]

ลุงจอยลองดูตรงใต้ลำกล้องที่มีท่อนำแก๊สติดตั้งอยู่ครับ... ;D ;D ;D

เข้าใจแล้วครับ ::008::

จะน่าเสียดายเมื่อกระบอกนี้ปลดประจำการแล้วส่งไปขายต่างชาติถูกๆ..

และน่าเสียดายมากจริงๆ ในกรณีที่ปืนปลดประจำการเป็นปืนแบบที่ กม. อนุญาตให้คนไทยมีได้ แต่ขายให้คนไทยไม่ได้เพราะอยู่ในรายการอาวุธควบคุม

พ่อผมเก็บใบปลิวโฆษณาร้านปืนเมกันยุคต้น '60 แผ่นหนึ่ง มี Simese Mauser ราคา ๑๐ หรือ ๑๔ ดอล จำไม่ได้แน่ ตอนฝรั่งเหมาไปสงสัยแค่กระบอกละ ๔-๕ ดอล

รูปชัดๆ รูปนี้ครับ พี่ 686 ฝ่าไปถ่ายมาจากรอบพื้นที่...

http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=85770.0 (http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=85770.0)

ขอบคุณมากครับ ตามไป + 1 พี่ 686 ด้วยแล้ว ::002:: ::002::

 ภาพชัดเจนครับ

ขอรบกวนหน่อยนะครับ สมาชิกท่านใดพอจะหาคลิปตอนที่เอาเจ้าคุณปู่นี้มายิงให้ดูได้บ้างครับ  ขอบพระคุณครับ  ::014:: ::014::

กระทู้รถเกราะกลายเป็นกระทู้ปืนไปซะแล้วครับ ::005::

 ;D สุดยอดเลย หมดความสงสัยครับ เก๋าจริง ๆ ;D

โดนเข้าไปคงไปไหนไม่ถูกครับ กระสุน 30-06

หึหึหึ

รายการอาวุธควบคุม คืออะไรหรอครับพี่ เสียดายตัวไซมีส เมาเซอร์ ครับ

คำที่ผมใช้ไม่ใช่ศัพท์ทางการครับ เป็นการเรียกสื่อความหมาย คือรายการอาวุธปืนของกองทัพใช้ ระบุรุ่นไว้เลยว่านายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ประชาชนครอบครองได้

ต้องสารภาพว่าผมไม่เข้าใจน่ะครับ ว่าคำๆนั้นมันหมายถึงอะไร เพราะอย่างปืนไรเฟิลชนวนกลางลูกเลื่อนแบบนั้นก็ไม่น่าขัดต่อ พรบ

เสียดายสมบัติของชาติครับ อยากทราบสาเหตุที่ต้องควบคุมด้วยน่ะครับ

ภาพรถสาย พานที่มีการดัดแปลงป้อมปืนใช้งานวันที่ 19 พ.ค.53   ครับ


 
 
 
 
 
 
 

คำนั้นคือศัพท์ในกฎหมาย กฎกระทรวง หรือรายการหนึ่งของทหารเท่านั้นเอง จำไม่ได้ว่ากฎอะไรแน่ไม่ใช่ศัพท์เทคนิกแบบปืนครับ อย่างไรก็ตาม ในรายการดังกล่าว กำหนดรุ่นปืนไว้เลยน่ะครับว่าอนุญาตไม่ได้ รวมไรเฟิลลูกเลื่อนที่ทหารใช้บางรุ่นทั้งที่ที่กลไกเป็นแบบประชาชนครอบครองได้ด้วย

ที่ผมอยู่ตอนนี้ไม่มีหนังสืออ้างอิงเล่มดังกล่าวด้วยสิครับ (อยู่บ้านพ่อ) จะได้ถ่ายมาโพส

เดลินิวส์เมื่อวานบอกว่าอนุมัติรถถัง50 คัน หุ้มเกราะอีก 90 กว่ากัน

  ซื้อใหม่หรือครับ มีข้อมูลว่าเป็นรุ่นไหนครับ

รู้สึกว่าจะเอามาตั้งเป็นกองพล ม.3 ที่ขอนแก่นหรือยังไงนี่แหละครับ
ยังไม่ได้กำหนดแบบของรถถัง คาดว่าจะเป็น M60 A3 เจ้าเก่า ส่วน รสพ น่าจะเป็นของจีน เดาๆเอาครับ  น่่าจะซื้อสักหนึ่งกองพัน ให้ นาวิกด้วย อิอิ

แว่ว..มาว่า สนใจตระกูล ที กับแถวเกาหลี  ส่วน ทร.ก็จะได้เรือดำน้ำด้วย นี่ครับ แต่ไม่รู้แบบไหน

ตัว พรบ. http://www.chemtrack.org/Law/Mod-M-2530.pdf (http://www.chemtrack.org/Law/Mod-M-2530.pdf)

บัญชีล่าสุด http://www.chemtrack.org/Law/Mod-2551.pdf (http://www.chemtrack.org/Law/Mod-2551.pdf)

ไทยมี MLRS ด้วย ใครที่เคยยิงจรวดโชว์ ข่มขู่ ไทย   เจอดีแน่

  link ครับ  จาก atcloud.com ครับ
http://atcloud.com/stories/72694 (http://atcloud.com/stories/72694)


ภาพครับ

อีกภาพครับ ;D

สงสัยงบไม่พอซื้อของใหม่ หรือไม่ก็บางเจ้า เค้าไม่ขายให้ ขายก็ขายแต่ของที่ตกรุ่น ก็เลยต้องหาทางทำเองครับพี่

ทำเองยิ่งดีสิครับจะให้ดีกว่านี้ต้องทำขายด้วยครับ

ในภาพเป็นปืน M1C ครับ ถ้าเป็นปืน M1D จะมีปลอกลดแสงติดตั้งมาด้วย  แบบในภาพนี้ครับ

(http://www.imt.net/~mele/images/m1cm1d.jpg)

เราก็มี จลก. ขนาด 130 มม. แบบ 30 ท่อยิงติดตั้งมากับ รสพ. Type-85 ของจีนแดงด้วยครับ เพียงแต่ระยะยิงแค่ 10 กว่ากิโลเมตรเอง ไม่เหมือนพวก จลก. BM-21 ขนาด 122 มม.ของพวกเขมรกับเวียดนามที่ยิงไกลถึง 20 กว่ากิโลเมตร

 ::002::   ยกหน่อยครับ เพื่อ พีๆ มีข้อมูลใหม่ๆ มานำเสนอ   ::014::

เมื่อวานมีงานที่ค่ายอดิศร  เลยเก็บมาฝากครับ ปานงานวันเด็ก  ;D

 :D

 :D

 :D

และสุดท้ายความภูมิใจของทหารม้า   

   พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัวประทับทอดพระเนตรการฝึกและตรจพลสวนสนามในการฝึก วายุบุตร ณ เขากระเตย ถ.มิตรภาพ ก.ม.๑๗๔ เมื่อ๒๘ เม.ย. ๐๑  ::014::

 ::014::

ทรงพระเจริญ  ::014::

อิ อิ รุ่นอะไรเอ่ย?

คันนี้ของอีกค่ายครับ มีธงข้างหลังบอกยี่ห้อพอดี ;D

ของโหลๆ :<><>

จอดอยู่ที่..

Jagdpanzer 38(t) Hetzer หรือเปล่าครับพี่ ตัวนี้ผมชอบมากๆ ตัวเล็กเกราะลาดเอียง

ตัวนี้มีรุ่น ติดปืนไฟด้วยนะ  ::005::

เพิ่ม สเปค ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Hetzer (http://en.wikipedia.org/wiki/Hetzer)

รูปเพิ่มครับ

รู้จักเจ้าHetzerก็เพราะเกมCoHไม่งั้นไม่เคยเห็นเลยครับ

ชอบตัวนี้มากกว่า ครับ
 http://en.wikipedia.org/wiki/Sturmgesch%C3%BCtz_III (http://en.wikipedia.org/wiki/Sturmgesch%C3%BCtz_III)

(http://www.aviationnews.eu/blog/wp-content/uploads/2009/12/javelin_missile_US-Army.jpg)

รถถังไทยเรามีเยอะแยะแต่จะจรวดต่อสู้รถถังของเราไม่ค่อยมีเลย หรือว่ามีแต่ไม่ค่อยออกสื่อครับ

(http://www.hulashare.com/images/awzy1w22h8vdnkmuty03.jpg)

Sturmgeschütz III   มีปืน StuK 40 L/48  เป็นปืนต่อต้านรถถัง   ::002::

นอกจากเจ้าเฮซเซอร์แล้ว ผมชอบ Jagdpanther ครับ ติดปืน 8.8 cm Pak 43 เอาไว้ทะลวงไส้รถถังพันธมิตร

แต่ถ้ารถถังธรรมดาผมชอบ Panzerkampfwagen V Panther ครับ เกราะลาดเอียง ปืนดูอาจไม่ใหญ่เท่า 88 แต่ปืน 7.5 cm KwK 42 L/70 ความเร็วต้นสูง เมื่อใช้กับกระสุน Panzergranate 40 แล้วทะลวงเกราะได้ดีกว่า 88 มม อีกครับ

ชอบคันนี้ครับ
Panzer IV  ;D

เอ๊ะ รึ  King tiger ดี  ;D

ไม่เอา ยาดทีเกอร์ ด้วยอะพี่ ใช้ตัวถึงของคิง แต่ติดปืน 128 มม

รูปร่างประหลาดดี ใหญ่ไปครับพี่โจ๊ก  ;D  น่าจะเป็นปืนใหญ่อัตตราจรซะมากกว่านิ  :D

แล้วก็เอาไอ่นี่ หลอยดากซะ   ;D

Panzerlied (http://www.youtube.com/watch?v=CqlE9eNWYj4#normal)

ฟังเพลงนี้ไปด้วยจะเข้าถึงอารมณ์มาก

อือม์ ลงรูปไม่ได้ครับ จะลงรูปทหารเยอรมันทอดไข่บนรถถังตากแดดในทะเลทรายอัฟริกาเหนือซะหน่อย อิ อิ

ทหารเยอรมันทอดไข่บนผิวรถถังตากแดด 8)

จากหนังสือ

เพิ่งเห็นภาพใน history  channel เมื่อวันสองวันก่อนครับพี่

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/ff/Army-fgm148.jpg/800px-Army-fgm148.jpg)


(http://www.hulashare.com/images/mabug5p3m8uwvm2cmhhg.jpg)
 (http://www.hulashare.com/images/zetq0yai5kk722nzbqli.jpg)


จรวดต่อต้่านรถถัง  FGM-148 Javelin  ตัวนี้น่าสนใจมากครับ  รถถัง ๑ คันแลกกับจรวด ๑ ลูกคุ้มมาก  :VOV:

http://en.wikipedia.org/wiki/FGM-148_Javelin (http://en.wikipedia.org/wiki/FGM-148_Javelin)

ชอบคันนี้ด้วยครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Stridsvagn_103 (http://en.wikipedia.org/wiki/Stridsvagn_103)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/12/Strv_103c_a.jpg/800px-Strv_103c_a.jpg)

Stridsvagn 103

http://en.wikipedia.org/wiki/Stridsvagn_103 (http://en.wikipedia.org/wiki/Stridsvagn_103)

รถถัง Sweden  นี่ราคาคันละเท่าไหร่ครับ  ดูข้อมูลแล้วน่าสนใจดีครับ  ::014::

รถถัง Jagdtiger ถือว่าเป็นรถถังแบบ Assault Gun แบบพวก StuG IV ครับน้าโซเวียต ดัดแปลงด้วยการนำแคร่รถถัง Tiger II (King Tiger) มาติดตั้งปืนต่อสู้รถถังขนาด 128 มม. Pak 44 แล้วใช้ป้อมปืนแบบตายตัวครับ  :)

แต่ผมว่ารถถังแบบ Assault Gun มันมีข้อเสียตรงที่มันมีมุมยิงน้อยเกินไป จะหันไปยิงด้าน 3,6,9 นาฬิกของตัวรถทันทีไม่ได้ ต้องหันไปพร้อมกันทั้งปืนทั้งตัวรถ แบบนี้ถ้าดวลกัน 1:1 กับรถถังฝ่ายพันธมิตรก็น่าห่วงเลยครับ 

(http://a.imageshack.us/img709/700/800pxjagdtiger1.jpg)

    ผมว่ารถถังแบบนี้ถึงมุมยิงจะน้อยไปแต่ไม่น่าเสียเปรียบรถถังสมัยนั้นเท่าไหรครับ หากพลขับเข้าขั้น ชำนาญ ด้วยแล้ว การหันรถไปหาเป้าหมายน่าจะคล่องกว่าด้วยซ้ำครับพี่   แต่ยังไงผมก็ยังว่ามันประหลาดอยู่ดีแหละครับ  ::005::

กรณีดวลกันตัวต่อตัวเสียเปรียบมากครับน้าโซเวียต เหมือนคนที่คอแข็งตัวแข็งจะไปชกกับคนที่เคลื่อนที่ได้พริ้ว แบบนี้กว่าจะชกโดนอีกฝ่ายก็ช้ำก่อนละครับ

เวลาพวกพวกอีวาน (โซเวียต) หรือแยงกี้ (อเมริกัน) เจอรถถังแบบนี้ พวกก็เล่นใช้วิธีสวนควันปืนเข้าหารถถังพวกนี้เป็นกลุ่มเลย ถึงโดนยิงอย่างมากก็แค่ 1-2 คัน จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปด้านหลังแล้วหันป้อมปืนกลับมายิง แค่นี้รถถังแบบป้อมปืนตายตัวอย่างตระกูล Jagd หรือ StuG ก็หมดท่าแล้วครับ เพราะกว่าจะหันไปยิงทันก็โดนยิงใส่มาหลายนัดแล้ว :<<

ไหนๆก็อุ้ยอ้ายแล้ว น่าจะติดเกราะหนาๆไปเลยเนาะครับ  แบบว่าถึกๆโดนรุมไม่ค่อยสะเทือนเท่าไร  แต่สวนดอกเดียวหงายเงิบ   ::005::

(http://www.defencetalk.com/pictures/data/3868/medium/Alvis_Supacat_ATV_01.jpg)

ภาพบน เสิร์ชมั่วๆเจอในเนต  เขาบอกว่าเป็นรถATV
เอาไว้ทำอะไรครับ แบบนี้ 

(ATV = All terrain vehicle = ยานยนต์ที่ไปได้ทุกภูมิประเทศ ของฝรั่งกว้างมากๆ บางทีพวกตีนตะขาบพวกก็เรียก ATV)

ขายไม่ออกนี่ครับรุ่นนี้ เพราะมันออกแบบมาเพื่อใช้เฉพาะในป่าสนภูมิประเทศแบบหิมะอย่างประเทศผู้ผลิต ที่ที่ป้อมปืนแบบหมุนได้ไม่มีประโยชน์เนื่องจากในป่าไม่สามารถหมุนป้อมปืนได้สะดวกเพราะติดต้นไม้  การปรับมุมยิงใช้ไฮโดรลิคที่ตีนตะขาบเพื่อกดหัวลงหรือเงยขึ้น  ความคล่องตัวต่ำไม่เหมาะกับบ้านเราสุดๆนะผมว่า

ถังเยอรมันแบบนี้ผมว่าถ้าแนวยุโรปตะวันตกจะแย่กว่าครับ เพราะภูมิประเทศเป็นทุ่งมีแนวไม้ เนินเตี้ยๆ หรือตัวเมือง ซึ่งเมื่อเห็นกันก็เข้าระยะยิงของทั้งสองผ่าย อยู่ที่โดนรุม โดนยิงแล้วพังเร็ว พังช้ากว่ากัน

แต่ทางตะวันออก ทุ่งรัสเซีย ยูเครน น่าจะใช้ได้ดีกว่าเพราะมันกว้างมาก เยอรมันยิงได้ผลก่อน

ปล. ไม่รู้ว่าปืนถังเมกัน ๗๕ มม. รุ่นลำกล้องยาว ซัดพวกเยอรมันรุ่นใหญ่ ตรงไหน ที่ระยะเท่าไหร่ ถึงจะอยู่?

พูดถึงถังเยอรมันป้อมไม่หมุน กับแนวรบด้านตะวันออกแล้ว เลยนึกถึงเรื่องของนาย Gunter Grass นักเขียนรางวัลโนเบลชาวเยอรมัน ซึ่งตอนแกแก่เกือบ ๘๐ แล้ว แกเขียนหนังสืออัตชีวะประวัติเรื่อง "ปอกเปลือกหัวหอม" บอกว่าปลายสงครามโลกตอนอายุ ๑๗ แกไปเป็น Waffen SS Panzer ก็เป็นเรื่องกันขึ้นมา เช่น โปแลนด์เรียกคืนกุญแจเมืองกดานซ์ (ดานซิก) คืน ฯลฯ

เนื้อเรื่อง ๒/๓ เลยไปช่วงหลังสงคราม ช่วงสงครามมีตอนหนึ่งว่า หน่อวยแกมี ยาดแพนเธอร์ ตั้งแนวรับอยู่ในเยอรมันตอนเดือน เมษา ๔๕ โซเวียตไม่ได้ส่งรถถังเข้ามาแต่ใช้สตาลินออร์แกนถล่มซะยับยุ่ย

เรื่องนี้เป็นพรรณาโวหารแสดงความคิด ความรู้สึกเสียมาก บางอารมณ์จะอ่านเพลินดีครับ มีตอนตลกๆ ด้วย เช่น ในค่ายเชลยศึกเมกัน ซึ่งอาหารการกินขาดแคลนมาก ได้รับอาหารวันละ ๘๐๐ กว่า กก.แคลอรี่ พวกเชลยศึกเยอรมันอยู่ว่างไม่ทำการงานพัฒนาอะไรไม่ได้ (ตามนิสัย) ก็จัดสอนหลักสูตรต่างๆ กันไป วิชาหนึ่งคือ "วิชาทำกับข้าว" ทหารนายหนึ่งที่เคยเป็นพ่อคารัวเป็นครูสอน ของจริงจะทำกันก็ไม่มีครับ แกก็สอนทฤษฎีให้จดจำไป บรรยายถึง หมู ตั้งแต่เอาเลือดมาเคียวทำไส้กรอก เยลลี่จากหัวหมู หู หมู คอหมู ฯลฯ พวกนักเรียนหิวโซก็ตาลอยจิตหลุดจากร่าง ลอยไปหาหมูในจาน... ::005::

ผมนึกว่ามันจะหมุนได้ซะอีก  :<<

จุดประสงค์หลักของการออกแบบรถถังสวีเดนนี้ คือเพื่อให้เตี้ยครับ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1a/Type_89_Yi-Go_at_Tsuchira.jpg/800px-Type_89_Yi-Go_at_Tsuchira.jpg)

Type 89 I-Go

(http://www.hulashare.com/images/35513823188355675730.jpg)

http://en.wikipedia.org/wiki/Type_89_I-Go (http://en.wikipedia.org/wiki/Type_89_I-Go)

มาดูรถถังญี่ปุ่นกันบ้างครับ  ;)

แนวรบด้านตะวันตกเป็นภูมิประเทศแบบที่พี่ต็อกว่าไว้เลยครับ เป็นแนวต้นไม้สลับเนินเตี้ยๆ พอเข้ามาในเขตเมืองก็เป็นถนนแคบต้องวิ่งช้าลง แล้วก็เจอพวกเยอรมันวางเครื่องกีดขวาง เช่น แท่งคอนกรีต งาแซง ขวางไว้ พอเลี้ยวไปอีกทางกว่าจะรู้ตัวก็เจอกับระเบิดหรือเข้าพื้นที่สังหารไปเรียบร้อยโรงเรียนเยอรมันแล้วครับ  :<<

แต่ในภูมิประเทศดังกล่าว รถถังเยอรมันจะได้เปรียบกว่ารถถังฝ่ายสัมพันธมิตร ตรงที่มีการทำลายพราง (Camouflage) สำหรับภูมิประเทศแถบนี้ไว้บนตัวรถ เวลาซุ่มโจมตีก็อาศัยการจอดซุ่มตามมุมถนน มุมตึก หรือตามแนวต้นไม้แล้วใช้กิ่งไม้ ใบไม้พรางไว้ พอขบวนรถฝ่ายสัมพันธมิตรผ่านเข้ามาก็ยิงใส่ กว่าพวกแยงกี้จะตั้งตัวได้เยอรมันก็เผ่นหนีไปแล้วครับ

ส่วนปืนใหญ่รถถังขนาด 75 มม. ของรถถัง M4 Sherman คือรุ่น M3 75 mm. L/40 Gun ครับพี่ ลำกล้องยาว 3 เมตร (38.5 คาลิเบอร์) ความเร็วต้น 2,030 ฟุต/วินาทีด้วยกระสุน M72 AP เจาะเกราะได้ลึกสุด 76 มม.ที่มุม 90 องศา ในระยะยิง 457 เมตรครับ ซึ่งก็ไม่เพียงพอที่จะใช้น็อคพวกรถถังรุ่นใหญ่ๆของเยอรมันอย่าง Panther หรือ Tiger แน่นอน เพราะแค่รถถัง 2 รุ่นนี้เกราะด้านหน้าก็หนาถึง 110-120 มม.แล้ว ถ้าจะยิงให้ผลก็ต้องเข้าในระยะ 450 กว่าเมตรแบบนี้ก็เสร็จเยอรมันก่อนพอดี เพราะปืนใหญ่ของรถถัง 2 รุ่นนี้ก็ยิงหวังผลได้ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไปแล้วครับ 

ด้วยเหตุนี้ พวกอังกฤษตอนได้รับรถถัง M4 จากอเมริกาถึงได้เปลี่ยนปืนใหญ่รถถังจากปืนใหญ่ M3 Gun ขนาด 75 มม.มาเป็นปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง Ordnance QF 17 pounder (OQF 17 pdr. gun) ขนาด 76.2 มม. (3 นิ้ว) แทน เพราะมีความเร็วต้นสูงกว่า ยิงได้ไกลและแม่นยำกว่า แล้วที่สำคัญใช้งานกับกระสุน APDS ได้ด้วยครับ

รถถัง Sherman Firefly กับปืน OQF 17 pdr.
(http://www.uppicth.com/uploads/791183b.jpg)

ภาพกระสุน APDS  (นัดที่ 5 จากซ้าย)
(http://img38.imageshack.us/img38/8004/tankuk2.jpg)

ภาพหัวกระสุน APDS ขนาด 76.2 มม.
(http://img682.imageshack.us/img682/1606/subcalproj.jpg)

ส่วนตำแหน่งการยิง เท่าที่ผมสังเกตมารถถังเยอรมันจะถูกยิงบริเวณด้านข้าง ด้านหลัง หรือป้อมปืนด้วยวิธีวิ่งสวนแล้วอ้อมกลับมายิง แล้วไม่ใช่โดนแค่นัดสองนัดนะครับพี่ แต่บางคันถูกยิงเป็น 10 นัดเลย ::014::

ภาพรถถัง StuG III หมายเลข 121 ถูกยิงเข้าที่ด้านข้าง
(http://www.uppicth.com/uploads/3489145.jpg)

ภาพรูกระสุนด้านข้างรถถัง Jadgpanther 
(http://www.uppicth.com/uploads/572d625.jpg)

รถถัง Jadgpanther ถูกยิงเข้าที่ด้านหน้า
(http://www.uppicth.com/uploads/3d86421.jpg)

ประเทศไทยก็เคยสั่งซื้อรถถังจากประเทศญี่ปุ่นด้วยนะครับ เป็นรถถังเบารุ่น Type 95 Ha-Go (http://en.wikipedia.org/wiki/Type_95_Ha-Go) สั่งซื้อมาจำนวน 50 คัน ตอนนี้พอมีให้เห็นที่ค่ายอดิศร จ.สระบุรีกับที่ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ครับ  :)

รถถังเบา Type_95_Ha-Go
(http://www.uppicth.com/uploads/20673b0.jpg)

ขอบคุณมากครับคุณ รพินทรนาถ -รักในหลวงและสยามประเทศ ::002::

คอยตามบวกให้ครับ

พวกถังเยอรมันใหญ่ๆ นี่อึดจริงๆ น่าสนใจว่าในช่วงท้ายสงครามด้านตะวันตก ถังเยอรมันถูกทำลายโดยถังสัมพันธฯ หรือเครื่องบินสัมพันธฯ ในอัตราส่วนเท่าไหร่?

(http://www.uppicth.com/uploads/20673b0.jpg)


ตัวเนี้ยเห็นจอดอยู่หน้าค่ายสุรศักดิ์มนตรีมาหลายปีแล้ว น่ารักน่าชังเป็นที่สุด  ถ้ากฎหมายโอเคนะ ผมจะขอซื้อมาใส่เครื่องอีซูซุ ตอนเย็นๆขี่ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดครับ

ผมว่าในช่วงท้ายของสงคราม ถ้าเป็นรถถังต่อรถถังด้วยกัน อัตราน่าจะออกมาที่ 1:1 ครับพี่ แต่ถ้าเป็นเครื่องบินต่อรถถังน่าจะเป็นหนึ่งต่อเท่าไหร่ก็ได้ เพราะในช่วงหลัง ฝ่ายสัมพันธมิตรใช้การโจมตีด้วยการใช้อากาศยานติดจรวดและระเบิดในการทำลายยานเกราะของฝ่ายเยอรมันครับ ::014::

ทั้งนี้เนื่องมาจาก ในช่วงแรกของการรุกคืบจากแนวรบด้านตะวันตกของฝ่ายสัมพันธมิตร ฝ่ายอเมริกาและอังกฤษมีอัตราการสูญเสียรถถังมากถึง 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด โดยเฉพาะเจ้าม้างาน M4 Sherman ที่โดนยิงโดนสอยด้วยบรรดาปืนใหญ่รถถังและปืนใหญ่นานาชนิดของฝ่ายเยอรมันโดยเฉพาะปืนใหญ่ขนาด 88 มม. เนื่องจากรถถังของฝ่ายสัมพันธมิตรส่วนใหญ่จะมีเกราะไม่หนามาก โดยเฉพาะเจ้าม้างานรถถัง M4 ซึ่งมีเกราะด้านหน้าหนาเพียง 63 มม. เมื่อมาเจอกับปืนใหญ่รถถังขนาด 88 มม. รุ่น KwK 36 L/56 หรือปืนใหญ่ FlaK 36 เรียกว่า M4 ยังไม่ทันรู้ตัวก็โดนยิงจากระยะไกลจนพังไปแล้ว หรือถึงรู้ตัวแต่โดนยิงใส่ด้านหน้าจังๆก็พังเช่นเดียวกันครับ

ปืนใหญ่ FlaK 36 ขนาด 88 มม.
(http://images.temppic.com/29-07-2010/images_vertis/1280391195_0.31412300.jpg)

ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดเหตุการณ์ที่หมู่บ้านวิลเลอร์-โบคาจ (Battle of Villers-Bocage) ที่รถถังไทเกอร์เพียงกองร้อยเดียว สามารถป่วนและทำลายขบวนยานเกราะของฝ่ายอังกฤษจนยับเยินครับ ::012::

ในภายหลังฝ่ายอเมริกาได้วิจัยพัฒนารถถังหนักรุ่นใหม่ออกมา คือ รถถัง M26 Pershing ซึ่งมีเกราะด้านหน้าหนาถึง 110 มม. ติดตั้งปืนใหญ่รถถัง M3 ขนาด 90 มม. เมื่อต้องเจอกับรถถังหนักของฝ่ายเยอรมันไม่ว่าจะเป็น Tiger , Panther ก็พอจะสู้กันไหวครับ

รถถัง M26 Pershing
(http://images.temppic.com/28-07-2010/images_vertis/1280333804_0.59980000.jpg)

รถถัง M26 Pershing ถูกยิงโดยรถถัง Tiger เข้าที่ป้อมปืน บริเวณโคนลำกล้องปืน
(http://images.temppic.com/29-07-2010/images_vertis/1280391097_0.81023400.jpg)

ในส่วนของเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตร ก็มีการปรับปรุงเรื่องอาวุธที่ใช้ต่อต้านรถถัง โดยมีการวิจัยและพัฒนาอาวุธประเภทจรวดชนิดวิถีตรงแบบความเร็วสูง รุ่น M8 HVARs (High velocity aircraft rockets) ขนาด 5 นิ้ว (127 มม.) สำหรับติดตั้งกับเครื่องบิน P-47 Thunderbolt ซึ่งจรวดชนิดนี้มียอดการทำลายศัตรูสูงมาก โดยเฉพาะยานเกราะของฝ่ายศัตรูถูกทำลายด้วยจรวดชนิดนี้มากถึง 6,000 คันเชียวครับ 

จรวดวิถีตรงความเร็วสูง M8 HVARs
(http://images.temppic.com/28-07-2010/images_vertis/1280332888_0.16216900.jpg)

เครื่องบิน P-47D ขณะทำการยิงจรวด HVARs
(http://images.temppic.com/28-07-2010/images_vertis/1280332888_0.53455900.jpg)

สวัสดีค่ะ

ไม่รู้รถถังรุ่นใหนที่จะเข้ามาเป็นเขี้ยวเล็บใหม่ของกองทัพไทย  หรือว่าจะไม่มี 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ บวกๆๆ

ช่วงนี้ผมอ่านชุดนี้อยู่ เป็นเรื่องโดย Donald R. Burgett ทหารกองพล ๑๐๑ ตั้งแต่นอร์มังดีถึงเยอรมัน เส้นทางคล้าย Band of Brothers เขียนตรงไปตรงมา สนุกดีครับ เป็นเรื่องทหารเขียนจากมุมมองระดับพลทหารที่อ่านสนุกดีมากเรื่องหนึ่ง

 :)

เรื่องของนาย เบอเก็ต นี่ผมอ่านควบกับ D day Antony Beevor เพราะชอบอ่านควบคนละอารมณ์มุมมองแนวกว้างกับแคบ คิวต่อไปมุมด้านเยอรมันครับ ;D

สอบถามซักนิดครับ เจ้ารถหุ้มเกราะยูเครนที่ว่าจะเปลี่ยนเครื่องเพราะเยอร์มันไม่ขายเครื่องให้เรา สรุปเราจะไปใช้เครื่องของประเทศอะไรครับ ::014::
อ่านแว๊บ ๆ  หาไม่เจอครับ ;D

บอกให้เขาลงเครื่องโตต้าได้ไหมครับ? หาอะไหล่ง่ายดี อิ อิ ;D

                   กราบขอบพระคุณทุกท่านครับที่เสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้  ::014:: 

ลง 2J สิครับพี่ต๊อก อิอิ

น่าจะปลดประจำการไปแล้วนะครับ  ท่าน......

ปัจจุบันสวีเดนใช้รถถังเยอรมันครับ

เห็นภาพปกเป็นรูปนายพลไฮน์ กูเดเรียน (Heinz Guderian) แล้วผมนึกถึงหน่วยยานเกราะ Panzer กับยุทธวิธี  Blitzkrieg  อันเลื่องชื่อของนาซีเยอรมันเลยครับพี่ต็อก ::002::

ส่วนตัวนายพลกูเดอเรียนก็ได้รับฉายาว่า " บิดาแห่งยานเกราะของเยอรมัน" รวมไปถึงหนังสืออีกเล่มซึ่งเป็นผลงานของแกคือ Achtung - Panzer! ครับ  ::014::

ว่าแล้วก็ขอนำประวัติของนายพลไฮน์ กูเดเรียน (Heinz Guderian) จาก http://www.geocities.com/saniroj (http://www.geocities.com/saniroj) (ปัจจุบันปิดให้บริการแล้ว จึงนำมาจาก  ฺBloggang (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=vuw&date=13-07-2009&group=5&gblog=22) แทนครับ ::014:: ) ของพันเอกศนิโรจน์ ธรรมยศ มาลงให้อ่านกันะครับ


นายพลไฮน์ กูเดเรียน เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1888 ที่เมืองคลุม (Culm) ซึ่งตอนนั้นอยู่ในปรัสเซียตะวันตกของเยอรมัน ปัจจุบันชื่อเมือง Chelmno อยู่ในประเทศโปแลนด์ จบการการศึกษาทางทหาร จากโรงเรียนนายร้อยในเบอร์ลิน ในปี 1908 ได้รับการประดับยศเป็นร้อยตรี

ต่อมา ในปี 1913 สมรสกับภรรยาชื่อ Margarete Goerne มีบุตรชายสองคน ซึ่งทั้งตัวเขาและลูกชายทั้งสองคน ต่างก็ร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายคนโต ซึ่งต่อมาได้เป็นพลตรีของกองทัพเยอรมันในช่วงหลังสงคราม

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กูเดเรียน เป็นครูฝึกในโรงเรียนนายร้อยในเบอร์ลิน เขาเริ่มแสดงแนวความคิดใหม่ๆในการใช้ยานยนต์ในการเคลื่อนที่ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นพันตรี ในปี 1927 เยอรมันถูกจำกัดด้วยสนธิสัญญาแวร์ซาย หน่วยของเขามีแต่มอเตอร์ไซค์และรถบรรทุก เพราะเยอรมันไม่ได้รับอนุญาติให้พัฒนาอาวุธสงคราม เขาพยายามพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว

เขาเดินทาง ไปดูการพัฒนารถถังของนาซีอย่างลับๆในรัสเซีย แล้วกลับมาติดตั้งรถบรรทุกของเขาด้วยป้อมปืนไม้ แล้วใช้รถบรรทุกเหล่านี้ทำการรบแบบรถถัง เขาจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิด แนวความคิดของการใช้รถถังในการรุก และเป็นผู้ให้กำเนิด หน่วย Panzer หรือ หน่วยยานเกราะของเยอรมัน โดยกูเดเรียนได้อ่าน แนวคิดการใช้ยานเกราะของอังกฤษ ซึ่งเขียนโดย J.F.C Fuller ในปี 1929 และนำมาปรับใช้อย่างจริงจังครั้งแรกในกองทัพนาซีเยอรมัน

เมื่อฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจ ฮิตเลอร์ได้เดินทางไปชมการฝึกซ้อมของหน่วยยานเกราะเล็กๆ ของกูเดเรียน ซึ่งมีความคล่องตัว แตกต่างไปจากรถถังในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รถถังจำลองของกูเดเรียนวิ่งไปรอบสนามฝึก สร้างความประทับใจให้กับฮิตเลอร์เป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการใช้รถถังเป็นกำลังหลักในการรุกนั้น กูเดเรียนต้องประสบกับการต่อต้าน แนวความคิดนี้ จนในปี 1937 ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง 3 ปี กูเดเรียนได้เขียนหนังสือชื่อ Achtung Panzer (อาคตุง แพนเซอร์ - ระวัง ยานเกราะ) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้นำเสนอแนวคิด ในการใช้รถถังเป็นกำลังหลักในการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ หรือที่เรียกว่า Blitzkrieg

ต่อมาฮิตเลอร์ฉีกสนธิสัญญาแวร์ซาย เริ่มสะสมอาวุธ และสร้างกองทัพอย่างขนานใหญ่ กองพลยานเกราะ (Panzer Division) 3 กองพลถูกตั้งขึ้นอย่างเปิดเผย กูเดเรียนซึ่งขณะนั้นมีความโดดเด่นจากแนวคิดการใช้ยานเกราะนี้ ทำให้เขาใกล้ชิดกับฮิตเลอร์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองพลยานเกราะที่ 2 (2nd Panzer Division) พร้อมๆกับครองยศ พลตรี (Major General) และอีกไม่ถึงปีครึ่ง เขาก็ได้เป็นพลโท พร้อมกับตำแหน่งแม่ทัพกองทัพน้อยที่ 16 (XVI Army-Corps)

อีกเพียงสิบเดือนต่อมา เขาก็ดำรงพลเอก ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว (Chief of fast troops) ซึ่งรับผิดชอบการจัดตั้ง การฝึก และการใช้ยุทธวิธีในการรุกด้วยยานเกราะ ซึ่งตำแหน่งนี้ ส่งผลให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การรบสมัยใหม่ ด้วยยานเกราะ มาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งส่งผลให้ หน่วย Panzer กลายเป็นหน่วยรบที่น่ากลัวที่สุดในโลกขณะนั้น


กูเดเรียน ได้มีโอกาสใช้ทฤษฎี สงครามสายฟ้าแลบ หรือ Blitzkrieg อย่างแท้จริง เมื่อเยอรมันรุกเข้าสู่ฝรั่งเศส เขาคุมกำลังยานเกราะของเขา รุกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจคำสั่งจากฝ่ายเสนาธิการในเบอร์ลิน ที่ให้เขาหยุดกำลังเอาไว้ก่อน

กูเดเรียนสั่งยานเกราะของเขาเจาะแนว ตั้งรับของฝรั่งเศส บริเวณแม่น้ำเมิร์ส (Meuse) ที่เมืองซีดาน (Sedan) แล้วใช้ความเร็วพุ่งเข้าสู่กองบัญชาการของข้าศึก จับกุมฝ่ายเสนาธิการของฝรั่งเศส ในกองบัญชาการ ทิ้งให้กำลังทหารฝรั่งเศสที่เหลือตามแนวรบ ตกอยู่สภาพไร้หัว หรืออยู่ในสภาพไร้การควบคุมสั่งการ ก่อให้เกิดการสับสน ขวัญเสีย และยอมจำนนในที่สุด

การรุกที่แม่น้ำเมิร์ส ถือเป็นเรื่องราวความมหัศจรรยของกูเดเรียน และหน่วย Panzer ที่เล่าขานกันไม่รู้จบเลยทีเดียว

บางทฤษฎีอาจกล่าวว่าชัยชนะที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากแสนยานุภาพที่มีอย่างท่วมท้น ของนาซีเยอรมัน จริงๆแล้ว เยอรมันขณะนั้นมีรถถัง Panzer IV เท่านั้นที่มีความทันสมัย ส่วนที่เหลือเป็น Panzer I Panzer II Panzer III ที่มีสมรรถนะเท่าๆกับ รถถังของฝรั่งเศส และอังกฤษ หรืออาจจะด้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ เช่นรถถังมาทิลด้าของอังกฤษ ที่ประจำการ อยู่ในฝรั่งเศส มีปืนใหญ่และเกราะที่เหนือกว่ารถถังเยอรมันมาก ฝ่ายเยอรมันต้องใช้ปืน 88 มม.ในการหยุดยั้งมัน เมื่อปะทะกันครั้งแรกๆ

เหตุผลที่แท้จริงของชัยชนะเหนือฝรั่งเศส ก็คือ ยานเกราะของเยอรมัน มีความเร็วในการเคลื่อนที่สูง บำรุงรักษาตัวมันเองในสนามได้ระดับหนึ่ง มีความคล่องตัว และใช้ยุทธวิธีที่เหนือชั้นของกูเดเรียนในการเจาะแนวข้าศึก และกระจายกันออกในแนวหลัง แต่ละหน่วยปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระ ไม่ขึ้นตรงกับหน่วยทหารราบ แต่ใช้การประสานงานด้วยวิทยุประจำรถ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ในขณะนั้น

ที่สำคัญที่สุด คือนายทหารที่บังคับบัญชาหน่วย Panzer ในขณะนั้น ล้วนแต่ได้รับการปลูกฝังแนวความคิด และได้รับการฝึกฝนในการรบในสงครามสายฟ้าแลบจากตัวผู้คิดค้นทฤษฎีเอง นั่นคือ ไฮน์ กูเดเรียน นั่นเอง

เกียรติยศนี้ถือเป็นเกียรติสูงสุด เมื่อรถถังทุกคันในหน่วย Panzer กลุ่มกูเดเรียน ต่างพร้อมใจกัน ประดับตัวอักษร G ไว้ที่ตัวรถถัง ยานยนต์ และมอเตอร์ไซค์

ในยุทธการบาร์บารอสซ่า (Barbarossa) เมื่อเยอรมันบุกเข้าไปในรัสเซีย กูเดเรียน ในฐานะผู้บัญชาการ หน่วย Panzer กลุ่ม 2 (Panzergruppe 2) ฝากผลงานไว้มากมาย จนได้รับกางเขนเหล็ก ประดับใบโอ็ค

แต่ในที่สุด เขาก็ขัดแย้งกับนายพล ฟอน บ็อค (Von Bock) ผู้บัญชาการ กลุ่มกองทัพกลางในรัสเซีย ที่พยายามหยุดการเคลื่อนที่ของกูเดเรียน จนในที่สุด กูเดเรียน ก็ถูกถอดออกจากตำแหน่ง เมื่อขัดคำสั่งของฟอน บ็อค ในการถอนกำลัง Panzer ของเขา ออกจากจุดอันตราย และเสี่ยงต่อการสูญเสียอย่างไม่คุ้มค่า

ในเดือน ก.พ. 1943 หลังจากกองทัพที่ 6 ของนายพล ฟอน เปารุส พ่ายแพ้ในสตาลินกราด กูเดเรียนถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง ในฐานะผู้รับผิดชอบในการพัฒนายานเกราะให้มีความทันสมัย

เขาเริ่มต้น ด้วยการเพิ่มอัตราการผลิตยานเกราะในแต่ละเดือน นอกจากนี้ ยังไม่ยอมให้มีการยกเลิกสายการผลิต Panzer IV เพื่อหันไปผลิต Panzer V หรือรู้จักกันในนาม Panther และ Panzer VI หรือ Tiger

ซึ่งแม้ Panzer IV จะด้อยกว่ารถถังของรัสเซีย ที่ออกมาใหม่เกือบทุกอย่างก็ตาม แต่กูเดเรียนก็ให้เหตุผลว่า Panzer IV นั้นมีเครื่องยนต์ที่ไว้ใจได้ พลประจำรถถังเยอรมันมีความคุ้นเคยกับมันขนาดบังคับได้ แม้เวลาหลับ (could handle it in their sleep) ต่างจากรถถังรุ่นใหม่ๆ ที่ต้องเสียเวลาในการฝึกฝนพลประจำรถใหม่ ในเวลาปกติคงไม่น่าเป็นปัญหา แต่ในขณะที่รัสเซียกำลังรุกเข้ามาทุกทิศทุกทางเช่นนี้ คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะนัก สำหรับการมานั่งฝึกการบังคับรถรุ่นใหม่ๆ

กูเดเรียน จบการรับใช้กองทัพนาซีเยอรมัน ในตำแหน่ง เสนาธิการทหารบก (Chief of army staff) และยอมจำนนต่อกองทัพอเมริกา ในเดือน พ.ค. 1945 เขาถูกส่งตัวขึ้น ศาลอาชญากรสงคราม ที่นูเรมเบอร์ก ฝ่ายรัสเซียต้องการดำเนินคดีเขาในฐานะ อาชญากรสงคราม

แต่ฝ่ายอังกฤษ อเมริกา ไม่เห็นด้วย เขาถูกคุมขังที่ Neustadt และได้รับการปล่อยตัวใน 3 ปีต่อมา คือ ปี 1948 นายพล ไฮน์ กูเดเรียน เสียชีวิต เมื่อ 14 พ.ค. 1954 ในเยอรมันตะวันตก (ขณะนั้น) เป็นเวลา 14 ปีหลังจากการรุกที่แม่น้ำเมิร์ส อันยิ่งใหญ่ของเขา ในฝรั่งเศส[/quote]
 

                 ขอกราบขอบพระคุณท่านJoke  ท่านNapalm  ท่านDon  และท่านรพินทรนาถ เป็นอย่างสูงครับที่มาแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนสมาชิก ::014::
                 ผมก็เพิ่งทราบนี่แหละครับว่า Achtung แปลว่าระวัง เห็นในหนังทหารเยอรมันตะโกนกันบ่อยๆก่อนจะบอกว่า ไฮฮิตเลอร์ (คงหมายความเหมือนระวังตรงนะครับ)  นึกออกแล้วครับตามป้ายต่างๆในหนังสารคดีเยอรมันก็เคยเห็นคำว่า Achtung เหมือนกัน

ขอบคุณมากครับคุณรพินทรนา รักในหลวงฯ ขอตาม บวกๆ ครับ 

เล่มที่กูเดเรียนเขียนนี่ผมยังไม่ได้อ่านเลยครับ อิ อิ เปิดดูแค่บางตอนตอนไปเที่ยวนอร์มังดี

Heil Hitler ! ไฮล์ ฮิตเลอร์ เป็นคำทักทายพร้อมทสดุดีผู้นำพร้อมกัน

คำเยอรมัน heil คำนี้อังกฤษคือ Hail เฮล เป็นคำใช้ทักทายด้วยอาการคึกคัก รื่นเริง ถ้าเป็นคำนามก็คือ ลูกเห็บ ครับ

นาซีมีอีกคำหนึ่งที่ชอบให้ฝูงชนร้องติดปากคือ Sieg heil ! ซีก ไฮล์

ซีก แปลว่าชัยชนะ ความหมายคือ สวัสดีความมีชัย ทำนองนั้นครับ

Achtung เหมือนกับคำอังกฤษ Attention ใช้ได้ในหลายคความหมายทั้ง ระวัง ระวังตรง และเรียกความสนใจ ฯลฯ ครับ

ทหารไทยมีความรู้ด้านการทหารสูงมาก และหลายคนก็ไปเรียนจวิชาทหารจากหลายประเทศทั้ง รร. นายร้อย/ รร. เสนาธิการ หรือ เรียน ม.ด้านเทคนิกเฉพาะ เช่น เมกา อังกฤษ เยอรมัน สเปน ออสเตรเลีย รัสเซีย ฯลฯ หลายคน ผมอยากหาโอกาสคุยถามเรื่องของต่างชาติบ้าง แต่เวลาเจอมักไม่ค่อยมีเวลา

ผมเคยเจอนายทหารที่ไปเรียนวิชารบพิเศษที่ ฟอร์ด แบรก ของเมกัน บอกว่าเวลาฝึกการรบประจำวันเสร็จแล้วเขาจะให้ถามว่ามีข้อสงสัยตรงไหน? อย่างไร? และทหารเมกันถามมากจริงๆ ครูฝึกจะอธิบายทุกอย่างทุกเรื่องให้เข้าใจว่าวิธีการรบที่ให้ฝึกทำอย่างนั้นอย่างนี้เพราะอะไร ศึกษามาอย่างไร มีเหตุผล ประสบการณ์สนามสนับสนุนอย่างไร บางครั้งถาม-ตอบ อย่างนี้ถึง ๓ ชัวโมงหลังฝึกเสร็จ

เกี่ยวกับคำ hail

เพลง Hail Columbia เรียกได้ว่าเป็นเพลงชาติไม่เป็นทางการของเมกาก่อนใช้เพลง Starฯ เป็นเพลงชาติทางการปัจจุบัน

http://en.wikipedia.org/wiki/Hail,_Columbia (http://en.wikipedia.org/wiki/Hail,_Columbia)

                    ขอบพระคุณมากครับท่าน Don  ::014::
                     Heil   Don Quixote  !!!!   ::008::

ไทยก็ทำครับรถเกราะล้อยางเองได้  http://www1.mod.go.th/opsd/omdweb/html/7ton.htm (http://www1.mod.go.th/opsd/omdweb/html/7ton.htm)

เห็นว่าจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ จะได้ประจำการเสียที
ครม.เห็นชอบหลักการเปลี่ยนเครื่องยนต์จัดซื้อยานเกราะล้อยางยูเครน
Tue, 07 Sep 2010 13:46:58 +0000   
Filed under breakingnews, มติ ครม.
Leave a Comment
นายวัชระ กรรณิการ์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ให้ความเห็นชอบในหลักการในการทบทวนการจัดซื้อและแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลยูเครนตามโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยาง โดยให้แก้ไขและลงนามเอกสารในความตกลงจัดซื้อยานเกราะล้อยาง
ทั้งนี้ การจัดซื้อรถหุ้มเกราะดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนตัวเครื่องยนต์ จากเดิม Deutz BF 6m015 เป็น MTV 6Ri06TD 21 และเครื่องเปลี่ยนความเร็ว จากเดิม Allison รุ่น MD3066 เป็น Allison รุ่น MD3200sp
นายวัชระ กล่าวว่า ประชุมได้ใช้เวลาหารือเรื่องนี้นานถึง 30 นาที โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลกับกระแสข่าวที่ออกมา โดยได้มีการสอบถามใน 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรก คือ สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ ซึ่งได้รับการชี้แจงจากเจ้ากรมสรรพาวุธว่าประเทศเยอรมันไม่ยอมส่งมอบเครื่องยนต์ให้ โดยเป็นมิติทางการเมือง
และ นายกรัฐมนตรียังสอบถามถึงการชี้แจงต่อสาธารณชนว่า หากมีข้อสงสัยในการจัดซื้อครั้งนี้กองทัพจะชี้แจงได้หรือไม่ว่ามีสาเหตุใดในการอนุมัติ รวมถึงประเด็นที่ 3 กรมสรรพาวุธยืนยันว่าหากมีการนำเครื่องเข้ามาทดสอบในประเทศไทยแล้ว ทางไทยสามารถยกเลิกการซื้อครั้งนี้ได้ ไม่ได้เป็นการผูก

                  ขอบพระคุณครับท่าน Art  ::014::  รถเกราะของไทยดูน่าเกรงขามดีนะครับ  แต่ความหนาของเกราะ ๖.๔ มิล.นี่พอจะป้องกันอาวุธอะไรได้บ้างครับ

คิดว่า อาก้า m16 พอไหวนะครับ เหนือกว่านี้สงสัยอยู่เหมือนกัน

                            ขอบพระคุณครับท่าน Art  ::014::  ถ้าจะเอาให้หนาหรือดีกว่านี้คงจะหนักเกินไปนะครับ  (ก็เป็นห่วงทหารข้างในน่ะครับอยากให้เขาปลอดภัย)  ::014::

รถเกราะยูเครนมาแล้ว 2 คัน
ไทยรัฐ on line
"รถเกราะยูเครน" แกะกล่องถึงไทย 17 ก.ย.นี้ เตรียมฉลองก่อน "บิ๊กป๊อก" เกษียณ พร้อมเข้าร่วมพิธีสวนสนาม เทิดเกียรตินายพล พล.ร.2 รอ. สัปดาห์หน้า...

ในวันที่ 17 ก.ย.นี้ รถยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 ชุดแรก จำนวน 2 ใน 96 คัน จะส่งถึงประเทศไทย และถึงสนามบินทหาร ท่าเรืออู่ตะเภา โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากประเทศยูเครน จากนั้นจะผ่านกระบวนการตามระเบียบ ยกเว้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากร ก่อนเคลื่อนย้ายไปที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) เพื่อให้คณะกรรมการตรวจรับขั้นสุดท้ายได้พิจารณา และจะเข้าร่วมพิธีสวนสนามในพิธีเทิดเกียรติให้กับทหารชั้นนายพล ที่จะเกษียณอายุราชการปีนี้ ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ โดยจะมีการเชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เข้าร่วมงานด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรถเกราะล้อยาง 2 คันนี้ เพิ่งได้รับการผลิตเสร็จสิ้นเมื่อไม่นาน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเปลี่ยนเครื่องยนต์ของเยอรมัน มาเป็นของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงสัญญาย้อนหลัง เพื่อให้การดำเนินการครั้งนี้ ไม่เป็นการกระทำที่ผิดสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ ดังนั้นโครงการดังกล่าว ถือว่าใช้เวลาในการดำเนินการอย่างยาวนานเกือบ 4 ปี

สำหรับรถหุ้มเกราะทั้ง 96 คัน มูลค่าโครงการประมาณ 4 พันล้านบาท จะเข้าประจำการที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จ.ปราจีนบุรี โดยบริษัทผู้ผลิตจะทยอยส่งมอบเป็นระยะ และระยะต่อไปจะมีการจัดส่งทางเรือ ในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้จำนวน 22 คัน แบ่งเป็นกองทัพบก 10 คัน และกองทัพเรือ 12 คัน ทั้งนี้ BTR-3E1 เป็นรถยานเกราะล้อยาง ประเภทสะเทินน้ำสะเทินบก บรรทุกกำลังพลรวม 9 นาย ประกอบด้วย ผบ.รถ, พลขับ, พลยิง และพลประจำรถ โดยทั้ง 96 คัน จะประกอบด้วยรถ 7 ประเภท โดย 2 คันที่ส่งมาในครั้งแรก จะเป็นยานเกราะลำเลียงพล ซึ่งถือเป็นยานรบหลัก ที่ติดอาวุธมาตามเงื่อนไขที่กำหนด.

บทความเพิ่มเติมครับ  www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=11-08-2007&group=1&gblog=58 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=11-08-2007&group=1&gblog=58)

ดีแล้วครับที่ได้รับมอบรถเกราะมาทดสอบ ถึงแม้จะมาแค่ 2 คันก็ตาม  :P

ผมว่ากองทัพบกควรเปลี่ยนสเปกเครื่องยนต์ดีเซลจากยี่ห้อ Deutz มาใช้ของยี่ห้อ MTU ตั้งนานแล้ว เครื่องยนต์ยี่ห้อนี้เป็นของเยอรมนีเหมือนกัน (ไม่ใช่ของอเมริกาตามข่าวของไทยรัฐ) ซึ่งเป็นเครื่องยนต์อีกยี่ห้อหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเสถียร ใช้อึด ทนทาน บริการหลังการขายดีครับ 

ซึ่งหน่วยงานที่จะบอกเล่าข้อมูลและประสบการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องยนต์ MTU ได้ดีอีกรายหนึ่ง ก็คือ กองทัพเรือไทย ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของ MTU มาหลายสิบปีว่าของเขาดีแค่ไหน ::002:: ::002:: ::002::

เครื่องยนต์จาก MTU ถ้าไม่เจ๋งจริงคงไม่ได้บรรจุอยู่ในรถถังหลักLeopard ของเยอรมันแน่ๆครับ  ::002:: ::002::

รถเกราะล้อยางรุ่นนี้ติดอาวุธ ทั้งปืน 30 มม. และจรวดต่อสู้รถถัง รถถถังศัตรู  หนาวแน่ครับ

มาแล้วครับ  ของเขมรก็มา   ::005::

ไม่น้อยหน้าพี่ไทยเลย   ::001::

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000132436 (http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000132436)

พี่ๆที่รู้ข้อมูลเปรียบมวยหน่อยครับว่า ของเขมรของไทย ตรงไหนต่างกัน

มวยวัดก่อนนะครับ
T55                                                                                M60
น้ำหนักเกือบ ๆ 40 ตัน                                                       น้ำหน้ก        45-50 ตัน   
ปืนหลัก 100 มิล                                                               ปืนหลัก         105   มิล 
เกราะหนาประมาณ 90 มิล                                                  เกราะหนาประมาณ 155 มิล
ความเร็วสูงสุด 55 กม./ชม.                                                ความเร็วสูงสุด 48กม./ชม.
รัศมีทำการประมาณ 500 กม.(600 กม.ถ้าใช้ถังเพิ่ม)               รัศมีทำการประมาณ 500 กม.
จำนวน 50                                                                        จำนวน 178
ปีการผลิตปลายยุคปี 40 - ปลายต้นยุคปี 80                         ปีการผลิตต้นยุค 60 - ปลายยุค 90

BTR-60                                                                           BTR-3
น้ำหนัก 10 ตันนิด ๆ                                                            น้ำหนัก 16 ตันกว่า ๆ   
ปืนหลัก (ดูจากรูปน่าจะ) ปืนกล 14.5mm                               ปืนหลัก ปืนกล 30 mm
                                                                                                    ระบบอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง แบบ BARRIER
                                                                                                    ค.อัตโนมัติ ขนาด ๓๐ ม.
เกราะเหล็กกล้า                                                                   เกราะ เหล็กกล้าชนิดแข็งมากผสมใยสังเคราะห์ KEVLAR สามารถเสริม   
                                                                                                  แผ่นเซรามิกเพื่อป้องกันปืนขนาด .50 ได้
ความเร็ว 80 กม/ชม.                                                            ความเร็ว 85 กม./ชม.
รัศมีปฏิบัติการ 5-600 กม.                                                     รัศมีปฏิบัติการ 700 กม.นิด ๆ
จำนวน 40                                                                          จำนวน 96++

ดูจากตารางมันพอ ๆ กันครับ เราเหนือกว่าตรงจำนวน แต่ถ้าพิจารณาลงรายละเอียด เอาแค่ระบบยิงของรถถัง M60A3 ผมว่าเหมือนปืนติดกล้องจุดแดง ส่วนฝ่ายโน้นใช้ศูนย์เปิดธรรมดา  เราจับเป้าได้เร็วกว่า เผลอ ๆ วิ่งไปยิงไปก็ยังได้ ส่วนรถหุ้มเกราะนี่ถ้าติดแค่ปืนกล 14.5 มิล โดนจวรดส่องตั้งแต่อยู่ในมุ้งครับ(คือยังไม่ทันจะวิ่งเข้าระยะยิงตัวเองเลย ตูม..... จรวดของเรายิงไกล 5 กม.นิด ๆ อะเพื่อพี่ ๆ ทหารจะเสียเวลาเล็ง โผลเข้ามาที่ 5 กม. ก็ยังโดนครับระยะยิงของ 14.5 มิลตัวนี้ที่ค้นได้คือ 2 กม. ปืนกล 30 มิลเรายิงได้ 4 กม.)
 :DD :DD :DD :DD :DD
นี่แฟร ๆ กันเลยนะครับคือเอารถถังมายิงกับรถถัง ไม่นับเครื่องบิน ปืนใหญ่ฝ่ายเราช่วยยิง นะครับ :DD
โม้ได้แค่นี้แหละครับ มวดวัด ไม่ใช้กูรู เป็นประเภท กูรู้ 555+  :~)

แค่ความสงสัยส่วนตัวนะครับ ทางการไทยเราก็มีความสัมพันธภาพที่ดีกับอิสราเอล

ขนาดปืน Tavor ยังซื้อมาใ้ได้ แล้วทำไมไม่ขอซื้อรถถัง Merkava Mk4 ของทางโน้นมาสักฝูงละครับ

Future Weapons Israel special part 1 - Merkava tank (http://www.youtube.com/watch?v=O5XYFsZ01ek#ws)

Future Weapons Israel special part 2 - Merkava, APAM (http://www.youtube.com/watch?v=kCOm4frPxVw#ws)

พี่ๆท่านใดมีข้อมูลช่วยเปรียบเทียบ Merkava Mk4 กับ M1A1 Abrams ให้หน่อยครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Merkava (http://en.wikipedia.org/wiki/Merkava)

http://en.wikipedia.org/wiki/M1_Abrams (http://en.wikipedia.org/wiki/M1_Abrams)

พี่อั้ม 26นี้มาดูเขาเทส BTR -3E1  ที่หระรีไหมครับ  เดี๋ยวจะพาปีนรั้วเข้าไปดู   ::008::

จะให้ตื่นเต้น... ต้องวิ่งล่อเป้า... ;D ;D ;D

เอาอาร์พีจีที่หลอยมาจากลพบุรีไปด้วยนะครับ   ;D ;D

อืม... เป็นการช่วยทางการทดสอบเกราะรถ... เห็นด้วย... ;D ;D ;D

ที่แท้ก็มาอยู่แถวๆนี้เอง ::005::

 ;D M-60 A1/A3 และ Commando Stingray ของเรามีระบบรักษาสมดุลอัตโนมัติของป้อมปืน วิ่งไปยิงไปได้ครับ แต่ T-55 ไม่มี อีกทั้งระบบการเล็งและตัวปืนใหญ่หลักของเราเหนือกว่ามาก T-55 และ BTR-60 น่าจะเป้นการจัดหามือสองมา เพราะทั้งสองรุ่นปิดสายการผลิตนานแล้ว จากความสามารถในการซ่อมบำรุงของเขมรแล้ว คาดว่าเอามาใช้ไม่นานคงต้องจอดทิ้งเหมือน T-69 ของเราที่ซื้อมาจากจีน ;D
 ;D M-60 A3 อเมริกานำมาใช้ในสนามรบครั้งสุดท้ายในสงครามอ่าวครั้งแรก ยังสามารถเอาชนะยิง T-55/69/72 ไปได้หลายคัน ;D

วันจันทร์ติดสอบคงจะไม่ได้ครับพี่กวาง  ::014:: ::014::



ผมรอวิ่งกับพี่ดีกว่าครับ  ::005:: ::005::

งั้นเดี๋ยวผมหาเชือกมามัดขาติดกันไว้ดีกว่า... จะได้ไม่ทิ้งกัน... ::005:: ::005:: ::005::

ระบบอิเลคโทรนิคอํานวยการยิงสําหรับรถถังสําคัญมากในการรบยุคใหม่....

ผมเคยดูสารคดีในช่องDiscovery....เป็นเรื่องการฝึกทดสอบยุทธวิธีของหน่วยรถถังแคนาดากับอเมริกา....

มีการเตรียมการแบบเข้มข้นก่อนเข้าทดสอบ.....

แคนาดาใช้รถถังLeopardของเยอรมัน...ส่วนอเมริกาก็ M1....

ผมจําผลไม่ได้ครับ...จําได้แต่ว่า...แคนาดาชนะในการรบกลางคืน....เพราะมีระบบไนท์วิชั่นที่ดีกว่า.....ยิงได้ก่อน

ระยะยิงของปืนใหญ่ประจํารถก็มีส่วนอย่างมาก.....ในสงครามอ่าว....T-72ของอิรัคถูกยิงจากนอกระยะยิงของปืนใหญ่T-72.....

พูดง่ายๆคือโดนล่อเป้าอย่างเดียว......ยิงตอบโต้ก็ไม่ได้..เพราะนอกระยะ......

  :<><> ::014::

   ไม่ทราบว่า  ทร. ของเราใช้เครื่อง MTU  กับยานรบชนิดไหน  ครับท่าน.......

 ;D เครื่องจักร์ของเรือรบครับ ;D

Top 10 Tanks By Military Channel

Military Channel: Top 10 Tanks (T-34) NO.1 (http://www.youtube.com/watch?v=cvrZrb6hN4M#)

Military Channel: Top 10 Tanks (M1 Abrams) NO.2 (http://www.youtube.com/watch?v=QF3_7uf6msQ#)

Military Channel: Top 10 Tanks (Tiger) NO.3 (http://www.youtube.com/watch?v=ahusMuNccMI#)

Military Channel: Top 10 Tanks (WW1 Tank) NO.4 (http://www.youtube.com/watch?v=4bePKB4vwMk#)

Military Channel: Top 10 Tanks (Centurion) NO.5 (http://www.youtube.com/watch?v=O8SU5sPoP6w#)

Military Channel: Top 10 Tanks (Mk IV Panzer) NO.6 (http://www.youtube.com/watch?v=mOowAmqrNmE#)

Military Channel: Top 10 Tanks (Challenger) NO.7 (http://www.youtube.com/watch?v=gV7HDai9_Mg#)

Military Channel: Top 10 Tanks (T-54/55) NO. 8 (http://www.youtube.com/watch?v=5rtYD-ildWI#)

Military Channel: Top 10 Tanks (Merkava) NO.9 (http://www.youtube.com/watch?v=KtlG-KEPico#)

Military Channel: Top 10 Tanks (M-4 Sherman) NO. 10 (http://www.youtube.com/watch?v=OS5V_eV26gk#)

Anatomy of an Abrams Tank

Anatomy of an Abrams Tank Part 1 (http://www.youtube.com/watch?v=OFN79wuuTy8#)

Anatomy of an Abrams Tank Part 2 (http://www.youtube.com/watch?v=97lBxGPppW0#)

Anatomy of an Abrams Tank Part 3 (http://www.youtube.com/watch?v=ZlGt7m1392g#)

Anatomy of an Abrams Tank Part 4 (http://www.youtube.com/watch?v=nF_HQFmHpg8#)

Anatomy of an Abrams Tank Part 5 (http://www.youtube.com/watch?v=l0uWcFpCi28#)

Anatomy of a Stryker

Anatomy of a Stryker Part 1 (http://www.youtube.com/watch?v=HEFNiiIIQM8#)

Anatomy of a Stryker Part 2 (http://www.youtube.com/watch?v=zXckfs4eyM4#)

Anatomy of a Stryker Part 3 (http://www.youtube.com/watch?v=uViv28kRwW8#)

Anatomy of a Stryker Part 4 (http://www.youtube.com/watch?v=eTXZlCDgjVo#)

Anatomy of a Stryker Part 5 (http://www.youtube.com/watch?v=xmb0GpMZyPg#)

M60 เก่าๆน่าอัพเกรดจริงๆ
http://en.wikipedia.org/wiki/Sabra_(tank) (http://en.wikipedia.org/wiki/Sabra_(tank))
M60T Sabra tank in Turkey (http://www.youtube.com/watch?v=FU1vrUEoqgc#)

กองทัพเรือเป็นลูกค้าประจำเครื่องยนต์เดินเรือของ MTU มานานตามที่คุณใหม่บอกกล่าวตามนั้นครับ  ::002::

จริงๆยังมีอีกหน่วยงานที่เคยมีประสบการณ์กับเครื่องยนต์ MTU ก็คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แต่ว่าหน่วยงานนี้ก็ไม่ได้เป็นลูกค้าประจำของ MTU บ่อยมากนักครับ เว้นแต่ว่าหัวรถจักรรุ่นนั้นๆจะสั่งซื้อมาจากประเทศเยอรมนีจึงจะติดตั้งเครื่องยนต์ MTU มาด้วยครับ  ::014::

http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/106785.html (http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/106785.html)
กองทัพบก 24 ก.ย.- พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงว่ากองทัพบกขอเลื่อนกำหนดการเชิญสื่อมวลชนไปชมการทดสอบขีดความสามารถของยานยนต์หุ้มเกราะล้อยาง  จากยูเครน ในวันที่  28 กันยายนนี้  ออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้รถเพิ่งมาเพียง 2 คัน และยังอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ยังไม่ได้ส่งให้กองทัพบกตรวจรับ เนื่องจากจะส่งรถเข้ามาอีก 10 คัน นอกจากนี้ บริษัทแจ้งว่า นำส่งเครื่องกระสุนที่ใช้กับรถดังกล่าวไม่ทัน

“เมื่อนำส่งไม่ทัน  การทดสอบระบบอาวุธควบคู่ไปกับระบบเครื่องยนต์ของรถก็จะไม่สมบูรณ์  จึงจำเป็นต้องเลื่อนการทดสอบออกไปก่อน โดยกองทัพบกจะตรวจรับลอตแรก ประมาณเดือนธันวาคมนี้ โดยในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ จะส่งกำลังในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับระบบส่งกำลังของรถ เครื่องยนต์ และเจ้าหน้าที่ระบบอาวุธ ไปฝึกที่ยูเครน” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

เบนส์ bmw ฯลฯ พวกไกเซอร์ผลิตแต่ของดีครับ ปืนกล mg42 ต้นแบบปืนกล เอ็ม60ฯลฯ เพียงแต่เยอรมัน ไม่ได้เตรียมรับสงครามเป็นเวลานานและสภาพสภาพอากาศที่มีผลต่อยุทธโธปกรณ์ ส่วนตัวผมว่า เลียวปาด เจ๋ง ที่สำคัน ไอ้สองตัวที่ว่ามันยังไม่เคยยิงกันครับ

ยานเกราะสมัยนี้ความสามารถไม่หนีกันครับ  รอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับกึ๋นของพลประจำรถทั้งหมด  หากดวลกันนะครับ   ;D

รถถัง m41 ของไทยถ่ายเมื่อปี 2006 สภาพดีมากทหารไทยรักษาดีครับ

ขอ  Merkava Mk4  ของอิสราเอลซัก 100-200  คันก็พอครับ   ::014:: ::005::

Israel Tank Program Management - Merkava Mk 4 Main Battle Tank [480p] (http://www.youtube.com/watch?v=WzuL1GGFVns#)

แต่เจ้า at-14  Kornet  ของรัสเชีย  เล่นซะอิสราเอล   เป๋  ไปเหมือนกัน

 ::014::

http://en.wikipedia.org/wiki/9M133_Kornet (http://en.wikipedia.org/wiki/9M133_Kornet)

AT-4 "Fagot", AT-14 "Kornet" vs Merkava in Lebanon (http://www.youtube.com/watch?v=jLz2orCNGsw#)

ผมว่า Merkava Mk 4 เราคงจะซื้อได้ยากครับ ไม่ใช่ว่ายิวไม่อยากขาย

แต่เดี๋ยวพอข่าวไปถึงหูลูกพี่อย่างไอ้กันขึ้นมา มันจะะมาสกัดดาวรุ่งเป็นดาวล่วง อดไปอีก

ผมว่าเราน่าจะมามองที่ตัว Leopard 2 จากเยอรมันนี ก็น่าจะดีนะครับ

สมรรถณะต่างๆไม่น่าจะด้อยกว่า M1 ของไอ้กัน หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

[Leopard 2] Titans of Justice (HD) (http://www.youtube.com/watch?v=KzvEKj6XrlQ#ws)

MBT Leopard 2 Industrial Group (http://www.youtube.com/watch?v=86syxIAIKfY#)

หรือไม่ก็ลองมาดู Challenger 2 ของอังกฤษก็ไม่เลวเหมือนกันครับ

ไม่แน่ใจว่า Leopard 2 หรือ Challenger 2 ที่ตอนซ้อมรบกับ M1 ของไอ้กัน

แล้วเเอาชนะ M1 ของไอ้กันได้

Challenger 2 MBT Tank Promotional Video (http://www.youtube.com/watch?v=xpJdkoLw5B0#)

ช๊อปของพี่หมีก็ได้ครับ ยังไงอเมริกันไม่มายุ่งแน่ๆ ของเยอรมันกับอังกฤษเป็นพันธมิตรกับ อาจจะมีการแทรกแซงก็ได้

T-90 ก็ไม่ใช่กระจอกซักหน่อย
(http://www.cedarsrevolution.net/jtphp/images/stories/Lebanon/Intelligence/T-90S-MBT.jpg)

(http://lol54.ru/uploads/posts/2009-05/1243624983_t90c.jpg)

Specifications
Weight 46.5 tonnes (45.8 LT; 51.3 ST)
Length 9.53 m (31 ft 3 in)
Width 3.78 m (12 ft 5 in)
Height 2.22 m (7 ft 3 in)
Crew 3

Armor         
Steel-composite-reactive blend vs APFSDS: 550 mm + 250-280mm with Kontakt-5 = 800-830mm; vs HEAT: 650 mm + 500-700mm with Kontakt-5 = 1,150-1,350mm
 
Primary armament            125 mm smoothbore gun with ATGM capability; mainly 9M119 Svir
Secondary armament       7.62 mm coaxial machine gun, 12.7 mm anti-aircraft machine gun

Engine Model 84
840 hp (626 kW) for Model 84 V-84 12-cyl. diesel engine
1000hp (736 kW) for V-92 12-cyl. diesel engine
1,250 hp (919 kW) for V-96 12-cyl. diesel engine
 
Power/weight 18.1 hp/tonne (13.5 kW/tonne) for Model 84 V-84 12-cyl. diesel engine

21.5 hp/tonne (15.7 kW/tonne) for V-92 12-cyl. diesel engine
26.9 hp/tonne (19.8 kW/tonne) for V-96 12-cyl. diesel engine
 
Suspension       torsion bar

Operational       range 550 km (340 mi)
Speed               60 km/h (37 mph)



หรือจะลองมองของอาบังอินเดีย เสียอย่างเดียวต้องใช้พลประจำรถ4นาย
Arjun main battle tank
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/d2/Arjun_MBT_bump_track_test_2.JPG/550px-Arjun_MBT_bump_track_test_2.JPG)

(http://www.armyrecognition.com/News/August_2004/images/Arjun_tanks_India_02.jpg)

Specifications
Weight 58.5 tonnes (57.6 long tons; 64.5 short tons)
Length 10.638 metres (34 ft 10.8 in)
Width 3.864 metres (12 ft 8.1 in)
Height 2.32 metres (7 ft 7 in)
Crew 4 (commander, gunner, loader and driver)

Armor     steel/composite Kanchan armour.

Primary armament   120 mm rifled tank gun LAHAT anti-tank missile HEAT, APFSDS, HESH Rounds

Secondary armament HCB 12.7 mm AA MG Mag 7.62 mm Tk715 coaxial MG

Engine MTU 838 Ka 501 diesel (เครื่อง MTU เยอรมันซะด้วย) 1,400 hp (1,040 kW)
 
Power/weight 23.9hp/tonne

Transmission Renk epicyclic train gearbox, 4 fwd + 2 rev gears

Suspension hydropneumatic

Ground clearance 0.45 metres (1 ft 6 in)

Fuel capacity 1,610 litres (350 imp gal; 430 US gal)

Operational range 450 kilometres (280 mi)

Speed 72 km/h (45 mph) Road  40 km/h (25 mph) Cross country
 

ของหมีขาวก็ไม่เลวเลยครับ แต่ของอาบังนี่ผมดูแล้วขัดๆไงก็ไม่รู้

ถ้าซื้อของอาบังผมว่าเอางบมาปรับปรุง M-60 ของเราดีกว่า

หน้าตาออกมาคล้ายๆกับ Type 90 Kyū-maru ของญี่ปุ่นครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/e8/Japanese_Type_90_Tank_-_1.jpg/800px-Japanese_Type_90_Tank_-_1.jpg)

(http://www.enemyforces.net/tanks/type90.jpg)

ทหารที่ใช้จรวดยิง รถถังเมอกาวา เป็นทหารชาติไหนครับ ดูไม่ค่อยเหมือน ผู้ก่อการร้ายฮิสบัลเลาะเลย เหมือนทหารรัสเซีย

ตอนยิงน่าจะเป็นการตัดต่อเอารูปจากการทดสอบ  ซ้อมรบมาในคลิป

ส่วนภาพเป้าหมายระเบิดเป็นของจริง

แต่ทหารรับจ้างรัสเชีย  ก็ออกหากินไปทั่วเหมือนกันครับ

อิสราเอลรักษา แถมปรับปรุงได้ดีกว่ามากครับ M26 ยังเอาไปรบในสงคราม หกวันเลยครับพี่

ไม่เวิร์คเรื่องเครื่องครับ การดีไซน์ด้วย

ของยิวเข้าดีจริงครับ

History Channel: Greatest Tank Battles, The Golan Heights Part-1/6 (http://www.youtube.com/watch?v=CBIKb1I-Svk#)

History Channel: Greatest Tank Battles, The Golan Heights Part 2/6 (http://www.youtube.com/watch?v=3xbkQsVtbDY#)

History Channel : The Greatest Tank Battles, The Golan Heights Part 3/6 (http://www.youtube.com/watch?v=1rp8nMdMqus#)

History Channel : Great Tank Battles, The Golan Heights part 4/6 (http://www.youtube.com/watch?v=bps-NBq3T9w#)

History Channel : Greatest Tank Battles, The Golan Heights Part 5/6 (http://www.youtube.com/watch?v=I-HJWFY4vFk#)

History Channel : Greatest Tank Battles, The Golan Heights Part 6/6 (http://www.youtube.com/watch?v=GTn0E2MsGls#)

ตรวจรับแล้วครับ


ทบ.แจงรับรถเกราะยูเครน 14 คันฉลุย
   
 28 มค. 2554 18:25 น.    จาก  nation ทันข่าว ครับ


เวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และพ.อ.ธนเดช เหลืองทองคำ ผู้อำนวยการกองประสานการช่วยเหลือทางทหาร กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก ร่วมแถลงความคืบหน้าของการเตรียมตรวจรับรถยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จำนวน 14 คันจากประเทศยูเครนว่า ผบ.ทบ.มีนโยบายให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เรื่องการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพว่า ตั้งแต่นี้หากมีการจัดซื้อจัดหา หรือรับอาวุธยุทโธปกรณ์จะชี้แจงรายละเอียดเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง จากกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ารถหุ้มเกราะไปปรากฏตัวที่ จ.ปราจีนบุรี และเตรียมนำไปที่ จ.นครราชสีมา ขอชี้แจงว่า รถหุ้มเกราะจำนวน 2 คันจะนำไปส่งที่โรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร เพื่อให้กำลังพลทำการถอดประกอบชิ้นส่วนรถเพื่อความชำนาญ ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการรับมอบรถยานเกราะล้อยางจำนวน 1 2 คันและรถบริการอีก 2 คัน ทั้งนี้กองทัพบกได้สั่งซื้อจำนวน 101 คันประกอบด้วย รถรบ 96 คัน รถใช้ฝึกศึกษา 5 คันและรถบริการอีก 10 คัน โดยกองทัพบกจะดำเนินการตรวจรับพร้อมกระสุน และลูกจรวดนำวิถีต้อสู้รถถังอีกจำนวนหนึ่งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 13 ก.พ.2554 โดยรถทั้งหมดจะทยอยส่งมาจนครบภายในเดือนม.ค. 2555 สำหรับยานเกราะล้อยางทั้งหมดจะจัดบรรจุไว้ในกองพันทหารราบยานเกราะ เข้าประจำการใน กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
 
 
 
 

ราคาแต่ละรุ่นที่พี่ๆเชียร์เกินเอื้อมทั้งนั้นครับ มีT90ที่พอมีลุ้น

นึกว่าจะเอา BTR-3E1 ไปทดสอบแถวชายแดนซะอีก   ::001::

 ;D T-84 OPLOT-M ของยูเครน ผมก็ว่าน่าสนใจดีนะ แม้จะใช้ปืน 125 มม. แต่ก็น่าจะสามารถเปลี่ยนใช้ปืนขนาด 120 มม. และใช้กระสุนมาตรฐานนาโต้ได้ เพราะมีการติดตั้งและทดสอบกับรุ่น T-84-120 ;D
(http://www.military-today.com/tanks/oplot_m.jpg)
http://www.military-today.com/tanks/oplot_m.htm (http://www.military-today.com/tanks/oplot_m.htm)
http://en.wikipedia.org/wiki/T-84 (http://en.wikipedia.org/wiki/T-84)

คนสูงหรือรถเตี้ยครับ

สวยเลยครับพี่ใหม่ เตี้ยกว่าม๊อคคาวาอีกมั้งเนี่ย... ::002::

รบกวนถามพี่ใหม่ครับ T-84 OPLOT-M ของอูเครนรุ่นนี้พัฒนาเองหรือว่าเป็นของพี่หมีครับ

 ;D พื้นฐานจาก T-80 ของรัสเซียนั่นแหละครับ แต่ระบบต่าง ๆ มาพัฒนาเองก็เยอะครับ ;D

ขอบคุณคร้าบ

 ;D ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ OPLOT คือ น้ำหนักเพียง 46 ตัน เบากว่ารถถังหลักอื่น ๆ ที่หนักใกล้ ๆ 60 ตันหรือมากกว่า น่าจะใช้ในภูมิประเทศในบ้านเราได้ดี โดยเฉพาะหน้าฝน ;D

Ukrainian tank OPLOT-M / Украинский танк ОПЛОТ-М (http://www.youtube.com/watch?v=L-8DEfJ1DKA#)

Ukrainian main tank BM OPLOT // Український основний танк ОПЛОТ (http://www.youtube.com/watch?v=Gj4dVTyuxJU#)

oplot (http://www.youtube.com/watch?v=moOJR5coI0k#)

oplot presentation DivX (http://www.youtube.com/watch?v=KMH0bDk_pq4#)

Film MBT Oplot firing on the move only song 2 (http://www.youtube.com/watch?v=mnnjcHDbZX4#)

พอดีเมื่ิอวานอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก เรื่อง แพ็คเกจซื้ออาวุธ 10 ปีของ ทบ.

เห็นว่าจะซ่อมรถถัง FV-101 Scorpian ให้กลับมาใช้งานได้ครบทั้ง 153 คัน (ปัจจุบันใช้ได้แค่ 53 คัน)

พี่ๆทั้งหลายว่าถ้าซ่อมมาใช้งานแล้วจะคุ้มค่าไหม หรือ น่าจะซื้อใหม่ไปเลยดีกว่า

และอีกเรื่องคือการจัดหารถถังมาทดแทน รถถัง M-41 Walker Bulldog โดยมี Spec. ไว้ว่า

ต้องมีความทันสมัย น้ำหนักพร้อมรบไม่มากกว่า 40-56 ตัน ระยะปฎิบัติการ ไม่ต่ำกว่า 500 กิโลเมตร

ความเร็วในภูมิประเทศไม่ต้ำกว่า 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีระบบ Stabilizer ปืนหลักขนาด 120 มิลลิเมตร

มีคอมพิวเตอร์ระบบดิจิตอลควบคุมการปรับแบบอัตโนมัติ และต้องเป็นรถถังที่ยังคงมีอยู่ในสายการผลิต และ มีประจำการในประเทศผู้ผลิต

พี่ๆว่าตาม Spec. นี้มีรุ่นไหนที่พอจะเข้าตากรรมการมั่งครับ

ต้ายเข้าทาง t-84  120 ม.ม. ของยูเครนเลยอ่ะ  เพิ่งได้รถเกราะจากยูเครนมาด้วย  ::005::  แต่ t-90 ก็น่าสนนะครับ แต่ปนหลักมัน 125 ม.ม.... ::002::

T-84 OPLOT-M แค่เห็นก็หลงรักแล้วครับเตี้ยๆยังงี้หลบกระสุนดีนัก น้ำหนักเบาแต่การป้องกันก็ไม่ได้ด้อย

 ;D Scorpion นั้นถ้าใช้งานได้ก็ดีครับ ยังมีประโยชน์ทางยุทธการอยู่ โดยเฉพาะเป็นอาวุธสนับสนุนทหารราบในการเข้าตีเป้าหมายที่มีอันตรายไม่สูง ขนาดเล็ก มีความคล่องตัว ;D
 ;D จากเสปคที่กำหนด นั่นน้อง ๆ รถถังหลักเลย ซึ่งรถถังตระกูลรัสเซียน้ำหนักผ่านหมด ที่ส่วนใหญ่หนักเพียง 42-48 ตัน เว้นเสียแต่ปืนหลักขนาด 120 มม. รถถังรัสเซียยังไม่มีให้เห็น แต่จะเห็นได้ในรถถังที่มีพื้นฐานรถถังรัสเซียที่ผลิตในประเทศอื่นเช่น OPLOT ของยูเครนหรือ Type 96 จากจีน รถถังหลักอีกแบบหนึ่งที่เสปคผ่าน คือ K1/A1 และ K2 Black Panther (เริ่มเข้าประจำการปีที่แล้ว) ของเกาหลีใต้ แต่ก็มีราคาแพงกว่ารถถังจากยูเครนหรือจีน ;D
 ;D จะว่าไป เสปคเข้าทางยูเครนนะเนี่ย ;D

เอาที-๙๐ แล้วสั่งพิเศษให้ยิงลูกโดดได้... อุ๊ย... สั่งพิเศษติดปืน ๑๒๐ มม. แทน... โรงงานเขาจะทำให้มั๊ยน๊า... ::005:: ::005:: ::005::

กระสุน ๑๒๐ มม. กับ ๑๒๕ มม.  แตกต่างยังไงครับ  อย่างไหนดีกว่ากัน  ทำไมเราต้องจำกัดขนาดเฉพาะ ๑๒๐ มม. ครับ   ::014::

ด้วยความรู้เท่าหางอึ่งของผมนะครับ   ;D ;D

1.มันเล็กกว่าแต่อำนาจการทำลายล้างทะลุทะวงเกราะรถถังข้าศึกพอๆกัน
2.ลูกเล็กกว่าเลยบรรทุกได้มากกว่า ได้เปรียบ
3.ราคาน่าจะถูกกว่า

เดานะครับ 120 mm เป็นกระสุนปืนมาตรฐานนาโต้ครับ 125 ของรัสเซียวอซอเก่าครับ

เคยเห็น รูปรถถัง M60 ที่อิสราเอลเอาไปพัฒนา เสริมเกราะ

อยากให้ไทยเราน่าทำบ้างนะครับ  ....   :D

ไทยน่าจะมีครับ แต่ภาวะแบบนี้เลยขอติดรูปไว้ก่อนครับเดียวมีคนไปบอกข้าศึก ::014::

คันนี้อะป่าวเอ่ย

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8f/M60A1-Patton-Blazer-latrun-2.jpg/800px-M60A1-Patton-Blazer-latrun-2.jpg)

 ::014:: รับทราบครับ    :D
 

(http://www.thpic.com/if/20110203210422-8766.jpg)
FV 101 CVR(T) Scorpion

Scorpion เป็นรถถังอังกฤษครับ ตอนจัดซื้อก็ถูกวิจารณ์อย่างมากว่าจะเข้ากับระบบเราที่เป็นอเมริกันได้หรือเปล่า
แต่ไป ๆ มา ๆ Scorpion ก็มีส่วนร่วมในหลาย ๆ สมรภูมิทำเอาข้าศึกเละตุ้มเปะมาแล้ว Scorpion ติดปืนขนาด ที่ดูรูปร่างแล้วตลก ๆ (แต่คนโดนยิงตลกไม่ออก)
ที่จริงเค้าจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของรถประเภท "รถรบลาดตระเวนสายพาน" หรือ Combat Vehicle Reconnaissance (Tracked): (CVR(T)) Scorpion
ติดปืนขนาด 76 mm. ครับ ไทยมีประจำการประมาณ 150 คัน

ได้มีวาสนานั่งลงน้ำมาแล้วครับ  ตอนฝึก นศท.ปี5  พี่ๆที่ ม.พัน8 เขาจัดให้... ::002:: ::002:: ::002::

เธอนั่งคนเดียวก็เต็มพิกัดบรรทุกแล้วใช้ปะ :DD

ต้าย...เขานั่งที่ป้อมปืนหรอกย่ะ...ผล เปียกหมดเลย... :~)

 ลองคิดเล่นๆ ถัง ที่นำไปทำปะการังเทียม    ถ้าทำสีใหม่ ยกไปจอดเลียงไว้ตามแนวชายแดนเขมร  :P

  ความดิดดีครับ ::002:: ::014::

ตาย ห่........ นี่ถ้าเกิดลงไปแล้วไม่โผล ต้องโทษเธอนั้นแหละที่ทำให้น้ำหนักบรรทุกเกิน........ทำมั๊ยพี่จ่าเขาไม่หมุนป้อมปืน ฟร๊ะ(ขออภัยครูภาษาไทยด้วยครับ ::014::)  :DD


ไม่เกิน 7 วันก็โดนแยกชิ้นส่วนหายหมดครับ ::005::

                 ลืมคิดเรื่องนี้ไป เสาไฟฟ้ากองอยู่ข้างถนน ยังโดนย่อยเอาเหล็กซ่ะเกลี้ยงเลย  :OO

                 ผมว่าทำเป็นสนาม BB ขนาดใหญ่ก็น่าสนน่ะครับ  ยิงกันทุกอาทิตย์ เขมรเขามาสอดแนมนี่ มีหนาว
                 ซ้อมรบกันทุกวัน ทุกอาทิตย์   ::005::

ปืน  bb ดีๆทั้งนั้น มีน้องผู้หญิงเล่นด้วยในสนาม  bb คงคิดว่าคนไทยบ้าสงคราม ::005:: ::007:: ::014::

เขมรมันเดินเข้าออกไทยตลอดคงจะลวงยากล่ะครับ อีกอย่างผมเคยไปเดินดูปืนBBแถวคลองถมลูกจ้างร้านขายปืนBBมันเป็นคนเขมรทั้งนั้น บางร้านเจ้าของพูดภาษาเขมรซะด้วยครับ ::005::

ออ คงรู้ทันแล้วมุกนี้ห้ามใช้ครับ :VOV: ::008:: ::014::

สงสัยงานนี้รถถังใหม่จะไม่ได้ออกลุยซะแล้วครับ เพราะเริ่มเปิดฉากลุยกันแล้ว

ซีซ่าครับ ;D


http://www.army-technology.com/projects/caesar/ (http://www.army-technology.com/projects/caesar/)  ถล่มซะ ::002::

วันนี้เห็นข่าวแว๊บใน ไทยรัฐว่ากองทัพเรา เริ่มส่ง M-60A3 ไปยังชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว

http://www.thairath.co.th/content/region/147949 (http://www.thairath.co.th/content/region/147949)

http://www.thairath.co.th/content/pol/147860 (http://www.thairath.co.th/content/pol/147860)

ถ้าปรบปรุงจริงน่าจะเปลี่ยนปืนด้วยนะครับ
http://www.army-technology.com/contractor_images/cmi/cmi1.jpg (http://www.army-technology.com/contractor_images/cmi/cmi1.jpg)

ดูคลิปแล้ว พวกที่โดนสงสัย จะหนักครับ  ซีซ่านะครับ

(3)NEXTER CAESAR - Artillery Operational and unrestricted ! (http://www.youtube.com/watch?v=ui3nHSj9Ag4#ws)

ผมตาฝาดรึเปล่า  ครั่งแรกที่ยิง ใส่กระสุน 2 นัด  :OO

ทำได้แบบนี้ M 109 ดูโบราณไปเลย  ::012::

น่าจะเป็นการถ่ายรถคนละคันมากกว่าครับ

คนละกระบอกครับ... สังเกตุคนแบกกระสุนมาใส่ราง... กระบอกแรกผิวดำ... กระบอกที่สองผิวขาว... ;D ;D ;D

ผมว่าตัดต่อครับ ขืนใส่ 2 นัด ดับเบิ้ลชาดมีระเบิดแน่ครับ ::008:: ::014::

คนถ่าย  ๆ ตอนใส่กระสุนของรถสองคันมากกว่าครับ   ;D

ขอถามหน่อยครับ ผมได้ข่าว(ไม่รู้มั่วป่าว) ว่าไปกันจะขาย M1 abram ให้เรา

อ่านมาจากในพันทิป ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร